วันต่อมา
“เป็นยังไงบ้าง”
เบนจามินเห็นหญิงสาวขยับตัวขึ้นในช่วงสายของวันจึงใช้หลังมือนั้นวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของเธอดูว่าไข้ลดแล้วหรือยัง เพราะเมื่อคืนเธอตัวร้อนทั้งคืนจนเขาต้องปลุกให้เธอลุกขึ้นมาทานยา
เบนจามินนึกโมโหที่หญิงสาวผละหน้าหนีจากมือของเขาอย่างท้าทาย ซ้ำยังไม่ยอมตอบยอมคุยกับเขาว่าตัวเธอนั้นอาการเป็นอย่างไรบ้าง รู้แบบนี้ปล่อยให้นอนป่วยโดยไม่ดูแลเสียก็ดี
“ฉันจะบอกอะไรเธอให้ เธอควรจะทำตัวดีๆกับฉันเอาไว้แล้วเธออยากได้อะไรก็จะได้ทานข้าวแล้วทานยาซะ”
จากนั้นจึงลุกขึ้นหันหลังให้หญิงสาวและประกาศก้องให้เธอได้ยินสิ่งที่เขาต้องการจะให้เธอได้รู้ เป็นการบอกนัยๆว่าเธอไม่ควรที่จะปฏิเสธเขา
หลังจากชายหนุ่มเดินหันหลังออกจากห้องไปแล้วน้ำตาหญิงสาวก็ร่วงหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย คิดว่าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาเรื่องร้ายๆมันจะเป็นแค่ฝันเสียอีก
เธอร้องออกมาจนน้ำตาแห้งเหือดพร้อมบอกกับตัวเองให้ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ แล้วทำใจอยู่กับมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เย็นของวัน
“เอกสารที่ต้องเซ็นครับคุณเบน”
เมื่อเจ้านายหนุ่มไม่ยอมเข้าบริษัทก็ต้องเป็นธุระของโจชัวที่จะต้องยกแฟ้มเอกสารทั้งหมดมาให้เจ้านายของเขาเซ็นถึงเพนท์เฮ้าส์
“อืม วางไว้นั่นแหละ”
เบนจามินนั่งอ่านข่าวธุรกิจอย่างใจจดใจจ่อเขาจะต้องอัพเดตตลอดเวลา เมื่อลูกน้องยกงานมาให้เขาจึงสั่งให้ว่างเอาไว้ก่อนคืนนี้เขาจะดูเอง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมมาเก็บนะครับ”
เสร็จธุระโจชัวก็เดินออกจากเพนท์เฮ้าส์ไปทันที เพราะถือว่าธุระของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ออกมาก็ดีแล้ว มาทานข้าวสิ ฉันสั่งของมาเต็มเลย”
เบนจามินนั่งอ่านข่าวได้พักใหญ่ก็เห็นหญิงสาวเดินออกมาด้านนอกเลยให้เธอมาทานข้าวพร้อมเขาเสียเลย
“เดี๋ยวฉันเอาไปใส่จานให้นะคะ”
ต้นรักคิดว่ายังดีที่เขายังคิดห่วงเธอไม่ได้ปล่อยให้ต้องหาอะไรทานเองเธอจึงอาสาจะจัดการกับอาหารพวกนี้ใส่จานให้ แต่ยังมองหาห้องครัวไม่ยักจะเห็นเพราะที่นี่ค่อนข้างกว้าง
“ครัวอยู่ด้านโน้น”
เบนจามินรู้ว่าหญิงสาวองหาอะไรจึงชี้มือให้หญิงสาวเดินไปถูก
“ค่ะ”
ไม่นานอาหารหลากหลายก็เรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารโดยการจัดจานของหญิงสาว
“ทำไมคุณสั่งมาเยอะจังล่ะคะ”
ต้นรักเห็นว่าโต๊ะอาหารก็มีเพียงแค่เธอและชายหนุ่มแค่สองคนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงสั่งอาหารมาหลายอย่างแบบนี้
“อาหารพวกนี้มีประโยชน์กับเธอทั้งนั้น เธอทานได้ทั้งหมดฉันถามหมอให้แล้ว”
เบนจามินไม่รู้ว่าหญิงสาวชอบทานอะไรเขาเลยสั่งมาหลายๆอย่าง และทุกอย่างเขาถามน้ำใสมาแล้วว่าหญิงสาวจะทานได้หรือไม่ เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามหญิงสาวว่าทำไมเขาถึงสั่งมาเยอะเพราะไม่อยากให้เธอคิดว่าเขาเป็นห่วงเธอมากเกินไปกลัวว่าหญิงสาวจะได้ใจ
“ขอบคุณค่ะ”
ต้นรักฉีกยิ้มเล็กๆ ขอบคุณชายหนุ่มที่ดูว่าเขาเป็นห่วงเธอบ้าง ถึงคำพูดจะดูไม่ค่อยจะหวานหูไปหน่อยก็เถอะ เธอจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย อยากจะรู้จริงๆว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ บางทีก็ดูใจร้ายจนน่ากลัว แต่บางทีก็ดูใจดีเป็นคนละคน
“มองอะไร ทานสิจะได้ทานยา”
“ค่ะ”
ต้นรักหลุดจากภวังค์ความคิดพร้อมหันไปสนใจอาหารในจานหลังจากที่เธอจ้องเขาจนโดนจับได้
“อีกสองวันฉันจะบินไปอิตาลีสักสามสี่วัน”
เบนจามินต้องไปดูงานแทนพ่อของเขาอย่างเร่งด่วนเพราะพ่อของเขายังติดธุระบริษัทที่นี่อยู่ หน้าที่นี้เลยต้องตกมาเป็นของเขาแทน
“ค่ะ”
“เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
เบนจามินแปลกใจที่เธอไม่คิดจะถามเขาบ้างหรือยังไงว่าไปทำอะไรกลับเมื่อไร
“งั้นฉันขอไปเฝ้าแม่ได้ไหมคะ”
ต้นรักเห็นว่าหากเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เธอเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่เหมือนกัน เธออยากกลับไปดูแม่ของเธอใจจะขาดแล้วจึงใช้จังหวะนี้ขออนุญาตเขาทันที
“ฉันกลับมาจะต้องเจอเธอเข้าใจที่พูดไหม”
เบนจามินสีหน้าเปลี่ยนเป็นตึงขึ้นทันที เขาคิดว่าเธอคงจะดีใจมากที่เขาไม่อยู่แต่ เขาเองก็ไม่ได้ห้ามเธอให้ไปมาหาสู่ครอบครัว เพียงแต่เมื่อเขากลับมาต้องได้เจอเธอที่นี่ก็เท่านั้น
“เข้าใจค่ะ”
ต้นรักฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ นี่คงเป็นรอยยิ้มแรกที่เธอยิ้มต่อหน้าเขา
“เธอ...”
เบนจามินอยากจะถามใจจะขาดว่าหญิงสาวไม่อยากที่จะไปกับเขาด้วยหรืออย่างไร หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงเกาะแกะตามติดเขาไปทุกที่เพราะอยากเที่ยวอยากช้อปปิ้งตามประสาผู้หญิง
“คะ?”
