เดือนต่อมา
เปมิกามาอยู่ที่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ได้ร่วมเดือนกว่าแล้วหัวใจช่วงนี้ก็เริ่มดีขึ้นมากกว่าเดิมพอสมควรยิ่งอยู่ในที่ๆสงบใจเธอก็เริ่มเย็นลงมาก
"ยินดีด้วยนะคะคุณตั้งครรภ์ได้สิบสองสัปดาห์แล้ว"
หญิงสาวนั่งเหม่ออยู่ริมระเบียงบ้านไม้ยามค่ำคืนคำพูดของหมอสาวที่เธอไปหาที่โรงพยาบาลเมื่อเช้ายังลอยอยู่ในหัวตอนนี้จะว่าดีใจที่มีลูกก็ดีใจแต่จะดีกว่านี้ถ้าเธอและภูมิไทไม่มีปัญหากัน
หากเธอกลับไปบอกภูมิไทว่าเธอท้องลูกของเขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดีดังนั้นเธอคิดว่าไม่ควรจะบอกเขาดีกว่าด้วยกลัวว่าจะถูกเขากล่าววาจาร้ายๆใส่เธออีกแค่ลูกคนเดียวเธอเลี้ยงได้อยู่แล้ว
"ได้เรื่องยังไงบ้างครับคุณเขต"
"เธอเข้ารักษาที่โรงพยาบาลxxxครับ"
ทางด้านของภูมิไทแม้นจะงานยุ่งเขาก็ยังให้คนคอยตามหาเปมิกาอยู่ตลอดจวบจนวันนี้เขาก็ยิ้มได้เสียทีแต่ก็ตกใจพอสมควรเมื่อเขตแดนบอกว่าเธอเข้ารักษาที่โรงพยาบาลภาวนาในใจว่าอย่าให้เธอได้เป็นอะไรร้ายแรงเลย
"แล้วเธอเป็นอะไร"
"คุณดาวตั้งท้องครับ"
เขตแดนอมยิ้มอ่อนรู้ว่าข่าวนี้คงทำให้เจ้านายตนใจชื้นชุ่มฉ่ำขึ้นมาได้ในรอบหลายวัน
"ว...ว่าไงนะ"
ภูมิไทใจเต้นระรัวดั่งกลองเพลเขาดีใจจนน้ำตาคลอแม้นจะยังไม่รู้พิกัดว่าจริงๆแล้วหญิงสาวพักอยู่ที่ไหนแต่หากเธอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนั้นเธอก็คงอยู่ไม่ห่างจากที่นั่นดีไม่ดีหากเขาไปติดต่อที่โรงพยาบาลเองเขาก็อาจจะได้รู้ที่อยู่ของเธอเลยก็ได้
เช้าวันนี้เป็นวันที่อากาศดีเป็นพิเศษหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวตัวยาวคลุมด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีชมพูเดินเล่นตามถนนในหมู่บ้าน
ใบหน้านวลเปื้อนยิ้มตลอดเวลาเมื่อได้เห็นวิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คนแม้จะเห็นออกบ่อยแต่ก็ประทับใจทุกครั้งที่ได้มอง
เปมิกาเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจหยุดชะงักการเดินเมื่อเห็นคนที่เธอไม่อยากจะเห็นอยู่ไกลๆยืนอยู่ที่หน้าบ้านของคนระแวกนี้ทั้งยืนคุยด้วยสีหน้าซีเรียส
"หืม...มาที่นี่ได้ไง"
หญิงสาวไม่รู้ว่าภูมิไทมาที่นี่ได้อย่างไรเขามีธุระอะไรที่นี่เธอรีบเดินดุ่มๆกลับไปที่บ้านพักเก็บกระเป๋าเก็บเต๊นท์เดินเข้าไปใช้ชีวิตในป่าด้วยกลัวว่าเขาจะต้องมาเจอกับเธอแล้วทั้งเขาและเธอจะต้องมาอยู่ในสภาวะอึดอัดหัวใจกันอีก
ภูมิไทเดินตามหญิงชราที่บอกกับเขาว่ารู้จักกับเปมิกาขณะที่เขาตามหาหญิงสาวที่กลางชุมชนหมู่บ้านเมื่อเช้า
"เธออยู่บ้านหลังนี้คนเดียวน่ะเหรอครับ"
ตอนนี้เขาเดินมาถึงบ้านไม้ยกทรงสูงไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนักเป็นบ้านที่หญิงชราบอกว่าเธอเป็นคนให้เปมิกาเช่าอยู่ที่นี่ร่วมเกือบสองเดือนแล้ว
ภูมิไทมีสีหน้าเป็นกังวลพอสมควรไม่รู้ว่าหญิงสาวอยู่ที่นี่จะมีความลำบากอย่างไรบ้างเพราะดูท่าสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ได้มีมากเท่าไรนัก
"จะพ่อหนุ่ม...เมื่อเช้ายังเห็นเดินเล่นอยู่เลยไม่รู้ไปไหนเสียแล้ว"
"เดี๋ยวผมขอรอเธอที่นี่นะครับ"
"ตามสบายเลยพ่อหนุ่ม"
ภูมิไทนั่งรอเปมิกาเป็นชั่วโมงได้เขาเดินดูบริเวณรอบๆบ้านดูของด้านในพบว่ามีชุดเปมิกาแค่ไม่กี่ชุดยิ่งดูก็ยิ่งหดหู่เพราะความฉลาดน้อยของเขาแท้ๆที่ทำให้คนรักต้องเสียใจหนีหายมาอยู่ในสภาพแบบนี้
"จะมาตามหาเราทำไมนะ..."
