“คุณรู้ได้ไงว่าฉันจบด้านนี้มา”
ต้นหลิวจำได้ว่าเธอไม่เคยบอกกับชายหนุ่มนี่นาว่าเธอจบอะไรมาแปลกใจว่าเขารู้ได้อย่างไร
“คุณต้นรักบอก คุณรีบไปสมัครเลย เค้ากำลังต้องการคน”
เมื่อวานคาวีคุยรายละเอียดกับต้นรักเรียบร้อยหมดแล้วจึงได้รู้ว่าต้นหลิวนั้นจบอะไรมาและมีความสามารถทางด้านใดบ้าง
“อ่อ...ขอบมากคุณนะคะ”
ต้นหลิวพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เธอก็มีหวังว่าจะมีงานทำเร็วๆนี้แล้วจึงหันไปส่งยิ้มขอบคุณชายหนุ่ม
“อืม...ผมขอตัวก่อน”
“ค่ะ”
คาวีรู้สึกใจเต้นกับรอยยิ้มนี้อีกแล้ว สองพี่น้องคู่นี้เวลาที่ยิ้มอย่างจริงใจมันจะน่ามองเป็นพิเศษ พลางคิดในใจเรื่อยเปื่อยว่าหากหญิงสาวยิ้มให้เขาแบบนี้บ่อยๆก็คงจะดี
“แม่จ๋า...ขอให้หนูได้งานนี้นะจ๊ะ”
หลังจากที่หมอหนุ่มออกไปแล้วหญิงสาวก็เข้าไปกอดคนเป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียง ขอให้แม่ของเธออวยพรให้เธอโชคดีเรื่องงาน เพราะบริษัทที่ชายหนุ่มยื่นใบสมัครให้เธอค่อนข้างเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง หากได้ทำงานที่นี่คงจะได้เงินดีไม่ใช่น้อย
คฤหาสน์อินทวรนันท์
“เป็นยังไงบ้างลูก เพื่อนเราน่ะ”
อมีนาเห็นลูกชายกลับมาถึงบ้านก็ถามไถ่ถึงเรื่องที่ลูกชายเธอมาปรึกษาสองวันติดๆ
“เธอดีใจอยู่ไม่น้อยเลยครับคุณแม่”
คาวีคิดว่าหญิงสาวคงจะชอบงานที่เขาให้เธอไปสมัครอยู่มากถึงได้ยิ้มกว้างขอบคุณเขาขนาดนั้น
“ดีแล้วล่ะจะ อ่อ...ตาวีอีกสองอาทิตย์แม่จะจัดเดินแบบเครื่องเพชรในงานการกุศลจะรอดูฝีมือเพื่อนลูกนะจ๊ะ”
อมีนาเห็นว่าเพื่อนที่ลูกชายเธอกำลังกังวลเรื่องให้ความช่วยเหลือรับความหวังดีของลูกเธอก็ดีแล้ว ถ้าหากเพื่อนของลูกชายเธอคนนี้ได้สมัครงานแล้วเธอคงจะได้เห็นฝีมืออยู่ไม่กี่วันนี้เป็นแน่
“หวังว่างานนี้คงจะไม่มีผมไปด้วยนะครับ”
คาวีชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบงานสังคมเท่าไหร่พูดดักคอแม่ของเขาไว้ก่อนว่าคงจะไม่มีเขาในงานนี้
“ไม่ได้จะ...น้าอรเค้าจองตัวลูกเป็นนายแบบแล้ว แลกกับการรับเพื่อนลูกเข้าทำงาน”
อมีนาถึงกับต้องตอบปฏิเสธลูกชายเธอทันที ก่อนที่จะค่อยๆ ปลีกตัวเดินหนีเหมือนเคยๆ เพราะทางเอมอรเพื่อนของเธอมีข้อแม้ว่าหากรับเพื่อนของคาวีเข้าทำงานในงานการกุศลครั้งที่จะมาถึงต้องมีลูกชายเธออยู่ด้วย
“อะไรนะครับ”
คาวีถึงกับแอบเซ็งที่งานนี้เขาคงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกแล้ว
“ตามที่แม่บอกจะ” หันมากลับหลังมาบอกเสียงดัง
“โอเคครับ แต่วันนั้นผมจะไปงานโดยฐานะนายแบบนะครับ”
ในเมื่อชายหนุ่มปฏิเสธที่จะไปงานนี้ไม่ได้ ในวันนั้นเขาก็ขอไปแค่ฐานะนายแบบเท่านั้น
ทางด้านต้นรัก
20.00 น.
“สดชื่นจัง”
หลังจากที่เก็บกวาดทำงานบ้านมาแทบทั้งวันหญิงสาวก็อาบน้ำอาบท่าชำระร่างกายเสียพักใหญ่ พร้อมพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น พลางมองไปที่เตียงนอนของเธอด้วยรอยยิ้ม รู้สึกคิดถึงที่นอนนี้มาก ยิ่งนึกถึงตอนที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแม่กับพี่สาวแล้วยิ่งมีความสุข เธอคิดว่าไม่นานภาพเหล่านั้นจะกลับคืนมาในเร็ววันนี้เป็นแน่
“ว้ายย”
จากที่ยืนคิดอะไรเพลินๆจู่ๆตัวหญิงสาวก็ลอยขึ้นจึงร้องด้วยความตกใจและรีบเกาะสิ่งที่ยกเธอขึ้นไว้ด้วยสัญชาติญาณความเอาตัวรอด
ฟอด...
“คิดถึงเธอจัง”
เบนจามินกลับมาถึงสนามบินก็ตรงดิ่งมาที่บ้านหญิงสาวตามพิกัดที่ฮาเปอร์บอก เขากะจะมาเซอร์ไพรซ์เธอโดยที่ไม่บอกล่วงหน้าเมื่ออุ้มหญิงสาวขึ้นได้ก็กอดหอมเธออย่างคิดถึง ไม่กี่วันที่เขาทำงานอยู่ที่ไหนไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่คิดถึงเธอไม่รู้ว่าหญิงสาวทำอะไรให้เขานั้นหลงนักหนา เพราะเขาไม่คิดจะแตะหญิงอื่นแม้แต่นิดเดียวตั้งแต่มีเธอเข้ามา
“คุณเบน...มาที่นี่ได้ไงคะ แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ต้นรักรู้สึกโล่งใจที่คนที่เข้าห้องเธอมาไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหนเธอไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาที่ไม่บอกเธอก่อน แถมยังตามมาที่บ้านของเธออีก
“พึ่งลงเครื่องมาฉันก็มาหาเธอเลย มาให้ฉันชื่นใจเสียดีๆ”
เบนจามินวางหญิงสาวลงที่เตียงนุ่มพร้อมกอดก่ายตัวเธอเอาไว้ กลิ่นหอมอ่อนๆจากที่หญิงสาวพึ่งอาบน้ำเสร็จมันหอมยั่วยวนเขายิ่งนักอดไม่ได้ที่จะหอมซ้ายหอมขวาให้ชื่นหัวใจ
“คุณเบนคะ ฉันขอใส่เสื้อผ้าก่อนค่ะ”
ต้นรักรีบผลักชายหนุ่มออกให้ห่างเพราะตอนนี้ผ้าขนหนูที่มันพันตัวเธอเอาไว้เริ่มหลุดจนเกือบจะเผยให้เห็นของสงวนเธอของเธอแล้ว
“จะใส่ทำไมเดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี”
เบนจามินหรือจะยอมปล่อยให้หญิงสาวลุกไปใส่เสื้อผ้า ในเมื่ออารมณ์ของเขามันเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาตั้งแต่อุ้มเธอเมื่อครู่แล้ว
“คุณเบน...อื้อ”
