ซ่าาา.. ซ่าาา....
เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งบนเกาะเล็กๆทางตอนใต้ของประเทศไทยบรรยากาศยามค่ำคืนนี้ท้องฟ้าโปร่งเดือนหงายมีดาวระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้าแสงของดวงจันทร์กลมโตสะท้อนกับน้ำทะเลเป็นภาพที่สวยงามในสายตาของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบริมชายหาดไม่น้อย
ภูมิไท ทักษาธาราชายหนุ่มวัยสามสิบสองทายาทกิจการโรงแรมหมื่นล้านและธุรกิจอื่นๆของเครือทักษาธาราเพียงคนเดียวของตระกูลเพราะย่าของภูมิไทก็มีลูกชายคนเดียวส่วนพ่อกับเม่ชายหนุ่มก็มีแค่ภูมิไทเป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้น
สถานะของภูมิไทคือโสดมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มคิ้วหนาดวงตาคมจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากหนาเป็นกระจับอมชมพูปล่อยผมยาวหยิกหยักศกประบ่ามีไรหนวดเคราเล็กน้อยสูง180ร่างกายกำยำบึกบึนเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ
เขากำลังนอนมองท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มอ่อน....แทบทุกคืนของวันพระจันทร์เต็มดวงเขาจะต้องมานอนสัมผัสบรรยากาศแทบทุกครั้งเพราะมันทำให้เขาผ่อนคลายเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศเขาชอบความสงบนอนฟังเสียงคลื่นไปเพลินๆเสมือนธรรมชาติกำลังบำบัดขัดเกลาความขุ่นมัวในใจออกไปได้เป็นอย่างดี
เกาะที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวของภูมิไทที่สัมปทานไว้ได้ตั้งแต่รุ่นปู่จนมาถึงมือของชายหนุ่มเกาะที่นี่เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่มากแต่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ผู้คนที่นี่ก็ล้วนผ่านการคัดกรองจากภูมิไทให้มาดูแลทุกคน
เพราะย่าของเขาอยู่ที่นี่ประจำเขาจึงต้องไว้ใจว่าคนที่เขาจ้างมาดูแลเกาะและดูแลย่าของเขาจะต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้
เมื่อก่อนชายหนุ่มมาที่นี่เป็นบางครั้งบางคราวเมื่อต้องการพักผ่อนจากการทำงานหลังจากที่พ่อกับแม่ของเขาเสียไปเขาก็แทบจะอยู่ที่นี่ถาวรกับย่าด้วยเบื่อผู้คนที่คอยเข้าหาไม่เคยหยุดหย่อนแต่ละคนก็หวังแต่ผลประโยชน์จากเขากันทั้งนั้น
ขณะนี้ชายหนุ่มในชุดเสื้อลินินสีงาช้างแขนยาวกับกางเกงเลยาวคลุมแค่เข่าเริ่มลุกจากเตียงผ้าใบเดินเล่นเตะน้ำทะเลอยู่ริมชายหาดยามค่ำคืนเขาเดินไปเรื่อยๆเพื่อเป็นการทำสมาธิผ่อนคลายความเครียด
