แม้จะลำบากใจแค่ไหนที่ต้องมาพบคนที่ตัวเองพยายามจะหลีกเลี่ยง แต่นัสรินก็จำต้องมาเพราะมันคือหน้าที่ความรับผิดชอบกับงานที่ทำอยู่ กิตติหัวหน้าของเธอบอกเอาไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่า ทางโรงพยาบาลนัดเซ็นสัญญาในเวลาสี่โมงเย็น ทำให้วันนี้ทั้งวันเธอแทบจะไม่มีสมาธิทำงาน เพราะมัวแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องมาพบปราณต์ในช่วงเย็น
หญิงสาวมาถึงก่อนเวลานัดตามมารยาทอันดี จากนั้นก็เข้าไปรอในห้องประชุมตามที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลบอก นั่งได้ไม่ถึงห้านาทีประตูหน้าห้องก็ถูกเคาะ และคนที่ก้าวเข้ามาก็คือคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอตลอดมา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าต้องพบเขา แต่หัวใจมันก็ยังเต้นแรงจนกลายเป็นระส่ำ โดยเฉพาะเมื่อปราณต์ปิดประตูห้องลง คล้ายดั่งกันเธอกับเขาออกจากโลกภายนอก และก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับที่เธอนั่งอยู่
“รอนานหรือเปล่า” นายแพทย์หนุ่มหล่อเป็นฝ่ายถามอดีตภรรยาขึ้นก่อน
“ไม่นานค่ะ นัสเพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้เอง” นัสรินได้แต่ตอบออกไปแบบออมปากออมคำ เพราะน้ำเสียงของคนถามนั้นช่างแสนเรียบเฉย ราวกับเป็นคนละคนกับคนที่เกือบจะจูบเธอในลิฟต์เมื่อเย็นวันศุกร์
“สัญญาว่ายังไงบ้างนะ พอดีวันนั้นผมยังไม่ได้อ่านอย่างละเอียด”
“นี่ค่ะ”
นัสรินยื่นเอกสารให้เขา ผ่านโต๊ะประชุมรูปตัวยูแบบเว้นที่ว่างระหว่างสองแถว ทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเธอไกลกันพอสมควร ยามเมื่อยื่นเอกสารให้เขา หญิงสาวจึงต้องโน้มตัวไปข้างหน้า แต่ปราณต์กลับไม่ยอมยื่นมือมารับ ซ้ำยังพูดในสิ่งที่ทำให้แก้มเนียนแดงซ่านด้วยความอับอายอีกต่างหาก
“เวลาที่ไปขายของต้องลงทุนโชว์แบบนี้ทุกครั้งหรือเปล่า”
ขณะถามตาคมหลุบมองไปยังบริเวณเนินอกอวบอิ่มซึ่งโผล่พ้นขึ้นมาให้เห็น เนื่องจากเจ้าตัวก้มมาแบบไม่ได้ระวัง นัสรินที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบยืดตัวขึ้นนั่งตรงและมองคนหาเรื่องอย่างเคืองปนอาย
“นัสไม่ได้ตั้งใจจะโชว์”
“นี่ขนาดไม่ตั้งใจนะ ถ้าตั้งใจจะขนาดไหน”
“ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าหาเรื่องนัสเลย นัสมาคุยงานนะคะ” นัสรินเลือกที่จะตัดบทและเอ่ยขอร้องอดีตสามีดีๆ แต่ดูเหมือนว่าปราณต์จะไม่ค่อยตอบสนองต่อคำขอร้องของเธอเลย
“ผมหาเรื่องตรงไหน ผมก็แค่พูดตามที่เห็น”
“เอาเป็นว่านัสขอโทษที่ไม่ระวังตัวค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยออกไปแล้วระบายลมหายใจเบาๆ ท่องคำว่างานๆๆ อย่างพยายามจะข่มใจให้เย็นเต็มที่
“โอเคดูเป็นมืออาชีพดี งั้นเอาเอกสารมาให้ผมดูใหม่ คงไม่ต้องให้บอกนะว่ารอบนี้ต้องเอามาให้แบบไหน”
เพราะอดีตสามีพูดดักคอเช่นนั้นทำให้นัสรินต้องลุกขึ้น ถือเอกสารที่ระบุรายละเอียดของสัญญาเดินอ้อมโต๊ะรูปตัวยูนั้นมาให้เขา คราวนี้ปราณต์ยอมรับเอกสารนั้นไปวางที่โต๊ะแต่โดยดี นัสรินจึงหันหลังเพื่อจะเดินกลับไปยังเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ แต่แล้วร่างบางที่กำลังจะก้าวนั้นก็ต้องเสียหลัก เมื่อถูกมือแข็งแรงเอื้อมมาฉุดข้อมือแล้วออกแรงดึงเต็มแรง เก้าอี้นั่งในห้องประชุมเป็นแบบไม่มีที่พักแขน ทำให้นัสรินถลาลงไปบนตักตามแรงของคนดึง
“อุ๊ย!” เสียงหวานอุทานออกมาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะถูกปราณต์เล่นงานด้วยวิธีนี้ เมื่อได้สติและรู้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักเขา หญิงสาวก็ดิ้นขลุกขลักเพื่อจะลุกขึ้น แต่กลับถูกแขนแข็งแรงของปราณต์ตวัดรัดรอบเอวเล็กเอาไว้แน่น ทำให้เธอลุกไปไหนไม่ได้
“คุณปราณต์! ปล่อยนะคะ เรื่องอะไรมาแกล้งนัสแบบนี้ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก” นัสรินทั้งว่าทั้งดิ้น แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกกอดแน่นกว่าเดิม
“ใครว่าแกล้ง ผมกำลังกอดจริงอยู่ต่างหาก”
“ปล่อยนัสค่ะ! ไม่รู้หรือไงคะว่านี่ที่ทำงาน แล้วคุณก็เป็นถึงหมอ ทำไมจะต้องมากอดนัสแบบนี้ด้วย ถ้ามีคนเห็นเข้าคุณปราณต์จะทำยังไง”
“ก็ไม่ทำยังไง แค่บอกว่าพนักงานขายยาให้ท่า เอ...หรือจะบอกว่าเมียเก่าให้ท่าดีถึงจะถูกต้อง”
“ปล่อย!” คราวนี้นัสรินเริ่มทำเสียงแข็งเพราะถูกปราณต์ยั่วโมโห
“เงียบเถอะน่าแล้วก็นั่งนิ่งๆ ด้วย ผมจะใช้สมาธิอ่านสัญญา ถ้าผมอ่านไม่รู้เรื่องผมคงต้องยกเลิก” ปราณต์ขู่ต่ออย่างใจเย็นและไม่คิดจะเดือดเนื้อร้อนใจ
“คุณขู่นัส?”