ชายหนุ่มดึงผ้าที่พันตัวหญิงสาวออก เขาใช้สองมือหนาเลื่อนไปบีบคลึงเต้างามของหญิงสาว ริมฝีปากหนาลงไปบดเบียดริมฝีปากบางอย่างหิวโหย เขามอบบทรักอันนุ่มนวลให้หญิงสาวจนครึ่งค่อนคืน ทั้งสองกอดก่ายกันและกันด้วยความเหนื่อยจนรุ่งเช้าของอีกวัน
เช้าวันต่อมา
“คุณเบนคะ ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”
ต้นรักรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอพยายามใช้มือแกะขาและแขนของชายหนุ่มที่มันพาดอยู่บนตัวเธอออกไป แต่ดูเหมือนจะแกะยากเสียเหลือเกิน เธอจึงคิดว่าควรเปลี่ยนมาเป็นปลุกเขาก่อนจะดีกว่า
“อืม...ยังง่วงอยู่เลย เธอจะรีบฉันไปไหน”
เบนจามินรู้สึกตัวตั้งแต่ที่หญิงสาวแกะขาแกะมือของเขาออกแล้ว แต่เขายังรู้สึกอยากนอนตอนอีกสักเดี๋ยวอยู่เลย ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวจะรีบไปไหนแต่เช้า
“วันนี้ฉันขอไปเฝ้าแม่นะคะ เพราะว่าวันนี้ต้นหลิวไปสมัครงานค่ะ”
ต้นรักอยากไปอยู่เฝ้าแม่เธอในตอนที่ต้นหลิวไม่อยู่ ถึงจะรู้ว่ามีพยาบาลคอยดูอยู่ก็เถอะ เธอหวังว่าสักวันเธอจะได้อยู่ในช่วงเวลาที่แม่เธอฟื้น เธอไม่อยากจะพลาดโอกาสนั้น อยากจะให้แม้เธอเห็นหน้าคนเป็นลูก ไม่เป็นเธอก็พี่สาวเธอก็ได้ในตอนที่ตื่นขึ้นมา
“จุ๊บฉันก่อนแล้วจะลุก”
เบนจามินยังคงอ้อนหญิงสาวอยู่บนเตียง
จุ๊บ
ต้นรักจำต้องทำตามที่ชายหนุ่มบอก เพราะอยากจะให้เขาปล่อยเธอเร็วๆ จะได้รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเสียที
“ดีมากเด็กดี เดี๋ยวฉันจะไปกับเธอด้วย”
“ค่ะ...แล้วคุณเบนไม่ทำงานเหรอคะ”
“วันนี้ฉันว่างอยู่กับเธอได้ทั้งวัน”
วันนี้เบนจามินทำตัวให้ว่าง เพราะว่าเขานั้นอยากจะใช้เวลาอยู่กับหญิงสาวหลังจากที่กลับมาจากอิตาลี
บริษัทขนาดใหญ่ย่านใจกลางเมือง
“เชิญด้านนี้ค่ะ”
“ค่ะ”
ต้นหลิวถือใบสมัครงานกับประวัติส่วนตัวของเธอมาตั้งแต่เช้า เธอไม่เห็นจะมีใครมาสมัครเหมือนกับเธอสักคน ตอนนี้ก็นั่งอยู่คนเดียวจนมีเลขาสาวสวยมาเรียกเข้าห้องสัมภาษณ์เธอจึงเดินตามหญิงสาวไปอย่างตื่นเต้น ภาวนาในใจว่าขอให้เธอได้งานเสียทีจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย
“คุณต้นหลิว”
“สวัสดีค่ะ”
เอมอรเข้ามาสัมภาษณ์คนที่หลานชายเธอฝากเข้างานด้วยตัวเอง อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเก่งเหมาะสมกับที่หลานชายเธอมั่นใจขนาดไหน