เบื่อที่วันๆจะต้องมีคนติดต่อกับเลขาเพื่อที่จะขอโอกาสคุยเจรจาขอซื้อที่ดินของพ่อเขาหลังจากที่มันกลับกลายมาเป็นของเขาตามพินัยกรรมที่พ่อของเขาได้ทำเอาไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย
ภูมิไทเอ่ยปากปฏิเสธพวกนักธุรกิจนายทุนหลายรอบตั้งแต่ยังคงบริหารบริษัทที่กรุงเทพมหานครจนเขาหนีมาอยู่ที่เกาะก็ยังคงปฏิเสธคนที่นายทุนส่งมาไม่หยุดหย่อน
เขารู้ว่าพื้นที่ตรงนั้นที่หลายคนอยากจะได้มีมูลค่าหลายพันล้านแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะขายเพราะที่ดินผืนนั้นเป็นที่ดินผืนแรกที่พ่อของเขาซื้อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับแม่แถมตอนนี้ก็ยังเป็นที่พักพิงแก่คนที่ไม่มีบ้านหากเขาขายไปคนเหล่านั้นก็จะไม่มีที่อยู่
ณ.โรงแรมหรูริมทะเลตอนนี้ชั้นบนสุดของโรงแรมมีงานเดินแบบโชว์เครื่องเพชรของแบรนด์เครื่องประดับชื่อดัง
ในงานมีไฮโซและนักธุรกิจมากมายรวมถึงนางแบบนายแบบมากหน้าหลายตาและนักข่าวอีกหลายสำนักที่มาถ่ายบรรยากาศในงานเพื่อเอาไปทำข่าว
หนึ่งในงานก็มีเปมิกานางแบบสาวที่ไม่ค่อยมีชื่อในวงการนักมาร่วมเดินแบบในงานนี้ด้วยเปมิกาหรือปลาดาวเธอเป็นนางแบบที่รับแค่งานที่ไม่โชว์เนื้อโชว์หนังมากนักจึงไม่ค่อยได้มีงานเท่าไรอาศัยเป็นเด็กน่ารักกับโมเดลลิ่งจึงมีคนป้อนงานให้แต่ก็ต้องเลือกรับเพราะส่วนมากจะเป็นถ่ายโชว์วาบหวิวเสียมากกว่างานถ่ายแฟชั่นหรือเดินแบบทั่วไป
หญิงสาวอายุ24เป็นคนที่หน้าตาสะสวยคิ้วเข้มเรียวได้รูปดวงตากลมโตขนตางอนยาวปากนิดจมูกหน่อยผมสีดำยาวตรงสลวยถึงกลางหลังผิวขาวอมชมพูรูปร่างสูงเพรียวถึง175หุ่นนาฬิกาทรายเรียกได้ว่าเป็นโมเดลที่เพอร์เฟคตามที่ลูกค้าต้องการที่เธอไม่ดังเพราะเสียอย่างเดียวคือเลือกรับงานนั่นเอง
หญิงสาวเป็นคนที่สู้ชีวิตอยู่พอสมควรเพราะช่วงมหาลัยจากมีแม่คนเดียวแม่ก็ดันมาเสียจนทำงานส่งตัวเองเรียนเรื่อยมาแถมพอถึงช่วงวัยทำงานพอจะได้มีเงินเก็บจู่ๆพี่สาวที่หายหน้าไปหลายปีก็โผล่เอาลูกสาวมาฝากแล้วก็หายไปเลยแถมหลานสาววัยห้าขวบของเธอตอนนี้ก็ดันป่วยเป็นโรคร้ายต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากเงินที่หามาได้ก็ลงไปกับการรักษาหลานจนหมด
แต่เธอก็ไม่คิดย่อท้อต่อโชคชะตายังคงทำงานทุกอย่างที่ทำได้เพราะเธอเป็นคนสนุกกับการทำงานหากไม่ได้มีงานเดินแบบเธอก็เร่งออกแบบเสื้อผ้าขายออนไลน์กับของขวัญเพื่อนสาวของเธอที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันเพื่อหาเงินกินใช้ในชีวิตประจำวันเพราะเงินก้อนจากการเดินแบบส่วนมากจะหมดไปกับค่ารักษาหลานสาว
