บ้านนราทร
20.00 น.
“แกไปสร้างเรื่องอะไรอีกล่ะ แค่ฉันต้องเร่งบรูคให้ลูกชายเค้ามาแต่งงานกับแกก็เกรงใจเค้าจะแย่อยู่แล้ว เพราะฉันรู้ว่าเบนจามินไม่สนใจแกเลยสักนิด ทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกฉันหน่อย”
นราทรนั่งอยู่บนรถเข็นเพราะเขาเดินไม่ได้มาสักพักเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวของเขาเดินออกมาจากห้องได้ก็ถือโอกาสต่อว่าเรื่องข่าวที่เขาพึ่งรู้มาเสียหน่อย เพราะเขารู้สึกว่าลูกสาวของเขานับวันๆยิ่งแต่จะควบคุมไม่อยู่
“นิจะทำอะไรมันก็เรื่องของนิ นิว่าคุณพ่อเอาเวลาไปรักษาตัวแล้วก็รอฟังข่าวดีจากนิดีกว่านะคะ”
นิรินไม่ได้สนใจคำของพ่อเธอเลยสักนิด ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอจะออกไปเที่ยวหาความสุขนอกบ้านแล้ว เมื่อพูดจาหักหารน้ำใจคนเป็นพ่อเสร็จก็ออกไปจากบ้านอย่างหน้าตาเฉย
“ฉันเตือนแกแล้วนะ”
นราทรตะโกนให้หลังคนเป็นลูกสาวเขารู้ว่าคนอย่างเบนจามินไม่ยอมให้ลูกสาวของเขาข่มอยู่ฝ่ายเดียวแน่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาไม่น่ารับปากกับเพื่อนของเขาแบบนั้นเลย
“ปล่อยคุณหนูไปก่อนเถอะค่ะคุณทร”
ป้าจิตแม่บ้านที่ดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างบ้านนี้รู้ดีว่าคนอย่างนิรินเป็นอย่างไร ด้วยความที่ไม่มีแม่ตั้งแต่เล็กๆแถมพ่อก็ยังเอาแต่ทำงานเลี้ยงนิรินมาด้วยเงิน โตมาก็เลยจะควบคุมนิสัยยากสักนิด เพราะคนอย่างนิรินคิดว่าตัวเองอยากได้อะไรก็ต้องได้อยู่แล้ว
“ฉันมันเลี้ยงลูกไม่ดีเองจิต”
นราทรกัดฟันกลั้นน้ำตาเอาไว้เขารู้ว่าลูกสาวของเขาไม่ได้คิดอยากจะได้เบนจามิน เพราะเขารู้ว่าลูกสาวของเขาก็มีผู้ชายที่มาเกี่ยวพันเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ที่นิรินทำทุกอย่างนั้นก็เพื่อเอาชนะเบนจามิน ยิ่งเบนจามินไม่สนใจเท่าไรนิรินก็อยากจะเอาชนะ
21.30 น.
เสียงโทรศัพท์มือถือ...
