สองอาทิตย์ต่อมา
20.00 น.
คาวีพยายามหาทางช่วยให้เบนจามินกลับมาจำทุกอย่างได้ทุกวิถีทาง คราแรกเบนจามินก็ไม่ค่อยจะยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รับคำสั่งจากคุณย่าของเขาเบนจามินก็ต้องทำตามเพราะไม่อยากจะขัดใจคนเป็นย่า ส่วนต้นรักนั้นก็แพ้ท้องหนักจนต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอ ด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัย
“เสื้อตัวนี้...”
เบนจามินเข้าไปนั่งในห้องของต้นรัก เขาเห็นบางอย่างอยู่บนหัวเตียงของเธอจึงเข้าไปหยิบขึ้นมาดู มันเป็นเสื้อไหมพรมที่ยังถักไม่เสร็จที่เสร็จ แล้วก็เห็นจะมีเสื้อที่ตัวขนาดเท่าๆกันอีกหนึ่งตัวและตัวเล็กอีกหนึ่งตัวที่สีเหมือนกัน ทำให้ภาพบางภาพปรากฏขึ้นในหัวของเขา
เป็นภาพที่เขากำลังลองใส่เสื้อไหมพรมหมีพูห์และมีต้นรักยืนยิ้มอยู่ข้างๆ และภาพต่างๆก็ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ต่างจากเมื่อตอนแรกที่คาวีพยายามรักษาเขามาก ตอนนั้นทุกอย่างมันยังคงเลือนลางไม่ประติดประต่อ แต่ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ความรู้สึกเก่าๆที่มันกลับมาทำให้เขาได้รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไร
เช้าวันต่อมา
“คุณเบน”
ต้นรักค่อนข้างแปลกใจเบนจามินก็มาโผล่ที่บ้านของเธอแต่เช้า
“เห็นหน้าฉันทำไมต้องทำหน้าแปลกใจขนาดนั้นด้วย”
เบนจามินไม่รู้ว่ามันดูแปลกตรงไหนถ้าเขาจะมาที่นี่
“เปล่าค่ะ...คุณเบนมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
ต้นรักคิดว่าหากเบนจามินมาถึงที่นี่ได้ก็ต้องมีเรื่องสำคัญแน่นอน
“ฉันจะมาหาเมียฉันต้องมีธุระด้วยหรือไง”
เบนจามินยังตอบหญิงสาวด้วยคำที่กวนประสาทคนตัวเล็ก
“......”
ต้นรักเองยิ่งมีสีหน้าฉงนไปใหญ่ แปลกใจหนักกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอมันดูไม่ค่อยปกติในขณะที่เขายังจำอะไรไม่ได้อยู่แบบนี้
“ฉันจะพาเธอไปลองชุดแต่งงาน”
เบนจามินลุกขึ้นเดินขึ้นมาประชิดตัวหญิงสาวพร้อมโอบกอดเธอเอาไว้ เขารีบบอกถึงธุระที่เขานั้นต้องเข้ามาหาเธอถึงที่นี่
“คุณเบน นี่คุณ”
ต้นเริ่มพูดไม่ออก ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงมากเพราะตื่นเต้นท่าทางของชายหนุ่ม พอจะมองออกว่าเขาจะต้องจำเรื่องราวระหว่างเขาและเธอได้แล้วแน่ๆ
“อืม อย่างที่เธออยากให้เป็นนั่นแหละ”
เบนจามินมองหน้าต้นรักทั้งฉีกยิ้มร่า เขาดีใจที่เห็นต้นรักยิ้มได้กว้างมีความสุขออกมาจากหัวใจจริงๆเสียที
“....”