ทางด้านเปมิกาหลังจากเอาข้าวของไปไว้ในป่าได้เธอก็จะกลับมาหาเก็บพวกฟืนเพิ่มเพื้อเอาไว้ก่อไฟยามค่ำคืนที่อากาศค่อนข้างเย็นแต่ก็ต้องแอบซุ่มอยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าไปใต้ถุนบ้านเพราะเห็นว่าภูมิไทอยู่ที่นี่เธอพอจะรู้สาเหตุแล้วว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไรคงไม่พ้นตามหาเธอแต่จะด้วยเรื่องอะไรนั่นเดาไม่ออกแต่เธอจะไม่ยอมเจอเขาเด็ดขาด
ตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำแล้วเปมิกานั่งเหม่อมองฟ้าหน้าเต๊นท์เธอก่อไฟกองไม่ใหญ่มากใกล้ๆกับเต๊นท์ดีที่ในป่ายังพอมีกิ่งไม้แห้งพอให้เธอได้นำมาก่อไล่ยุงผิงไฟได้บ้างไม่อย่างนั่นคงนอนหนาวขดอยู่ในเต๊นท์อย่างเดียวแน่
ทางด้านภูมิไทเองก็นั่งไม่ติดเมื่อรอเปมิกามาทั้งวันเธอก็ยังไม่กลับมาที่พักจนเขาค่อนข้างสังหรณ์ใจว่าเธอน่าจะเห็นว่าเขามาที่นี่เป็นแน่จึงไม่ยอมกลับมา
และแล้วความคิดของเขาก็เป็นจริงมีชายวัยกลางคนเข้ามาทักทายกับเขาเมื่อรู้จักกันได้เขาจึงถามถึงเปมิกาได้ข้อสรุปว่าวันนี้เธอคงไม่กลับเพราะชายวัยกลางคนเห็นเธอแบกเต๊นท์แบกกระเป๋าเข้าไปนอนที่จุดกลางเต๊นท์ในป่าของหมู่บ้าน
หลังจากรู้เช่นนั้นภูมิไทจึงรีบถามทางกับชายวัยกลางคนเพื่อที่จะไปหาเปมิกาทันทีภูมิไทเดินทางมาจากหมู่บ้านไม่ไกลนักก็เห็นกองไฟที่กำลังใกล้มอดเขาพอจะรู้ว่าเวลานี้หญิงสาวท่าจะเข้านอนแล้วจึงค่อยๆรูดซิบเปิดเข้าไปในเต๊นท์ด้วยคิดถึงร่างบางใจจะขาดอยากมองหน้าเธอแทบแย่
"อ๊ายยย... "
พลั้กก
เปมิการู้สึกตัวตื่นเพราะมีอะไรมากวนอยู่ที่ใบหน้าเธอลืมตาเห็นเป็นเงาผู้ชายได้ก็ถีบร่างหนาเสียจนล้มฟุบนอนจุกร้องโอดโอยก่อนจะรีบเปิดไฟฉายดูว่าเป็นใคร
"โอ้ยย...ผมเอง..ผมเอง"
"มายุ่งกับฉันทำไม"
เปมิการีบถดตัวหนีแอบโล่งใจที่ไม่ใช่โรคจิตที่ไหนแต่ก็ไม่พอใจที่ภูมิไทเข้ามาหาเธอที่นี่ได้
"ผม...ตามหาคุณเพื่อขอโทษที่ไม่เชื่อใจคุณเรื่องที่เราเข้าใจผิดกันเพราะอรนิชาเธอจัดฉากทุกอย่าง."