“ว่าไง”
เบนจามินผละตัวออกจากร่างบางที่นอนหลับอยู่กับอกของเขาเพื่อออกมาคุยโทรศัพท์กับโจชัว
“เธอกำลังไปที่นั่นจริงๆด้วยครับ”
“ดี...ตามเธอไปอย่าให้คลาดสายตา”
เบนจามินยกยิ้มเจ้าเล่ห์กับเรื่องที่เป็นไปตามที่เขาคิด ไม่นานเขาจะเอาคืนนิรินให้หน้าหงายไปจนได้
สองวันต่อมา
//ข่าวด่วนอีกแล้วค่าไฮโซสาวที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะแต่งงานมีภาพหลุดว่อนนัวกับหนุ่มที่ไม่ใช่คู่หมั้นของตัวเอง
//อ้าวแล้วนัวกับใครเรื่องนี้มีต่อเป็นซีรีย์ยาวค่า
//แถมคู่หมั้นไฮโซหนุ่มที่เคยเป็นข่าวก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้เรื่องที่ตัวเองจะแต่งงานอีกด้วย แบบนี้ก็หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยสิคะ
“ดีมากโจชัว”
เบนจามินยิ้มอย่างพอใจกับข่าวบันเทิงของเช้านี้จริงๆ เขารอมาตั้งสองวันกว่าจะได้เห็นผลงานที่โจชัวทำ
“ครับคุณเบน ตอนนี้ก็รอดูว่าคุณนิรินจะว่ายังไง”
โจชัวคิดว่าทางด้านนิรินคงจะไม่อยู่เฉยแน่ถ้าได้รู้ข่าว แต่เขาก็มีแผนสำรองเอาไว้แล้ว เขาทำงานอย่างรอบคอบโดยเสมอมาเรื่องนี้เบนจามินเองก็รู้ดี
“หึ่!!..ที่นี้ฉันก็จะดูซิว่าคุณพ่อฉันยังอยากจะได้แม่นั่นเป็นสะใภ้อยู่ไหม”
เบนจามินอยากจะรู้จริงๆว่าคนที่รักษาหน้าอย่างพ่อของเขาจะรับได้หรือไม่ถ้ารู้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้ตัวเองมีข่าวมาแบบนี้
“คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ”
ต้นรักพึ่งทำอาหารเช้าเสร็จเมื่อออกมาจากห้องครัวก็เห็นเบนจามินคุยกับโจชัวอย่างอารมณ์ดีจึงอยากรู้ว่าคุยอะไรกัน
“เปล่าหรอกครับเรื่องทั่วไปยังไงเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
โจชัวเห็นต้นรักอาการดีขึ้นแล้วจึงไม่อยากอยู่ขัดจังหวะเวลาของทั้งสองคนมากนัก อีกอย่างเขาเองก็มีงานที่ต้องไปทำต่ออีกด้วย
“คุณเบนคะอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วนะคะ”
หลังจากที่โจชัวออกไปแล้วต้นรักก็เรียกให้ชายหนุ่มตามเธอไปที่โต๊ะอาหาร
“ป้อนหน่อย”
เบนจามินนั่งอยู่หน้าจานอาหารเช้าที่มีไส้กรอกกับขนมปังปิ้งและไข่ดาวพร้อมหันไปอ้อนหญิงสาวให้ป้อนเป็นเด็ก
“หือ คุณเบนก็ทานเองได้นี่คะ”
ต้นรักเห็นอีกฝ่ายดูอ้อนเธอผิดปกติ เล่นจนเธอเขินเสียอาการเหมือนกัน
“ก็อยากให้เธอป้อนนี่นา”
“ได้ค่ะ...แต่วันนี้ฉันขอไปหาแม่นะคะ”
ต้นรักยอมทำตามที่ชายหนุ่มร้องขอแต่โดยดีเพราะเธอก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่จะขอเขาเหมือนกันในวันนี้
“ได้สิ ฉันเองก็จะไปเยี่ยมแม่เธอเหมือนกัน”
เบนจามินเองก็อยากจะไปเยี่ยมแม่ของหญิงสาวเหมือนกันและก็มีบางอย่างอยากจะคุยกับแม่ของเธอด้วย
“อืม จะดีเหรอคะ”
ต้นรักถึงกับหน้าเจื่อน ถ้าเขาไปกับเธอแล้วเธอจะอธิบายกับแม่เธออย่างไรว่าเขาคือใครแล้วรู้จักกันได้อย่างไร ทำให้เธอค่อนข้างที่จะลำบากใจ
“ฉันจะไปคุยกับแม่เธอเรื่องของเรา”
“เรื่องของเรา...ฉันว่าเรื่องของเรามัน...”
