Share

บทที่ 15

บทที่ 15

คุ้มลักษิกาแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิดในความรู้สึกของนัสริน ที่นี่ยังคงใหญ่โต สวยงาม ร่มรื่นและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบล้านนาเช่นเดิม เธอมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ในคุ้มลักษิกาแห่งนี้แค่เพียงสองอาทิตย์หลังจากแต่งงานกับปราณต์ จากนั้นเขาก็พาเธอย้ายออกไปอยู่บ้านเช่า โดยให้เหตุผลกับครอบครัวว่าเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ทว่าแท้จริงแล้วเขาพาเธอไปเพื่อจะได้ทรมานใจเธอได้อย่างสะดวกต่างหาก

แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ๆ และรีบสลัดเรื่องของปราณต์ออกไปจากห้วงความคิด เมื่อปรัชญ์จอดรถที่ลานหน้าเรือนไทยทรงล้านนาหลังใหญ่ ขาเรียวก้าวลงจากรถและตามปรัชญ์กับธรินดาเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นนิดๆ

แม่เลี้ยงลักษิกาเงยหน้าขึ้นจากงานเย็บปักถักร้อย พลางขยับแว่นอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นอดีตลูกสะใภ้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับลูกชายและลูกสาวของตน แต่เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด หญิงวัยกลางคนผู้เป็นประมุขของบ้านก็รำพึงชื่อเจ้าตัวออกมาเบาๆ

“หนูนัส...”

“สวัสดีค่ะคุณแม่” นัสรินย่อตัวลงนั่งพับเพียบและกราบลงบนตักของแม่เลี้ยงลักษิกา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นให้นางพิศมองอีกครั้ง

“หนูนัสจริงๆ ด้วย ไปยังไงมายังไงถึงได้มากับตาปรัชญ์กับหนูเล็กได้ล่ะลูก”

“เล็กกับคุณปรัชญ์เจอพี่นัสที่ห้างก็เลยชวนมาทานข้าวที่บ้านเราน่ะค่ะแม่ใหญ่ พี่นัสบอกว่ามาทำงานที่นี่สามเดือนค่ะ”

“จริงเหรอหนูนัส” แม่เลี้ยงลักษิกาเงยหน้าฟังลูกสาวบุญธรรมของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าลงมาถามคนที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าตนอีกครั้ง

“ค่ะคุณแม่”

“มาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ นะแม่คิดถึง คุ้มลักษิกายินดีต้อนรับหนูเสมอ” อดีตแม่สามีบอกอย่างใจดี หลังจากรู้ว่าหญิงสาวต้องมาอยู่ที่เชียงใหม่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

“ขอบคุณค่ะคุณแม่ที่เมตตานัส ถ้านัสมีเวลาจะแวะมาหาบ่อยๆ นะคะ”

“มาจริงๆ นะ อย่าหลอกให้คนแก่ดีใจเก้อล่ะ”

“ค่ะนัสรับปากค่ะ”

แม่เลี้ยงลักษิกาถอนหายใจออกมาเบาๆ เห็นหญิงสาวที่นั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ ทว่าเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้วก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ ตนจึงได้แต่ขอให้นัสรินได้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมหลังจากที่หย่าร้างกับปราณต์แล้ว

เมื่อทักทายกันพอสมควร แม่เลี้ยงลักษิกาก็ขอให้นัสรินอยู่คุยกับตน ส่วนธรินดาแยกตัวไปเตรียมอาหาร โดยปรัชญ์เป็นคนอุ้มลูกและมีพี่เลี้ยงมาคอยช่วย อดีตแม่สามีถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของอดีตสะใภ้และเล่าเรื่องราวต่างๆ ในคุ้มให้ฟังแทบจะทุกเรื่อง แต่ไม่ได้พูดถึงลูกชายคนโตของตนแต่อย่างใด เพราะเกรงว่านัสรินจะกระอักกระอ่วนใจ

เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง อาหารเย็นที่จัดเตรียมก็เสร็จ ธรินดาเดินมาตามทุกคนหลังจากตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าทุกคนที่กำลังจะเดินไปยังห้องรับประทานอาหารก็เกิดอาการชะงักกันหมด เพราะร่างสูงของคนที่ไม่คิดว่าจะมา ปรากฏตัวขึ้นแบบที่ไม่มีใครคาดคิด โดยเฉพาะนัสรินที่ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ เมื่อเห็นสายตาคมจ้องมองมายังตนราวกับเป็นวัตถุประหลาด... ไหนธรินดาบอกว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่เขากลับบ้าน!

