“บ้านคุณน่ารักดีนะ”
หลังจากที่คาวีและต้นหลิวมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ต้นหลิวก็จัดการกับอาหารที่พึ่งซื้อมาใส่จานเพื่อให้ชายหนุ่มนั้นได้รีบทานจะได้รีบกลับ
“อืม ช่วงนี้บ้านไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ คุณก็อย่าถือแล้วกัน”
เนื่องจากต้นหลิวไม่ค่อยได้มีเวลาทำงานบ้านเท่าไรที่นี่บ้านจึงดูไม่ค่อยเรียบร้อยต้องชิงบอกกับชายหนุ่มเอาไว้เสียก่อน เพราะเดี๋ยวเธอจะโดนเขากล่าวหาว่าไม่เป็นกุลสตรีอีก
“นี่คุณถ้าคุณขาดเหลืออะไรคุณบอกผมได้เลย ผมยินดีช่วย”
คาวีดูไปแล้วมันก็ไม่ได้ไม่เรียบร้อยเช่นที่หญิงสาวพูด ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีเพียงแค่ฝุ่นเล็กน้อย อันนี้เขาเจ้าใจได้ว่าเธอไม่ค่อยได้กลับมาดูแลบ้าน เพราะหลังๆมานี้เธอเฝ้าแม่อยู่แต่โรงพยาบาล เขารู้ว่าเธอลำบากแต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกใครแม้แต่น้องสาวของเธอเอง เขาจึงคิดอยากจะช่วย
“จะปล่อยเงินกู้ให้ฉันหรือไง”
ต้นหลิวที่กำลังสนใจกับอาหารในจานอยู่ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อดูสีหน้าของคาวีว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น เมื่อมองดูแล้วก็รู้ว่าท่าจะจริง แต่เธอเองก็คงจะรับน้ำใจนี้ไว้ไม่ได้เพราะเธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร เธอยังมีสองไม้สองมือครบเหมือนคนอื่นเธอจะต้องหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ จึงตอบกลับชายหนุ่มไปอย่างกับคำพูดของเขาเป็นเรื่องเล่นๆ
“คุณอยากกู้เท่าไรล่ะผมไม่คิดอก แล้วถ้าไม่มีคืนก็ไม่ต้องคืนผมก็ได้”
คาวีเห็นหญิงสาวพูดเช่นนี้ก็พอจะเดาออกว่าเธอก็คงจะไม่ยอมให้เขาช่วยง่ายๆ หากเธอพูดเรื่องการกู้เงินมาเขาก็พร้อมจะให้เธอกู้ แต่เงินที่เขาปล่อยให้เธอกู้นั้นเธอไม่ต้องเอามาคืนเขาก็ได้เท่านั้นเอง
“แหม่...คุณนี่นะรวยมากนักหรือไง ฉันไม่เอาหรอกเป็นหนี้ใครถึงจะไม่ต้องหาใช้คืน แต่มันก็ไม่ใช่เงินฉันอยู่ดี”
ต้นหลิวยังคงพูดเรื่องนี้ให้มันเป็นเหมือนเรื่องเล่นๆ เพราะเธอไม่อยากรับความช่วยเหลือจากใครในเรื่องเงินจริงๆ
“คุณนี่นะ”
คาวีส่ายหัวและหันไปสนใจกับจานอาหารต่อ เห็นทีเรื่องนี้หญิงสาวคงไม่ยอมให้เขายื่นมือไปช่วยง่ายๆ คงจะต้องหาวิธีอื่นแทน
20.30 น.
เสียงโทรศัพท์มือถือ...
“สวัสดีค่ะ”
ต้นรักไม่ค่อยคุ้นกับเบอร์ที่โทรเข้ามาหาเธอสักเท่าไหร่ เธอชั่งใจอยู่สักพักก่อนที่จะรับสาย
“นอนหรือยัง ทำอะไรอยู่”
เบนจามินได้ยินเสียงหวานๆของหญิงสาวก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เขาหาเวลาโทรหาเธอในช่วงที่ว่าง อยากจะรู้ว่าตอนนี้หญิงสาวเป็นอย่างไรบ้าง ถึงจะรู้ความเคลื่อนไหวจากลูกน้องอยู่ตลอดก็อยากจะได้ยินจากปากหญิงสาวพูดเองอยู่ดี
“คุณ...เป็นใครคะ??”