"สวยมากเลยน้องดาว"
แน็ตตี้โมเดลลิ่งสาวใหญ่มายืนรอเปมิกาที่ห้องแต่งตัวหลังจากหญิงสาวเสร็จจากการเดินโชว์ในครั้งนี้
"คืนค่ะพี่"
เปมิกาในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำยาวจนถึงข้อเท้ารวบผมตึงเป็นหางม้าแต่งหน้าโทนนู้ดที่คอมีชุดเครื่องเพชรราคาหลายสิบล้านหญิงสาวรีบถอดคืนบอดี้การ์ดที่กำลังเดินตามเธอมาติดๆเพราะไม่อยากให้ของราคาแพงอยู่บนตัวเธอนานเกิดอะไรหายไปจะต้องมารับผิดชอบมันจะไม่คุ้ม
"ขอบคุณนะคะพี่แน็ตงานหน้าอย่าลืมโทรตามดาวนะคะงานเล็กงานน้อยดาวรับหมดดาวจะทำงานให้เต็มที่เลยค่ะ"
เมื่อบอดี้การ์ดเดินถือกล่องชุดเครื่องเพชรกลับไปแล้วหญิงสาวก็รีบเข้ามาขอบคุณแนตตี้ที่เป็นคนเลือกเธอมาเดินงานนี้ไม่ได้ยากอะไรมากมายแถมยังได้เงินค่าตัวตั้งเกือบครึ่งแสนแบบนี้เธอได้ค่าโรงพยาบาลของโลมาหลานสาวเธอหลายคืนเลย
"แน่นอนจะน้องดาวงานหน้าถ้าพี่เห็นว่าดาวพอจะทำได้เดี๋ยวพี่จะโทรเรียกนะจ้ะ"
แน็ตตี้เธอเอ็นดูเปมิกามากพอสมควรเพราะรู้ว่าเธอทำงานหนักเพราะมีภาระใหญ่เมื่อมีงานอะไรที่เห็นว่าเปมิกาจะทำได้เธอก็รีบเรียกหญิงสาวให้มาทำงานทันทีเพราะชอบในความสู้ชีวิตและเป็นคนที่มีความรับผิดชอบงานสูงต่างจากนางแบบคนอื่นๆที่สายบ้างทิ้งงานกะทันหันบ้างแต่เปมิกาไม่เคยมีข้อเสียตรงนี้เลยสักนิด
"ขอบคุณค่ะ"
ดาวว
เปมิกายกมือไหว้แน็ตตี้ก่อนจะเหลือบไปเห็นของขวัญที่ยืนกระโดดกวักมือเรียกเธอให้ไปหา
"เดี๋ยวดาวขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"จ้ากลับดีๆนะ"
"ค่า.."
เปมิการีบขอตัวจากแน็ตตี้ทันทีเพราะเห็นเพื่อนเธอมีท่าทีร้อนรนจนเธอรู้ว่าน่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน
เปมิกาเปลี่ยนชุดแล้วจึงมาคุยกับของขวัญที่ลานด้านนอกของโรงแรม
หลังจากรู้ข่าวจากของขวัญว่าโลมาหลานสาวของเธอที่นอนรักษาอยู่ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพนั้นอาการไม่ดีขึ้นและต้องรีบผ่าตัดภายในเดือนสองเดือนนี้เพื่อเปลี่ยนไขกระดูกสันหลังด่วนไม่อย่างนั้นก็จะยิ่งแย่ลง
"เงินฉันตอนนี้ก็มีแค่สองแสนเองไหนจะค่าโรงพยาบาลทุกวันนี้อีก... เห้อฉันจะหาเงินล้านจากที่ไหนดีเนี่ย...”
เปมิกานั่งหน้าห่อเหี่ยวยกมือเรียวกุมขมับตอนนี้เธอมืดแปดด้านไปหมดไม่รู้ว่าจะหาเงินล้านที่ไหนผ่าตัดหลานสาวเธอ