ต้นรักสวมเข้ากอดเบนจามินแน่นขึ้นกว่าเดิม เธอดีใจจริงๆที่วันที่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างมีความหวังมันก็เป็นไปตามดังหวังเสียที
“ยัยเด็กขี้แย ฉันขอโทษนะที่ลืมเรื่องของเรา”
เบนจามินลูบหัวต้นรักอย่างถนอมพร้อมจูบไปที่กลางกระหม่อม เขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะในช่วงที่เขาจำความรู้สึกไม่ได้เขาค่อนข้างหมางเมินเธอเหลือเกิน ผิดกับเธอที่คอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา
“ฉันไม่เคยโกรธคุณเลยค่ะ”
ต้นรักส่ายหัวพัลวัน เธอไม่เคยคิดโกรธเขาแม้แต่นิดเดียว มันไม่ใช่เรื่องที่ชายหนุ่มตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเธอ แต่มันเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย แค่เขามีชีวิตรอดเจอเธออีกครั้งเธอก็ดีใจแล้ว
ทางด้านต้นหลิว
สวนสาธารณะ
“โทรตามฉันมาทำไมที่นี่”
วันนี้เป็นวันหยุดของต้นหลิว เธอมาที่สวนสาธารณะแต่เช้าเพราะได้รับสายจากคาวีตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ให้มาเจอกันที่นี่
“มาแล้วเหรอคุณ นั่งก่อนสิ”
“มีอะไร”
ต้นหลิวนั่งลงได้ก็เปิดประเด็นถามอีกฝ่ายทันทีว่าเรียกเธอมาเพราะเรื่องอะไร
“คุณเบนกลับมาเป็นปกติแล้วนะ”
“จริงเหรอ อย่างนี้ต้องบอกต้นรัก”
ต้นหลิวได้ยินเช่นนั้นก็ควานหามือถือจะหยิบขึ้นมาเพื่อโทรหาคนเป็นน้องสาวเพื่อบอกข่าวดีทันที
“ไม่ต้องคุณ ป่านนี้คุณต้นรักคงรู้แล้วหละ”
คาวีจับมือของหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่เธอจะโทรหาต้นรัก เพราะป่านนี้ต้นรักนั้นคงจะรู้เรื่องแล้ว เพราะเขารู้ว่าเบนจามินก็มาหาต้นรักในตอนเช้าเหมือนกัน คงจะคลาดกับต้นหลิวตอนออกมา
“ทีนี้น้องฉันก็จะได้แต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวซะทีสินะ”
ต้นหลิวดีใจแทบอยากจะร้องให้ที่น้องเธอจะได้มีความสุขเสียที จากนี้ก็ไม่ต้องปิดเรื่องที่มีเจ้าตัวเล็กกับเบนจามินอีกต่อไปแล้ว
“ที่ผมนัดเจอคุณมาวันนี้เพราะผมจะขอทวงสัญญา เราแต่งงานกันนะ”
“เอ่อ ที่สัญญามันแค่คุณขอเป็นคนดูแลฉันไม่ใช่เหรอ”
ต้นหลิวถึงกับหน้าตาตื่น เท่าที่เธอจำได้คาวีแค่ขอเป็นคนดูแลเธอเท่านั้น
“ก็ถ้าจะดูแลตลอดก็ต้องแต่งงานอยู่ด้วยกันไง ไม่รู้ล่ะคุณห้ามผิดสัญญา”
คาวีต้องอธิบายความหมายในสิ่งที่เขาพูดให้หญิงสาวได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งจ้องหน้าเธอเขม็งกำชับว่าห้ามผิดสัญญากับเขา
“อ้าว คือ แล้วคุณแม่คุณเค้าจะว่ายังไงมาแต่งงานกับฉันน่ะ ฉันไม่ได้มีอะไรเทียบคุณได้สักนิด แถมยังรู้จักกันได้ไม่นานด้วย”
ต้นหลิวยังพยายามหาเรื่องอื่นมาพูดให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันเพราะว่าเธอเองก็รู้ตัวดีว่าเธอไม่ได้เหมาะสมกับเขาเลยสักนิด
“คุณแม่ผมโอเค ท่านให้แหวนมาหมั้นคุณไว้ก่อนด้วย”
“ฮะ...”
