เมื่อคืนก่อน เกอธรรมดาอย่างหลิวซีซวนเสี่ยงชีวิตเข้าไปในสถานที่ลับของวัดซือคง เขาใช้ความสามารถทุกอย่างที่ได้มาจากบรรพบุรุษเพื่อทำลายพิธีกรรมชั่วช้าของพวกหลวงจีนอย่างสุดกำลังจนโดนฟ้าผ่าตาย แม้จะรอดตายมาได้แต่พลังวิเศษต่างๆ ที่บรรพบุรุษมอบให้ ก็หายไปหมด
ทั้งหมดเพื่ออะไร เพื่ออะไรคะ!!
เพื่อให้ผู้ชายที่มีดวงมหาโชคมาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มของเขาน่ะเหรอ
“ไม่คิดเลยว่าสหายข้าจะร้อนแรงถึงเพียงนี้ แม้แต่คนที่เพิ่งฟื้นจากการโดนฟ้าผ่าก็ยังไม่เว้น อีกหน่อยท่านคงต้องรับศึกหนักเสียแล้ว เพราะเขาผู้นี้ หากมุ่งมั่นตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก็มักจะทำอย่างเต็มกำลัง”
หลิวซีซวนมองผู้มาใหม่ที่เอ่ยวาจาหยอกล้อด้วยสายตาตำหนิ หากแปลคำพูดจากสายตาได้ คงแปลได้ว่า
เสือกจริงๆ เพราะมึงนั่นแหละที่มาขัดจังหวะ
“คุณชายหลิว ท่านอย่าทำหน้างอง้ำเลย ท่านรู้หรือไม่ว่า มันทำให้ท่านยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปอีก”
“ข้าไม่ได้อยากให้ท่านมองว่าน่าเอ็นดู” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่รักษากิริยาแม้แต่น้อย
ทำไมนะ ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นถึงความน่ารำคาญของบุรุษผู้นี้ตั้งแต่แรก หน้าตาก็หล่อเหลาดี ดูเป็นคนมีคุณธรรม
เสียอย่างเดียวคือ มาขัดจังหวะตอนเขากำลังจูบกับผู้ชาย
ยามเช้าตรู่เช่นนี้ คุณชายหลี่หรือผู้ตรวจการแผ่นดินหลี่ที่ถูกชิงดวงนั้นฟื้นตัวขึ้นมาก็คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง สมกับที่เป็นคนดวงดีทุกด้าน หลี่เฉียงฮุยตั้งใจจะมาดูอาการของเขาตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งใจจะมาขอบคุณเกอคนงาม แต่กลับได้เห็นฉากเด็ดเสียก่อน
ไหน วันนั้นใครบอกว่าไม่ได้ชอบกันนะ
หลังจากโดนขัดจังหวะ เขาก็โดนสายตาพิฆาตจากหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับตงฉาง สหายที่เรียนมาด้วยกันมีหรือจะไม่รู้ว่าจอหงวนบู๊ผู้นี้มือเท้าหนักเพียงใด หลี่เฉียงฮุยจึงหลบสายตาล้อเลียนแล้วเสมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แต่ถึงอย่างไร เช้าวันนี้เซวียนจางหย่งก็ไม่อาจได้แนบชิดคนงามตามใจปรารถนาได้อยู่ดี เนื่องจากวันนี้ เขาและท่านเจ้าเมืองต้องนำกำลังไปบุกวัดซือคง ก่อนที่พวกหลวงจีนจะไหวตัวทัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสำคัญ เกี่ยวพันกับชะตาบ้านเมือง พวกเขาจะพลาดไม่ได้
“แล้วท่านจะมาที่นี่แต่เช้าทำไม เพิ่งฟื้นมาไม่นาน เหตุใดจึงไม่นอนพักเสียหน่อย”