เป็นเวลาพักใหญ่ที่เอมอรนั่งคุยกับต้นหลิว เธอค่อนข้างพอใจในตัวต้นหลิวมากกับประวัติและทัศนคติในการทำงาน
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปทำความรู้จักกับหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานของเธอเลยแล้วกัน”
“ค่ะ...ขอบคุณมากค่ะที่รับฉันเข้าทำงาน ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ค่ะ”
ต้นหลิวแทบจะกระโดดดีใจเสียตรงนี้ แต่เธอก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ บทจะได้งานง่ายๆมันก็ง่ายเสียเหลือเกิน
“พิ้งกี้ นี่ต้นหลิวผู้ช่วยคนใหม่ของเธอ จะมาทำงานพรุ่งนี้ ตอนนี้ก็บอกรายละเอียดคร่าวๆให้ต้นหลิวฟังก่อนก็แล้วกัน ฉันฝากด้วย”
เอมอรเดินพาหญิงสาวมาแนะนำตัวกับทุกคนด้วยตัวเอง
“ค่ะคุณเอมอร”
พิ้งกี้หัวหน้าที่ควบคุมดูแลงานทุกอย่างในการรับงานอีเว้นยิ้มรับคนเป็นเจ้านายและหญิงสาวที่มาใหม่อย่างเป็นมิตร คิดว่าหญิงสาวคนนี้ต้องมีอะไรดีแน่ๆที่เจ้าของบริษัทเข้ามาเพื่อสัมภาษณ์เองและแนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักแบบนี้
“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันต้นหลิวค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ต้นหลิวยิ้มทักทายสวัสดีทุกคนอย่างเป็นมิตรหญิงสาวปฏิญาณตนไว้แล้วว่าเธอจะต้องปรับปรุงตัวใหม่ในที่ทำงานอะไรที่ปล่อยได้ก็ปล่อย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาการเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและไม่ยอมคนของเธอมันเกิดผลเสียอะไรบ้าง
“มาเดี๋ยวพี่จะบอกว่าเราต้องทำอะไรบ้าง มีเรามาช่วยก็ดีเลยงานพี่เยอะมากเลยตอนนี้”
หลังจากที่เอมอรฝากฝังหญิงสาวให้กับพิ้งกี้เธอก็พาหญิงสาวมาเรียนรู้งานคร่าวๆก่อนจะลงมือจริงว่าเธอจะต้องทำอะไรบ้าง อีกอย่างก็เบาใจว่าต่อจากนี้เธอเองก็จะงานน้อยลงเพราะมีคนมาแบ่งเบาภาระ
โรงพยาบาล“คุณเบน”คาวีเห็นเบนจามินมาที่โรงพยาบาลพอดีเลยเดินเข้าไปหา คาดว่าเขาน่าจะมากับต้นรัก“หมอ”“ผมขอคุยด้วยหน่อย”“อืม ว่ามาเลย”เบนจามินมีสีหน้าสงสัยว่าหมอหนุ่มมีเรื่องอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องที่คุณยื่นมือมาดูแลทั้งต้นรักและต้นหลิวในเวลานี้ผมว่าคุณดูแลต้นรักคนเดียวจะดีกว่า