“ถ้าวันไหนรักไม่โอเคเค้าบอกเลยว่าเค้าจะช่วยรักทุกวิถีทาง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเค้าก็ยอม”
ต้นหลิวก็ยังยืนยันให้น้องสาวของเธอได้มั่นใจว่าเธอพร้อมเป็นที่พึ่งของน้องสาวเธอได้ตลอดเวลา
“ไม่หรอกหลิว เค้าโอเคจริงๆ”
ต้นรักกุมมือคนเป็นพี่สาวแน่น ยืนยันคำเดิมว่าเธอโอเคเพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว
“แล้วถ้าแม่ฟื้นมาเราจะบอกกับแม่ยังไง”
ต้นหลิวยังคงกังวลใจอีกเรื่องหากแม่เธอฟื้นมาแล้วรู้เรื่องราวทุกอย่างวันนั้นมันจะเป็นอย่างไร เธอรู้ว่าแม่ต้องผิดหวังในตัวเธอมากแน่ๆ
“อืม ให้มันถึงวันนั้นก่อนก็แล้วกัน”
ต้นรักเองก็ยังคิดไม่ออกว่าถึงวันนั้นแล้วมันจะเป็นอย่างไรแต่ยังไงความจริงมันก็คือความจริงที่แม่ของเธอจะต้องรับรู้อยู่ดี
“จะเที่ยงแล้วเค้าจะออกไปซื้อข้าว รักจะเอาอะไรไหม”
ต้นหลิวเห็นว่านี่มันก็ใกล้เที่ยงแล้วเธอยังไม่ได้หาข้าวไว้ทานเลย หญิงสาวจึงต้องออกไปหาซื้ออะไรแถวห้างใกล้ๆนี้เสียหน่อย เพราะวันนี้น้องสาวเธอกลับมาทานข้าวกับเธอทั้งทีก็คงต้องหาอาหารญี่ปุ่นของโปรดให้น้องเธอทานบ้าง
“อะไรก็ได้หลิวไปเถอะ เดี๋ยวเค้าอยู่เฝ้าแม่เอง”
ต้นรักอยากอยู่เฝ้าแม่เธอมากกว่า หากพี่สาวเธอจะซื้ออะไรมาก็ทานได้ทั้งนั้น
“อืม...แล้วเค้าจะรีบไปรีบกลับ”
แกร๊กก
ต้นหลิวหยิบกระเป๋าสะพายคู่ใจของเธอได้ก็รีบเปิดประตูออกมาทันที
“คุณต้นรักจะไปไหนครับ”
ฮาเปอร์ที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องเมื่อเห็นหญิงสาวพุ่งตัวออกมาก็ต้องรีบสกัดเอาไว้ก่อนเพราะเขาต้องรู้ว่าเธอจะไปไหน
“ต้นรักอยู่ในห้อง ฉันต้นหลิวเป็นพี่สาวต้นรัก”
ต้นหลิวรู้ว่าคงจะเป็นคนของเบนจามินที่มาเฝ้าน้องสาวเธอจึงรีบเปิดประตูชี้ให้ชายหนุ่มดูว่าน้องสาวเธออยู่ด้านใน พร้อมแนะนำตัวอย่างรวดเร็วว่าเธอคือพี่สาวเพราะเธอจะได้รีบไป
“เอ่อ...ครับ”
ฮาเปอร์มองไปในห้องเกาหัวเล็กน้อย ลืมไปสนิทว่าหญิงสาวมีฝาแฝด แต่ก็เหมือนกันจนทบแยกไม่ออกเลยจริงๆ เมื่อหายสงสัยก็กลับไปนั่งเฝ้าที่หน้าห้องต่อดังเดิม
ห้างสรรพสินค้า
“นี่คุณมาหาอะไรทานเหรอ”
คาวีที่พึ่งทานข้าวกลางวันเสร็จเห็นต้นหลิวมาซื้ออาหารในร้านที่เขาพึ่งทานเสร็จพอดีจึงเดินเข้าไปทักเธอ
“มาซื้อของโปรดให้ต้นรักค่ะ”
ต้นหลิวเห็นว่าเป็นคาวีก็หันไปยิ้มให้ตามมารยาท
“คุณต้นรักอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอ”
“ใช่ค่ะคุณมีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า...ถ้างั้นกลับพร้อมผมเลยไหม ผมทานข้าวเสร็จพอดี”
คาวีรู้ว่าหญิงสาวต้องกลับไปเฝ้าแม่เธอที่โรงพยาบาลอยู่แล้วจึงชวนกลับด้วยกันเสียเลย เขาเองก็อยากจะไปทักทายต้นรักด้วย