“ถ้าคิดว่าผมขู่ก็ลองโวยวายอีกสักยกสองยกสิ จะได้รู้ว่าผมพูดจริงทำจริงมั้ย”
นัสรินมองคนที่กำลังขู่ตัวเอง แล้วก็ต้องรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของเขาจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว อะไรบางอย่างภายใต้ท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั้นทำให้เธอไม่คิดจะลองดีหรือท้าทาย และไม่กล้าเอาเรื่องงานเข้ามาสุ่มเสี่ยงเพราะปราณต์เคยบอกแล้วว่าสำหรับเขาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวคือเรื่องเดียวกัน
ร่างบางจำต้องนั่งนิ่งบนตักของอดีตสามีและปล่อยให้เขากอดอย่างสบายใจ ตั้งแต่ทำงานเป็นตัวแทนจำหน่ายยามาไม่เคยมีครั้งไหนที่เปลืองเนื้อเปลืองตัวแบบนี้มาก่อน ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงไม่ยอมให้กอดหรือเข้าใกล้ตัวได้ง่ายๆ แต่สำหรับปราณต์เธอกลับไม่กล้าดื้อกับเขา
“จะอ่านก็รีบอ่านเสียทีสิคะ นัสก็นั่งเฉยๆ แล้วนี่ไง คุณจะหาเศษหาเลยจากนัสอีกนานมั้ย” คราวนี้นัสรินเอ่ยเตือนแกมต่อว่าเบาๆ เมื่อปราณต์เอาแต่จ้องเอาแต่กอด โดยไม่มีทีท่าว่าจะก้มลงไปอ่านเอกสารแต่อย่างใด
“ก็อยากอ่านนะ แต่มองไม่เห็น ถ้าอยากให้ผมอ่านก็หยิบแว่นให้หน่อย แว่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อ”
“ทำไมไม่หยิบเองล่ะคะ”
“มือไม่ว่าง”
นัสรินถอนหายใจเบาๆ กับเกมถ่วงเวลาของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า แต่ก็ยอมที่จะใช้มือเรียวหยิบแว่นตาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของเขา แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าปราณต์กำลังแกล้งเธออยู่แทบจะทุกทางที่เขาทำได้ก็ตาม ถึงตอนที่ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่เธอกับเขาแทบจะไม่ได้ใกล้ชิด แต่เธอก็รู้ดีว่าปราณต์ไม่ใช่คนสายตาสั้นขนาดต้องพึ่งแว่นตา เขาจะใส่แว่นก็เฉพาะเวลาที่ทำงานในห้องผ่าตัดเท่านั้น
บทที่ 19“นี่ค่ะ” “ใส่ให้ด้วยสิ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามือไม่ว่าง” ไม่แค่พูดแต่ยังกระชับสองมือที่กอดเอวเล็กเข้าหากันแน่นกว่าเดิมเป็นการย้ำว่าตอนนี้มือเขากำลังทำอะไรอยู่ คนถูกแกล้งเกือบจะหลุดจากการควบคุมตัวเอง หากก็ยังยอมทำตามความต้องการของเขาอีกรอบ แล้วนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เขาอ่านเอกสารเสียที คราวนี้ปราณต์ยอมกวาดสายตาไปตามตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษอย่างละเอียดทุกตัวอักษร ก่อนจะบอกให้อดีตภรรยาหยิบปากกาให้และจรดลายเซ็นของตัวเองลงไปในหน้าสุดท้ายของกระดาษที่เว้นช่องไว้ให้เซ็นชื่อ “เสร็จแล้วก็ปล่อยนัสสิคะ นัสจะได้กลับ” “พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งเลยนะ” “นัสไม่ใช่คนแบบนั้น มีแต่คุณปราณต์นั่นละค่ะที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ใครเขาคุยงานกันแบบนี้บ้าง” เธอกล่าวตำหนิเขาตรงๆ พร้อมกับดิ้นเบาๆ เพื่อให้เขาปล่อย แต่ปราณต์ยังไม่ยอมปล่อยเหมือนกับว่ายังแกล้งเธอไม่สะใจ “ต้องถามคุณมากกว่า เพราะผมไม่ค่อยได้คุยงานกับใครแบบสองต่อสองอย่างนี้บ่อยนัก” “คนอื่นไม่มีใครเขาทำแบบคุณปราณต์หรอกค่ะ”
