ณ เมืองหลวงหน้าจวนเสนาบดีกรมพิธีการ มีขบวนเกี้ยวเจ้าสาวจากตระกูลเซี่ยยาวเหยียด บุรุษหนุ่มผู้ซึ่งเป็นรองเจ้ากรมโยธาในชุดสีแดงนั้นรับหน้าที่ขี่ม้านำขบวนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ยามนี้เขามีตำแหน่งหน้าที่สูง มีคนนับหน้าถือตา ชาวบ้านทั่วไปล้วนมองอย่างชื่นชม แตกต่างจากตอนที่แต่งภรรยาเกอผู้นั้นเข้าตระกูลถาน ยามนั้นตนรู้สึกต่ำต้อยกว่าอีกฝ่ายไม่น้อยที่ด้อยกว่าทุกด้าน โชคดีที่เขาเป็นพวกปากหวานและเอาใจเก่ง จึงมัดใจเกอผู้นั้นให้หลงใหลแค่เพียงเขาได้อย่างง่ายดาย
บัดนี้เกอผู้นั้นหมดประโยชน์แล้ว ขุนนางใหญ่อย่างเขาควรจะแต่งงานกับสตรีที่คู่ควรอย่างเซี่ยอ้ายเหม่ย ไม่ใช่เกอที่มีแต่ตัวเช่นนั้น
อ่อ ไม่ได้มีแต่ตัว มีสินเดิมอีกมหาศาลที่เขาไปปล้นกลับมาให้ตระกูลถานด้วย
เปล่าประโยชน์ที่จะคิดถึงคนที่ตายไปแล้ว บัดนี้อนาคตของเขากำลังสว่างสดใส ภรรยาที่เป็นบุตรเสนาบดีกรมพิธีการ ต่อไปอำนาจวาสนามีแต่จะเพิ่มพูน หลังจากที่ทำงานใหญ่ร่วมกับท่านผู้นั้นแล้ว ตำแหน่งของเขาย่อมไม่หยุดอยู่แค่รองเจ้ากรมเป็นแน่
อีกหน่อย ข้าผู้นี้ ถานตงหยาง จะต้องก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเสนาบดีเป็นแน่
เขาขี่ม้ามาตลอดทางจนถึงจวนของตน ชายหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม แม้จะแต่งงานเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ผู้คนก็ยังเฝ้ามองอย่างชื่นชม เขาเดินไปยังเกี้ยวที่ประดับอย่างหรูหรา ก่อนจะยื่นมือจูงฮูหยินคนใหม่จากตระกูลเซี่ยเข้ามาทำพิธีที่จวนของตน
ยามนี้ผู้คนมีมากมาย แขกเหรื่อส่วนใหญ่ก็คือขุนนางที่สนิทกับตนและเสนาบดีเซี่ย ถานซงอวิ้นมารดาของเขานั้นแต่งกายหรูหรานั่งหน้าบาน รอลูกสะใภ้คนใหม่ที่ถูกใจหนักหนา แต่ใครจะคิดว่าในขณะที่เรือนแห่งนี้กำลังวุ่นวายและมีคนเข้านอกออกในตลอดเวลา กลับมีคนกลุ่มหนึ่งแฝงตัวเข้าไปรื้อค้นหาของบางอย่างในเรือนส่วนตัวของถานซงอวิ้น
“เจอมั้ย”
“ไม่เจอ หรือว่าจะไม่ใช่ถานซงอวิ้น” พวกเขากระซิบกระซาบกัน ก่อนจะเร้นกายเข้าไปในห้องหนังสือของถานตงหยาง พวกเขาค้นหาสิ่งที่ต้องการอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพบมันซ่อนอยู่ระหว่างหนังสือเล่มหนึ่ง
“เจอแล้ว พิษที่หัวหน้าต้องการ”
“หัวหน้าจะเอาไปทำอะไร”
“คุณชายหลิวถูกวางยาตัวนี้มานาน หัวหน้าต้องการรู้ว่ามันคือพิษอะไร แล้วอาซิงจะเป็นผู้จัดยาถอนพิษให้หัวหน้า”
“หัวหน้าหายไปอยู่กับฮูหยินตั้งนาน คงอยากมีบุตรกับฮูหยินกระมัง”
