“ดูจากโหงวเฮ้ง คงมีคนอยากเอาชีวิตบุรุษเช่นท่านไม่มากก็น้อย อยากไปนักก็ระวังตัว สวมเกราะอ่อนเอาไว้เสียบ้าง”
หลิวซีซวนตัดสินใจเอ่ยเตือนอ้อมๆ ไม่รู้ว่าคนผู้นี้จะฟังหรือไม่ แต่ถือว่าเขาได้เตือนแล้ว หากกลับไปแล้วยังตายอีก ก็นับว่าเป็นโชคชะตาที่พรากไม่ให้เราคู่กัน ข้าก็คงทำได้แค่ทำใจเท่านั้น
“คุณชายหลิว คุณชาย ช่วยลูกข้าด้วย” เสียงร้องแรกแหกกระเชอดังขึ้นมาจากด้านหน้า ก่อนจะมีหญิงนางหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน เมื่อเขาสังเกตให้ดีก็ถึงกับเบิกตากว้าง
“ท่าน..ฮูหยินเจ้าเมือง” ทำไมถึงได้ดูโทรมขนาดนี้
“เจ้าช่วยหลี่เฉียงฮุยด้วย เขาสลบไปหลายวัน ยังไม่ฟื้นเลย”
“ฮูหยิน ข้ามิใช่หมอ”
“ข้าตามหมอทุกคนมาแล้ว ล้วนแต่บอกว่าร่างกายของเฉียงฮุยแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่เขายังไม่ฟื้น เจ้าช่วยตรวจดวงชะตาให้เขาทีเถิด”
หลี่เฉียงฮุยผู้หล่อเหลาและสง่างามผู้นั้น เขายังจำได้ดี คนผู้นั้นมีสง่างาม เป็นคนแรกที่เขาพบแล้วพลังด้านการพยากรณ์ของเขาปะทุออกมา เขาคนนั้นมีดวงชะตาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นดวงชะตาที่ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
และในฐานะนักพยากรณ์ ดวงชะตาเช่นนั้น ไม่สามารถล้มหมอนนอนเสื่อได้เกินหนึ่งวัน
ต้องเกิดอะไรกับหลี่เฉียงฮุยแน่นอน
หลิวซีซวนและเซวียนจางหย่งเร่งเดินทางตามฮูหยินหลี่ไปยังจวนเจ้าเมือง เมื่อมาถึง เขาก็พบว่าหลี่เฉียงฮุยผู้สง่างามผู้นั้นกำลังนอนซมในสภาพที่ร่างกายซีดเซียวราวกับถูกสูบเลือดออกไปจนหมด
“เกิดอะไรขึ้นกันฮูหยิน ทำไมคุณชายหลี่ถึงได้..” สภาพราวกับซากศพ ไร้พลังงานไหลเวียนอย่างที่คนทั่วไปควรจะมี แถมยังแผ่พลังอัปมงคลออกมาไม่หยุด
“ลูกชายข้าไปตรวจราชการที่อำเภอรอบนอกไม่กี่วัน พอกลับมาก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว นี่ท่านเจ้าเมืองก็พลอยป่วยตามไปด้วยอีกคน หมอก็หาสาเหตุไม่เจอ คุณชายหลิว ข้าหมดหนทางแล้ว ท่านช่วยตรวจชะตาของเฉียงฮุยให้ข้าที”
ฮูหยินเจ้าเมืองเอ่ยด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง สภาพของเธอเองก็ทรุดโทรมจนแทบจะยืนไม่อยู่ น่าเวทนาไม่น้อยเช่นกัน
ตระกูลหลี่ช่างน่าสงสารนัก
หลิวซีซวนหลับตานิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยดวงตาสีทองเป็นประกาย ดวงตากลมมองไปทั่วทั้งร่างของชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยทักขึ้นมา
“ฮูหยิน บุตรท่านผู้นี้มีชะตาไม่ธรรมดาใช่หรือไม่”
