“อ๋อ น่ารักเหมือนกันนะถ้าย่าได้เห็นตาเบนใส่เสือแบบนี้คงแปลกตาน่าดู”
เอมม่าเห็นเสื้อไหมพรมในมือของต้นรักก็อดชมไม่ได้ หญิงสาวมีฝีมือจริงๆแถมยังนึกภาพไม่ออกอีกด้วยหากหลานชายเธอใส่เสื้อแบบนี้จะเป็นแบบไหน
“ค่ะ คุณเบนเคยใส่ลายหมีพูห์ด้วยนะคะ”
ต้นรักอยากจะให้เอมม่าเห็นแบบที่เธอเคยเห็นเหลือเกินตอนที่เบนจามินนั้นใส่เสื้อไหมพรมลายหมีพูห์ที่เธอทำให้ตัวแรก
“ตาเบนเนี่ยเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เอมม่าอดหัวเราะไม่ได้เมื่อรู้ว่าหลานชายเธอเคยใส่เสื้อแบบนี้แล้ว
“ค่ะคุณย่า”
ต้นรักอดขำตามเอมม่าไม่ได้ เพราะตอนนั้นที่เบนจามินใส่ก็ดูไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน แต่เขาก็ยอมใส่เพราะว่าเธอเป็นคนทำให้
สองวันต่อมา
16.00 น.
“โอเคแล้วใช่ไหมหลิว หรือจะอยู่ที่อีกคืน”
ต้นรักสอบถามอาการของพี่สาวเธอว่าดีขึ้นแล้วหรือไม่ ใจจริงเธออยากจะให้พี่สาวนอนดูอาการที่นี่ก่อนสักคืนสองคืนด้วยซ้ำ ติดตรงที่ต้นหลิวคะยั้นคะยอจะกลับบ้านนี่แหละ
“โอ้ย เค้าไม่อยู่แล้วล่ะรัก เบื่อการนอนที่นี่จะตายอยู่แล้ว จะได้กลับไปอยู่กับแม่ด้วย”
ต้นหลิวนึกถึงเรื่องที่จะต้องนอนโรงพยาบาลอีกคืนก็ถึงกับมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะเธออยากกลับไปนอนที่บ้านเต็มทนแล้ว อีกอย่างก็อยากกลับไปอยู่กับแม่ของเธอด้วย
“จะกลับแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมไปส่ง”
คาวีเห็นต้นหลิวเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงอาสาไปส่งที่บ้าน เพราะวันนี้เขาว่างจากการดูแลเคสคนไข้แล้ว
“ไม่ต้อง ฉันให้ฮาเปอร์ไปส่งดีกว่า”
ต้นหลิวเห็นฮาเปอร์เดินเข้ามาพอดีจึงแสร้งบอกอีกฝ่ายว่าเธอนั้นจะให้ฮาเปอร์ไปส่ง
“....”
ต้นรักขยิบตาเป็นการส่งสัญญาณให้ฮาปอร์รู้กันว่าให้เขาปฏิเสธพี่สาวเธอ
“เอ่อ พอดีผมมีงานต่อน่ะครับ”
ฮาเปอร์เห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยปฏิเสธต้นหลิวทันที
“ให้ผมไปส่งเถอะผมว่าง จะไปหาคุณแม่คุณด้วย”
“ลูกเจ้าของโรงพยาบาลนี่เนอะ จะว่างเมื่อไหร่ก็ได้”
ต้นหลิวจำต้องจำใจไปกับหมอหนุ่มแต่โดยดี ในเมื่อเขาพูดถึงเรื่องแม่มาขนาดนี้ แต่ก็ยังมิวายพูดจาค่อนขอดอีกฝ่ายอยู่ดี
“หลิว!!”