คาวีคุยเรื่องนี้กับแม่ของเขานานแล้ว เรื่องราวของหญิงสาวส่วนมากที่แม่เขารู้ก็น่าจะมาจากเอมอรที่ชมอยู่ตลอดเวลาว่าต้นหลิวทำงานเก่งขยันและเป็นคนดี แม่ของเขาเลยไม่มีปัญหาที่จะรับต้นหลิวเป็นลูกสะใภ้ ส่วนเรื่องฐานะบ้านของเขาไม่ได้คิดอะไรเรื่องนี้อยู่แล้ว
ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้หญิงสาวตกใจนาน เขาจับมือของเธอมาสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายทันที
“เรื่องรู้จักกันได้ไม่นานผมไม่ซีเรียส เพราะผมคิดว่าผมรู้จักคุณมากพอ คุณจะไปคิดอะไรมากดูอย่างคุณต้นรักกับคุณเบนสิยังรักกันมากเลย พวกเขาก็รู้จักกันได้ไม่นานเลยด้วย”
“เอิ่ม คือเรื่องนี้ฉันต้องบอกแม่ฉันก่อน”
ต้นหลิวยังค่อนข้างตกใจกับการกระทำที่ดูจะรวบรัดเธออยู่มาก
“ไม่ต้อง แม่ผมคุยไว้เรียบร้อยแล้ว”
“อ้าว...แล้วไปคุยกันตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ”
การที่เขาจะแต่งงานกับเธอว่าตกใจแล้ว การที่ผู้ใหญ่สองฝ่ายนั้นคุยกันแล้วเธอยิ่งตกใจยิ่งกว่า เธอไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ เธอกำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวจริงๆ แล้วเหรอเนี่ย
เพนท์เฮ้าส์หรู
“เหนื่อยไหม”
เบนจามินเห็นอาการต้นรักเพลียๆตั้งแต่ช่วงที่ลองชุดแต่งงานกันแล้วเขาจึงรีบพาเธอกลับมาก่อน
“นิดหน่อยค่ะ”
อันที่จริงต้นรักรู้สึกเพลียมากแต่ไม่อยากจะให้เบนจามินเป็นกังวลเธอเลยฝืนว่าตัวเองไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร
“ตกลงเธอเป็นอะไรกันแน่ ดูเหนื่อยง่ายแถมยังทานอะไรไม่ค่อยได้อีกด้วย”
เบนจามินเห็นว่ามันไม่น่าจะนิดหน่อยเหมือนกับที่ต้นรักบอก เขาดูออกว่าเธอค่อนข้างเพลียแถมอาการที่ทานอะไรไม่ได้ของเธอเขารู้ว่ามันยังเป็นอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับเขามาร่วมครึ่งเดือนก็เถอะ
“คือฉัน กำลังมีเจ้าตัวเล็กค่ะ”
ต้นรักเห็นว่าเรื่องนี้เธอเองก็ควรจะบอกเขาเสียทีว่าไอ้อาการที่เธอเป็นอยู่นี้มันเกิดจากอะไร
“ทะ ท้อง”
เบนจามินถึงกับตัวชาวาบเมื่อได้ยินเสียงที่หญิงสาวกระซิบข้างๆหู เขาอึ้งไปชั่วขณะและเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้า
“คุณเบนร้องทำไมคะ เสียใจเหรอคะ”
ต้นรักมีสีหน้าไม่เข้าใจกับอารมณ์ชายหนุ่มอยู่พอควร เธอไม่รู้ว่าเขาดีใจหรือเสียใจที่ได้รู้เรื่องนี้