ภูมิไทพยายามลุกนั่งพอหายจุกได้เขาก็รีบเล่าวีรกรรมทุกอย่างของอรนิชาที่ได้รับรู้มาให้ฟังรวมถึงธนดลที่ไม่มช่คนดีอย่างที่เปมิกาคิด
"คุณดล..."
หญิงสาวฟังจบก็หน้าเสียพอสมควรโกรธอรนิชาดับธนดลจนอยากจะต่อยหน้าคนละฉาดแต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์เพราะเธอไม่อยากคิดอะไรให้ใจมัวหมอง
"พวกเราเข้าใจผิดกันก็เพราะอรนิชา"
"ใช่...นั่นก็ส่วนหนึ่งแต่คุณไม่เชื่อใจฉันทั้งที่ฉันเชื่อใจคุณ"
เปมิกาว่าจบก็ตวัดสายตามองค้อนภูมิไทสั่งสอนให้เขาได้รู้ว่าไม่ใช่จะง้อเธอง่ายๆทั้งที่ในใจตอนนี้ก็ให้อภัยเขาไปแล้วหลังรู้ความจริง
"ผมขอโทษ...กลับบ้านเราเถอะนะครับ"
"ไม่ค่ะ...ฉันอยากอยู่ที่นี่ต่อ"
มือเรียวยกมือกอดอกกันแน่น
"ถ้าคุณอยู่ผมก็จะอยู่ด้วยผมจะคอยดูแลไม่ให้คุณกับลูกลำบาก"
"ลูก..คุณรู้ได้ยังไง"
คิ้วเรียวได้รูปขมวดดวงตากลมโตจ้องคนตรงหน้าเขม็งว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรทั้งที่เธอก็ยังไม่ได้บอกใคร
"ผมตามหาคุณได้ก็เพราะมีชื่อคุณเข้ารักษาที่โรงพยาบาลxxx"
"ยอมรับว่าเป็นลูกตัวเองแล้วเหรอคะไม่ต้องตรวจก่อนเหรอ"
"อย่าประชดได้หรือเปล่าคุยกันดีๆนะครับ"
ภูมิไทเข้าไปสวมกอดร่างบางเอาไว้แน่นเขาคิดถึงเธอที่สุด
"ไม่ค่ะ...ตอนนี้ฉันไม่อยากพูดดีกับคุณ"
"โอเค...คุณจะทำยังไงกับผมก็ได้ขอแค่ผมได้ดูแลคุณกับลูกก็พอ"
สองหนุ่มสาวงอนง้อกันพักใหญ่ดูท่าว่าเปมิกาจะใจแข็งแต่ก็ไม่ได้ไล่ให้ชายหนุ่มไปไหนคืนนี้ทั้งสองจึงนอนกอดกันหลับอุตุอยู่ในเต๊นท์หลังเล็กในค่ำคืนนี้
วันต่อมา
ในช่วงเช้าของวันต่อมาเปมิกากลับมาที่บ้านพร้อมภูมิไทที่ตามเธอติดแจไม่เคยห่าง
ขณะที่เปมิกากำลังจะเดินออกไปหาซื้ออาหารเช้าในหมู่บ้านหลังจากอาบน้ำเช้าเสร็จเธอก็ต้องชะงักการเดินที่หน้าบันไดเพราะได้ยินภูมิไทคุยโทรศัพท์เรื่องของคุณย่าของเขาที่หน้าชานบ้าน
"ครับ..คุณย่าไม่สบายอีกแล้ว..ครับๆผมจะรีบไปหาท่าน"
น้ำเสียงของภูมิไทดูร้อนรนจนเปมิกาไม่สบายใจไปด้วยเพราะเป็นห่วงทิพย์เกสรเธอจึงรีบถามไถ่อาการป่วยของทิพย์เกสรกับภูมิไทหลังจากที่เขาวางหู
"คุณย่าเป็นอะไรเหรอคะ"
"ป่วยกะทันหันครับ..ผมต้องรีบกลับไปดูคุณย่าแล้วจะรีบมาหาคุณ"
"ฉันไปด้วยค่ะฉันอยากไปเยี่ยมคุณย่า"
เปมิกาคงปล่อยให้ภูมิไทไปคนเดียวไม่ได้เธออยากจะไปเยี่ยมทิพย์เกสรด้วยเข่นกันหลังจากเตรียมตัวเสร็จก็รีบมาที่สนามบินทันที
ทั้งสองเดินทางกันร่วมวันกว่สจะมาถึงท่าเรือเปมิกาดูจะเพลียมากแต่เธอก็ไม่คิดจะบ่นด้วยใจเป็นห่วงทิพย์เกสรมากกว่า
หลังจากลงเรือยอร์ชลำใหญ่ได้ภูมิไทก็ให้เปมิกาไปนอนพักในห้องนอนเพาะรู้ว่าเธอต้องการพักผ่อนด้วยเดินทางเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
สามชั่วโมงต่อมา
"อืม..ยังไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย"
เปมิกาหลับไปร่วมสามชั่วโมงเห็นจะได้เธอออกมาจากห้องนอนขึ้นมาด้านบนเห็นว่าเรือยังลอยลำอยู่กลางทะเลทั้งที่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วจึงแปลกใจว่าเรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่าทำไมถึงยังไม่ถึงเกาะเสียที
เปมิกาเดินตามหาภูมิไทบนเรือเธอไม่เห็นภูมิไทเห็นเพียงแค่โลมาและเดือนฉายที่ยืนยิ้มให้เธออยู่เท่านั้น
"ทำไมพี่เดือนกับโลมาอยู่ที่นี่ได้คะ?"