"..เฮ้อ.."ของขวัญเองก็ได้แต่ยืนถอนหายใจเพราะเงินที่เธอมียังไงก็รวมกับเปมิกาไม่ถึงที่จะเป็นค่าใช้จ่ายใช้ผ่าตัดให้โลมาอยู่ดีของขวัญหญิงสาวตัวเล็กผอมแห้งวัยยี่สิบสี่ใบหน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยคิ้วบางได้รูปตาคมเหมือนลูกแมวผิวขาวอมชมพูผมหยักศกสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังเธอเป็นเพื่อนกับเปมิกาตั้งแต่เข้ามหาลัยหญิงสาวมีชะตาชีวิตที่ค่อนข้างเหมือนกับเปมิกาจึงเข้าอกเข้าใจกันและสนิทกันมากทำงานหาเงินเรียนแฟชั่นด้วยกันจบมาก็ช่วยกันออกแบบเสื้อผ้าขายและติดตามเป็นคนช่วยเหลือเปมิกาทุกครั้งที่เพื่อนเธอต้องมาเดินแบบหรือถ่ายแบบให้โมเดลลิ่งที่จ้างแต่ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยติดตามเพื่อนเธอเท่าไรเพราะต้องช่วยดูแลโลมาหลานสาวของเปมิกาอีกอย่างแบรนด์เสื้อผาที่พวกเธอทำก็ค่อนข้างขายได้เยอะกว่าแต่ก่อนส่วนมากจึงจะทำงานอยู่กับบ้านมากกว่า"ฉันขอคุยกับเธอหน่อยได้หรือเปล่า""คุณอรนิชา...เอ่อ...ได้ค่ะ"ขณะที่สองสาวนั่งเครียดกันอยู่จู่ๆก็มีอรนิชาไฮโซสาววัยสามสิบลูกสาวเจ้าของงานเดินแบบโชว์เครื่องเพชรวันนี้เข้ามาขอคุยกับเปมิกาทำเอานางแบบสาวตกใจพอสมควรไม่รู้ว่าเธอทำเพชรเม็ดไหนของเจ้าของงานหลุดไปหรือเปล่าถึงตามมาคุยกับเธอถึงตรงน
ช่วงเย็นของวันรัชนนท์หนุ่มหล่อร่างสูงบึกบึนหน้าคมผมยาวรวบมัดตึงวัยสามสิบห้าในชุดเสื้อลินินสีงาช้างกางเกงเลสีดำใส่รองเท้าแตะหูหนีบเดินดุ่มๆแบกถังน้ำมันมาหาภูมิไทที่ท่าเรือก่อนจะวางมันลงที่เรือประมงของตัวเอง“ทำไมวันนี้อยากจะใช้เรือพี่ล่ะ”รัชนนน์เอ่ยถามกับชายหนุ่มเจ้าของเกาะที่นั่งรอเขาอยู่ที่ในเรือ“ผมอยากนั่งเรือเล่นยืมคืนนึงนะครับพี่นนท์”“ตามสบายเลย”รัชนนท์รู้ดีว่าภูมิไทคงอยากหาอะไรทำแก้เบื่อเขาก็ไม่ติดอะไรที่ชายหนุ่มจะใช้เรือของเขาไปหาความสนุกเพราะภูมิไทก็ให้ที่พักอาศัยแก่เขาฟรีๆโดยที่ไม่ได้เรียกร้องอะไรแถมยังคอยดูแลอย่างดีอีกต่างหากเช้าตรู่วันต่อมาและแล้วเช้าของวันใหม่หลังจากที่สองสาววางแผนกันมาดิบดีแล้วทั้งสองก็มายืนอยู่ที่หน้าผาชันไม่ใกล้ไม่ไกลกับเกาะของภูมิไทมากนักสองสาวยืนรับลมทะเลกันมาพักใหญ่เพื่อรอดูเรือประมงว่าจะมีหันหัวแล่นเข้าเกาะเมื่อไหร่เพราะเมื่อมีเรือมาเปทิกาก็จะรีบกระโดดจากหน้าผาลงไปที่ทะเลทันทีตามแผนที่วางเอาไว้คิดว่ายังไงคนบนเรือก็ต้องลงมาช่วยเธอจังหวะนั้นเธอจะได้ออกอุบายเพื่อเข้าไปที่เกาะส่วนตัวของภูมิไทได้“เอาแบบนี้จริงเหรอดาว”ของขวัญที่ยืนอยู่ข้างๆเปมิกาต