“อืม...ก็ดีค่ะจะได้ไม่เปลืองค่ารถ”
ต้นหลิวไม่ปฏิเสธ นั่งรถฟรีมีหรือเธอจะไม่ชอบ
“เห็นหน้าซื่อๆแบบนี้ก็ร่านไม่ใช่เล่นนะ เมื่อเช้ากอดกับเบนจามินที่สนามบินเที่ยงเดินควงกับหมอหนุ่มไฮโซ”
ไม่รู้ว่ามัจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นที่อลิซนางแบบที่เคยเป็นคู่ขาของเบนจามินดันมาทานข้าวกับเพื่อนที่นี่พอดี เธอเห็นหญิงสาวคนเมื่อเช้าที่สนามบินก็รีบเข้ามาขวางตรงหน้า ทั้งยังพูดจาต่อว่าหญิงสาวเสียหาย
“เบนจามิน?...นี่เธอว่าใครฮะ”
ต้นหลิวได้ยินชื่อของเบนจามินก็พอจะเดาสถานการณ์ออกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเคยเห็นน้องเธอกับเบนจามินอยู่ด้วยกันเป็นแน่ แต่ถึงอย่างไรผู้หญิงตรงหน้าของเธอก็ไม่ควรใช้วาจาส่อเสียดด่าทอคนอื่นเสียหายแบบนี้ คนอย่างต้นหลิวหรือจะยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปง่ายๆ
“.....”
คาวีจับที่ไหล่หญิงสาวเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะดูออกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอนั้นเป็นต้นรักเลยอยากจะให้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
“ทำไม ร้อนตัวหรือไง จับปลาสองมือระวังจะไม่ได้สักตัว ฉันขอเตือน”
อลิซพูดจบก็เดินเฉียดไหล่หญิงสาวไป คิดว่าผู้หญิงที่เธอพึ่งด่าไปหยกๆคงไม่กล้าทำอะไรเธอ
“นี่นังหน้าพลาสติก...ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้นะจะไปไหนมานี่เลย”
“โอ้ย...นังบ้า”
ต้นหลิวเก็บอารมณ์ของเธอไม่ได้อีกต่อไป เธอเดินตามหญิงสาวคนนั้นพร้อมกระชากผมยาวสลวยของเธอเสียเต็มมือจนอลิซร้องเสียงหลง ตอนนี้คนในห้างที่กำลังชุกชุมเพราะเป็นเวลาเที่ยงต่างก็มองกันมาที่สองสาวเป็นตาเดียว
เพียะ
เมื่ออลิซตั้งตัวได้ก็เงื้อมมือตบหญิงสาวกลับจนต้นหลิวหน้าหัน
“ตบฉันเหรอ เธอตายแน่”
ต้นหลิวเลือดขึ้นหน้า คิดว่าไม่เธอก็ยัยผู้หญิงที่ด่าเธอก็ต้องตายกันไปข้าง พร้อมเงื้อมมือจะตบกลับอย่างเต็มแรง แต่ก็โดนคาวีนั้นรวบตัวลากออกไปก่อน
“นี่คุณหยุด มานี่เลย”
คาวีจำต้องรีบพาหญิงสาวกลับ ไม่เช่นนั้นคนได้มุงดูกันเยอะกว่านี้เป็นแน่
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
อลิซไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเมื่อมีเรื่องตบตีกันกลางห้างเธอไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กแค่นั้นจะกล้ามีเรื่องกับเธอพร้อมตะโกนให้หลังหญิงสาวก่อนวิ่งฝ่าฝูงชนออกไป
“ฉันต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น นังหน้าพลาสติกอย่าให้เจออีกทีจะตบให้ดั้งหลุดเลยคอยดู”