"ก็มาแสดงความยินดีกับเราล่ะสิดาว"
คำตอบของเดือนฉายทำให้เปมิกาเริ่มรู้แล้วว่าทิพย์เกสรนั้นไม่ได้ป่วยจริงคงเป็นแผนของภูมิไทแน่นอนที่หลอกให้เธอมากับเขาได้
"น้าดาวขา...น้าดาวจะมีน้องให้โลมาแล้วโลมาดีใจที่สุดเลยค่ะ"
เด็กหญิงวัยเกือบหกขวบกอดหอมที่หน้าท้องของน้าสาวเธอดีใจมากที่รู้ว่าน้าสาวของเธอกำลังจะมีน้องตัวน้อยๆมาคอยวิ่งเล่นด้วยกัน
"โลมา.."
เปมิกาก้มหอมหลานสาวด้วยความคิดถึงก่อนจะเงยหน้ามองภูมิไทที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ
"นี่แสดงว่าคุณย่าไม่ได้ป่วยจริงใช่หรือเปล่าคะ"
"คือ..."
ภูมิไทส่ายหัวเบาๆใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนมาถึงขนาดนี้เขาว่าเปมิกาคงจะรู้ตัวแล้ว
"น้าดาวอย่าโกรธคุณลุงเลยนะคะ...โกรธกันไม่ดีน้าดาวเคยสอน...คืนดีกับคุณลุงนะคะ"
เปมิกาเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากสิ้นเสียงหลานสาวเอ่ยขอนับว่าภูมิไทเข้าทางถูกเพราะเธอได้รับคำขออะไรจากโลมาเป็นอันต้องใจอ่อนทุกที
"ก็ได้จะ"
"เย่...คุณลุงอย่าลืมสัญญานะคะ"
เด็กหญิงกระโดดดีใจก่อนจะหันไปทวงสัญญาภูมิไท
"ได้เลยครับ"
"สัญญาอะไรคะ"
"คุณลุงบอกว่าถ้าโลมาทำให้น้าดาวหายโกรธได้จะทำน้องให้มาเล่นด้วยหลายๆคนค่ะ"
"คุณทะเล"
เปมิกาหน้าชาแดงเป็นลูกตำลึงเมื่อได้ยินข้อตกลงของภูมิไทและโลมา
ขณะที่กำลังยืนเคอะเขินอยู่นั้นเปมิกาก็ต้องรีบมองไปที่หลังเรือด้วยสีหน้าตะลึงเล็กน้อยที่เห็นทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งกชกรธันวาของขวัญและลูคัสรวมถึงทิพย์เกสรคุณย่าที่เธอห่วงจนขอตามภูมิไทมาที่นี่
"เย่.. ยินดีด้วยนะดาว..มีความสุขซะทีนะ"
ของขวัญเอ่ยยินดีกับเพื่อนรักน้ำตาคลอแม้นจะมีอุปสรรครักแต่ทั้งสองก็กลับมาเข้าใจกันจนได้นี่เค้าเรียกว่าคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกัน
"ดีกันได้เสียทีนะลูกนะ"
ทิพย์เกสรเข้าไปสวมกอดเปมิกาและภูมิไทชื่นใจที่เห็นหลานๆลงเอยกันด้วยดีทั้งยังดีใจที่รู้ว่าจะมีเหลนอุ้มแล้วด้วย
"ทุกคนอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรคะ"
"ตั้งแต่เราลงเรือมาพวกเค้าอยู่ในห้อง...มาช่วยเป็นพยานรักของเราไงครับ"
ภูมิไทสวมกอดเปมิกาเอาไว้แน่นให้ทุกคนเป็นพยานรักว่าต่อไปนี้เปมิกาและเขาจะไม่มีวันแยกจากกันอีกบทเรียนที่ผ่านมาจะทำให้เขาใช้ชีวิตคู่กับเปมิกาอย่างมีสติมากขึ้นไม่เอาแต่อารมณ์ต้องมีเหตุมีผลจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันขึ้นอีก
จบแล้วค่า