ต้นรักหันไปถามชายหนุ่มด้วยความสงสัยว่าเขามีอะไรจะพูดกับเธอ
“ไม่มีอะไรทานข้าวเถอะ”
เบนจามินเห็นว่าเธอยังอารมณ์ดีกับการที่จะได้ไปหาแม่ เลยไม่อยากพูดอะไรกวนใจ เพราะเขาเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้คำตอบอยู่ในใจแล้วหละ
2 วันต่อมา
ตลอดเวลาที่ต้นรักอยู่เพนท์เฮ้าส์ของเบนจามินชายหนุ่มก็ไม่ได้กวนใจเธอมากนัก เหตุเพราะยุ่งกับงานและการเตรียมตัวที่จะไปดูงานที่อิตาลีกับโจชัว
หญิงสาวเองก็ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านคอยจัดโน่นจัดนี่แก้เบื่อไปในตัว ชายหนุ่มรู้สึกพอใจในการกระทำของเธอมาก เขาให้เธออยู่อย่างสบายๆไม่ชอบ ชอบที่จะหยิบจับทำงานโน่นนี่ตลอดเวลา ดูไปดูมาเธอก็เป็นแม่ศรีเรือนได้ดีคนหนึ่งเลย
สนามบิน
“ฉันไปละนะ”
“เดินทางดีๆนะคะ”
ถึงเวลาที่เครื่องของชายหนุ่มจะออกแล้วต้นรักไม่ลืมที่จะอวยพรให้อีกฝ่ายเดินทางดีๆตามมารยาท เพราะเขาลากเธอให้ตามมาส่งด้วย จะไม่เอ่ยอวยพรเขาสักหน่อยก็ยังไงยังไงอยู่
“เอ่อ...”
จู่ๆเบนจามินก็โผเข้ามากอดหญิงสาวอย่างไม่อายสายตาใคร เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่มันค่อนข้างไม่ปกติสำหรับหญิงสาวเท่าไหร่ที่ต้องกอดกับผู้ชายท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้
“เธอก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ”
เบนจามินสั่งให้ลูกน้องดูแลเธอตลอดอยู่แล้ว แต่รู้สึกว่าเมื่อจะไปจริงๆก็รู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวอยู่เนืองๆว่าเธอจะกินจะอยู่อย่างไรเมื่อเขาไม่อยู่
“ค่ะ”
ต้นรักรีบรับคำชายหนุ่มพร้อมผละตัวออกจากเขาทันที เหตุเพราะเธอไม่ชิน เธอมองดูชายหนุ่มเดินเข้าไปจนสุดสายตาแล้วหันหลังกลับพร้อมฮาเปอร์ ลูกน้องของชายหนุ่มที่เขาสั่งให้มาดูแลเธอ
“เธอ นั่นมันคุณเบนนี่นา มีของเล่นใหม่อีกแล้วเหรอ”
“หึ่...เดี๋ยวก็เขี่ยทิ้ง ใช้ผู้หญิงเปลืองเป็นว่าเล่น”
สองนางแบบสาวอลิซและน้ำหวานที่มาส่งเพื่อนของเธอที่นี่พอดีบังเอิญเห็นชายหนุ่มที่เคยควงพวกเธอเล่นกำลังกอดกับผู้หญิงหน้าตาจืดชืดอยู่เลยคุยกันสนุกปาก เพราะพวกเธอนั้นรู้ชื่อเสียงเรียงนามความใช้ผู้หญิงเปลืองของเบนจามินดี ทั้งสองต่างก็คิดว่าหญิงสาวที่เบนจามินกอดอยู่นั้นไม่นานก็คงจะมีชะตาเป็นแบบพวกเธอแน่นอน
“คุณต้นรักจะไปไหนต่อครับ”
ฮาเปอร์ลูกน้องของเบนจามินอีกคนที่ชายหนุ่มสั่งให้ดูแลหญิงสาวอย่าให้คลาดสายตา ตอนนี้เขาก็ทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่
“ไปโรงพยาบาลค่ะ”
