และหลังจากที่พูดเช่นนั้นแล้ว ปราณต์ก็ไม่รอฟังใครอีก เขาขยับมายืนข้างๆ นัสรินและโอบเอวบางพร้อมกับกระตุกเป็นการบังคับให้เธอเดินออกไปพร้อมเขา นัสรินพยายามจะเบี่ยงตัวออกแต่ก็ทำได้ไม่ถนัด เพราะไหนจะแรงมือของปราณต์ ไหนจะสายตาของคนทั้งบ้านที่กำลังจดจ้องอยู่ จนในที่สุดเธอก็ต้องเข้ามานั่งในรถของปราณต์จนได้
“พักที่ไหน?” เขาถามห้วนๆ หลังจากบังคับเธอขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“ลานนาอพาร์ตเมนต์ค่ะ คุณไม่ต้องไปส่งนัสก็ได้นะคะ นัสกลับเองได้” นัสรินไม่ได้ใช้น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากแต่คุยด้วยดีๆ เพราะถึงอย่างไรเสีย วันจันทร์เธอก็ต้องเจอเขาอีกตอนไปเซ็นสัญญา จึงไม่อยากก่อเรื่องให้ตัวเองต้องอึดอัดใจอีก
“ผมบอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง ผมไม่ใช่พวกคนพูดกลับกลอกหรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทำไม? กลัวหรือไงที่ต้องนั่งรถกับผมสองต่อสอง”
“นัสไม่ได้กลัว นัสแค่ไม่อยากให้คุณเสียเวลา และรู้ดีว่าคุณไม่อยากเห็นหน้านัสเท่าไหร่”
“ไหนบอกว่าจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก แล้วนี่มาทำไม”
นัสรินหันขวับไปจ้องหน้าคนถาม ก็เห็นว่าเขาจ้องอยู่ก่อนแล้ว จากที่คิดว่าจะพยายามควบคุมตัวเองให้ได้ ตอนนี้เธอเริ่มลืมตัวเพราะถูกยั่วจนอารมณ์ขุ่นมัวไปหมด
“แล้วใครทำให้นัสต้องมาล่ะคะ ถ้าคุณไม่ยอมตกลงเรื่องซื้อยาจากบริษัทของนัส นัสก็ไม่ต้องมาให้คุณเห็นหน้าอีกหรอก”
ปราณต์เหมือนจะหัวเราะออกมานิดหนึ่ง เมื่อท่าทีของนัสรินเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวของเขาเมื่อครู่นี้ เมื่อครู่เธอยังทำหน้าเจื่อนๆ ออมปากออมคำอย่างน่าสงสาร แต่ตอนนี้เธอกลับเชิดหน้าและพูดจากับเขาเสียงแข็ง
“ไม่อยากมา?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงยียวน
“ค่ะ...นัสไม่ได้อยากมาสักนิด นัสรู้ดีว่าคุณไม่อยากเห็นหน้านัส แต่นัสจำเป็นต้องมาก็เพราะไม่มีใครมาแทน”
“ถ้าผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ ผมจะตกลงซื้อยาทำไม”
คำถามที่ย้อนแย้งนั้นทำให้นัสรินชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจความหมายของเขา เขาบอกว่าที่เขาตกลงซื้อยาก็เพราะอยากเห็นหน้าเธออย่างนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้ยังไง?