ซ่าาา.. ซ่าาา....เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งบนเกาะเล็กๆทางตอนใต้ของประเทศไทยบรรยากาศยามค่ำคืนนี้ท้องฟ้าโปร่งเดือนหงายมีดาวระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้าแสงของดวงจันทร์กลมโตสะท้อนกับน้ำทะเลเป็นภาพที่สวยงามในสายตาของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบริมชายหาดไม่น้อยภูมิไท ทักษาธาราชายหนุ่มวัยสามสิบสองทายาทกิจการโรงแรมหมื่นล้านและธุรกิจอื่นๆของเครือทักษาธาราเพียงคนเดียวของตระกูลเพราะย่าของภูมิไทก็มีลูกชายคนเดียวส่วนพ่อกับเม่ชายหนุ่มก็มีแค่ภูมิไทเป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้นสถานะของภูมิไทคือโสดมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มคิ้วหนาดวงตาคมจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากหนาเป็นกระจับอมชมพูปล่อยผมยาวหยิกหยักศกประบ่ามีไรหนวดเคราเล็กน้อยสูง180ร่างกายกำยำบึกบึนเพราะออกกำลังกายเป็นประจำเขากำลังนอนมองท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มอ่อน....แทบทุกคืนของวันพระจันทร์เต็มดวงเขาจะต้องมานอนสัมผัสบรรยากาศแทบทุกครั้งเพราะมันทำให้เขาผ่อนคลายเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศเขาชอบความสงบนอนฟังเสียงคลื่นไปเพลินๆเสมือนธรรมชาติกำลังบำบัดขัดเกลาความขุ่นมัวในใจออกไปได้เป็นอย่างดีเกาะที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวของภูมิไทที่สัมปทานไว้ได้ตั้งแต่รุ่นปู่จนมาถึงมือของช
"..เฮ้อ.."ของขวัญเองก็ได้แต่ยืนถอนหายใจเพราะเงินที่เธอมียังไงก็รวมกับเปมิกาไม่ถึงที่จะเป็นค่าใช้จ่ายใช้ผ่าตัดให้โลมาอยู่ดีของขวัญหญิงสาวตัวเล็กผอมแห้งวัยยี่สิบสี่ใบหน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อยคิ้วบางได้รูปตาคมเหมือนลูกแมวผิวขาวอมชมพูผมหยักศกสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังเธอเป็นเพื่อนกับเปมิกาตั้งแต่เข้ามหาลัยหญิงสาวมีชะตาชีวิตที่ค่อนข้างเหมือนกับเปมิกาจึงเข้าอกเข้าใจกันและสนิทกันมากทำงานหาเงินเรียนแฟชั่นด้วยกันจบมาก็ช่วยกันออกแบบเสื้อผ้าขายและติดตามเป็นคนช่วยเหลือเปมิกาทุกครั้งที่เพื่อนเธอต้องมาเดินแบบหรือถ่ายแบบให้โมเดลลิ่งที่จ้างแต่ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยติดตามเพื่อนเธอเท่าไรเพราะต้องช่วยดูแลโลมาหลานสาวของเปมิกาอีกอย่างแบรนด์เสื้อผาที่พวกเธอทำก็ค่อนข้างขายได้เยอะกว่าแต่ก่อนส่วนมากจึงจะทำงานอยู่กับบ้านมากกว่า"ฉันขอคุยกับเธอหน่อยได้หรือเปล่า""คุณอรนิชา...เอ่อ...ได้ค่ะ"ขณะที่สองสาวนั่งเครียดกันอยู่จู่ๆก็มีอรนิชาไฮโซสาววัยสามสิบลูกสาวเจ้าของงานเดินแบบโชว์เครื่องเพชรวันนี้เข้ามาขอคุยกับเปมิกาทำเอานางแบบสาวตกใจพอสมควรไม่รู้ว่าเธอทำเพชรเม็ดไหนของเจ้าของงานหลุดไปหรือเปล่าถึงตามมาคุยกับเธอถึงตรงน