ส่วนต้นหลิวผมขอดูแลเธอเอง”คาวีไม่ค่อยไว้ใจในการที่เบนจามินจะยื่นมือมาดูแลต้นหลิวเท่าไหร่ กิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของชายหนุ่มเขารู้ดี“เอาเป็นว่าผมเข้าใจ และผมก็รู้ด้วยว่าคุณคิดอะไรอยู่ ผมจะบอกกับคุณว่าเจตนาของผมบริสุทธิ์”เบนจามินหันไปมองหน้าคาวีเขารู้ว่าหมอหนุ่มคิดอะไรอยู่ถึงได้ออกตัวขนาดนี้ และเขาก็ขอยืนยันตรงนี้อย่างลูกผู้ชายว่าเขาไม่ไดคิดจะรวบสองอย่างที่คาวีคิด เขาแค่อยากดูแลครอบครัวของต้นรักก็เท่านั้น“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ยังไงเรื่องต้นหลิวถือว่าผมขอ”คาวีจะยอมเชื่อในสิ่งที่เบนจามินพูด แต่ยังไงต้นหลิวนั้นเขาก็ยังยืนยันว่าเขาจะเป็นคนจัดการดูแลเธอเอง“ต้นหลิวยังไม่รู้ใช่ไหมว่าคุณเป็นใคร ผู้หญิงเค้าชอบความจริงใจผมขอบอกไว้ก่อน”เบนจามินพอจะรู้ว่าคาวียังไม่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นใครกับต้นหลิวเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั
“ถามทำไม”คาวีไม่คิดว่าหญิงสาวจะถามเขาเรื่องนี้ คิดว่าเธอจะคิดได้เองเสียอีกว่าเขามีหรือไม่มี“ก็ฉันเห็นคุณเลิกงานก็กลับบ้าน บางทีก็มาทานข้าวกับฉัน”“ก็ไม่มีน่ะสิ”“คุณไม่ลองมีบ้างล่ะ จะได้มีคนมานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนคุณแทนฉันไง”ต้นหลิวเห็นว่าถ้าหากชายหนุ่มมีแฟนอาจจะไม่ต้องลากเธอมาทานข้าวเป็นเพื่อนแบบนี้ก็ได้ เพราะอีกหน่อยเธอก็คงจะไม่ค่อยมีเวลามานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนของเขามากนัก“ก็บอกว่าไม่มี ไม่อยากมี”คาวีรู้สึกขัดใจที่หญิงสาวพยายามพูดยัดเยียดให้เขามีแฟนอยู่นั่น ทำอย่างกับว่าคนรู้ใจมันจะหาง่ายๆอย่างนั้น“อะไรของเค้ามาทำเสียงแข็งใส่อีก ไม่มีก็ไม่มีสิ”ต้นหลิวบ่นอู้อี้ที่ถูกชายหนุ่มก็เสียงแข็งใส่ จากนั้นเธอจึงตั้งตารออาหาร ไม่อยากพูดคุยกับอีกฝ่ายให้มากคำ เพราะเดาอารมณ์หมอหนุ่มไม่ถูกเพนท์เฮ้าส์หรู“นี่มันอะไรกันคะ”“ก็เธอบอกว่าอยากได้ขนม”ต้นรักเข้าห้องมาก็เห็นกองขนมขบเคี้ยวกับพวกช็อคโกแลตเต็มห้องไปหมดจึงหันมาถามชายหนุ่มแปลกใจว่าเขาจะซื้อมาทำไมเยอะแยะ เมื่อได้รับคำตอบจากเขาเธอถึงกับต้องส่ายหัว วันหลังหากเขาถามอะไรเธออีกเธอคงต้องอธิบายรายละเอียดว่าเธออยากได้อะไรปริมาณเท่าไรเสียแล้ว21.