“อีกหน่อย พวกเราคงได้ยลโฉมนายน้อยกันแล้ว น่าอิจฉาเสียจริง”
พวกเขาพยักหน้าให้กัน ก่อนจะเร้นกายออกไปจากจวนตระกูลหลิวพร้อมกับยาพิษที่หลิวซีซวนได้รับมาหลายปี
หลิวซีซวนฟื้นคืนสติอีกครั้งก็ยามที่พระอาทิตย์ส่องฟ้าแล้ว หลับตากำหนดลมหายใจให้ช้าลงเพื่อสงบจิตสงบใจ จากการออกมาจากมิติส่วนตัวอันแสนอัศจรรย์
อัศจรรย์ยิ่ง
วิชาความรู้ของตระกูลหลิวนั้นลึกซึ้งและเฉียบขาดยิ่งนัก สมแล้วที่มาจากโลกเทพเซียน เขาได้เรียนรู้วิชาพยากรณ์แบบทางลัดที่เพียงแค่แตะตำรา ความรู้ก็เข้าหัว นึกเสียดายที่โลกเดิมไม่มีอะไรแบบนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจำบทละครยาวๆ ได้แบบไม่ต้องอ่านให้เปลืองสายตา
หลังจากสลบไปพักใหญ่ เมื่อตื่นมาเขาพบว่าตนเองนั้นกลายเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษ เขาสามารถจดจำสิ่งที่มีในตำราได้ทั้งหมดรวมถึงทักษะที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนนับปี เขาก็ฝึกมันสำเร็จได้โดยง่าย สิ่งที่หลิวซีซวนเรียนรู้นั้นมีทั้งการใช้จิตสัมผัสพยากรณ์ ใช้วันเดือนปีเกิด วิชาฮวงจุ้ยของตระกูลหลิว และวิชาค่ายกลขั้นกลาง เขาเคยคิดอยากจะเก่งกาจดั่งจอมยุทธจึงลองจับตำรายุทธ์ดู ทว่าผลลัพธ์กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แถมยังเปิดไม่ออกอีก ท่านตาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา เขาจึงถามว่าเมื่อใดจะถึงเวลา ท่านก็ตอบว่าอาจจะไม่ถึงเวลาไปตลอดชีวิต เพราะยามนี้พลังที่จำเป็นสำหรับเขามีแค่ด้านพยากรณ์เพียงเท่านั้น
วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก เขาต้องได้อยู่ใกล้ๆ หรือสัมผัสร่างผู้ที่จะถูกทำนายแล้วเพ่งจิตดู เพียงเท่านี้เขาก็จะมองเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งอดีตและอนาคตอันใกล้ ตามแต่ที่สวรรค์จะยอมให้เปิดเผยได้ แต่เนื่องด้วยเขายังอยู่ในระดับขั้นต้น จึงไม่อาจพยากรณ์ได้ลึกซึ้ง ซ้ำหากเจอผู้ที่มากบุญบารมีหรือคนที่ดวงแข็ง ก็อาจจะไม่สามารถเพ่งมองเห็นภาพในนิมิตได้ หรือหากเห็นก็อาจจะเห็นได้ไม่ครบถ้วนนัก
รวมๆ คือ พอดูดวงเล็กๆ น้อยๆ ได้แน่นอน เหมือนกับพวกนักพรตนั่นเอง
ส่วนอาการเวียนหัวบ้านหมุนคลื่นไส้ต่างๆ นั้น น่าจะหายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากได้ปลุกพลังด้านพยากรณ์ได้สมบูรณ์
“ท่านจะบอกข้าว่าคุณชายหลิวมีอาการปวดหัวด้วยหรือ น่าแปลกเสียจริงที่ข้าไม่พบโรคที่เกี่ยวข้อง คาดว่าคงเป็นเพราะความเครียดกระมัง ท่านต้องให้คุณชายพักผ่อนให้มากเสียหน่อย”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น เขาจำได้ดีว่าคนผู้นี้คือท่านหมอ ที่ช่วยรักษาเขานั่นเอง
