อาทิตย์ต่อมา
เพนท์เฮ้าส์หรู
“อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะคุณเบน”
เบนจามินกลับมาพักที่เพนท์เฮ้าส์ได้วันสองวันแล้ว แต่ก็ยังคงมีทีมแพทย์แวะเวียนมาดูอาการของเขาอยู่ไม่ห่าง ต้นรักยังคงตามติดเบนจามินคอยดูแลเขาอยู่ตลอด หวังทุกวินาทีว่าเขาจะจำเธอได้ เรื่องลูกในท้องเธอยังไม่คิดที่จะบอกเขาตอนนี้ เพราะเธออยากให้เขาจำความรู้สึกที่เคยรู้สึกกับเธอได้เสียก่อนจึงค่อยบอกเรื่องนี้กับเขา
“นี่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเธอจริงๆเหรอ”
เบนจามินจำต้องให้ต้นรักมาอยู่กับเขาตามคำขอของคุณย่าของเขา ชายหนุ่มนึกสงสัยตัวเองอยู่ว่าตอนก่อนหน้านั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงอยากจะแต่งงาน แถมหญิงสาวยังดูจืดชืดไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยควงอีกด้วย
“ค่ะ...”
“อืม...”
ต้นรักรีบพยักหน้าตอบชายหนุ่มอย่างมีความหวัง ว่าที่เขาถามเธอเรื่องนี้มาเขาอาจจะจำอะไรได้ก็ได้ แต่เบนจามินไม่ได้พูดอะไรต่อแถมยังทำหน้าเซ็ง ทำให้เธอรู้ว่าที่เขาถามเธอเขาไม่ได้คิดอะไรได้ คงแค่ไม่แน่ใจเท่านั้นว่าเขากับเธอจะแต่งงานกันจริงๆ
“คุณเบนทานเยอะๆเลยนะคะ เสร็จแล้วจะได้ทานยาค่ะ”
ถึงชายหนุ่มจะกลับมาเอาแต่ใจหรือหงุดหงิดใส่เธอแบบเดิมเธอก็ยอม ขอแค่ได้ดูแลอยู่ข้างๆเขาแบบนี้ก็พอ
“ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องบอกหรอก”
เบนจามินรู้สึกรำคาญพอสมควร ที่หญิงสาวจะต้องคอยบอกเขาตลอดเวลาเรื่องทำนั่นทำนี่ทุกเวลา เขาโตแล้วไม่ใช่เด็กๆจึงไม่ค่อยพอใจที่เธอทำแบบนี้นัก
“ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณนี่คะ”
ต้นรักหน้าละห้อ ยถึงเธอจะทำใจมาแล้วก็เถอะว่าชายหนุ่มอาจจะทำนิสัยเดิมกับเธอออกมา แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆ ยิ่งคิดถึงวันเวลาที่เธอรักกันดีอยู่กับเขาก็ยิ่งดึงให้ตัวเองใจห่อเหี่ยวมากขึ้นไปอีก
“อืม...ทานข้าวเถอะ”
เบนจามินแอบตกใจกับอาการของหญิงสาว ที่เธอดูหน้าเจื่อนไปในทันทีหลังสิ้นเสียงคำพูดของเขาเมื่อครู่ จึงหันไปบอกให้เธอทานข้าวจะดีกว่า เผื่อจะลืมเรื่องที่เขาพูดเมื่อครู่ไปซะ
“อุ้บ...”