ต้นรักอยากจะให้เวลามันเลยไปกว่านี้อีกสักนิดเพราะกลัวว่าแม่ของเธอจะตกใจ อีกอย่างเธอก็มาอยู่กับเขาแล้วด้วยเธอยังไม่รู้เลยว่าแม่เธอจะว่าอย่างไรหรือจะเสียใจหรือเปล่าที่เธอดูเหมือนคนที่ปล่อยตัวแบบนี้
“ฉันว่าแม่เธอรู้เร็วก็ยิ่งดีนะ...ไม่ต้องกังวลฉันจะพูดกับท่านเอง”
เบนจามินคิดว่าเขาเองมคำพูดดีๆที่จะรักษาน้ำใจของแม่หญิงสาวเอาไว้ได้ เขาคิดว่าถ้าหากเขาจริงใจเสียอย่างยังไงแม่ของหญิงสาวก็ต้องเห็นเอง
โรงพยาบาล“แม่จ๋า”
“ต้นรัก”
อนงค์อาการดีขึ้นมากตอนนี้ก็รอดูแค่ไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อนอีกสองสามวันก็กลับบ้านได้
“แล้วพาใครมาด้วยล่ะลูก”
อนงค์สังเกตว่ามีชายหนุ่มแปลกหน้าที่เดินตามลูกสาวเธอเข้ามาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ทั้งใบหน้าอันหล่อเหลาของชาหนุ่มทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันนานแสนนานอีกด้วย
“คือ...”
ต้นรักอึกอักเล็กน้อยที่ไม่รู้ว่าจะตอบคนเป็นแม่ของเธอว่าชายหนุ่มนั้นเป็นอะไรกับเธอ
“ผมเบนจามินครับคุณแม่...ผมเป็นแฟนของต้นรักครับ”
เบนจามินรู้ว่าต้นรักอึกอักแบบนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร เขาจึงถือโอกาสนี้บอกกับแม่หญิงสาวไปเสียเลยและทำให้หญิงสาวได้รู้สถานะของเธอไปด้วยว่าเธอไม่ใช่แค่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขาแค่นั้นแต่เธอคือแฟนและคนที่เขาอยากจะแต่งงานด้วย
“เหรอจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะพ่อหนุ่ม”
อนงค์อมยิ้มเล็กน้อยค่อนข้างพอใจที่ชายหนุ่มตรงหน้ากล้าพูดกับเธอตรงๆ
“ครับ”
“แม่หลับไปนานเลยสินะตื่นมาอีกทีลูกสาวแม่ก็มีแฟนกับเค้าแล้ว...แล้วคบกันนานหรือยังล่ะลูก”
อนงค์รู้ว่าตัวเองหลับไปนานร่วมปีอยากจะรู้เหมือนกันว่าทั้งสองนั้นไปคบกันตอนไหนและไปเจอกันได้อย่างไร
“คือ...ผมคบกับต้นรักได้สักพักแล้วครับแล้วก็กำลังจะแต่งงานแล้วด้วย”
เบนจามินเลี่ยงที่จะตอบคำที่สร้างความไม่สบายใจให้กับแม่ของหญิงสาวเลยชิงพูดเรื่องที่เขาคิดเอาไว้มาเสียก่อน
“หา...”
อนงค์ถึงกับอ้าปากค้างไม่คิดว่าตื่นขึ้นมาไม่เท่าไรจะได้รู้ข่าวว่าลูกสาวเธอจะแต่งงาน
“คุณเบน!!”
ต้นรักเองก็ตกใจพอๆกับแม่ของเธอที่พึ่งรู้เรื่องเธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าชายหนุ่มนั้นจะพูดกับแม่ของเธอแบบนี้ เรื่องแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ยังไงเรื่องนี้เธอก็จะต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวอีกทีแต่ตอนนี้เธอต้องตีเนียนนิ่งเอาไว้ก่อน
“คุณเบนไปพูดกับแม่ฉันแบบนั้นได้ยังไงคะ”
