บทที่ 3 ไม่เจอกันเลย
วันต่อมา 15:00
ต้นตาลเดินถ่างขากลับไปล้มตัวนอนบนเตียงในห้องพัก วันนี้เธอขอพี่เปรี้ยวเข้างานตอนสี่โมงครึ่ง ด้วยรู้สึกไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้เอาให้ได้ สาเหตุก็เพราะเมื่อคืนนั่นแหละ หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอเขาเธอก็กลับห้องตัวเองทันที ทั้งที่จะนอนพักที่นั่นแล้วค่อยกลับก็ได้ แต่รู้สึกละอายใจตัวเองจึงกลับมานอนซมที่ห้องดีกว่า
เมื่อคืนนับไม่ได้ว่าเขาเสร็จกิจไปกี่รอบแล้วเธอเสร็จไปกี่รอบ รู้ตัวอีกทีก็ลากสังขารตัวเองกลับมาถึงห้องแล้ว ดีหน่อยที่ได้นอนพักไปหลายชั่วโมง แต่พอตื่นขึ้นความเมื่อยล้ากลับเล่นงานซะได้ ทั้งเจ็บแสบตรงกลางกายอีก
“มีเซ็กซ์ครั้งแรกอย่างกับไปรบมา คนอื่นเขาเป็นเหมือนเราไหมวะ” ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงดันตัวลุกขึ้นมานั่งห้อยขาขอบเตียงแล้วเลื่อนจอรับสาย
(ตาลไม่มาทำงานเหรอ เธอกะดึกนะวันนี้)
“วันนี้ขอลาป่วยกับหัวหน้าแล้วอะ ตาลไม่สบาย”
(จริงเหรอ หรือว่าแกจะลาออกแล้ว)
“ไม่รู้สิ”
(แล้วทำงานที่นั่นวันแรกเป็นไง เงินดีจริงปะ)
“ก็...” ต้นตาลหันมองกระเป๋าสะพาย แล้วเดินไปเปิดดูเงินสดในนั้น “ก็โอเคอยู่นะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า แต่ต้องหายไปเพราะคำพูดถัดมาของเพื่อน
(ไม่ใช่อะไร ฉันได้ยินมาว่าพวกผู้หญิงในคลับที่ได้เงินเยอะๆ มักจะขายตัวด้วย)
“เหรอ”
(อือ แกก็ระวังด้วยนะ)
“อืม ขอบคุณมากนะ” ต้นตาลเป็นฝ่ายวางสายก่อน เธอมองเงินก้อนแรกในมือตัวเองทั้งที่สมองครุ่นคิดตามคำพูดของเพื่อน “หรือฉันเป็นแบบนั้นไปแล้วจริงๆ” แต่เธอปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทำอีกแล้ว มันไม่ใช่ความผิดพลาด เพราะเธอและเขาต่างฝ่ายต่างสมยอมกันทั้งคู่
เช้าของอีกวัน
ต้นตาลมาทำงานตามปกติ วันนี้รุ่นพี่แลกกะกับเธอ เธอจึงต้องมาเข้างานเช้ากว่าปกติ และอยู่โซนหลังร้านสะดวกซื้อคอยเติมของเหมือนเดิม
“ตาล”
“ว่าไง” หญิงสาวตอบรับทั้งที่ยังไม่เงยหน้ามองเพื่อน “มีไรเหรอ” เพราะคนเรียกเอาแต่เงียบเธอจึงเงยหน้าถามอีกครั้ง
“ไปยืนเคาน์เตอร์แทนฉันแบบดิ ปวดท้องน่ะ”
“อืมๆ” หญิงสาวเดินนวยนาดไปประจำเคาน์เตอร์คิดเงินรอเพื่อน ระหว่างนั้นก็สอดส่องสายตาไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีลูกค้าในร้านกี่คน ตอนดึงสายตากลับมามองลูกค้าที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ต้นตาลสะดุ้งก้าวถอยหลังจนสะโพกชนกับตู้ด้านหลัง มันเจ็บไม่น้อยแต่เธอกลับโฟกัสที่คนด้านหน้าเคาน์เตอร์มากกว่า
“ถุงยางไซซ์ห้าสิบเก้าหมดเหรอ”
“...”!