ต้นรักค่อนข้างแปลกใจ คิดไม่ออกว่าใครจะโทรหาเธอเพราะในชีวิตน้อยครั้งนักจะมีผู้ชายโทรหา
“ผัวเธอไง”
เบนจามินหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่หญิงสาวที่เขาอยากจะคุยด้วยนั้นจำเขาไม่ได้เสียนี่ แถมเบอของเขาเธอก็ไม่ได้คิดจะเมมเอาไว้หรืออย่างไรกัน
“ฉันไม่มีผัวค่ะ ขอวางนะคะ”
ต้นรักมีสีหน้าตกใจที่ปลายสายพ่นคำหยาบคายมาใส่เธอหญิงสาวคิดว่าปลายสายน่าจะเป็นโรคจิตที่โทรมาก่อกวนคนอื่นก็เป็นได้
“ฉันเบนจามิน!!!”
เบนจามินถึงขั้นต้องกัดฟันบอกชื่อเต็มกับหญิงสาวให้เธอรับรู้ อะไรกันเพียงแค่เขาห่างเธอไม่กี่วันหญิงสาวลืมไปแล้วหรือว่าเขาเป็นอะไรกับเธอ
“คุณเบนเหรอคะ แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะคะ”
ต้นรักถอนหายใจโล่งอกที่ปลายสายไม่ใช่โรคจิตอย่างที่เธอคิด หากคราแรกเขาบอกกับเธอว่าเขาเป็นใครเธอก็จะไม่พลอยตกใจแบบนี้หรอก
“ก็บอกไปแล้วว่าเป็นผัวเธอ หรือฉันไม่ใช่”
เบนจามินคิดว่าเขาบอกเธอชัดแล้วว่าเขาเป็นใคร พร้อมถามหญิงสาวอีกทีว่าเขาไม่ใช่อย่างที่บอกกับเธอหรืออย่างไร
“อะ เอ่อ คุณเบนโทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ”
ต้นรักลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทด้วยความที่ไม่ค่อยคุ้นชินและอายกับคำพูดของชายหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยจะดีกว่า
“ก็แค่อยากรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่ เห็นฮาเปอร์บอกว่าเธออยู่เฝ้าแม่เธอ ท่านเป็นยังไงบ้าง”
เบนจามินอยากรู้จากปากหญิงสาวว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่และอาการของแม่เธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง การรักษาที่ดีที่สุดจากหมอคาวีที่รับปากเขาเอาไว้มันคืบหน้าแล้วหรือยัง
“แม่ฉันอาการดีขึ้นมากเลยค่ะ หมอคาวีเก่งมาก”
ต้นรกชื่นชมในฝีมือของคาวีมากจริงๆแม่เธออาการดีขึ้นมากอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ค่อยกังวลและมีความหวังว่าแม่เธอจะกลับมาเป็นปกติโดยเร็ววันนี้
“อ๋อ อืมก็ดีแล้ว ฉันลืมบอกไปบัตรเครดิตฉันอยู่ที่ฮาเปอร์เธออยากได้อะไรก็ซื้อได้เลยไม่ต้องเกรงใจ จะกระเป๋ารองเท้าเสื้อผ้าเครื่องสำอางก็แล้วแต่เธอเลย”
เบนจามินรู้สึกตะหงิดในใจไม่ค่อยชอบให้หญิงสาวดูจะชื่นชมชายอื่นนอกจากเขาเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจได้ พร้อมทั้งบอกเรื่องบัตรของเขาที่ฝากไว้กับฮาเปอร์ ช่วงที่เขาไม่อยู่เธออยากได้อะไรก็ให้บอกฮาเปอร์ได้เลย
“ไม่เป็นไรค่ะ ของพวกนั้นฉันไม่อยากได้”
ต้นรักไม่เห็นว่าของใช้พวกนั้นมันจะสำคัญกับเธอเลยสักนิด ของที่เธอมีมันก็พอใช้อยู่แล้ว
“แล้วเธออยากได้อะไร ฉันให้ใช้ก็ใช้ไปเถอะน่า”
เบนจามินเห็นจะปวดหัวกับแม่สาวน้อยคนนี้เสียจริง ที่ไม่ค่อยจะยอมรับในความหวังดีของเขาเอาเสียเลย จึงมีน้ำเสียงที่โมโหใส่หญิงสาวเล็กน้อยด้วยอารมณ์ของคนที่โมโหง่ายอย่างเขาเมื่อมีอะไรมาขัดใจ