ต้อนรักส่ายหัวให้คนเป็นพี่ ไม่รู้เมื่อไรจะกลับมาคุยดีกับหมอคาวีเสียที
“เมื่อไหร่คุณจะยอมคุยกับผมดีๆซะที”
เมื่อต้นหลิวขึ้นมานั่งบนรถได้คาวีก็เปิดประเด็นถามเรื่องที่เขาอึดอัดใจอยู่ทันที เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้นานไปไม่ได้แล้ว ด้วยกระวนกระวายใจที่เธอเป็นแบบนี้เหมือนกัน
“แล้วเมื่อไรคุณจะเลิกยุ่งกับฉันล่ะ”
ต้นหลิวไม่เพียงแค่ไม่ตอบคำถามของหมอหนุ่ม แต่ยังถามเขากลับด้วยท่าทีที่ดูจะรำคาญกลับ
“นี่คุณไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้ว่าผมรู้สึกดีกับคุณ”
คาวีอดทนที่จะปกปิดความรู้สึกของเขาต่อไปไม่ได้แล้ว เขาทำดีกับเธอสารพัดไม่รู้ว่าเธอไม่นึกเอะใจบ้างหรืออย่างไรว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
“……..”
ต้นหลิวได้ยินเช่นนั้นก็นั่งนิ่ง อึ้งจนพูดอะไรต่อไม่ถูกเมื่อชายหนุ่มสารภาพความในใจกับเธอตรงๆแบบนี้
“ผมอยากจะขอโอกาสดูแลคุณได้ไหม คุณรู้ไหมตอนคุณเจ็บแล้วผมไม่สามารถปกป้องอะไรคุณได้ผมรู้สึกแย่แค่ไหน”
“คือ...”
ต้นหลิวมีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ไม่คิดว่าคนที่อยู่สูงกว่าเธอขนาดนั้นจะมาสนใจคนอย่างเธอ ดูแล้วเธอไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักนิด
“ผมขอโอกาสดูแลคุณ แต่คุณยังไม่ต้องให้คำตอบผมตอนนี้ ขอให้คุณคิดให้ดีก่อนแล้วผมจะรอคำตอบ แต่ตอนนี้ขอร้องอย่าเฉยชากับผมอีก”
คาวีไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้เอ่ยตกลงหรือปฏิเสธอะไรออกมา เขาอยากให้เธอคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะตอบรับคำของของเขา พูดจบก็ขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านของหญิงสาวทันที ระหว่างทางมีแต่ความเงียบทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว ได้แต่ลอบมองกันไปมาเล็กน้อยเท่านั้น
อาทิตย์ต่อมา
“อุ๊บ..แหวะ.”
“ไหวไหมรัก”
ต้นรักเริ่มที่จะอาการแพ้ท้องหนักขึ้นอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ทานอะไรก็ออกมาหมด ยังดีที่ตอนนี้เธอมีต้นหลิวดูแลอยู่แทบไม่ห่าง
“เฮ้อ...”
เมื่ออาเจียนจนหมดไส้หมดพุงแล้วต้นรักก็มานั่งถอนหายใจเหนื่อยอ่อน ที่อาการแพ้ท้องของเธอมันทำให้เธอทานอะไรไม่ได้เลย
โรงพยาบาล
“ทำไมออกมานั่งข้างนอกกันล่ะคะคุณย่า”
ต้นรักกับต้นหลิวมาที่โรงพยาบาลก็เห็นว่าทั้งเอมม่าโจชัวและฮาเปอร์ต่างก็ยืนอยู่หน้าห้องของเบนจามินทั้งหมด เลยค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมทุกคนไม่อยู่ในห้อง
“ตาเบนรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วตอนนี้หมอคาวีกำลังตรวจอยู่ด้านใน”
เอมม่าตอบต้นรักด้วยรอยยิ้มของความดีใจ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอหมอตรวจหลานชายเธอให้เสร็จก็เข้าไปได้แล้ว
“จริงเหรอคะ”
ต้นรักดีใจจนน้ำตาคลอ เธอรู้สึกดีใจที่วันที่เธอเฝ้ารอมันมาถึงแล้ว
“ขอเชิญทุกคนเข้ามาด้านในหน่อยครับ”
คาวีมีสีหน้ากังวลพอสมควรหลังจากตรวจเบนจามินอย่างละเอียดแล้วมีบางอย่างที่มันผิดปกติไปเขาต้องแจ้งให้ทุกคนได้รู้
“ตาเบน”
“คุณย่า”
เบนจามินเรียกคนเป็นย่าเสียงอ่อนเพราะยังไม่ค่อยมีแรง
“คุณจำคุณต้นรักกับคุณต้นหลิวได้ไหมครับ”
คาวีลองถามเบนจามินให้แน่ใจอีกทีว่าเขานั้นไม่ได้เข้าใจอะไรผิดพลาด
“.....”