“คือ...ฉันลองไปดูก็ได้คุณจะให้ฉันอยู่กี่วันฉันคิดว่าหากอยู่นานๆฉันก็คงจะดีขึ้นมาก”“จะอยู่เท่าไรก็แล้วแต่คุณเลยผมให้อยู่ฟรีกินฟรีด้วย”ภูมิไทเห็นทีท่าว่าหญิงสาวเริ่มที่จะสนใจสิ่งที่เขานำเสนอแล้วจึงตามใจเธอทุกอย่างเพราะคนที่กำลังจิตใจอ่อนแอย่อมต้องการพลังที่เป็นบวก“ขอบคุณนะคะ...ฉันชื่อปลาดาวเรียกฉันว่าดาวก็ได้คุณล่ะ”“ผมชื่อทะเล...นี่ผ้าห่มเอาไว้เดี๋ยวจะหนาว”ชายหนุ่มแนะนำตัวกับหญิงสาวก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนสีน้ำตาลของเขาที่ยังไม่ได้ใช้เอามาให้เธอห่มเพราะกว่าจะถึงเกาะเธอต้องรับลมทะเลอีกพักใหญ่เดี๋ยวจะหนาวเอาได้“ขอบคุณนะคะ”ภูมิไทพาหญิงสาวขึ้นจากท่าเรือเดินตามแนวชายหาดมาไม่ไกลนักก็เจอบ้านหลังสีขาวเล็กๆหลังคาทรงปั้นหยาตัวบ้านยกสูงจากพื้นบันไดสามขั้นด้านหน้ามีชานระเบียงกว้างเอาไว้นั่งรับลมเปมิกาเห็นคราแรกก็รู้สึกชอบบ้านหลังนี้มากเพราะเป็นบ้านริมทะเลในฝันที่เธออยากจะมีแต่คิดไปคิดมาก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะตอนนี้เธอไม่เห็นมีใครอยู่ที่บ้านอีกอย่างบ้านก็ตั้งอยู่หลังเดียวโดดๆแถมเธอยังมาอยู่กับชายหนุ่มชาวประมงสองต่อสองอีกอันที่จริงนึกว่าขึ้นฝั่งมาแล้วจะเจอคนอื่นบ้างแต่เปล่าเลย"บ้านผม
หลังจากที่ภูมิไทไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักใหญ่เปมิกาก็ง่วนอยู่กับการกินหมึกย่างจนตอนนี้หมึกย่างในถาดสแตนเลสใหญ่ก็ได้หมดลงไม่เหลือสักชิ้น"อืม.. เอ่อะ"ร่างบางนั่งตัวตรงเรอออกมาอย่างไม่ห่วงสวยหลังจากเคี้ยวหมึกชิ้นสุดท้ายหมดปาก"แล้วเค้าจะกินอะไรล่ะ"พออิ่มจนพุงกางเปมิกาก็พึ่งนึกได้ว่าคนที่หาหมึกพวกนี้มาน่าจะยังไม่ได้กินอะไรเธอจึงรีบมองซ้ายมองขวาแล้วลุกไปที่ตู้เย็นทันที"ฉันหุงข้าวกับทำไข่เจียวให้คุณก็แล้วกัน"เปิดตู้เย็นมาเจอไข่หญิงสาวก็หยิบมันออกมาสองลูกก่อนจะมองไปที่หม้อข้าวตั้งอยู่ที่เคาเตอร์ครัวแล้วลงมือหุงข้าวด้วยความชำนาญก่อนจะเริ่มตอกไข่ใส่ถ้วยเพื่อที่จะตีทำไข่เจียว"ทำอะไรเหรอครับ""พอดีฉันกินหมึกย่างจนหมดกลัวคุณไม่มีอะไรกินฉันเลยถือวิสาสะหุงข้าวกับจะทำไข่เจียวให้คุณ"เปมิกาหันยิ้มอ่อนให้ชายหนุ่มที่กำลังถือผ้าเช็ดผมของเขาที่เปียกหมาดๆอยู่เธอละอายใจพอสมควรที่กินไม่เหลือเผื่อแผ่ให้เจ้าของอาหาร"กินหมดถาดเลยเหรอครับ""คือ.. อย่าโกรธฉันเลยนะคะฉันหิว"หญิงสาวรีบขอโทษชายหนุ่มที่กำลังยืนทำสีหน้านิ่งงัน"เปล่าครับผมไม่ได้โกรธแค่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณจะกินไม่เยอะเสียอีก...หมึกยัง