“ไม่รู้สิคะ อาจจะเป็นเพราะว่าคุณแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้เก่งมั้งคะ”
“ใครว่าล่ะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวชัดๆ ที่อยากเห็นหน้าไม่ใช่เพราะคิดถึงหรอกนะ ไม่ต้องดีใจไป ผมแค่มีเรื่องบางอย่างที่อยากทำกับคุณ”
“ทำอะไรคะ”
นัสรินถามพลางหน้าร้อนผ่าว เพราะทั้งคำพูดและประกายตาของเขาเปิดเผยชัดเจนว่าสิ่งที่เขาหมายถึงคืออะไร
“ต้องให้บอกด้วยเหรอ ผมว่าคุณเข้าใจนะ”
“นัสไม่เข้าใจค่ะ” หญิงสาวยังทำปากแข็ง ทั้งๆ ที่รู้ดีแก่ใจเมื่อเขาย้ำเช่นนั้น
“ไปลองกับคนอื่นมาหรือยังล่ะ ลีลาไอ้พวกนั้นเป็นยังไงบ้างเมื่อเทียบกับผัวเก่าอย่างผม” ปราณต์ยังถามในเชิงยั่วยุอารมณ์ต่ออย่างใจเย็น ขณะที่คนฟังเริ่มร้อนเป็นไฟเพราะคิดว่าตัวเองถูกเขาดูถูก
“นัสไม่เคยคิดจะทำตัวมั่วๆ ง่ายๆ แบบนั้น”
“ใครจะรู้ คืนนั้นก็เห็นครางซะกระเส่าอยู่นี่ ได้ลองแล้วอาจจะติดใจจนอยากลองอีก เพียงแต่ไม่มีผัวเป็นของตัวเองแล้ว เลยต้องไปลองกับคนอื่น”
“หยาบคาย! นัสไม่นึกเลยว่าผู้ชายที่นัสเคยชื่นชมจะหยาบคายได้ถึงขนาดนี้”
“ถ้าผมหยาบคาย แล้วผู้หญิงที่ทั้งครางทั้งร่อนรับคืนนั้นล่ะต้องเรียกว่าอะไร เป็นไปได้คุณคงอยากจะขึ้นขย่มผมเองเลยมั้ง เพียงแต่ยังไม่มีโอกาส”
“จะเรียกว่าอะไรก็สุดแท้แต่คุณปราณต์อยากจะเรียกเถอะค่ะ แต่นัสรับรองว่านั่นจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่คุณปราณต์จะได้เห็นและได้ยิน” นัสรินตอบโต้คนปากร้ายอย่างโกรธและอายระคนกัน จากนั้นก็เอี้ยวตัวไปหาประตูรถแลนด์โรเวอร์เพื่อจะปลดล็อกและลงจากรถ เพื่อจะได้ไม่ต้องทนฟังคำพูดเย้ยหยันถากถางจากปราณต์อีก แต่เพียงแค่ขยับ มือใหญ่แข็งแรงที่ไม่ได้หยาบกระด้างเพราะจับแต่ปากกาและมีดหมออยู่เป็นประจำก็ยื่นมาตะบปเข้าที่ต้นแขนของเธอทันที
“จะไปไหน”
“นัสจะกลับเอง ปล่อยนัส นัสจะลง” หญิงสาวตวัดสายตาขุ่นเคืองใส่พร้อมกับบิดแขนตัวเองออกจากพันธนาการของมือเขา
“ก็ได้ผมจะปล่อย แต่ถ้าคุณลงผมจะตามลงไปและจับคุณจูบต่อหน้าคนในคุ้ม”
คำขู่ของเขาทำให้นัสรินชะงักงันและจ้องหน้าหล่อๆ ของผู้ชายที่ตัวเองเคยรักอยู่อย่างประเมินสถานการณ์ เมื่อเห็นแววตาที่นิ่งขรึมก็เริ่มไม่กล้าเสี่ยง เพราะไม่กี่วันก่อนเธอเพิ่งถูกเขาจับจูบที่หน้าร้านอาหาร ขนาดในที่สาธารณะแบบนั้นปราณต์ยังกล้าทำ แล้วมีหรือที่เขาจะไม่กล้าทำในบ้านตัวเอง
“ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายกับนัสแบบนี้จังเลยคะ โกรธเกลียดอะไรนัสนักหนา” นัสรินถามออกไปอย่างอัดอั้น
“คุณรู้ดีอยู่แก่ใจนี่นัสริน”
“แต่เรื่องมันก็จบไปแล้วนี่คะ เวลาก็ผ่านไปเป็นปีแล้ว นัสกับคุณก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว คุณยังไม่ลืมอีกหรือไงคะ”
“แล้วคุณล่ะลืมหรือยัง”
ตาคู่สวยหลุบลงอย่างไม่แน่ใจและไม่กล้าตีความหมายคำถามของเขาสักนิด ถ้าความหมายคำว่า ‘ลืม’ ของเขาหมายถึงลืมความรักความหลังที่มีต่อเขา เธอก็ตอบตัวเองได้เต็มปากว่าไม่เคยลืม ในเมื่อปราณต์คือผู้ชายที่เป็นรักแรก รักเดียว เป็นเจ้าของหัวใจ เป็นเจ้าของร่างกาย และเป็นคนที่ใจร้ายกับเธอมากที่สุด