เบนจามินมองไปยังหญิงสาวทั้งสองด้วยสายตาที่ว่างเปล่าและมีสีหน้าที่สงสัย เขาจำเธอทั้งสองไม่ได้ ไม่รู้ด้วยว่าพวกเธอทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
“คุณ แบบนี้มันคืออะไร รีบพูดมาเร็ว”
ต้นหลิวมองหน้าน้องสาวของเธอก็รู้ว่าน้องสาวเธอใจเสียไปแล้ว จึงรีบถามอาการของเบนจามินจากคาวีทันที
“คือ ผมคิดว่าความทรงจำของคุณเบนร่วมหนึ่งปีที่ผ่านมาน่าจะหายไปชั่วคราว”
จากการสอบถามเมื่อครู่ รวมถึงสิ่งที่เขาได้ตรวจเบนจามินก่อนหน้านี้ทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาวินิจฉัยถูก
“แล้วแบบนี้คุณเบนจะจำได้เมื่อไหร่”
ต้นหลิวยังถามถึงเรื่องเวลาที่เบนจามินจะกลับมาจำได้อีกครั้งใช้เวลานานแค่ไหน ไม่อย่างนั้นน้องเธอคงเครียดแย่แน่
“ตอนนี้ผมยังให้คำตอบไม่ได้”
เรื่องนี้คาวีจะต้องร่วมมือกับหมอท่านอื่นในการรักษาเบนจามินอีกที เพราะเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้
“ตาเบน นี่หนูต้นรักคนรักของเราไงลูก กำลังจะแต่งงานกันด้วยนะ”
เอมม่ายังพยายามอธิบายให้หลานชายเธอฟังอีกแรงว่าต้นรักนั้นเป็นอะไรกับเจ้าตัว เผื่อจะฉุกคิดอะไรมาได้บ้าง
“ผมเนี่ยนะครับมีคนรัก อืม โอ้ย ผมปวดหัว”
เบนจามินขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงเขาไม่อยากจะเชื่อคำที่คุณย่าของเขาพูดเรื่องที่เขาคิดจะแต่งงานยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
“ผมขอให้คุณเบนพักก่อนนะครับ”
คาวียังไม่อยากให้เบนจามินใช้ความคิดอะไรมาก เมื่อตอนที่ตรวจก็ใช้เวลามากพอแล้ว ตอนนี้เขาอยากจะให้เบนจามินได้พักผ่อนเสียก่อน
“หลิว ฮึก ฮือๆๆ”
ออกมาจากห้องของเบนจามินได้ต้นรักก็ปล่อยโฮกับคนเป็นพี่สาวอย่างสุดจะกลั้น เธอรอให้เบนจามินฟื้นมาฟังข่าวดีของเธอ แต่เธอกลับได้รับข่าวร้ายกลับเสียอย่างนั้น ถ้าหากเขาจำช่วงเวลาที่อยู่กับเธอไม่ได้ เธอกลัวเหลือเกินว่าเขาจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม แล้วเธอกับลูกของเธอล่ะจะเป็นยังไง
“โถ่เอ้ย...”