“ขอบคุณท่านหมอ ข้าจะกำชับคุณชายให้พักผ่อนมากขึ้น แล้วอาการที่เกิดจากพิษเล่า”
เสียงจางหย่งเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“เจ้าหมายถึงเรื่องพิษไอเย็นที่ทำให้คุณชายเกอผู้นี้เป็นหมันใช่หรือไม่ นับว่าพวกเจ้าบำรุงคุณชายมาอย่างดี อาการจึงยังทรงตัว ไม่ได้ทรุดตัวลงไป แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายก็ยังมีพิษตกค้าง หากคุณชายผู้นี้ใช้ร่างกายหักโหมเกินไปจนหยินหยางขาดสมดุล อาการก็จะทรุดตัวลง บางครั้งก็จะมีอาการหนาวสั่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เจ้าต้องคอยสังเกตคุณชายของเจ้าให้ดีๆ ด้วย แต่ทางที่ดี เขาควรจะได้รับยาถอนพิษที่ตรงกับพิษที่โดนมาต่อเนื่อง จากนั้นหากเจ้าสามารถหาโสมร้อยปีขึ้นไปมาดื่ม ก็จะสามารถบำรุงให้มดลูกกลับมาแข็งแรงได้”
เขาไม่ได้ลืมตาขึ้น แต่ท่องจำสิ่งที่หมอบอกให้ขึ้นใจ
นอกจากต้องหาสามีแล้ว มดลูกของเกออย่างเขาก็ต้องแข็งแรงเพื่อให้กำเนิดทายาทตระกูลหลิว เขาจึงจะมีชีวิตรอด
“ท่านหมอไม่ต้องห่วง เรื่องยาถอนพิษ ข้าจะเตรียมให้เขาเอง ข้าเพียงแค่ไม่อยากเห็นเขาทรมาน”
“หากเจ้าตั้งใจช่วยคุณชายจริง ข้าเชื่อว่าสักวันคุณชายหลิวจะกลับมาหายดี เขาจะต้องมีบุตรให้เจ้าได้แน่นอน”
อุ๊ย ท่านหมอ พูดดี ข้าอยากให้รางวัลสักตำลึงเงิน
คนที่แกล้งหลับ มุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าในตอนที่รอฟังคำปฏิเสธจากหนุ่มหล่อสะท้านโลกันตร์ อีกฝ่ายกลับเงียบไปพักใหญ่
ว้าย ไม่ปฏิเสธ
“คุณชายหลิวน่าสงสาร ชีวิตที่ผ่านมาของเขา ทุกข์มามาก เขาสมควรมีความสุขมากๆ เสียที” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบศีรษะเขาแผ่วเบา
แต่งค่ะ แต่งได้เคย แต่งวันนี้ ข้าพร้อมเข้าหอแล้ว
หลังจากที่แกล้งหลับ เขาก็หลับไปจริงๆ อีกรอบ ก่อนจะฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวัน ยามนี้โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวน่าจะวุ่นวายกันน่าดู เขาหายจากอาการปวดหัวบ้านหมุนแล้ว ก็ควรไปดูกิจการของตนเสียหน่อย“คุณชาย ท่านอย่าดื้อ ข้าบอกแล้วไงว่าท่านควรพักผ่อน”“ข้าพักเยอะแล้ว จางหย่ง ถ้าข้านอนอีก ข้าต้องเฉาแน่ ให้ข้าได้มาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ได้ชมการแสดงให้บันเทิงใจ ให้ข้าได้กินอาหารอร่อยเสียจะดีกว่า”หลิวซีซวนดื้อดึง ไม่ฟังคำห้ามปรามของบ่าวสุดหล่อ แล้วเดินตัวปลิวมายังโรงเตี๊ยมของตนและก็เป็นอย่างที่ตนคิด หลังจากที่ได้แสดงอภินิหารไป เรื่องราวที่เขามีพลังสามารถทำนายทายทักได้ก็เลื่องลือไปทั่วทั้งเมือง ยามนี้โรงเตี๊ยมของเขาจึงมีผู้คนมาเฝ้ารอแน่นขนัดไม่ ไม่ใช่รอจะชมการแสดง รอดูดวงต่างหาก“ตระกูลหลิวกลับมาแล้ว ตระกูลหลิวเป็นหนึ่งในปฐพี ตระกูลหลิวแห่งเหิงเยว่”“ตระกูลคู่แผ่นดิน ตระกูลหลิวศักดิ์สิทธิ์เสมอมา คุณชายหลิวคือผู้วิเศษ”“คุณชายหลิวมาเหิงเยว่เพื่อมาประทานพร เรียกฟ้าเรียกฝนให้พวกเรา ท่านมาเพื่อแก้ไขดวงชะตาพวกเราทุกคน”“คุณชายหลิวจงเจริญ”ไม่แปลกที่ผู้คนจะคลั่งขนาดนี้ ก็คุณชายหลิวทำนายได้แม่นขนาดนี้ นังบ่า
“ไอหยา เจ้าได้ยินเรื่องของอันธพาลตระกูลกู้หรือไม่ เมื่อคืน มีคนไปแบกร่างมันออกจากป่าช่วงกลางดึกเข้าโรงหมอ ได้ยินว่าขาหัก เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผล มาถึงก็โวยวายเสียงดังว่าเจอวิญญาณหลอกหลอน มีซากศพเดินได้ น่าจะเพ้อเพราะพิษไข้ป่าเป็นแน่”“ข้าสมน้ำหน้ามันนัก ชอบทำตัวกร่างไปทั่ว สุดท้ายสวรรค์ก็ลงทัณฑ์ ข้าว่ามันไม่ได้เป็นไข้หรอก คงเจอวิญญาณคนที่มันเคยทำร้ายตามหลอกหลอนมากกว่า บาปกรรมจริงๆ”“นางกู้ร้องไห้ไม่หยุดจนเช้า แม้ว่านางจะน่ารำคาญแต่ข้าก็สงสารนางไม่น้อย หัวอกคนเป็นแม่ เห็นสภาพลูกชายเป็นเช่นนั้นย่อมทำใจไม่ได้”“ข้าได้ยินว่านอกจากบาดแผลภายนอก กู้หมิงเฉียวยังเสียสติอีกด้วย สงสัยจะโดนผีหลอกจนเป็นบ้าไปแล้ว เอาแต่พูดว่าที่วัดซือคงมีปีศาจซ้ำไปซ้ำมา ท่าทางจะอาการหนัก”“นี่แหละหนา เขาเรียกว่ากรรมตามทัน”หลิวซีซวนไม่ใช่คนชอบนินทาใคร แต่การนั่งฟังคนนินทาก็ถือว่าเพลินไม่น้อย ขณะนี้เขาอยู่ที่โรงเตี๊ยมตระกูลหลิว ซึ่งจะเรียกว่าโรงเตี๊ยมก็กระดากปากเมื่อยามนี้คนที่แวะเวียนมา มีแต่คนอยากมาทำนายดวงชะตา หลิวซีซวนทอดถอนใจปลงกับโชคชะตา ก่อนจะสั่งให้ตู้เจาไปทำป้ายรับดูดวงชะตามาติดไว้หน้าโรงเตี๊ยมเสียให้สิ้นเรื่
เขาเดินกลับมาที่เรือนก็พบแม่ลูกอ่อนตู้ลี่จูกำลังอุ้มบุตรตัวน้อยเดินชมสวนอย่างอารมณ์ดี บัดนี้สหายคนเดียวของเขามีสีหน้าสดใสขึ้นจากครั้งแรกมาก เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ตัดเย็บดูดีกว่าเดิม แม้จะไม่หรูหราเช่นคนในเรือนขุนนางแต่ก็นับว่าสมฐานะ ด้านบุตรชายคนโตอย่างอาจ้านนั้นได้เข้าเรียนหนังสือแล้ว ส่วนบุตรสาวที่เพิ่งเกิดคนนี้ จ้ำม่ำน่ารักน่าเอ็นดู เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในเรือน หลิวซีซวนเองก็โดนตกไม่ต่างจากทุกคน