“ไม่ได้ยินที่ถามเหรอ”
เขาทำเหมือนไม่รู้จักกันอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อวันก่อนเองนี่นา
“มะ มีค่ะ เดี๋ยวไปเอามาให้นะคะ” ต้นตาลกะพริบตาสองครั้ง ตั้งสติได้แล้วจึงเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบกล่องถุงยางอนามัยออกมาให้เขา “นี่ค่ะ”
“เอา MARLBORO GREEN ด้วยซองหนึ่ง”
“ค่ะ” เธอวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์แล้วหันหลังให้ชรัณเพื่อหยิบบุหรี่ให้เขา จังหวะนั้นเพื่อนก็กลับมาพอดีเธอจึงพยักหน้าฝากให้เพื่อนจัดการต่อ ต้นตาลเดินไปหลบหลังชั้นวางของหน้าตู้เครื่องดื่ม แอบมองเขาอยู่ห่างๆ พลางคิดในใจ
เขาจำกันไม่ได้จริงๆ เหรอ หรือว่าเขาจงใจและทำเป็นจำกันไม่ได้ หรือว่าเขาไม่เคยจำหน้าผู้หญิงที่ร่วมหลับนอนด้วยเลยสักคนนะ
คำถามผุดขึ้นในหัวราวดอกเห็ด กระทั่งชรัณเดินออกไปจากร้าน
“ตาลแกยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ”
“อะ อ๋อพอดีจัดขนมน่ะ”
“อ๋อ”
บ้าน่า สีหน้าเขาเย็นชาจนน่าใจหาย เหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน
“ไม่คิดๆ ไม่เอาไม่คิด” ใบหน้าจิ้มลิ้มสะบัดไปมาเบาๆ ไล่ความคิดในหัว “หรือว่าเราไม่แต่งหน้า เขาเลยจำไม่ได้” โอ๊ย...ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงต้องไปหัดแต่งหน้าแล้วแหละ
ช่วงเย็น พอเลิกงานแล้วต้นตาลก็รีบไปทำงานในคลับต่อ
“น้องตาลลูก....” เสียงแหลมปรี๊ดของพี่เปรี้ยวดังขึ้นก่อนพี่เขาจะมาถึงตัวเธอซะอีก “ไม่ได้คุยกันเลยลูก ว่าแต่วันนั้นหนูไปกับคุณชัชน่ะ ไม่ได้มีอะไรใช่ไหมลูก”
“เอ่อ ไม่มีนะคะ” ต้นตาลโกหกคำโต “แค่ไปดื่มเป็นเพื่อนเขาจริงๆ ค่ะพี่เปรี้ยว”
“แม่ใจจะขาด อยากโทรไปถามแต่ก็เกรงใจคุณชัชเขา ไม่มีอะไรก็ดีแล้วค่ะ งั้นไปแต่งหน้าทำผมเถอะ”
“ค่ะๆ” พอหันหลังให้รุ่นพี่เธอก็ถอนหายใจออกอย่างโล่งอก แล้วรีบไปเปลี่ยนชุดแล้วแต่งหน้าทำผมต่อจนเสร็จสรรพทุกอย่าง พอถึงเวลาทำงานพี่เปรี้ยวก็คอยป้อนงานให้เธอตลอด แต่ลูกค้าคนเดียวที่เธอรอกลับไม่เห็นแม้แต่เงาเขา
“ต้นตาล”
“ค่าพี่เปรี้ยว”
“ยืนมองหาอะไรเหรอลูก”
“เปล่าค่ะ”
“ไปดื่มกับลูกคนนั้นหน่อย”
“ค่ะ” เธอเดินไปนั่งกับแขกผู้ชายซึ่งมาดริ๊งก์คนเดียวอยู่หน้าบาร์ “สวัสดีค่ะ ให้ตาลช่วยอะไรไหมคะ”
“นั่งเป็นเพื่อนผมก็พอครับ อยากดื่มอะไรก็สั่งเลยนะ ผมเลี้ยงเอง”
“ค่ะ” เธอสั่งคอกเทลไม่ผสมแอลกอฮอล์มาดื่มเป็นเพื่อนเขา แต่คงมองขึ้นไปบนชั้นสองบ่อยเขาถึงหันมาถาม
“มองหาใครอยู่เหรอครับ หรือว่ามีลูกค้าประจำ?”
“เปล่าค่ะ”
“ชั้นสองมีแต่ลูกค้าวีไอพี ถ้าได้ไปบริการลูกค้าบนนั้นคงได้ทิปเยอะ”
“มั้งคะ” ต้นตาลส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “มาดื่มคนเดียวบ่อยเหรอคะ”
“ก็ไม่นะครับ แต่วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยมาดื่มคนเดียว”
“มาดื่มคนเดียวแต่เรียกเด็กนั่งดริ๊งก์มานั่งด้วยเนี่ยนะคะ”
“บางทีเราก็อยากมีเพื่อนคุยนะครับ คุยกับคนแปลกหน้าก็ให้อารมณ์แบบจะพูดอะไรก็ได้ เพราะเราไม่ได้รู้จักกัน พูดไปแล้วก็จบแค่ตรงนี้”
“ก็จริงค่ะ แล้วคุณมีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังไหมคะ”
“อย่าเลย แค่นั่งดื่มกับผมก็พอครับ เดี๋ยวถ้าผมเล่าคุณจะปวดหัวเอาได้”
ทั้งสองหัวเราะขบขัน เวลาล่วงเลยไปหลายนาทีกระทั่งพี่เปรี้ยวมาพาตัวต้นตาลไปหลังร้านเพื่อให้เธอพัก
“พี่เปรี้ยวคะ”
“ว่าไงลูกสาว”
“เอ่อ...”
“คุณชัช?”
