“จะเสียใจได้ยังไง ดีใจมากต่างหาก แบบนี้ต้องบอกข่าวดีกับทุกคน”
ด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มจึงรนรานควานหามือถือจะบอกข่าวดีแบบนี้กับทุกคนได้รับรู้
“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเบน”
ต้นรักหน้าเจื่อนก่อนจะบอกให้เบนจามินไม่ต้องบอกคนอื่น เพราะคนอื่นนั้นรู้หมดแล้ว
“อย่าบอกนะว่าพวกเค้ารู้กันหมดแล้ว”
“ค่ะ”
“ยกเว้นฉันเนี่ยนะ...”
เบนจามินเห็นสีหน้าต้นรักก็รู้ว่าเขาคงจะรู้ข่าวนี้เป็นคนสุดท้าย
“โกรธฉันเหรอคะ? ฉันแค่อยากบอกกับคุณตอนที่คุณจำความรู้สึกระหว่างเราได้เท่านั้น ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันใช้ลูกมาเป็นบ่วงรั้งคุณ”
ต้นรักพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เธอไม่ได้บอกเรื่องลูกกับชายหนุ่ม เธอเองก็มีเหตุผลของเธอ และหวังว่าเขาจะเข้าใจ
“เฮ้อ ใครจะโกรธเธอลง ฉันแค่นอยเฉยๆที่ได้รู้ทีหลังคนอื่นก็เท่านั้นเอง”
เบนจามินแค่อยากได้รู้เรื่องลูกของเขาเป็นคนแรกเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีเหตุผลของเธอเขาเองก็ไม่ได้อยากคิดอะไรให้มันมากมายนัก แค่ได้รู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาเป็นโซ่ทองคล้องใจเขาและเธอก็พอแล้ว
สองเดือนต่อมา
งานแต่งของต้นรักและต้นหลิวจัดขึ้นพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ มีสื่อให้ความสนใจมากมายเพราะสองทายาทตระกูลดังต่างสละโสดพร้อมกัน ผู้ใหญ่ต่างฝ่ายก็ต่างยินดี มีแต่พวกคนที่หมายปองหนุ่มหล่อทั้งสองเท่านั้นที่ไม่ยินดีกับข่าวนี้ด้วยก็เท่านั้น
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมสามปี
“พี่เบนคะ มัวทำอะไรอยู่คะ”
วันนี้ทุกคนนัดเจอกันที่บ้านของตระกูลลอเปอร์พร้อมหน้าพร้อมตา ตอนนี้ต้นรักจัดของลูกเธอเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่สองพ่อลูกอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเท่านั้นก็ไปกันได้
แต่เธอเองเห็นว่าสองพ่อลูกอาบน้ำกันนานผิดปกติจึงเข้ามาดูที่ห้องน้ำ ปรากฏว่าคนเป็นพ่อนั้นอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงฉีดน้ำเล่นกับลูกสาววัยสองขวบกว่าอยู่เลย ทำให้เธอต้องส่งเสียงดุ ลูกเธอป่วยบ่อยก็เพราะสามีเธอชอบพาลูกเล่นน้ำนานๆนี่แหละ
“เอ่อ...”
เบนจามินได้ยินเสียงคนเป็นภรรยาเขาก็ชะงักหยุดการกระทำทันที เพราะรู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ของภรรยากำลังบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“เล่นอีกค่ะคุณพ่อ ฉีดน้ำ ฉีดน้ำ”
หนูน้อยบีน่ายังไม่สลดที่คุณแม่ของเธอจ้องเขม็ง ยังสั่งให้คนเป็นพ่อฉีดน้ำเล่นกับเธอเสียงใส
“เดี๋ยวถ้าลูกไม่สบายรักจะให้ดูลูกเองนะคะ พาลูกไปแต่งตัวได้แล้วค่ะเดี๋ยวจะสาย”
ต้นรักยังคาดโทษคนเป็นสามีของเธออยู่ที่ชอบตามใจให้ลูกเล่นอะไรตามใจโดยที่ไม่ห่วงสุขภาพอยู่เรื่อย พร้อมสั่งให้พาลูกไปแต่งตัวก่อนจะเดินออกไป
“แม่ดุ...”