“นัสลืมมันไปหมดแล้วค่ะ ตอนนี้นัสกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่” คำตอบนั้นไม่ได้ตรงกับสิ่งที่รู้สึกเลยแม้แต่นิด ยิ่งพอได้กลับมาเจอกัน ได้ใกล้ชิดกันกับคนที่ตนยังรักอยู่เช่นนี้ หัวใจที่อ่อนแออยู่แล้วของเธอมันก็ยิ่งโงนเงน
“ดูเหมือนว่าชีวิตคุณจะ ‘ง่าย’ ไปซะทุกอย่างเลยนะนัสริน” ปราณต์พูดหยันๆ ให้คนฟังเจ็บใจเล่นอีก
“นัสไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว ปล่อยนัสค่ะ ถ้าคุณจะไปส่งนัสก็ออกรถเสียที”
นัสรินเบี่ยงตัวออกอีกครั้ง และคราวนี้มือใหญ่ก็ยอมคลายออกแต่โดยดี ไม่กี่อึดใจรถก็เคลื่อนออกจากลานหน้าคุ้มลักษิกา มุ่งหน้าไปตามถนนที่เป็นเส้นทางสู่อพาร์ตเมนต์ที่นัสรินพักอยู่ โดยตลอดเวลาบรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบ นัสรินนั่งมองทางเงียบๆ ในขณะที่อดีตสามีมองมายังเธอบ่อยครั้ง แต่นัสรินก็ยังคงนิ่งคล้ายกับไม่รู้สึกรู้สมกับการมองของเขา ทั้งๆ ที่ในใจอยากให้ถึงอพาร์ตเมนต์เร็วๆ เพราะไม่อยากจะทนกับภาวะกระอักกระอ่วนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้อีกแล้ว
บทที่ 17ทันทีที่ปราณต์จอดรถยังลานจอดรถของอพาร์ตเมนต์ นัสรินก็รีบปลดเข็มขัดพร้อมทั้งผลักประตูรถ แล้วก้าวไวๆ เข้าไปในตัวตึกทันที โดยไม่ได้กล่าวขอบคุณหรือพูดอะไรกับคนมาส่งเลยแม้แต่นิด มือเรียวเล็กยื่นกดไปเรียกลิฟต์แล้วยืนรออย่างกระวนกระวายเมื่อเห็นว่าปราณต์ลงจากรถและก้าวตามเข้ามาติดๆ ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างและเปิดประตูออกอย่างฉิวเฉียดก่อนที่ปราณต์จะตามมาทัน ร่างบางก้าวเข้าไปข้างในแล้วกดปิดอย่างเร่งรีบ แต่ประตูลิฟต์ยังไม่ทันได้ปิดร่างสูงก็แทรกผ่านเข้ามา และเป็นคนกดปิดประตูเสียเอง พอประตูปิดลงเขาก็หันมามองคนที่ยืนอยู่ก่อนอย่างเอาเรื่อง ทำให้นัสรินต้องถอยร่นหนีจนชิดผนังลิฟต์อีกฝั่ง “ถอยไปนะคะคุณปราณต์ ต้องการอะไรจากนัสอีก” เสียงหวานเอ่ยไล่สั่นๆ เมื่อปราณต์ตามมาประชิดแถมยังยกมือสองข้างของเขายันกับผนังลิฟต์คร่อมร่างของเธอเอาไว้ด้านใน “ก็ต้องการคำขอบคุณน่ะสิ ผมอุตส่าห์มาส่ง แต่พอมาถึงคุณก็เปิดประตูรถ สะบัดตูดหนีเฉยๆ ต้องให้บอกมั้ยว่าไร้มารยาทแค่ไหน” ปราณต์ถามคนที่ตัวเองขังไว้ในอ้อมแขน โดยไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับคู่ข
บทที่ 18 แม้จะลำบากใจแค่ไหนที่ต้องมาพบคนที่ตัวเองพยายามจะหลีกเลี่ยง แต่นัสรินก็จำต้องมาเพราะมันคือหน้าที่ความรับผิดชอบกับงานที่ทำอยู่ กิตติหัวหน้าของเธอบอกเอาไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่า ทางโรงพยาบาลนัดเซ็นสัญญาในเวลาสี่โมงเย็น ทำให้วันนี้ทั้งวันเธอแทบจะไม่มีสมาธิทำงาน เพราะมัวแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องมาพบปราณต์ในช่วงเย็น หญิงสาวมาถึงก่อนเวลานัดตามมารยาทอันดี