ต้นหลิวยังโกรธจนตัวสั่นไม่หาย เธออยากจะวิ่งตามแม่นั่นไปใจจะขาด แต่ติดตรงที่โดนหมอหนุ่มรวบตัวลากออกจากห้างไปที่ลานจอดรถ
“พอได้แล้วคุณ โอ้ย ผมล่ะปวดหัวกับคุณจริงๆ”
คาวีมาถึงรถได้ก็รีบยัดหญิงสาวเข้าไปในรถขับออกไปทันที
“นั่งนั่นมันว่าฉันร่านนี่นา”
ต้นหลิวยังมือไม้สั่นไม่หายเจ็บใจที่โดนผู้หญิงคนนั้นตบแล้วไม่ได้เอาคืน
“ทำไมต้องหัวร้อนง่ายขนาดนี้ด้วยนะ แค่ทำเป็นไม่สนใจก็หมดเรื่อง”
คาวีเห็นว่าเรื่องนี้ต้นหลิวไม่น่าไปหัวร้อนเอาเสียเลย เขาคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปมีเรื่องกับผู้หญิงแบบนั้นด้วยซ้ำ ถ้าเธอควบคุมอารมณ์ได้มากกว่านี้ก็ไม่ต้องเจ็บตัวกันหรอก
“อย่าหวังว่าคนอย่างฉันจะยอมให้คนอื่นมาด่าง่ายๆ พวกเก่งแต่ปากชอบแขวะคนอื่นต้องทำให้เลือดกลบปาก คุณไม่น่ามาดึงฉันไว้ก่อนเลย โดนมันตบฝ่ายเดียวเลยเห็นไหม”
คนอย่างต้นหลิวไม่มีเสียหรอกที่จะยอมให้ใครมาด่าฟรีๆ ยิ่งกับเรื่องที่เธอไม่ได้ทำเธอไม่มีวันยอมพร้อมหันไปต่อว่าชายหนุ่มที่ดึงตัวเธอออกมาเสียก่อนเลยอดที่จะเอาคืน คิดแล้วก็เจ็บใจ
“คุณไปจิกหัวเธอก่อนไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่เรียบร้อยเหมือนน้องคุณบ้างนะ”
คาวีรู้ว่าหญิงสาวโดนผู้หญิงคนนั้นตบแต่เธอเองก็ไปจิกหัวอีกฝ่ายก่อนเขาเห็นกับตาพร้อมส่ายหัวที่พี่น้องแฝดคู่นี้นิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง
“หึ่...ฉันมันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าฉันเป็นแบบต้นรักอีกคนก็โดนรังแกกันทั้งคู่พอดี”
ต้นหลิวชินแล้วกับคนอื่นที่ชอบพูดแบบนี้ เธอเจอมาตั้งแต่เด็ก แต่หากเธออ่อนแอเหมือนน้องเธอก็คงไม่มีใครปกป้องใครกันพอดี
“คุณจะบอกว่าคุณปกป้องทุกคนงั้นสิ”
คาวีรู้ว่าหญิงสาวเป็นคนเก่งและค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง แต่ถ้าหากใช้สมองแทนการใช้กำลังก็จะดีมาก
“ก็ใช่น่ะสิ...นี่แล้วเรื่องนี้คุณห้ามบอกต้นรักเด็ดขาดรู้ไหมฉันไม่อยากให้น้องฉันคิดมากยิ่งขี้กังวลอยู่ด้วย”
ต้นหลิวสั่งห้ามคาวีว่าห้ามเล่าเรื่องนี้ให้น้องเธอฟังเด็ดขาดเพราะกลัวว่าน้องเธอจะเป็นกังวล ทั้งเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่ดูท่าจะรู้จักกับเบนจามิน และเรื่องที่เธอไปตบตีกับใครมาด้วย