หนูน้อยบีน่าพอจะดูออกว่าเมื่อครู่แม่ของเธอกำลังไม่พอใจ เลยหันไปบอกคนเป็นพ่ออย่างหน้าห่อเหี่ยว
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อให้เล่นอีกห้านาทีนะคะ”
เบนจามินเห็นหน้าลูกสาวของเขาก็นึกสงสาร ลูกอยากเล่นต่อเขาก็จะขอขัดคำสั่งคนเป็นภรรยาอีกสักเดียวคงจะไม่เป็นอะไร
“ไม่ได้ค่ะ...รักได้ยินนะคะ...”
ต้นรักรู้ว่ายังไงสามีของเธอก็จะปล่อยให้ลูกเล่นต่อจึงไม่ได้เดินไปไหนไกล เพียงแค่อยู่แถวนั้นดูพฤติกรรมของสามีเธอว่าจะทำตามที่เธอบอกหรือไม่
“อุ้ย...คงต้องไปแต่งตัวกันแล้วล่ะลูก”
เบนจามินจำต้องพาลูกน้อยพันผ้าขนหนูแล้วอุ้มออกมาแต่งตัวด้านนอกตามคำสั่งของต้นรัก เพราะเขาไม่อยากขัดใจอะไรภรรยามาก ด้วยตอนนี้เธอเองก็ท้องอ่อนๆลูกของเขาอีกคนจึงต้องเอาใจเป็นพิเศษ แต่ช่วงนี้เธอก็จะดุเป็นพิเศษเช่นกัน
ตระกูลลอเปอร์
“บีน่าขามาให้ป้าอุ้มหน่อยค่ะ”
ฟอด...
“อื้อหืม ชื่นใจจังเลยค่ะ”
กว่าเบนจามินและต้นรักจะมาถึงทุกคนก็นั่งรออยู่ในบ้านจนครบกันหมดแล้ว ต้นหลิวเห็นหลานตัวกลมก็รีบเรียกหาทันที หนูน้อยบีน่ารู้งานก็รีบวิ่งตัวป้อมไปกระโดดกอดคนเป็นป้า เพราะรู้ว่าป้าคนนี้ช่างเอาใจและตามใจเป็นพิเศษ
“เมื่อไหร่จะมีกับเจ้าบ้างล่ะหนูต้นหลิว”
เอมม่าเห็นต้นหลิวก็ดูรักเด็กดีแถมยังน่าจะพร้อมที่จะเป็นแม่คนได้แล้ว แต่ก็ไม่ยักเห็นจะมีลูกเสียที
“คือ หลิวอยากจะใช้ชีวิตอีกสักหน่อยค่ะคุณย่า คุณวีเองก็ยังต้องดูแลคนไข้ไว้วันที่พร้อมจริงๆค่อยมีดีกว่าค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ”
เอมม่าเข้าใจสิ่งที่หญิงสาวพูดความพร้อมของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน หากเร่งรัดอะไรมันพลอยแต่จะทำให้เสียสมดุลในการใช้ชีวิตไปเปล่าๆ
“ตอนนี้หมอที่โรงพยาบาลก็มีเก่งๆมากมายผมว่าอีกปีสองปีก็จะรีบปั๊มทายาทแล้วล่ะครับ คุณแม่ก็เตรียมตัววิ่งตามหลานไว้ให้ดีๆนะครับผมว่าจะมีลูกแฝดทีเดียวสามคนเลย”
คาวีคิดว่าอีกไม่นานเท่าไรเขาก็จะเบามือเรื่องที่โรงพยาบาลลงเพราะมีบุคลากรที่มีความสามารถมากมายรุ่นใหม่เกิดเยอะให้พวกเขาได้ใช้ฝีมือให้เต็มที่ส่วนเขาก็จะหันมาโฟกัสที่ครอบครัวเสียที
พร้อมหันไปพูดกับทั้งแม่ของเขาและแม่ของต้นหลิวว่าให้เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการวิ่งตามหลานๆ เพราะเขาตั้งใจว่ามีทีเดียวให้เป็นแฝดสามไปเลย
“ให้มีก่อนเถอะแล้วค่อยมาพูด”
อมีนาถึงกับต้องปรามลูกชายที่คุยโอ้อวดไว้ก่อน