“ทำไมรู้ว่าตาลจะถามหาเขา”
“แหมลูก ก็หนูเล่นมองหาเขาตลอดแบบนี้ใครก็เดาออก ถ้าจะถามว่าเขาไม่มาเหรอพี่ก็จะตอบว่าไม่มาหรอก และไม่รู้ด้วยว่าเขาจะมาวันไหน”
“อ้าว...แล้วไหนบอกเขาเป็นลูกค้าประจำ ไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ หรอกเหรอคะ”
“เมื่อก่อนมาบ่อยมาก เด็กในร้านเรารวยเลยล่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไปๆ มาๆ นาน....” พี่เปรี้ยวลากเสียงยาวมาก “กว่าจะมาที่นี่อีก วันดีคืนดีก็มานั่งแป๊บๆ ก็กลับ เหมือนวันนั้นไง วันที่หนูไปดื่มกับเขาข้างนอกน่ะ”
“ค่ะ” เป็นอย่างนี้สินะ เขาคงมาดื่มเพื่อหาคนไประบายอารมณ์ด้วยกัน ก็เลยไม่ได้มาคลับบ่อยนัก “งั้นตาลไปเปลี่ยนชุดเลยนะคะ”
“จ้ะๆ เดี๋ยวพี่มาหา”
“ค่ะ”
ต้นตาลเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ออกมานั่งมองเงาตัวเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่
“เรามีโอกาสได้เจอกันอีกไหมนะ หรือมันจะจบลงแค่นี้” เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นภายในห้องแต่งตัวซึ่งมีแค่เธอนั่งเท้าคางอยู่คนเดียว หลังจากทำงานเสร็จต้นตาลก็กลับห้อง วันนี้ได้ทิปไม่ถึงห้าพันด้วยซ้ำ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ครืด~ ครืด~
“ค่ะพี่เปรี้ยว”
(หนูลืมของอยู่ที่ร้านไหมลูกสาว)
“ของ ของอะไรเหรอคะ” เธอค้นดูของในกระเป๋าผ้าทันที “อุ๊ย! หนูลืมที่ชาร์จแบตโทรศัพท์กับลืมรองเท้าค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอานะคะ” ดันใส่รองเท้าของที่ทำงานมาซะได้ แต่รองเท้าตัวเองดันถอดไว้ที่ทำงานโน่น
(ได้ๆ เดี๋ยวพี่เอาไว้ให้แล้วกัน)
“ค่ะ เดี๋ยวตาลรีบไปเลย”
เธอวางสายจากพี่เปรี้ยวแล้วหันหลังวิ่งกลับไปยังคลับ ดีนะที่เดินออกมาไม่ไกลมากนัก หากกลับถึงห้องแล้วไม่มีที่ชาร์จแบตคงแย่แน่ หากบนโลกนี้ไม่มีความบังเอิญก็ดีสิ เธอหยุดชะงักยืนอยู่กับที่ เหลียวมองรถ BMW คันคุ้นตาขับผ่านหน้าไป
“พี่ชัช”
นั่นรถเขาไม่ผิดคันแน่นอน
“เขาเข้ามาในคลับด้วยเหรอ ก็ไหนพี่เปรี้ยวบอกว่า...” เดาทางยากกว่าซื้อหวยให้ถูกอีกนะ แวบไปแวบมาเป็นผีหรือไงเนี่ยพ่อเพลย์บอย ต้นตาลรีบเดินต่อจนได้ของที่ลืมไว้ครบ
ระหว่างทางเดินกลับห้องพัก ในหัวคิดแต่เรื่องชรัณ ถ้าตาไม่ฝาดเธอเห็นเบาะข้างคนขับมีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วย
“เขาเป็นเสือผู้หญิงนี่นา ก็คงมาหาสาวสวยไปปรนเปรอตามนิสัยหนุ่มเจ้าสำราญนั่นแหละ แกจะไปคิดมากแทนคนอื่นทำไมยายตาล” กำปั้นน้อยๆ ตีศีรษะตัวเองสองครั้งไม่แรงมาก เดินมาจนถึงร้านโจ๊กเปิดดึกเธอก็เลยฝากท้องกับโจ๊กหมูพิเศษซะเลย
เฮ้อ...
ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่มๆ ด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะผล็อยหลับไปในเวลาต่อมา
สองอาทิตย์ต่อมา
ตั้งแต่เจอกันครั้งสุดท้ายที่ร้านสะดวกซื้อครั้งนั้น เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย เขาหายไปเหมือนตายจาก ไม่เห็นแม้เงาที่คลับ หรือแวะเวียนมาซื้อของในร้านอีก
“เฮ้อ” ต้นตาลถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน จนเพื่อนซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามกันอดที่จะถามไม่ได้ “มีไร” เธอละสายตาเหม่อลอยจากการมองอย่างไร้จุดโฟกัสมามองหน้าเพื่อน
“แกเหม่ออะไร กินข้าวได้แล้วน่า”
“เปล่าหรอก แค่กำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“มีไรหรือเปล่า แกเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ”
คนเพิ่งรู้ตัวว่าถูกจับสังเกตถึงกับรีบยกมือขึ้นมาโบกไปมาก
“เปล่าๆ ฉันไม่มีอะไร แกคิดมากไปเองหรือเปล่าเนี่ย ปกติฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไหม”
“ไม่จริงสักนิด แกเหม่อบ่อยนะช่วงนี้ ตั้งแต่ไปทำงานที่คลับ แกน่าจะหาเวลาพักบ้างนะตาล”
“คงงั้น ฉันคงทำงานหนักเกินไปจนเหม่ออย่างที่เธอบอก”
“อืม”
“เออนี่”
“ว่า?”