ต้นรักรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีเธอเกิดคลื่นไส้ขึ้นมาอีกรอบ เมื่อครู่ที่เข้าครัวทำอาหารก็อาเจียนไปหลายรอบเช่นกันกว่าจะทำเสร็จ ทรมานพอสมควรแต่เธอก็ยังอยากจะทำอาหารให้เบนจามินด้วยตัวเองอยู่ดี
“ฉันเห็นเธอเป็นแบบนี้หายครั้งแล้ว ตกลงเป็นอะไรกันแน่”
เบนจามินรีบเดินตามต้นรักเพื่อเข้ามาดูอาการของเธอ เขาสังเกตเห็นเธอเป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว รู้สึกว่าเธอต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่แต่แค่ยังไม่ยอมบอก
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร คุณเบนไปทานข้าวเถอะค่ะ ฉันคงไม่ทาน”
ต้นรักรีบส่ายหัวพัลวัน เธอไม่อยากจะบอกอะไรกับเขาตอนนี้ พร้อมไล่ให้เขากลับไปทานข้าว ส่วนเธอเองก็คงจะไปนอนพักสักเดี๋ยวคงดีขึ้น
“ไม่ได้ เธอต้องทานข้าวไม่ทานข้าวก็ต้องทานผลไม้หรือไม่ก็นม ถ้าเธอเป็นอะไรคุณย่าก็เล่นงานฉันอีก”
เบนจามินยิ่งเห็นหญิงสาวทานอะไรไม่ได้แบบนี้เขาจำต้องบังคับให้เธอทาน หากป่วยขึ้นมาเขาอาจจะโดนคุณย่าของเขาตำหนิเอาได้ หากเธอทานไม่ได้จริงๆเขาก็จะพาเธอไปหาหมอตรวจให้รู้ไปเลยว่าเธอเป็นอะไรกันแน่
“ถ้าคุณเบนกลัวคุณย่าตำหนิเรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณเบนไปทานข้าวเถอะค่ะ”
ต้นรักกะว่าจะไม่น้อยใจกับคำพูดของชายหนุ่มอยู่แล้วเชียว แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ พูดจบแล้วจึงรีบเดินกลับเข้าห้องของเธอไปโดยเร็ว
“เป็นอะไรอีกเนี่ย”
เบนจามินถึงกับยกมือเกาหัวกับอาการของหญิงสาว ที่จู่ๆเธอก็เดินหนีเขาไปดื้อๆเสียอย่างนั้น
บริษัท
“พี่ดีใจนะที่หลิวกลับมาทำงานกับพวกเราอีก พวกปากหอยปากปูพวกนั้นอย่าไปสนใจอะไรเลย หลิวทำงานด้วยฝีมืออยู่แล้วพี่รู้”
หลังจากที่ต้นหลิวออกไป ลูกค้าที่เคยจ้างงานที่บริษัทของเอมอรก็ขาดหาย เพราะต่างก็อยากจะได้คนที่มีฝีมืออย่างต้นหลิวมาออกแบบงานให้ แต่เมื่อรู้ว่าต้นหลิวไม่สามารถทำงานให้ได้ต่างก็ยกเลิกงานกันไปแทบจะทุกราย จนพิ้งกี้ต้องวิ่งโล่มาให้ต้นหลิวนั้นกลับไปทำงานตามคำสั่งของเอมอร
“ขอบคุณที่เชื่อใจหลิวนะคะพี่พิ้งกี้”
ต้นหลิวดีใจที่ยังมีคนเชื่อใจเธออยู่ว่าเธอทำงานด้วยความสามารถ เพราะคราแรกเธอก็ไม่รู้จริงๆว่าหมอหนุ่มฝากเธอเข้างาน
“ลูกค้าเค้าอยากจะได้หลิวไปออกแบบงานให้จนถึงขั้นถ้าไม่ใช่หลิวทำเค้าก็ไม่จ้างเราเลยรู้ไหม”
พิ้งกี้ก็พึ่งรู้ไม่นานว่าบอลลูนเป็นคนหาเรื่องต้นหลิวจนทำให้ออกจากงาน คิดว่าออกเพราะว่าต้องมาดูแลแม่ของเธอ
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“จริง”
“นี่นะยัยบอลลูนโดนคุณเอมอรต่อว่าอย่างหนักเลยรู้หรือเปล่า”
“แล้วยัยนั่นเป็นไงบ้างคะ”
ต้นหลิวอยากจะเห็นหน้ายัยบอลลูนตอนที่โดนต่อว่าเสียจริงว่าจะอาการเป็นยังไง
“ก็จ๋อยไปพักใหญ่เลย ไม่กล้าซ่ากับใครได้อีกเพราะคุณเอมอรบอกว่าถ้ามีครั้งต่อไปไม่เอาไว้แน่”
เอมอรเองในคราแรกก็คิดว่าต้นหลิวลาออกเพราะเหตุผลเดียวกับที่พิ้งกี้คิด แต่เมื่อรู่เรื่องราวจากการที่พนักงานต่างซุบซิบกันจนถึงหูเธอจึงได้เรียกบอลลูนมาต่อว่าเสียหน้าเสีย