“โถ่คุณแม่”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ทุกคนต่างก็อมยิ้มให้กับความมั่นใจของคาวีที่ดูจะมั่นใจมากว่าจะมีลูกแฝดสาม ตอนนี้หมอหนุ่มก็ทำคุยไปพอมีจริงๆจะหัวยุ่งทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดีเพราะต่างผ่านช่วงเวลาเลี้ยงลูกกันมาแล้วทั้งนั้น เว้นแต่หมอคาวีกับต้นหลิวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ลิ้มสัมผัสรสชาตินี้
“สามเลยเหรอหมอ ลองดูคนเดียวก่อนก็ได้มั้ง”
เบนจามินรู้ดีว่ามีลูกคนนึงมันต้องดูแลมากมายขนาดไหนเขาจึงเตือนหมอหนุ่มที่ดูจะมั่นใจเสียเหลือเกิน
“ฉันเองก็ว่าคนเดียวก่อนก็พอมั้งคุณวี”
ต้นหลิวคิดว่าหากจะมีลูกครั้งแรกก็ขอเอาแค่คนเดียวก่อนจะดีกว่า เพราะเธอกะว่าจะเลี้ยงเอง หากสามคนเธอก็เกรงว่าจะเอาไม่อยู่ ด้วยยังเป็นคุณแม่มือใหม่ เธอไม่รู้ว่าสามีของเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนักหนาที่จะมีลูกทีเดียวตั้งสามคน
“เอาแบบนี้สิหนูหลิวก็ให้ตาวีเลี้ยงเองซะเลยถ้าอยากได้สามคนนัก จะได้รู้ไง”
อมีนาหยอกลูกชายตัวเองว่าถ้าอยากจะมีนักก็ต้องให้เลี้ยงเองจะได้รู้สึก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เสียงเฮฮาจะดังขึ้นมาในบ้านเมื่อทุกคนมารวมตัวกัน ตอนนี้ทั้งหมอคาวีและเบนจามินต้นรักและต้นหลิวต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็หมดห่วงไม่ต้องกลัวว่าลูกๆของพวกเขาจะเตร็ดเตร่ไปมาถึงเมื่อไหร่
ตอนนี้ก็โฟกัสถึงชีวิตครอบครัวและการทำงานอย่างเดียวไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกถือว่าคำว่าครอบครัวมันก็สมบูรณ์มากแล้ว ก็เหลือแต่พวกรุ่นลูกของเบนจามินและคาวีเท่านั้นที่จะต้องมาห่วงเรื่องการใช้ชีวิตของลูกๆพวกเขาอีกที
จบบริบูรณ์
เพนท์เฮ้าส์หรู18.30 น.“คุณเบนจะไปไหนครับ”โจชัวเห็นเจ้านายเขาเตรียมตัวจะออกไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวจึงต้องรีบเดินไปถาม มิเช่นนั้นหากเขาปล่อยให้เจ้านายของเขาไปไหนโดยที่เขาไม่รู้แล้วเกิดอันตรายอะไรกับเจ้านายคงไม่เป็นผลดีแน่“นายไม่ต้องตามวันนี้ฉันอยากผ่อนคลายคนเดียว”วันนี้เบนจามินอยากจะไปพักผ่อนตามประสาหนุ่มโสดสุดฮอตด้วยตัวคนเดียว เมื่อมีลูกน้องหรือคนสนิทแห่กันไปด้วยทีไรพวกสาวๆไม่อยากจะมาใกล้เขาทุกที เว้นเสียแต่ผู้หญิงที่อยากจะบริการเขาเพราะอยากได้ทิปหนักๆ แต่พวกนี้เขาเองก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร“เอ่อ...