“ฉันว่าจะลาออกแล้วนะ พอมีเงินเก็บบ้างแล้ว คืออยากไปสมัครเรียนต่อน่ะ”
“จะดีเหรอแก เรียนก็ต้องใช้เงินแล้วไหนจะทำงานอีกนะ ร่างกายแกไหวเหรอยายตาล”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวสิ”
“คิดดีๆ ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจนะ” ฝ่ามือเรียวตบบ่าต้นตาลเบาๆ “ฉันเป็นห่วง”
“อือ”
@ไนต์คลับ 19:00
ต้นตาลนั่งประทินผิวพรรณอยู่หน้ากระจก วันนี้เธอเชื่องช้ากว่าวันไหนๆ รู้สึกเหนื่อยล้าร่างกายและสมอง อาจจะด้วยคิดมากกับเรื่องงานและเรื่องเรียนต่อ ยังลังเลใจอยู่ว่าจะทำงานต่อไปหรือลาออกไปสมัครเรียนต่อดี ทั้งสองทางก็เป็นดั่งความฝัน หากละทิ้งมันทั้งสองทางก็นึกเสียดายความเพียรพยายามที่ตนสร้างมา
“ลูกสาว ถอนหายใจสิบกว่ารอบแล้วนะคะ เป็นอะไรเหรอ” พี่ปรางเกี่ยวผมไปทัดหูให้ต้นตาลพลางเลิกคิ้วให้ “ยังไง เล่าได้นะลูก”
“ตาลกำลังลังเลใจกับเรื่องหนึ่งอยู่ค่ะ”
“เรื่อง?”
“เรื่องเรียนกับเรื่องงานค่ะ”
“แล้วหนูคิดยังไงล่ะ เรียนก็สำคัญนะลูก แต่จะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยหนูทำไหวใช่ไหม”
ไม่ได้ช่วยให้เบาใจเลยสักนิด เธอกำลังคิดไม่ตกกับสิ่งที่พี่ปรางพูดมาทั้งหมดนั่นแหละ
“เอาไว้ตาลจะกลับไปนอนคิดสักเดือนก่อนนะคะ แล้วจะบอกว่าเลือกทางไหน”
“จ้า นี่เสร็จยัง ถ้าเสร็จแล้วก็ไปทำงานกันเถอะลูก”
“ค่ะ” เธอต้องเรียกความมั่นใจให้ตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มให้กับเงาในกระจกแล้วไปสู้งานต่อ
เวลาร่วงเลยมาถึงตีหนึ่งซึ่งต้นตาลยังคงทำงานอยู่ในคลับ วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเท่าไรเลยได้พักบ้าง
“น้อง”
“คะ” ใบหน้าสวยหันขวับไปมองยังต้นเสียง “มีอะไรเหรอคะ”
“เราคิดจะทำงานที่นี่นานแค่ไหนเหรอ” จู่ๆ รุ่นพี่ซึ่งไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนก็เดินเข้ามาถามเธอ จำได้ว่าเคยสวัสดีพี่เขาเมื่อตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ เพราะไม่มีใครสนใจกันเธอจึงไม่ได้ใส่ใจเพื่อนร่วมงานมากนัก ยกเว้นพี่เปรี้ยวกับพี่ปราง
“ถามตาลเหรอคะ”
“อืม”
“ก็คงอีกพักใหญ่ค่ะ ตาลอยากเก็บเงินให้ได้เยอะๆ ก่อน เพราะตอนนี้ยังมีแรงทำงานเลยไม่อยากทิ้งตรงนี้ไปค่ะ”
“ดีนะ มีความฝันแล้วก็ขยันทำงานด้วย”
“ค่ะ แล้วพี่ทำงานที่นี่นานแล้วเหรอคะ” เธอเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง สร้างมิตรไว้ดีกว่าสร้างศัตรู
“นานแล้ว แต่จะลาออกแล้วล่ะ”
“ทำไมเหรอคะ งานไม่ดีหรือว่าลูกค้าลวนลามพี่”
“เปล่าหรอก งานดีเงินดีแต่....” พี่เขาดูไม่ค่อยมั่นใจเลย เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาต้นตาล “พี่ท้อง”
“...”! พับผ่า! ทะ ท้องงั้นเหรอ เธอทำได้เพียงเก็บปากเงียบกริบอุทานในใจแทน แล้วต้องถามอะไรต่อล่ะทีนี้ “พี่...”