“เอ่อ อืม งั้นฉันซื้อให้พี่สาวฉันได้ไหมคะ”
ต้นรักฟังได้จากน้ำเสียงปลายสายก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังหงุดหงิด ที่เธอปฏิเสธเขาเธอไม่ได้อยากได้ของอะไรพวกนั้นจริงๆ แต่ถ้าหากเขาอยากจะให้เธอใช้เธอก็ขอซื้อของให้คนในครอบครัวเธอก็แล้วกัน
“จะซื้อให้ใครก็แล้วแต่เธอเถอะฉันไม่ว่า อ่อ แล้วถ้าพี่สาวเธออยากได้เงินเธอก็เอาให้ได้เลยจะได้ไม่ต้องไปขโมยของใครเค้าอีก”
เบนจามินว่าอะไรทั้งนั้นหากหญิงสาวจะซื้อให้ใคร แค่เธอไม่ปฏิเสธในความหวังดีของเขาก็พอ พร้อมทั้งนึกถึงต้นหลิวด้วยหากพี่สาวของหญิงสาวอยากได้เงินเขาก็อนุญาต จะได้ไม่มีเหตุการณ์ที่ต้องไปขโมยของใครเขาอีก เขาดูแลเธอแล้วก็อยากจะดูแลครอบครัวของเธอด้วย
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณเบน...แล้วทำงานเหนื่อยไหมคะ ทานอาหารเป็นเวลาหรือเปล่า”
ต้นรักยิ้มกว้างที่ชายหนุ่มใจดีกับพวกเธอ ทั้งอยากรู้ว่าเขาทำงานอยู่ที่โน่นเป็นอย่างไรบ้าง เห็นเขาห่วงเธอ เธอเองก็คิดว่าควรจะห่วงเขากลับบ้าง
“นี่เธอห่วงฉันด้วยเหรอ”
เบนจามินเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่อ่อนลง กระชุ่มกระชวยหัวใจอย่างมากที่ได้ยินคำถามนี้ของหญิงสาว
“ก็ถามดูค่ะ เพราะคุณชอบทานอาหารไม่ตรงเวลา”
ต้นรักรู้ว่าชายหนุ่มชอบทานอาหารไม่ตรงเวลาสังเกตจากช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเธอ
“เธอก็คอยโทรเตือนฉันสิ”
เบนจามินไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิดหากหญิงสาวจะโทรเตือนเขาเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ ออกจะชอบด้วยซ้ำ
“ฉันกลัวจะรบกวนเวลางานคุณน่ะค่ะ”
ต้นรักเห็นว่าหากเธอจะต้องโทรเตือนชายหนุ่มเป็นเวลาเกรงว่าจะรบกวนเวลาของเขาเสียเปล่าๆ
“ส่งข้อความก็ได้ ฉันจะรอดูข้อความเธอเอง”
เบนจามินคิดตามที่หญิงสาวพูดหากเธอโทรมาแล้วเขายุ่งก็คงจะไม่ได้รับ งั้นเขาของแค่ให้เธอเปลี่ยนมาเป็นส่งข้อความแทนก็ได้แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว
“ได้ค่ะแล้วฉันจะส่งไปเตือนเป็นเวลานะคะ”
ถ้าแค่ส่งข้อความต้นรักก็ทำได้อย่างไม่ลำบากใจอยู่แล้วเธอรับปากเขาแต่โดยดี
“อยากได้ของฝากอะไรไหม”
อีกไม่กี่วันเขาก็กลับแล้วอยากจะรู้ว่าหญิงสาวอยากจะได้ของฝากอะไรหรือไม่ เขาจะได้ซื้อไปฝากให้ถูกใจเธอ
“ไม่ค่ะ”
“ตกลงคนอย่างเธอนี่จะไม่อยากได้อะไรเลยใช่ไหม”
คำตอบของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มส่ายหัว อยากจะรู้นักในชีวิตของเธอนั้นจะมีอะไรบ้างที่ร้องขอจากเขา
“เอาเป็นขนมก็ได้ค่ะ”
ต้นรักนึกขึ้นได้ว่าหากปฏิเสธชายหนุ่มเขาคงไม่พอใจเธออีกเป็นแน่ งั้นเธอขออย่างที่เคยขอให้แม่เธอซื้อของมาฝากเหมือนตอนเด็กๆก็แล้วกัน
“เฮ้อ...แล้วฉันจะซื้อไปให้ก็แล้วกัน”
เบนจามินถึงกับต้องกลั้นขำ เอากับหญิงสาวสิ เธอจะทำให้เขาทึ่งในตัวเธอไปถึงไหนกัน หากเธอขอเป็นขนมเขาก็จะขนกลับไปให้อยู่ได้เป็นปีเลยคอยดู
คฤหาสน์อินทวรนันท์“คุณแม่ครับ”กว่าจะขับรถกลับจากบ้านของต้นหลิวฝ่ารถติดมาถึงบ้านของเขาก็ใช้เวลานานพอสมควร ชายหนุ่มเห็นคุณแม่ของเขานั่งอยู่ด้านล่างพอดีเลยคิดว่าจะปรึกษาคนเป็นแม่เรื่องหญิงสาวเสียหน่อย“กลับมาซะดึกเชียว ไปไหนมาเหรอลูก”อมีนาไม่ค่อยเห็นลูกชายของเธอกลับบ้านดึกมาพักใหญ่ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทย จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงปกติของคนเป็นแม่“ไปทานข้าวบ้านเพื่อนมาครับ”“เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชาย”อมีนาแอบแซวลูกชายเรื่องทานข้าวบ้านเพื่อน เธอรู้ว่าลูกชายเธอไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยเท่าไหร่ เพราะไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ“ผู้หญิงครับ”คาวีไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรคุณแม่ของเขาอยู่แล้ว“.....”อมีนาเห็นลูกชายของเธอตอบอย่างมั่นใจก็แอบส่งสายตาเชิงสงสัยให้“เพื่อนจริงๆครับคุณแม่”คาวีดูออกว่าสายตาของแม่เขาที่มองมาแบบนั้นมันคืออะไร จึงรีบยืนยันกับแม่ของเขาให้มั่นใจว่าเป็นเพื่อนจริงๆ เพราะตอนนี้สถานะของเขากับต้นหลิวมันยังอยู่แค่เท่านี้“ผมมีเรื่องจะถามคุณแม่หน่อยครับ”“อะไรเหรอลูก”“คือพอดีเพื่อนผมเค้าเดือดร้อนเรื่องเงินแบบว่าพึ่งตกงานค่าใช้จ่ายเยอะแต่ไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากผม แบบนี้ต
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันจบด้านนี้มา”ต้นหลิวจำได้ว่าเธอไม่เคยบอกกับชายหนุ่มนี่นาว่าเธอจบอะไรมาแปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร“คุณต้นรักบอก คุณรีบไปสมัครเลย เค้ากำลังต้องการคน”เมื่อวานคาวีคุยรายละเอียดกับต้นรักเรียบร้อยหมดแล้วจึงได้รู้ว่าต้นหลิวนั้นจบอะไรมาและมีความสามารถทางด้านใดบ้าง“อ่อ...ขอบมากคุณนะคะ”ต้นหลิวพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เธอก็มีหวังว่าจะมีงานทำเร็วๆนี้แล้วจึงหันไปส่งยิ้มขอบคุณชายหนุ่ม“อืม...ผมขอตัวก่อน”“ค่ะ”คาวีรู้สึกใจเต้นกับรอยยิ้มนี้อีกแล้ว สองพี่น้องคู่นี้เวลาที่ยิ้มอย่างจริงใจมันจะน่ามองเป็นพิเศษ พลางคิดในใจเรื่อยเปื่อยว่าหากหญิงสาวยิ้มให้เขาแบบนี้บ่อยๆก็คงจะดี“แม่จ๋า...ขอให้หนูได้งานนี้นะจ๊ะ”หลังจากที่หมอหนุ่มออกไปแล้วหญิงสาวก็เข้าไปกอดคนเป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียง ขอให้แม่ของเธออวยพรให้เธอโชคดีเรื่องงาน เพราะบริษัทที่ชายหนุ่มยื่นใบสมัครให้เธอค่อนข้างเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง หากได้ทำงานที่นี่คงจะได้เงินดีไม่ใช่น้อยคฤหาสน์อินทวรนันท์“เป็นยังไงบ้างลูก เพื่อนเราน่ะ”อมีนาเห็นลูกชายกลับมาถึงบ้านก็ถามไถ่ถึงเรื่องที่ลูกชายเธอมาปรึกษาสองวันติดๆ“เธอดีใจอยู่ไม่น้อยเลยครับคุณแม่”ค
โรงพยาบาล“คุณเบน”คาวีเห็นเบนจามินมาที่โรงพยาบาลพอดีเลยเดินเข้าไปหา คาดว่าเขาน่าจะมากับต้นรัก“หมอ”“ผมขอคุยด้วยหน่อย”“อืม ว่ามาเลย”เบนจามินมีสีหน้าสงสัยว่าหมอหนุ่มมีเรื่องอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องที่คุณยื่นมือมาดูแลทั้งต้นรักและต้นหลิวในเวลานี้ผมว่าคุณดูแลต้นรักคนเดียวจะดีกว่า ส่วนต้นหลิวผมขอดูแลเธอเอง”คาวีไม่ค่อยไว้ใจในการที่เบนจามินจะยื่นมือมาดูแลต้นหลิวเท่าไหร่ กิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของชายหนุ่มเขารู้ดี“เอาเป็นว่าผมเข้าใจ และผมก็รู้ด้วยว่าคุณคิดอะไรอยู่ ผมจะบอกกับคุณว่าเจตนาของผมบริสุทธิ์”เบนจามินหันไปมองหน้าคาวีเขารู้ว่าหมอหนุ่มคิดอะไรอยู่ถึงได้ออกตัวขนาดนี้ และเขาก็ขอยืนยันตรงนี้อย่างลูกผู้ชายว่าเขาไม่ไดคิดจะรวบสองอย่างที่คาวีคิด เขาแค่อยากดูแลครอบครัวของต้นรักก็เท่านั้น“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ยังไงเรื่องต้นหลิวถือว่าผมขอ”คาวีจะยอมเชื่อในสิ่งที่เบนจามินพูด แต่ยังไงต้นหลิวนั้นเขาก็ยังยืนยันว่าเขาจะเป็นคนจัดการดูแลเธอเอง“ต้นหลิวยังไม่รู้ใช่ไหมว่าคุณเป็นใคร ผู้หญิงเค้าชอบความจริงใจผมขอบอกไว้ก่อน”เบนจามินพอจะรู้ว่าคาวียังไม่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นใครกับต้นหลิวเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั
“ถามทำไม”คาวีไม่คิดว่าหญิงสาวจะถามเขาเรื่องนี้ คิดว่าเธอจะคิดได้เองเสียอีกว่าเขามีหรือไม่มี“ก็ฉันเห็นคุณเลิกงานก็กลับบ้าน บางทีก็มาทานข้าวกับฉัน”“ก็ไม่มีน่ะสิ”“คุณไม่ลองมีบ้างล่ะ จะได้มีคนมานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนคุณแทนฉันไง”ต้นหลิวเห็นว่าถ้าหากชายหนุ่มมีแฟนอาจจะไม่ต้องลากเธอมาทานข้าวเป็นเพื่อนแบบนี้ก็ได้ เพราะอีกหน่อยเธอก็คงจะไม่ค่อยมีเวลามานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนของเขามากนัก“ก็บอกว่าไม่มี ไม่อยากมี”คาวีรู้สึกขัดใจที่หญิงสาวพยายามพูดยัดเยียดให้เขามีแฟนอยู่นั่น ทำอย่างกับว่าคนรู้ใจมันจะหาง่ายๆอย่างนั้น“อะไรของเค้ามาทำเสียงแข็งใส่อีก ไม่มีก็ไม่มีสิ”ต้นหลิวบ่นอู้อี้ที่ถูกชายหนุ่มก็เสียงแข็งใส่ จากนั้นเธอจึงตั้งตารออาหาร ไม่อยากพูดคุยกับอีกฝ่ายให้มากคำ เพราะเดาอารมณ์หมอหนุ่มไม่ถูกเพนท์เฮ้าส์หรู“นี่มันอะไรกันคะ”“ก็เธอบอกว่าอยากได้ขนม”ต้นรักเข้าห้องมาก็เห็นกองขนมขบเคี้ยวกับพวกช็อคโกแลตเต็มห้องไปหมดจึงหันมาถามชายหนุ่มแปลกใจว่าเขาจะซื้อมาทำไมเยอะแยะ เมื่อได้รับคำตอบจากเขาเธอถึงกับต้องส่ายหัว วันหลังหากเขาถามอะไรเธออีกเธอคงต้องอธิบายรายละเอียดว่าเธออยากได้อะไรปริมาณเท่าไรเสียแล้ว21.
“ก็คุณเบนบอกว่าทำแบบไหนก็ได้ ฉันเห็นว่ามันก็น่ารักดี คุณเบนไม่เอาก็ได้นะคะ”ต้นรักสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยจากที่ยิ้มร่าอยู่ตอนแรก เพราะเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่ดูจะไม่สู้ดีนักเมื่อเห็นเสื้อที่เธอทำให้ก็เขาบอกเธอตอนแรกว่าเอาแบบไหนก็ได้ เธอเห็นว่าที่เธอทำมันก็น่ารักดี“ไม่...ฉันจะใส่”เบนจามินคิดว่าเขาผิดเองที่ไปบอกเธอว่าทำแบบไหนก็ได้ตั้งแต่แรก แต่ไม่เป็นไรยังไงเธอทำมาแล้วเขาก็ต้องใส่อยู่ดี พร้อมถอดเสื้อที่เขาใส่นั้นออกและสวมเสื้อไหมพรมที่หญิงสาวทำให้ทันที“อิ อิ น่ารักดีนะคะ”ต้นรักเห็นว่าชายหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าแบบนี้แล้วดูน่ารักไปอีกแบบ“อืม”เบนจามินไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าอะไรแบบนี้ จึงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เขาสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกหลายรอบ ในเมื่อเป็นฝีมือของต้นรัก ยังไงเขาก็ต้องทำใจชอบให้ได้โรงแรม“เพอร์เฟคมากหลิว”“ค่ะพี่พิ้งค์”พิ้งกี้อดชมในฝีมือของต้นหลิวไม่ได้ที่ ออกแบบงานได้แปลกตาและสวยงามมากจริงๆ“ทางนี้คงจะเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยพี่ดูพวกนางแบบนายแบบทางนี้”“ค่ะ”พิ้งกี้เห็นว่าทางด้านหน้างานเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูความเรียบร้อยของพวกนายแบบนางแบบให้พร้อมก็ไ
ตระกูลลอเปอร์“คุณพ่อเรียกผมเข้ามามีอะไรหรือเปล่าครับ”เบนจามินรีบเข้ามาที่บ้านใหญ่ของตระกูลอย่างเร่งด่วน เพราะทางนี้ติดต่อไปหาโจชัวว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับเขา“เรื่องหนูนิริน”“ถ้าจะเรียกผมมาคุยเรื่องนี้ผมขอไม่คุยนะครับ”เบนจามินได้ยินชื่อนี้เขาถึงกับเซ็ง อยากจะหันหน้ากลับเสียตอนที่พึ่งมา“แกจะยืดเยื้อเวลาไปจนถึงเมื่อไรฉันปล่อยให้แกใช้ชีวิตตามใจมามากแล้วนะ ทางเพื่อนฉันเค้าก็ถามมาแล้ว”นิรินเป็นลูกสาวของนราทรเพื่อนสนิทของบรูค เขาเคยสัญญากันเมื่อหลายปีก่อนว่าถ้าหากมีลูกจะให้หมั้นกัน แล้วตอนนี้ลูกของพวกเขาทั้งสองก็โตจนมีครอบครัวได้แล้ว แต่ทางเบนจามินยังไม่ยอมแต่งงานเสียที ทางด้านนราทรก็เร่งรัดมาแล้วทำให้บรูคต้องมาเร่งรัดลูกชายของเขาอีกที“ผมไม่เอาผู้หญิงแบบนั้นมาทำเมียหรอกครับ”เบนจามินยืนยันว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแต่งกับนิรินเด็ดขาด“หนูนิรินเป็นยังไง เธอเหมาะสมกับแกแทบจะทุกอย่างเป็นผู้ดีมีสกุลขนาดนั้นแกยังต้องการอะไรอีก”บรูคเห็นว่านิรินนั้นเหมาะสมกับลูกชายของเขาทุกอย่าง ดีกว่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปแล้วลูกชายเขาไปคว้าแม่พริตตี้ที่ไหนไม่รู้มาทำเมีย“ยัยนั่นเสแสร้งเก่งจะตายไป”เบนจามินแทบจะรู