"คุณนอนในห้องผมแล้วผมนอนที่โซฟาข้างนอกเอง"เห็นสีหน้าหญิงสาวเริ่มเสียกะทันหันภูมิใทจึงต้องรีบอธิบายให้จบว่าเขาไม่ได้หมายความว่าเขาจะนอนกับเธอ"อ่อ..ค่ะ...รบกวนคุณแย่เลยเนอะ"ชายหนุ่มว่าจบร่างบางก็ร้องอ๋อเสียงสูงปัดไม้ปัดมือทำท่าพูดเกรงอกเกรงใจทั้งที่ในใจพอใจกับคำตอบของอีกฝ่ายพอสมควรที่เขาจะยกห้องนอนให้เธอแล้วออกไปนอนข้างนอก"ไม่เป็นไรเลยครับ"22.00 น.“นายเป็นใครกันแน่นายทะเล”กลางดึกแล้วตอนนี้เปมิกาก็ยังนอนไม่หลับเธอยังคงแปลกใจกับบ้านของชาวประมงธรรมดาเพราะเมื่อมาสังเกตดีๆเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ที่นี่ทุกชิ้นแพงๆทั้งนั้นแถมเสื้อที่เธอใส่อยู่นี่ก็น่าจะเป็นเสื้อผ้าที่สั่งตัดมาโดยเฉพาะผิวพรรณชายหนุ่มก็ดูเนียนไม่กระดำกระด่างคำพูดคำจาก็ไม่ติดสำเนียงคนท้องถิ่นแม้แต่น้อยอยากจะรู้นักว่าทะเลคนนี้คือใครกันแน่เพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่ค่อยเชื่อแล้วว่าเขาคือชาวประมงทางด้านภูมิไทหลังจากที่โทรบอกกับทุกคนในเกาะว่ามีคนมาอยู่กับเขาที่บ้านเล็กตอนนี้และสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนยุ่มย่ามมาที่นี่เพราะไม่อยากให้หญิงสาวได้เจอใครกลัวว่าคนเหล่านั้นจะหลุดปากบอกกับเธอว่าเขาเป็นใครเวลานี้ชายหนุ่มก็เอาเตียงผ้าใบมานอนกางที่ระเบี
ภูมิไทไม่ได้มีปัญหาว่าหญิงสาวจะคืนเงินหรือไม่คืนอยู่แล้วหลังจากที่คุยกันเรียบร้อยทั้งสองก็เตรียมตัวออกเรือไปที่ฝั่งกันทันทีเรือเล่นมาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงฝั่งเล่นเอาเปมิกาเวียนหัวอยู่พอสมควรเพราะไม่ค่อยได้นั่งเรือบ่อยเท่าไรนักภูมิไทจึงพาเธอมานั่งพักที่เก้าอี้สาธารณะริมฟุตบาทก่อนที่จะไปทำธุระกันต่อ“ค่อยยังชั่วแล้วหรือยังครับ”“ค่ะ..”“เราต้องต่อรถไปอีกนิดนะครับถึงจะถึงห้าง”ภูมิไทเห็นว่าหญิงสาวค่อยยังชั่วแล้วจึงอยากให้เธอเดินทางต่อเพราะยังต้องต่อรถอีกพักใหญ่ถึงจะเดินทางถึงห้างในตัวเมือง“ไปห้างทำไมคะแถวนี้ก็น่าจะมีของที่ฉันจะซื้อแถมยังมีพวกอาหารสดด้วย...แต่ฉันขอกินข้าวก่อนแล้วค่อยเดินนะคะ..หิวไม่ไหวแล้วจริงๆ”เปมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าสงสัยเธอไม่ได้คิดจะเข้าห้างสรรพสินค้าเพราะตรงหน้าก็เป็นลานตลาดนัดกว้างท่าจะมีทั้งของกินของใช้ครบเลยแต่ก่อนจะเดินเธอต้องขอกินอะไรก่อนออกเรือมาก็ไม่ได้กินอะไรรองท้องมาเลย“ผมไม่เห็นมีร้านอาหารแถวนี้นะครับ”ภูมิไทคิดว่าหญิงสาวจะต้องติดใช้ของในห้างเสียอีกหากเธออยากจะเดินที่นี่เขาก็ไม่ว่าแต่เขาไม่ยักเห็นร้านอาหารแถวนี้จะเปิดสักร้านเพราะส่วนมากจะเปิด