“พี่ท้องกับลูกค้าคนหนึ่ง เขาขอพี่แต่งงานแล้วด้วย”
เกมพลิกแบบพลิกตลบไปหลายรอบ ในหัวต้นตาลคิดว่าพี่เขาคงท้องแล้วไม่มีใครรับผิดชอบแน่ๆ แต่พอรุ่นพี่เขาพูดจบประโยคนั้นเธอก็โล่งอกไปกับรุ่นพี่ด้วย
“ตาลดีใจด้วยนะคะ”
“เขาขอพี่แต่งงานก็จริง แต่ทางครอบครัวเขาไม่ได้ชอบพี่หรอก พอครอบครัวเขารู้ว่าพี่ทำงานที่นี่ก็ต่างดูถูกดูแคลนกัน ก่นด่าสารพัดว่าพี่เป็นผู้หญิงขายตัว ไม่มีหัวนอนปลายเท้าบ้าง”
คนฟังสะอึกทุกคำที่รุ่นพี่พูดออกมา แล้วถ้าวันหนึ่งเธอมีแฟนล่ะ แล้วแฟนจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าเธอทำงานที่นี่ เป็นเด็กนั่งดริ๊งก์
“พี่ท้อใจและไม่อยากทำให้เขาด่างพร้อยแล้วล่ะ”
“แต่พี่สองคนรักกันนี่คะ”
“ก็จริง แต่ความรักมันเปราะบางมากนะตาล หัวเดียวกระเทียมลีบอย่างพี่สู้คนในครอบครัวเขาไม่ได้หรอก”
“พี่...” เธอกุมมือให้กำลังใจรุ่นพี่ เพียงไม่กี่นาทีที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง และก็เป็นไม่กี่วินาทีที่ต้นตาลมีความรู้สึกหลากหลาย ทั้งยินดีทั้งเศร้าปะปนกันไปหมด “ตาลเอาใจช่วยนะคะ”
“ขอบคุณมากนะ แล้วเราเถอะ”
“คะ”
“เห็นมาทำงานวันแรกก็ไปกับคุณชัชแล้ว”
“...”!
“พี่รู้ว่าเราไปทำอะไร ไม่ได้ไปดื่มอย่างเดียวหรอกใช่ไหม”
“เอ่อ....มันเป็นครั้งแรกของตาลเลยค่ะ”
“ถามจริง นี่เรายอมให้ผู้ชายแบบนั้นพรากครั้งแรกไปจริงดิ”
“ตาลว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่คะ คนเรากว่าจะเจอคนรักจริงสักคนก็ไม่น่าจะเวอร์จิ้นแล้ว แต่ถ้าเสียซิงไปแล้วแล้วได้คนที่เปิดซิงเราเป็นพ่อของลูกก็ดีสิ” เธอพูดให้เป็นเรื่องตลกได้ยังไง ทั้งที่ในใจยังคะนึกหาเขาคนนั้นไม่หยุด
“เราเนี่ยนะ ระวังไว้ก็ดีนะตาล”
“ขอบคุณนะคะ ตาลจะระวังให้ดีที่สุดเลยค่ะ”
“เสือผู้หญิงแบบคุณชัช เขาคงไม่มารับผิดชอบเราหรอก ถึงมีผู้หญิงแบกหน้าไปบอกว่าท้องกับเขา เขาก็คงไม่รับเป็นพ่อเพราะคนพวกนี้ป้องกันดียิ่งกว่าอะไร”
“...”! หัวใจเธอหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ป้องกันดีอะไร วันนั้นเขายังถอนถุงยางออกแล้วบอกจะหลั่งนอกอยู่เลย
“เป็นไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ จะเลิกงานแล้ว”
“ค่ะๆ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่” พอรุ่นพี่เดินออกไปพ้นสายตา รอยยิ้มทะเล้นบนใบหน้าก็หายไป คิ้วสองข้างเริ่มขมวดแน่น “คืนนั้นเขาหลั่งนอกกี่ครั้งนะ” ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกเสียแล้วต้นตาล
บทที่ 4 กังวล สองวันต่อมาต้นตาลนั่งกุมขมับตัวเองอยู่หลังร้านสะดวกซื้อในเวลาพักเที่ยง นี่ก็ผ่านมาจะหนึ่งเดือนแล้วประจำเดือนเธอยังไม่มีวี่แววจะมาเลย หากไม่ใช่เรื่องคืนนั้นเธอคงไม่กังวลมากขนาดนี้“เอาไงดีวะ จะตรวจเลยไหม” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ พยายามสะกดจิตตัวเองให้คิดเรื่องดีๆ เข้าไว้ แต่สมองมันก็คิดได้แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วพลันคิดถึงเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นขึ้นมาอีก ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิทำงานแล้วจริงๆโง่เอ๊ย! ทำไมไม่ชะล่าใจบ้างนะยายตาล เกิดเราท้องขึ้นมาจริงๆ อนาคตจบเห่แน่“ตาลๆ”“คะพี่”“มาช่วยพี่หน่อย”“ค่ะๆ ไปตอนนี้แหละค่ะ” เธอสลัดความคิดนั้นออกจากหัวชั่วคราวแล้วไปช่วยพี่ทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน วันนี้พี่เปรี้ยวโทร. มาบอกให้เธอเข้างานเร็วหน่อย เพราะวันนี้มีลูกค้าวีไอพีเข้าเยอะ ทว่าเธอกลับหวังให้ลูกค้าวีไอพีหนึ่งในนั้นเป็นเขาพอมาถึงที่ทำงานก็รีบไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผม หลังจากดูพี่ปรางแต่งหน้ามาหลายต่อหลายครั้งเธอก็ครูพักลักจำเอาเคล็ดลับดีๆ จากพี่เขามาแต่งหน้าตัวเองบ้าง พอแต่งได้น่ะ ไม่ถือกับเก่งอะไรมากนัก เอาเป็นว่าแต่งออกมาหน้าไม่ลอยเหมือนกระสือแล้วกันหลังจากแต่งหน้าเสร็จพี่เป