ถึงขั้นซื้อกำไลทองและเสื้อผ้าหรูหราให้กับเด็กน้อยตั้งแต่ตัวนิดเดียวบัดนี้ ตระกูลหลิวแตกต่างจากที่เขาเคยเห็นไม่น้อย จากที่ดูหดหู่และว่างเปล่า เวลานี้กลับเริ่มมีข้าวของประดับตกแต่งประดับประดามากขึ้น คาดว่าตู้เฉิงคงไปกว้านซื้อของเดิมที่เคยนำไปขายเพื่อประทังชีวิตกลับมาประดับที่เรือนตระกูลหลิวดังเช่นเมื่อครั้งก่อน“กลับมาแล้วหรือ ท่านผู้วิเศษ” คุณแม่ลูกดกเอ่ยทักผู้มาใหม่ด้วยสายตาล้อเลียน ก่อนจะเสสายตาไปยังคนร่างสูงที่เดินประกบประหนึ่งเงาตามตัว “ตัวติดกันเสียจริงนะ เมื่อไหร่ข้าจะได้ยินข่าวมงคล”“ไม่มีข่าวมงคลอะไรทั้งนั้น” จางหย่งตัดบทเสียงเรียบ ทำเอาเกอคนงามถึงกับกลอกตามองบนไม่มีใจ แล้วทำไมต้องใส
“คุณชายหลิว ท่านจะไปที่ใด” ตู้เจาที่อยู่หน้าจวน เอ่ยทักทันที“จางหย่ง ข้าจะตามเขาไป ไม่รู้ว่าเขาไปไหน”“อ๋อ พี่จางหย่งน่ะหรือ เขาชอบออกจากจวนยามค่ำคืนอยู่บ่อยครั้ง คงจะออกไปหาความสุขที่โรงคณิกาหรือไม่ก็อาจจะกำลังเกี้ยวผู้ใดอยู่กระมัง” ตู้เจาเอ่ยตอบตามประสาคนซื่อ ทำเอาเกอคนงามถึงกับตาเหลือกกรี๊ดดด กูบ่ยอม กูบ่ยอม“แล้วเมื่อครู่ เขาไปทางไหน”“ไปทางทิศตะวันตกนั่นไง..คุณชาย คุณชาย เดี๋ยวก่อน” พอรู้ว่าจางหย่งไปทางไหนคุณชายเกอผู้แสนบอบบางก็ราวกับมีพลังไฟอันแรงกล้า ผู้วิเศษที่ใครก็พากันกราบไหว้นักหนาตอนนี้กำลังวิ่งตามผู้ชายโดยไม่สนใจตู้เจาที่ร้องเรียกเลยถนนยามค่ำคืนในเวลานี้ไม่ครึกครื้นเช่นกลางวัน แต่ก็ยังมีผู้คนสัญจรไปมา หากใครมองลงมาก็คงได้พบภาพประหลาด เห็นคนงามในชุดงามหรูหราที่ถูกคนนับถือราวกับผู้วิเศษกำลังวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่สนใจผู้ใด เขาเพิ่งรู้ว่าร่างกายที่บอบบางนี้เวลาที่มันหึงหวงแล้ว พละกำลังมันจะเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึงหลิวซีซวนวิ่งมาไกลจนกระทั่งแทบจะหมดแรงก็ไม่พบจางหย่ง แม้จะวิ่งไปแอบสอดส่องที่โรงคณิกาก็ไม่พบแม้แต่เงา ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นจะหายไปไหนได้“โอ๊ย เหนื่อยโว้ย” เข
“ท่านตา ท่านตา ช่วยข้าด้วย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”หลังจากที่ทนเก็บกดความรู้สึกหวาดหวั่นไว้ในอกจวบจนเดินทางมาถึงเรือน หลิวซีซวนก็กำหนดจิตเข้าไปในมิติส่วนตัว แล้วแหกปากร้องโวยวายเสียงดังไปทั้งมิติส่วนตัว เพียงไม่นานบรรพบุรุษของเขาที่กำลังจิบชาที่ริมบ่อบัวก็วิ่งหน้าตั้งมาหาทายาทเพียงคนเดียวด้วยท่าทางแตกตื่น“เกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหลานข้า” “ท่านตา