หลังจากที่แม่ของเธอหลับไปแล้วต้นรักก็ลากเบนจามินออกมาคุยอย่างเร่งด่วนถึงเรื่องที่เธอกำลังคาใจ
“ก็ฉันพูดเรื่องจริง ฉันจะแต่งงานกับเธอจริงๆนะ เธอไม่ดีใจหรือไง แล้วเรื่องของเราที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันเป็นอดีตไปอย่ารื้อมาเล่าให้แม่เธอฟังแล้วไม่สบายใจเลย มันดีต่อแม่เธอแล้วก็พี่สาวเธอด้วย”เบนจามินไม่เห็นว่าหญิงสาวจะมีทีท่าที่ดีใจสักนิดเมื่อเขาบอกกับแม่ของเธอว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ กลับทำสีหน้าตกใจและดูท่าจะงอนเขาอีกด้วยซ้ำ“เรื่องนั้นไม่พูดถึงมันฉันก็ว่าดีค่ะ...แต่เรื่องแต่งงานนี่สิคะทำไมไม่ถามฉันก่อนแล้วทางบ้านคุณจะว่ายังไง”ต้นรักคอนข้างเห็นด้วยกับเหตุผลขอชายหนุ่มที่ไม่เล่าเรื่องอดีตให้แม่ของเธอฟังแต่ยังไงเรื่องแต่งงานเธอคิดว่าชายหนุ่มควรจะเกริ่นบอกเธอก่อนก็ยังดี ตอนนี้แม่เธอก็รู้เรื่องไปแล้วด้วย หากวันนึงมันเป็นไปไม่ได้แล้วแม่เธอจะรู้สึกยังไง“ยังไงฉันเชื่อว่าครอบครัวฉันต้องชอบเธอแน่นอนเธอไม่ต้องกังวล”เบนจามินคิดว่าถ้าหากคนในครอบครัวของเขาได้รู้จักต้นรักจริงๆจะต้องรักเธอเหมือนที่เขารักเป็นแน่เขาเชื่อแบบนั้น“แล้วคุณเบนแน่ใจเหรอคะว่าอยากมีครอบครัว...ถ้าแต่งงานแล้วคุณเกิดเบื่อฉันขึ้นมาถึงวันนั้นฉันคงจะเสียใจมาก...”ต้นรักอยากถามชายหนุ่มให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขาอยากจะมีครอบครัวจริงหรือเปล
“หมอคะ คุณเบนเป็นยังไงบ้าง”ต้นรักเห็นหมอหนุ่มก็รีบถามอาการของเบนจามินทันทีเพราะเธอรอฟังมาทั้งคืนแล้ว“ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วครับ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้ฟื้นเท่านั้นแหละครับ”คาวีถือว่าเบนจามินใจสู้มากทำให้การรักษาผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้ก็แค่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดก็เท่านั้น“รู้แบบนี้ก็สบายใจได้แล้วนะรัก”ต้นหลิวหันไปบอกกับคนเป็นน้องสาวเธอเองก็โล่งอกเหมือนกันที่ได้รู้แบบนี้น้องเธอจะได้เลิกร้องให้เสียที“ผมขอตัวก่อนนะครับ”คาวีรู้ตัวว่าเขาอยู่ตรงนี้นานคงไม่ดีเป็นแน่ เพราะรู้ว่าต้นหลิวคงไม่อยากจะเจอหน้าเขาสักเท่าไหร่ หลังจากวันนั้นที่เธอรู้ความจริงว่าเขาเป็นใครเธอก็เอาแต่หลบหน้าตลอด แม้แต่ตอนที่เขาเข้าไปตรวจอนงค์แล้วเจอต้นหลิว หญิงสาวก็จะขอตัวออกไปข้างนอกตลอดเลยไม่เคยได้พูดคุยกันเหมือนอย่างเคยเขาเองไม่ได้คิดจะไปยุ่งอะไรกับเธอหากต้นหลิวสบายใจที่จะเป็นแบบนี้เขาก็ไม่อยากกวนใจเธอ แต่ยังไงเรื่องที่เขายื่นมือเข้าไปช่วยเธอนั้นเขาก็ยังช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา“แกเห็นไหมว่าที่ลูกสะใภ้แกแสบแค่ไหน”เอมม่ากลับมาเพราะหลานชายคนเดียวของเธอบอกว่ามีข่าวดีจะบอก แต่เมื่อมาถึงกลับได้ฟังข
บริษัท“เดินเชิดหน้าสั่งงานคนโน้นคนนี้นึกว่ามีความสามารถ สุดท้ายก็เด็กเส้น”บอลลูนสาวสวยประจำออฟฟิศที่ดีแต่แต่งหน้าหาลูกค้าไปวันๆ รู้สึกเขม่นต้นหลิวตั้งแต่เข้ามาทำงานแล้ว ที่ดูมีผลงานดีจนเกินหน้าเกินตาเธอแถมเรื่องที่เธอพึ่งจะไปรู้มาก็ทำให้คุยกันกับพวกคนในออฟฟิศสนุกปากอีกด้วย“คือด่าฉันว่างั้น”“อืม...”“ฉันสัมภาษณ์งานเข้ามา ไม่ใช่เอะอะก็จะได้มาทำงานเลยรู้เอาไว้ด้วย”ต้นหลิวชักเหลืออดกับคนพวกนี้เสียแล้ว เธอรู้ว่าพวกของบอลลูนไม่ชอบหน้าเธอ แต่เธอเองก็พยายามใจเย็นมาหลายครั้งแต่ครั้งนี้มันสุดแล้วจริงๆ“ถ้าหมอคาวีไม่รู้จักกับคุณเอมอร เธอก็ไม่ได้เสนอหน้าอยู่ที่นี่หรอกนะ”บอลลูนยังกระแนะกระแหนต้นหลิวอย่างลอยหน้าลอยตาด้วยความสะใจ“หมอคาวีเกี่ยวอะไรด้วย”คำพูดของบอลลูนทำให้ต้นหลิวสงสัยหนักว่าเขาเกี่ยวอะไรด้วย“ทั้งงานที่เธอได้ก็เพราะคุณหมอ เงินเดือนที่สูงลิ่วของเธออีกไปทำอีท่าไหนมาได้ล่ะ”บอลลูนบอกเรื่องทั้งหมดที่เธอได้รู้มาให้หญิงสาวได้ยินเสียงดังฟังชัด และกะว่าจะให้คนที่อยู่ในออฟฟิศนี้ได้ยินไปด้วยจะได้รู้ว่าหญิงสาวเข้ามาทำงานที่นี่โดยใช้เส้น“......”ต้นหลิวรู้สึกเสียหน้าอย่างมากเมื่อรู้ว่าคา
โรงพยาบาล“คุณต้นรักครับ”“อ้าวคุณโจชัว วันนี้ไม่เข้าบริษัทเหรอคะ”ต้นรักค่อนข้างแปลกใจที่โจชัวมาอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่ที่บริษัท“คุณบรูคให้ผมมาดูแลคุณเพราะตอนนี้ไม่ทราบว่าคุณนิรินจะทำอะไรอีกครับ”โจชัวได้รับคำสั่งจากบรูคให้มาคอยดูแลต้นรักอยู่ที่โรงพยาบาลระหว่างที่หญิงสาวเฝ้าเบนจามินกับแม่ของเธออยู่ เพราะรู้ว่านิรินไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆแน่จากคำบอกเล่าของนราทร“อ่อ ค่ะ แต่ต้นหลิวล่ะคะ”ต้นรักเข้าใจที่โจชัวพูดแต่เธอก็ฉุกคิดได้ว่านิรินยังไม่รู้ว่าเธอมีคู่แฝด ถ้าหากนิรินจ้องจะทำอะไรเธอต้นหลิวก็ต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วย“จริงสิ ฮาเปอร์นายไปคอยดูคุณต้นหลิวด่วน”“โอเค ฉันจะรีบไป”โจชัวลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทจึงรีบให้ฮาเปอร์ไปดูแลต้นหลิวอีกคนอย่างเร่งด่วนทางด้านต้นหลิว“แกฉันของเข้าไปห้องน้ำก่อนนะสงสัยส้มตำทำพิษอะ”“อืม รีบไปรีบมา”พริกแกงรู้สึกปวดท้องกะทันหันเลยจะไปเข้าห้องน้ำที่ฝั่งตรงข้ามร้านค้าสักเดี๋ยว เป็นเพราะเธอทานเผ็ดเกินไปจึงมีอาการเป็นเช่นนี้10 นาทีต่อมา“อยู่ไหนกันนะ”ฮาเปอร์ตามสัญญาณมือถือของต้นหลิวมาจอดรถที่ข้างถนนแล้วเดินตามสัญญาณมาเรื่อยๆกับลูกน้องของเขาอีกสองสามคนจนมาถึง