ต้นรักเองไม่ได้อยากให้ใครมาดูแลเธอหรอก แต่เป็นเพราะคำสั่งของเบนจามินเธอจึงขัดอะไรไม่ได้ มีคนตามอยู่ห่างๆก็ยังดีกว่าไม่ได้ไปไหน ตอนนี้ที่แรกที่เธออยากจะไปก็คือไปหาแม่กับพี่สาวของเธอ
“หลิว”
ต้นรักมาถึงโรงพยาบาลก็ให้ฮาเปอร์รออยู่หน้าห้อง เธอเปิดประตูเข้าไปก็เรียกต้นหลิวเบาๆ คิดไว้แล้วว่ายังไงพี่ของเธอก็ต้องอยู่แน่นอน
“รักมาได้ไง นึกว่าจะมาหาพวกเราไม่ได้ซะอีก”
ต้นหลิวรีบลุกขึ้นไปกอดคนเป็นน้องอย่างห่วงใย คิดว่าเบนจามินจะไม่ปล่อยให้น้องเธอมาหาครอบครัวบ้างเสียอีก
“พอดีคุณเบนเค้าไม่อยู่ เค้าเลยขอมาอยู่กับแม่”
“คุณเบนอะไรนั่นเค้าดีกับรักใช่ไหม”
ต้นหลิวมานั่งคุยกับต้นรักที่โซฟาในห้องผู้ป่วยวีไอพีที่เบนจามินเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด หญิงสาวอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นดีกับน้องสาวของเธอหรือไม่ ถึงเขาจะเป็นคนออกค่ารักษาพยาบาลให้แม่เธออย่างดีทุกอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับน้องสาวเธอบ้าง
“อืมม...ดีสิไม่อย่างนั้นเค้าจะช่วยออกค่ารักษาให้แม่เราเหรอ”
ต้นรักต้องปั้นหน้ายิ้มออกมาให้พี่สาวเธอได้สบายใจอันที่จริงเขาก็ดีกับเธอทุกอย่าง ถ้าหากเขาไม่บังคับเธอบางเรื่องที่เธอไม่เต็มใจเท่านั้นเอง
“เค้าเห็นรักยิ้มได้เค้าก็ดีใจเค้าขอโทษนะที่ทำให้รักต้องเจอเรื่องอะไรแบบนี้”
ต้นหลิวรีบขอโทษคนเป็นน้องสาวด้วยสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเรื่องที่มันไม่ควรจะเกิดกับน้องสาวเธอก็กลับมาเกิดเพราะฝีมือเธอล้วนๆ แถมคนที่ต้องรับผิดชอบยังต้องเป็นน้องเธอทั้งหมดอีก
“เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วอย่าเศร้าให้มันทำร้ายจิตใจตัวเองเลย”
ต้นรักทำได้แต่ยิ้มให้พี่สาวเธอสบายใจ เธอไม่อยากให้ต้นหลิวคิดอะไรมาก เพราะเรื่องมันก็ได้เกิดไปแล้วคงไปแก้ไขอะไรไม่ได้
“ถ้าวันไหนรักไม่โอเคเค้าบอกเลยว่าเค้าจะช่วยรักทุกวิถีทาง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเค้าก็ยอม”ต้นหลิวก็ยังยืนยันให้น้องสาวของเธอได้มั่นใจว่าเธอพร้อมเป็นที่พึ่งของน้องสาวเธอได้ตลอดเวลา“ไม่หรอกหลิว เค้าโอเคจริงๆ”ต้นรักกุมมือคนเป็นพี่สาวแน่น ยืนยันคำเดิมว่าเธอโอเคเพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว“แล้วถ้าแม่ฟื้นมาเราจะบอกกับแม่ยังไง”ต้นหลิวยังคงกังวลใจอีกเรื่องหากแม่เธอฟื้นมาแล้วรู้เรื่องราวทุกอย่างวันนั้นมันจะเป็นอย่างไร เธอรู้ว่าแม่ต้องผิดหวังในตัวเธอมากแน่ๆ“อืม ให้มันถึงวันนั้นก่อนก็แล้วกัน”ต้นรักเองก็ยังคิดไม่ออกว่าถึงวันนั้นแล้วมันจะเป็นอย่างไรแต่ยังไงความจริงมันก็คือความจริงที่แม่ของเธอจะต้องรับรู้อยู่ดี“จะเที่ยงแล้วเค้าจะออกไปซื้อข้าว