บทที่ 20“ปล่อยนัสลงค่ะคุณปราณต์ คุณมีสิทธิ์อะไรมาอุ้มนัสแบบนี้” คนเจ็บโวยวายพลางดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่กล้าดิ้นมากเพราะกลัวตก “จอดรถที่ไหน” ปราณต์ไม่สนใจอาการขัดขืนของเธอ แต่ถามเสียงดุๆ ขรึมๆ แม้นัสรินจะแอบหวั่นทว่าการถูกอุ้มแบบนี้มันน่าหวาดหวั่นกว่าหลายเท่า “ก็นัสบอกแล้วไงคะว่า...” “ผมถามว่าจอดรถที่ไหนนัสริน” เสียงดุๆ ขรึมๆ เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ถามแต่ยังพ่วงชื่อเธอต่อท้าย แถมตาก็ยังหลุบลงมองหน้าเธออย่างดุดันพอกัน “ที่ลานจอดรถด้านหน้าค่ะ” หลังจากได้คำตอบ ปราณต์ก็ไม่พูดไม่ถามอะไรอีก ร่างสูงอุ้มอดีตภรรยาสาวออกจากห้องประชุม ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อไปยังลานจอดรถ ท่ามกลางสายตาของคนไข้ พยาบาล และพนักงานของโรงพยาบาลหลายสิบคน “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณหมอ”พยาบาลหน้าห้องหมอชัชวาลรีบเอ่ยถามปราณต์อย่างค่อนข้างตกใจ เมื่อเห็นเขาอุ้มหญิงสาวซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายยาผ่านมา “เธอหกล้มขาแพลง ผมเลยจะอุ้มไปส่ง” “อ๋อ...ค่ะๆ มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ยคะ”
บทที่ 21นัสรินลอบมองปลายคางของอดีตสามี พลางคิดไปว่าเมื่อวันศุกร์เขาเข้ามาถึงในลิฟต์ แต่วันนี้เขาเข้าถึงในห้องและกำลังอุ้มเธอไปที่เตียง แถมเธอเองก็ไม่ยอมท้วง จากที่ประกาศปาวๆ ว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ดูเหมือนมันจะต้องข้ามไปเสียหมดปราณต์วางเธอลงบนเตียง จัดท่าให้นั่งพิงพนักเตียง ส่วนเขานั่งลงที่ขอบเตียง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนเตียง แล้วถอดรองเท้าของเธอออก ก่อนจะจับข้อเท้าด้านที่แพลงขึ้นพาดบนขาของเขา ท่ายกแบบนั้นทำให้ชายกระโปรงสั้นร่นขึ้น จนนัสรินต้องรีบหยิบหมอนอีกใบที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาปิดชายกระโปรงไว้เป็นพัลวัน เพื่อไม่ให้ปราณต์มองไปถึงไหนต่อไหน“จะปิดทำไมล่ะ ใส่สั้นก็ต้องกล้าโชว์สิ” ปราณต์เอ่ยออกมาอย่างรำคาญ เมื่อเห็นท่าทีปิดป้องอย่างหวงเนื้อหวงตัวของอดีตภรรยา“นัสไม่ใช่พวกชอบโชว์ แล้วคุณปราณต์มาจับขานัสยกแบบนี้ทำไม”“ผมจะนวดข้อเท้าให้”นัสรินเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าเขาเข้าไปเอายาในคลินิกมาทำไม ความรู้สึกอุ่นซ่านจึงแล่นลึกเข้ามาในหัวใจ แต่ก็รีบปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็วและบอกตัวเองว่าอย่าเคลิบเคลิ้ม การปล่อยให้ปราณต์เข้ามาเดินเล่นในหัวใจได้ง่ายๆ อีกครั้ง นั่นไม่ต่างอะไรกับการ