“ข้าจะนอนได้อย่างไร ข้าเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหน้าที่การงานมากมาย แท้จริงแล้ว วันนี้ข้าก็ควรจะไปจับหลวงจีนที่วัดซือคงด้วยซ้ำ แต่ผู้อื่นคงกลัวว่าอาการของข้าที่เพิ่งฟื้นตัวจะทรุดลง จึงให้อยู่ที่นี่”
ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น คนที่หลับไม่ฟื้นมาหลายวันจนเกือบตาย จะให้ขึ้นเขาไปไกลเกรงว่าจะไม่เหมาะนัก ให้ท่านเจ้าเมืองและจางหย่งไปแทนก็เหมาะสมอยู่แล้ว
“วันนี้แท้จริง ข้ามาหาท่านก็เพื่อที่จะขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ หากไม่ได้ท่าน ข้าคงตายไปแล้ว”
หลี่เฉียงฮุยทรุดตัวลงคุกเข่าคำนับหลิวซีซวน
“หยุดก่อน ท่านลุกมาเถิด ข้าหาใช่บิดาของท่าน โปรดอย่าทำเช่นนี้เลย” หลิวซีซวนถึงกับผุดลุกขึ้นมา ดึงหลี่เฉียงฮุยผู้มีตำแหน่งเป็นถึงผู้ตรวจการแผ่นดินอย่างลนลาน
คนที่เกิดและเติบโตมาในยุคที่ผู้คนเท่าเทียมกันเช่นเขา ถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อมีคนมาคุกเข่าให้เช่นนี้
“คุณชายโปรดรับการคารวะจากข้าด้วยเถิด บิดามารดาของข้าต้องเจ็บปวดเพราะข้าไม่ระวังตัว ถูกชิงเลือดและเศษผ้าไปทำพิธีวิปริต แต่คุณชายก็ยังเสี่ยงชีวิตไปช่วยข้า”
“ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าทำก็เพื่อทุกคน ท่านนั้นมีโชคชะตามหาโชคแต่เป็นผู้มีจิตใจกล้าแข็ง ยึดมั่นในศีลธรรม จึงไม่เคยนำโชคชะตาไปใช้ในทางที่ผิด ไม่เหมือนกับพวกหลวงจีนพวกนั้นที่ทำพิธีนอกรีต ทำค่ายกลชิงดวงชะตาเพื่อเสริมดวงให้กับบุคคลที่มีจิตใจมืดดำ จนบ้านเมืองวิปริต”
“ข้าติดค้างคุณชายไว้ใหญ่หลวง หากท่านต้องการอะไร โปรดบอกข้าได้”
“ตัวข้ามีสิ่งที่ต้องการมากมาย แต่ไม่ใช่จากตัวท่าน ท่านจงทำตัวปกติ พูดคุยกับข้าธรรมดาเถิด ข้าอยากมีสหาย ไม่ได้อยากมีบ่าวเพิ่มอีกหนึ่งคน”
“ได้ จากนี้ไปเจ้าคือสหายของข้า คุณชายหลิว หลิวซีซวน”
แม้จะอยากทุบบุรุษน่าตายผู้นี้เพียงใด แต่เขาก็เป็นผู้ที่มีดวงชะตามหาโชค ภายภาคหน้าย่อมยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านี้ เขาดูแล้วบุรุษผู้นี้ก็เป็นคนที่มีจิตใจดี น่าคบหา การได้คนผู้นี้เป็นสหาย ชีวิตก็คงไม่ลำบากนัก
“เช่นนั้น ข้าขอถามท่านคุณชายหลิว ท่านแซ่เดิมคือ แซ่เหอ มาจากเมืองหลวงใช่หรือไม่”ชายหนุ่มคิ้วกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะตอบ“ใช่ ข้าคือเหอซีซวน อดีตเกอผู้งดงามอันดับหนึ่ง อดีตภรรยาของรองเจ้ากรมโยธาที่ถูกตราหน้าด้วยข้อหาคบชู้นั่นแหละ ท่านกลัวว่าตนเองจะคบหากับคนที่มีชื่อเสียงไม่ดีหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าแค่ถามให้แน่ใจ เรื่องที่ท่านถูกใส่ร้าย ข้าพอจะมองออก ถึงเรื่องราวจะฉาวโฉ่แต่คนในเมืองหลวงก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก ท่านไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะด่างพร้อย เพราะมีคนอีกไม่น้อยที่ไม่ได้โง่ แต่ที่ข้าสงสัยก็คือ ท่านยังปักใจกับถานตงหยางอยู่หรือไม่” หลี่เฉียงฮุยเอ่ยถามลองเชิง แต่กลับได้สายตาที่มองอย่างเย็นเยียบกลับไป“คุณชายหลี่ ข้าดูโง่นักหรือยังไง ข้าไม่รักคนที่สร้างเรื่องใส่ความ วางยาพิษ ขับไล่ข้า พยายามสังหารข้า แล้วปล้นชิงสมบัติกลับไปหรอก”“โอ้ ฟังดูเหมือนอดีตสามีของท่านนั้นจะชั่วช้ากว่าที่ข้าได้ยินมาเสียอีก ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”“ข้าไม่แปลกใจหรอก เขาเป็นคนที่ทะเยอทะยาน ที่ผ่านมาเขาใช้ทรัพย์สมบัติของข้าโปรยให้กับขุนนางเพื่อถางเส้นทาง จนก้าวขึ้นมาเป็นขุนนางระดับหกได้อ
หลี่ปิงจือ เจ้าเมืองเหิงเยว่นั้นเป็นบุรุษร่างอวบ ท่าทางใจดี เขาเป็นขุนนางตงฉินตั้งใจทำงานอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ไร้เขี้ยวเล็บ ที่ไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับเจ้าเมืองได้ก็นับว่าเป็นโชคเสียมากกว่า เพราะแต่เดิม เขาเป็นเพียงขุนนางธรรมดาแต่หลังจากที่ภรรยาให้กำเนิดบุตรชาย ชีวิตของพวกเขาก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่รู้ว่าเขาไปทำคุณงามความดีอะไร ถึงได้คู่ควรกับบุตรชายผู้นี้ หลี่เฉียงฮุยเป็นเด็กดีและใฝ่ดี เขาก็ส่งไปเข้าสถานศึกษาที่เมืองหลวง จวบจนบุตรชายเติบใหญ่ หน้าที่การงานนั้นก็ก้าวกระโดดเกินหน้าเกินตาบิดาเช่นเขาไปเสียอีกแล้วหลวงจีนพวกนั้นเป็นใคร ถึงได้กล้าทำพิธีชิงดวงชะตาของบุตรชายของเขา เป็นหลวงจีนก็ควรจะต้องศึกษาธรรมะไม่ใช่หรือท่านเจ้าเมืองนั่งรถม้ามายังวัดซือคงด้วยใบหน้าถมึงทึง ด้านนอกมีมือปราบอีกหลายสิบชีวิตที่เดินทางมาที่นี่โดยพร้อมเพรียง เขาตั้งใจมาด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่า พวกที่กล้าทำพิธีชั่วช้านั่นต้องถูกจับและลงโทษอย่างสาสมขวัญกล้ามาชิงดวงชะตาของบุตรชายเจ้าเมือง ต่อให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นท่านอ๋อง ข้าก็ไม่ยอมกลุ่มของเขาเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หลังจากแน่ใจว่าบุตรชายนั้นฟื้นม