ช่วงเย็นของวันรัชนนท์หนุ่มหล่อร่างสูงบึกบึนหน้าคมผมยาวรวบมัดตึงวัยสามสิบห้าในชุดเสื้อลินินสีงาช้างกางเกงเลสีดำใส่รองเท้าแตะหูหนีบเดินดุ่มๆแบกถังน้ำมันมาหาภูมิไทที่ท่าเรือก่อนจะวางมันลงที่เรือประมงของตัวเอง“ทำไมวันนี้อยากจะใช้เรือพี่ล่ะ”รัชนนน์เอ่ยถามกับชายหนุ่มเจ้าของเกาะที่นั่งรอเขาอยู่ที่ในเรือ“ผมอยากนั่งเรือเล่นยืมคืนนึงนะครับพี่นนท์”“ตามสบายเลย”รัชนนท์รู้ดีว่าภูมิไทคงอยากหาอะไรทำแก้เบื่อเขาก็ไม่ติดอะไรที่ชายหนุ่มจะใช้เรือของเขาไปหาความสนุกเพราะภูมิไทก็ให้ที่พักอาศัยแก่เขาฟรีๆโดยที่ไม่ได้เรียกร้องอะไรแถมยังคอยดูแลอย่างดีอีกต่างหากเช้าตรู่วันต่อมาและแล้วเช้าของวันใหม่หลังจากที่สองสาววางแผนกันมาดิบดีแล้วทั้งสองก็มายืนอยู่ที่หน้าผาชันไม่ใกล้ไม่ไกลกับเกาะของภูมิไทมากนักสองสาวยืนรับลมทะเลกันมาพักใหญ่เพื่อรอดูเรือประมงว่าจะมีหันหัวแล่นเข้าเกาะเมื่อไหร่เพราะเมื่อมีเรือมาเปทิกาก็จะรีบกระโดดจากหน้าผาลงไปที่ทะเลทันทีตามแผนที่วางเอาไว้คิดว่ายังไงคนบนเรือก็ต้องลงมาช่วยเธอจังหวะนั้นเธอจะได้ออกอุบายเพื่อเข้าไปที่เกาะส่วนตัวของภูมิไทได้“เอาแบบนี้จริงเหรอดาว”ของขวัญที่ยืนอยู่ข้างๆเปมิกาต
“คือ...ฉันลองไปดูก็ได้คุณจะให้ฉันอยู่กี่วันฉันคิดว่าหากอยู่นานๆฉันก็คงจะดีขึ้นมาก”“จะอยู่เท่าไรก็แล้วแต่คุณเลยผมให้อยู่ฟรีกินฟรีด้วย”ภูมิไทเห็นทีท่าว่าหญิงสาวเริ่มที่จะสนใจสิ่งที่เขานำเสนอแล้วจึงตามใจเธอทุกอย่างเพราะคนที่กำลังจิตใจอ่อนแอย่อมต้องการพลังที่เป็นบวก“ขอบคุณนะคะ...ฉันชื่อปลาดาวเรียกฉันว่าดาวก็ได้คุณล่ะ”“ผมชื่อทะเล...นี่ผ้าห่มเอาไว้เดี๋ยวจะหนาว”ชายหนุ่มแนะนำตัวกับหญิงสาวก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนสีน้ำตาลของเขาที่ยังไม่ได้ใช้เอามาให้เธอห่มเพราะกว่าจะถึงเกาะเธอต้องรับลมทะเลอีกพักใหญ่เดี๋ยวจะหนาวเอาได้“ขอบคุณนะคะ”ภูมิไทพาหญิงสาวขึ้นจากท่าเรือเดินตามแนวชายหาดมาไม่ไกลนักก็เจอบ้านหลังสีขาวเล็กๆหลังคาทรงปั้นหยาตัวบ้านยกสูงจากพื้นบันไดสามขั้นด้านหน้ามีชานระเบียงกว้างเอาไว้นั่งรับลมเปมิกาเห็นคราแรกก็รู้สึกชอบบ้านหลังนี้มากเพราะเป็นบ้านริมทะเลในฝันที่เธออยากจะมีแต่คิดไปคิดมาก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะตอนนี้เธอไม่เห็นมีใครอยู่ที่บ้านอีกอย่างบ้านก็ตั้งอยู่หลังเดียวโดดๆแถมเธอยังมาอยู่กับชายหนุ่มชาวประมงสองต่อสองอีกอันที่จริงนึกว่าขึ้นฝั่งมาแล้วจะเจอคนอื่นบ้างแต่เปล่าเลย"บ้านผม
หลังจากที่ภูมิไทไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักใหญ่เปมิกาก็ง่วนอยู่กับการกินหมึกย่างจนตอนนี้หมึกย่างในถาดสแตนเลสใหญ่ก็ได้หมดลงไม่เหลือสักชิ้น"อืม.. เอ่อะ"ร่างบางนั่งตัวตรงเรอออกมาอย่างไม่ห่วงสวยหลังจากเคี้ยวหมึกชิ้นสุดท้ายหมดปาก"แล้วเค้าจะกินอะไรล่ะ"พออิ่มจนพุงกางเปมิกาก็พึ่งนึกได้ว่าคนที่หาหมึกพวกนี้มาน่าจะยังไม่ได้กินอะไรเธอจึงรีบมองซ้ายมองขวาแล้วลุกไปที่ตู้เย็นทันที"ฉันหุงข้าวกับทำไข่เจียวให้คุณก็แล้วกัน"เปิดตู้เย็นมาเจอไข่หญิงสาวก็หยิบมันออกมาสองลูกก่อนจะมองไปที่หม้อข้าวตั้งอยู่ที่เคาเตอร์ครัวแล้วลงมือหุงข้าวด้วยความชำนาญก่อนจะเริ่มตอกไข่ใส่ถ้วยเพื่อที่จะตีทำไข่เจียว"ทำอะไรเหรอครับ""พอดีฉันกินหมึกย่างจนหมดกลัวคุณไม่มีอะไรกินฉันเลยถือวิสาสะหุงข้าวกับจะทำไข่เจียวให้คุณ"เปมิกาหันยิ้มอ่อนให้ชายหนุ่มที่กำลังถือผ้าเช็ดผมของเขาที่เปียกหมาดๆอยู่เธอละอายใจพอสมควรที่กินไม่เหลือเผื่อแผ่ให้เจ้าของอาหาร"กินหมดถาดเลยเหรอครับ""คือ.. อย่าโกรธฉันเลยนะคะฉันหิว"หญิงสาวรีบขอโทษชายหนุ่มที่กำลังยืนทำสีหน้านิ่งงัน"เปล่าครับผมไม่ได้โกรธแค่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณจะกินไม่เยอะเสียอีก...หมึกยัง
"คุณนอนในห้องผมแล้วผมนอนที่โซฟาข้างนอกเอง"เห็นสีหน้าหญิงสาวเริ่มเสียกะทันหันภูมิใทจึงต้องรีบอธิบายให้จบว่าเขาไม่ได้หมายความว่าเขาจะนอนกับเธอ"อ่อ..ค่ะ...รบกวนคุณแย่เลยเนอะ"ชายหนุ่มว่าจบร่างบางก็ร้องอ๋อเสียงสูงปัดไม้ปัดมือทำท่าพูดเกรงอกเกรงใจทั้งที่ในใจพอใจกับคำตอบของอีกฝ่ายพอสมควรที่เขาจะยกห้องนอนให้เธอแล้วออกไปนอนข้างนอก"ไม่เป็นไรเลยครับ"22.00 น.“นายเป็นใครกันแน่นายทะเล”กลางดึกแล้วตอนนี้เปมิกาก็ยังนอนไม่หลับเธอยังคงแปลกใจกับบ้านของชาวประมงธรรมดาเพราะเมื่อมาสังเกตดีๆเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ที่นี่ทุกชิ้นแพงๆทั้งนั้นแถมเสื้อที่เธอใส่อยู่นี่ก็น่าจะเป็นเสื้อผ้าที่สั่งตัดมาโดยเฉพาะผิวพรรณชายหนุ่มก็ดูเนียนไม่กระดำกระด่างคำพูดคำจาก็ไม่ติดสำเนียงคนท้องถิ่นแม้แต่น้อยอยากจะรู้นักว่าทะเลคนนี้คือใครกันแน่เพราะตอนนี้เธอเริ่มไม่ค่อยเชื่อแล้วว่าเขาคือชาวประมงทางด้านภูมิไทหลังจากที่โทรบอกกับทุกคนในเกาะว่ามีคนมาอยู่กับเขาที่บ้านเล็กตอนนี้และสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนยุ่มย่ามมาที่นี่เพราะไม่อยากให้หญิงสาวได้เจอใครกลัวว่าคนเหล่านั้นจะหลุดปากบอกกับเธอว่าเขาเป็นใครเวลานี้ชายหนุ่มก็เอาเตียงผ้าใบมานอนกางที่ระเบี