จากนั้นก็เข้าไปรอในห้องประชุมตามที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลบอก นั่งได้ไม่ถึงห้านาทีประตูหน้าห้องก็ถูกเคาะ และคนที่ก้าวเข้ามาก็คือคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอตลอดมา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าต้องพบเขา แต่หัวใจมันก็ยังเต้นแรงจนกลายเป็นระส่ำ โดยเฉพาะเมื่อปราณต์ปิดประตูห้องลง คล้ายดั่งกันเธอกับเขาออกจากโลกภายนอก และก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับที่เธอนั่งอยู่ “รอนานหรือเปล่า” นายแพทย์หนุ่มหล่อเป็นฝ่ายถามอดีตภรรยาขึ้นก่อน“ไม่นานค่ะ นัสเพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้เอง” นัสรินได้แต่ตอบออกไปแบบออมปากออมคำ เพราะน้ำเสียงของคนถามนั้นช่างแสนเรียบเฉย ราวกับเป็นคนละคนกับคนที่เกือบจะจูบเธอในลิฟต์เมื่อเย
บทที่ 19“นี่ค่ะ” “ใส่ให้ด้วยสิ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามือไม่ว่าง” ไม่แค่พูดแต่ยังกระชับสองมือที่กอดเอวเล็กเข้าหากันแน่นกว่าเดิมเป็นการย้ำว่าตอนนี้มือเขากำลังทำอะไรอยู่ คนถูกแกล้งเกือบจะหลุดจากการควบคุมตัวเอง หากก็ยังยอมทำตามความต้องการของเขาอีกรอบ แล้วนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เขาอ่านเอกสารเสียที คราวนี้ปราณต์ยอมกวาดสายตาไปตามตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษอย่างละเอียดทุกตัวอักษร ก่อนจะบอกให้อดีตภรรยาหยิบปากกาให้และจรดลายเซ็นของตัวเองลงไปในหน้าสุดท้ายของกระดาษที่เว้นช่องไว้ให้เซ็นชื่อ “เสร็จแล้วก็ปล่อยนัสสิคะ นัสจะได้กลับ” “พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งเลยนะ” “นัสไม่ใช่คนแบบนั้น มีแต่คุณปราณต์นั่นละค่ะที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ใครเขาคุยงานกันแบบนี้บ้าง” เธอกล่าวตำหนิเขาตรงๆ พร้อมกับดิ้นเบาๆ เพื่อให้เขาปล่อย แต่ปราณต์ยังไม่ยอมปล่อยเหมือนกับว่ายังแกล้งเธอไม่สะใจ “ต้องถามคุณมากกว่า เพราะผมไม่ค่อยได้คุยงานกับใครแบบสองต่อสองอย่างนี้บ่อยนัก” “คนอื่นไม่มีใครเขาทำแบบคุณปราณต์หรอกค่ะ”
บทที่ 20“ปล่อยนัสลงค่ะคุณปราณต์ คุณมีสิทธิ์อะไรมาอุ้มนัสแบบนี้” คนเจ็บโวยวายพลางดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่กล้าดิ้นมากเพราะกลัวตก “จอดรถที่ไหน” ปราณต์ไม่สนใจอาการขัดขืนของเธอ แต่ถามเสียงดุๆ ขรึมๆ แม้นัสรินจะแอบหวั่นทว่าการถูกอุ้มแบบนี้มันน่าหวาดหวั่นกว่าหลายเท่า “ก็นัสบอกแล้วไงคะว่า...” “ผมถามว่าจอดรถที่ไหนนัสริน” เสียงดุๆ ขรึมๆ เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ถามแต่ยังพ่วงชื่อเธอต่อท้าย แถมตาก็ยังหลุบลงมองหน้าเธออย่างดุดันพอกัน “ที่ลานจอดรถด้านหน้าค่ะ” หลังจากได้คำตอบ ปราณต์ก็ไม่พูดไม่ถามอะไรอีก ร่างสูงอุ้มอดีตภรรยาสาวออกจากห้องประชุม ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อไปยังลานจอดรถ ท่ามกลางสายตาของคนไข้ พยาบาล และพนักงานของโรงพยาบาลหลายสิบคน “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณหมอ”พยาบาลหน้าห้องหมอชัชวาลรีบเอ่ยถามปราณต์อย่างค่อนข้างตกใจ เมื่อเห็นเขาอุ้มหญิงสาวซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายยาผ่านมา “เธอหกล้มขาแพลง ผมเลยจะอุ้มไปส่ง” “อ๋อ...ค่ะๆ มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ยคะ”