“ก็คุณเบนบอกว่าทำแบบไหนก็ได้ ฉันเห็นว่ามันก็น่ารักดี คุณเบนไม่เอาก็ได้นะคะ”ต้นรักสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยจากที่ยิ้มร่าอยู่ตอนแรก เพราะเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่ดูจะไม่สู้ดีนักเมื่อเห็นเสื้อที่เธอทำให้ก็เขาบอกเธอตอนแรกว่าเอาแบบไหนก็ได้ เธอเห็นว่าที่เธอทำมันก็น่ารักดี“ไม่...ฉันจะใส่”เบนจามินคิดว่าเขาผิดเองที่ไปบอกเธอว่าทำแบบไหนก็ได้ตั้งแต่แรก แต่ไม่เป็นไรยังไงเธอทำมาแล้วเขาก็ต้องใส่อยู่ดี พร้อมถอดเสื้อที่เขาใส่นั้นออกและสวมเสื้อไหมพรมที่หญิงสาวทำให้ทันที“อิ อิ น่ารักดีนะคะ”ต้นรักเห็นว่าชายหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าแบบนี้แล้วดูน่ารักไปอีกแบบ“อืม”เบนจามินไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าอะไรแบบนี้ จึงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เขาสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกหลายรอบ ในเมื่อเป็นฝีมือของต้นรัก ยังไงเขาก็ต้องทำใจชอบให้ได้โรงแรม“เพอร์เฟคมากหลิว”“ค่ะพี่พิ้งค์”พิ้งกี้อดชมในฝีมือของต้นหลิวไม่ได้ที่ ออกแบบงานได้แปลกตาและสวยงามมากจริงๆ“ทางนี้คงจะเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราไปช่วยพี่ดูพวกนางแบบนายแบบทางนี้”“ค่ะ”พิ้งกี้เห็นว่าทางด้านหน้างานเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูความเรียบร้อยของพวกนายแบบนางแบบให้พร้อมก็ไ
ตระกูลลอเปอร์“คุณพ่อเรียกผมเข้ามามีอะไรหรือเปล่าครับ”เบนจามินรีบเข้ามาที่บ้านใหญ่ของตระกูลอย่างเร่งด่วน เพราะทางนี้ติดต่อไปหาโจชัวว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับเขา“เรื่องหนูนิริน”“ถ้าจะเรียกผมมาคุยเรื่องนี้ผมขอไม่คุยนะครับ”เบนจามินได้ยินชื่อนี้เขาถึงกับเซ็ง อยากจะหันหน้ากลับเสียตอนที่พึ่งมา“แกจะยืดเยื้อเวลาไปจนถึงเมื่อไรฉันปล่อยให้แกใช้ชีวิตตามใจมามากแล้วนะ ทางเพื่อนฉันเค้าก็ถามมาแล้ว”นิรินเป็นลูกสาวของนราทรเพื่อนสนิทของบรูค เขาเคยสัญญากันเมื่อหลายปีก่อนว่าถ้าหากมีลูกจะให้หมั้นกัน แล้วตอนนี้ลูกของพวกเขาทั้งสองก็โตจนมีครอบครัวได้แล้ว แต่ทางเบนจามินยังไม่ยอมแต่งงานเสียที ทางด้านนราทรก็เร่งรัดมาแล้วทำให้บรูคต้องมาเร่งรัดลูกชายของเขาอีกที“ผมไม่เอาผู้หญิงแบบนั้นมาทำเมียหรอกครับ”เบนจามินยืนยันว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแต่งกับนิรินเด็ดขาด“หนูนิรินเป็นยังไง เธอเหมาะสมกับแกแทบจะทุกอย่างเป็นผู้ดีมีสกุลขนาดนั้นแกยังต้องการอะไรอีก”บรูคเห็นว่านิรินนั้นเหมาะสมกับลูกชายของเขาทุกอย่าง ดีกว่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปแล้วลูกชายเขาไปคว้าแม่พริตตี้ที่ไหนไม่รู้มาทำเมีย“ยัยนั่นเสแสร้งเก่งจะตายไป”เบนจามินแทบจะรู