ผู้ชายของข้ากำลังจะตาย” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตระหนก ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เขาเห็นในนิมิตให้ท่านตาฟังอย่างละเอียด หลิวหงชิงนั้นทั้งรู้สึกเหนื่อยหน่ายปนระอากับหลานผู้นี้ไม่น้อย“เจ้าไม่ยอมเข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองแม้แต่เพียงสักครั้ง แต่กลับเข้ามาเพื่อบุรุษน่ะหรือ”“ไม่ใช่บุรุษธรรมดา เป็นคนที่จะเป็นสามีในอนาคต จางหย่งจะตายไม่ได้นะท่านตา ถ้าตายแล้ว ข้าจะอยู่ยังไง” “ก็ไม่ยังไง เจ้าก็หาบุรุษผู้อื่นเสีย เอาคนที่อายุยืนยาวเสียหน่อย บุรุษในเหิงเยว่ไม่มีแล้วรึ”“มี แต่ตอนนี้ข้าไปไหนพวกเขาก็พากันเทิดทูนราวกับผู้วิเศษ ใครจะอยากได้ผู้วิเศษที่มีคนกราบไหว้ไปร่วมเตียง ไม่รู้ล่ะท่านตา ข้าจะเอาจางหย่ง ถ้าเขาตาย ข้าจะไม่มีสามีใหม่” คราวนี้หลิวหงชิงถึง
ช่วงเวลานี้ เมืองหลวงสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ล้มป่วย กลุ่มขุนนางที่เป็นพวกของฮ่องเต้ก็มีปัญหากันถ้วนหน้า แถมกลุ่มคนที่สนับสนุนจวิ้นอ๋องกำลังเรืองอำนาจมากขึ้นราวกับโชคชะตากำลังเข้าข้างพวกมัน หัวหน้าหน่วยตงฉางอย่างเซวียนจางหย่งนั้นวุ่นวายกว่าเดิมไม่น้อย เขาต้องรีบเร่งมือจัดการจวิ้นอ๋อง ก่อนจะสายเกินไปน่าเสียดายที่วัดซือคงนั้นเงียบเชียบ ไร้หลักฐานเอาผิดจวิ้นอ๋อง ในตอนที่เขาดูเหมือนกำลังจะได้หลักฐานบางอย่างก็กลับพบเพียงความว่างเปล่า หลวงจีนที่ตามฆ่าเขาก็หายสาบสูญไปจากวัดโดยไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานอะไรเอาไว้ คนที่ส่งเข้าไปสอดแนมก็โดนกำจัดจนหมด แม้แต่หลี่เฉียงฮุยสหายของเขาที่เป็นผู้ตรวจการก็ไม่ได้ส่งข่าวอะไรมาเพิ่มเติมมันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ ไป เหมือนกับที่เหิงเยว่ที่บรรยากาศดูอึมครึมลงแต่เขาไม่รู้ว่ามันมาจากสาเหตุอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรสามารถมาหยุดยั้งหัวหน้าหน่วยตงฉางที่กำลังจะออกไปเก็บหลักฐานการซ่องสุมกำลังของจวิ้นอ๋อง แล้วนำกลับไปทูลถวายฮ่องเต้ได้ชายหนุ่มเดินออกจากเรือนส่วนตัวในตระกูลหลิวด้วยท่าทางมุ่งมั่น แต่พลันสายตากลับไปปะทะกับร่างบางที่สวมเพียงเสื้อคลุมตัวบางเพีย