“ใช่ เคยมีหมอดูทำนายเอาไว้ว่าบุตรข้าผู้นี้มีชะตามหาโชค ตั้งแต่เขาเกิดมา หน้าที่การงานของบิดาก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด รับใช้ผู้ใดผู้นั้นก็เจริญ ไปเยือนที่ใดก็อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าเขาจะหยิบจับอะไรก็มักจะมีโชคเหนือกว่าทุกคน ไม่เช่นนั้น บุตรเจ้าเมืองเหิงเยว่ที่ห่างไกลจะก้าวขึ้นเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยวัยเพียงเท่านี้ได้อย่างไร”
ดวงมหาโชคนั่นเอง ดวงมหาโชคนั้นนับว่ามีหนึ่งในล้าน เป็นดวงชะตาที่หายากและมักเกิดกับคนธรรมดาที่ถือกำเนิดอยู่ห่างไกล ทำอะไรก็โชคดีไปเสียหมด อยากได้อะไรก็ได้อย่างง่ายดาย หากเขาเป็นคนชั่วช้า บ้านเมืองย่อมลุกเป็นไฟ ชะตาเช่นนี้ แม้แต่ชะตามังกรของฮ่องเต้ยังต้องระแวง หากเขาเป็นคนดี คิดดี ทำเพื่อส่วนรวม บ้านเมืองย่อมเจริญรุ่งเรือง
แล้วคนที่มีดวงมหาโชคทำไมถึงได้นอนซมเช่นนี้
เขาหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะเห็นภาพหลายอย่างตัดสลับกันไปมา
เทียนแดง มืด หมุด มีด เศษผ้า
ทำไมภาพนี้คุ้นตานัก หรือเขาจะเคยเห็นที่นี่มาก่อน
ดวงตาสีทองหรี่ลง ก่อนจะพยายามเพ่งตรวจชะตาของบุรุษผู้นี้อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผู้มีดวงชะตามหาโชคนั้นมีร่างกายแข็งแกร่งดุจภูผา ไม่เคยเจ็บปวด แถมยังมีอายุยืนยาว จากที่ข้าดู คุณชายยังไม่ถึงฆาต แต่ที่เป็นเช่นนี้เพราะถูกคนทำพิธีชิงดวงชะตาไปต่างหาก”
“ชิงดวงชะตา หมายความว่ายังไง”
“หมายความว่า มีใครบางคนทำพิธีชิงดวงชะตาทำให้คุณชายหลี่อยู่ในสภาพนี้ ส่วนคนที่ได้ดวงชะตาไป ไม่ว่าจะคิดหวังสิ่งใดก็จะได้สมหวังอย่างง่ายดายราวกับโชคชะตาเข้าข้าง หากเราไม่รีบแก้ไข เขาจะตายภายใน 7 วัน เราต้องรีบหาจุดที่ทำพิธีเพื่อทำลายค่ายกลชิงดวงให้เร็วที่สุด” ฮูหยินเจ้าเมืองเครียดจนเป็นลม เมื่อได้ยินว่าบุตรชายคนเดียวกำลังจะตาย เดือดร้อนบ่าวไพร่ต้องเร่งพาตัวฮูหยินไปพักผ่อน ยามนี้เหลือเพียงแค่ผู้มาเยือนสองคนที่กำลังพูดคุยปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด
“แล้วท่านเห็นหรือไม่ ว่ามันอยู่ที่ไหน”
“ครั้งก่อนที่แม่นางกู้มาอาละวาดพร้อมกับหลวงจีน ข้าได้สัมผัสพลังของหลวงจีนผู้นั้นแล้วเห็นภาพของพิธีกรรมบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าค่ายกลมันตั้งอยู่ที่ใด แต่ย่อมเกี่ยวข้องกับวัดซือคงเป็นแน่”
ทันทีที่เขาพูดจบ เซวียนจางหย่งก็ผิวปากหวือ ก่อนที่บุรุษปริศนาสองคนจะโผล่มากลางจวนเจ้าเมืองราวกับภูตผี
“นี่..เจ้า”
“ท่านก็รู้จักตัวตนข้าแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหลบซ่อน นี่คือเลี่ยงหรงและเลี่ยงชิว เป็นคนของข้าเอง” ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำลูกน้องอย่างรวบรัด
“เรียนหัวหน้า ยามนี้ท่านเจ้าอาวาสเดินทางไปพำนักจวนอ๋องชั่วคราว พวกข้าสบโอกาสเข้าไปสอดแนมในวัด แต่พวกมันเตรียมการไว้อย่างดี พวกข้าไม่พบสิ่งที่คุณชายเอ่ยถึงเลยแม้แต่น้อย”
“มันต้องมีแน่ แต่นิมิตที่ข้าเห็น มันไม่ชัดเจน บางทีข้าอาจจะต้องไปค้นหาด้วยตัวเองจึงจะพบ ข้าจะไปวัดซือคงกับพวกเจ้าด้วย”
“เดี๋ยวก่อน มันอันตราย” เป็นครั้งแรกที่จางหย่งเอ่ยกับเขาด้วยเสียงเข้มราวกับกำลังดุเด็กดื้อ เกอรูปงามดวงตาสีทองเปล่งประกายอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม
“จางหย่ง เจ้ารู้จักหลี่เฉียงฮุยมาก่อนใช่หรือไม่”
“ใช่ หลี่เฉียงฮุยเป็นสหายข้าตั้งแต่สมัยที่เรียนที่สำนักศึกษา เขาเป็นคนดวงดีที่สุดเท่าที่ข้ารู้จักมา ไม่ว่าจะทำอะไร โชคก็มักจะเข้าข้างเขาเสมอ”
“ชีวิตของสหายของท่านอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ข้ามิได้อยากทำตัวเป็นวีรบุรุษนักหรอก แต่ท่านเข้าใจใช่หรือไม่ เรื่องนี้มีเพียงข้าที่ช่วยเขาได้”
เกอคนงามหันไปมองร่างที่นอนนิ่งราวกับซากศพบนเตียงด้วยสายตาเวทนา
“ชะตาของเขาถูกปล้นชิงไปเพื่อสร้างหายนะให้กับแคว้นเว่ย คนชั่วกำลังชิงดวงชะตาของเขาไปสร้างความเดือดร้อน มีผู้คนที่กำลังบาดเจ็บล้มตายเพราะเรื่องนี้ ข้ามิอาจอยู่เฉยได้”
ราวกับเป็นคำสาปของตระกูลหลิว นอกจากมีทายาทน้อยแล้วยังมีชะตาต้องมาพัวพันกับราชสำนักอยู่ร่ำไป แม้แต่หลิวซีซวนที่ชีวิตนี้มีเป้าหมายเดียวคือ หาสามี ก็ยังหลงเข้ามาในวังวนอันแสนวุ่นวายนี้
พวกเขาเดินทางไปที่วัดซือคงอย่างเร่งรีบ หากหน่วยตงฉางเดินทางไปเองคงใช้กำลังภายในรุดหน้าไปได้ในเวลาไม่นาน ทว่าวันนี้เขามีเกอรูปงามท่าทางบอบบางเดินทางมาด้วย จึงเลือกเดินทางด้วยม้าเพื่อทุ่นแรงคุณชายหลิวคุณชายหลิวนั้นมีท่าทางมุ่งมั่นแน่วแน่ในการช่วยเหลือหลี่เฉียงฮุยผู้โชคดี จากที่เคยทำตัวซุกซนก็ปรับเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ที่ผ่านมาพวกเขาก็พยายามสอดแนมเข้าไปสืบหาหลักฐานในวัดซือคงอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พวกหลวงจีนและคนของท่านอ๋องนั้นระวังตัวเป็นอย่างดี จนไม่มีหลักฐานอะไรเชื่อมโยงกันได้เลยแม้แต่น้อย หากเขาไม่รู้มาก่อนว่าหลวงจีนของวัดซือคงเคยวางยาพิษหัวหน้าของเขาและตามไล่ล่าจนอีกฝ่ายเกือบตาย คงไม่เชื่อว่าวัดซือคงจะทำเรื่องเสื่อมเสียเป็นแน่ทว่าทันทีที่คุณชายหลิวกระโดดขึ้นหลังม้า อีกฝ่ายก็กอดเอวหัวหน้าของเขาแล้วหลับทันที ไม่เหลือมาดคนมุ่งมั่นเมื่อครู่“เจ้าว่าวันนี้จะได้เรื่องหรือไม่เลี่ยงชิว คุณชายหลิวง่วงจนหลับไปแล้ว”“คุณชายน่าจะพักสายตา ท่านต้องเก็บเรี่ยวแรงไว้อีกมาก”“คร่อกก ฟรี้” อ้าว คุณชายอย่าเพิ่งหลับ ตื่นขึ้นมาก่อนแท้จริงแล้ว ที่หลิวซีซวนหลับลงไปก็เพื่อจะเข้ามิติส่
เขาวิ่งมาเรื่อยๆ ก็พบกับห้องโถงใต้ดินอีกแห่ง สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ห้องว่างเปล่าไร้สิ่งของ แต่คนจากตระกูลหลิวนั้นไม่อาจถูกลวงตาด้วยค่ายกลธรรมดาได้ เขาฟาดดาบไปยังผนังแห่งหนึ่งมันก็ปรากฏเป็นประตู เมื่อเปิดออกไปก็พบว่ายามนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ที่ศาลากลางป่าแห่งหนึ่ง“แฮ่ก แฮ่ก คุณชายหลิว เมื่อกี้มันอะไรกันแน่”“อุโมงค์ลับยังไงล่ะ เป็นเส้นทางลับที่พาเรามายังศาลาทำพิธีในป่านี้ เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าที่แห่งนี้มีพลังงานดำมืด น่าขยะแขยงเพียงใด กลิ่นอายความชั่วร้ายที่ปกคลุมเหิงเยว่ในช่วงที่ผ่านมาก็มาจากที่นี่” เขาผายมือไปยังแท่นทำพิธีที่เต็มไปด้วยเลือดชโลมไปทั่วบริเวณ ที่นี่มีทั้งเทียนสีแดงที่ส่องสว่างไม่มีวันดับ มีมีดที่ปักอยู่บนตุ๊กตาดินปั้นที่กำลังแต่งกายด้วยเศษผ้าของหลี่เฉียงฮุย ด้ายสีแดงโยงใยเป็นเส้นสายจากตัวตุ๊กตาไปยังตุ๊กตาตัวใหญ่สวมใส่ชุดหรูหราอีกตัว“หัวหน้า ท่านคิดเหมือนข้า ใช่หรือไม่”“ใช่ ข้ากำลังคิดว่าผู้ที่ชิงดวงชะตาของหลี่เฉียงฮุยไป น่าจะเป็นจวิ้นอ๋อง” “เช่นนั้น เขาย่อมมีแผนร้ายกับราชบัลลังก์เป็นแน่ เราต้องรีบทำลายพิธีชั่วช้านี้” เลี่ยงชิงเอ่ย ก่อนจะหันมาทางคุณชายหล
เปรี้ยง“แค่กๆ” จวิ้นอ๋องเฉินหวังหย่งผุดลุกขึ้นมากลางดึกแล้วกระอักเลือดคำโต วันนี้เขารับหลวงจีนจำนวนหนึ่งมาทำพิธีเสริมชะตาให้กับตนเองที่กำลังรุ่งโรจน์ถึงในจวน ใครจะคิดว่า จู่ๆ ฟ้าจะผ่าลงมาที่กลางจวนอ๋อง พลังงานบางอย่างตีกลับมาที่เขาอย่างรุนแรงจนต้องกระอักเลือดออกมาอย่างไม่คาดคิดเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ท่านอ๋อง พระองค์เป็นอะไรมากหรือไม่ หมอ ข้าจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้” ชายชราคนสนิทมีท่าทีแตกตื่นลนลาน ทั้งที่หลายวันที่ผ่านมา ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ท่านอ๋องไปเยือนที่ใดก็พบเจอแต่เรื่องราวดีๆ โชคชะตาเข้าข้าง อีกเพียงก้าวเดียว หากพวกเขาไปเยือนเมืองหลวงแล้วชิงดวงชะตาของฮ่องเต้มาได้ ทุกอย่างก็จะจบแล้วเหตุใดท่านอ๋องถึงได้..“หยุด ห้ามตามหมอเด็ดขาด” เขาเอ่ยพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปากช้าๆ ความเจ็บปวดยังคงมีอยู่ แต่เขาไม่อาจหุนหันพลันแล่น“ไปตามไต้ซือไป๋และพวกหลวงจีนที่ทำพิธีมาเดี๋ยวนี้” เมื่อท่านอ๋องสั่งการเพียงไม่นาน พวกหลวงจีนที่อดหลับอดนอนทำค่ายกลเสริมพลังให้กับท่านอ๋องก็ปรากฏตัว พวกเขานั้นมีสีหน้าซีดเซียวอิดโรย โดยเฉพาะไต้ซือไป๋ผู้เก่งกาจนั้น ดูเหมือนแทบจะทรงตัวไม่อยู่“เกิดอะไรขึ้น”“มีคนทำลายค่
จวบจนวันที่หลิวซีซวนเกือบตาย เขาจึงรู้ใจตัวเองว่าเขาตกหลุมรักเกอคนงามจนยากจะถอนตัวได้ ตอนที่หลิวซีซวนโดนฟ้าผ่าจนกระเด็น ดวงใจของเขารู้สึกเหมือนกับโดนมือที่มองไม่เห็นบีบรัด ตอนนั้นหลิวซีซวนนั้นเย็นยะเยือกไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด เมื่อหมอได้ตรวจอาการก็พบว่าหลิวซีซวนนั้นอาการหนักไม่น้อย ไม่น่าเชื่อว่าเพียงข้ามคืน เขาจะฟื้นขึ้นมาส่งยิ้มหวานให้กับเขาได้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่อยากแบ่งให้ใครได้เห็นเลยสักนิด“จางหย่ง เจ้าแอบจุมพิตหลังมือข้า ข้าเสียหาย ข้าขอเรียกร้องให้เจ้ารับผิดชอบด้วยการมาเป็นสามีของข้า”ชายหนุ่มถึงกับหลุดหัวเราะเสียงดังกับคำพูดของอีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาเกี้ยวเขาได้ คงไม่เป็นอะไรมากเลยสินะ“สิ่งใดที่ข้าทำลงไป ข้าพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง” เขาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะผละไปนำถ้วยยามาป้อนให้เขาอย่างระมัดระวัง“เจ้ารู้หรือไม่ ว่านี่คือยาอะไร”“ยาอะไร ก็ยาบำรุงที่เจ้าต้มให้ข้ากินทุกวันยังไง”เขาส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเฉลย“นี่คือยาถอนพิษกร่อนปราณ ข้าให้คนไปสืบแล้ว พิษที่เจ้าได้รับต่อเนื่องมาหลายปีคือ พิษกร่อนปราณ เป็นยาพิษที่ถานซงอวิ้นซื้อมาจากตลาดมืดเพื่อนำมาใช้กับเจ้า ทำให้เจ้าไม่อาจตั้งคร
เมื่อคืนก่อน เกอธรรมดาอย่างหลิวซีซวนเสี่ยงชีวิตเข้าไปในสถานที่ลับของวัดซือคง เขาใช้ความสามารถทุกอย่างที่ได้มาจากบรรพบุรุษเพื่อทำลายพิธีกรรมชั่วช้าของพวกหลวงจีนอย่างสุดกำลังจนโดนฟ้าผ่าตาย แม้จะรอดตายมาได้แต่พลังวิเศษต่างๆ ที่บรรพบุรุษมอบให้ ก็หายไปหมดทั้งหมดเพื่ออะไร เพื่ออะไรคะ!!