บทที่ 22แม้ว่ารถแท็กซี่สีเหลืองน้ำเงินคันที่กำลังแล่นมาจะไม่หรูและสภาพค่อนไปทางทรุดโทรม แต่ปราณต์ก็ไม่เกี่ยงที่จะใช้บริการ เขาบอกจุดหมายกับคนขับแล้วขึ้นไปนั่งที่ตอนหลังของรถ พลางซึมซับเอาบรรยากาศการนั่งแท็กซี่ในตัวจังหวัดในทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมาหลายปีที่มีโอกาสได้ใช้บริการรถดังกล่าว แน่นอนว่าลูกชายเศรษฐีนีเชียงใหม่ระดับแม่เลี้ยงลักษิกาอย่างเขาย่อมมีรถให้ใช้หลายคัน ดังนั้นจึงไม่มีครั้งใดที่เขาจะได้เฉียดใกล้กับการนั่งรถแท็กซี่เช่นนี้ ความจริงเขาจะโทร.เรียกอินแปงหรือคนที่บ้านให้ขับรถมารับก็ได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นที่ต้องรบกวนใคร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ติดหรูจนถึงขนาดนั่งรถแท็กซี่ไม่ได้ปราณต์ทอดสายตาตรงไปข้างหน้าราวกับกำลังมองถนนเงียบๆ ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่กล้าชวนคุย บรรยากาศในรถจึงมีเพียงความเงียบ แต่ความเงียบนั้นก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของปราณต์ และเขาก็กดรับเช่นเดียวกับทุกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่โทร.มา“สวัสดีครับแม่”“ตาปราณต์อยู่ไหนลูก”“อยู่บนรถครับ”“กลับบ้านหน่อยได้ไหม แม่มีเรื่องอยากคุยด้วย”น้ำเสียงยามที่เอ่ยผ่านโทรศัพท์มานั้นฟังดูซีเร
บทที่ 23แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตสามีอีก แต่คำพูดของเขาก่อนจากกันวันนั้น ก็ทำให้นัสรินแอบรอคอยการมาของเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ บ่อยครั้งที่เธอมองนาฬิกาสลับกับเงี่ยหูฟังเสียงเคาะประตูห้อง ยิ่งช่วงสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาปิดคลินิกของปราณต์ใกล้เข้ามาทีไร เธอก็ยิ่งมองบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น ทว่าการรอคอยของเธอวันแล้ววันเล่าก็ว่างเปล่า นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววว่าปราณต์จะมาอย่างที่เขาว่าแต่อย่างใด ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...นัสรินบอกตัวเองแบบนั้น แต่ใจกลับห่อเหี่ยวลงราวกับต้นไม้ที่ไร้ฝนหลั่งลงมาอาบชโลมเป็นเวลานานก็ไม่ปาน หากกระนั้นเธอก็ยังบังคับตัวเองให้ทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างเป็นปกติ หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ขึ้นไปนั่งพิงพนักเตียง หยิบรีโมตโทรทัศน์แล้วกดเปิดเพื่อให้เสียงโทรทัศน์ดังเป็นเพื่อนยามอยู่คนเดียว เปิดได้ไม่นานก็ต้องหยิบรีโมตอีกรอบเพื่อหรี่เสียง เพราะมีเสียงจากโทรศัพท์มือถือแผดร้องแข่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น นัสรินกดรับสายทันทีเพราะคนที่โทร.มาคือกิตติหัวหน้าของเธอนั่นเอง “สวัส
บทที่ 24นัสรินสบตากับตาคมของอดีตสามีครู่หนึ่ง เธอเห็นแววแปลกใจปรากฏอยู่บนดวงตาคมของเขา แต่ก็แค่แวบเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นเฉยเมยดังเดิม หญิงสาวจึงเสไปมองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างปราณต์พร้อมกับที่หัวใจเกิดอาการแกว่งไหว เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ปราณต์ควงมานั้นสวยสง่าเพียงใด เพราะอย่างนี้เองกระมังเขาถึงไม่ได้ไปหาเธออย่างที่บอกเอาไว้ ขณะที่เธอก็บ้าพอที่จะรอคอยอย่างลมๆ แล้งๆ“สวัสดีครับหมออรรณพ” ปราณต์ทักทายหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักกับนัสรินมาก่อน ทำให้หญิงสาวถึงกับคอแข็ง“สวัสดีครับหมอปราณต์/หมอเมย์”“หมอไม่ได้มากับภรรยาเหรอครับ”แม้คำถามนั้นจะดูเหมือนธรรมดา หากแต่นัสรินฟังว่าปราณต์จงใจถามเพื่อประกาศให้เธอรู้ว่าหมออรรณพมีภรรยาแล้ว และเธอกำลังนั่งทานข้าวกับสามีคนอื่นอยู่“เปล่า...