รักจะเอาอะไรไหม”ต้นหลิวเห็นว่านี่มันก็ใกล้เที่ยงแล้วเธอยังไม่ได้หาข้าวไว้ทานเลย หญิงสาวจึงต้องออกไปหาซื้ออะไรแถวห้างใกล้ๆนี้เสียหน่อย เพราะวันนี้น้องสาวเธอกลับมาทานข้าวกับเธอทั้งทีก็คงต้องหาอาหารญี่ปุ่นของโปรดให้น้องเธอทานบ้าง“อะไรก็ได้หลิวไปเถอะ เดี๋ยวเค้าอยู่เฝ้าแม่เอง”ต้นรักอยากอยู่เฝ้าแม่เธอมากกว่า หากพี่สาวเธอจะซื้ออะไรมาก็ทานได้ทั้งนั้น“อืม...แล้วเค
“โอเค แล้วรอยที่หน้าคุณล่ะอันนี้คุณแก้ตัวกับน้องคุณเองก็แล้วกัน”คาวีรู้ว่าเขาควรทำอะไรไม่ทำอะไรเพียงแต่รอยที่หน้าหญิงสาวให้เธอหาคำตอบให้น้องของเธอเองก็แล้วกัน เพราะมันเห่อแดงไปทั่วแก้มเสียขนาดนั้น“ไหนผมขอดูหน่อย”เมื่อจอดรถได้คาวีก็หันมาจับหน้าหญิงสาวแล้วจ้องดูรอยใกล้ๆเขาจะดูว่ามันช้ำแค่ไหนจะได้ให้ยาทาถูก“....”ต้นหลิวถึงกับเบิกตาโพรงหายใจติดขัดที่จู่ๆหมอหนุ่มก็ยื่นหน้ามาเสียใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน เธอเคยอยู่ใกล้ผู้ชายขนาดนี้เสียที่ไหนกัน“เดี๋ยวผมหายาให้ทาก็แล้วกันนะ”“เอ่อ อืม ขอบคุณ เลิกดูได้แล้ว”ต้นหลิวรู้สึกว่าใจเธอเต้นผิดจังหวะ พร้อมผละตัวออกจากหมอหนุ่มและเปิดประตูรถเดินดุ่มๆเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างไม่คิดจะรอเจ้าของรถ“อะไรกัน จะรอหน่อยก็ไม่ได้”คาวีส่ายหัวให้กับพฤติกรรมที่เดาใจยากของหญิงสาว จากนั้นจึงลงจากรถและเดินตามเธอไปติดๆ“รักเค้ามาแล้ว ซื้อแซลมอนโรลของโปรดมาให้ด้วยนะ”ต้นหลิวเข้าห้องมาได้ก็รีบชูกล่องของโปรดให้น้องเธอดูทันที“มันแพงจะตายหลิว ซื้อมาทำไม”ต้นรักรู้ว่าสถานการณ์การเงินที่บ้านเธอตอนนี้เป็นยังไง แล้วอีกอย่างพี่เธอก็ไม่มีงานทำยังจะซื้อของแพงๆให้เธอได้ทานอีก“ไม่เป
“บ้านคุณน่ารักดีนะ”หลังจากที่คาวีและต้นหลิวมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ต้นหลิวก็จัดการกับอาหารที่พึ่งซื้อมาใส่จานเพื่อให้ชายหนุ่มนั้นได้รีบทานจะได้รีบกลับ“อืม ช่วงนี้บ้านไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ คุณก็อย่าถือแล้วกัน”เนื่องจากต้นหลิวไม่ค่อยได้มีเวลาทำงานบ้านเท่าไรที่นี่บ้านจึงดูไม่ค่อยเรียบร้อยต้องชิงบอกกับชายหนุ่มเอาไว้เสียก่อน เพราะเดี๋ยวเธอจะโดนเขากล่าวหาว่าไม่เป็นกุลสตรีอีก“นี่คุณถ้าคุณขาดเหลืออะไรคุณบอกผมได้เลย ผมยินดีช่วย”คาวีดูไปแล้วมันก็ไม่ได้ไม่เรียบร้อยเช่นที่หญิงสาวพูด ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีเพียงแค่ฝุ่นเล็กน้อย