“อ้าวตาปราณต์มาได้ยังไงลูก ไม่ได้ทำงานหรอกเหรอ” แม่เลี้ยงลักษิกาทักลูกชายคนโต เป็นการทำลายบรรยากาศความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะ

“วันนี้ผมหยุดครึ่งวันครับ” ปราณต์ตอบมารดาสั้นๆ โดยสายตายังไม่ละไปจากร่างบางในชุดเสื้อยืดเข้ารูปสีขาวกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มแต่อย่างใด เขาไม่แปลกใจสักนิดที่เห็นนัสรินมาที่นี่ เพราะเขาแอบตามมาตั้งแต่เห็นเธอเดินอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแล้ว แต่ที่ออกจะไม่พอใจก็เพราะเสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่ตอนนี้ต่างหาก แม้มันจะเป็นชุดที่แสนจะธรรมดา แต่ทว่าเสื้อมันก็ตัวเล็กจนทำให้เห็นว่าหน้าอกคู่นั้นอวบอิ่มกลมกลึงเพียงใด แถมช่วงล่างก็เหมือนจงใจอวดส่วนเว้าส่วนโค้งของเอวและสะโพกอีกต่างหาก

“มาก็ดีแล้ว มาทานข้าวด้วยกัน วันนี้หนูนัสมาทานข้าวที่บ้านเรา”

“ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่”

ตอนที่พูดประโยคนั้นปราณต์ก็ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่นัสรินรู้ว่าเขาพูดกับเธอ เพราะสายตาของเขาพุ่งตรงมายังเธอตั้งแต่แรก เขาคงไม่พอใจที่เธอมาที่นี่

“เล็กเป็นคนชวนพี่นัสมาเองค่ะพี่ปราณต์ พอดีเล็กเจอพี่นัสในห้างน่ะค่ะ” ธรินดาพูดแทรกขึ้นเสียงละมุนละม่อมเพื่อเป็นการไกล่เกลี่ยสถานการณ์อันอึมครึม และนึกสงสารนัสรินเมื่อเห็นสีหน้าของอดีตพี่สะใภ้เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“งั้นเหรอ”

นัสรินขยับตัวอย่างอึดอัด เพราะรู้ว่าปราณต์จงใจรวน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เธอเองไม่สามารถจะตอบโต้อะไรเขาได้ วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ต้องอยู่ให้เขาเห็นหน้าน่าจะดีกว่า  

“คุณแม่คะ พี่ปรัชญ์ น้องเล็ก นัสคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีนัสต้องกลับไปเคลียร์เอกสารที่ค้างอยู่น่ะค่ะ”

นัสรินขอตัวกลับอย่างรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นที่ระคายเคืองตาของใครบางคน และคิดว่าคนอื่นๆ คงเข้าใจที่เธอจะหนีกลับเอาดื้อๆ แบบนี้

“ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอหนูนัส”

แม่เลี้ยงลักษิกาพยายามทัดทานและอดที่จะมองค้อนลูกชายคนโตไม่ได้ ด้วยรู้ดีว่าที่อดีตลูกสะใภ้ขอตัวกลับแบบกะทันหันเช่นนั้น ก็เพราะสายตาและวาจาของปราณต์ที่ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

“เอาไว้โอกาสหน้านัสจะแวะมาเยี่ยมใหม่นะคะคุณแม่”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ปรัชญ์บอกพลางส่งลูกสาวให้ภรรยาอุ้มแทน

“แกดูแลเมียกับลูกแกเถอะ ฉันจะไปส่งนัสรินเอง” 

คำพูดนั้นของปราณต์ทำเอาทุกคนอึ้งและหันไปจ้องหน้าเขาอย่างไม่วางใจ แต่ปราณต์ยังคงทำหน้านิ่งขรึมราวกับไม่รู้สึกรู้สมกับการมองของใครทั้งนั้น

“จะไม่ถามนัสก่อนเหรอ ว่าอยากให้พี่ปราณต์ไม่ส่งหรือเปล่า” ปรัชญ์ถามสลับกับมองหน้าอดีตคู่หมั้นตัวเองซึ่งยืนหันมาทางเขาเหมือนกับขอความช่วยเหลือ

“ไม่อยากก็ต้องอยาก เขาถนัดทำในเรื่องที่ฝืนใจคนอื่น เพราะฉะนั้นเขาก็น่าจะฝืนใจตัวเองเก่งเหมือนกัน”

ปราณต์ตอกย้ำถึงความผิดร้ายแรงในครั้งอดีตของคนทั้งสองที่กระทำกับตน ทำให้ปรัชญ์ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างรู้สึกผิดกับพี่ชายและผู้หญิงที่กำลังมองตัวเองด้วยสายตาขอความช่วยเหลืออยู่ตอนนี้

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status