“หมอคะ คุณเบนเป็นยังไงบ้าง”
ต้นรักเห็นหมอหนุ่มก็รีบถามอาการของเบนจามินทันทีเพราะเธอรอฟังมาทั้งคืนแล้ว
“ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วครับ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้ฟื้นเท่านั้นแหละครับ”
คาวีถือว่าเบนจามินใจสู้มากทำให้การรักษาผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้ก็แค่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดก็เท่านั้น
“รู้แบบนี้ก็สบายใจได้แล้วนะรัก”
ต้นหลิวหันไปบอกกับคนเป็นน้องสาวเธอเองก็โล่งอกเหมือนกันที่ได้รู้แบบนี้น้องเธอจะได้เลิกร้องให้เสียที
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
คาวีรู้ตัวว่าเขาอยู่ตรงนี้นานคงไม่ดีเป็นแน่ เพราะรู้ว่าต้นหลิวคงไม่อยากจะเจอหน้าเขาสักเท่าไหร่ หลังจากวันนั้นที่เธอรู้ความจริงว่าเขาเป็นใครเธอก็เอาแต่หลบหน้าตลอด แม้แต่ตอนที่เขาเข้าไปตรวจอนงค์แล้วเจอต้นหลิว หญิงสาวก็จะขอตัวออกไปข้างนอกตลอดเลยไม่เคยได้พูดคุยกันเหมือนอย่างเคย
เขาเองไม่ได้คิดจะไปยุ่งอะไรกับเธอหากต้นหลิวสบายใจที่จะเป็นแบบนี้เขาก็ไม่อยากกวนใจเธอ แต่ยังไงเรื่องที่เขายื่นมือเข้าไปช่วยเธอนั้นเขาก็ยังช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา
“แกเห็นไหมว่าที่ลูกสะใภ้แกแสบแค่ไหน”
เอมม่ากลับมาเพราะหลานชายคนเดียวของเธอบอกว่ามีข่าวดีจะบอก แต่เมื่อมาถึงกลับได้ฟังข่าวร้ายเสียอย่างนั้น
“ผมรู้ทุกอย่าง คุณแม่จะมาย้ำผมทำไม”
บรูคเองก็รู้ทุกอย่างแล้วว่าเขาตัดสินใจอะไรผิดแต่ก็ไม่อยากให้ใครมาย้ำอยู่ดี เพราะแค่นี้เขาก็ปวดหัวใจมากพออยู่แล้ว
“ฉันบอกแกแล้วว่าชีวิตหลานฉันให้เค้าเลือกทางของเค้าเองแกก็ไม่ฟัง...ฉันรู้ว่าอดีตฉันเคยบังคับแกแต่ก็เห็นแล้วว่ามันไม่ได้มีผลดีอะไรเลย ตอนนี้แกก็ไม่จำเป็นจะต้องบังคับลูกแกเหมือนที่ฉันบังคับแกก็ได้”
เอมม่าเองเคยใช้วิธีบังคับคลุมถุงชนกับบรูคมาแล้วเธอเห็นผลของมันแล้วว่ามันส่งผลอย่างไรบ้าง ครอบครัวที่ไม่มีความอบอุ่นทำให้หลานของเธอต้องมาอยู่กับเธอเพราะปัญหาครอบครัว..เธอเคยเตือนลูกชายเธอแล้วว่าอย่าใช้วิธีเดียวกับเธอแต่ก็ไม่ฟัง เธอเองก็รู้สึกผิดที่เป็นคนเผด็จการและยังเลี้ยงลูกของเธอให้มีนิสัยเผด็จการอีกด้วย
“ผมบอกว่าผมรู้ครับคุณแม่ เรื่องถอนหมั้นเดี๋ยวผมจะเป็นคนคุยกับเพื่อนผมเอง”
บรูคนั่งกุมขมับเขาไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้ไม่คิดว่าพิษของการที่เขาสร้างสัญญาบ้าบอนั่นขึ้นมาจะทำให้ลูกเขาเกือบตาย
“แล้วเรื่องคดีแกจะเอายังไง”
เอมม่ารู้ว่าคนผิดเป็นคนสนิทของลูกชายเธอ แต่เธอเองก็ไม่ได้คิดจะยอมความอะไรง่ายๆ เพราะหลานเธอเจ็บปางตายทั้งคนเธอจะไม่ยอมให้คนผิดนั่งอยู่สบายๆแน่นอน
“ผมขอคุยกับนราทรอีกทีครับ”
บรูคอยากจะพุดคุยกับเพื่อนของเขาก่อนถึงจะตัดสินใจอะไรลงไป เพราะยังเห็นแก่ความเป็นเพื่อน
“ฉันว่าจะมาคุยกับแกพอดีบรูค...ฉันขอโทษฉันเลี้ยงลูกไม่ดีเอง เรื่องทุกอย่างแกจัดการตามกฎหมายได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ฉันก็อยากดัดนิสัยลูกสาวฉันเหมือนกัน”
นราทรนั่งรถเข็นเข้ามาในบ้านเขารู้ว่าลูกเขาทำผิดและก็รู้อีกด้วยว่าเพื่อนของเขากำลังลำบากใจอยู่ เขาจึงมาพูดเพื่อให้เพื่อนของเขาคลายความกังวลว่าให้จัดการทุกอย่างได้เลยโดยที่ไม่ต้องเกรงใจเขา
“เรื่องหมั้น”
“ฉันรู้แกไม่ต้องพูดฉันก็เข้าใจ”
นราทรมองหน้าเพื่อนของเขาก็พอจะรู้ว่าคิดอะไรเขาลูกสาวของเขาทำกับครอบครัวของเพื่อนเขาขนาดนี้ ดีแค่ไหนแล้วที่คนในบ้านนี้ยังคุยดีกับเขาอยู่
วันต่อมา
โรงพยาบาล
ต้นรักคอยเฝ้าเบนจามินอยู่ไม่ห่าง ถึงเธอจะรู้ว่าเขาปลอดภัยแล้วแต่สภาพที่มีสายระโยงระยางแถมผ้าพันแผลยังเต็มตัวทำให้เธออดที่จะร้องให้สงสารเขาไม่ได้
แกร็กกก
“นี่คุณบรูคคุณพ่อของคุณเบนแล้วนี่ก็คุณเอมม่าคุณย่าของคุณเบนครับ”
โจชัวแนะนำทั้งบรูคและเอมม่าให้กับต้นรักได้รู้จัก
“สวัสดีค่ะ”
ต้นรักรีบปาดน้ำตาลวกๆพร้อมยกมือสวัสดีทั้งสองทั้งที่ยังมีอาการสะอื้นเล็กๆอยู่
“ไหว้พระเถอะจะ...หนูต้นรักสินะหมอมาตรวจตาเบนหรือยัง”
เอมม่าพอจะได้ยินเรื่องราวของต้นรักจาฮาเปอร์และโจชัวอยู่บ้าง และก็พอจะรู้ว่าคนที่หลานของเธอเลือกเป็นยังไง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่พาไปอยู่เพนท์เฮ้าส์ถาวรขนาดนั้น
“มาแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าคุณเบนจะอาการดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ”
ต้นรักตอบหญิงตรงหน้าอย่างที่หมอคาวีได้บอกกับเธอมา
“แล้วหนูร้องให้ทำไม”
เอมม่าเห็นว่าอาการของหลานชายของเธอดีขึ้นเรื่อยๆก็ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะร้องให้เพราะเรื่องอะไร
“หนูสงสารคุณเบนค่ะ”
ต้นรักไม่ได้อยากให้น้ำตามันไหลมาเลยสักนิด แต่เมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่มเธอก็อดที่จะปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาไม่ได้
“โถแม่คุณ”
เอมม่าเข้าไปกอดปลอบพร้อมลูบหัวหญิงสาวพลางคิดว่านี่แหละคงจะเป็นอาการของคนที่ห่วงใยกันมากๆ หากหลานชายของเธอได้รู้ว่ามีคนที่รักอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาที่บาดเจ็บคงจะดีใจน่าดู
“ได้ข่าวว่าแม่หนูก็รักษาตัวอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
เอมม่ารู้ว่าแม่ของหญิงสาวก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่เหมือนกันเลยอยากจะไปเยี่ยมพูดคุยด้วยสักหน่อย
“ค่ะ...อีกไม่กี่วันก็ออกไปพักที่บ้านได้แล้วค่ะ”
“งั้นพาฉันไปเยี่ยมแม่หนูหน่อยสิ”
“ค่ะคุณท่าน”
“คุณย่าจะ”
เอมม่าไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกเธอแบบนี้สักเท่าไร เพราะมันดูห่างเหินชอบกลยิ่งเป็นว่าที่หลานสะใภ้ด้วยแล้วเรียกแบบเดียวกับหลานชายเธอเห็นจะถูกต้อง
“ค่ะคุณย่า”
ต้นรักเชื่อแล้วว่าคุณย่าเบนจามินใจดีอย่างที่เขาบอกพร้อมเดินนำทุกคนไปที่ห้องแม่ของเธอ
แกร็กกกก
“นาง!!”
บรูคเดินตามต้นรักกับคุณแม่ของเขามายังห้องพักผู้ป่วยวีไอพี เมื่อเดินเข้ามาภาพของคนที่นอนอยู่ที่เตียงทำเขาหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ หญิงสาวที่เขาเคยรักแต่หนีจากเขาไปนานแสนนานตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
“คุณบรูค”
อนงค์เองก็ตกใจไม่ต่างกับบรูคเช่นกัน แต่เห็นคนที่ดูจะสงสัยที่สุดคงจะเป็นต้นรักที่มองหน้าทั้งคู่สลับกนไปมาอย่างอยากรู้คำตอบ
“ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอเธอแล้วเสียอีก”
“ค่ะ”
เมื่อบรูคตั้งสติได้ก็รีบเดินปรี่เข้าไปหาอนงค์ทันที หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอ นับจากวันที่เธอนั้นหนีเขาไปเพราะแม่ของเขาบังคับให้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม
“หนูต้นรักออกมากับย่าเถอะ”
เอมม่าจำได้ว่าแม่ของหญิงสาวเป็นคนรักเก่าของลูกชายเธอไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ เมื่อความผิดพลาดในอดีตของเธอมันส่งผลมายังปัจจุบันตอนนี้เธอก็ขอให้ปัจจุบันเป็นปัจจุบันที่ดีก็แล้วกัน เธอปล่อยให้สองคนนั้นได้พูดคุยกันตามลำพังจะดีกว่า
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณย่า”
ต้นรักยังคงมีท่าทีที่สงสัยไม่หาย
“เรื่องมันนานมาแล้วหละหนูต้นรัก คือว่า...”
เอมม่าตัดสินใจเล่าเรื่องราวความผิดพลาดทั้งหมดที่เธอได้ทำลงไปเมื่อนานมาแล้ว ด้วยเหตุที่เธอรักเกียรติและศักดิ์ศรีของเธอมากเกินไปเลยไม่ยอมรับลูกสะใภ้ที่ไม่มีหน้ามีตาทางสังคม ทำให้อนงค์ต้องหนีจากบรูคลูกชายของเธอไป จนบรูคตัดสินใจแต่งงานกับคนที่เธอเลือกให้ด้วยความประชดประชัน ชีวิตคู่มันจึงไม่มีความสุขเสมอมา
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
ต้นรักได้ยินสิ่งที่เอมม่าเล่าให้ฟังเธอก็นึกสงสารคนเป็นแม่ของเธอ ถ้าเป็นเธอคงจะเจ็บปวดน่าดูที่ต้องหนีจากคนที่รักไปแบบนั้น
บริษัท“เดินเชิดหน้าสั่งงานคนโน้นคนนี้นึกว่ามีความสามารถ สุดท้ายก็เด็กเส้น”บอลลูนสาวสวยประจำออฟฟิศที่ดีแต่แต่งหน้าหาลูกค้าไปวันๆ รู้สึกเขม่นต้นหลิวตั้งแต่เข้ามาทำงานแล้ว ที่ดูมีผลงานดีจนเกินหน้าเกินตาเธอแถมเรื่องที่เธอพึ่งจะไปรู้มาก็ทำให้คุยกันกับพวกคนในออฟฟิศสนุกปากอีกด้วย“คือด่าฉันว่างั้น”“อืม...”“ฉันสัมภาษณ์งานเข้ามา ไม่ใช่เอะอะก็จะได้มาทำงานเลยรู้เอาไว้ด้วย”ต้นหลิวชักเหลืออดกับคนพวกนี้เสียแล้ว เธอรู้ว่าพวกของบอลลูนไม่ชอบหน้าเธอ แต่เธอเองก็พยายามใจเย็นมาหลายครั้งแต่ครั้งนี้มันสุดแล้วจริงๆ“ถ้าหมอคาวีไม่รู้จักกับคุณเอมอร เธอก็ไม่ได้เสนอหน้าอยู่ที่นี่หรอกนะ”บอลลูนยังกระแนะกระแหนต้นหลิวอย่างลอยหน้าลอยตาด้วยความสะใจ“หมอคาวีเกี่ยวอะไรด้วย”คำพูดของบอลลูนทำให้ต้นหลิวสงสัยหนักว่าเขาเกี่ยวอะไรด้วย“ทั้งงานที่เธอได้ก็เพราะคุณหมอ เงินเดือนที่สูงลิ่วของเธออีกไปทำอีท่าไหนมาได้ล่ะ”บอลลูนบอกเรื่องทั้งหมดที่เธอได้รู้มาให้หญิงสาวได้ยินเสียงดังฟังชัด และกะว่าจะให้คนที่อยู่ในออฟฟิศนี้ได้ยินไปด้วยจะได้รู้ว่าหญิงสาวเข้ามาทำงานที่นี่โดยใช้เส้น“......”ต้นหลิวรู้สึกเสียหน้าอย่างมากเมื่อรู้ว่าคา
โรงพยาบาล“คุณต้นรักครับ”“อ้าวคุณโจชัว วันนี้ไม่เข้าบริษัทเหรอคะ”ต้นรักค่อนข้างแปลกใจที่โจชัวมาอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่ที่บริษัท“คุณบรูคให้ผมมาดูแลคุณเพราะตอนนี้ไม่ทราบว่าคุณนิรินจะทำอะไรอีกครับ”โจชัวได้รับคำสั่งจากบรูคให้มาคอยดูแลต้นรักอยู่ที่โรงพยาบาลระหว่างที่หญิงสาวเฝ้าเบนจามินกับแม่ของเธออยู่ เพราะรู้ว่านิรินไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆแน่จากคำบอกเล่าของนราทร“อ่อ ค่ะ แต่ต้นหลิวล่ะคะ”ต้นรักเข้าใจที่โจชัวพูดแต่เธอก็ฉุกคิดได้ว่านิรินยังไม่รู้ว่าเธอมีคู่แฝด ถ้าหากนิรินจ้องจะทำอะไรเธอต้นหลิวก็ต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วย“จริงสิ ฮาเปอร์นายไปคอยดูคุณต้นหลิวด่วน”“โอเค ฉันจะรีบไป”โจชัวลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทจึงรีบให้ฮาเปอร์ไปดูแลต้นหลิวอีกคนอย่างเร่งด่วนทางด้านต้นหลิว“แกฉันของเข้าไปห้องน้ำก่อนนะสงสัยส้มตำทำพิษอะ”“อืม รีบไปรีบมา”พริกแกงรู้สึกปวดท้องกะทันหันเลยจะไปเข้าห้องน้ำที่ฝั่งตรงข้ามร้านค้าสักเดี๋ยว เป็นเพราะเธอทานเผ็ดเกินไปจึงมีอาการเป็นเช่นนี้10 นาทีต่อมา“อยู่ไหนกันนะ”ฮาเปอร์ตามสัญญาณมือถือของต้นหลิวมาจอดรถที่ข้างถนนแล้วเดินตามสัญญาณมาเรื่อยๆกับลูกน้องของเขาอีกสองสามคนจนมาถึง
โรงพยาบาล“หลิวเป็นยังไงบ้างคะ”ต้นรักรู้ข่าวว่าพี่สาวเธอโดนยิงก็แทบช็อค ไม่เข้าใจว่าทำไมคนรอบข้างของเธอต้องพากันนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด“หมอกำลังผ่าตัดเอากระสุนออกอยู่ครับ”ฮาเปอร์รีบบอกหญิงสาวที่รีบเดินมาถามข่าวกับเขาอย่างรวดเร็วแอบหวั่นใจอยู่ว่าเรื่องแบบนี้คงกระทบหกระเทือนจิตใจของหญิงสาวอยู่ไม่น้อยเมื่อต้องรับรู้ว่าคนรอบข้างล้วนมีแต่เรื่องเจ็บตัวกันไปหมด“โถ่...”“รัก!!”ต้นรักถึงกับยืนไม่อยู่ แล้วสติเธอก็ดับวูบไปดีที่พริกแกงนั้นรับเอาไว้ทัน“หนูต้นรักเป็นยังไงบ้าง”เอมม่ารู้สึกปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลือเกินยังไงเธอก็เชื่อไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นว่าเรื่องทุกอย่างเป็นฝีมือของนิรินแน่นอน“คือ คุณต้นรักพึ่งจะตั้งครรภ์อ่อนๆร่างกายเธออ่อนเพลียมากช่วงนี้ญาติก็อย่าให้คนไข้มีอะไรมากระทบจิตใจมากนักนะคะ”หมอสาวตรวจดูอาการของต้นรักแล้วก็พอจะรู้สาเหตุของอาการที่เธอเป็นลมบ่อยๆ ทั้งยังต้องให้เธอนั้นระวังอย่าให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจของหญิงสาวอีกด้วย“อะ..เอ่อ..ค่ะหมอ”พริกแกงถึงกับสะอึกกับคำกล่าวของหมอสาวคนในห้องทุกคนต่างก็อึ้งไปตามๆกัน ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาในตอนนี้“นี่เจ้าตัวก็น่าจะไ
“อ๋อ น่ารักเหมือนกันนะถ้าย่าได้เห็นตาเบนใส่เสือแบบนี้คงแปลกตาน่าดู”เอมม่าเห็นเสื้อไหมพรมในมือของต้นรักก็อดชมไม่ได้ หญิงสาวมีฝีมือจริงๆแถมยังนึกภาพไม่ออกอีกด้วยหากหลานชายเธอใส่เสื้อแบบนี้จะเป็นแบบไหน“ค่ะ คุณเบนเคยใส่ลายหมีพูห์ด้วยนะคะ”ต้นรักอยากจะให้เอมม่าเห็นแบบที่เธอเคยเห็นเหลือเกินตอนที่เบนจามินนั้นใส่เสื้อไหมพรมลายหมีพูห์ที่เธอทำให้ตัวแรก“ตาเบนเนี่ยเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เอมม่าอดหัวเราะไม่ได้เมื่อรู้ว่าหลานชายเธอเคยใส่เสื้อแบบนี้แล้ว“ค่ะคุณย่า”ต้นรักอดขำตามเอมม่าไม่ได้ เพราะตอนนั้นที่เบนจามินใส่ก็ดูไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน แต่เขาก็ยอมใส่เพราะว่าเธอเป็นคนทำให้สองวันต่อมา16.00 น.“โอเคแล้วใช่ไหมหลิว หรือจะอยู่ที่อีกคืน”ต้นรักสอบถามอาการของพี่สาวเธอว่าดีขึ้นแล้วหรือไม่ ใจจริงเธออยากจะให้พี่สาวนอนดูอาการที่นี่ก่อนสักคืนสองคืนด้วยซ้ำ ติดตรงที่ต้นหลิวคะยั้นคะยอจะกลับบ้านนี่แหละ“โอ้ย เค้าไม่อยู่แล้วล่ะรัก เบื่อการนอนที่นี่จะตายอยู่แล้ว จะได้กลับไปอยู่กับแม่ด้วย”ต้นหลิวนึกถึงเรื่องที่จะต้องนอนโรงพยาบาลอีกคืนก็ถึงกับมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะเธออยากกลับไปนอนที่บ้านเต็มทนแล้ว อีกอย่างก็อย
อาทิตย์ต่อมาเพนท์เฮ้าส์หรู“อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะคุณเบน”เบนจามินกลับมาพักที่เพนท์เฮ้าส์ได้วันสองวันแล้ว แต่ก็ยังคงมีทีมแพทย์แวะเวียนมาดูอาการของเขาอยู่ไม่ห่าง ต้นรักยังคงตามติดเบนจามินคอยดูแลเขาอยู่ตลอด หวังทุกวินาทีว่าเขาจะจำเธอได้ เรื่องลูกในท้องเธอยังไม่คิดที่จะบอกเขาตอนนี้ เพราะเธออยากให้เขาจำความรู้สึกที่เคยรู้สึกกับเธอได้เสียก่อนจึงค่อยบอกเรื่องนี้กับเขา“นี่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเธอจริงๆเหรอ”เบนจามินจำต้องให้ต้นรักมาอยู่กับเขาตามคำขอของคุณย่าของเขา ชายหนุ่มนึกสงสัยตัวเองอยู่ว่าตอนก่อนหน้านั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงอยากจะแต่งงาน แถมหญิงสาวยังดูจืดชืดไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยควงอีกด้วย“ค่ะ...”“อืม...”ต้นรักรีบพยักหน้าตอบชายหนุ่มอย่างมีความหวัง ว่าที่เขาถามเธอเรื่องนี้มาเขาอาจจะจำอะไรได้ก็ได้ แต่เบนจามินไม่ได้พูดอะไรต่อแถมยังทำหน้าเซ็ง ทำให้เธอรู้ว่าที่เขาถามเธอเขาไม่ได้คิดอะไรได้ คงแค่ไม่แน่ใจเท่านั้นว่าเขากับเธอจะแต่งงานกันจริงๆ“คุณเบนทานเยอะๆเลยนะคะ เสร็จแล้วจะได้ทานยาค่ะ”ถึงชายหนุ่มจะกลับมาเอาแต่ใจหรือหงุดหงิดใส่เธอแบบเดิมเธอก็ยอม ขอแค่ได้ดูแลอยู่ข้างๆเขาแบบนี้ก็พอ“ฉันรู้
“เข้าใจละ”ต้นรักพยักหน้าพลางเข้าใจและหายห่วงที่แม่เธอจะได้มีเพื่อนคุยนอกจากพยาบาลที่คอยดูแลอยู่“ผมอยากได้คำตอบ”คาวีเห็นว่าจังหวะนี้แหละที่เขาจะได้ขอคำตอบที่เคยถามหญิงสาวเอาไว้เสียที เพราะเขารอมันไม่ไหวแล้ว“คำตอบอะไร”ต้นหลิวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคาวีหมายถึงเรื่องอะไร“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”คาวีรู้ว่าต้นหลิวรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอทำไขสือไปเท่านั้นเอง“ก็คุณบอกว่าให้ฉันคิดก่อนนี่”ต้นหลิวยังคิดที่จะบ่ายเบี่ยงในการตอบคำถาม“มันนานแล้วนี่คุณ”คาวีเห็นว่าที่เขาต้องถามเพราะว่าคำตอบที่เขารอคอยเขารอมันมานานแล้ว ถ้าเขาไม่ท้วงเธอมีหรือจะได้คำตอบ“ถ้าคุณช่วยให้คุณเบนกลับมาเหมือนเดิมเมื่อไหร่ วันนั้นฉันจะ...ตกลง”อันที่จริงต้นหลิวเองก็คิดเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยิ่งมองว่าเธอกับเขามันต่างกันก็ยิ่งทำให้เธอตอบตกลงกับเขาไม่ได้ แต่วันนี้เธอไม่สนแล้ว เธอคิดอย่างเดียวว่าถ้าตอนนี้หมอหนุ่มรักษาเบนจามินให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วได้ เธอก็จะตกลงคำขอของเขา เพราะเธออยากเห็นน้องเธอมีความสุขกับชีวิตครอบครัวเสียที“จริงนะคุณ”คาวีดึงมือเรียวมากุมเอาไว้ด้วยความดีใจ“อื
สองอาทิตย์ต่อมา20.00 น.คาวีพยายามหาทางช่วยให้เบนจามินกลับมาจำทุกอย่างได้ทุกวิถีทาง คราแรกเบนจามินก็ไม่ค่อยจะยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รับคำสั่งจากคุณย่าของเขาเบนจามินก็ต้องทำตามเพราะไม่อยากจะขัดใจคนเป็นย่า ส่วนต้นรักนั้นก็แพ้ท้องหนักจนต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอ ด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัย“เสื้อตัวนี้...”เบนจามินเข้าไปนั่งในห้องของต้นรัก เขาเห็นบางอย่างอยู่บนหัวเตียงของเธอจึงเข้าไปหยิบขึ้นมาดู มันเป็นเสื้อไหมพรมที่ยังถักไม่เสร็จที่เสร็จ แล้วก็เห็นจะมีเสื้อที่ตัวขนาดเท่าๆกันอีกหนึ่งตัวและตัวเล็กอีกหนึ่งตัวที่สีเหมือนกัน ทำให้ภาพบางภาพปรากฏขึ้นในหัวของเขาเป็นภาพที่เขากำลังลองใส่เสื้อไหมพรมหมีพูห์และมีต้นรักยืนยิ้มอยู่ข้างๆ และภาพต่างๆก็ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ต่างจากเมื่อตอนแรกที่คาวีพยายามรักษาเขามาก ตอนนั้นทุกอย่างมันยังคงเลือนลางไม่ประติดประต่อ แต่ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ความรู้สึกเก่าๆที่มันกลับมาทำให้เขาได้รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไรเช้าวันต่อมา“คุณเบน”ต้นรักค่อนข้างแปลกใจเบนจามินก็มาโผล่ที่บ้านของเธอแต่เช้า“เห็นหน้าฉันทำไมต้องทำ
“จะเสียใจได้ยังไง ดีใจมากต่างหาก แบบนี้ต้องบอกข่าวดีกับทุกคน”ด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มจึงรนรานควานหามือถือจะบอกข่าวดีแบบนี้กับทุกคนได้รับรู้“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเบน”ต้นรักหน้าเจื่อนก่อนจะบอกให้เบนจามินไม่ต้องบอกคนอื่น เพราะคนอื่นนั้นรู้หมดแล้ว“อย่าบอกนะว่าพวกเค้ารู้กันหมดแล้ว”“ค่ะ”“ยกเว้นฉันเนี่ยนะ...”เบนจามินเห็นสีหน้าต้นรักก็รู้ว่าเขาคงจะรู้ข่าวนี้เป็นคนสุดท้าย“โกรธฉันเหรอคะ? ฉันแค่อยากบอกกับคุณตอนที่คุณจำความรู้สึกระหว่างเราได้เท่านั้น ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันใช้ลูกมาเป็นบ่วงรั้งคุณ”ต้นรักพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เธอไม่ได้บอกเรื่องลูกกับชายหนุ่ม เธอเองก็มีเหตุผลของเธอ และหวังว่าเขาจะเข้าใจ“เฮ้อ ใครจะโกรธเธอลง ฉันแค่นอยเฉยๆที่ได้รู้ทีหลังคนอื่นก็เท่านั้นเอง”เบนจามินแค่อยากได้รู้เรื่องลูกของเขาเป็นคนแรกเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีเหตุผลของเธอเขาเองก็ไม่ได้อยากคิดอะไรให้มันมากมายนัก แค่ได้รู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาเป็นโซ่ทองคล้องใจเขาและเธอก็พอแล้วสองเดือนต่อมางานแต่งของต้นรักและต้นหลิวจัดขึ้นพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ มีสื่อให้ความสนใจมากมายเพราะสองทายาทตระกูลดังต่