“โอเค แล้วรอยที่หน้าคุณล่ะอันนี้คุณแก้ตัวกับน้องคุณเองก็แล้วกัน”คาวีรู้ว่าเขาควรทำอะไรไม่ทำอะไรเพียงแต่รอยที่หน้าหญิงสาวให้เธอหาคำตอบให้น้องของเธอเองก็แล้วกัน เพราะมันเห่อแดงไปทั่วแก้มเสียขนาดนั้น“ไหนผมขอดูหน่อย”เมื่อจอดรถได้คาวีก็หันมาจับหน้าหญิงสาวแล้วจ้องดูรอยใกล้ๆเขาจะดูว่ามันช้ำแค่ไหนจะได้ให้ยาทาถูก“....”ต้นหลิวถึงกับเบิกตาโพรงหายใจติดขัดที่จู่ๆหมอหนุ่มก็ยื่นหน้ามาเสียใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน เธอเคยอยู่ใกล้ผู้ชายขนาดนี้เสียที่ไหนกัน“เดี๋ยวผมหายาให้ทาก็แล้วกันนะ”“เอ่อ อืม ขอบคุณ เลิกดูได้แล้ว”ต้นหลิวรู้สึกว่าใจเธอเต้นผิดจังหวะ พร้อมผละตัวออกจากหมอหนุ่มและเปิดประตูรถเดินดุ่มๆเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างไม่คิดจะรอเจ้าของรถ“อะไรกัน จะรอหน่อยก็ไม่ได้”คาวีส่ายหัวให้กับพฤติกรรมที่เดาใจยากของหญิงสาว จากนั้นจึงลงจากรถและเดินตามเธอไปติดๆ“รักเค้ามาแล้ว ซื้อแซลมอนโรลของโปรดมาให้ด้วยนะ”ต้นหลิวเข้าห้องมาได้ก็รีบชูกล่องของโปรดให้น้องเธอดูทันที“มันแพงจะตายหลิว ซื้อมาทำไม”ต้นรักรู้ว่าสถานการณ์การเงินที่บ้านเธอตอนนี้เป็นยังไง แล้วอีกอย่างพี่เธอก็ไม่มีงานทำยังจะซื้อของแพงๆให้เธอได้ทานอีก“ไม่เป
“บ้านคุณน่ารักดีนะ”หลังจากที่คาวีและต้นหลิวมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ต้นหลิวก็จัดการกับอาหารที่พึ่งซื้อมาใส่จานเพื่อให้ชายหนุ่มนั้นได้รีบทานจะได้รีบกลับ“อืม ช่วงนี้บ้านไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ คุณก็อย่าถือแล้วกัน”เนื่องจากต้นหลิวไม่ค่อยได้มีเวลาทำงานบ้านเท่าไรที่นี่บ้านจึงดูไม่ค่อยเรียบร้อยต้องชิงบอกกับชายหนุ่มเอาไว้เสียก่อน เพราะเดี๋ยวเธอจะโดนเขากล่าวหาว่าไม่เป็นกุลสตรีอีก“นี่คุณถ้าคุณขาดเหลืออะไรคุณบอกผมได้เลย ผมยินดีช่วย”คาวีดูไปแล้วมันก็ไม่ได้ไม่เรียบร้อยเช่นที่หญิงสาวพูด ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เพียงแต่มีเพียงแค่ฝุ่นเล็กน้อย อันนี้เขาเจ้าใจได้ว่าเธอไม่ค่อยได้กลับมาดูแลบ้าน เพราะหลังๆมานี้เธอเฝ้าแม่อยู่แต่โรงพยาบาล เขารู้ว่าเธอลำบากแต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกใครแม้แต่น้องสาวของเธอเอง เขาจึงคิดอยากจะช่วย“จะปล่อยเงินกู้ให้ฉันหรือไง”ต้นหลิวที่กำลังสนใจกับอาหารในจานอยู่ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อดูสีหน้าของคาวีว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น เมื่อมองดูแล้วก็รู้ว่าท่าจะจริง แต่เธอเองก็คงจะรับน้ำใจนี้ไว้ไม่ได้เพราะเธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร เธอยังมีสองไม้สองมือครบเหมือนคนอื่นเธอจะต้องหา