บทที่ 21นัสรินลอบมองปลายคางของอดีตสามี พลางคิดไปว่าเมื่อวันศุกร์เขาเข้ามาถึงในลิฟต์ แต่วันนี้เขาเข้าถึงในห้องและกำลังอุ้มเธอไปที่เตียง แถมเธอเองก็ไม่ยอมท้วง จากที่ประกาศปาวๆ ว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ดูเหมือนมันจะต้องข้ามไปเสียหมดปราณต์วางเธอลงบนเตียง จัดท่าให้นั่งพิงพนักเตียง ส่วนเขานั่งลงที่ขอบเตียง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนเตียง แล้วถอดรองเท้าของเธอออก ก่อนจะจับข้อเท้าด้านที่แพลงขึ้นพาดบนขาของเขา ท่ายกแบบนั้นทำให้ชายกระโปรงสั้นร่นขึ้น จนนัสรินต้องรีบหยิบหมอนอีกใบที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาปิดชายกระโปรงไว้เป็นพัลวัน เพื่อไม่ให้ปราณต์มองไปถึงไหนต่อไหน“จะปิดทำไมล่ะ ใส่สั้นก็ต้องกล้าโชว์สิ” ปราณต์เอ่ยออกมาอย่างรำคาญ เมื่อเห็นท่าทีปิดป้องอย่างหวงเนื้อหวงตัวของอดีตภรรยา“นัสไม่ใช่พวกชอบโชว์ แล้วคุณปราณต์มาจับขานัสยกแบบนี้ทำไม”“ผมจะนวดข้อเท้าให้”นัสรินเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าเขาเข้าไปเอายาในคลินิกมาทำไม ความรู้สึกอุ่นซ่านจึงแล่นลึกเข้ามาในหัวใจ แต่ก็รีบปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็วและบอกตัวเองว่าอย่าเคลิบเคลิ้ม การปล่อยให้ปราณต์เข้ามาเดินเล่นในหัวใจได้ง่ายๆ อีกครั้ง นั่นไม่ต่างอะไรกับการ
บทที่ 22แม้ว่ารถแท็กซี่สีเหลืองน้ำเงินคันที่กำลังแล่นมาจะไม่หรูและสภาพค่อนไปทางทรุดโทรม แต่ปราณต์ก็ไม่เกี่ยงที่จะใช้บริการ เขาบอกจุดหมายกับคนขับแล้วขึ้นไปนั่งที่ตอนหลังของรถ พลางซึมซับเอาบรรยากาศการนั่งแท็กซี่ในตัวจังหวัดในทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมาหลายปีที่มีโอกาสได้ใช้บริการรถดังกล่าว แน่นอนว่าลูกชายเศรษฐีนีเชียงใหม่ระดับแม่เลี้ยงลักษิกาอย่างเขาย่อมมีรถให้ใช้หลายคัน ดังนั้นจึงไม่มีครั้งใดที่เขาจะได้เฉียดใกล้กับการนั่งรถแท็กซี่เช่นนี้ ความจริงเขาจะโทร.เรียกอินแปงหรือคนที่บ้านให้ขับรถมารับก็ได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นที่ต้องรบกวนใคร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ติดหรูจนถึงขนาดนั่งรถแท็กซี่ไม่ได้ปราณต์ทอดสายตาตรงไปข้างหน้าราวกับกำลังมองถนนเงียบๆ ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่กล้าชวนคุย บรรยากาศในรถจึงมีเพียงความเงียบ แต่ความเงียบนั้นก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของปราณต์ และเขาก็กดรับเช่นเดียวกับทุกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่โทร.มา“สวัสดีครับแม่”“ตาปราณต์อยู่ไหนลูก”“อยู่บนรถครับ”“กลับบ้านหน่อยได้ไหม แม่มีเรื่องอยากคุยด้วย”น้ำเสียงยามที่เอ่ยผ่านโทรศัพท์มานั้นฟังดูซีเร
บทที่ 23แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตสามีอีก แต่คำพูดของเขาก่อนจากกันวันนั้น ก็ทำให้นัสรินแอบรอคอยการมาของเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ บ่อยครั้งที่เธอมองนาฬิกาสลับกับเงี่ยหูฟังเสียงเคาะประตูห้อง ยิ่งช่วงสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาปิดคลินิกของปราณต์ใกล้เข้ามาทีไร เธอก็ยิ่งมองบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น ทว่าการรอคอยของเธอวันแล้ววันเล่าก็ว่างเปล่า นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววว่าปราณต์จะมาอย่างที่เขาว่าแต่อย่างใด ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...นัสรินบอกตัวเองแบบนั้น แต่ใจกลับห่อเหี่ยวลงราวกับต้นไม้ที่ไร้ฝนหลั่งลงมาอาบชโลมเป็นเวลานานก็ไม่ปาน หากกระนั้นเธอก็ยังบังคับตัวเองให้ทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างเป็นปกติ หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ขึ้นไปนั่งพิงพนักเตียง หยิบรีโมตโทรทัศน์แล้วกดเปิดเพื่อให้เสียงโทรทัศน์ดังเป็นเพื่อนยามอยู่คนเดียว เปิดได้ไม่นานก็ต้องหยิบรีโมตอีกรอบเพื่อหรี่เสียง เพราะมีเสียงจากโทรศัพท์มือถือแผดร้องแข่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น นัสรินกดรับสายทันทีเพราะคนที่โทร.มาคือกิตติหัวหน้าของเธอนั่นเอง “สวัส
บทที่ 24นัสรินสบตากับตาคมของอดีตสามีครู่หนึ่ง เธอเห็นแววแปลกใจปรากฏอยู่บนดวงตาคมของเขา แต่ก็แค่แวบเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นเฉยเมยดังเดิม หญิงสาวจึงเสไปมองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างปราณต์พร้อมกับที่หัวใจเกิดอาการแกว่งไหว เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ปราณต์ควงมานั้นสวยสง่าเพียงใด เพราะอย่างนี้เองกระมังเขาถึงไม่ได้ไปหาเธออย่างที่บอกเอาไว้ ขณะที่เธอก็บ้าพอที่จะรอคอยอย่างลมๆ แล้งๆ“สวัสดีครับหมออรรณพ” ปราณต์ทักทายหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักกับนัสรินมาก่อน ทำให้หญิงสาวถึงกับคอแข็ง“สวัสดีครับหมอปราณต์/หมอเมย์”“หมอไม่ได้มากับภรรยาเหรอครับ”แม้คำถามนั้นจะดูเหมือนธรรมดา หากแต่นัสรินฟังว่าปราณต์จงใจถามเพื่อประกาศให้เธอรู้ว่าหมออรรณพมีภรรยาแล้ว และเธอกำลังนั่งทานข้าวกับสามีคนอื่นอยู่“เปล่า...นี่คุณนัสรินเป็นตัวแทนจากบริษัทยาที่จะจำหน่ายให้คลินิกของผม”“อ้อ...คนขาย...ยา”ดูเหมือนว่าคนฟังอย่างหมออรรณพและหมอเมธาวีจะไม่สะดุดหูกับคำพูดของปราณต์ที่จงใจพูดเว้นคำ แต่นัสรินเผลอมองคนพูดตาขุ่น“อย่ามัวแต่แซวผมเลย แล้วนี่หมอกับหมอเมย์มาเดตกันเหรอ” หมออรรณพสัพยอกกลับอย่างไม่ได้เดือดเนื้อร