เย็นของวัน
“คุณ”
คาวียืนรอต้นหลิวอยู่ที่หน้าบริษัทพักหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงมาเขาจึงเดินเข้าไปหาทันที
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
ต้นหลิวแปลกใจที่วันนี้เจอกับชายหนุ่มที่นี่
“ผมมารอรับคุณไง”
คาวีพูดพร้อมเดินจูงมือหญิงสาวหมายจะพาไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหน้า
“รับฉัน...รับทำไมฉันกลับเองได้”
ต้นหลิวยืนนิ่งขืนแรงดึงจากชายหนุ่ม
“ไปเถอะขึ้นรถ”
“คุณนี่อะไรเนี่ยย”
ยังไงหญิงสาวก็แพ้แรงของชายหนุ่มอยู่ดี และแล้วคาวีก็ลากต้นหลิวขึ้นรถได้สำเร็จ
ร้านอาหาร
“ฉันจะกลับไปทานข้าวกับแม่”
คาวีพาต้นหลิวมาที่ร้านอาหารแล้วก็ลากเธอมานั่งที่โต๊ะอาหารโดยที่ไม่สนว่าหญิงสาวพูดอะไร
“แม่คุณมีคนทานด้วยแล้ว”
“ใคร”
ต้นหลิวทำหน้าสงสัยว่าใครจะมาทานข้าวกับแม่ของเธอจะเป็นต้นรักก็ไม่นาจะใช่ เพราะปกติแล้วต้นรักจะโทรบอกเธอก่อนที่จะกลับมา
“คุณก็น่าจะรู้ว่าใคร”
คาวียังใบ้ให้หญิงสาวได้คิดอีกสักนิด
“ลุงบรูคเหรอ”
เห็นจะมีคนเดียว ถ้าไม่ใช่ต้นรักก็น่าจะเป็นพ่อของเบนจามิน ที่พักหลังมานี้มาเยี่ยมแม่ของเธออยู่บ่อยๆ จนเธอเองก็สนิทกับเขาไปแล้วเหมือนกัน
“....”
คาวีพยักหน้าอมยิ้มที่หญิงสาวเข้าใจอะไรง่ายๆโดยที่เขานั้นไม่ต้องเฉลยเลยสักนิด
“เข้าใจละ”ต้นรักพยักหน้าพลางเข้าใจและหายห่วงที่แม่เธอจะได้มีเพื่อนคุยนอกจากพยาบาลที่คอยดูแลอยู่“ผมอยากได้คำตอบ”คาวีเห็นว่าจังหวะนี้แหละที่เขาจะได้ขอคำตอบที่เคยถามหญิงสาวเอาไว้เสียที เพราะเขารอมันไม่ไหวแล้ว“คำตอบอะไร”ต้นหลิวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคาวีหมายถึงเรื่องอะไร“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”คาวีรู้ว่าต้นหลิวรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอทำไขสือไปเท่านั้นเอง“ก็คุณบอกว่าให้ฉันคิดก่อนนี่”ต้นหลิวยังคิดที่จะบ่ายเบี่ยงในการตอบคำถาม“มันนานแล้วนี่คุณ”คาวีเห็นว่าที่เขาต้องถามเพราะว่าคำตอบที่เขารอคอยเขารอมันมานานแล้ว ถ้าเขาไม่ท้วงเธอมีหรือจะได้คำตอบ“ถ้าคุณช่วยให้คุณเบนกลับมาเหมือนเดิมเมื่อไหร่ วันนั้นฉันจะ...ตกลง”อันที่จริงต้นหลิวเองก็คิดเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยิ่งมองว่าเธอกับเขามันต่างกันก็ยิ่งทำให้เธอตอบตกลงกับเขาไม่ได้ แต่วันนี้เธอไม่สนแล้ว เธอคิดอย่างเดียวว่าถ้าตอนนี้หมอหนุ่มรักษาเบนจามินให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วได้ เธอก็จะตกลงคำขอของเขา เพราะเธออยากเห็นน้องเธอมีความสุขกับชีวิตครอบครัวเสียที“จริงนะคุณ”คาวีดึงมือเรียวมากุมเอาไว้ด้วยความดีใจ“อื