อันนี้เขาเจ้าใจได้ว่าเธอไม่ค่อยได้กลับมาดูแลบ้าน เพราะหลังๆมานี้เธอเฝ้าแม่อยู่แต่โรงพยาบาล เขารู้ว่าเธอลำบากแต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกใครแม้แต่น้องสาวของเธอเอง เขาจึงคิดอยากจะช่วย“จะปล่อยเงินกู้ให้ฉันหรือไง”ต้นหลิวที่กำลังสนใจกับอาหารในจานอยู่ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อดูสีหน้าของคาวีว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น เมื่อมองดูแล้วก็รู้ว่าท่าจะจริง แต่เธอเองก็คงจะรับน้ำใจนี้ไว้ไม่ได้เพราะเธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร เธอยังมีสองไม้สองมือครบเหมือนคนอื่นเธอจะต้องหา
คฤหาสน์อินทวรนันท์“คุณแม่ครับ”กว่าจะขับรถกลับจากบ้านของต้นหลิวฝ่ารถติดมาถึงบ้านของเขาก็ใช้เวลานานพอสมควร ชายหนุ่มเห็นคุณแม่ของเขานั่งอยู่ด้านล่างพอดีเลยคิดว่าจะปรึกษาคนเป็นแม่เรื่องหญิงสาวเสียหน่อย“กลับมาซะดึกเชียว ไปไหนมาเหรอลูก”อมีนาไม่ค่อยเห็นลูกชายของเธอกลับบ้านดึกมาพักใหญ่ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทย จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงปกติของคนเป็นแม่“ไปทานข้าวบ้านเพื่อนมาครับ”“เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชาย”อมีนาแอบแซวลูกชายเรื่องทานข้าวบ้านเพื่อน เธอรู้ว่าลูกชายเธอไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยเท่าไหร่ เพราะไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ“ผู้หญิงครับ”คาวีไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรคุณแม่ของเขาอยู่แล้ว“.....”อมีนาเห็นลูกชายของเธอตอบอย่างมั่นใจก็แอบส่งสายตาเชิงสงสัยให้“เพื่อนจริงๆครับคุณแม่”คาวีดูออกว่าสายตาของแม่เขาที่มองมาแบบนั้นมันคืออะไร จึงรีบยืนยันกับแม่ของเขาให้มั่นใจว่าเป็นเพื่อนจริงๆ เพราะตอนนี้สถานะของเขากับต้นหลิวมันยังอยู่แค่เท่านี้“ผมมีเรื่องจะถามคุณแม่หน่อยครับ”“อะไรเหรอลูก”“คือพอดีเพื่อนผมเค้าเดือดร้อนเรื่องเงินแบบว่าพึ่งตกงานค่าใช้จ่ายเยอะแต่ไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากผม แบบนี้ต
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันจบด้านนี้มา”ต้นหลิวจำได้ว่าเธอไม่เคยบอกกับชายหนุ่มนี่นาว่าเธอจบอะไรมาแปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร“คุณต้นรักบอก คุณรีบไปสมัครเลย เค้ากำลังต้องการคน”เมื่อวานคาวีคุยรายละเอียดกับต้นรักเรียบร้อยหมดแล้วจึงได้รู้ว่าต้นหลิวนั้นจบอะไรมาและมีความสามารถทางด้านใดบ้าง“อ่อ...ขอบมากคุณนะคะ”ต้นหลิวพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เธอก็มีหวังว่าจะมีงานทำเร็วๆนี้แล้วจึงหันไปส่งยิ้มขอบคุณชายหนุ่ม“อืม...ผมขอตัวก่อน”“ค่ะ”คาวีรู้สึกใจเต้นกับรอยยิ้มนี้อีกแล้ว สองพี่น้องคู่นี้เวลาที่ยิ้มอย่างจริงใจมันจะน่ามองเป็นพิเศษ พลางคิดในใจเรื่อยเปื่อยว่าหากหญิงสาวยิ้มให้เขาแบบนี้บ่อยๆก็คงจะดี“แม่จ๋า...ขอให้หนูได้งานนี้นะจ๊ะ”หลังจากที่หมอหนุ่มออกไปแล้วหญิงสาวก็เข้าไปกอดคนเป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียง ขอให้แม่ของเธออวยพรให้เธอโชคดีเรื่องงาน เพราะบริษัทที่ชายหนุ่มยื่นใบสมัครให้เธอค่อนข้างเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง หากได้ทำงานที่นี่คงจะได้เงินดีไม่ใช่น้อยคฤหาสน์อินทวรนันท์“เป็นยังไงบ้างลูก เพื่อนเราน่ะ”อมีนาเห็นลูกชายกลับมาถึงบ้านก็ถามไถ่ถึงเรื่องที่ลูกชายเธอมาปรึกษาสองวันติดๆ“เธอดีใจอยู่ไม่น้อยเลยครับคุณแม่”ค
โรงพยาบาล“คุณเบน”คาวีเห็นเบนจามินมาที่โรงพยาบาลพอดีเลยเดินเข้าไปหา คาดว่าเขาน่าจะมากับต้นรัก“หมอ”“ผมขอคุยด้วยหน่อย”“อืม ว่ามาเลย”เบนจามินมีสีหน้าสงสัยว่าหมอหนุ่มมีเรื่องอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องที่คุณยื่นมือมาดูแลทั้งต้นรักและต้นหลิวในเวลานี้ผมว่าคุณดูแลต้นรักคนเดียวจะดีกว่า ส่วนต้นหลิวผมขอดูแลเธอเอง”คาวีไม่ค่อยไว้ใจในการที่เบนจามินจะยื่นมือมาดูแลต้นหลิวเท่าไหร่ กิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของชายหนุ่มเขารู้ดี“เอาเป็นว่าผมเข้าใจ และผมก็รู้ด้วยว่าคุณคิดอะไรอยู่ ผมจะบอกกับคุณว่าเจตนาของผมบริสุทธิ์”เบนจามินหันไปมองหน้าคาวีเขารู้ว่าหมอหนุ่มคิดอะไรอยู่ถึงได้ออกตัวขนาดนี้ และเขาก็ขอยืนยันตรงนี้อย่างลูกผู้ชายว่าเขาไม่ไดคิดจะรวบสองอย่างที่คาวีคิด เขาแค่อยากดูแลครอบครัวของต้นรักก็เท่านั้น“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ยังไงเรื่องต้นหลิวถือว่าผมขอ”คาวีจะยอมเชื่อในสิ่งที่เบนจามินพูด แต่ยังไงต้นหลิวนั้นเขาก็ยังยืนยันว่าเขาจะเป็นคนจัดการดูแลเธอเอง“ต้นหลิวยังไม่รู้ใช่ไหมว่าคุณเป็นใคร ผู้หญิงเค้าชอบความจริงใจผมขอบอกไว้ก่อน”เบนจามินพอจะรู้ว่าคาวียังไม่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นใครกับต้นหลิวเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั
“ถามทำไม”คาวีไม่คิดว่าหญิงสาวจะถามเขาเรื่องนี้ คิดว่าเธอจะคิดได้เองเสียอีกว่าเขามีหรือไม่มี“ก็ฉันเห็นคุณเลิกงานก็กลับบ้าน บางทีก็มาทานข้าวกับฉัน”“ก็ไม่มีน่ะสิ”“คุณไม่ลองมีบ้างล่ะ จะได้มีคนมานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนคุณแทนฉันไง”ต้นหลิวเห็นว่าถ้าหากชายหนุ่มมีแฟนอาจจะไม่ต้องลากเธอมาทานข้าวเป็นเพื่อนแบบนี้ก็ได้ เพราะอีกหน่อยเธอก็คงจะไม่ค่อยมีเวลามานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนของเขามากนัก“ก็บอกว่าไม่มี ไม่อยากมี”คาวีรู้สึกขัดใจที่หญิงสาวพยายามพูดยัดเยียดให้เขามีแฟนอยู่นั่น ทำอย่างกับว่าคนรู้ใจมันจะหาง่ายๆอย่างนั้น“อะไรของเค้ามาทำเสียงแข็งใส่อีก ไม่มีก็ไม่มีสิ”ต้นหลิวบ่นอู้อี้ที่ถูกชายหนุ่มก็เสียงแข็งใส่ จากนั้นเธอจึงตั้งตารออาหาร ไม่อยากพูดคุยกับอีกฝ่ายให้มากคำ เพราะเดาอารมณ์หมอหนุ่มไม่ถูกเพนท์เฮ้าส์หรู“นี่มันอะไรกันคะ”“ก็เธอบอกว่าอยากได้ขนม”ต้นรักเข้าห้องมาก็เห็นกองขนมขบเคี้ยวกับพวกช็อคโกแลตเต็มห้องไปหมดจึงหันมาถามชายหนุ่มแปลกใจว่าเขาจะซื้อมาทำไมเยอะแยะ เมื่อได้รับคำตอบจากเขาเธอถึงกับต้องส่ายหัว วันหลังหากเขาถามอะไรเธออีกเธอคงต้องอธิบายรายละเอียดว่าเธออยากได้อะไรปริมาณเท่าไรเสียแล้ว21.
“ก็คุณเบนบอกว่าทำแบบไหนก็ได้ ฉันเห็นว่ามันก็น่ารักดี คุณเบนไม่เอาก็ได้นะคะ”ต้นรักสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยจากที่ยิ้มร่าอยู่ตอนแรก เพราะเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่ดูจะไม่สู้ดีนักเมื่อเห็นเสื้อที่เธอทำให้ก็เขาบอกเธอตอนแรกว่าเอาแบบไหนก็ได้ เธอเห็นว่าที่เธอทำมันก็น่ารักดี“ไม่...ฉันจะใส่”เบนจามินคิดว่าเขาผิดเองที่ไปบอกเธอว่าทำแบบไหนก็ได้ตั้งแต่แรก แต่ไม่เป็นไรยังไงเธอทำมาแล้วเขาก็ต้องใส่อยู่ดี พร้อมถอดเสื้อที่เขาใส่นั้นออกและสวมเสื้อไหมพรมที่หญิงสาวทำให้ทันที“อิ อิ น่ารักดีนะคะ”ต้นรักเห็นว่าชายหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าแบบนี้แล้วดูน่ารักไปอีกแบบ“อืม”เบนจามินไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าอะไรแบบนี้ จึงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เขาสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกหลายรอบ ในเมื่อเป็นฝีมือของต้นรัก ยังไงเขาก็ต้องทำใจชอบให้ได้โรงแรม“เพอร์เฟคมากหลิว”“ค่ะพี่พิ้งค์”พิ้งกี้อดชมในฝีมือของต้นหลิวไม่ได้ที่ ออกแบบงานได้แปลกตาและสวยงามมากจริงๆ“ทางนี้คงจะเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยพี่ดูพวกนางแบบนายแบบทางนี้”“ค่ะ”พิ้งกี้เห็นว่าทางด้านหน้างานเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูความเรียบร้อยของพวกนายแบบนางแบบให้พร้อมก็ไ