อาทิตย์ต่อมาจากวันที่เปมิกาเจ็บวันนั้นตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ภูมิไทอยู่ดูแลหญิงสาวไม่ห่างทั้งทำอาหารทำแผลคอยอุ้มหญิงสาวออกไปนั่งเล่นข้างนอกเพราะกลัวว่าเธอจะเบื่อตอนนี้ทั้งคู่เลยดูสนิมกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความรู้สึกดีๆให้กันอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวด้วยภูมิไทเองก็ไม่เคยดูแลใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนมาก่อนเช่นเดียวกับเปมิกาเธอก็ไม่เคยมีแฟนและใกล้ผู้ชายคนไหนมาก่อนเช่นกันเมื่อได้ใกล้กันเข้าแถมยังคุยกันถูกคอความรู้สึกดีๆเลยเกิดขึ้นได้ไม่ยากตอนนี้หญิงสาวก็ตัดไหมเรียบร้อยแล้วแผลบนหัวไม่มีความรู้สึกเจ็บเท่าไรนักแต่ที่เท้ายังคงมีนิดหน่อยหากลงเดิน“ให้ฉันช่วยนะคะ”เปมิกาเดินกะเผลกๆมาที่ในครัวเพื่อจะช่วยชายหนุ่มทำอาหารเพราะให้เขาทำให้เธอกินมาหลายวันแล้ว“ผมบอกว่าอย่าเดินเองไงครับ”ภูมไทรีบละมือหมายจะเข้ามาประคองอุ้มร่างบางไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารแต่เธอก็รีบปฏิเสธเพราะเธอนั้นพอเดินเองไหว“คุณไม่ต้องอุ้มฉันแล้วก็ได้ค่ะ..ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ครับ..ผมอยากอุ้ม..”ว่าจบก็รวบยกร่างบางขึ้นทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเคอะเขินหลังจากจบมื้ออาหารเย็นภูมิไทก็พาหญิงสาวขี่หลัง
“ฮ่าๆๆ..หนูเป็นคนคุยสนุกแบบนี้นี่เองหลานย่าถึงได้มีรอยยิ้มเยอะกว่าเดิมมากเลย”“คุณทะเลเค้าไม่ค่อยยิ้มเหรอคะคุณย่า...ตอนอยู่ด้วยกันเค้ายิ้มตลอดเลยปากแทบจะฉีกถึงหูเลยล่ะค่ะ”ว่าแล้วก็พูดอวดทิพย์เกสรยกใหญ่ว่าตอนที่ชายหนุ่มอยู่กับเธอเขาแทบจะไม่หุบยิ้มเลยด้วยซ้ำนึกไม่ออกเลยว่าเวลาเขาทำหน้าดุจะเป็นเช่นไร“ขนาดนั้นเลยเหรอลูก”“ค่ะ..”“ใครนินทาผมอยู่หรือเปล่าครับ”ภูมิไทที่กำลังจะเข้ามาเรียกทั้งสองไปที่โต๊ะอาหารเขาก็ได้ยินประโยคหลังๆที่เปมิกาและทิพย์เกสรคุยกันแทบทุกคำจึงรู้ตัวว่ากำลังถูกนินทา“อืม...แฮร่..”คนที่รู้ตัวว่าถูกจับได้อย่างเปมิกาก็รีบยิ้มแหยให้ฝ่ายชายก่อนจะก้มหน้างุดมองไหมพรมที่กำลังถักในมือต่อ“อย่าทำให้หนูดาวเสียหายนะลูก”ก่อนภูมิไทและเปมิกาจะกลับทิพย์เกสรก็เรียกหลานชายเธอมาคุยตามลำพังถึงเธอจะไว้ใจหลานชายมากเพียงใดแต่ก็ไม่ลืมจะย้ำให้เขาได้ฟังอีกรอบว่าการเป็นสุภาพบุรุษจะต้องทำอย่างไร“ครับคุณย่าผมจะให้เกียรติเธอ”ชายหนุ่มรับปากคนเป็นย่าด้วยรอยยิ้มอ่อนแม้นเขาจะชอบเธอเพียงใดแต่ก็ไม่คิดจะล่วงเกินหากหญิงสาวไม่เต็มใจและจะไม่ทำให้เธอดูไม่ดีในสายตาของคนอื่นเด็ดขาด22.00 น.จากทุกคืนที่เ