“จะเสียใจได้ยังไง ดีใจมากต่างหาก แบบนี้ต้องบอกข่าวดีกับทุกคน”ด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มจึงรนรานควานหามือถือจะบอกข่าวดีแบบนี้กับทุกคนได้รับรู้“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเบน”ต้นรักหน้าเจื่อนก่อนจะบอกให้เบนจามินไม่ต้องบอกคนอื่น เพราะคนอื่นนั้นรู้หมดแล้ว“อย่าบอกนะว่าพวกเค้ารู้กันหมดแล้ว”“ค่ะ”“ยกเว้นฉันเนี่ยนะ...”เบนจามินเห็นสีหน้าต้นรักก็รู้ว่าเขาคงจะรู้ข่าวนี้เป็นคนสุดท้าย“โกรธฉันเหรอคะ? ฉันแค่อยากบอกกับคุณตอนที่คุณจำความรู้สึกระหว่างเราได้เท่านั้น ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันใช้ลูกมาเป็นบ่วงรั้งคุณ”ต้นรักพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เธอไม่ได้บอกเรื่องลูกกับชายหนุ่ม เธอเองก็มีเหตุผลของเธอ และหวังว่าเขาจะเข้าใจ“เฮ้อ ใครจะโกรธเธอลง ฉันแค่นอยเฉยๆที่ได้รู้ทีหลังคนอื่นก็เท่านั้นเอง”เบนจามินแค่อยากได้รู้เรื่องลูกของเขาเป็นคนแรกเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีเหตุผลของเธอเขาเองก็ไม่ได้อยากคิดอะไรให้มันมากมายนัก แค่ได้รู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาเป็นโซ่ทองคล้องใจเขาและเธอก็พอแล้วสองเดือนต่อมางานแต่งของต้นรักและต้นหลิวจัดขึ้นพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ มีสื่อให้ความสนใจมากมายเพราะสองทายาทตระกูลดังต่
เพนท์เฮ้าส์หรู18.30 น.“คุณเบนจะไปไหนครับ”โจชัวเห็นเจ้านายเขาเตรียมตัวจะออกไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวจึงต้องรีบเดินไปถาม มิเช่นนั้นหากเขาปล่อยให้เจ้านายของเขาไปไหนโดยที่เขาไม่รู้แล้วเกิดอันตรายอะไรกับเจ้านายคงไม่เป็นผลดีแน่“นายไม่ต้องตามวันนี้ฉันอยากผ่อนคลายคนเดียว”วันนี้เบนจามินอยากจะไปพักผ่อนตามประสาหนุ่มโสดสุดฮอตด้วยตัวคนเดียว เมื่อมีลูกน้องหรือคนสนิทแห่กันไปด้วยทีไรพวกสาวๆไม่อยากจะมาใกล้เขาทุกที เว้นเสียแต่ผู้หญิงที่อยากจะบริการเขาเพราะอยากได้ทิปหนักๆ แต่พวกนี้เขาเองก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร“เอ่อ...ครับ”โจชัวเห็นดังนั้นจึงรีบถอยให้เจ้านายหนุ่มของเขาออกไปแต่โดยดี เพราะเห็นท่าเจ้านายตนมาแบบนี้แล้วเขาคงจะขัดอะไรไม่ได้ที่ผ่อนคลายของเจ้านายนั้นเขาพอจะรู้อยู่ว่าจะไปที่ไหนเบนจามินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลลอเปอร์เป็นลูกครึ่งไทยอิตาลีถูกเลี้ยงโดยคุณย่าของเขามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจอยู่บ่อยๆ หากแต่ชายหนุ่มเป็นคนที่เก่งในสายงานแทบจะทุกอย่างแถมยังเข้ามาบริหารงานแทนพ่อของเขาแทบจะทุกอย่างได้ดีอีกด้วย ประวัติเสียแทบจะไม่มีนอกเสียจากเรื่องผู้หญิงที่ทำให้ต้องเขม่นกับคู่ค้า
คลับหรู“แกลืมมือถือใช่ไหม”พริกแกงเห็นต้นหลิวเดินมาที่จุดนัดพบก็รีบดึงมือเพื่อนเธอเข้ามาที่มุมมืดของร้านทันที พริกแกงเข้านอกออกในที่นี่บ่อยเธอจึงรู้แทบทุกซอกทุกมุม“แกรู้ได้ไง”ต้นหลิวแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนเธอรู้ว่าเธอลืมมือถือ ตัวเธอเองยังรู้ตัวเมื่อถึงที่นี่แล้วเลย“ก็ฉันโทรหาแกแล้วยัยต้นรักรับน่ะสิ แถมบอกจะรีบเอามือถือมาให้แกอีก”“อ้าวอย่างนั้นก็ซวยน่ะสิ ยัยต้นรักก็ต้องสงสัยแน่เลย”ต้นหลิวเริ่มมีสีหน้าตระหนก หากต้นรักรู้ว่าเธอไม่ได้มาทำงานที่นี่อย่างที่บอก เรื่องนี้เธอจะต้องทะเลาะกับต้นรักใหญ่โตแน่“งั้นแกก็ต้องรีบเลยก่อนที่ยัยต้นรักจะมา ฉันมองไว้ให้แกแล้วว่าเหยื่ออยู่ตรงไหน น่าจะมีเงินเพราะดื่มแต่ของแพงๆ”พริกแกงเห็นทีจะต้องให้ต้นหลิวนั้นรีบลงมืออย่างรวดเร็วก่อนที่ต้นรักนั้นจะมาที่นี่ เธอลอบมองเหยื่อไว้หลายคนเห็นจะเป็นพ่อฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้นที่นั่งอยู่คนเดียวน่าจะเข้าถึงง่ายที่สุด“ฝรั่งคนนั้นอะนะ”ต้นหลิวมองไปตามที่เพื่อนของเธอชี้เธอเห็นว่าเขานั้นนั่งดื่มอยู่คนเดียว แต่งตัวก็ธรรมดาคงจะเป็นการง่ายต่อการที่เธอจะปลดทรัพย์“ใช่แก ฉันเห็นนั่งเซ่ออยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว ดื่มหนักด้วยคง
ทางด้านต้นหลิว“นี่แกทำไมมันซวยงี้วะ”พริกแกงหน้าจ๋อยที่เมื่อเปิดกระเป๋าที่ต้นหลิวใช้วิชามือเบาได้มาดูแล้วมันไม่มีเงินสักนิด มีแต่บัตรเครดิต“แกเป็นคนเลือกเหยื่อไม่ใช่หรือไง ไหนล่ะเงินเยอะมีแต่บัตรแบบนี้ฉันจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารักษาแม่ฉันล่ะ”ต้นหลิวเองก็เซ็งกันไปตามๆกัน เมื่อนึกถึงค่ารักษาของแม่เธอก็ถึงกับคอตก“แกลองดูที่บัตรสิเผื่อมีรหัส”พริกแกงยังแอบหวังเล็กๆว่ายังไงวันนี้เพื่อนเธอก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้างและน่า“แกนี่ก็คิดได้เนอะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันคงจะโง่เขียนรหัสไว้หรอกนะ”ต้นหลิวอยากจะเขกหัวเพื่อนเธอจริงๆ ที่พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้“คุณต้นรัก”คาวีนั่งรออยู่ในรถครู่หนึ่งก็เห็นหญิงสาวเดินออกมาแต่ไม่ยักจะมาหาเขาที่รถ ทั้งที่รถของเขาก็จอดอยู่ตรงหน้าของเธอ จึงเปิดประตูรถแล้วลงไปเรียกหญิงสาว“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ”พริกแกงกับต้นหลิวถึงกับชะงักการเดินเมื่อได้ยินใครบางคนเรียกชื่อต้นรัก ต้นหลิวหันมาถามชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอรู้จักต้นรักได้อย่างไรแล้วเขาเป็นใคร“คุณต้นรักไงครับ เอามือถือไปให้พี่สาวคุณเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”คาวีถึงกับทำ