โรงพยาบาล“หลิวเป็นยังไงบ้างคะ”ต้นรักรู้ข่าวว่าพี่สาวเธอโดนยิงก็แทบช็อค ไม่เข้าใจว่าทำไมคนรอบข้างของเธอต้องพากันนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด“หมอกำลังผ่าตัดเอากระสุนออกอยู่ครับ”ฮาเปอร์รีบบอกหญิงสาวที่รีบเดินมาถามข่าวกับเขาอย่างรวดเร็วแอบหวั่นใจอยู่ว่าเรื่องแบบนี้คงกระทบหกระเทือนจิตใจของหญิงสาวอยู่ไม่น้อยเมื่อต้องรับรู้ว่าคนรอบข้างล้วนมีแต่เรื่องเจ็บตัวกันไปหมด“โถ่...”“รัก!!”ต้นรักถึงกับยืนไม่อยู่ แล้วสติเธอก็ดับวูบไปดีที่พริกแกงนั้นรับเอาไว้ทัน“หนูต้นรักเป็นยังไงบ้าง”เอมม่ารู้สึกปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลือเกินยังไงเธอก็เชื่อไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นว่าเรื่องทุกอย่างเป็นฝีมือของนิรินแน่นอน“คือ คุณต้นรักพึ่งจะตั้งครรภ์อ่อนๆร่างกายเธออ่อนเพลียมากช่วงนี้ญาติก็อย่าให้คนไข้มีอะไรมากระทบจิตใจมากนักนะคะ”หมอสาวตรวจดูอาการของต้นรักแล้วก็พอจะรู้สาเหตุของอาการที่เธอเป็นลมบ่อยๆ ทั้งยังต้องให้เธอนั้นระวังอย่าให้อะไรมากระทบกระเทือนจิตใจของหญิงสาวอีกด้วย“อะ..เอ่อ..ค่ะหมอ”พริกแกงถึงกับสะอึกกับคำกล่าวของหมอสาวคนในห้องทุกคนต่างก็อึ้งไปตามๆกัน ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาในตอนนี้“นี่เจ้าตัวก็น่าจะไ
“อ๋อ น่ารักเหมือนกันนะถ้าย่าได้เห็นตาเบนใส่เสือแบบนี้คงแปลกตาน่าดู”เอมม่าเห็นเสื้อไหมพรมในมือของต้นรักก็อดชมไม่ได้ หญิงสาวมีฝีมือจริงๆแถมยังนึกภาพไม่ออกอีกด้วยหากหลานชายเธอใส่เสื้อแบบนี้จะเป็นแบบไหน“ค่ะ คุณเบนเคยใส่ลายหมีพูห์ด้วยนะคะ”ต้นรักอยากจะให้เอมม่าเห็นแบบที่เธอเคยเห็นเหลือเกินตอนที่เบนจามินนั้นใส่เสื้อไหมพรมลายหมีพูห์ที่เธอทำให้ตัวแรก“ตาเบนเนี่ยเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เอมม่าอดหัวเราะไม่ได้เมื่อรู้ว่าหลานชายเธอเคยใส่เสื้อแบบนี้แล้ว“ค่ะคุณย่า”ต้นรักอดขำตามเอมม่าไม่ได้ เพราะตอนนั้นที่เบนจามินใส่ก็ดูไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน แต่เขาก็ยอมใส่เพราะว่าเธอเป็นคนทำให้สองวันต่อมา16.00 น.“โอเคแล้วใช่ไหมหลิว หรือจะอยู่ที่อีกคืน”ต้นรักสอบถามอาการของพี่สาวเธอว่าดีขึ้นแล้วหรือไม่ ใจจริงเธออยากจะให้พี่สาวนอนดูอาการที่นี่ก่อนสักคืนสองคืนด้วยซ้ำ ติดตรงที่ต้นหลิวคะยั้นคะยอจะกลับบ้านนี่แหละ“โอ้ย เค้าไม่อยู่แล้วล่ะรัก เบื่อการนอนที่นี่จะตายอยู่แล้ว จะได้กลับไปอยู่กับแม่ด้วย”ต้นหลิวนึกถึงเรื่องที่จะต้องนอนโรงพยาบาลอีกคืนก็ถึงกับมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะเธออยากกลับไปนอนที่บ้านเต็มทนแล้ว อีกอย่างก็อย