นี่คุณนัสรินเป็นตัวแทนจากบริษัทยาที่จะจำหน่ายให้คลินิกของผม”“อ้อ...คนขาย...ยา”ดูเหมือนว่าคนฟังอย่างหมออรรณพและหมอเมธาวีจะไม่สะดุดหูกับคำพูดของปราณต์ที่จงใจพูดเว้นคำ แต่นัสรินเผลอมองคนพูดตาขุ่น“อย่ามัวแต่แซวผมเลย แล้วนี่หมอกับหมอเมย์มาเดตกันเหรอ” หมออรรณพสัพยอกกลับอย่างไม่ได้เดือดเนื้อร
บทที่ 25นัสรินขับรถไปยังร้านอาหารร้านเดิม เพราะตอนที่หมออรรณพขับรถกลับมาส่งเมื่อวาน เขานัดเธอว่าให้ไปเจอที่นั่น เพื่อแก้มือที่เมื่อวานทั้งเธอทั้งเขาแทบจะยังไม่ได้ทานอาหารที่สั่งมาเลย เธอไปถึงก่อนเวลานัดเช่นเดียวกับทุกครั้งที่นัดลูกค้าคนอื่นๆ วันนี้คนในร้านค่อนข้างหนาตา นัสรินจึงไม่มีโอกาสเลือกมุมที่จะนั่ง เธอได้นั่งโต๊ะว่างตรงบริเวณกลางร้าน แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะสิ่งที่คิดตอนนี้คือมาทำงาน จะนั่งตรงไหนมุมไหนจึงไม่ได้สำคัญอะไร หญิงสาวจัดการสั่งอาหารและบอกให้พนักงานนำมาเสิร์ฟตอนที่หมออรรณพมาแล้ว รอไม่นานนักหมออรรณพก็มา เขาเอ่ยทักทายและนั่งลงฝั่งตรงข้าม จากนั้นนัสรินก็ส่งเอกสารให้เขาเซ็น หมออรรณพเซ็นอย่างไม่ได้ลีลาท่ามากเหมือนใครบางคน เธอเก็บเอกสารไว้ชุดหนึ่งและให้หมออรรณพเก็บไว้ชุดหนึ่งเป็นคู่สัญญาพนักงานร้านเริ่มทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟและทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานอาหารโดยไม่มีอะไรขัดเหมือนเมื่อวาน “คุณหมอคะ เดี๋ยวนัสขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว เธออยากออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพักด้วย เพราะวันนี้หมออรรณพเหมือนจะ
บทที่ 26 หมออรรณพทำท่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อนัสรินเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนเหมือนเช่นเมื่อวาน เขารู้แน่แล้วว่าหญิงสาวที่สวยซ่อนเปรี้ยวผู้นี้คงไม่เล่นด้วยง่ายๆ แม้จะเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ก็คิดว่าตัวเองยังพอมีโอกาส ดังนั้นช่วงนี้เขาเองก็จะไปหาคนที่เต็มใจฆ่าเวลาไปก่อน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังเป็นประเด็นกับผู้ชายสองคน แม้ว่าจะเอ่ยขอตัวกลับกับหมออรรณพแล้ว นัสรินก็ไม่ได้ออกไปหาปราณต์แต่อย่างใด เธอออกทางประตูหน้าและเดินอ้อมไปยังลานจอดรถ เพื่อจะหนีหน้าคนที่เพิ่งมาข่มขู่ตัวเอง เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้วก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ แต่พอไปถึงรถก็พบว่าปราณต์กำลังยืนพิงรถของเธออยู่คล้ายกับมาดักทาง นัสรินจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกคราอย่างเลี่ยงไม่ได้ “กำลังจะหนีกลับล่ะสิ” เขาดักคออย่างรู้ทัน “ค่ะ และคุณเองก็ควรจะกลับไปได้แล้ว” “ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบกลับ” “แล้วคุณไม่กลัวคนไข้จะรอเหรอคะ นี่ไม่ใช่วันหยุดของคลินิกนี่” “จำได้ด้วยเหรอว่าคลินิกของผมหยุดวันไหนบ้าง ไหนบอกว่าลืมทุก