โรงพยาบาลต้นหลิวมานั่งรอฟังข่าวกับคาวีที่โรงพยาบาล ส่วนพริกแกงนั้นต้นหลิวให้เพื่อนเธอกลับไปก่อนเพราะดึกมากแล้ว“เป็นยังไงบ้างคุณ”ต้นหลิวเห็นคาวีคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานเมื่อเห็นเขาวางสายเธอก็รีบเข้าไปถามเรื่องถามราวทันทีว่าตอนนี้น้องสาวของเธอเป็นยังไงบ้าง“ข่าวดีก็คือ เค้าจะไม่เอาเรื่องคุณ”“จริงเหรอ??”“แต่เค้าจะไม่ปล่อยน้องคุณ”“ทำแบบนี้ไม่ได้คุณติดต่อเค้าไปใหม่ได้ไหมว่าฉันยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ให้เขาปล่อยน้องฉันเถอะนะ เค้าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะแจ้งตำรวจที่เค้าจับน้องฉันไปเหมือนกัน”ต้นหลิวถึงกับเข่าทรุดผู้ชายคนนั้นจะทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ไม่ได้ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้เขากักตัวน้องสาวเธอไว้แบบนี้แน่“ตำรวจทำอะไรเค้าไม่ได้หรอก เรื่องนี้คุณผิดเต็มๆ เห็นหรือยังการทำอะไรไม่คิดมันจะเป็นยังไง”คาวีก็หมดหนทางที่จะช่วยจริงๆ เบนจามินนั้นมีอิทธิพลแค่ไหนเขารู้ดี พร้อมหันไปคาดโทษหญิงสาวให้เธอได้คิดว่าผลของการทำอะไรสิ้นคิดมันก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง“ฮึก ฮือๆๆ แล้วจะให้ฉันทำยังไง”ต้นหลิวจากที่เป็นคนที่ค่อนข้างเข้มแข็ง เจอแบบนี้เธอเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ดันไป
ชั่วโมงต่อมา“ให้มันเบามือหน่อยนะคะพี่เบน”น้ำใส หมอสาวที่ประจำอยู่ที่คลินิกของบ้านตัวเอง เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเบนจามิน สนิทกันเหมือนพี่เหมือนน้องแท้ๆเพราะเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆหลังจากได้ตรวจดูอาการหญิงสาวเธอถึงกับต้องหน้าหงิกหน้างอใส่คนเป็นพี่ชายที่ดูจะรุนแรงเกินเหตุเกินเรื่องไป แต่เธอก็แปลกใจเล็กน้อยที่ดูพี่ชายเธอดูจะห่วงผู้หญิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงเป็นพิเศษ เท่าที่เธอเคยรู้มาพี่ชายเธอไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่“อืม...รู้แล้วน่า”เบนจามินทำหน้าเซ็ง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงเป็นหนักขนาดนี้เสียหน่อย แค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเอง“นี่ยาค่ะ เธอตื่นก็ให้เธอทานด้วย น้ำเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอแล้ว”น้ำใสยื่นซองยาให้คนเป็นพี่ชายจากนั้นจึงเตรียมตัวกลับทันที เพราะใกล้จะได้เวลาที่เธอจะต้องไปตรวจที่คลินิกแล้วโรงพยาบาล“นี่คุณ จะไปหาน้องฉันเมื่อไหร่”หลังจากที่หมอหนุ่มตรวจอาการของแม่เธอเสร็จต้นหลิวก็ถือโอกาสนี้ถามชายหนุ่มทันทีว่าเขานั้นจะไปหาผู้ชายคนเมื่อคืนเพื่อเจรจาเรื่องน้องเธอตอนไหน“ผมต้องออกเวรก่อน คงจะเป็นช่วงเย็น”“ฉันไปด้วยได้ไหม”ต้นหลิวอยากจะไป