20 นาทีต่อมา“ดีขึ้นหรือยัง”“ค่ะ”“เราไปรู้จักกับคู่หมั้นคุณนิรินอย่างที่เธอกล่าวหาจริงหรือเปล่า”ตะวันเห็นว่าต้นรักเริ่มเงียบลงแล้วแต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นอยู่เล็กน้อย ด้วยความอยากรู้ว่าหญิงสาวเป็นผู้หญิงของเบนจามินตามที่นิรินมาหาเรื่องเธอหรือเปล่าจึงถามขึ้น“ฮึก...ฮือๆๆๆ”ต้นรักได้ยินแบบนั้นก็เหมือนกับมีดกรีดไปที่หัวใจของเธอที่เดิมจึงร้องออกมาอีกครั้งสะอื้นจนตัวโยน“โอเคๆพี่จะไม่ถาม”ตะวันฉวยโอกาสนี้กอดปลอบหญิงสาวอย่างแนบชิดเขาจะอาศัยจังหวะในช่วงที่หัวใจเธออ่อนแอนี่แหละเข้าหาหญิงสาว“ทำอะไร”ปั้กกก“โอ้ย...”เบนจามินเดินตามหาหญิงสาวตามจุดที่นิรินส่งข้อความมาบอก เมื่อเห็นภาพที่ชายแปลกหน้ากำลังกอดกุมหญิงสาวอยู่จึงเลือดขึ้นหน้า เดินดุ่มๆเข้าไปรั้งชายหนุ่มมาต่อยระบายอารมณ์“คุณเบนหยุดนะคะ”ต้นรักเห็นเบนจามินเงื้อหมัดจะชกตะวันอีกเธอจึงร้องห้ามเอาไว้ด้วยน้ำตา“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ห้ามใครแตะต้อง”เบนจามินยอมปล่อยตะวันพร้อมหันไปมองต้นรักด้วยสายตาขุ่นเคืองที่มาพลอดรักกับชายอื่นลับหลังเขา“อีกหน่อยถ้าคุณแต่งงานแล้ว ฉันก็ไม่ใช่แล้วล่ะค่ะ”คำว่าผู้หญิงของเขาเธอไม่อยากได้ยินที่สุดเลยอดพูดประชดเรื
บ้านนราทร20.00 น.“แกไปสร้างเรื่องอะไรอีกล่ะ แค่ฉันต้องเร่งบรูคให้ลูกชายเค้ามาแต่งงานกับแกก็เกรงใจเค้าจะแย่อยู่แล้ว เพราะฉันรู้ว่าเบนจามินไม่สนใจแกเลยสักนิด ทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกฉันหน่อย”นราทรนั่งอยู่บนรถเข็นเพราะเขาเดินไม่ได้มาสักพักเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวของเขาเดินออกมาจากห้องได้ก็ถือโอกาสต่อว่าเรื่องข่าวที่เขาพึ่งรู้มาเสียหน่อย เพราะเขารู้สึกว่าลูกสาวของเขานับวันๆยิ่งแต่จะควบคุมไม่อยู่“นิจะทำอะไรมันก็เรื่องของนิ นิว่าคุณพ่อเอาเวลาไปรักษาตัวแล้วก็รอฟังข่าวดีจากนิดีกว่านะคะ”นิรินไม่ได้สนใจคำของพ่อเธอเลยสักนิด ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอจะออกไปเที่ยวหาความสุขนอกบ้านแล้ว เมื่อพูดจาหักหารน้ำใจคนเป็นพ่อเสร็จก็ออกไปจากบ้านอย่างหน้าตาเฉย“ฉันเตือนแกแล้วนะ”นราทรตะโกนให้หลังคนเป็นลูกสาวเขารู้ว่าคนอย่างเบนจามินไม่ยอมให้ลูกสาวของเขาข่มอยู่ฝ่ายเดียวแน่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาไม่น่ารับปากกับเพื่อนของเขาแบบนั้นเลย“ปล่อยคุณหนูไปก่อนเถอะค่ะคุณทร”ป้าจิตแม่บ้านที่ดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างบ้านนี้รู้ดีว่าคนอย่างนิรินเป็นอย่างไร ด้วยความที่ไม่มีแม่ตั้งแต่เล็กๆแถมพ่อก็ยังเอาแต่ทำงานเลี้ยงนิรินมาด้วย