คฤหาสน์อินทวรนันท์“คุณแม่ครับ”กว่าจะขับรถกลับจากบ้านของต้นหลิวฝ่ารถติดมาถึงบ้านของเขาก็ใช้เวลานานพอสมควร ชายหนุ่มเห็นคุณแม่ของเขานั่งอยู่ด้านล่างพอดีเลยคิดว่าจะปรึกษาคนเป็นแม่เรื่องหญิงสาวเสียหน่อย“กลับมาซะดึกเชียว ไปไหนมาเหรอลูก”อมีนาไม่ค่อยเห็นลูกชายของเธอกลับบ้านดึกมาพักใหญ่ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทย จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงปกติของคนเป็นแม่“ไปทานข้าวบ้านเพื่อนมาครับ”“เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชาย”อมีนาแอบแซวลูกชายเรื่องทานข้าวบ้านเพื่อน เธอรู้ว่าลูกชายเธอไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยเท่าไหร่ เพราะไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ“ผู้หญิงครับ”คาวีไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรคุณแม่ของเขาอยู่แล้ว“.....”อมีนาเห็นลูกชายของเธอตอบอย่างมั่นใจก็แอบส่งสายตาเชิงสงสัยให้“เพื่อนจริงๆครับคุณแม่”คาวีดูออกว่าสายตาของแม่เขาที่มองมาแบบนั้นมันคืออะไร จึงรีบยืนยันกับแม่ของเขาให้มั่นใจว่าเป็นเพื่อนจริงๆ เพราะตอนนี้สถานะของเขากับต้นหลิวมันยังอยู่แค่เท่านี้“ผมมีเรื่องจะถามคุณแม่หน่อยครับ”“อะไรเหรอลูก”“คือพอดีเพื่อนผมเค้าเดือดร้อนเรื่องเงินแบบว่าพึ่งตกงานค่าใช้จ่ายเยอะแต่ไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากผม แบบนี้ต
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันจบด้านนี้มา”ต้นหลิวจำได้ว่าเธอไม่เคยบอกกับชายหนุ่มนี่นาว่าเธอจบอะไรมาแปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร“คุณต้นรักบอก คุณรีบไปสมัครเลย เค้ากำลังต้องการคน”เมื่อวานคาวีคุยรายละเอียดกับต้นรักเรียบร้อยหมดแล้วจึงได้รู้ว่าต้นหลิวนั้นจบอะไรมาและมีความสามารถทางด้านใดบ้าง“อ่อ...ขอบมากคุณนะคะ”ต้นหลิวพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เธอก็มีหวังว่าจะมีงานทำเร็วๆนี้แล้วจึงหันไปส่งยิ้มขอบคุณชายหนุ่ม“อืม...ผมขอตัวก่อน”“ค่ะ”คาวีรู้สึกใจเต้นกับรอยยิ้มนี้อีกแล้ว สองพี่น้องคู่นี้เวลาที่ยิ้มอย่างจริงใจมันจะน่ามองเป็นพิเศษ พลางคิดในใจเรื่อยเปื่อยว่าหากหญิงสาวยิ้มให้เขาแบบนี้บ่อยๆก็คงจะดี“แม่จ๋า...ขอให้หนูได้งานนี้นะจ๊ะ”หลังจากที่หมอหนุ่มออกไปแล้วหญิงสาวก็เข้าไปกอดคนเป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียง ขอให้แม่ของเธออวยพรให้เธอโชคดีเรื่องงาน เพราะบริษัทที่ชายหนุ่มยื่นใบสมัครให้เธอค่อนข้างเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง หากได้ทำงานที่นี่คงจะได้เงินดีไม่ใช่น้อยคฤหาสน์อินทวรนันท์“เป็นยังไงบ้างลูก เพื่อนเราน่ะ”อมีนาเห็นลูกชายกลับมาถึงบ้านก็ถามไถ่ถึงเรื่องที่ลูกชายเธอมาปรึกษาสองวันติดๆ“เธอดีใจอยู่ไม่น้อยเลยครับคุณแม่”ค
โรงพยาบาล“คุณเบน”คาวีเห็นเบนจามินมาที่โรงพยาบาลพอดีเลยเดินเข้าไปหา คาดว่าเขาน่าจะมากับต้นรัก“หมอ”“ผมขอคุยด้วยหน่อย”“อืม ว่ามาเลย”เบนจามินมีสีหน้าสงสัยว่าหมอหนุ่มมีเรื่องอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องที่คุณยื่นมือมาดูแลทั้งต้นรักและต้นหลิวในเวลานี้ผมว่าคุณดูแลต้นรักคนเดียวจะดีกว่า ส่วนต้นหลิวผมขอดูแลเธอเอง”คาวีไม่ค่อยไว้ใจในการที่เบนจามินจะยื่นมือมาดูแลต้นหลิวเท่าไหร่ กิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของชายหนุ่มเขารู้ดี“เอาเป็นว่าผมเข้าใจ และผมก็รู้ด้วยว่าคุณคิดอะไรอยู่ ผมจะบอกกับคุณว่าเจตนาของผมบริสุทธิ์”เบนจามินหันไปมองหน้าคาวีเขารู้ว่าหมอหนุ่มคิดอะไรอยู่ถึงได้ออกตัวขนาดนี้ และเขาก็ขอยืนยันตรงนี้อย่างลูกผู้ชายว่าเขาไม่ไดคิดจะรวบสองอย่างที่คาวีคิด เขาแค่อยากดูแลครอบครัวของต้นรักก็เท่านั้น“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ยังไงเรื่องต้นหลิวถือว่าผมขอ”คาวีจะยอมเชื่อในสิ่งที่เบนจามินพูด แต่ยังไงต้นหลิวนั้นเขาก็ยังยืนยันว่าเขาจะเป็นคนจัดการดูแลเธอเอง“ต้นหลิวยังไม่รู้ใช่ไหมว่าคุณเป็นใคร ผู้หญิงเค้าชอบความจริงใจผมขอบอกไว้ก่อน”เบนจามินพอจะรู้ว่าคาวียังไม่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นใครกับต้นหลิวเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั
“ถามทำไม”คาวีไม่คิดว่าหญิงสาวจะถามเขาเรื่องนี้ คิดว่าเธอจะคิดได้เองเสียอีกว่าเขามีหรือไม่มี“ก็ฉันเห็นคุณเลิกงานก็กลับบ้าน บางทีก็มาทานข้าวกับฉัน”“ก็ไม่มีน่ะสิ”“คุณไม่ลองมีบ้างล่ะ จะได้มีคนมานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนคุณแทนฉันไง”ต้นหลิวเห็นว่าถ้าหากชายหนุ่มมีแฟนอาจจะไม่ต้องลากเธอมาทานข้าวเป็นเพื่อนแบบนี้ก็ได้ เพราะอีกหน่อยเธอก็คงจะไม่ค่อยมีเวลามานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนของเขามากนัก“ก็บอกว่าไม่มี ไม่อยากมี”คาวีรู้สึกขัดใจที่หญิงสาวพยายามพูดยัดเยียดให้เขามีแฟนอยู่นั่น ทำอย่างกับว่าคนรู้ใจมันจะหาง่ายๆอย่างนั้น“อะไรของเค้ามาทำเสียงแข็งใส่อีก ไม่มีก็ไม่มีสิ”ต้นหลิวบ่นอู้อี้ที่ถูกชายหนุ่มก็เสียงแข็งใส่ จากนั้นเธอจึงตั้งตารออาหาร ไม่อยากพูดคุยกับอีกฝ่ายให้มากคำ เพราะเดาอารมณ์หมอหนุ่มไม่ถูกเพนท์เฮ้าส์หรู“นี่มันอะไรกันคะ”“ก็เธอบอกว่าอยากได้ขนม”ต้นรักเข้าห้องมาก็เห็นกองขนมขบเคี้ยวกับพวกช็อคโกแลตเต็มห้องไปหมดจึงหันมาถามชายหนุ่มแปลกใจว่าเขาจะซื้อมาทำไมเยอะแยะ เมื่อได้รับคำตอบจากเขาเธอถึงกับต้องส่ายหัว วันหลังหากเขาถามอะไรเธออีกเธอคงต้องอธิบายรายละเอียดว่าเธออยากได้อะไรปริมาณเท่าไรเสียแล้ว21.