สองอาทิตย์ต่อมา20.00 น.คาวีพยายามหาทางช่วยให้เบนจามินกลับมาจำทุกอย่างได้ทุกวิถีทาง คราแรกเบนจามินก็ไม่ค่อยจะยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รับคำสั่งจากคุณย่าของเขาเบนจามินก็ต้องทำตามเพราะไม่อยากจะขัดใจคนเป็นย่า ส่วนต้นรักนั้นก็แพ้ท้องหนักจนต้องกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอ ด้วยไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัย“เสื้อตัวนี้...”เบนจามินเข้าไปนั่งในห้องของต้นรัก เขาเห็นบางอย่างอยู่บนหัวเตียงของเธอจึงเข้าไปหยิบขึ้นมาดู มันเป็นเสื้อไหมพรมที่ยังถักไม่เสร็จที่เสร็จ แล้วก็เห็นจะมีเสื้อที่ตัวขนาดเท่าๆกันอีกหนึ่งตัวและตัวเล็กอีกหนึ่งตัวที่สีเหมือนกัน ทำให้ภาพบางภาพปรากฏขึ้นในหัวของเขาเป็นภาพที่เขากำลังลองใส่เสื้อไหมพรมหมีพูห์และมีต้นรักยืนยิ้มอยู่ข้างๆ และภาพต่างๆก็ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน ต่างจากเมื่อตอนแรกที่คาวีพยายามรักษาเขามาก ตอนนั้นทุกอย่างมันยังคงเลือนลางไม่ประติดประต่อ แต่ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะทำให้เขาคิดอะไรขึ้นมาได้ความรู้สึกเก่าๆที่มันกลับมาทำให้เขาได้รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไรเช้าวันต่อมา“คุณเบน”ต้นรักค่อนข้างแปลกใจเบนจามินก็มาโผล่ที่บ้านของเธอแต่เช้า“เห็นหน้าฉันทำไมต้องทำ
“จะเสียใจได้ยังไง ดีใจมากต่างหาก แบบนี้ต้องบอกข่าวดีกับทุกคน”ด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มจึงรนรานควานหามือถือจะบอกข่าวดีแบบนี้กับทุกคนได้รับรู้“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเบน”ต้นรักหน้าเจื่อนก่อนจะบอกให้เบนจามินไม่ต้องบอกคนอื่น เพราะคนอื่นนั้นรู้หมดแล้ว“อย่าบอกนะว่าพวกเค้ารู้กันหมดแล้ว”“ค่ะ”“ยกเว้นฉันเนี่ยนะ...”เบนจามินเห็นสีหน้าต้นรักก็รู้ว่าเขาคงจะรู้ข่าวนี้เป็นคนสุดท้าย“โกรธฉันเหรอคะ? ฉันแค่อยากบอกกับคุณตอนที่คุณจำความรู้สึกระหว่างเราได้เท่านั้น ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันใช้ลูกมาเป็นบ่วงรั้งคุณ”ต้นรักพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เธอไม่ได้บอกเรื่องลูกกับชายหนุ่ม เธอเองก็มีเหตุผลของเธอ และหวังว่าเขาจะเข้าใจ“เฮ้อ ใครจะโกรธเธอลง ฉันแค่นอยเฉยๆที่ได้รู้ทีหลังคนอื่นก็เท่านั้นเอง”เบนจามินแค่อยากได้รู้เรื่องลูกของเขาเป็นคนแรกเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีเหตุผลของเธอเขาเองก็ไม่ได้อยากคิดอะไรให้มันมากมายนัก แค่ได้รู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาเป็นโซ่ทองคล้องใจเขาและเธอก็พอแล้วสองเดือนต่อมางานแต่งของต้นรักและต้นหลิวจัดขึ้นพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ มีสื่อให้ความสนใจมากมายเพราะสองทายาทตระกูลดังต่
เพนท์เฮ้าส์หรู18.30 น.“คุณเบนจะไปไหนครับ”โจชัวเห็นเจ้านายเขาเตรียมตัวจะออกไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวจึงต้องรีบเดินไปถาม มิเช่นนั้นหากเขาปล่อยให้เจ้านายของเขาไปไหนโดยที่เขาไม่รู้แล้วเกิดอันตรายอะไรกับเจ้านายคงไม่เป็นผลดีแน่“นายไม่ต้องตามวันนี้ฉันอยากผ่อนคลายคนเดียว”วันนี้เบนจามินอยากจะไปพักผ่อนตามประสาหนุ่มโสดสุดฮอตด้วยตัวคนเดียว เมื่อมีลูกน้องหรือคนสนิทแห่กันไปด้วยทีไรพวกสาวๆไม่อยากจะมาใกล้เขาทุกที เว้นเสียแต่ผู้หญิงที่อยากจะบริการเขาเพราะอยากได้ทิปหนักๆ แต่พวกนี้เขาเองก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร“เอ่อ...