ต้นหลิวมีสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างมากรู้ สึกสงสารน้องสาวเธอจับใจ ถึงจะคอยกอดปลอบเพื่อให้น้องเธอคลายความเศร้าลงแต่ดูแล้วมันจะไม่ดีขึ้นเท่าไร
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะหนูต้นรัก ย่าเชื่อว่ายังไงตาเบนก็ต้องกลับมาจำได้แน่ๆ”
เอมม่าเองก็สงสารต้นรักไม่ต่างจากคนอื่นๆ เธอก็เชื่อว่าไม่นานความจำของหลานชายเธอก็น่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอเชื่อในฝีมือของหมอที่นี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว
อาทิตย์ต่อมาเพนท์เฮ้าส์หรู“อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะคุณเบน”เบนจามินกลับมาพักที่เพนท์เฮ้าส์ได้วันสองวันแล้ว แต่ก็ยังคงมีทีมแพทย์แวะเวียนมาดูอาการของเขาอยู่ไม่ห่าง ต้นรักยังคงตามติดเบนจามินคอยดูแลเขาอยู่ตลอด หวังทุกวินาทีว่าเขาจะจำเธอได้ เรื่องลูกในท้องเธอยังไม่คิดที่จะบอกเขาตอนนี้ เพราะเธออยากให้เขาจำความรู้สึกที่เคยรู้สึกกับเธอได้เสียก่อนจึงค่อยบอกเรื่องนี้กับเขา“นี่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเธอจริงๆเหรอ”เบนจามินจำต้องให้ต้นรักมาอยู่กับเขาตามคำขอของคุณย่าของเขา ชายหนุ่มนึกสงสัยตัวเองอยู่ว่าตอนก่อนหน้านั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงอยากจะแต่งงาน แถมหญิงสาวยังดูจืดชืดไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยควงอีกด้วย“ค่ะ...”“อืม...”ต้นรักรีบพยักหน้าตอบชายหนุ่มอย่างมีความหวัง ว่าที่เขาถามเธอเรื่องนี้มาเขาอาจจะจำอะไรได้ก็ได้ แต่เบนจามินไม่ได้พูดอะไรต่อแถมยังทำหน้าเซ็ง ทำให้เธอรู้ว่าที่เขาถามเธอเขาไม่ได้คิดอะไรได้ คงแค่ไม่แน่ใจเท่านั้นว่าเขากับเธอจะแต่งงานกันจริงๆ“คุณเบนทานเยอะๆเลยนะคะ เสร็จแล้วจะได้ทานยาค่ะ”ถึงชายหนุ่มจะกลับมาเอาแต่ใจหรือหงุดหงิดใส่เธอแบบเดิมเธอก็ยอม ขอแค่ได้ดูแลอยู่ข้างๆเขาแบบนี้ก็พอ“ฉันรู้
“เข้าใจละ”ต้นรักพยักหน้าพลางเข้าใจและหายห่วงที่แม่เธอจะได้มีเพื่อนคุยนอกจากพยาบาลที่คอยดูแลอยู่“ผมอยากได้คำตอบ”คาวีเห็นว่าจังหวะนี้แหละที่เขาจะได้ขอคำตอบที่เคยถามหญิงสาวเอาไว้เสียที เพราะเขารอมันไม่ไหวแล้ว“คำตอบอะไร”ต้นหลิวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคาวีหมายถึงเรื่องอะไร“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”คาวีรู้ว่าต้นหลิวรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอทำไขสือไปเท่านั้นเอง“ก็คุณบอกว่าให้ฉันคิดก่อนนี่”ต้นหลิวยังคิดที่จะบ่ายเบี่ยงในการตอบคำถาม“มันนานแล้วนี่คุณ”คาวีเห็นว่าที่เขาต้องถามเพราะว่าคำตอบที่เขารอคอยเขารอมันมานานแล้ว ถ้าเขาไม่ท้วงเธอมีหรือจะได้คำตอบ“ถ้าคุณช่วยให้คุณเบนกลับมาเหมือนเดิมเมื่อไหร่ วันนั้นฉันจะ...ตกลง”อันที่จริงต้นหลิวเองก็คิดเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยิ่งมองว่าเธอกับเขามันต่างกันก็ยิ่งทำให้เธอตอบตกลงกับเขาไม่ได้ แต่วันนี้เธอไม่สนแล้ว เธอคิดอย่างเดียวว่าถ้าตอนนี้หมอหนุ่มรักษาเบนจามินให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วได้ เธอก็จะตกลงคำขอของเขา เพราะเธออยากเห็นน้องเธอมีความสุขกับชีวิตครอบครัวเสียที“จริงนะคุณ”คาวีดึงมือเรียวมากุมเอาไว้ด้วยความดีใจ“อื
สองอาทิตย์ต่อมา20.00 น.คาวีพยายามหาทางช่วยให้เบนจามินกลับมาจำทุกอย่างได้ทุกวิถีทาง คราแรกเบนจามินก็ไม่ค่อยจะยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รับคำสั่งจากคุณย่าของเขาเบนจามินก็ต้องทำตามเพราะไม่อยากจะขัดใจคนเป็นย่า ส่วนต้นรักนั้นก็แพ้ท้องหนักจนต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอ ด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัย“เสื้อตัวนี้...”เบนจามินเข้าไปนั่งในห้องของต้นรัก เขาเห็นบางอย่างอยู่บนหัวเตียงของเธอจึงเข้าไปหยิบขึ้นมาดู มันเป็นเสื้อไหมพรมที่ยังถักไม่เสร็จที่เสร็จ แล้วก็เห็นจะมีเสื้อที่ตัวขนาดเท่าๆกันอีกหนึ่งตัวและตัวเล็กอีกหนึ่งตัวที่สีเหมือนกัน ทำให้ภาพบางภาพปรากฏขึ้นในหัวของเขาเป็นภาพที่เขากำลังลองใส่เสื้อไหมพรมหมีพูห์และมีต้นรักยืนยิ้มอยู่ข้างๆ และภาพต่างๆก็ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ต่างจากเมื่อตอนแรกที่คาวีพยายามรักษาเขามาก ตอนนั้นทุกอย่างมันยังคงเลือนลางไม่ประติดประต่อ แต่ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ความรู้สึกเก่าๆที่มันกลับมาทำให้เขาได้รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไรเช้าวันต่อมา“คุณเบน”ต้นรักค่อนข้างแปลกใจเบนจามินก็มาโผล่ที่บ้านของเธอแต่เช้า“เห็นหน้าฉันทำไมต้องทำ
“จะเสียใจได้ยังไง ดีใจมากต่างหาก แบบนี้ต้องบอกข่าวดีกับทุกคน”ด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มจึงรนรานควานหามือถือจะบอกข่าวดีแบบนี้กับทุกคนได้รับรู้“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเบน”ต้นรักหน้าเจื่อนก่อนจะบอกให้เบนจามินไม่ต้องบอกคนอื่น เพราะคนอื่นนั้นรู้หมดแล้ว“อย่าบอกนะว่าพวกเค้ารู้กันหมดแล้ว”“ค่ะ”“ยกเว้นฉันเนี่ยนะ...”เบนจามินเห็นสีหน้าต้นรักก็รู้ว่าเขาคงจะรู้ข่าวนี้เป็นคนสุดท้าย“โกรธฉันเหรอคะ? ฉันแค่อยากบอกกับคุณตอนที่คุณจำความรู้สึกระหว่างเราได้เท่านั้น ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันใช้ลูกมาเป็นบ่วงรั้งคุณ”ต้นรักพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เธอไม่ได้บอกเรื่องลูกกับชายหนุ่ม เธอเองก็มีเหตุผลของเธอ และหวังว่าเขาจะเข้าใจ“เฮ้อ ใครจะโกรธเธอลง ฉันแค่นอยเฉยๆที่ได้รู้ทีหลังคนอื่นก็เท่านั้นเอง”เบนจามินแค่อยากได้รู้เรื่องลูกของเขาเป็นคนแรกเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีเหตุผลของเธอเขาเองก็ไม่ได้อยากคิดอะไรให้มันมากมายนัก แค่ได้รู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาเป็นโซ่ทองคล้องใจเขาและเธอก็พอแล้วสองเดือนต่อมางานแต่งของต้นรักและต้นหลิวจัดขึ้นพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ มีสื่อให้ความสนใจมากมายเพราะสองทายาทตระกูลดังต่