อาทิตย์ต่อมาเพนท์เฮ้าส์หรู“อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะคุณเบน”เบนจามินกลับมาพักที่เพนท์เฮ้าส์ได้วันสองวันแล้ว แต่ก็ยังคงมีทีมแพทย์แวะเวียนมาดูอาการของเขาอยู่ไม่ห่าง ต้นรักยังคงตามติดเบนจามินคอยดูแลเขาอยู่ตลอด หวังทุกวินาทีว่าเขาจะจำเธอได้ เรื่องลูกในท้องเธอยังไม่คิดที่จะบอกเขาตอนนี้ เพราะเธออยากให้เขาจำความรู้สึกที่เคยรู้สึกกับเธอได้เสียก่อนจึงค่อยบอกเรื่องนี้กับเขา“นี่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเธอจริงๆเหรอ”เบนจามินจำต้องให้ต้นรักมาอยู่กับเขาตามคำขอของคุณย่าของเขา ชายหนุ่มนึกสงสัยตัวเองอยู่ว่าตอนก่อนหน้านั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงอยากจะแต่งงาน แถมหญิงสาวยังดูจืดชืดไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยควงอีกด้วย“ค่ะ...”“อืม...”ต้นรักรีบพยักหน้าตอบชายหนุ่มอย่างมีความหวัง ว่าที่เขาถามเธอเรื่องนี้มาเขาอาจจะจำอะไรได้ก็ได้ แต่เบนจามินไม่ได้พูดอะไรต่อแถมยังทำหน้าเซ็ง ทำให้เธอรู้ว่าที่เขาถามเธอเขาไม่ได้คิดอะไรได้ คงแค่ไม่แน่ใจเท่านั้นว่าเขากับเธอจะแต่งงานกันจริงๆ“คุณเบนทานเยอะๆเลยนะคะ เสร็จแล้วจะได้ทานยาค่ะ”ถึงชายหนุ่มจะกลับมาเอาแต่ใจหรือหงุดหงิดใส่เธอแบบเดิมเธอก็ยอม ขอแค่ได้ดูแลอยู่ข้างๆเขาแบบนี้ก็พอ“ฉันรู้
“เข้าใจละ”ต้นรักพยักหน้าพลางเข้าใจและหายห่วงที่แม่เธอจะได้มีเพื่อนคุยนอกจากพยาบาลที่คอยดูแลอยู่“ผมอยากได้คำตอบ”คาวีเห็นว่าจังหวะนี้แหละที่เขาจะได้ขอคำตอบที่เคยถามหญิงสาวเอาไว้เสียที เพราะเขารอมันไม่ไหวแล้ว“คำตอบอะไร”ต้นหลิวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคาวีหมายถึงเรื่องอะไร“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”คาวีรู้ว่าต้นหลิวรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอทำไขสือไปเท่านั้นเอง“ก็คุณบอกว่าให้ฉันคิดก่อนนี่”ต้นหลิวยังคิดที่จะบ่ายเบี่ยงในการตอบคำถาม“มันนานแล้วนี่คุณ”คาวีเห็นว่าที่เขาต้องถามเพราะว่าคำตอบที่เขารอคอยเขารอมันมานานแล้ว ถ้าเขาไม่ท้วงเธอมีหรือจะได้คำตอบ“ถ้าคุณช่วยให้คุณเบนกลับมาเหมือนเดิมเมื่อไหร่ วันนั้นฉันจะ...ตกลง”อันที่จริงต้นหลิวเองก็คิดเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยิ่งมองว่าเธอกับเขามันต่างกันก็ยิ่งทำให้เธอตอบตกลงกับเขาไม่ได้ แต่วันนี้เธอไม่สนแล้ว เธอคิดอย่างเดียวว่าถ้าตอนนี้หมอหนุ่มรักษาเบนจามินให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วได้ เธอก็จะตกลงคำขอของเขา เพราะเธออยากเห็นน้องเธอมีความสุขกับชีวิตครอบครัวเสียที“จริงนะคุณ”คาวีดึงมือเรียวมากุมเอาไว้ด้วยความดีใจ“อื