ครับ”โจชัวเห็นดังนั้นจึงรีบถอยให้เจ้านายหนุ่มของเขาออกไปแต่โดยดี เพราะเห็นท่าเจ้านายตนมาแบบนี้แล้วเขาคงจะขัดอะไรไม่ได้ที่ผ่อนคลายของเจ้านายนั้นเขาพอจะรู้อยู่ว่าจะไปที่ไหนเบนจามินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลลอเปอร์เป็นลูกครึ่งไทยอิตาลีถูกเลี้ยงโดยคุณย่าของเขามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจเพราะถูกตามใจอยู่บ่อยๆ หากแต่ชายหนุ่มเป็นคนที่เก่งในสายงานแทบจะทุกอย่างแถมยังเข้ามาบริหารงานแทนพ่อของเขาแทบจะทุกอย่างได้ดีอีกด้วย ประวัติเสียแทบจะไม่มีนอกเสียจากเรื่องผู้หญิงที่ทำให้ต้องเขม่นกับคู่ค้า
คลับหรู“แกลืมมือถือใช่ไหม”พริกแกงเห็นต้นหลิวเดินมาที่จุดนัดพบก็รีบดึงมือเพื่อนเธอเข้ามาที่มุมมืดของร้านทันที พริกแกงเข้านอกออกในที่นี่บ่อยเธอจึงรู้แทบทุกซอกทุกมุม“แกรู้ได้ไง”ต้นหลิวแปลกใจเล็กน้อยที่เพื่อนเธอรู้ว่าเธอลืมมือถือ ตัวเธอเองยังรู้ตัวเมื่อถึงที่นี่แล้วเลย“ก็ฉันโทรหาแกแล้วยัยต้นรักรับน่ะสิ แถมบอกจะรีบเอามือถือมาให้แกอีก”“อ้าวอย่างนั้นก็ซวยน่ะสิ ยัยต้นรักก็ต้องสงสัยแน่เลย”ต้นหลิวเริ่มมีสีหน้าตระหนก หากต้นรักรู้ว่าเธอไม่ได้มาทำงานที่นี่อย่างที่บอก เรื่องนี้เธอจะต้องทะเลาะกับต้นรักใหญ่โตแน่“งั้นแกก็ต้องรีบเลยก่อนที่ยัยต้นรักจะมา ฉันมองไว้ให้แกแล้วว่าเหยื่ออยู่ตรงไหน น่าจะมีเงินเพราะดื่มแต่ของแพงๆ”พริกแกงเห็นทีจะต้องให้ต้นหลิวนั้นรีบลงมืออย่างรวดเร็วก่อนที่ต้นรักนั้นจะมาที่นี่ เธอลอบมองเหยื่อไว้หลายคนเห็นจะเป็นพ่อฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้นที่นั่งอยู่คนเดียวน่าจะเข้าถึงง่ายที่สุด“ฝรั่งคนนั้นอะนะ”ต้นหลิวมองไปตามที่เพื่อนของเธอชี้เธอเห็นว่าเขานั้นนั่งดื่มอยู่คนเดียว แต่งตัวก็ธรรมดาคงจะเป็นการง่ายต่อการที่เธอจะปลดทรัพย์“ใช่แก ฉันเห็นนั่งเซ่ออยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว ดื่มหนักด้วยคง
ทางด้านต้นหลิว“นี่แกทำไมมันซวยงี้วะ”พริกแกงหน้าจ๋อยที่เมื่อเปิดกระเป๋าที่ต้นหลิวใช้วิชามือเบาได้มาดูแล้วมันไม่มีเงินสักนิด มีแต่บัตรเครดิต“แกเป็นคนเลือกเหยื่อไม่ใช่หรือไง ไหนล่ะเงินเยอะมีแต่บัตรแบบนี้ฉันจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารักษาแม่ฉันล่ะ”ต้นหลิวเองก็เซ็งกันไปตามๆกัน เมื่อนึกถึงค่ารักษาของแม่เธอก็ถึงกับคอตก“แกลองดูที่บัตรสิเผื่อมีรหัส”พริกแกงยังแอบหวังเล็กๆว่ายังไงวันนี้เพื่อนเธอก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้างและน่า“แกนี่ก็คิดได้เนอะ ไอ้ฝรั่งนั่นมันคงจะโง่เขียนรหัสไว้หรอกนะ”ต้นหลิวอยากจะเขกหัวเพื่อนเธอจริงๆ ที่พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้“คุณต้นรัก”คาวีนั่งรออยู่ในรถครู่หนึ่งก็เห็นหญิงสาวเดินออกมาแต่ไม่ยักจะมาหาเขาที่รถ ทั้งที่รถของเขาก็จอดอยู่ตรงหน้าของเธอ จึงเปิดประตูรถแล้วลงไปเรียกหญิงสาว“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ”พริกแกงกับต้นหลิวถึงกับชะงักการเดินเมื่อได้ยินใครบางคนเรียกชื่อต้นรัก ต้นหลิวหันมาถามชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอรู้จักต้นรักได้อย่างไรแล้วเขาเป็นใคร“คุณต้นรักไงครับ เอามือถือไปให้พี่สาวคุณเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”คาวีถึงกับทำ
โรงพยาบาลต้นหลิวมานั่งรอฟังข่าวกับคาวีที่โรงพยาบาล ส่วนพริกแกงนั้นต้นหลิวให้เพื่อนเธอกลับไปก่อนเพราะดึกมากแล้ว“เป็นยังไงบ้างคุณ”ต้นหลิวเห็นคาวีคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานเมื่อเห็นเขาวางสายเธอก็รีบเข้าไปถามเรื่องถามราวทันทีว่าตอนนี้น้องสาวของเธอเป็นยังไงบ้าง“ข่าวดีก็คือ เค้าจะไม่เอาเรื่องคุณ”“จริงเหรอ??”“แต่เค้าจะไม่ปล่อยน้องคุณ”“ทำแบบนี้ไม่ได้คุณติดต่อเค้าไปใหม่ได้ไหมว่าฉันยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ให้เขาปล่อยน้องฉันเถอะนะ เค้าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะแจ้งตำรวจที่เค้าจับน้องฉันไปเหมือนกัน”ต้นหลิวถึงกับเข่าทรุดผู้ชายคนนั้นจะทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ไม่ได้ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้เขากักตัวน้องสาวเธอไว้แบบนี้แน่“ตำรวจทำอะไรเค้าไม่ได้หรอก เรื่องนี้คุณผิดเต็มๆ เห็นหรือยังการทำอะไรไม่คิดมันจะเป็นยังไง”คาวีก็หมดหนทางที่จะช่วยจริงๆ เบนจามินนั้นมีอิทธิพลแค่ไหนเขารู้ดี พร้อมหันไปคาดโทษหญิงสาวให้เธอได้คิดว่าผลของการทำอะไรสิ้นคิดมันก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง“ฮึก ฮือๆๆ แล้วจะให้ฉันทำยังไง”ต้นหลิวจากที่เป็นคนที่ค่อนข้างเข้มแข็ง เจอแบบนี้เธอเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ดันไป
ชั่วโมงต่อมา“ให้มันเบามือหน่อยนะคะพี่เบน”น้ำใส หมอสาวที่ประจำอยู่ที่คลินิกของบ้านตัวเอง เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเบนจามิน สนิทกันเหมือนพี่เหมือนน้องแท้ๆเพราะเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆหลังจากได้ตรวจดูอาการหญิงสาวเธอถึงกับต้องหน้าหงิกหน้างอใส่คนเป็นพี่ชายที่ดูจะรุนแรงเกินเหตุเกินเรื่องไป แต่เธอก็แปลกใจเล็กน้อยที่ดูพี่ชายเธอดูจะห่วงผู้หญิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงเป็นพิเศษ เท่าที่เธอเคยรู้มาพี่ชายเธอไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่“อืม...รู้แล้วน่า”เบนจามินทำหน้าเซ็ง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงเป็นหนักขนาดนี้เสียหน่อย แค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้นเอง“นี่ยาค่ะ เธอตื่นก็ให้เธอทานด้วย น้ำเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอแล้ว”น้ำใสยื่นซองยาให้คนเป็นพี่ชายจากนั้นจึงเตรียมตัวกลับทันที เพราะใกล้จะได้เวลาที่เธอจะต้องไปตรวจที่คลินิกแล้วโรงพยาบาล“นี่คุณ จะไปหาน้องฉันเมื่อไหร่”หลังจากที่หมอหนุ่มตรวจอาการของแม่เธอเสร็จต้นหลิวก็ถือโอกาสนี้ถามชายหนุ่มทันทีว่าเขานั้นจะไปหาผู้ชายคนเมื่อคืนเพื่อเจรจาเรื่องน้องเธอตอนไหน“ผมต้องออกเวรก่อน คงจะเป็นช่วงเย็น”“ฉันไปด้วยได้ไหม”ต้นหลิวอยากจะไป