“ขออภัยที่ให้คุณชายรอนาน ข้าหลิวซีซวน ผู้ที่จะทำนายดวงชะตาให้ท่านในวันนี้” หลิวซีซวนมาถึงก็รีบทักทายบุรุษที่กำลังรอในห้องรับรองตามมารยาทเสียก่อน เพียงแค่กวาดตามองก็บอกได้ว่าคนผู้นี้มีรูปงามเหนือใคร ผิวพรรณเนียนละเอียด ดูท่าจะมาจากตระกูลผู้ดี เครื่องแต่งกายหรูหราเพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเขามาจากเมืองหลวง ทว่าท่าทางเสเพลนี้ช่างดูขัดตาไม่น้อย“ไม่เป็นไรคุณชายหลิว ข้านั้นแซ่จิน ได้ยินมาว่าที่เหิงเยว่มีนักพยากรณ์ที่แม่นราวกับมีตาทิพย์ ข้าจึงอยากลองสัมผัสดูสักครั้ง แต่ไม่คิดว่าผู้ที่ทำนายดวงชะตาของข้าจะเป็นคนเดียวกับที่ร่ายรำได้อย่างไหลลื่นในวันเปิดการแสดงที่โรงเตี๊ยม”“หืม ท่านมาก็มาชมการแสดงวันนั้นด้วยหรือ”อ่า ข้าจำได้แล้ว นี่มันคุณชายเจ้าสำราญที่แวะมาดูการแสดงในคืนแรกของเขานี่นา“ข้าชมชอบเรื่องสนุกสนาน ชอบศิลปะและการแสดงเป็นอย่างมาก ท่านร่ายรำได้งดงามแปลกตาชวนตะลึง แต่ได้มาพบหน้าท่านใกล้ๆ เช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด”ถ้ามาจากเมืองหลวงก็คงต้องคุ้นหน้าเขาบ้างล่ะ ก็เขาเป็นเกอคนงามจากตระกูลดังที่เพิ่งถูกขับไล่ออกมาเพราะคบชู้ ยังไงล่ะบุรุษผู้มาใหม่มองคนงามอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยต่
ณ จวนเสนาบดีเซี่ยกลางดึกคืนนี้ บุตรเขยของเสนาบดีเซี่ยเดินทางมาเข้าเยี่ยมพบ ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นการแวะเวียนมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ตามประสาคนคุ้นเคย ใครจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้ ที่แท้ก็คือสถานที่พูดคุยเรื่องสำคัญที่ไม่อาจแพร่งพราย“คารวะท่านพ่อตา ไม่ทราบว่าท่านให้คนไปตามข้า มีเรื่องอะไร”“ข้าได้ยินเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง เขาว่าที่เมืองเหิงเยว่มีตระกูลดังตระกูลหนึ่ง มีชื่อว่าตระกูลหลิว คุณชายหลิวผู้เป็นทายาทเพียงผู้เดียวนั้นเป็นเกอรูปงามที่เชี่ยวชาญด้านการร่ายรำ คนผู้นั้นใช่ภรรยาชั่วของเจ้าที่ถูกเจ้าขับไล่ไปหรือไม่”“ท่านพ่อตาโปรดวางใจ คนของข้ารายงานมาว่าเหอซีซวนผู้นี้ถูกแทงกลางอกจนสิ้นลมหายใจ ไม่อาจย้อนกลับมาสร้างความกังวลใจให้กับท่านและอ้ายเหม่ยแน่นอน ข้าคิดว่าคุณชายหลิวผู้นั้นคงเป็นทายาทคนอื่นกระมัง เหอซีซวนผู้นั้นนอกจากความงามแล้ว ก็หยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ย่อมไม่มีทางเป็นคนเดียวกันแน่นอน”“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี เจ้าคงรู้ว่าบุตรสาวข้าต้องอดทนเพียงใด กว่าจะได้ครองรักกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”“ท่านพ่อตา ข้านั้นรักอ้ายเหม่ยยิ่งชีวิต นางคือหญิงเดียวในดวงใจของข้า ท่านโปรดวางใ
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา