“คุณชายหลิว ท่านจะไปที่ใด”
ตู้เจาที่อยู่หน้าจวน เอ่ยทักทันที
“จางหย่ง ข้าจะตามเขาไป ไม่รู้ว่าเขาไปไหน”
“อ๋อ พี่จางหย่งน่ะหรือ เขาชอบออกจากจวนยามค่ำคืนอยู่บ่อยครั้ง คงจะออกไปหาความสุขที่โรงคณิกาหรือไม่ก็อาจจะกำลังเกี้ยวผู้ใดอยู่กระมัง” ตู้เจาเอ่ยตอบตามประสาคนซื่อ ทำเอาเกอคนงามถึงกับตาเหลือก
กรี๊ดดด กูบ่ยอม กูบ่ยอม
“แล้วเมื่อครู่ เขาไปทางไหน”
“ไปทางทิศตะวันตกนั่นไง..คุณชาย คุณชาย เดี๋ยวก่อน” พอรู้ว่าจางหย่งไปทางไหนคุณชายเกอผู้แสนบอบบางก็ราวกับมีพลังไฟอันแรงกล้า ผู้วิเศษที่ใครก็พากันกราบไหว้นักหนาตอนนี้กำลังวิ่งตามผู้ชายโดยไม่สนใจตู้เจาที่ร้องเรียกเลย
ถนนยามค่ำคืนในเวลานี้ไม่ครึกครื้นเช่นกลางวัน แต่ก็ยังมีผู้คนสัญจรไปมา หากใครมองลงมาก็คงได้พบภาพประหลาด เห็นคนงามในชุดงามหรูหราที่ถูกคนนับถือราวกับผู้วิเศษกำลังวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่สนใจผู้ใด เขาเพิ่งรู้ว่าร่างกายที่บอบบางนี้เวลาที่มันหึงหวงแล้ว พละกำลังมันจะเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
หลิวซีซวนวิ่งมาไกลจนกระทั่งแทบจะหมดแรงก็ไม่พบจางหย่ง แม้จะวิ่งไปแอบสอดส่องที่โรงคณิกาก็ไม่พบแม้แต่เงา ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นจะหายไปไหนได้
“โอ๊ย เหนื่อยโว้ย” เขายืนเอามือเท้าเข่าเอาไว้ ก่อนจะหอบหายใจหนักด้วยความเหน็ดเหนื่อย เกอคนงามหอบหายใจเสียงดัง ก่อนจะมองไปรอบๆ ก็พบว่ายามนี้ตนกำลังอยู่ที่ริมทะเลสาบเหิงเยว่ ดอกหยิงฮวาบานสะพรั่งพร้อมกับส่งกลิ่นหอมหวนท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่กลางฟ้า บรรยากาศดีจนหลิวซีซวนอยากจะนอนทิ้งตัวลงไป
“วิ่งสนุกหรือไม่”
“สนุกอะไรล่ะ แฮ่กๆ เหนื่อยจะตายชัก ข้าเกือบจะเป็นลม อ๊ะ เจ้า”
จู่ๆ จางหย่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าราวกับเทพเซียน ดวงตาคมมองมาที่เขาพร้อมกับคลี่ยิ้มขบขัน
“แฮ่กๆ เจ้า เจ้าล้อเลียนข้า”
“ท่านคิดไปเองต่างหาก ว่าแต่ท่านตามข้ามาทำไม”
“ก็..ใครบอกว่าข้าตามมา ข้าแค่อยากจะมารับลมเย็นเพียงเท่านั้น” หลิวซีซวนเชิดหน้าไม่ยอมรับด้วยท่าทาางดื้อดึง ดวงตาดอกท้อหรี่ลง ก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างแง่งอน
“เจ้ามาทำอะไรข้างนอก”
“ท่านคิดว่าที่นี่งดงามหรือไม่ บรรยากาศดีเช่นนี้เหมาะกับการชมจันทร์”
“แล้ว..มาคนเดียวหรือ” หลิวซีซวนเอ่ยถามเสียงแผ่ว เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากบุรุษตรงหน้าได้ไม่น้อย
“ข้าไม่ได้มากับใคร ยามนี้ก็มีเพียงข้ากับท่าน” จางหย่งเอ่ยเสียงนุ่ม ทว่าคุณชายหลิวกลับยังคงมีคำถาม
“เจ้าเป็นใครกันแน่ จางหย่ง เหตุใดต้องทำตัวเป็นปริศนาอยู่ทุกเมื่อ”
ชายหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะปรายสายตาไปยังเลี่ยงหรงและเลี่ยงชิวที่กำลังหลบอยู่บนต้นไม้อย่างเงียบๆ
“หากท่านอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร มีที่มาที่เป็นเช่นไร เช่นนั้นท่านก็ลองดูเอาเองเถิด” ชายหนุ่มยื่นมือของตนให้อีกอีกฝ่ายใช้พลังจิตสัมผัสทำนายชะตา วันนี้จางหย่งเองก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะปิดบังฐานะของตนจากหลิวซีซวนอีกแล้ว หากอีกฝ่ายรู้ว่าตนเป็นใครแล้วจะรังเกียจไม่อยากเผชิญกับเรื่องวุ่นวาย และขับไล่เขาออกจากตระกูลหลิว เขาก็ยินดี
“เจ้าอนุญาตแล้วนะ” หลิวซีซวนเอ่ยย้ำ เขาไม่ใช่คนประเภทสอดรู้สอดเห็นถึงขนาดที่จะทำนายดวงชะตาของคนใกล้ตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากเอง เขาก็ไม่รอช้าที่จะใช้พลังในการทำนายทายทักของตน
เพียงแค่มือทั้งสองสัมผัสกันก็เหมือนโลกหยุดหมุน ดอกหยิงฮวาที่กำลังร่วงหล่นนั้นหยุดนิ่งกลางอากาศ ดวงตาของทายาทตระกูลหลิวกลายเป็นสีทองส่องสว่างเหมือนกับพระจันทร์กลางฟ้าในเวลานี้ ในช่วงเวลาที่พระจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ก็ยิ่งเสริมพลังในการทำนายของเขาให้ยิ่งแม่นยำมากขึ้นไปอีก ในหัวของหลิวซีซวนมีภาพมากมายผุดขึ้นมา เขาเห็นจวนแม่ทัพ เห็นการสอบจอหงวน เห็นราชสำนัก เห็นบุรุษในชุดสีทองลายมังกร เห็นทหาร เห็นการต่อสู้อันแสนดุเดือด ทว่าแม้จะใช้พลังของตนพยายามตรวจชะตาของอีกฝ่ายแต่ก็ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมีดวงชะตาที่แข็งแกร่ง ทำให้เขาไม่อาจตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้เป็นใครกันแน่
ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะเต็มไปด้วยบารมี คาดว่าน่าจะเป็นขุนนางระดับสูงผู้หนึ่ง
“เจ้าเป็นขุนนาง”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
“ช่วงที่ผ่านมา เจ้ามีเคราะห์ใหญ่”
“ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าจากการโดนทำร้ายจนเป็นบ้าใบ้ เรื่องนี้ไม่ต้องทำนายก็คงรู้กระมัง ท่านรู้เพียงเท่านี้หรือ”
“อื้ม ข้าสามารถมองเห็นเพียงเท่านี้แหละ”
เขาเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มฝืดเฝื่อนให้กับชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างกาย
จะให้เขาบอกได้ยังไงว่าภาพสุดท้ายที่เขามองเห็น คือ ภาพที่จางหย่งอยู่ในชุดสีน้ำเงินลายพยัคฆ์กำลังถูกแทงทะลุด้วยดาบยาวจนเลือดไหลออกมา ย้อมชุดจนเป็นสีแดงสด
ผู้ที่จับด้ามดาบอยู่นั้น เป็นบุรุษในชุดสีทองลายมังกร
“ท่านตา ท่านตา ช่วยข้าด้วย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”หลังจากที่ทนเก็บกดความรู้สึกหวาดหวั่นไว้ในอกจวบจนเดินทางมาถึงเรือน หลิวซีซวนก็กำหนดจิตเข้าไปในมิติส่วนตัว แล้วแหกปากร้องโวยวายเสียงดังไปทั้งมิติส่วนตัว เพียงไม่นานบรรพบุรุษของเขาที่กำลังจิบชาที่ริมบ่อบัวก็วิ่งหน้าตั้งมาหาทายาทเพียงคนเดียวด้วยท่าทางแตกตื่น“เกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหลานข้า” “ท่านตา ผู้ชายของข้ากำลังจะตาย” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตระหนก ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เขาเห็นในนิมิตให้ท่านตาฟังอย่างละเอียด หลิวหงชิงนั้นทั้งรู้สึกเหนื่อยหน่ายปนระอากับหลานผู้นี้ไม่น้อย“เจ้าไม่ยอมเข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองแม้แต่เพียงสักครั้ง แต่กลับเข้ามาเพื่อบุรุษน่ะหรือ”“ไม่ใช่บุรุษธรรมดา เป็นคนที่จะเป็นสามีในอนาคต จางหย่งจะตายไม่ได้นะท่านตา ถ้าตายแล้ว ข้าจะอยู่ยังไง” “ก็ไม่ยังไง เจ้าก็หาบุรุษผู้อื่นเสีย เอาคนที่อายุยืนยาวเสียหน่อย บุรุษในเหิงเยว่ไม่มีแล้วรึ”“มี แต่ตอนนี้ข้าไปไหนพวกเขาก็พากันเทิดทูนราวกับผู้วิเศษ ใครจะอยากได้ผู้วิเศษที่มีคนกราบไหว้ไปร่วมเตียง ไม่รู้ล่ะท่านตา ข้าจะเอาจางหย่ง ถ้าเขาตาย ข้าจะไม่มีสามีใหม่” คราวนี้หลิวหงชิงถึง
ช่วงเวลานี้ เมืองหลวงสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ล้มป่วย กลุ่มขุนนางที่เป็นพวกของฮ่องเต้ก็มีปัญหากันถ้วนหน้า แถมกลุ่มคนที่สนับสนุนจวิ้นอ๋องกำลังเรืองอำนาจมากขึ้นราวกับโชคชะตากำลังเข้าข้างพวกมัน หัวหน้าหน่วยตงฉางอย่างเซวียนจางหย่งนั้นวุ่นวายกว่าเดิมไม่น้อย เขาต้องรีบเร่งมือจัดการจวิ้นอ๋อง ก่อนจะสายเกินไปน่าเสียดายที่วัดซือคงนั้นเงียบเชียบ ไร้หลักฐานเอาผิดจวิ้นอ๋อง ในตอนที่เขาดูเหมือนกำลังจะได้หลักฐานบางอย่างก็กลับพบเพียงความว่างเปล่า หลวงจีนที่ตามฆ่าเขาก็หายสาบสูญไปจากวัดโดยไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานอะไรเอาไว้ คนที่ส่งเข้าไปสอดแนมก็โดนกำจัดจนหมด แม้แต่หลี่เฉียงฮุยสหายของเขาที่เป็นผู้ตรวจการก็ไม่ได้ส่งข่าวอะไรมาเพิ่มเติมมันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ ไป เหมือนกับที่เหิงเยว่ที่บรรยากาศดูอึมครึมลงแต่เขาไม่รู้ว่ามันมาจากสาเหตุอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรสามารถมาหยุดยั้งหัวหน้าหน่วยตงฉางที่กำลังจะออกไปเก็บหลักฐานการซ่องสุมกำลังของจวิ้นอ๋อง แล้วนำกลับไปทูลถวายฮ่องเต้ได้ชายหนุ่มเดินออกจากเรือนส่วนตัวในตระกูลหลิวด้วยท่าทางมุ่งมั่น แต่พลันสายตากลับไปปะทะกับร่างบางที่สวมเพียงเสื้อคลุมตัวบางเพีย