วันต่อมา“เป็นยังไงบ้าง”เบนจามินเห็นหญิงสาวขยับตัวขึ้นในช่วงสายของวันจึงใช้หลังมือนั้นวัดอุณหภูมิที่หน้าผากของเธอดูว่าไข้ลดแล้วหรือยัง เพราะเมื่อคืนเธอตัวร้อนทั้งคืนจนเขาต้องปลุกให้เธอลุกขึ้นมาทานยาเบนจามินนึกโมโหที่หญิงสาวผละหน้าหนีจากมือของเขาอย่างท้าทาย ซ้ำยังไม่ยอมตอบยอมคุยกับเขาว่าตัวเธอนั้นอาการเป็นอย่างไรบ้าง รู้แบบนี้ปล่อยให้นอนป่วยโดยไม่ดูแลเสียก็ดี“ฉันจะบอกอะไรเธอให้ เธอควรจะทำตัวดีๆกับฉันเอาไว้แล้วเธออยากได้อะไรก็จะได้ทานข้าวแล้วทานยาซะ”จากนั้นจึงลุกขึ้นหันหลังให้หญิงสาวและประกาศก้องให้เธอได้ยินสิ่งที่เขาต้องการจะให้เธอได้รู้ เป็นการบอกนัยๆว่าเธอไม่ควรที่จะปฏิเสธเขาหลังจากชายหนุ่มเดินหันหลังออกจากห้องไปแล้วน้ำตาหญิงสาวก็ร่วงหล่นลงมาอย่างไม่ขาดสาย คิดว่าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาเรื่องร้ายๆมันจะเป็นแค่ฝันเสียอีกเธอร้องออกมาจนน้ำตาแห้งเหือดพร้อมบอกกับตัวเองให้ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ แล้วทำใจอยู่กับมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เย็นของวัน“เอกสารที่ต้องเซ็นครับคุณเบน”เมื่อเจ้านายหนุ่มไม่ยอมเข้าบริษัทก็ต้องเป็นธุระของโจชัวที่จะต้องยกแฟ้มเอกสารทั้งหมดมาให้เจ้านายของเข
“ถ้าวันไหนรักไม่โอเคเค้าบอกเลยว่าเค้าจะช่วยรักทุกวิถีทาง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเค้าก็ยอม”ต้นหลิวก็ยังยืนยันให้น้องสาวของเธอได้มั่นใจว่าเธอพร้อมเป็นที่พึ่งของน้องสาวเธอได้ตลอดเวลา“ไม่หรอกหลิว เค้าโอเคจริงๆ”ต้นรักกุมมือคนเป็นพี่สาวแน่น ยืนยันคำเดิมว่าเธอโอเคเพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว“แล้วถ้าแม่ฟื้นมาเราจะบอกกับแม่ยังไง”ต้นหลิวยังคงกังวลใจอีกเรื่องหากแม่เธอฟื้นมาแล้วรู้เรื่องราวทุกอย่างวันนั้นมันจะเป็นอย่างไร เธอรู้ว่าแม่ต้องผิดหวังในตัวเธอมากแน่ๆ“อืม ให้มันถึงวันนั้นก่อนก็แล้วกัน”ต้นรักเองก็ยังคิดไม่ออกว่าถึงวันนั้นแล้วมันจะเป็นอย่างไรแต่ยังไงความจริงมันก็คือความจริงที่แม่ของเธอจะต้องรับรู้อยู่ดี“จะเที่ยงแล้วเค้าจะออกไปซื้อข้าว รักจะเอาอะไรไหม”ต้นหลิวเห็นว่านี่มันก็ใกล้เที่ยงแล้วเธอยังไม่ได้หาข้าวไว้ทานเลย หญิงสาวจึงต้องออกไปหาซื้ออะไรแถวห้างใกล้ๆนี้เสียหน่อย เพราะวันนี้น้องสาวเธอกลับมาทานข้าวกับเธอทั้งทีก็คงต้องหาอาหารญี่ปุ่นของโปรดให้น้องเธอทานบ้าง“อะไรก็ได้หลิวไปเถอะ เดี๋ยวเค้าอยู่เฝ้าแม่เอง”ต้นรักอยากอยู่เฝ้าแม่เธอมากกว่า หากพี่สาวเธอจะซื้ออะไรมาก็ทานได้ทั้งนั้น“อืม...แล้วเค