บทที่ 5 แจ๊กพอตแตกแม้จะเป็นขีดสีแดงจางๆ ทั้งสองขีด แต่มันก็ชัดเจนพอที่จะบอกว่าเธอตั้งท้อง! อาการที่เป็นอยู่ก็มาจากการแพ้ท้อง เธอท้อง ท้องกับชรัณ“ทะ ทำยังไงดีตาล ทำยังไงดี” เธอสติแตกทำอะไรไม่ถูก ฟุบนั่งลงกับฟูกนุ่มๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ทั้งหยิกทั้งตบตีตัวเองให้ตื่นจากฝัน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เธอไม่ได้ฝันไป “ทำไมสะเพร่าแบบนี้ยายตาล” อยากตีตัวเองให้เจ็บจะได้หลาบจำและให้ระลึกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน นึกอะไรไม่ออกสักนิดแต่ตอนนี้เธอนึกออกอย่างเดียวคือต้องไปหาชรัณ ไปคุยกับเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น“เบอร์โทรติดต่อเขาก็ไม่มี ไลน์ เฟซอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วแบบนี้จะได้คุยกับเขาไหมยายตาล” แต่ความเพลียบวกกับอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ร่างกายเธอฝืนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปทั้งที่มือยังกุมแท่งตรวจครรภ์ไว้วันต่อมาต้นตาลงัวเงียตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน อาการปวดร้าวแล่นผ่านร่างกาย“อุ๊บ!” ทันทีที่ตั้งสติได้อาการพะอืดพะอมก็เล่นงาน เธอคลานเข่าเข้าไปในห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาจนหมดแรง น้ำตาใสๆ พลันหยดอาบสองแก้ม ไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อนเลย “ทำไมมันเหมือนจะตายแบบนี้” เธอเป
บทที่ 6 ไร้ที่พึ่งพิงไม่รู้ว่าเป็นเขาจริงไหม ที่จ่ายค่าแอดมิตโรงพยาบาลให้ ราคาต่อคืนบวกกับค่ายาค่าดูแลผู้ป่วยไม่มีญาติมาเฝ้าคงหลายหมื่นแน่เลย เธอจึงไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ไปหาชรัณทันที ทว่าสัญญาณรอสายดังขึ้นจนสายถูกตัดไปเอง เธอไม่ท้อใจที่จะโทร.ไปหาอีก คราวนี้กลับติดต่อไม่ได้ แถมยังบริการฝากหมายเลขโทร.กลับอีกหรือนี่จะเป็นการรับผิดชอบของเขา จ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็จบ“แต่ตาลไม่ได้ไปมั่วกับผู้ชายคนไหนนี่คะ” ต้นตาลเบะปากร้องไห้ นั่งชันเข่าบนเตียง กอดเข่าแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้ออกมาจนพยาบาลตกใจ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ”“เปล่าค่ะ ฉันแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”“อีกเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจ นอนพักดีกว่านะคะ”“...”“แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่อีกไหมคะ หรืออาการพะอืดพะอมอยากอ้วกมีไหม”“ไม่มีค่ะ คนที่จ่ายค่ารักษาให้ เขาจะมาอีกไหมคะ” จู่ๆ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ชรัณล่ะ? หรือว่าเป็นเขานั่นแหละที่พาเธอมารักษาโรงพยาบาลเอกชน แล้วออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด@ร้านทอง“พี่ชัชขอแปรงทาสีอันเล็กหน่อยครับ”“...”“พี่ชัช” ยังนั่งนิ่ง “พี่ชัช” ก็ยังไ
บทที่ 7 รอเก้อกลางดึกต้นตาลนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ พื้นที่กว้างไม่คุ้นเคยทำให้นอนไม่หลับ พลิกไปทางไหนก็ว่างเปล่า ไม่เหมือนเตียงในห้องเช่าที่เคยนอนเลย ขนาดเตียงก็ต่างกันมาก เคยนอนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง พลิกตัวทีหนึ่งก็หลังชนกับผนังห้องแล้ว แต่เตียงนี้พลิกไปสามตลบก็ยังไม่สุดเตียงเลย“ตอนไหนจะหลับล่ะตาล” นับแกะแล้วก็ไม่ง่วง นับเลขก็ไม่มีผลอะไร ตอนนี้เธอทำเพียงนอนหงายมองเพดานห้อง นอนขบคิดเรื่องราวต่างๆ นานาจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง “พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอแล้วนี่นา” เธอหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงตรงพอดี จากนั้นค่อยข่มตาหลับ พยายามทำให้สมองโล่งและสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย08:30หลังจากตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็นั่งรอชรัณมารับไปโรงพยาบาลตามที่เขานัดไว้ ใกล้จะเก้าโมงแล้วด้วย ยังไม่เห็นเงาเขาเลย มองดูโทรศัพท์ก็เงียบกริบ หากเขาติดธุระหรือกำลังเดินทางมาก็น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ คนรอมันตื่นเต้น ไม่ใช่อะไรหรอกรอมาถึงสิบโมงเช้าเขาก็ยังไม่มาจนเธอเริ่มถอดใจไปแล้ว ต้นตาลวางกระเป๋าผ้าลายดอกไม้ใบโปรดลงบนโซฟา แล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง“รอเก้อเหร
บทที่ 8 ค้างคืน ต้นตาลเดินกลับมานั่งพักบนโซฟา เธอมองใบหน้าชรัณอยู่พักใหญ่กระทั่งเขาหันมาสบตา คนที่ไม่ทันตั้งตัวรีบหลุบตาหลบสายตาเขา“มองกันทำไม หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ”“ตาลเห็นพี่ชัชดูเพลียๆ ได้นอนบ้างไหมคะ”“นอน” ตอบคำถามแล้วก็หันไปพิมพ์อะไรในโทรศัพท์ไม่รู้ ต้นตาลจึงใช้โอกาสที่เขาสนใจโทรศัพท์เอื้อมมือไปลูบแก้ม “ทำอะไร” คนที่ไม่ชอบให้ใครสกินชีพเบี่ยงตัวหลบ“ตาลโกนหนวดให้ไหม”“ไม่ต้อง”“ตาลแค่อยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้าง”“...” เขาละสายตาจากจอมือถือมองเธอ “ฉันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับหน้า”“อ๋อ”“เธอโกนหนวดเป็น?”พูดออกไปก็กระดากปากตัวเอง เดี๋ยวจะขายหน้าเอาเปล่าๆ เคยโกนหมออ้อยตัวเองนี่นับว่าโกนเป็นไหมอะ มันก็น่าจะเหมือนกันปะ“ว่ายังไง”“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ ตาลไม่มั่นใจมือตัวเอง เดี๋ยวทำหน้าพี่ชัชเสียโฉมเอา” เธอพูดกลั้วหัวเราะเพื่อไม่ให้ดูจริงจังเกินไป “คงถนัดใช้เครื่องโกนไฟฟ้ามากกว่าสินะคะ”“อืม”“แล้วไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอคะ”“...” คราวนี้ชรัณเงียบไป เขาไม่ได้สนใจคำถามเธอ แต่กำลังง่วนอยู่กับการพิมพ์ข้อความในแชตอีก ไม่รู้ว่าคนในห้องแชตนั้นเป็นใคร แต่ดูท่าจะสำคัญอยู่เหมือนกัน เขาถึงไม่ปล่อย
บทที่ 9 ของฝากเล็กๆ น้อยๆ 08:20ต้นตาลปรือตาขึ้นมองไปรอบๆ ทั้งยังงัวเงียตื่นไม่เต็มตา ไม่เห็นแสงตะวันเล็ดลอดผ่านม่านประตูเชื่อมต่อระเบียงเธอจึงฟุบหน้าลงกับอกแกร่งอีก วันนี้รู้สึกเพลียตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลย อาจจะเพราะนอนดึกและแพ้ท้องอยู่แต่เอ๊ะ?เธอกำลังนอนอยู่บนตัวเขาเหรอ ไม่น่าใช่หรอกมั้ง ชรัณกลับไปนานแล้วเถอะ เขาไม่มานอนให้เธอกอดแนบชิดขนาดนี้หรอก เธอกอดหมอนข้างแล้วมโนว่าเป็นเขาเถอะต้นตาลพอนึกอย่างนั้นก็อยากมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้วจึงเปิดเปลือกตาหนักอึ้ง มองหมอนข้างที่ว่านั้น“พี่ชัช!” เธอตกใจกว่าเห็นผีตัวเป็นๆ ก็เห็นชรัณอยู่ใกล้ตัวเนี่ยแหละ “อะ อ้าว...” เป็นเธอที่ข้ามฝั่งมากอดเขาเอง แถมยังเบียดเขามาจนสุดขอบเตียงอีกต่างหาก “ตาลทำให้พี่ชัชตื่นเหรอ”“ก็น่าจะรู้ นอนทับกันทั้งคืนแบบนี้จะนอนหลับสนิทได้ยังไง”“แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะคะ ตาลไม่ใช่คนนอนหลับลึกสักหน่อย”“ปลุกแล้ว แต่ไม่ตื่น”หน้างี้แตกร้าวเลยไหมยายตาล“น่าจะปลุกเบาไปนะคะ”“...” ชรัณส่ายหน้าแล้วเลิกคิ้วให้ต้นตาลลุกออกไป พอได้รับอิสระก็ลุกขึ้นมาบิดกายไล่ความเมื่อยล้า แล้วก้าวลงจากเตียงนอน“อ๊ะ!” หญิงสาวหลุดเสียงอุทาน เขาถอดเสื้อผ
บทที่ 10 คำขอที่มาพร้อมข้อตกลงของชรัณ มาเวย์ไหนอีกล่ะพ่อคุณ เธอตามไม่ทันแล้วจริงๆ นะ บางวันเขาเหมือนท้องฟ้าอึมครึม บางวันก็เหมือนท้องฟ้ามีเมฆสีขาวลอยเกลื่อน และบางวันก็เหมือนท้องฟ้าโล่งไร้เมฆ ไร้แรงลม ชนิดที่ว่านิ่งได้อีก นิ่งได้มากกว่านี้อีก...“ตาลขอบคุณนะคะ สร้อยสวยมากเลยค่ะ นี่ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตังค์เนอะ” ก็พูดหยอกไหมล่ะ ทำไมต้องหันมามองกันด้วยตาดุๆ แบบนั้น “หยอกค่ะ ใครจะเอาไปขายได้ลงล่ะ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ว่าเคยมีผู้ชายให้ของขวัญด้วย” ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูก ความสัมพันธ์เขากับเธอขีดเส้นใต้แค่คำว่าพ่อแม่เท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางใจหรือความรู้สึกใดๆ นอกเหนือจากนี้แน่นอน“แล้วพี่ชัชจะกลับตอนไหนเหรอคะ”“เพิ่งมา จะให้กลับเลยเหรอ”“เปล่านะ ตาลแค่อยากรู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ต่างหาก”“พรุ่งนี้มั้ง”อะไร เขาเป็นอะไรอะช่วงนี้น่ะ ไม่ค่อยลังเลใจเลยนะ“พรุ่งนี้มั้ง ก็แสดงว่าไม่แน่ใจใช่ไหมคะ ว่าจะกลับพรุ่งนี้ดีไหมหรือว่าไม่กลับ”“...” ชรัณถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าเธอ “พูดมากน่า”“เงียบก็ได้”ภายในห้องเริ่มมีบรรยากาศมาคุเกิดขึ้น เธอและเขาต่างคนต่างเงียบอยู่คนละมุมของโซฟา แต่ผูกสายตาไว้กับภาพเคล
บทที่ 11 ไม่คาดหวัง = มีหวังวันนัดตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านมาหลายสัปดาห์ที่เธออุ้มท้องมา วันนี้เป็นวันที่หมอนัดตรวจเลือดและอัลตราซาวนด์ดูลูกในท้อง ต้นตาลแต่งตัวด้วยมินิเดรสยาวเสมอหัวเข่าสีขาวผูกสายที่ไหล่ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าซึ่งหมอนัดตอนเก้าโมงครึ่ง เธอเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย จะได้ไม่รีบร้อนมากนัก“สู้!” หญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้องพัก แต่กลับสะดุ้งจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พี่ชัช” คนที่ถูกเรียกชื่อเอียงคอมองเธอเล็กน้อย เอาจริงๆ วันนี้เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาหาด้วยซ้ำ เขาหายไปเป็นอาทิตย์เพราะติดธุระในร้านทอง ซึ่งเธอก็รับรู้มาตลอด เพราะเขาเพิ่มเธอเข้าในไลน์ส่วนตัวแล้วคอยส่งข้อความมาถามไถ่กัน บ้างก็ส่งรูปภาพมาให้ดู จึงได้รู้ว่าเขาน่ะงานยุ่งจริงๆ ไม่ได้แอบไปคั่วอีหนูที่ไหนแล้วทำไมวันนี้เขามาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ เธอไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะออกไปข้างนอก“เสร็จแล้วเหรอ”“ค่ะ แล้ว...พี่ชัชมาเอาอะไรเหรอ”“มารับเธอไปหาหมอ”“ตาลไม่ได้บอกนี่คะว่าไปหาหมอวันนี้ พี่รู้ได้ยังไง”“ก็ในใบตรวจที่เธอเอาให้ดูครั้งก่อน”อา...ถึงบางอ้อก็ตอนนี้ ที่แท้เขาก็จำวันนัดตรวจได้เพราะเธอเอาแผ่นอัลตราซาวนด์ให้ดูร