“ขออภัยที่ให้คุณชายรอนาน ข้าหลิวซีซวน ผู้ที่จะทำนายดวงชะตาให้ท่านในวันนี้” หลิวซีซวนมาถึงก็รีบทักทายบุรุษที่กำลังรอในห้องรับรองตามมารยาทเสียก่อน เพียงแค่กวาดตามองก็บอกได้ว่าคนผู้นี้มีรูปงามเหนือใคร ผิวพรรณเนียนละเอียด ดูท่าจะมาจากตระกูลผู้ดี เครื่องแต่งกายหรูหราเพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าเขามาจากเมืองหลวง ทว่าท่าทางเสเพลนี้ช่างดูขัดตาไม่น้อย“ไม่เป็นไรคุณชายหลิว ข้านั้นแซ่จิน ได้ยินมาว่าที่เหิงเยว่มีนักพยากรณ์ที่แม่นราวกับมีตาทิพย์ ข้าจึงอยากลองสัมผัสดูสักครั้ง แต่ไม่คิดว่าผู้ที่ทำนายดวงชะตาของข้าจะเป็นคนเดียวกับที่ร่ายรำได้อย่างไหลลื่นในวันเปิดการแสดงที่โรงเตี๊ยม”“หืม ท่านมาก็มาชมการแสดงวันนั้นด้วยหรือ”อ่า ข้าจำได้แล้ว นี่มันคุณชายเจ้าสำราญที่แวะมาดูการแสดงในคืนแรกของเขานี่นา“ข้าชมชอบเรื่องสนุกสนาน ชอบศิลปะและการแสดงเป็นอย่างมาก ท่านร่ายรำได้งดงามแปลกตาชวนตะลึง แต่ได้มาพบหน้าท่านใกล้ๆ เช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด”ถ้ามาจากเมืองหลวงก็คงต้องคุ้นหน้าเขาบ้างล่ะ ก็เขาเป็นเกอคนงามจากตระกูลดังที่เพิ่งถูกขับไล่ออกมาเพราะคบชู้ ยังไงล่ะบุรุษผู้มาใหม่มองคนงามอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยต่
ณ จวนเสนาบดีเซี่ยกลางดึกคืนนี้ บุตรเขยของเสนาบดีเซี่ยเดินทางมาเข้าเยี่ยมพบ ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นการแวะเวียนมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ตามประสาคนคุ้นเคย ใครจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้ ที่แท้ก็คือสถานที่พูดคุยเรื่องสำคัญที่ไม่อาจแพร่งพราย“คารวะท่านพ่อตา ไม่ทราบว่าท่านให้คนไปตามข้า มีเรื่องอะไร”“ข้าได้ยินเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง เขาว่าที่เมืองเหิงเยว่มีตระกูลดังตระกูลหนึ่ง มีชื่อว่าตระกูลหลิว คุณชายหลิวผู้เป็นทายาทเพียงผู้เดียวนั้นเป็นเกอรูปงามที่เชี่ยวชาญด้านการร่ายรำ คนผู้นั้นใช่ภรรยาชั่วของเจ้าที่ถูกเจ้าขับไล่ไปหรือไม่”“ท่านพ่อตาโปรดวางใจ คนของข้ารายงานมาว่าเหอซีซวนผู้นี้ถูกแทงกลางอกจนสิ้นลมหายใจ ไม่อาจย้อนกลับมาสร้างความกังวลใจให้กับท่านและอ้ายเหม่ยแน่นอน ข้าคิดว่าคุณชายหลิวผู้นั้นคงเป็นทายาทคนอื่นกระมัง เหอซีซวนผู้นั้นนอกจากความงามแล้ว ก็หยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ย่อมไม่มีทางเป็นคนเดียวกันแน่นอน”“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี เจ้าคงรู้ว่าบุตรสาวข้าต้องอดทนเพียงใด กว่าจะได้ครองรักกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”“ท่านพ่อตา ข้านั้นรักอ้ายเหม่ยยิ่งชีวิต นางคือหญิงเดียวในดวงใจของข้า ท่านโปรดวางใ
“ดูจากโหงวเฮ้ง คงมีคนอยากเอาชีวิตบุรุษเช่นท่านไม่มากก็น้อย อยากไปนักก็ระวังตัว สวมเกราะอ่อนเอาไว้เสียบ้าง”หลิวซีซวนตัดสินใจเอ่ยเตือนอ้อมๆ ไม่รู้ว่าคนผู้นี้จะฟังหรือไม่ แต่ถือว่าเขาได้เตือนแล้ว หากกลับไปแล้วยังตายอีก ก็นับว่าเป็นโชคชะตาที่พรากไม่ให้เราคู่กัน ข้าก็คงทำได้แค่ทำใจเท่านั้น“คุณชายหลิว คุณชาย ช่วยลูกข้าด้วย” เสียงร้องแรกแหกกระเชอดังขึ้นมาจากด้านหน้า ก่อนจะมีหญิงนางหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน เมื่อเขาสังเกตให้ดีก็ถึงกับเบิกตากว้าง“ท่าน..ฮูหยินเจ้าเมือง” ทำไมถึงได้ดูโทรมขนาดนี้“เจ้าช่วยหลี่เฉียงฮุยด้วย เขาสลบไปหลายวัน ยังไม่ฟื้นเลย”“ฮูหยิน ข้ามิใช่หมอ”“ข้าตามหมอทุกคนมาแล้ว ล้วนแต่บอกว่าร่างกายของเฉียงฮุยแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่เขายังไม่ฟื้น เจ้าช่วยตรวจดวงชะตาให้เขาทีเถิด”หลี่เฉียงฮุยผู้หล่อเหลาและสง่างามผู้นั้น เขายังจำได้ดี คนผู้นั้นมีสง่างาม เป็นคนแรกที่เขาพบแล้วพลังด้านการพยากรณ์ของเขาปะทุออกมา เขาคนนั้นมีดวงชะตาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นดวงชะตาที่ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อยและในฐานะนักพยากรณ์ ดวงชะตาเช่นนั้น ไม่สามารถล้มหมอนนอนเสื่อได้เกินหนึ่งวันต้องเกิดอะไ
พวกเขาเดินทางไปที่วัดซือคงอย่างเร่งรีบ หากหน่วยตงฉางเดินทางไปเองคงใช้กำลังภายในรุดหน้าไปได้ในเวลาไม่นาน ทว่าวันนี้เขามีเกอรูปงามท่าทางบอบบางเดินทางมาด้วย จึงเลือกเดินทางด้วยม้าเพื่อทุ่นแรงคุณชายหลิวคุณชายหลิวนั้นมีท่าทางมุ่งมั่นแน่วแน่ในการช่วยเหลือหลี่เฉียงฮุยผู้โชคดี จากที่เคยทำตัวซุกซนก็ปรับเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ที่ผ่านมาพวกเขาก็พยายามสอดแนมเข้าไปสืบหาหลักฐานในวัดซือคงอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พวกหลวงจีนและคนของท่านอ๋องนั้นระวังตัวเป็นอย่างดี จนไม่มีหลักฐานอะไรเชื่อมโยงกันได้เลยแม้แต่น้อย หากเขาไม่รู้มาก่อนว่าหลวงจีนของวัดซือคงเคยวางยาพิษหัวหน้าของเขาและตามไล่ล่าจนอีกฝ่ายเกือบตาย คงไม่เชื่อว่าวัดซือคงจะทำเรื่องเสื่อมเสียเป็นแน่ทว่าทันทีที่คุณชายหลิวกระโดดขึ้นหลังม้า อีกฝ่ายก็กอดเอวหัวหน้าของเขาแล้วหลับทันที ไม่เหลือมาดคนมุ่งมั่นเมื่อครู่“เจ้าว่าวันนี้จะได้เรื่องหรือไม่เลี่ยงชิว คุณชายหลิวง่วงจนหลับไปแล้ว”“คุณชายน่าจะพักสายตา ท่านต้องเก็บเรี่ยวแรงไว้อีกมาก”“คร่อกก ฟรี้” อ้าว คุณชายอย่าเพิ่งหลับ ตื่นขึ้นมาก่อนแท้จริงแล้ว ที่หลิวซีซวนหลับลงไปก็เพื่อจะเข้ามิติส่
เขาวิ่งมาเรื่อยๆ ก็พบกับห้องโถงใต้ดินอีกแห่ง สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ห้องว่างเปล่าไร้สิ่งของ แต่คนจากตระกูลหลิวนั้นไม่อาจถูกลวงตาด้วยค่ายกลธรรมดาได้ เขาฟาดดาบไปยังผนังแห่งหนึ่งมันก็ปรากฏเป็นประตู เมื่อเปิดออกไปก็พบว่ายามนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ที่ศาลากลางป่าแห่งหนึ่ง“แฮ่ก แฮ่ก คุณชายหลิว เมื่อกี้มันอะไรกันแน่”“อุโมงค์ลับยังไงล่ะ เป็นเส้นทางลับที่พาเรามายังศาลาทำพิธีในป่านี้ เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าที่แห่งนี้มีพลังงานดำมืด น่าขยะแขยงเพียงใด กลิ่นอายความชั่วร้ายที่ปกคลุมเหิงเยว่ในช่วงที่ผ่านมาก็มาจากที่นี่” เขาผายมือไปยังแท่นทำพิธีที่เต็มไปด้วยเลือดชโลมไปทั่วบริเวณ ที่นี่มีทั้งเทียนสีแดงที่ส่องสว่างไม่มีวันดับ มีมีดที่ปักอยู่บนตุ๊กตาดินปั้นที่กำลังแต่งกายด้วยเศษผ้าของหลี่เฉียงฮุย ด้ายสีแดงโยงใยเป็นเส้นสายจากตัวตุ๊กตาไปยังตุ๊กตาตัวใหญ่สวมใส่ชุดหรูหราอีกตัว“หัวหน้า ท่านคิดเหมือนข้า ใช่หรือไม่”“ใช่ ข้ากำลังคิดว่าผู้ที่ชิงดวงชะตาของหลี่เฉียงฮุยไป น่าจะเป็นจวิ้นอ๋อง” “เช่นนั้น เขาย่อมมีแผนร้ายกับราชบัลลังก์เป็นแน่ เราต้องรีบทำลายพิธีชั่วช้านี้” เลี่ยงชิงเอ่ย ก่อนจะหันมาทางคุณชายหล
เปรี้ยง“แค่กๆ” จวิ้นอ๋องเฉินหวังหย่งผุดลุกขึ้นมากลางดึกแล้วกระอักเลือดคำโต วันนี้เขารับหลวงจีนจำนวนหนึ่งมาทำพิธีเสริมชะตาให้กับตนเองที่กำลังรุ่งโรจน์ถึงในจวน ใครจะคิดว่า จู่ๆ ฟ้าจะผ่าลงมาที่กลางจวนอ๋อง พลังงานบางอย่างตีกลับมาที่เขาอย่างรุนแรงจนต้องกระอักเลือดออกมาอย่างไม่คาดคิดเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ท่านอ๋อง พระองค์เป็นอะไรมากหรือไม่ หมอ ข้าจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้” ชายชราคนสนิทมีท่าทีแตกตื่นลนลาน ทั้งที่หลายวันที่ผ่านมา ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ท่านอ๋องไปเยือนที่ใดก็พบเจอแต่เรื่องราวดีๆ โชคชะตาเข้าข้าง อีกเพียงก้าวเดียว หากพวกเขาไปเยือนเมืองหลวงแล้วชิงดวงชะตาของฮ่องเต้มาได้ ทุกอย่างก็จะจบแล้วเหตุใดท่านอ๋องถึงได้..“หยุด ห้ามตามหมอเด็ดขาด” เขาเอ่ยพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปากช้าๆ ความเจ็บปวดยังคงมีอยู่ แต่เขาไม่อาจหุนหันพลันแล่น“ไปตามไต้ซือไป๋และพวกหลวงจีนที่ทำพิธีมาเดี๋ยวนี้” เมื่อท่านอ๋องสั่งการเพียงไม่นาน พวกหลวงจีนที่อดหลับอดนอนทำค่ายกลเสริมพลังให้กับท่านอ๋องก็ปรากฏตัว พวกเขานั้นมีสีหน้าซีดเซียวอิดโรย โดยเฉพาะไต้ซือไป๋ผู้เก่งกาจนั้น ดูเหมือนแทบจะทรงตัวไม่อยู่“เกิดอะไรขึ้น”“มีคนทำลายค่
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา