โรงพยาบาล
“หลิวเป็นยังไงบ้างคะ”
ต้นรักรู้ข่าวว่าพี่สาวเธอโดนยิงก็แทบช็อค ไม่เข้าใจว่าทำไมคนรอบข้างของเธอต้องพากันนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด
“หมอกำลังผ่าตัดเอากระสุนออกอยู่ครับ”
ฮาเปอร์รีบบอกหญิงสาวที่รีบเดินมาถามข่าวกับเขาอย่างรวดเร็วแอบหวั่นใจอยู่ว่าเรื่องแบบนี้คงกระทบหกระเทือนจิตใจของหญิงสาวอยู่ไม่น้อยเมื่อต้องรับรู้ว่าคนรอบข้างล้วนมีแต่เรื่องเจ็บตัวกันไปหมด
“โถ่...”
“รัก!!”
ต้นรักถึงกับยืนไม่อยู่ แล้วสติเธอก็ดับวูบไปดีที่พริกแกงนั้นรับเอาไว้ทัน
“หนูต้นรักเป็นยังไงบ้าง”
เอมม่ารู้สึกปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลือเกินยังไงเธอก็เชื่อไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นว่าเรื่องทุกอย่างเป็นฝีมือของนิรินแน่นอน
“คือ คุณต้นรักพึ่งจะตั้งครรภ์อ่อนๆร่างกายเธออ่อนเพลียมากช่วงนี้ญาติก็อย่าให้คนไข้มีอะไรมากระทบจิตใจมากนักนะคะ”
หมอสาวตรวจดูอาการของต้นรักแล้วก็พอจะรู้สาเหตุของอาการที่เธอเป็นลมบ่อยๆ ทั้งยังต้องให้เธอนั้นระวังอย่าให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจของหญิงสาวอีกด้วย
“อะ..เอ่อ..ค่ะหมอ”
พริกแกงถึงกับสะอึกกับคำกล่าวของหมอสาวคนในห้องทุกคนต่างก็อึ้งไปตามๆกัน ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาในตอนนี้
“นี่เจ้าตัวก็น่าจะไม่รู้ตัวใช่ไหม”
เอมม่าหันไปพูดกับพริกแกงอย่างอ่อนใจ เธอไม่รู้ว่าหญิงสาวตื่นมาจะรู้สึกอย่างไรเลยเมื่อรู้ว่าตัวเองพึ่งตั้งท้องทั้งที่คนเป็นพ่อของลูกนอนป่วยไม่รู้จะฟื้นตอนไหน แถมพี่สาวก็ยังบาดเจ็บอีก
“คงจะเป็นอย่างนั้นค่ะ”
พริกแกงคิดว่าต้นรักก็น่าจะไม่ได้สังเกตตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ตัวเองร่างกายอ่อนแอขนาดนี้
สองวันต่อมา
อนงค์กลับมาอยู่บ้านได้วันสองวันแล้วโดยมีพยาบาลพิเศษที่บรูคจ้างให้มาดูแลตลอดเวลาอย่างใกล้ชิดตามความต้องการของลูกชายเขาตั้งแต่แรก พร้อมหมอที่ทำกายภาพบำบัดให้เธอก็มาตรวจที่บ้านอยู่บ่อยๆ ทำให้อนงค์อยู่ที่บ้านได้อย่างสบาย ไม่ต้องเข้าออกที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ
เมื่อตอนที่รู้ข่าวต้นหลิวเธอก็ตกใจอยู่เหมือนกันแต่เมื่อรู้ว่าลูกสาวของเธอถึงมือหมอและปลอดภัยแล้วก็คลายกังวลแค่ไม่ถึงแก่ชีวิตเธอก็พอใจแล้วถือว่าฟาดเคราะห์ไป
“วันนี้จะไปโรงพยาบาลอีกเหรอลูก”
อนงค์เห็นต้นรักแต่งตัวตั้งแต่เช้าจะมีที่ไหนที่ลูกสาวเธอจะไปได้อีกนอกจากโรงพยาบาล
“จะแม่”
“ทานข้าวเช้ากับนมก่อนนะลูก”
“แม่ก็ทานข้าวเยอะๆนะจ๊ะ”
อนงค์รู้ว่าลูกสาวเธอกำลังท้องอ่อนๆเลยอยากจะให้บำรุงเยอะๆ เธอไม่คิดจะต่อว่าลูกสาวเธอสักนิดว่าท้องก่อนแต่ง แค่ลูกสาวเธอมีความสุขกับผู้ชายที่ลูกเธอรักก็เพียงพอแล้ว เธอมีชีวิตอยู่จนผ่านความเป็นความตายมาขาดนี้ จึงไม่อยากจะยึดติดอะไรมากนัก
สองอาทิตย์ต่อมา
“หลิว”
ตอนนี้ต้นหลิวอาการดีขึ้นมากหลังจากที่ได้รับการผ่าตัดเอากระสุนออก ต้นรักมาเยี่ยมพี่สาวของเธอแทบทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ติดว่าแม่เธอท้วงไม่ให้เดินทางมากเธอก็จะไม่ได้มา
“รัก”
ต้นหลิวยิ้มอ่อนให้คนเป็นน้องสาว เธอรู้เรื่องที่น้องเธอกำลังจะมีหลานให้เธออุ้มแล้วก็ดีใจกับน้องสาวของเธอด้วย ตอนนี้ก็เหลือแต่ให้คนที่กำลังจะเป็นพ่อคนอย่างเบนจามินฟื้นมาฟังข่าวดีก็เท่านั้น
ส่วนนิรินก็โดนตำรวจจับดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อยแม้แต่พ่อของนิรินเองก็ไม่คิดจะช่วย เพราะอยากให้ลูกสาวของเขานั้นได้รับโทษที่ตัวเองทำผิด
“แม่เป็นยังไงบ้างรัก”
“ตอนนี้ก็เดินได้เยอะขึ้น แล้วก็ทานข้าวได้เยอะขึ้นด้วย”
“รู้แบบนี้ก็สบายใจ”
ต้นหลิวรู้ว่าคนเป็นแม่กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว เธอก็อยากรู้ว่าแม่ของเธออยู่บ้านแล้วโอเคเหมือนที่อยู่โรงพยาบาลหรือเปล่า เมื่อรู้ว่าแม่เธอดีขึ้นจากปากน้องสาวก็เบาใจ อีกหน่อยเธอคงจะออกจากโรงพยาบาลไปช่วยดูแลแม่ได้แล้ว
แกร๊กก
“คุณหมอสวัสดีค่ะ”
ต้นรักหันไปตามเสียงประตูที่เปิดเข้ามาเห็นว่าเป็นหมอคาวีก็เลยทักทายตามปกติที่เจอกันทุกครั้ง เธอแอบเห็นว่าดูหมอคาวีจะใส่ใจพี่สาวเธอเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับพี่สาวของเธอเรื่องนี้เสียที
“สวัสดีครับคุณต้นรัก เดี๋ยวหมอขอตรวจคนไข้ของหมอก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
คาวีพูดกับต้นรักพร้อมมองไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้มแต่แม่สาวเจ้าไม่ยักจะหันมาสบตากับเขาแม้แต่น้อย เขาแอบน้อยใจเล็กน้อยที่เขาห่วงเธอแทบตาย แต่เธอไม่เคยสนใจในความห่วงใยของเขาแม้แต่นิดเดียว
“วันนี้ทานอาหารได้ตามปกติใช่ไหม”
คาวีถามต้นหลิวตามวิธีการตรวจของหมอแต่แอบแฝงไปด้วยความห่วงใยหญิงสาวเต็มเปี่ยม
“ค่ะ”
ต้นหลิวไม่มองหน้าหมอหนุ่มแม้แต่หางตา แถมยังตอบคำถามอีกฝ่ายห้วนๆด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก
พฤติกรรมของทั้งสองคนอยู่ในสายตาของต้นรักทั้งหมด เธอรู้สึกว่าพี่สาวของเธอกับหมอคาวีต้องมีปัญหาอะไรกันสักอย่างแน่นอน
“หลิวมีปัญหาอะไรกับคุณหมอหรือเปล่า”
หลังจากที่หมอหนุ่มและพยาบาลออกไปจากห้องพี่สาวเธอหมดแล้วต้นรักจึงถามเรื่องที่เธอคาใจกับพี่สาวเธอทันที
“ก็เปล่านี่”
ต้นหลิวเลี่ยงที่จะตอบต้นรัก เพราะเธอไม่อยากจะพูดถึงมันอีก
“อย่าคิดว่าเค้าไม่รู้ บอกมาเดี่ยวนี้เลย”
ต้นรักยังคะยั้นคะยอให้พี่สาวเธอตอบให้ได้
“คือ...”
ต้นหลิวรู้ว่าอาการของเธอยังไงมันก็ปิดต้นรักไม่ได้อยู่ดี จึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เธอรู้สึกไม่ดีให้คนเป็นน้องสาวได้ฟัง
“นี่หลิวโกรธคุณหมอเพราะเค้าช่วยหลิวเหรอ”
ต้นรักฟังที่ต้นหลิวเล่าเรื่องที่เคืองหมอหนุ่มให้ฟังก็พอจะเข้าใจว่าพี่สาวเธอคงจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรีที่หมอคาวีช่วยโดยที่ไม่บอก แถมยังโดนคนที่ทำงานพูดถึงในทางที่ไม่ดีเพราะความช่วยเหลือจากหมอหนุ่ม แต่เธอเองก็เห็นว่าพี่สาวเธอถึงจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรีแต่ก็ไม่น่าทำทีท่าไม่อยากจะมองหน้าหมอหนุ่มขนาดนั้น เพราะยังไงคาวีก็ทำไปเพราะความหวังดี
“ไม่ใช่แค่ช่วยแล้วไม่บอก เป็นใครยังไม่บอกอีกด้วย”
“เค้าว่าที่คุณหมอไม่ได้บอกว่าเค้าเป็นเจ้าของโรงพยาบาลก็เพราะคุณหมอคาวีเองก็ไม่ได้มีเหตุจำเป็นที่จะต้องมาบอกเรานี่ว่าเค้าเป็นเจ้าของโรงพยาบาล แล้วหลิวจะงอนคุณหมอเรื่องนี้ก็ไม่ถูก”
“ใครบอกเค้างอนหมอ ไม่ได้งอนซะหน่อย แค่ไม่ชอบให้เค้ามายุ่งกับหลิวมาช่วยหลิวแบบนี้”
ต้นหลิวยังไม่ยอมรับกับต้นรักว่าเธอน้อยใจหมอหนุ่ม
“แต่เค้าว่าคุณหมอเค้าก็ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีกับหลิวนะ”
ต้นรักยังพยายามทำให้พี่สาวของเธอเข้าใจในเจตนารมณ์ที่แท้จริงของหมอหนุ่มให้ได้ แต่ดูท่าพี่สาวเธอจะไม่อยากเข้าใจมันน่ะสิ
“เค้ารู้ ก็บอกแล้วไงว่าแค่ไม่ชอบวิธีที่หมอคาวีช่วย แล้วก็ไม่อยากให้หมอมายุ่งอะไรกับเค้ามากด้วย”
“เค้าว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ เค้าคิดว่าหมอคงจะอยากยุ่งกับหลิวอยู่เรื่อยๆเลยล่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“เรื่องนี้เค้าคิดว่าหลิวคงจะต้องถามคุณหมอเอาเองแล้วหละ”
เรื่องนี้ต้นรักก็คงจะตอบไม่ได้ดีเหมือนหมอหนุ่มตอบเองเธอเลยโบ้ยคำถามนี้ให้พี่สาวเธอไปถามหมอคาวีเองก็แล้วกัน
สองชั่วโมงต่อมา
หลังจากต้นรักอยู่พูดคุยกับต้นหลิวได้พักใหญ่เธอก็มานั่งเฝ้าที่ข้างๆเตียงของเบนจามินเช่นเดิม โดยนั่งถักไหมพรมไปเรื่อยๆ คิดไว้ว่าถ้าชายหนุ่มตื่นเธอจะได้เอาให้เขา และเธอก็ถักเสื้อไว้สำหรับใส่เป็นครอบครัวเอาไว้ด้วย
“ทำอะไรอยู่เหรอหนูต้นรัก”
“ถักเสื้อให้คุณเบนค่ะคุณย่า”
“อ๋อ น่ารักเหมือนกันนะถ้าย่าได้เห็นตาเบนใส่เสือแบบนี้คงแปลกตาน่าดู”เอมม่าเห็นเสื้อไหมพรมในมือของต้นรักก็อดชมไม่ได้ หญิงสาวมีฝีมือจริงๆแถมยังนึกภาพไม่ออกอีกด้วยหากหลานชายเธอใส่เสื้อแบบนี้จะเป็นแบบไหน“ค่ะ คุณเบนเคยใส่ลายหมีพูห์ด้วยนะคะ”ต้นรักอยากจะให้เอมม่าเห็นแบบที่เธอเคยเห็นเหลือเกินตอนที่เบนจามินนั้นใส่เสื้อไหมพรมลายหมีพูห์ที่เธอทำให้ตัวแรก“ตาเบนเนี่ยเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เอมม่าอดหัวเราะไม่ได้เมื่อรู้ว่าหลานชายเธอเคยใส่เสื้อแบบนี้แล้ว“ค่ะคุณย่า”ต้นรักอดขำตามเอมม่าไม่ได้ เพราะตอนนั้นที่เบนจามินใส่ก็ดูไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน แต่เขาก็ยอมใส่เพราะว่าเธอเป็นคนทำให้สองวันต่อมา16.00 น.“โอเคแล้วใช่ไหมหลิว หรือจะอยู่ที่อีกคืน”ต้นรักสอบถามอาการของพี่สาวเธอว่าดีขึ้นแล้วหรือไม่ ใจจริงเธออยากจะให้พี่สาวนอนดูอาการที่นี่ก่อนสักคืนสองคืนด้วยซ้ำ ติดตรงที่ต้นหลิวคะยั้นคะยอจะกลับบ้านนี่แหละ“โอ้ย เค้าไม่อยู่แล้วล่ะรัก เบื่อการนอนที่นี่จะตายอยู่แล้ว จะได้กลับไปอยู่กับแม่ด้วย”ต้นหลิวนึกถึงเรื่องที่จะต้องนอนโรงพยาบาลอีกคืนก็ถึงกับมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะเธออยากกลับไปนอนที่บ้านเต็มทนแล้ว อีกอย่างก็อย
อาทิตย์ต่อมาเพนท์เฮ้าส์หรู“อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะคุณเบน”เบนจามินกลับมาพักที่เพนท์เฮ้าส์ได้วันสองวันแล้ว แต่ก็ยังคงมีทีมแพทย์แวะเวียนมาดูอาการของเขาอยู่ไม่ห่าง ต้นรักยังคงตามติดเบนจามินคอยดูแลเขาอยู่ตลอด หวังทุกวินาทีว่าเขาจะจำเธอได้ เรื่องลูกในท้องเธอยังไม่คิดที่จะบอกเขาตอนนี้ เพราะเธออยากให้เขาจำความรู้สึกที่เคยรู้สึกกับเธอได้เสียก่อนจึงค่อยบอกเรื่องนี้กับเขา“นี่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเธอจริงๆเหรอ”เบนจามินจำต้องให้ต้นรักมาอยู่กับเขาตามคำขอของคุณย่าของเขา ชายหนุ่มนึกสงสัยตัวเองอยู่ว่าตอนก่อนหน้านั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงอยากจะแต่งงาน แถมหญิงสาวยังดูจืดชืดไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยควงอีกด้วย“ค่ะ...”“อืม...”ต้นรักรีบพยักหน้าตอบชายหนุ่มอย่างมีความหวัง ว่าที่เขาถามเธอเรื่องนี้มาเขาอาจจะจำอะไรได้ก็ได้ แต่เบนจามินไม่ได้พูดอะไรต่อแถมยังทำหน้าเซ็ง ทำให้เธอรู้ว่าที่เขาถามเธอเขาไม่ได้คิดอะไรได้ คงแค่ไม่แน่ใจเท่านั้นว่าเขากับเธอจะแต่งงานกันจริงๆ“คุณเบนทานเยอะๆเลยนะคะ เสร็จแล้วจะได้ทานยาค่ะ”ถึงชายหนุ่มจะกลับมาเอาแต่ใจหรือหงุดหงิดใส่เธอแบบเดิมเธอก็ยอม ขอแค่ได้ดูแลอยู่ข้างๆเขาแบบนี้ก็พอ“ฉันรู้
“เข้าใจละ”ต้นรักพยักหน้าพลางเข้าใจและหายห่วงที่แม่เธอจะได้มีเพื่อนคุยนอกจากพยาบาลที่คอยดูแลอยู่“ผมอยากได้คำตอบ”คาวีเห็นว่าจังหวะนี้แหละที่เขาจะได้ขอคำตอบที่เคยถามหญิงสาวเอาไว้เสียที เพราะเขารอมันไม่ไหวแล้ว“คำตอบอะไร”ต้นหลิวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคาวีหมายถึงเรื่องอะไร“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”คาวีรู้ว่าต้นหลิวรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอทำไขสือไปเท่านั้นเอง“ก็คุณบอกว่าให้ฉันคิดก่อนนี่”ต้นหลิวยังคิดที่จะบ่ายเบี่ยงในการตอบคำถาม“มันนานแล้วนี่คุณ”คาวีเห็นว่าที่เขาต้องถามเพราะว่าคำตอบที่เขารอคอยเขารอมันมานานแล้ว ถ้าเขาไม่ท้วงเธอมีหรือจะได้คำตอบ“ถ้าคุณช่วยให้คุณเบนกลับมาเหมือนเดิมเมื่อไหร่ วันนั้นฉันจะ...ตกลง”อันที่จริงต้นหลิวเองก็คิดเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยิ่งมองว่าเธอกับเขามันต่างกันก็ยิ่งทำให้เธอตอบตกลงกับเขาไม่ได้ แต่วันนี้เธอไม่สนแล้ว เธอคิดอย่างเดียวว่าถ้าตอนนี้หมอหนุ่มรักษาเบนจามินให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วได้ เธอก็จะตกลงคำขอของเขา เพราะเธออยากเห็นน้องเธอมีความสุขกับชีวิตครอบครัวเสียที“จริงนะคุณ”คาวีดึงมือเรียวมากุมเอาไว้ด้วยความดีใจ“อื
สองอาทิตย์ต่อมา20.00 น.คาวีพยายามหาทางช่วยให้เบนจามินกลับมาจำทุกอย่างได้ทุกวิถีทาง คราแรกเบนจามินก็ไม่ค่อยจะยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รับคำสั่งจากคุณย่าของเขาเบนจามินก็ต้องทำตามเพราะไม่อยากจะขัดใจคนเป็นย่า ส่วนต้นรักนั้นก็แพ้ท้องหนักจนต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอ ด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัย“เสื้อตัวนี้...”เบนจามินเข้าไปนั่งในห้องของต้นรัก เขาเห็นบางอย่างอยู่บนหัวเตียงของเธอจึงเข้าไปหยิบขึ้นมาดู มันเป็นเสื้อไหมพรมที่ยังถักไม่เสร็จที่เสร็จ แล้วก็เห็นจะมีเสื้อที่ตัวขนาดเท่าๆกันอีกหนึ่งตัวและตัวเล็กอีกหนึ่งตัวที่สีเหมือนกัน ทำให้ภาพบางภาพปรากฏขึ้นในหัวของเขาเป็นภาพที่เขากำลังลองใส่เสื้อไหมพรมหมีพูห์และมีต้นรักยืนยิ้มอยู่ข้างๆ และภาพต่างๆก็ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ต่างจากเมื่อตอนแรกที่คาวีพยายามรักษาเขามาก ตอนนั้นทุกอย่างมันยังคงเลือนลางไม่ประติดประต่อ แต่ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ความรู้สึกเก่าๆที่มันกลับมาทำให้เขาได้รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไรเช้าวันต่อมา“คุณเบน”ต้นรักค่อนข้างแปลกใจเบนจามินก็มาโผล่ที่บ้านของเธอแต่เช้า“เห็นหน้าฉันทำไมต้องทำ
“จะเสียใจได้ยังไง ดีใจมากต่างหาก แบบนี้ต้องบอกข่าวดีกับทุกคน”ด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มจึงรนรานควานหามือถือจะบอกข่าวดีแบบนี้กับทุกคนได้รับรู้“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเบน”ต้นรักหน้าเจื่อนก่อนจะบอกให้เบนจามินไม่ต้องบอกคนอื่น เพราะคนอื่นนั้นรู้หมดแล้ว“อย่าบอกนะว่าพวกเค้ารู้กันหมดแล้ว”“ค่ะ”“ยกเว้นฉันเนี่ยนะ...”เบนจามินเห็นสีหน้าต้นรักก็รู้ว่าเขาคงจะรู้ข่าวนี้เป็นคนสุดท้าย“โกรธฉันเหรอคะ? ฉันแค่อยากบอกกับคุณตอนที่คุณจำความรู้สึกระหว่างเราได้เท่านั้น ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันใช้ลูกมาเป็นบ่วงรั้งคุณ”ต้นรักพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เธอไม่ได้บอกเรื่องลูกกับชายหนุ่ม เธอเองก็มีเหตุผลของเธอ และหวังว่าเขาจะเข้าใจ“เฮ้อ ใครจะโกรธเธอลง ฉันแค่นอยเฉยๆที่ได้รู้ทีหลังคนอื่นก็เท่านั้นเอง”เบนจามินแค่อยากได้รู้เรื่องลูกของเขาเป็นคนแรกเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีเหตุผลของเธอเขาเองก็ไม่ได้อยากคิดอะไรให้มันมากมายนัก แค่ได้รู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาเป็นโซ่ทองคล้องใจเขาและเธอก็พอแล้วสองเดือนต่อมางานแต่งของต้นรักและต้นหลิวจัดขึ้นพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ มีสื่อให้ความสนใจมากมายเพราะสองทายาทตระกูลดังต่
เพนท์เฮ้าส์หรู18.30 น.“คุณเบนจะไปไหนครับ”โจชัวเห็นเจ้านายเขาเตรียมตัวจะออกไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวจึงต้องรีบเดินไปถาม มิเช่นนั้นหากเขาปล่อยให้เจ้านายของเขาไปไหนโดยที่เขาไม่รู้แล้วเกิดอันตรายอะไรกับเจ้านายคงไม่เป็นผลดีแน่“นายไม่ต้องตามวันนี้ฉันอยากผ่อนคลายคนเดียว”วันนี้เบนจามินอยากจะไปพักผ่อนตามประสาหนุ่มโสดสุดฮอตด้วยตัวคนเดียว เมื่อมีลูกน้องหรือคนสนิทแห่กันไปด้วยทีไรพวกสาวๆไม่อยากจะมาใกล้เขาทุกที เว้นเสียแต่ผู้หญิงที่อยากจะบริการเขาเพราะอยากได้ทิปหนักๆ แต่พวกนี้เขาเองก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร“เอ่อ...ครับ”โจชัวเห็นดังนั้นจึงรีบถอยให้เจ้านายหนุ่มของเขาออกไปแต่โดยดี เพราะเห็นท่าเจ้านายตนมาแบบนี้แล้วเขาคงจะขัดอะไรไม่ได้ที่ผ่อนคลายของเจ้านายนั้นเขาพอจะรู้อยู่ว่าจะไปที่ไหนเบนจามินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลลอเปอร์เป็นลูกครึ่งไทยอิตาลีถูกเลี้ยงโดยคุณย่าของเขามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจอยู่บ่อยๆ หากแต่ชายหนุ่มเป็นคนที่เก่งในสายงานแทบจะทุกอย่างแถมยังเข้ามาบริหารงานแทนพ่อของเขาแทบจะทุกอย่างได้ดีอีกด้วย ประวัติเสียแทบจะไม่มีนอกเสียจากเรื่องผู้หญิงที่ทำให้ต้องเขม่นกับคู่ค้า
คลับหรู“แกลืมมือถือใช่ไหม”พริกแกงเห็นต้นหลิวเดินมาที่จุดนัดพบก็รีบดึงมือเพื่อนเธอเข้ามาที่มุมมืดของร้านทันที พริกแกงเข้านอกออกในที่นี่บ่อยเธอจึงรู้แทบทุกซอกทุกมุม“แกรู้ได้ไง”ต้นหลิวแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนเธอรู้ว่าเธอลืมมือถือ ตัวเธอเองยังรู้ตัวเมื่อถึงที่นี่แล้วเลย“ก็ฉันโทรหาแกแล้วยัยต้นรักรับน่ะสิ แถมบอกจะรีบเอามือถือมาให้แกอีก”“อ้าวอย่างนั้นก็ซวยน่ะสิ ยัยต้นรักก็ต้องสงสัยแน่เลย”ต้นหลิวเริ่มมีสีหน้าตระหนก หากต้นรักรู้ว่าเธอไม่ได้มาทำงานที่นี่อย่างที่บอก เรื่องนี้เธอจะต้องทะเลาะกับต้นรักใหญ่โตแน่“งั้นแกก็ต้องรีบเลยก่อนที่ยัยต้นรักจะมา ฉันมองไว้ให้แกแล้วว่าเหยื่ออยู่ตรงไหน น่าจะมีเงินเพราะดื่มแต่ของแพงๆ”พริกแกงเห็นทีจะต้องให้ต้นหลิวนั้นรีบลงมืออย่างรวดเร็วก่อนที่ต้นรักนั้นจะมาที่นี่ เธอลอบมองเหยื่อไว้หลายคนเห็นจะเป็นพ่อฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้นที่นั่งอยู่คนเดียวน่าจะเข้าถึงง่ายที่สุด“ฝรั่งคนนั้นอะนะ”ต้นหลิวมองไปตามที่เพื่อนของเธอชี้เธอเห็นว่าเขานั้นนั่งดื่มอยู่คนเดียว แต่งตัวก็ธรรมดาคงจะเป็นการง่ายต่อการที่เธอจะปลดทรัพย์“ใช่แก ฉันเห็นนั่งเซ่ออยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว ดื่มหนักด้วยคง
ทางด้านต้นหลิว“นี่แกทำไมมันซวยงี้วะ”พริกแกงหน้าจ๋อยที่เมื่อเปิดกระเป๋าที่ต้นหลิวใช้วิชามือเบาได้มาดูแล้วมันไม่มีเงินสักนิด มีแต่บัตรเครดิต“แกเป็นคนเลือกเหยื่อไม่ใช่หรือไง ไหนล่ะเงินเยอะมีแต่บัตรแบบนี้ฉันจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารักษาแม่ฉันล่ะ”ต้นหลิวเองก็เซ็งกันไปตามๆกัน เมื่อนึกถึงค่ารักษาของแม่เธอก็ถึงกับคอตก“แกลองดูที่บัตรสิเผื่อมีรหัส”พริกแกงยังแอบหวังเล็กๆว่ายังไงวันนี้เพื่อนเธอก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้างและน่า“แกนี่ก็คิดได้เนอะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันคงจะโง่เขียนรหัสไว้หรอกนะ”ต้นหลิวอยากจะเขกหัวเพื่อนเธอจริงๆ ที่พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้“คุณต้นรัก”คาวีนั่งรออยู่ในรถครู่หนึ่งก็เห็นหญิงสาวเดินออกมาแต่ไม่ยักจะมาหาเขาที่รถ ทั้งที่รถของเขาก็จอดอยู่ตรงหน้าของเธอ จึงเปิดประตูรถแล้วลงไปเรียกหญิงสาว“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ”พริกแกงกับต้นหลิวถึงกับชะงักการเดินเมื่อได้ยินใครบางคนเรียกชื่อต้นรัก ต้นหลิวหันมาถามชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอรู้จักต้นรักได้อย่างไรแล้วเขาเป็นใคร“คุณต้นรักไงครับ เอามือถือไปให้พี่สาวคุณเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”คาวีถึงกับทำ