ครับ”โจชัวเห็นดังนั้นจึงรีบถอยให้เจ้านายหนุ่มของเขาออกไปแต่โดยดี เพราะเห็นท่าเจ้านายตนมาแบบนี้แล้วเขาคงจะขัดอะไรไม่ได้ที่ผ่อนคลายของเจ้านายนั้นเขาพอจะรู้อยู่ว่าจะไปที่ไหนเบนจามินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลลอเปอร์เป็นลูกครึ่งไทยอิตาลีถูกเลี้ยงโดยคุณย่าของเขามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจอยู่บ่อยๆ หากแต่ชายหนุ่มเป็นคนที่เก่งในสายงานแทบจะทุกอย่างแถมยังเข้ามาบริหารงานแทนพ่อของเขาแทบจะทุกอย่างได้ดีอีกด้วย ประวัติเสียแทบจะไม่มีนอกเสียจากเรื่องผู้หญิงที่ทำให้ต้องเขม่นกับคู่ค้า
คลับหรู“แกลืมมือถือใช่ไหม”พริกแกงเห็นต้นหลิวเดินมาที่จุดนัดพบก็รีบดึงมือเพื่อนเธอเข้ามาที่มุมมืดของร้านทันที พริกแกงเข้านอกออกในที่นี่บ่อยเธอจึงรู้แทบทุกซอกทุกมุม“แกรู้ได้ไง”ต้นหลิวแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนเธอรู้ว่าเธอลืมมือถือ ตัวเธอเองยังรู้ตัวเมื่อถึงที่นี่แล้วเลย“ก็ฉันโทรหาแกแล้วยัยต้นรักรับน่ะสิ แถมบอกจะรีบเอามือถือมาให้แกอีก”“อ้าวอย่างนั้นก็ซวยน่ะสิ ยัยต้นรักก็ต้องสงสัยแน่เลย”ต้นหลิวเริ่มมีสีหน้าตระหนก หากต้นรักรู้ว่าเธอไม่ได้มาทำงานที่นี่อย่างที่บอก เรื่องนี้เธอจะต้องทะเลาะกับต้นรักใหญ่โตแน่“งั้นแกก็ต้องรีบเลยก่อนที่ยัยต้นรักจะมา ฉันมองไว้ให้แกแล้วว่าเหยื่ออยู่ตรงไหน น่าจะมีเงินเพราะดื่มแต่ของแพงๆ”พริกแกงเห็นทีจะต้องให้ต้นหลิวนั้นรีบลงมืออย่างรวดเร็วก่อนที่ต้นรักนั้นจะมาที่นี่ เธอลอบมองเหยื่อไว้หลายคนเห็นจะเป็นพ่อฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้นที่นั่งอยู่คนเดียวน่าจะเข้าถึงง่ายที่สุด“ฝรั่งคนนั้นอะนะ”ต้นหลิวมองไปตามที่เพื่อนของเธอชี้เธอเห็นว่าเขานั้นนั่งดื่มอยู่คนเดียว แต่งตัวก็ธรรมดาคงจะเป็นการง่ายต่อการที่เธอจะปลดทรัพย์“ใช่แก ฉันเห็นนั่งเซ่ออยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว ดื่มหนักด้วยคง
ทางด้านต้นหลิว“นี่แกทำไมมันซวยงี้วะ”พริกแกงหน้าจ๋อยที่เมื่อเปิดกระเป๋าที่ต้นหลิวใช้วิชามือเบาได้มาดูแล้วมันไม่มีเงินสักนิด มีแต่บัตรเครดิต“แกเป็นคนเลือกเหยื่อไม่ใช่หรือไง ไหนล่ะเงินเยอะมีแต่บัตรแบบนี้ฉันจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารักษาแม่ฉันล่ะ”ต้นหลิวเองก็เซ็งกันไปตามๆกัน เมื่อนึกถึงค่ารักษาของแม่เธอก็ถึงกับคอตก“แกลองดูที่บัตรสิเผื่อมีรหัส”พริกแกงยังแอบหวังเล็กๆว่ายังไงวันนี้เพื่อนเธอก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้างและน่า“แกนี่ก็คิดได้เนอะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันคงจะโง่เขียนรหัสไว้หรอกนะ”ต้นหลิวอยากจะเขกหัวเพื่อนเธอจริงๆ ที่พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้“คุณต้นรัก”คาวีนั่งรออยู่ในรถครู่หนึ่งก็เห็นหญิงสาวเดินออกมาแต่ไม่ยักจะมาหาเขาที่รถ ทั้งที่รถของเขาก็จอดอยู่ตรงหน้าของเธอ จึงเปิดประตูรถแล้วลงไปเรียกหญิงสาว“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ”พริกแกงกับต้นหลิวถึงกับชะงักการเดินเมื่อได้ยินใครบางคนเรียกชื่อต้นรัก ต้นหลิวหันมาถามชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอรู้จักต้นรักได้อย่างไรแล้วเขาเป็นใคร“คุณต้นรักไงครับ เอามือถือไปให้พี่สาวคุณเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”คาวีถึงกับทำ
โรงพยาบาลต้นหลิวมานั่งรอฟังข่าวกับคาวีที่โรงพยาบาล ส่วนพริกแกงนั้นต้นหลิวให้เพื่อนเธอกลับไปก่อนเพราะดึกมากแล้ว“เป็นยังไงบ้างคุณ”ต้นหลิวเห็นคาวีคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานเมื่อเห็นเขาวางสายเธอก็รีบเข้าไปถามเรื่องถามราวทันทีว่าตอนนี้น้องสาวของเธอเป็นยังไงบ้าง“ข่าวดีก็คือ เค้าจะไม่เอาเรื่องคุณ”“จริงเหรอ??”“แต่เค้าจะไม่ปล่อยน้องคุณ”“ทำแบบนี้ไม่ได้คุณติดต่อเค้าไปใหม่ได้ไหมว่าฉันยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ให้เขาปล่อยน้องฉันเถอะนะ เค้าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะแจ้งตำรวจที่เค้าจับน้องฉันไปเหมือนกัน”ต้นหลิวถึงกับเข่าทรุดผู้ชายคนนั้นจะทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ไม่ได้ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้เขากักตัวน้องสาวเธอไว้แบบนี้แน่“ตำรวจทำอะไรเค้าไม่ได้หรอก เรื่องนี้คุณผิดเต็มๆ เห็นหรือยังการทำอะไรไม่คิดมันจะเป็นยังไง”คาวีก็หมดหนทางที่จะช่วยจริงๆ เบนจามินนั้นมีอิทธิพลแค่ไหนเขารู้ดี พร้อมหันไปคาดโทษหญิงสาวให้เธอได้คิดว่าผลของการทำอะไรสิ้นคิดมันก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง“ฮึก ฮือๆๆ แล้วจะให้ฉันทำยังไง”ต้นหลิวจากที่เป็นคนที่ค่อนข้างเข้มแข็ง เจอแบบนี้เธอเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ดันไป
ชั่วโมงต่อมา“ให้มันเบามือหน่อยนะคะพี่เบน”น้ำใส หมอสาวที่ประจำอยู่ที่คลินิกของบ้านตัวเอง เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเบนจามิน สนิทกันเหมือนพี่เหมือนน้องแท้ๆเพราะเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆหลังจากได้ตรวจดูอาการหญิงสาวเธอถึงกับต้องหน้าหงิกหน้างอใส่คนเป็นพี่ชายที่ดูจะรุนแรงเกินเหตุเกินเรื่องไป แต่เธอก็แปลกใจเล็กน้อยที่ดูพี่ชายเธอดูจะห่วงผู้หญิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงเป็นพิเศษ เท่าที่เธอเคยรู้มาพี่ชายเธอไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่“อืม...รู้แล้วน่า”เบนจามินทำหน้าเซ็ง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงเป็นหนักขนาดนี้เสียหน่อย แค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเอง“นี่ยาค่ะ เธอตื่นก็ให้เธอทานด้วย น้ำเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอแล้ว”น้ำใสยื่นซองยาให้คนเป็นพี่ชายจากนั้นจึงเตรียมตัวกลับทันที เพราะใกล้จะได้เวลาที่เธอจะต้องไปตรวจที่คลินิกแล้วโรงพยาบาล“นี่คุณ จะไปหาน้องฉันเมื่อไหร่”หลังจากที่หมอหนุ่มตรวจอาการของแม่เธอเสร็จต้นหลิวก็ถือโอกาสนี้ถามชายหนุ่มทันทีว่าเขานั้นจะไปหาผู้ชายคนเมื่อคืนเพื่อเจรจาเรื่องน้องเธอตอนไหน“ผมต้องออกเวรก่อน คงจะเป็นช่วงเย็น”“ฉันไปด้วยได้ไหม”ต้นหลิวอยากจะไป
วันต่อมา“เป็นยังไงบ้าง”เบนจามินเห็นหญิงสาวขยับตัวขึ้นในช่วงสายของวันจึงใช้หลังมือนั้นวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของเธอดูว่าไข้ลดแล้วหรือยัง เพราะเมื่อคืนเธอตัวร้อนทั้งคืนจนเขาต้องปลุกให้เธอลุกขึ้นมาทานยาเบนจามินนึกโมโหที่หญิงสาวผละหน้าหนีจากมือของเขาอย่างท้าทาย ซ้ำยังไม่ยอมตอบยอมคุยกับเขาว่าตัวเธอนั้นอาการเป็นอย่างไรบ้าง รู้แบบนี้ปล่อยให้นอนป่วยโดยไม่ดูแลเสียก็ดี“ฉันจะบอกอะไรเธอให้ เธอควรจะทำตัวดีๆกับฉันเอาไว้แล้วเธออยากได้อะไรก็จะได้ทานข้าวแล้วทานยาซะ”จากนั้นจึงลุกขึ้นหันหลังให้หญิงสาวและประกาศก้องให้เธอได้ยินสิ่งที่เขาต้องการจะให้เธอได้รู้ เป็นการบอกนัยๆว่าเธอไม่ควรที่จะปฏิเสธเขาหลังจากชายหนุ่มเดินหันหลังออกจากห้องไปแล้วน้ำตาหญิงสาวก็ร่วงหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย คิดว่าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาเรื่องร้ายๆมันจะเป็นแค่ฝันเสียอีกเธอร้องออกมาจนน้ำตาแห้งเหือดพร้อมบอกกับตัวเองให้ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ แล้วทำใจอยู่กับมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เย็นของวัน“เอกสารที่ต้องเซ็นครับคุณเบน”เมื่อเจ้านายหนุ่มไม่ยอมเข้าบริษัทก็ต้องเป็นธุระของโจชัวที่จะต้องยกแฟ้มเอกสารทั้งหมดมาให้เจ้านายของเข
“ถ้าวันไหนรักไม่โอเคเค้าบอกเลยว่าเค้าจะช่วยรักทุกวิถีทาง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเค้าก็ยอม”ต้นหลิวก็ยังยืนยันให้น้องสาวของเธอได้มั่นใจว่าเธอพร้อมเป็นที่พึ่งของน้องสาวเธอได้ตลอดเวลา“ไม่หรอกหลิว เค้าโอเคจริงๆ”ต้นรักกุมมือคนเป็นพี่สาวแน่น ยืนยันคำเดิมว่าเธอโอเคเพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว“แล้วถ้าแม่ฟื้นมาเราจะบอกกับแม่ยังไง”ต้นหลิวยังคงกังวลใจอีกเรื่องหากแม่เธอฟื้นมาแล้วรู้เรื่องราวทุกอย่างวันนั้นมันจะเป็นอย่างไร เธอรู้ว่าแม่ต้องผิดหวังในตัวเธอมากแน่ๆ“อืม ให้มันถึงวันนั้นก่อนก็แล้วกัน”ต้นรักเองก็ยังคิดไม่ออกว่าถึงวันนั้นแล้วมันจะเป็นอย่างไรแต่ยังไงความจริงมันก็คือความจริงที่แม่ของเธอจะต้องรับรู้อยู่ดี“จะเที่ยงแล้วเค้าจะออกไปซื้อข้าว รักจะเอาอะไรไหม”ต้นหลิวเห็นว่านี่มันก็ใกล้เที่ยงแล้วเธอยังไม่ได้หาข้าวไว้ทานเลย หญิงสาวจึงต้องออกไปหาซื้ออะไรแถวห้างใกล้ๆนี้เสียหน่อย เพราะวันนี้น้องสาวเธอกลับมาทานข้าวกับเธอทั้งทีก็คงต้องหาอาหารญี่ปุ่นของโปรดให้น้องเธอทานบ้าง“อะไรก็ได้หลิวไปเถอะ เดี๋ยวเค้าอยู่เฝ้าแม่เอง”ต้นรักอยากอยู่เฝ้าแม่เธอมากกว่า หากพี่สาวเธอจะซื้ออะไรมาก็ทานได้ทั้งนั้น“อืม...แล้วเค
“โอเค แล้วรอยที่หน้าคุณล่ะอันนี้คุณแก้ตัวกับน้องคุณเองก็แล้วกัน”คาวีรู้ว่าเขาควรทำอะไรไม่ทำอะไรเพียงแต่รอยที่หน้าหญิงสาวให้เธอหาคำตอบให้น้องของเธอเองก็แล้วกัน เพราะมันเห่อแดงไปทั่วแก้มเสียขนาดนั้น“ไหนผมขอดูหน่อย”เมื่อจอดรถได้คาวีก็หันมาจับหน้าหญิงสาวแล้วจ้องดูรอยใกล้ๆเขาจะดูว่ามันช้ำแค่ไหนจะได้ให้ยาทาถูก“....”ต้นหลิวถึงกับเบิกตาโพรงหายใจติดขัดที่จู่ๆหมอหนุ่มก็ยื่นหน้ามาเสียใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน เธอเคยอยู่ใกล้ผู้ชายขนาดนี้เสียที่ไหนกัน“เดี๋ยวผมหายาให้ทาก็แล้วกันนะ”“เอ่อ อืม ขอบคุณ เลิกดูได้แล้ว”ต้นหลิวรู้สึกว่าใจเธอเต้นผิดจังหวะ พร้อมผละตัวออกจากหมอหนุ่มและเปิดประตูรถเดินดุ่มๆเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างไม่คิดจะรอเจ้าของรถ“อะไรกัน จะรอหน่อยก็ไม่ได้”คาวีส่ายหัวให้กับพฤติกรรมที่เดาใจยากของหญิงสาว จากนั้นจึงลงจากรถและเดินตามเธอไปติดๆ“รักเค้ามาแล้ว ซื้อแซลมอนโรลของโปรดมาให้ด้วยนะ”ต้นหลิวเข้าห้องมาได้ก็รีบชูกล่องของโปรดให้น้องเธอดูทันที“มันแพงจะตายหลิว ซื้อมาทำไม”ต้นรักรู้ว่าสถานการณ์การเงินที่บ้านเธอตอนนี้เป็นยังไง แล้วอีกอย่างพี่เธอก็ไม่มีงานทำยังจะซื้อของแพงๆให้เธอได้ทานอีก“ไม่เป