เพื่อให้ผู้ชายที่มีดวงมหาโชคมาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มของเขาน่ะเหรอ“ไม่คิดเลยว่าสหายข้าจะร้อนแรงถึงเพียงนี้ แม้แต่คนที่เพิ่งฟื้นจากการโดนฟ้าผ่าก็ยังไม่เว้น อีกหน่อยท่านคงต้องรับศึกหนักเสียแล้ว เพราะเขาผู้นี้ หากมุ่งมั่นตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก็มักจะทำอย่างเต็มกำลัง”หลิวซีซวนมองผู้มาใหม่ที่เอ่ยวาจาหยอกล้อด้วยสายตาตำหนิ หากแปลคำพูดจากสายตาได้ คงแปลได้ว่าเสือกจริงๆ เพราะมึงนั่นแหละที่มาขัดจังหวะ“คุณชายหลิว ท่านอย่าทำหน้างอง้ำเลย ท่านรู้หรือไม่ว่า มันทำให้ท่านยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปอีก”“ข้าไม่ได้อยากให้ท่านมองว่าน่าเอ็นดู” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่รักษากิริยาแม้แต่น้อยทำไมนะ ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นถึงความน่ารำคาญของบุรุษผู้นี้ตั้งแต่แรก หน้าตาก็หล่อเหลาดี ดูเป็นคนมีคุณธรรมเสียอย่างเดียวคือ มาขัดจังหวะตอ
“เช่นนั้น ข้าขอถามท่านคุณชายหลิว ท่านแซ่เดิมคือ แซ่เหอ มาจากเมืองหลวงใช่หรือไม่”ชายหนุ่มคิ้วกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะตอบ“ใช่ ข้าคือเหอซีซวน อดีตเกอผู้งดงามอันดับหนึ่ง อดีตภรรยาของรองเจ้ากรมโยธาที่ถูกตราหน้าด้วยข้อหาคบชู้นั่นแหละ ท่านกลัวว่าตนเองจะคบหากับคนที่มีชื่อเสียงไม่ดีหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าแค่ถามให้แน่ใจ เรื่องที่ท่านถูกใส่ร้าย ข้าพอจะมองออก ถึงเรื่องราวจะฉาวโฉ่แต่คนในเมืองหลวงก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก ท่านไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะด่างพร้อย เพราะมีคนอีกไม่น้อยที่ไม่ได้โง่ แต่ที่ข้าสงสัยก็คือ ท่านยังปักใจกับถานตงหยางอยู่หรือไม่” หลี่เฉียงฮุยเอ่ยถามลองเชิง แต่กลับได้สายตาที่มองอย่างเย็นเยียบกลับไป“คุณชายหลี่ ข้าดูโง่นักหรือยังไง ข้าไม่รักคนที่สร้างเรื่องใส่ความ วางยาพิษ ขับไล่ข้า พยายามสังหารข้า แล้วปล้นชิงสมบัติกลับไปหรอก”“โอ้ ฟังดูเหมือนอดีตสามีของท่านนั้นจะชั่วช้ากว่าที่ข้าได้ยินมาเสียอีก ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”“ข้าไม่แปลกใจหรอก เขาเป็นคนที่ทะเยอทะยาน ที่ผ่านมาเขาใช้ทรัพย์สมบัติของข้าโปรยให้กับขุนนางเพื่อถางเส้นทาง จนก้าวขึ้นมาเป็นขุนนางระดับหกได้อ
หลี่ปิงจือ เจ้าเมืองเหิงเยว่นั้นเป็นบุรุษร่างอวบ ท่าทางใจดี เขาเป็นขุนนางตงฉินตั้งใจทำงานอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไร้เขี้ยวเล็บ ที่ไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับเจ้าเมืองได้ก็นับว่าเป็นโชคเสียมากกว่า เพราะแต่เดิม เขาเป็นเพียงขุนนางธรรมดาแต่หลังจากที่ภรรยาให้กำเนิดบุตรชาย ชีวิตของพวกเขาก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่รู้ว่าเขาไปทำคุณงามความดีอะไร ถึงได้คู่ควรกับบุตรชายผู้นี้ หลี่เฉียงฮุยเป็นเด็กดีและใฝ่ดี เขาก็ส่งไปเข้าสถานศึกษาที่เมืองหลวง จวบจนบุตรชายเติบใหญ่ หน้าที่การงานนั้นก็ก้าวกระโดดเกินหน้าเกินตาบิดาเช่นเขาไปเสียอีกแล้วหลวงจีนพวกนั้นเป็นใคร ถึงได้กล้าทำพิธีชิงดวงชะตาของบุตรชายของเขา เป็นหลวงจีนก็ควรจะต้องศึกษาธรรมะไม่ใช่หรือท่านเจ้าเมืองนั่งรถม้ามายังวัดซือคงด้วยใบหน้าถมึงทึง ด้านนอกมีมือปราบอีกหลายสิบชีวิตที่เดินทางมาที่นี่โดยพร้อมเพรียง เขาตั้งใจมาด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่า พวกที่กล้าทำพิธีชั่วช้านั่นต้องถูกจับและลงโทษอย่างสาสมขวัญกล้ามาชิงดวงชะตาของบุตรชายเจ้าเมือง ต่อให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นท่านอ๋อง ข้าก็ไม่ยอมกลุ่มของเขาเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หลังจากแน่ใจว่าบุตรชายนั้นฟื้นม
“นึกว่าใคร ที่แท้เป็นคนกันเอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เซวียนจางหย่ง ข้านึกว่าเจ้าตายไปเสียแล้ว เห็นเจ้ายังมีชีวิตแข็งแรงเช่นนี้ บิดาเจ้าคงดีใจไม่น้อย” จวิ้นอ๋องกัดฟันพูด ด้วยน้ำเสียงมีเมตตา“กระหม่อมก็อยู่ที่เหิงเยว่มาหลายเดือนแล้ว เสียดาย ไม่ได้เจอพระองค์เลยสักครั้ง ได้เจอกันวันนี้ นับว่าเป็นโชคของกระหม่อมโดยแท้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทางยียวน พร้อมกับสั่งการให้คนของเขาเข้าไปหาหลักฐานในวัด“แท้จริง กระหม่อมก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว เพราะกระหม่อมมาสืบราชการที่วัดซือคงแต่โดนหลวงจีนในวัดวางยาพิษแล้วตามไล่ล่า โชคดีที่มีคนช่วยข้าเอาไว้ จึงได้ทำความดีช่วยเหลือทางการของเหิงเยว่พ่ะย่ะค่ะ” “ใต้เท้าท่านนี้ อาตมาเลอะเลือน ไม่รู้ว่ามีมารร้ายแฝงตัวอยู่ในวัดเสียนาน แถมยังกล้าทำร้ายขุนนางอีก” ไต้ซือไป๋รีบออกตัวทันที“เหรอ เป็นมารร้ายที่ปลอมตัวเป็นหลวงจีน หรือว่าแท้จริงเป็นหลวงจีนชั่วที่แสร้งทำตัวดีกันแน่” วาจาบาดหูของหัวหน้าหน่วยตงฉาง ทำเอาทุกคนถึงกับสูดหายใจลึก“ประสกกล่าวเกินไปแล้ว อาตมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้”“เป็นเช่นนั้นหรือ ไต้ซือ เมื่อคืน เป็นข้าเองที่บุกเข้าไปทำลายพิธีชั่วช้าในวัด
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา