บทที่ 1 จุดเริ่มต้น
แต๊ก แต๊ก แต๊ก
ปลายนิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความส่งหารุ่นพี่ที่รู้จัก หลังจากหยุดพักเบรกกินข้าวเที่ยงอยู่หลังร้านสะดวกซื้อ ในที่พักประจำของพนักงานขายซึ่งผลัดเปลี่ยนกันประจำหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน
ต้นตาลกะพริบตาปริบ ๆ รอข้อความตอบกลับจากรุ่นพี่อย่างจดจ่อ ขณะเดียวกันก็ตักข้าวผัดป้ายเหลืองราคาแสนถูกเพราะใกล้หมดอายุเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อาหารเที่ยงแสนถูกช่วยประทังชีวิตเธอไปมื้อ ๆ เท่านั้น เงินเดือนที่หามาได้ต้องเก็บไว้จ่ายค่าห้องและค่ากิน เหลือเก็บในแต่ละเดือนก็ไม่กี่บาท เธอจึงอยากหางานเสริมเพื่อให้ได้เงินเพิ่มอีกนิดหน่อย เพราะมีความฝันว่าอยากเรียนต่อให้จบปริญญาตรี จึงจะเก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอมด้วย
“แกจะไปทำงานแบบนั้นจริงเหรอยายตาล” เพื่อนเข้างานเวลาเดียวกับเธอเอ่ยถาม จากสีหน้าก็พอรู้ว่าเพื่อนไม่ชอบเท่าไหร่ที่เธอบอกว่าจะไปทำงานในคลับ
“ก็รอให้พี่เขาตอบกลับอยู่เนี่ย ถ้าได้จริงๆ ฉันยอมทำนะ” หญิงสาวละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ไปมองหน้าเพื่อน “เปลืองตัวหน่อยแต่เงินดี”
“ฉันไม่คิดว่าแกจะมีความคิดแบบนี้”
“ยังไง ที่อยากไปเป็นเด็กนั่งดริ๊งก์ในคลับอะเหรอ”
“อือ”
“ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ มันก็คืองานและงานก็คือเงิน อะไรที่ทำแล้วได้เงินฉันรับหมดนั่นแหละ” รู้ว่าสิ่งที่พูดไปทำให้เพื่อนไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เรื่องปากท้องเธอสำคัญกว่าจะมานั่งแคร์ความรู้สึกใคร อีกอย่าง...ความสัมพันธ์ชั่วคราวกับเพื่อนร่วมงาน ต่อหน้าพูดดีแต่ลับหลังเอาเธอไปนินทากันจนปากแฉะ เธอก็เลยไม่เอามาใส่หัวให้รกสมอง
ต้นตาลเม้มปากรอจนหมดเวลาพักเที่ยง เธอกับเพื่อนกลับเข้าไปในร้านทำงานตามปกติ โดยไม่รู้ว่ารุ่นพี่ตอบกลับข้อความเธอมาในเวลาบ่ายโมงครึ่ง ซึ่งวันนี้ต้นตาลเลิกงานหกโมงเช้าอีกวันหนึ่ง
23:00
ต้นตาลลากตะกร้าใส่ของเปล่าๆ เอาไปเก็บหลังร้าน เธอจึงถือโอกาสนั้นล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมากดอ่านข้อความจากรุ่นพี่ด้วย ใบหน้าเหนื่อยล้าเริ่มมีรอยยิ้มแห่งความหวัง จุดแดงๆ ในห้องแช็ตของรุ่นพี่ทำหัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“กรี๊ด...” เธอป้องปากกรีดร้องด้วยความดีใจ รุ่นพี่ตอบกลับมาด้วยข้อความสั้นๆ ว่าให้เธอเข้าไปหาและจะสอนงานให้ เมื่อรับรู้แล้วเธอจึงรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับรุ่นพี่ เหมือนยกภูเขาออกจากอก หากไม่ได้งานนี้คงเสียดายน่าดูเลย เคยฟังจากปากรุ่นพี่ วันหนึ่งที่แกทำงานได้ทิปเกือบหมื่น เจอลูกค้ากระเป๋าหนักหน่อยก็ยิ่งได้เยอะ ส่วนเรื่องเปลืองตัวล่ะก็ เธอเองก็คิดทบทวนมาดีแล้ว มันคืองานและงานคือเงิน เมื่อรู้ตัวว่าอยู่นานเกินไปแล้วต้นตาลก็รีบเข้าไปในร้าน
16:00
หญิงสาวในชุดเดรสตัวเก่งเดินเข้ามาในคลับที่รุ่นพี่นัดเธอมาคุยเรื่องงาน ภายในคลับมืดสลัวไร้ผู้คนเดินเพ่นพ่านเพราะร้านเปิดช่วงหนึ่งทุ่ม แต่ก็มีลูกค้าวีวีไอพีโทรเข้ามาจองโต๊ะเรื่อยๆ ในคลับมีสองชั้น ชั้นล่างเป็นโซนปกติทั่วไปและมีดนตรีสดฟัง ส่วนชั้นสองเป็นโซนวีไอพีกับวีวีไอพีซึ่งแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
“ตาล”
ต้นตาลเม้มปากอย่างประหม่า แล้วหันกลับไปมองยังต้นทางของเสียง
“สวัสดีค่ะพี่เปรี้ยว” สองมือยกขึ้นไหว้รุ่นพี่อย่างนอบน้อม
“แต่งตัวน่ารักเชียว งั้นไปคุยกับพี่ที่ห้องดีกว่า”
“ค่ะ”
เธอส่งยิ้มสดใสให้พี่เปรี้ยวแล้วเดินตามหลังไปติดๆ พี่เปรี้ยวดันประตูกระจกเปิดเข้าไปแล้วพาเธอเดินไปยังมุมเคาน์เตอร์ที่ทุกคนใช้แต่งตัว ในห้องมีรุ่นพี่หลายคนกำลังนั่งประทินผิวตัวเอง ทุกคนต่างหันมามองเธออย่างไม่ใส่ใจมากนัก คงมีคนเข้าออกที่นี่บ่อย ทุกคนจึงไม่ค่อยตื่นเต้น
“นั่งเลยจ้ะ”
ต้นตาลนั่งลงบนเก้าอี้ตามคำเชิญของรุ่นพี่ ทว่าพอเธอนั่งลงแล้วก็ตกเป็นเป้าสายตาพี่เปรี้ยวทันที พี่เขามองซ้ายมองขวาแล้วจับปลายคางเชยใบหน้าต้นตาลขึ้น
“ผิวสวยนะเรา แต่ต้องแต่งหน้าสักนิดหน่อยแล้วก็หาชุดสวยๆ ใส่อีกนิดโฮ่งเลยลูกสาว”
“โฮ่ง?”
“ศัพท์กะเทยลูก อย่าใส่ใจมาก”
“อ๋อค่ะ”
“ปราง ช่วยดูแลชุดให้น้องต้นตาลหน่อยลูก”
“ได้เลยค่ะแม่”
พี่ปรางช่างแต่งหน้าทำผมประจำคลับเดินมายลโฉมต้นตาล สายตาเฉียบแหลมหรี่มองตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้า แล้วพี่ปรางก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ต้นตาลกะพริบตาปริบๆ มองหน้าพี่เปรี้ยว อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็กลัวพี่เขาหาว่าเรื่องมาก และไม่นานพี่ปรางก็กลับมาพร้อมชุดเดรสสุดเซ็กซี่
“หุ่นแบบนี้ หน้าแบบนี้...เลิศมากลูกสาว วันนี้พี่จะแต่งหน้าให้ เอาให้แขกอ้าปากค้างไปเลย!”
“ขอบคุณมากๆ นะคะพี่ปรางคนสวย”
“ปากหวานมากลูกสาว ไปๆ เดี๋ยวพี่รีบทำผมให้เราใหม่ แล้วเดี๋ยวได้แต่งหน้า”
“ค่ะ” ร่างเล็กถูกจัดแจงโดยพี่ปรางและลูกน้องพี่เขาสองคน ต้นตาลถูกจับหมุนซ้ายหมุนขวาราวกับหุ่นลองชุด พอได้ชุดใส่แล้วก็เหลือแต่งหน้าทำผม “พี่ปรางคะ”
“ว่าไงลูกสาว”
“เอ่อ...ตาลไม่เคยแต่งหน้าทำผมสวยๆ แบบนี้มาก่อนเลย”
“ไว้ใจพี่นะคะ พี่จะจัดให้สวยจนหนุ่มเหลียวหลังเลยค่ะ”
“ฝากด้วยนะคะ” บทสนทนาของสองคนยืดเยื้อ พี่ปรางตัดจบด้วยความมั่นใจในฝีมือตัวเองแล้วเริ่มนำเครื่องสำอางแบรนด์เนมของนางมาแต่งแต้มบนใบหน้านวลเนียนของหญิงสาว ปัดๆ เขียนๆ อยู่นานนางก็วางมือพร้อมกับถอยออกห่างต้นตาลหนึ่งก้าว สีหน้าตกตะลึงและการป้องปากมองหน้าต้นตาล
“สวย! สวยมาก โฮ่งมากลูกสาว”
“สวยจริง” พี่เปรี้ยวเอ่ยชมจากใจจริง “สวยมากเลยตาลลูก แบบนี้แขกให้ดริ๊งก์เยอะแน่”
“...” ใบหน้าหญิงสาวผ่าวร้อนด้วยความเขิน จากนั้นจึงหมุนเก้าอี้หันไปดูเงาตัวเองในกระจกบานใหญ่ “แกต้องมั่นใจในตัวเองนะยายตาล งานคือเงิน เงินคืองาน!”
“เก่งมากลูกสาว ไปค่ะไปเตรียมตัวกันเถอะ เดี๋ยววันนี้พี่แนะนำแขกกระเป๋าหนักให้รู้จัก”
“ค่ะพี่เปรี้ยว”
หลังจากประทินผิวเสร็จเรียบร้อย พี่เปรี้ยวก็เข้ามาสอนงานต้นตาล ว่าต้องพูดกับแขกยังไงและชงเหล้ายังไงให้ได้ทิปเยอะๆ จากแขก กระทั่งมีชายร่างสูงใส่สูทสีดำเดินเข้ามากระซิบพี่เปรี้ยวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หากแต่สายตาเขาและสายตาพี่เปรี้ยวกลับมองมาที่เธอและยิ้มกรุ้มกริ่ม ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้
“ฤกษ์ดีตั้งแต่วันแรกเลยนะเรา วันนี้แขกกระเป๋าหนักขาประจำมาร้านเราตั้งสองคน”
“ใครเหรอคะ” ต้นตาลถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัย ยิ่งพี่เปรี้ยวยิ้มกริ่มอย่างนั้นเธอยิ่งอยากรู้ว่าแขกกระเป๋าหนักนั้นเป็นใคร หน้าตาดีไหม หรือว่าเป็นเสี่ยแก่ๆ พุงย้วยแอบเมียมาหาอีหนูที่คลับ
“เดี๋ยวพี่แนะนำให้เรารู้จัก แต่พี่ขอเตือนก่อนนะว่าแขกคนนี้เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ หาความจริงใจไม่ได้ เราห้ามเผลอใจเชียวนะตาล”
“ค่ะ”
“อีกอย่างนะลูกสาว” พี่เปรี้ยวยกมือขึ้นมาลูบผมเธอด้วยความเอ็นดู นึกถึงตัวเองเมื่อตอนอายุเท่าต้นตาล ชีวิตไม่ต่างจากน้องมากนัก “ไม่มีรักแท้ในคลับนี้ คารมจากปากผู้ชายเขาก็แค่พูดดีเพราะอยากได้เราเท่านั้นจำไว้ว่ามันคืองานเท่านั้น อย่าเอาความรู้สึกไปผูกมัดกับความไม่แน่นอนของใครนะลูกสาว”
“ขอบคุณนะคะ ตาลจะจำไว้ให้ขึ้นใจค่ะ” ต้นตาลยิ้มน้อมรับคำเตือนของรุ่นพี่ “ตาลจะตั้งใจเก็บเงินแล้วไปเรียนให้จบค่ะพี่เปรี้ยว”
“ดีมากลูก ขอให้เราอย่าลืมความตั้งใจนี้ของตัวเองนะ”
เธอและพี่เปรี้ยวนั่งคุยกันสักพักหนึ่ง พนักงานเริ่มทยอยเข้ามาด้านหลังคลับเพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน ยิ่งใกล้เริ่มงานต้นตาลยิ่งประหม่า ครั้งแรกในชีวิตเธอจริงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์หนึ่งที่หาไม่ได้จากที่ไหนถ้าไม่หาด้วยตัวเอง
ใบหน้าเรียบนิ่งเต็มไปด้วยความประหม่า หลังม่านการแสดงทุกคนก็มีมุมนี้กันทุกคนและเธอก็คือหนึ่งในนั้น มือเท้าเย็นเฉียบ รู้แค่ว่าหลังจากที่เธอเดินออกไปจากตรงนี้แล้วต้องทำให้เต็มที่เท่านั้น
“น้องตาลลูก” พี่เปรี้ยวหายไปไหนมาไม่รู้นานสองนาน และพี่เขาก็เดินกลับมาด้วยรอยยิ้มหวาน ต้นตาลจึงรีบเดินไปหาพี่เขา “แขกที่พี่จะแนะนำมาแล้ว”
“ค่ะ”
“เขาชื่อพี่ชัช” สายตาต้นตาลมองตามปลายนิ้วชี้เรียวของหญิงสาวรุ่นพี่ไปชั้นสองโซนวีไอพี สองหนุ่มใบหน้าคมเข้มนั่งดื่มกันอยู่บนนั้น คนหนึ่งยิ้มทะเล้นท่าทางอัธยาศัยดี ส่วนอีกคนนั่งทำหน้าขรึมถือแก้วเหล้าแกว่งไปมาเบาๆ ราวกับมีเรื่องให้คิดมากมายในหัว เขาสองคนช่างต่างกันเหลือเกิน “คนที่ยิ้มเก่งๆ คนนั้นคือพี่ชัช แขกที่พี่แนะนำให้เรารู้จักวันนี้ ส่วนอีกคนเขามีคู่หมั้นแล้ว”
“พ่อเลี้ยงองศาใช่ไหมคะ ตาลเหมือนเคยเห็นหน้าเขาบนป้ายข้างทาง”
“ใช่ค่ะลูกสาว แต่เขามีเมียแล้วอย่าไปยุ่งเลย ส่วนพี่ชัช…จำที่พี่บอกได้ไหม”
“ค่ะ ไม่มีรักแท้ในคลับนี้ อย่าเชื่อลมปากผู้ชายที่อยากได้เราใช่ไหมคะ”
“ค่ะ เชิดๆ ไว้ลูก แล้วเดินไปหาเขาด้วยความมั่นใจ”
“ค่ะพี่เปรี้ยว”
ร่างแน่งน้อยในชุดวาบหวิวก้าวเดินไปอย่างมั่นใจ หากแต่หัวใจกลับเต้นระรัวไปด้วยความประหม่า เพียงเห็นรอยยิ้มของชายคนที่พี่เปรี้ยวแนะนำมาหัวใจที่ยังไม่สงบนิ่งก็ยิ่งเต้นคร่อมจังหวะ
“สวัสดีค่ะพี่ชัช” ต้นตาลทักทายชายหนุ่มอย่างสนิทสนม ทว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้มองสบตากับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอย แววตานักล่าจ้องเรือนร่างของหญิงสาวก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าเธอ ต้นตาลจึงพูดต่อด้วยรอยยิ้มและสายตายั่วเย้า “ต้นตาลนะคะ พี่เปรี้ยวให้ต้นตาลมาทำความรู้จักพี่ชัชกับพ่อเลี้ยงค่ะ”
“อ๋อครับ งั้นนั่งก่อนสิ”
“...” ต้นตาลเม้มปาก ทำใจกล้าเดินเข้าไปนั่งบนตักชายหนุ่ม พอเธอนั่งลงปุ๊บพ่อเลี้ยงองศาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากโต๊ะ
“พี่ชัชดื่มอีกไหมคะ หรือว่าจะกลับเลย”
“เรายังไม่รู้จักกันเลยนะ ว่าแต่เธอรู้จักฉันได้ยังไง หน้าก็ไม่คุ้นหรือว่าเป็นเด็กใหม่ของเปรี้ยว?” พอในโต๊ะมีแค่เขากับเธอ ชรัณก็รัวคำถามคนบนตักจนต้นตาลเผลอทำหน้าเลิ่กลั่ก แต่พอดึงสติกลับมาได้เธอก็คลี่ยิ้มหวานสู้เสื้อ แต่ขามันสั่นพั่บๆ เพราะมือชรัณไม่อยู่นิ่งเลย ฝ่ามือหนาอุ่นค่อนไปทางร้อนลูบไล้ขาอ่อนต้นตาลแล้วค่อยๆ สอดเข้าไปใต้กระโปรง ปลายนิ้วเรียวยาวเฉียดตรงนั้นเธอไปมาจนเสียวท้องน้อย
“ค่ะ ตาลเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก”
“งั้นเหรอ”
“อ๊ะ!” ชรัณอุ้มเธอลงจากตักแล้วลุกขึ้นยืน “ทะ ทำไมเหรอคะ” การกระทำของชรัณทำเอาต้นตาลไปต่อไม่ถูก เธอพูดอะไรผิด หรือว่าเขาไม่พอใจอะไรในตัวเธองั้นเหรอ ทุกอย่างผิดคาดไปหมด
“เด็กใหม่ไม่รู้งาน ฉันขี้เกียจพูด”
“ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอคะว่าเป็นงานหรือไม่เป็นงาน”
“เธอนี่กล้าดีนะ”
“ถ้าเกี่ยวกับงาน ตาลกล้าหมดแหละค่ะ”
“งั้นไปดื่มกับฉันที่ห้องไหมล่ะ” มุมปากหนาบิดยิ้มร้าย ทว่าแววตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์มากกว่า
“ดื่มที่ห้องเหรอคะ” คิ้วสวยขมวดแน่นครู่หนึ่ง เพราะสมองกำลังประมวลผลตามคำชวนชายหนุ่ม
“หึหึ เธอคงไม่โง่ไปหรอก” ชรัณทิ้งท้ายด้วยคำพูดดูถูกเธอมาก ก็แค่ไปดื่มทำไมเธอจะไม่กล้าล่ะ เขาเดินออกมาจากโต๊ะได้เพียงก้าวเดียวต้นตาลก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“งั้นตาลยอมเป็นคนโง่ค่ะ” ต้นตาลลุกขึ้นเดินมากอดแขนชรัณไว้แน่น “ไปกันตอนนี้เลยไหมคะ”
“ใจกล้าดีนี่” ลิ้นหนาเลียคมเขี้ยว สายตาดุดันจ้องนัยน์ตาดำขลับของคนตัวเล็ก
“ค่ะ” รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าคมคายทำเอาหัวใจเธอเต้นคร่อมจังหวะ สายตาร้อนแรงที่กำลังจ้องมองเธอราวกับเปลวไฟลุกโชน ต้นตาลรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย
“เชิญ” ชรัณผายมือไปทางบันได เชิญหญิงสาวเดินลงไปพร้อมกันเสียตอนนี้ ด้านพี่เปรี้ยวเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินเข้ามาหาต้นตาล
“สวัสดีค่ะคุณชัช” เธอยิ้มทักทายลูกค้า “จะพาน้องต้นตาลไปไหนเหรอคะ”
“หึ วางใจได้ ฉันไม่พาเธอไปฆ่า...หรอก”
“เอ่อ...”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เปรี้ยว ตาลอยากไปดื่มกับคุณชัชเอง”
“เอ่อคือว่า ทางร้านเราไม่มีบริการให้พาเด็กออกไปดื่มนอกร้านนะคะ”
“เหรอ” ชรัณเอ่ยหน้านิ่ง เขาน่ะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นกฎของร้าน ว่าห้ามไม่ให้พาเด็กออกไปจากร้าน นอกเสียจาก...เด็กจะแอบขายบริการเอง แต่ต้นตาลคงยังไม่รู้ความหมายของการชวนไปดื่มข้างนอก “งั้นวันนี้ฉันให้เด็กคนนี้ไปนั่งดื่มกับฉันแล้วกัน สองชั่วโมงน่าจะพอนะ” เงินสดจำนวนสองหมื่นถูกยัดใส่ร่องอกพี่เปรี้ยว ทำเอาต้นตาลตาลุกวาวกับเงินก้อนนั้น
“คุณชัชคะ คือน้องยังเด็กและเพิ่งมาทำงานวันแรกด้วย น้องยังไม่รู้งานน่ะค่ะ”
“เหรอ แต่ฉันถูกใจเธอนะ” ชรัณปรายตามองต้นตาล “เธอน่ารักและใจกล้าดี”
“...”! พี่เปรี้ยวหนักใจเข้าไปอีก “งั้นขอเปรี้ยวคุยกับน้องแป๊บหนึ่งนะคะ แป๊บเดียวค่ะ” เธอจูงมือต้นตาลไปคุย
“อะไรเหรอคะพี่เปรี้ยว”
“หนูลูก ไปคุยกันยังไงทำไมคุณชัชถึงจะพาเราไปดื่มข้างนอก”
“ก็คุยปกตินะคะ พี่เขาชวนตาลไปดื่มเอง”
“แล้วหนูรู้ไหมว่าการที่เขาชวนไปดื่มข้างนอกมันแปลว่าอะไร” ต้นตาลส่ายหน้าพรืด ยิ่งทำให้เปรี้ยวหนักใจ “เอางี้นะลูก หนูไปดื่มได้แต่ห้ามเมา ห้ามทำอะไรเกินไปกว่านั้น และอย่าหลงเชื่อคำพูดคุณชัชนะ”
“ค่ะ”
“อย่าลืมนะลูก”
“ค่ะๆ” ต้นตาลยิ้มให้รุ่นพี่ จากนั้นพี่เปรี้ยวก็ยัดเงินสดที่ชรัณให้เธอใส่มือต้นตาล “อันนี้เงินหนู”
“พี่เปรี้ยว...” เงินสองหมื่นเธอหาแทบตายก็ไม่ได้ แต่มาทำงานยังไม่ถึงชั่วโมงกลับได้มาแล้วตั้งสองหมื่น ต้นตาลยิ้มกว้างด้วยความดีใจปนตื่นเต้น “ขอบคุณนะคะ” เพราะกลัวชรัณรอนานจึงรีบเดินกลับไปหาเขา
“พี่เลี้ยงเธอคงสอนงานมาแล้วสินะ” ชรัณแสยะยิ้ม แม้ว่าอีกฝ่ายไม่แสดงท่าทางประหม่า หากแต่แววตากลับหลอกเขาไม่ได้
ต้นตาลเม้มปากแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เธอซ่อนความประหม่าไว้ภายใต้รอยยิ้มหวานที่ส่งให้เขา
“ค่ะ พี่เปรี้ยวสอนงานมาดีมาก”
“หึ!” ชายหนุ่มหัวเราะในคอแล้วเดินไปที่จอดรถของลูกค้าวีไอพี ต้นตาลรีบก้าวเท้ายาวๆ เดินตามเข้ามาจนถึงรถ “คงไม่ต้องเปิดประตูเชิญขึ้นรถใช่ไหม”
“บางทีก็อยากเป็นตัวเล็กตัวน้อยของใครสักคนบ้างนะคะ”
ชรัณเลิกคิ้วอย่างครุ่นคิดแล้วเอ่ยบอกหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“แต่ฉันดันไม่ชอบคนเล่นตัวซะด้วยสิ” พอพูดจบเขาก็เปิดประตูก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ส่วนต้นตาลก็รีบเปิดประตูก้าวเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับ เธอได้ยินเขาหัวเราะเสียงแข็งในคอก่อนจะขับรถออกไปจากคลับ
บรรยากาศในรถเงียบงันจนน่าอึดอัด เธอจึงหาเรื่องชวนเขาคุยด้วยการเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับการชงเหล้า
“พี่ชัชชอบดื่มเหล้าแบบไหนเหรอคะ”
“...” ชรัณปรายตามองก่อนค่อยเผยอปากตอบกลับเสียงเรียบ “ชอบดื่มเตกีลา ไม่ชอบผสมกับอะไร” เขาพูดดักทางเธอหมด ต้นตาลจึงพยักหน้าแล้วเม้มปาก
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง น่าจะคอแข็งมากนะคะ ดูไม่เมาเลย”
“อย่างอื่นก็แข็งนะ”
“...”!
“หมายถึงแขน” เขาแสยะยิ้มมุมปาก ดูพึงพอใจกับตัวเองที่ได้แทะโลมเธอทางคำพูด “เธอนี่ขี้ตกใจเหมือนกัน”
มีใครบ้างจะไม่ตกใจ เล่นพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้ และใช่! เธอคิดเป็นอื่นที่ไม่ใช่แขน
“ก็ไม่ขนาดนั้นค่ะ” ต้นตาลขยับตัวเล็กน้อยทำให้กระโปรงซึ่งมันสั้นอยู่แล้วร่นสูงขึ้นมาอีก ชนัณปรายตามองพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ
“พี่เลี้ยงเธอบอกมาหรือเปล่า”
“คะ?” ต้นตาลเงยหน้ามาสบตา “บอกอะไรเหรอคะ”
“เอาไว้จะบอกทีหลัง”
“...”!
ไม่นานชรัณก็เลี้ยวรถเข้ามาในคอนโดฯแห่งหนึ่งซึ่งทางเข้าคอนโดฯเป็นร้านสะดวกซื้อ ต้นตาลเหลียวมองเพราะจำได้ว่าเคยมาซื้อของร้านนี้อยู่สามครั้ง พอเขาถอยรถเข้าไปจอดในช่องได้แล้วก็เปิดประตูลงจากรถ สีหน้านิ่งเรียบพอๆ กับสายตาเขาที่จ้องมองมา
“คอนโดฯนี้ของพี่ชัชเหรอ” เธอถามด้วยความอยากรู้เป็นนิสัย คอนโดฯหรูราคาน่าจะหลายล้านอยู่ แถวย่านนี้ก็มีแต่คนรวยๆ อาศัยอยู่ทั้งนั้น ถัดจากคอนโดฯชรัณไปก็เป็นหมู่บ้านคนรวยระดับต้นๆ ในเชียงใหม่ และเดาว่าชรัณก็น่าจะรวยพอๆ กัน ถึงได้มีคอนโดฯหรูอยู่แถวนี้ ต้นตาลมัวแต่มองสำรวจจึงไม่ทันได้เห็นว่าชรัณมองเธอด้วยสายตาดุดันปนตำหนิที่ให้เขารออยู่ในลิฟต์นาน “ขอโทษค่ะ” หญิงสาวรีบเดินเข้ามาในลิฟต์แล้วก้าวถอยหลังไปทิ้งตัวพิงผนังด้านหลัง เมื่อครู่เขายังไม่ตอบคำถามเธอเลย เอาแต่เงียบราวกับไม่เต็มใจพาเธอมาด้วยซ้ำ
ในเมื่อไม่เต็มใจ แล้วจะพามาที่นี่ทำไม
หญิงสาวก้าวออกจากลิฟต์พร้อมกับชายหนุ่ม เธอเห็นว่าเขาใช้คีย์การ์ดแตะตรงประตูแล้วผลักเข้าไปด้านใน พอเดินตามเข้ามาก็ต้องอ้าปากค้างกับความหรูหราสมกับเป็นคอนโดฯคนรวย ภายในตกแต่งด้วยวัสดุชั้นดี บิวท์อินอย่างลงตัวเข้ากับมาดนิ่งๆ ของชรัณจนต้นตาลหันไปมองเขาอยู่บ่อยครั้ง
“เธอเป็นนักสำรวจหรือไง” เสียงเข้มติดดุแบบไม่จริงจังมากดังขึ้น ต้นตาลจึงรีบเดินไปนั่งลงบนโซฟา ซึ่งชรัณกำลังเปิดไวน์พอดี บอกตามตรงเลยว่าเธอไม่เคยดื่มไวน์มาก่อน เคยจิบๆ พวกคอกเทลรสหวานแบบนั้นมากกว่า เพราะมันกินง่ายแต่ตอนสร่างเมานี่ปวดหัวใช่เล่นเลย
“ห้องสวยจังเลยนะคะ ตาลเคยนั่งรถผ่านแถวนี้ ไม่คิดว่าจะได้เข้ามาที่นี่”
“…” ชรัณเลื่อนแก้วไวน์ที่เขาเพิ่งรินไวน์เสร็จมาตรงหน้าต้นตาล จากนั้นก็ทิ้งหลังพิงหนักโซฟาด้วยท่าทางผ่อนคลาย เสียงถอนหายใจจนสุดปอดดังขึ้น เธอมองลูกกระเดือกนูนเด่นเคลื่อนตัวขึ้นลงเป็นคลื่น ก่อนที่สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมาที่ใบหน้าจิ้มลิ้ม “คิดยังไงถึงมากับฉัน”
“ก็พี่ชัชชวนตาลมาดื่มนี่นา ถ้าปฏิเสธกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า แบบนั้นมันไม่น่ารักค่ะ เผื่อ…พี่ชัชไปเที่ยวคลับอีกจะได้ให้ตาลไปชงเหล้าให้”
“หึหึ” เสียงหัวเราะในคอดังขึ้น “เธอนี่อยู่เป็นนะ”
“…” รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าเธอ อยู่กับเขาสองต่อสองแบบนี้ก็ดี ไม่น่าอึดอัดใจเท่าไร เลยไม่รู้สึกประดักประเดิดมากเกินไป “ชนแก้วไหมคะ” เธอแสร้งถามในตอนที่เขาเคลื่อนปากแก้วออกจากริมฝีปากหยักได้รูป
“เอาสิ”
เสียงแก้วขนกันดังขึ้น ต้นตาลยกไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อย แต่พอเห็นชรัณดื่มจนหมดเธอจึงยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วตามเขา เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงไวน์ที่ดื่มเข้าไปหลายแก้วกำลังออกฤทธิ์ ลำคอร้อนผ่าวลามมาถึงใบหน้าจิ้มลิ้น แก้มนวลแดงเรื่อ เลือดลมในกายวิ่งพล่านร้อนวูบวาบ ดวงตาหยาดเยิ้มจับจ้องใบหน้าคมสันของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว และความเมาทำให้เธอมีความกล้ามากขึ้น
“พี่ชัช…อยากให้ตาลทำอะไรให้อีกไหมคะ”
“แล้วทำอะไรได้บ้างล่ะ”
“ก็…ทำได้ตามที่พี่สั่ง หนูทำได้หมดนั่นแหละ” ยิ้มหวานๆ นี่ก็ให้เขาคนเดียว
“หึหึ”
“บอกมาสิ~”
“นอนอ้าขาให้ฉันเอาได้ไหม”
บทที่ 2 ครั้งแรกไม่เสียวเสมอไป NCคำถามตรงไปตรงมาทำเอาความต้นตาลนิ่งงันไปชั่วอึดใจหนึ่ง ทว่าชรัณกลับหัวเราะขบขันราวกับว่าเป็นเรื่องตลก เขากำลังทำเธอเสียความมั่นใจ“พี่ชัชหัวเราะตาลเหรอ”“อยู่กันสองคนจะให้ฉันหัวเราะใครล่ะ” ปลายนิ้วชี้เขาแตะลงปลายคางเธอเบาๆ เชยใบหน้าแดงเรื่อขึ้นสบตากัน “ว่ายังไง”ต่อให้เมามากแค่ไหนก็ได้ยินประโยคที่เขาก่อนหน้านี้ชัดเจน รูม่านตาเธอเบิกกว้างเมื่อชรัณเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้กันชนิดที่ว่าสัมผัสลมหายใจกันได้เลยทีเดียว ปลายจมูกเชิดรั้นแตะสัมผัสกับปลายจมูกโด่งคมพอเฉียด ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะผละใบหน้าออกไป“หัวใจเธอ เต้นแรงไปนะ”“...”! หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะจนคนตรงหน้าได้ยินมัน “ตาลแค่ตื่นเต้น”“แต่เธอยังไม่ให้คำตอบฉันเลยนะสาวน้อย” เสียงกระเส่าลอดผ่านริมฝีปากหยัก ขณะที่ดวงตาคมยังวางไว้ที่ดวงหน้าของผู้หญิงตรงหน้า เฝ้ารอคำตอบจากปากเธอ“ตะ ตาลไม่เคย”“ว่ายังไงนะ” ชรัณเอียงใบหน้ามองเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีอะไรโต้แย้ง แววตาที่เคยมองเขาอย่างอยากเอาชนะเมื่อหลายนาทีก่อนกลับฉายแววใสซื่อ “เธอยังไม่เคยมีอะไรกับใครเหรอ”“...” ต้นตาลส่ายหน้าเล็กน้อย ความใสซื่อข
บทที่ 3 ไม่เจอกันเลย วันต่อมา 15:00ต้นตาลเดินถ่างขากลับไปล้มตัวนอนบนเตียงในห้องพัก วันนี้เธอขอพี่เปรี้ยวเข้างานตอนสี่โมงครึ่ง ด้วยรู้สึกไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้เอาให้ได้ สาเหตุก็เพราะเมื่อคืนนั่นแหละ หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอเขาเธอก็กลับห้องตัวเองทันที ทั้งที่จะนอนพักที่นั่นแล้วค่อยกลับก็ได้ แต่รู้สึกละอายใจตัวเองจึงกลับมานอนซมที่ห้องดีกว่าเมื่อคืนนับไม่ได้ว่าเขาเสร็จกิจไปกี่รอบแล้วเธอเสร็จไปกี่รอบ รู้ตัวอีกทีก็ลากสังขารตัวเองกลับมาถึงห้องแล้ว ดีหน่อยที่ได้นอนพักไปหลายชั่วโมง แต่พอตื่นขึ้นความเมื่อยล้ากลับเล่นงานซะได้ ทั้งเจ็บแสบตรงกลางกายอีก“มีเซ็กซ์ครั้งแรกอย่างกับไปรบมา คนอื่นเขาเป็นเหมือนเราไหมวะ” ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงดันตัวลุกขึ้นมานั่งห้อยขาขอบเตียงแล้วเลื่อนจอรับสาย(ตาลไม่มาทำงานเหรอ เธอกะดึกนะวันนี้)“วันนี้ขอลาป่วยกับหัวหน้าแล้วอะ ตาลไม่สบาย”(จริงเหรอ หรือว่าแกจะลาออกแล้ว)“ไม่รู้สิ”(แล้วทำงานที่นั่นวันแรกเป็นไง เงินดีจริงปะ)“ก็...” ต้นตาลหันมองกระเป๋าสะพาย แล้วเดินไปเปิดดูเงินสดในนั้น “ก็โอเคอยู่นะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า แต่ต้องหาย
บทที่ 4 กังวล สองวันต่อมาต้นตาลนั่งกุมขมับตัวเองอยู่หลังร้านสะดวกซื้อในเวลาพักเที่ยง นี่ก็ผ่านมาจะหนึ่งเดือนแล้วประจำเดือนเธอยังไม่มีวี่แววจะมาเลย หากไม่ใช่เรื่องคืนนั้นเธอคงไม่กังวลมากขนาดนี้“เอาไงดีวะ จะตรวจเลยไหม” หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ พยายามสะกดจิตตัวเองให้คิดเรื่องดีๆ เข้าไว้ แต่สมองมันก็คิดได้แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วพลันคิดถึงเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นขึ้นมาอีก ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิทำงานแล้วจริงๆโง่เอ๊ย! ทำไมไม่ชะล่าใจบ้างนะยายตาล เกิดเราท้องขึ้นมาจริงๆ อนาคตจบเห่แน่“ตาลๆ”“คะพี่”“มาช่วยพี่หน่อย”“ค่ะๆ ไปตอนนี้แหละค่ะ” เธอสลัดความคิดนั้นออกจากหัวชั่วคราวแล้วไปช่วยพี่ทำงานต่อจนถึงเวลาเลิกงาน วันนี้พี่เปรี้ยวโทร. มาบอกให้เธอเข้างานเร็วหน่อย เพราะวันนี้มีลูกค้าวีไอพีเข้าเยอะ ทว่าเธอกลับหวังให้ลูกค้าวีไอพีหนึ่งในนั้นเป็นเขาพอมาถึงที่ทำงานก็รีบไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผม หลังจากดูพี่ปรางแต่งหน้ามาหลายต่อหลายครั้งเธอก็ครูพักลักจำเอาเคล็ดลับดีๆ จากพี่เขามาแต่งหน้าตัวเองบ้าง พอแต่งได้น่ะ ไม่ถือกับเก่งอะไรมากนัก เอาเป็นว่าแต่งออกมาหน้าไม่ลอยเหมือนกระสือแล้วกันหลังจากแต่งหน้าเสร็จพี่เป
บทที่ 5 แจ๊กพอตแตกแม้จะเป็นขีดสีแดงจางๆ ทั้งสองขีด แต่มันก็ชัดเจนพอที่จะบอกว่าเธอตั้งท้อง! อาการที่เป็นอยู่ก็มาจากการแพ้ท้อง เธอท้อง ท้องกับชรัณ“ทะ ทำยังไงดีตาล ทำยังไงดี” เธอสติแตกทำอะไรไม่ถูก ฟุบนั่งลงกับฟูกนุ่มๆ ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ทั้งหยิกทั้งตบตีตัวเองให้ตื่นจากฝัน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง เธอไม่ได้ฝันไป “ทำไมสะเพร่าแบบนี้ยายตาล” อยากตีตัวเองให้เจ็บจะได้หลาบจำและให้ระลึกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน นึกอะไรไม่ออกสักนิดแต่ตอนนี้เธอนึกออกอย่างเดียวคือต้องไปหาชรัณ ไปคุยกับเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น“เบอร์โทรติดต่อเขาก็ไม่มี ไลน์ เฟซอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วแบบนี้จะได้คุยกับเขาไหมยายตาล” แต่ความเพลียบวกกับอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ร่างกายเธอฝืนไม่ไหวจึงผล็อยหลับไปทั้งที่มือยังกุมแท่งตรวจครรภ์ไว้วันต่อมาต้นตาลงัวเงียตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน อาการปวดร้าวแล่นผ่านร่างกาย“อุ๊บ!” ทันทีที่ตั้งสติได้อาการพะอืดพะอมก็เล่นงาน เธอคลานเข่าเข้าไปในห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาจนหมดแรง น้ำตาใสๆ พลันหยดอาบสองแก้ม ไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อนเลย “ทำไมมันเหมือนจะตายแบบนี้” เธอเป
บทที่ 6 ไร้ที่พึ่งพิงไม่รู้ว่าเป็นเขาจริงไหม ที่จ่ายค่าแอดมิตโรงพยาบาลให้ ราคาต่อคืนบวกกับค่ายาค่าดูแลผู้ป่วยไม่มีญาติมาเฝ้าคงหลายหมื่นแน่เลย เธอจึงไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ไปหาชรัณทันที ทว่าสัญญาณรอสายดังขึ้นจนสายถูกตัดไปเอง เธอไม่ท้อใจที่จะโทร.ไปหาอีก คราวนี้กลับติดต่อไม่ได้ แถมยังบริการฝากหมายเลขโทร.กลับอีกหรือนี่จะเป็นการรับผิดชอบของเขา จ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วก็จบ“แต่ตาลไม่ได้ไปมั่วกับผู้ชายคนไหนนี่คะ” ต้นตาลเบะปากร้องไห้ นั่งชันเข่าบนเตียง กอดเข่าแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้ออกมาจนพยาบาลตกใจ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ”“เปล่าค่ะ ฉันแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”“อีกเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจ นอนพักดีกว่านะคะ”“...”“แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่อีกไหมคะ หรืออาการพะอืดพะอมอยากอ้วกมีไหม”“ไม่มีค่ะ คนที่จ่ายค่ารักษาให้ เขาจะมาอีกไหมคะ” จู่ๆ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว แล้วถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ชรัณล่ะ? หรือว่าเป็นเขานั่นแหละที่พาเธอมารักษาโรงพยาบาลเอกชน แล้วออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด@ร้านทอง“พี่ชัชขอแปรงทาสีอันเล็กหน่อยครับ”“...”“พี่ชัช” ยังนั่งนิ่ง “พี่ชัช” ก็ยังไ
บทที่ 7 รอเก้อกลางดึกต้นตาลนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ พื้นที่กว้างไม่คุ้นเคยทำให้นอนไม่หลับ พลิกไปทางไหนก็ว่างเปล่า ไม่เหมือนเตียงในห้องเช่าที่เคยนอนเลย ขนาดเตียงก็ต่างกันมาก เคยนอนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง พลิกตัวทีหนึ่งก็หลังชนกับผนังห้องแล้ว แต่เตียงนี้พลิกไปสามตลบก็ยังไม่สุดเตียงเลย“ตอนไหนจะหลับล่ะตาล” นับแกะแล้วก็ไม่ง่วง นับเลขก็ไม่มีผลอะไร ตอนนี้เธอทำเพียงนอนหงายมองเพดานห้อง นอนขบคิดเรื่องราวต่างๆ นานาจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง “พรุ่งนี้ต้องไปหาหมอแล้วนี่นา” เธอหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงตรงพอดี จากนั้นค่อยข่มตาหลับ พยายามทำให้สมองโล่งและสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย08:30หลังจากตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็นั่งรอชรัณมารับไปโรงพยาบาลตามที่เขานัดไว้ ใกล้จะเก้าโมงแล้วด้วย ยังไม่เห็นเงาเขาเลย มองดูโทรศัพท์ก็เงียบกริบ หากเขาติดธุระหรือกำลังเดินทางมาก็น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ คนรอมันตื่นเต้น ไม่ใช่อะไรหรอกรอมาถึงสิบโมงเช้าเขาก็ยังไม่มาจนเธอเริ่มถอดใจไปแล้ว ต้นตาลวางกระเป๋าผ้าลายดอกไม้ใบโปรดลงบนโซฟา แล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง“รอเก้อเหร
บทที่ 8 ค้างคืน ต้นตาลเดินกลับมานั่งพักบนโซฟา เธอมองใบหน้าชรัณอยู่พักใหญ่กระทั่งเขาหันมาสบตา คนที่ไม่ทันตั้งตัวรีบหลุบตาหลบสายตาเขา“มองกันทำไม หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ”“ตาลเห็นพี่ชัชดูเพลียๆ ได้นอนบ้างไหมคะ”“นอน” ตอบคำถามแล้วก็หันไปพิมพ์อะไรในโทรศัพท์ไม่รู้ ต้นตาลจึงใช้โอกาสที่เขาสนใจโทรศัพท์เอื้อมมือไปลูบแก้ม “ทำอะไร” คนที่ไม่ชอบให้ใครสกินชีพเบี่ยงตัวหลบ“ตาลโกนหนวดให้ไหม”“ไม่ต้อง”“ตาลแค่อยากทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้าง”“...” เขาละสายตาจากจอมือถือมองเธอ “ฉันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับหน้า”“อ๋อ”“เธอโกนหนวดเป็น?”พูดออกไปก็กระดากปากตัวเอง เดี๋ยวจะขายหน้าเอาเปล่าๆ เคยโกนหมออ้อยตัวเองนี่นับว่าโกนเป็นไหมอะ มันก็น่าจะเหมือนกันปะ“ว่ายังไง”“เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ ตาลไม่มั่นใจมือตัวเอง เดี๋ยวทำหน้าพี่ชัชเสียโฉมเอา” เธอพูดกลั้วหัวเราะเพื่อไม่ให้ดูจริงจังเกินไป “คงถนัดใช้เครื่องโกนไฟฟ้ามากกว่าสินะคะ”“อืม”“แล้วไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอคะ”“...” คราวนี้ชรัณเงียบไป เขาไม่ได้สนใจคำถามเธอ แต่กำลังง่วนอยู่กับการพิมพ์ข้อความในแชตอีก ไม่รู้ว่าคนในห้องแชตนั้นเป็นใคร แต่ดูท่าจะสำคัญอยู่เหมือนกัน เขาถึงไม่ปล่อย
บทที่ 9 ของฝากเล็กๆ น้อยๆ 08:20ต้นตาลปรือตาขึ้นมองไปรอบๆ ทั้งยังงัวเงียตื่นไม่เต็มตา ไม่เห็นแสงตะวันเล็ดลอดผ่านม่านประตูเชื่อมต่อระเบียงเธอจึงฟุบหน้าลงกับอกแกร่งอีก วันนี้รู้สึกเพลียตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเลย อาจจะเพราะนอนดึกและแพ้ท้องอยู่แต่เอ๊ะ?เธอกำลังนอนอยู่บนตัวเขาเหรอ ไม่น่าใช่หรอกมั้ง ชรัณกลับไปนานแล้วเถอะ เขาไม่มานอนให้เธอกอดแนบชิดขนาดนี้หรอก เธอกอดหมอนข้างแล้วมโนว่าเป็นเขาเถอะต้นตาลพอนึกอย่างนั้นก็อยากมั่นใจว่าตัวเองคิดถูกแล้วจึงเปิดเปลือกตาหนักอึ้ง มองหมอนข้างที่ว่านั้น“พี่ชัช!” เธอตกใจกว่าเห็นผีตัวเป็นๆ ก็เห็นชรัณอยู่ใกล้ตัวเนี่ยแหละ “อะ อ้าว...” เป็นเธอที่ข้ามฝั่งมากอดเขาเอง แถมยังเบียดเขามาจนสุดขอบเตียงอีกต่างหาก “ตาลทำให้พี่ชัชตื่นเหรอ”“ก็น่าจะรู้ นอนทับกันทั้งคืนแบบนี้จะนอนหลับสนิทได้ยังไง”“แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะคะ ตาลไม่ใช่คนนอนหลับลึกสักหน่อย”“ปลุกแล้ว แต่ไม่ตื่น”หน้างี้แตกร้าวเลยไหมยายตาล“น่าจะปลุกเบาไปนะคะ”“...” ชรัณส่ายหน้าแล้วเลิกคิ้วให้ต้นตาลลุกออกไป พอได้รับอิสระก็ลุกขึ้นมาบิดกายไล่ความเมื่อยล้า แล้วก้าวลงจากเตียงนอน“อ๊ะ!” หญิงสาวหลุดเสียงอุทาน เขาถอดเสื้อผ