“ก็ฉันพูดเรื่องจริง ฉันจะแต่งงานกับเธอจริงๆนะ เธอไม่ดีใจหรือไง แล้วเรื่องของเราที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันเป็นอดีตไปอย่ารื้อมาเล่าให้แม่เธอฟังแล้วไม่สบายใจเลย มันดีต่อแม่เธอแล้วก็พี่สาวเธอด้วย”เบนจามินไม่เห็นว่าหญิงสาวจะมีทีท่าที่ดีใจสักนิดเมื่อเขาบอกกับแม่ของเธอว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ กลับทำสีหน้าตกใจและดูท่าจะงอนเขาอีกด้วยซ้ำ“เรื่องนั้นไม่พูดถึงมันฉันก็ว่าดีค่ะ...แต่เรื่องแต่งงานนี่สิคะทำไมไม่ถามฉันก่อนแล้วทางบ้านคุณจะว่ายังไง”ต้นรักคอนข้างเห็นด้วยกับเหตุผลขอชายหนุ่มที่ไม่เล่าเรื่องอดีตให้แม่ของเธอฟังแต่ยังไงเรื่องแต่งงานเธอคิดว่าชายหนุ่มควรจะเกริ่นบอกเธอก่อนก็ยังดี ตอนนี้แม่เธอก็รู้เรื่องไปแล้วด้วย หากวันนึงมันเป็นไปไม่ได้แล้วแม่เธอจะรู้สึกยังไง“ยังไงฉันเชื่อว่าครอบครัวฉันต้องชอบเธอแน่นอนเธอไม่ต้องกังวล”เบนจามินคิดว่าถ้าหากคนในครอบครัวของเขาได้รู้จักต้นรักจริงๆจะต้องรักเธอเหมือนที่เขารักเป็นแน่เขาเชื่อแบบนั้น“แล้วคุณเบนแน่ใจเหรอคะว่าอยากมีครอบครัว...ถ้าแต่งงานแล้วคุณเกิดเบื่อฉันขึ้นมาถึงวันนั้นฉันคงจะเสียใจมาก...”ต้นรักอยากถามชายหนุ่มให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขาอยากจะมีครอบครัวจริงหรือเปล
“หมอคะ คุณเบนเป็นยังไงบ้าง”ต้นรักเห็นหมอหนุ่มก็รีบถามอาการของเบนจามินทันทีเพราะเธอรอฟังมาทั้งคืนแล้ว“ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วครับ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้ฟื้นเท่านั้นแหละครับ”คาวีถือว่าเบนจามินใจสู้มากทำให้การรักษาผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้ก็แค่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดก็เท่านั้น“รู้แบบนี้ก็สบายใจได้แล้วนะรัก”ต้นหลิวหันไปบอกกับคนเป็นน้องสาวเธอเองก็โล่งอกเหมือนกันที่ได้รู้แบบนี้น้องเธอจะได้เลิกร้องให้เสียที“ผมขอตัวก่อนนะครับ”คาวีรู้ตัวว่าเขาอยู่ตรงนี้นานคงไม่ดีเป็นแน่ เพราะรู้ว่าต้นหลิวคงไม่อยากจะเจอหน้าเขาสักเท่าไหร่ หลังจากวันนั้นที่เธอรู้ความจริงว่าเขาเป็นใครเธอก็เอาแต่หลบหน้าตลอด แม้แต่ตอนที่เขาเข้าไปตรวจอนงค์แล้วเจอต้นหลิว หญิงสาวก็จะขอตัวออกไปข้างนอกตลอดเลยไม่เคยได้พูดคุยกันเหมือนอย่างเคยเขาเองไม่ได้คิดจะไปยุ่งอะไรกับเธอหากต้นหลิวสบายใจที่จะเป็นแบบนี้เขาก็ไม่อยากกวนใจเธอ แต่ยังไงเรื่องที่เขายื่นมือเข้าไปช่วยเธอนั้นเขาก็ยังช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา“แกเห็นไหมว่าที่ลูกสะใภ้แกแสบแค่ไหน”เอมม่ากลับมาเพราะหลานชายคนเดียวของเธอบอกว่ามีข่าวดีจะบอก แต่เมื่อมาถึงกลับได้ฟังข