แชร์

บทที่ 14

บทที่ 14

“ทำไมล่ะนัส”

                “นัสเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ ท่านสองคนมีนัสคนเดียว”

                “อ้อ...นึกว่าเรื่องอะไร ผมไม่ได้ให้คุณไปประจำที่โน่นเลยหรอก ไปแค่สามเดือนเท่านั้น พออะไรเข้าที่เข้าทางแล้ว และเราหาตัวแทนที่เป็นคนในพื้นที่ได้ ผมก็จะให้คุณเทรนให้จนคนที่นั่นทำงานได้คล่อง ผมก็จะให้คุณกลับมาประจำที่กรุงเทพฯ ตามเดิม ในระหว่างนี้หากเป็นช่วงวันหยุดแล้วคุณอยากกลับบ้านมาหาครอบครัว คุณก็กลับได้ตลอดเลย ทางบริษัทมีค่าเดินทางให้ ส่วนเรื่องที่พักก็ไม่ต้องห่วงบริษัทเช่าอพาร์ตเมนต์ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ไว้ให้ห้องหนึ่ง เป็นห้องที่ใหญ่และอยู่ได้สบายๆ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางไปทำงาน บริษัทมีรถยนต์ให้คุณใช้อีกคันหนึ่งด้วย” กิตติบอกถึงสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครัน จนนัสรินไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลใดมาแย้งได้

                “ไม่มีคนไปแทนนัสเลยเหรอคะ” เสียงหวานถามอ่อยๆ

                “ไม่มีจริงๆ นัส ผมไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะสมเท่าคุณเลย ปิยวรรณก็ท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ส่วนอรอุมาก็ต้องรับส่งลูกทุกวัน มีแต่คุณคนเดียวที่โสดสนิท แล้วเรื่องที่คุณเป็นห่วงพ่อกับแม่ผมก็เข้าใจนะ แต่ก็อย่างที่บอก คุณสามารถกลับทุกอาทิตย์ก็ได้ ทางบริษัทไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับค่าเดินทางของคุณเลย ไปเถอะนะนัสผมขอร้อง ไม่อย่างนั้นทางไดเรกเตอร์ต้องมาคุยกับคุณด้วยตัวเองแน่ๆ” กิตติบอกถึงความจำเป็น พร้อมกับมองไปยังลูกน้องสาวอย่างคาดหวังแกมขอร้อง

                “อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยค่ะ ตกลงค่ะ นัสไปก็ได้”

นัสรินจำต้องรับปากทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่า จะรับมือกับปัญหาที่ตัวเองต้องเผชิญหน้ากับปราณต์ในอนาคตอย่างไร พยายามคิดในแง่ดีและให้กำลังใจตัวเองว่าปราณต์เกลียดเธอมาก เขาคงไม่คิดจะมาตอแยหรือยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย หรือหากต้องเจอกันจริงๆ เธอก็จะเจอกับเขาเฉพาะด้วยหน้าที่การงานเท่านั้น

                เพราะรับปากกับหัวหน้าในวันนั้น ทำให้เวลาบ่ายๆ ของวันนี้นัสรินต้องมาเดินต๊อกๆ อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ เพื่อซื้อของใช้จำเป็นบางอย่างไปใช้ที่อพาร์ตเมนต์ พ่อกับแม่ของเธอไม่เห็นด้วยเท่าใดนักกับการมาทำงานที่นี่แม้จะเป็นแค่ชั่วคราวก็ตามที แต่นัสรินก็แสร้งทำให้ท่านทั้งสองเห็นว่า เธอลืมเรื่องราวในอดีตไปหมดแล้ว การมาเชียงใหม่ครั้งนี้เธอไม่ได้หวาดหวั่นอะไร มุ่งมั่นแค่มาทำงานเท่านั้น พ่อกับแม่ของเธอจึงได้ยอมปล่อยมา

                ร่างบางในชุดลำลองเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เกตของห้าง และเลือกของอย่างเอื่อยๆ แบบไม่ได้เร่งรีบอะไร เพราะถึงแม้วันนี้จะไม่ใช่วันหยุด แต่บริษัทก็ให้เธอหยุดเพื่อเตรียมตัวทำงานในวันจันทร์

สิ่งที่ต้องซื้อส่วนใหญ่เป็นพวกแชมพู ครีมนวดผม และของใช้ส่วนตัวของผู้หญิงอื่นๆ โดยตลอดเวลาที่เดินเลือกซื้อของอยู่นั้น นัสรินรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครกำลังแอบมองตัวเองอยู่ ครั้นพอเธอมองหาดูรอบๆ ก็ไม่เห็นใครมีอาการผิดสังเกต หญิงสาวจึงบอกตัวเองว่าสงสัยจะเครียดมากไป จึงคิดระแวงและมโนไปเอง

เมื่อได้ของครบแล้วร่างบางก็เดินไปยังเคาน์เตอร์ จัดการจ่ายเงิน และรับถุงจากพนักงานสาวที่ยิ้มให้อย่างมีไมตรี นัสรินตั้งใจว่าจะแวะกินข้าวก่อน จากนั้นค่อยกลับที่พัก ซึ่งคงต้องใช้บริการรถแท็กซี่เช่นเดียวกับตอนมา เพราะถึงบริษัทจะมีรถให้แต่เธอยังไม่อยากขับรถในตอนนี้

ขณะที่เท้าเล็กๆ ซึ่งรองรับด้วยรองเท้าหนังหุ้มส้นสีชมพูอ่อนคาดดำกำลังจะมุ่งหน้าไปยังฟู้ดแลนด์ของห้าง ก็มีเสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้น ซึ่งเสียงเสียงนั้นเป็นเสียงผู้หญิงที่เธอเองค่อนข้างคุ้นหู นัสรินจึงหันกลับไปยังต้นเสียงพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนเรียกเป็นใคร

“พี่นัสคะ”

“อ้าวน้องเล็ก/พี่ปรัชญ์ สวัสดีค่ะ” มือเล็กยกขึ้นไหว้ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ธรินดา ซึ่งเขาคนนี้ก็คืออดีตคู่หมั้นของเธอนั่นเอง

“พี่นัสจริงๆ ด้วย เล็กมองตั้งนานแต่ไม่แน่ใจก็เลยไม่กล้าทัก พี่นัสสวยขึ้นจนแทบจำไม่ได้แน่ะค่ะ”

“สวยยังไงก็ไม่สู้น้องเล็กหรอก จริงมั้ยคะพี่ปรัชญ์” นัสรินหันไปทางอดีตคู่หมั้นและยิ้มบางๆ อย่างอดเขินกับคำชมของธรินดาไม่ได้

“ไม่คิดว่าจะได้เจอนัสที่นี่” ปรัชญ์เอ่ยทักทายอดีตคู่หมั้นและอดีตพี่สะใภ้ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าแปลกใจเป็นอย่างมาก

“นัสเองก็เซอร์ไพรส์แล้วก็ดีใจมากค่ะที่ได้เจอพี่ปรัชญ์กับน้องเล็ก แล้วนี่น้องอะไรคะ ลูกสาวเหรอคะ หน้าตาน่าชังจังค่ะ” เสียงหวานนุ่มเอ่ยถาม พลางเอื้อมมือไปเขี่ยแก้มใสๆ แดงๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กจิ๋วที่ธรินดาอุ้มอยู่อย่างเอ็นดู

“ลูกสาวค่ะพี่นัส ชื่อน้องนิล ว่าแต่พี่นัสล่ะคะ มาทำอะไรที่เชียงใหม่ มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วมากับใคร” คนที่ตอบและถามคือธรินดาซึ่งอุ้มลูกสาววัยสี่เดือนหน้าตาน่ารักน่าชังอยู่ในอ้อมแขน

“เปล่าจ้ะไม่ได้มาเที่ยว พี่ถูกบริษัทส่งตัวมาทำงานที่นี่สามเดือน นี่ก็เพิ่งจะมาได้สองวัน อีกนานกว่าจะได้กลับกรุงเทพฯ”

นัสรินตอบเรียบๆ แต่สีหน้าเจื่อนลง เพราะไม่อยากให้ข่าวนี้ถึงหูปราณต์ แม้รู้ว่ายังไงเสียวันจันทร์นี้ก็จะได้เจออย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว

“ถ้าอย่างนั้นไปทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกันนะคะพี่นัส เล็กกับคุณปรัชญ์มาซื้อของและกำลังจะกลับพอดี” ธรินดาเอ่ยชวนพร้อมกับมองอย่างคาดหวังว่าอดีตพี่สะใภ้จะยอมไปตามคำเชิญ

“คือพี่...” นัสรินอึกอัก อยากไปแต่ก็กลัวว่าต้องเผชิญหน้ากับใครบางคนทั้งที่เธอยังไม่พร้อม

“ถ้ากลัวว่าจะเจอพี่ปราณต์ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้พี่ปราณต์ยังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านหรอกค่ะ ส่วนใหญ่วันธรรมดาแบบนี้จะไม่กลับค่ะ กลับเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น อีกอย่างช่วงเวลาบ่ายๆ แบบนี้พี่ปราณต์ก็น่าจะกำลังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะฉะนั้นพี่นัสสบายใจได้ค่ะ” ธรินดารีบบอกเมื่อเห็นท่าทีลังเลของนัสริน และพอจะเดาได้ว่าอะไรทำให้นัสรินเกิดอาการลังเลเช่นนี้

“พอดีพี่ไม่ได้เอารถมา เกรงว่าจะไม่สะดวก” นัสรินหาทางปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม แต่ดูเหมือนว่าธรินดาจะไม่ยอมให้เธอปฏิเสธไม่ว่าทางไหน

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขากลับเล็กให้คุณปรัชญ์ไปส่ง ไปเถอะนะคะพี่นัสไปทานข้าวที่บ้านด้วยกัน แม่ใหญ่เองก็คงจะดีใจมากถ้าได้เจอพี่นัส”

“งั้นก็ได้จ้ะ” เมื่อเจอการคะยั้นคะยอและปิดการปฏิเสธทุกทางเช่นนั้น ทำให้นัสรินจำต้องตกลงในที่สุด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status