20 นาทีต่อมา“ดีขึ้นหรือยัง”“ค่ะ”“เราไปรู้จักกับคู่หมั้นคุณนิรินอย่างที่เธอกล่าวหาจริงหรือเปล่า”ตะวันเห็นว่าต้นรักเริ่มเงียบลงแล้วแต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นอยู่เล็กน้อย ด้วยความอยากรู้ว่าหญิงสาวเป็นผู้หญิงของเบนจามินตามที่นิรินมาหาเรื่องเธอหรือเปล่าจึงถามขึ้น“ฮึก...ฮือๆๆๆ”ต้นรักได้ยินแบบนั้นก็เหมือนกับมีดกรีดไปที่หัวใจของเธอที่เดิมจึงร้องออกมาอีกครั้งสะอื้นจนตัวโยน“โอเคๆพี่จะไม่ถาม”ตะวันฉวยโอกาสนี้กอดปลอบหญิงสาวอย่างแนบชิดเขาจะอาศัยจังหวะในช่วงที่หัวใจเธออ่อนแอนี่แหละเข้าหาหญิงสาว“ทำอะไร”ปั้กกก“โอ้ย...”เบนจามินเดินตามหาหญิงสาวตามจุดที่นิรินส่งข้อความมาบอก เมื่อเห็นภาพที่ชายแปลกหน้ากำลังกอดกุมหญิงสาวอยู่จึงเลือดขึ้นหน้า เดินดุ่มๆเข้าไปรั้งชายหนุ่มมาต่อยระบายอารมณ์“คุณเบนหยุดนะคะ”ต้นรักเห็นเบนจามินเงื้อหมัดจะชกตะวันอีกเธอจึงร้องห้ามเอาไว้ด้วยน้ำตา“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ห้ามใครแตะต้อง”เบนจามินยอมปล่อยตะวันพร้อมหันไปมองต้นรักด้วยสายตาขุ่นเคืองที่มาพลอดรักกับชายอื่นลับหลังเขา“อีกหน่อยถ้าคุณแต่งงานแล้ว ฉันก็ไม่ใช่แล้วล่ะค่ะ”คำว่าผู้หญิงของเขาเธอไม่อยากได้ยินที่สุดเลยอดพูดประชดเรื
บ้านนราทร20.00 น.“แกไปสร้างเรื่องอะไรอีกล่ะ แค่ฉันต้องเร่งบรูคให้ลูกชายเค้ามาแต่งงานกับแกก็เกรงใจเค้าจะแย่อยู่แล้ว เพราะฉันรู้ว่าเบนจามินไม่สนใจแกเลยสักนิด ทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกฉันหน่อย”นราทรนั่งอยู่บนรถเข็นเพราะเขาเดินไม่ได้มาสักพักเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวของเขาเดินออกมาจากห้องได้ก็ถือโอกาสต่อว่าเรื่องข่าวที่เขาพึ่งรู้มาเสียหน่อย เพราะเขารู้สึกว่าลูกสาวของเขานับวันๆยิ่งแต่จะควบคุมไม่อยู่“นิจะทำอะไรมันก็เรื่องของนิ นิว่าคุณพ่อเอาเวลาไปรักษาตัวแล้วก็รอฟังข่าวดีจากนิดีกว่านะคะ”นิรินไม่ได้สนใจคำของพ่อเธอเลยสักนิด ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอจะออกไปเที่ยวหาความสุขนอกบ้านแล้ว เมื่อพูดจาหักหารน้ำใจคนเป็นพ่อเสร็จก็ออกไปจากบ้านอย่างหน้าตาเฉย“ฉันเตือนแกแล้วนะ”นราทรตะโกนให้หลังคนเป็นลูกสาวเขารู้ว่าคนอย่างเบนจามินไม่ยอมให้ลูกสาวของเขาข่มอยู่ฝ่ายเดียวแน่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาไม่น่ารับปากกับเพื่อนของเขาแบบนั้นเลย“ปล่อยคุณหนูไปก่อนเถอะค่ะคุณทร”ป้าจิตแม่บ้านที่ดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างบ้านนี้รู้ดีว่าคนอย่างนิรินเป็นอย่างไร ด้วยความที่ไม่มีแม่ตั้งแต่เล็กๆแถมพ่อก็ยังเอาแต่ทำงานเลี้ยงนิรินมาด้วย