“ก็คุณเบนบอกว่าทำแบบไหนก็ได้ ฉันเห็นว่ามันก็น่ารักดี คุณเบนไม่เอาก็ได้นะคะ”ต้นรักสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยจากที่ยิ้มร่าอยู่ตอนแรก เพราะเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่ดูจะไม่สู้ดีนักเมื่อเห็นเสื้อที่เธอทำให้ก็เขาบอกเธอตอนแรกว่าเอาแบบไหนก็ได้ เธอเห็นว่าที่เธอทำมันก็น่ารักดี“ไม่...ฉันจะใส่”เบนจามินคิดว่าเขาผิดเองที่ไปบอกเธอว่าทำแบบไหนก็ได้ตั้งแต่แรก แต่ไม่เป็นไรยังไงเธอทำมาแล้วเขาก็ต้องใส่อยู่ดี พร้อมถอดเสื้อที่เขาใส่นั้นออกและสวมเสื้อไหมพรมที่หญิงสาวทำให้ทันที“อิ อิ น่ารักดีนะคะ”ต้นรักเห็นว่าชายหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าแบบนี้แล้วดูน่ารักไปอีกแบบ“อืม”เบนจามินไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าอะไรแบบนี้ จึงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เขาสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกหลายรอบ ในเมื่อเป็นฝีมือของต้นรัก ยังไงเขาก็ต้องทำใจชอบให้ได้โรงแรม“เพอร์เฟคมากหลิว”“ค่ะพี่พิ้งค์”พิ้งกี้อดชมในฝีมือของต้นหลิวไม่ได้ที่ ออกแบบงานได้แปลกตาและสวยงามมากจริงๆ“ทางนี้คงจะเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยพี่ดูพวกนางแบบนายแบบทางนี้”“ค่ะ”พิ้งกี้เห็นว่าทางด้านหน้างานเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูความเรียบร้อยของพวกนายแบบนางแบบให้พร้อมก็ไ
ตระกูลลอเปอร์“คุณพ่อเรียกผมเข้ามามีอะไรหรือเปล่าครับ”เบนจามินรีบเข้ามาที่บ้านใหญ่ของตระกูลอย่างเร่งด่วน เพราะทางนี้ติดต่อไปหาโจชัวว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับเขา“เรื่องหนูนิริน”“ถ้าจะเรียกผมมาคุยเรื่องนี้ผมขอไม่คุยนะครับ”เบนจามินได้ยินชื่อนี้เขาถึงกับเซ็ง อยากจะหันหน้ากลับเสียตอนที่พึ่งมา“แกจะยืดเยื้อเวลาไปจนถึงเมื่อไรฉันปล่อยให้แกใช้ชีวิตตามใจมามากแล้วนะ ทางเพื่อนฉันเค้าก็ถามมาแล้ว”นิรินเป็นลูกสาวของนราทรเพื่อนสนิทของบรูค เขาเคยสัญญากันเมื่อหลายปีก่อนว่าถ้าหากมีลูกจะให้หมั้นกัน แล้วตอนนี้ลูกของพวกเขาทั้งสองก็โตจนมีครอบครัวได้แล้ว แต่ทางเบนจามินยังไม่ยอมแต่งงานเสียที ทางด้านนราทรก็เร่งรัดมาแล้วทำให้บรูคต้องมาเร่งรัดลูกชายของเขาอีกที“ผมไม่เอาผู้หญิงแบบนั้นมาทำเมียหรอกครับ”เบนจามินยืนยันว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแต่งกับนิรินเด็ดขาด“หนูนิรินเป็นยังไง เธอเหมาะสมกับแกแทบจะทุกอย่างเป็นผู้ดีมีสกุลขนาดนั้นแกยังต้องการอะไรอีก”บรูคเห็นว่านิรินนั้นเหมาะสมกับลูกชายของเขาทุกอย่าง ดีกว่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปแล้วลูกชายเขาไปคว้าแม่พริตตี้ที่ไหนไม่รู้มาทำเมีย“ยัยนั่นเสแสร้งเก่งจะตายไป”เบนจามินแทบจะรู