ภูมิไทไม่ได้มีปัญหาว่าหญิงสาวจะคืนเงินหรือไม่คืนอยู่แล้วหลังจากที่คุยกันเรียบร้อยทั้งสองก็เตรียมตัวออกเรือไปที่ฝั่งกันทันทีเรือเล่นมาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงฝั่งเล่นเอาเปมิกาเวียนหัวอยู่พอสมควรเพราะไม่ค่อยได้นั่งเรือบ่อยเท่าไรนักภูมิไทจึงพาเธอมานั่งพักที่เก้าอี้สาธารณะริมฟุตบาทก่อนที่จะไปทำธุระกันต่อ“ค่อยยังชั่วแล้วหรือยังครับ”“ค่ะ..”“เราต้องต่อรถไปอีกนิดนะครับถึงจะถึงห้าง”ภูมิไทเห็นว่าหญิงสาวค่อยยังชั่วแล้วจึงอยากให้เธอเดินทางต่อเพราะยังต้องต่อรถอีกพักใหญ่ถึงจะเดินทางถึงห้างในตัวเมือง“ไปห้างทำไมคะแถวนี้ก็น่าจะมีของที่ฉันจะซื้อแถมยังมีพวกอาหารสดด้วย...แต่ฉันขอกินข้าวก่อนแล้วค่อยเดินนะคะ..หิวไม่ไหวแล้วจริงๆ”เปมิกาเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าสงสัยเธอไม่ได้คิดจะเข้าห้างสรรพสินค้าเพราะตรงหน้าก็เป็นลานตลาดนัดกว้างท่าจะมีทั้งของกินของใช้ครบเลยแต่ก่อนจะเดินเธอต้องขอกินอะไรก่อนออกเรือมาก็ไม่ได้กินอะไรรองท้องมาเลย“ผมไม่เห็นมีร้านอาหารแถวนี้นะครับ”ภูมิไทคิดว่าหญิงสาวจะต้องติดใช้ของในห้างเสียอีกหากเธออยากจะเดินที่นี่เขาก็ไม่ว่าแต่เขาไม่ยักเห็นร้านอาหารแถวนี้จะเปิดสักร้านเพราะส่วนมากจะเปิด
อาทิตย์ต่อมาจากวันที่เปมิกาเจ็บวันนั้นตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ภูมิไทอยู่ดูแลหญิงสาวไม่ห่างทั้งทำอาหารทำแผลคอยอุ้มหญิงสาวออกไปนั่งเล่นข้างนอกเพราะกลัวว่าเธอจะเบื่อตอนนี้ทั้งคู่เลยดูสนิมกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความรู้สึกดีๆให้กันอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวด้วยภูมิไทเองก็ไม่เคยดูแลใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนมาก่อนเช่นเดียวกับเปมิกาเธอก็ไม่เคยมีแฟนและใกล้ผู้ชายคนไหนมาก่อนเช่นกันเมื่อได้ใกล้กันเข้าแถมยังคุยกันถูกคอความรู้สึกดีๆเลยเกิดขึ้นได้ไม่ยากตอนนี้หญิงสาวก็ตัดไหมเรียบร้อยแล้วแผลบนหัวไม่มีความรู้สึกเจ็บเท่าไรนักแต่ที่เท้ายังคงมีนิดหน่อยหากลงเดิน“ให้ฉันช่วยนะคะ”เปมิกาเดินกะเผลกๆมาที่ในครัวเพื่อจะช่วยชายหนุ่มทำอาหารเพราะให้เขาทำให้เธอกินมาหลายวันแล้ว“ผมบอกว่าอย่าเดินเองไงครับ”ภูมไทรีบละมือหมายจะเข้ามาประคองอุ้มร่างบางไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารแต่เธอก็รีบปฏิเสธเพราะเธอนั้นพอเดินเองไหว“คุณไม่ต้องอุ้มฉันแล้วก็ได้ค่ะ..ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”“ไม่ครับ..ผมอยากอุ้ม..”ว่าจบก็รวบยกร่างบางขึ้นทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นเธอหน้าแดงก่ำด้วยความเคอะเขินหลังจากจบมื้ออาหารเย็นภูมิไทก็พาหญิงสาวขี่หลัง