เพนท์เฮ้าส์หรู18.30 น.“คุณเบนจะไปไหนครับ”โจชัวเห็นเจ้านายเขาเตรียมตัวจะออกไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวจึงต้องรีบเดินไปถาม มิเช่นนั้นหากเขาปล่อยให้เจ้านายของเขาไปไหนโดยที่เขาไม่รู้แล้วเกิดอันตรายอะไรกับเจ้านายคงไม่เป็นผลดีแน่“นายไม่ต้องตามวันนี้ฉันอยากผ่อนคลายคนเดียว”วันนี้เบนจามินอยากจะไปพักผ่อนตามประสาหนุ่มโสดสุดฮอตด้วยตัวคนเดียว เมื่อมีลูกน้องหรือคนสนิทแห่กันไปด้วยทีไรพวกสาวๆไม่อยากจะมาใกล้เขาทุกที เว้นเสียแต่ผู้หญิงที่อยากจะบริการเขาเพราะอยากได้ทิปหนักๆ แต่พวกนี้เขาเองก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร“เอ่อ...ครับ”โจชัวเห็นดังนั้นจึงรีบถอยให้เจ้านายหนุ่มของเขาออกไปแต่โดยดี เพราะเห็นท่าเจ้านายตนมาแบบนี้แล้วเขาคงจะขัดอะไรไม่ได้ที่ผ่อนคลายของเจ้านายนั้นเขาพอจะรู้อยู่ว่าจะไปที่ไหนเบนจามินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลลอเปอร์เป็นลูกครึ่งไทยอิตาลีถูกเลี้ยงโดยคุณย่าของเขามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจอยู่บ่อยๆ หากแต่ชายหนุ่มเป็นคนที่เก่งในสายงานแทบจะทุกอย่างแถมยังเข้ามาบริหารงานแทนพ่อของเขาแทบจะทุกอย่างได้ดีอีกด้วย ประวัติเสียแทบจะไม่มีนอกเสียจากเรื่องผู้หญิงที่ทำให้ต้องเขม่นกับคู่ค้า
คลับหรู“แกลืมมือถือใช่ไหม”พริกแกงเห็นต้นหลิวเดินมาที่จุดนัดพบก็รีบดึงมือเพื่อนเธอเข้ามาที่มุมมืดของร้านทันที พริกแกงเข้านอกออกในที่นี่บ่อยเธอจึงรู้แทบทุกซอกทุกมุม“แกรู้ได้ไง”ต้นหลิวแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนเธอรู้ว่าเธอลืมมือถือ ตัวเธอเองยังรู้ตัวเมื่อถึงที่นี่แล้วเลย“ก็ฉันโทรหาแกแล้วยัยต้นรักรับน่ะสิ แถมบอกจะรีบเอามือถือมาให้แกอีก”“อ้าวอย่างนั้นก็ซวยน่ะสิ ยัยต้นรักก็ต้องสงสัยแน่เลย”ต้นหลิวเริ่มมีสีหน้าตระหนก หากต้นรักรู้ว่าเธอไม่ได้มาทำงานที่นี่อย่างที่บอก เรื่องนี้เธอจะต้องทะเลาะกับต้นรักใหญ่โตแน่“งั้นแกก็ต้องรีบเลยก่อนที่ยัยต้นรักจะมา ฉันมองไว้ให้แกแล้วว่าเหยื่ออยู่ตรงไหน น่าจะมีเงินเพราะดื่มแต่ของแพงๆ”พริกแกงเห็นทีจะต้องให้ต้นหลิวนั้นรีบลงมืออย่างรวดเร็วก่อนที่ต้นรักนั้นจะมาที่นี่ เธอลอบมองเหยื่อไว้หลายคนเห็นจะเป็นพ่อฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้นที่นั่งอยู่คนเดียวน่าจะเข้าถึงง่ายที่สุด“ฝรั่งคนนั้นอะนะ”ต้นหลิวมองไปตามที่เพื่อนของเธอชี้เธอเห็นว่าเขานั้นนั่งดื่มอยู่คนเดียว แต่งตัวก็ธรรมดาคงจะเป็นการง่ายต่อการที่เธอจะปลดทรัพย์“ใช่แก ฉันเห็นนั่งเซ่ออยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว ดื่มหนักด้วยคง
ทางด้านต้นหลิว“นี่แกทำไมมันซวยงี้วะ”พริกแกงหน้าจ๋อยที่เมื่อเปิดกระเป๋าที่ต้นหลิวใช้วิชามือเบาได้มาดูแล้วมันไม่มีเงินสักนิด มีแต่บัตรเครดิต“แกเป็นคนเลือกเหยื่อไม่ใช่หรือไง ไหนล่ะเงินเยอะมีแต่บัตรแบบนี้ฉันจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารักษาแม่ฉันล่ะ”ต้นหลิวเองก็เซ็งกันไปตามๆกัน เมื่อนึกถึงค่ารักษาของแม่เธอก็ถึงกับคอตก“แกลองดูที่บัตรสิเผื่อมีรหัส”พริกแกงยังแอบหวังเล็กๆว่ายังไงวันนี้เพื่อนเธอก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้างและน่า“แกนี่ก็คิดได้เนอะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันคงจะโง่เขียนรหัสไว้หรอกนะ”ต้นหลิวอยากจะเขกหัวเพื่อนเธอจริงๆ ที่พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้“คุณต้นรัก”คาวีนั่งรออยู่ในรถครู่หนึ่งก็เห็นหญิงสาวเดินออกมาแต่ไม่ยักจะมาหาเขาที่รถ ทั้งที่รถของเขาก็จอดอยู่ตรงหน้าของเธอ จึงเปิดประตูรถแล้วลงไปเรียกหญิงสาว“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ”พริกแกงกับต้นหลิวถึงกับชะงักการเดินเมื่อได้ยินใครบางคนเรียกชื่อต้นรัก ต้นหลิวหันมาถามชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอรู้จักต้นรักได้อย่างไรแล้วเขาเป็นใคร“คุณต้นรักไงครับ เอามือถือไปให้พี่สาวคุณเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”คาวีถึงกับทำ
โรงพยาบาลต้นหลิวมานั่งรอฟังข่าวกับคาวีที่โรงพยาบาล ส่วนพริกแกงนั้นต้นหลิวให้เพื่อนเธอกลับไปก่อนเพราะดึกมากแล้ว“เป็นยังไงบ้างคุณ”ต้นหลิวเห็นคาวีคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานเมื่อเห็นเขาวางสายเธอก็รีบเข้าไปถามเรื่องถามราวทันทีว่าตอนนี้น้องสาวของเธอเป็นยังไงบ้าง“ข่าวดีก็คือ เค้าจะไม่เอาเรื่องคุณ”“จริงเหรอ??”“แต่เค้าจะไม่ปล่อยน้องคุณ”“ทำแบบนี้ไม่ได้คุณติดต่อเค้าไปใหม่ได้ไหมว่าฉันยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ให้เขาปล่อยน้องฉันเถอะนะ เค้าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะแจ้งตำรวจที่เค้าจับน้องฉันไปเหมือนกัน”ต้นหลิวถึงกับเข่าทรุดผู้ชายคนนั้นจะทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ไม่ได้ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้เขากักตัวน้องสาวเธอไว้แบบนี้แน่“ตำรวจทำอะไรเค้าไม่ได้หรอก เรื่องนี้คุณผิดเต็มๆ เห็นหรือยังการทำอะไรไม่คิดมันจะเป็นยังไง”คาวีก็หมดหนทางที่จะช่วยจริงๆ เบนจามินนั้นมีอิทธิพลแค่ไหนเขารู้ดี พร้อมหันไปคาดโทษหญิงสาวให้เธอได้คิดว่าผลของการทำอะไรสิ้นคิดมันก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง“ฮึก ฮือๆๆ แล้วจะให้ฉันทำยังไง”ต้นหลิวจากที่เป็นคนที่ค่อนข้างเข้มแข็ง เจอแบบนี้เธอเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ดันไป