“นึกว่าใคร ที่แท้เป็นคนกันเอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เซวียนจางหย่ง ข้านึกว่าเจ้าตายไปเสียแล้ว เห็นเจ้ายังมีชีวิตแข็งแรงเช่นนี้ บิดาเจ้าคงดีใจไม่น้อย” จวิ้นอ๋องกัดฟันพูด ด้วยน้ำเสียงมีเมตตา“กระหม่อมก็อยู่ที่เหิงเยว่มาหลายเดือนแล้ว เสียดาย ไม่ได้เจอพระองค์เลยสักครั้ง ได้เจอกันวันนี้ นับว่าเป็นโชคของกระหม่อมโดยแท้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทางยียวน พร้อมกับสั่งการให้คนของเขาเข้าไปหาหลักฐานในวัด“แท้จริง กระหม่อมก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว เพราะกระหม่อมมาสืบราชการที่วัดซือคงแต่โดนหลวงจีนในวัดวางยาพิษแล้วตามไล่ล่า โชคดีที่มีคนช่วยข้าเอาไว้ จึงได้ทำความดีช่วยเหลือทางการของเหิงเยว่พ่ะย่ะค่ะ” “ใต้เท้าท่านนี้ อาตมาเลอะเลือน ไม่รู้ว่ามีมารร้ายแฝงตัวอยู่ในวัดเสียนาน แถมยังกล้าทำร้ายขุนนางอีก” ไต้ซือไป๋รีบออกตัวทันที“เหรอ เป็นมารร้ายที่ปลอมตัวเป็นหลวงจีน หรือว่าแท้จริงเป็นหลวงจีนชั่วที่แสร้งทำตัวดีกันแน่” วาจาบาดหูของหัวหน้าหน่วยตงฉาง ทำเอาทุกคนถึงกับสูดหายใจลึก“ประสกกล่าวเกินไปแล้ว อาตมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้”“เป็นเช่นนั้นหรือ ไต้ซือ เมื่อคืน เป็นข้าเองที่บุกเข้าไปทำลายพิธีชั่วช้าในวัด
ณ บ้านตระกูลหลิว หลิวซีซวนที่เพิ่งถูกฟ้าผ่ามาหมาดๆ หลังจากที่ได้นอนพักผ่อนอยู่หนึ่งวันเต็มๆ อาการของเขาก็ดีขึ้นมาก ร่างกายไม่มีส่วนใดผิดปกติ สิ่งที่ผิดปกติคงจะมีเพียงแค่พลังวิเศษที่ได้จากท่านตามาเต็มกราฟ หายไปจนเกลี้ยงเสียดายจัง เพิ่งได้ถือครองพลังหลายด้านเพียงไม่ถึงวัน สุดท้ายโดนทัณฑ์สวรรค์ลงโทษจนหายไปหมด หลิวซีซวนหวนคิดไปก็หงุดหงิดไม่น้อย การที่ทำพิธีชิงดวงนั้นเป็นการฝืนชะตาฟ้าดิน คนที่ทำคงจะใช้เหยื่อมนุษย์สังเวยเป็นการปิดตาสวรรค์โดยแท้ ดังนั้นการทำลายพิธีนั้น ผู้ที่ทำลายก็จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นการลงโทษที่ยุ่งเกี่ยวกับชะตาของผู้อื่นให้ตายเถอะ สวรรค์ ท่านไม่มีตารึอย่างไร ข้าเป็นผู้ทำลายพิธีชิงดวง ข้าช่วยคนแต่คนได้รับทัณฑ์กลับเป็นตัวข้า ทำไมท่านไม่ผ่าใส่กบาลจวิ้นอ๋องไปเลยล่ะสรุปคือ ตอนนี้เขากลายเป็นเกอธรรมดาที่มีดีแค่หน้าตาเท่านั้นหลิวซีซวนนอนอยู่บนตั่งไม้ริมสระบัวอย่างเกียจคร้าน แม้ว่าในเมืองเหิงเยว่จะเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย แต่ในหัวสมองเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นเซวียนจางหย่ง บุรุษที่อยู่ข้างกายเขามาตลอด มีตำแหน่งใหญ่โตในระดับหัวหน้าหน่วยตงฉาง และที่สำคัญเขายังเคยเป็นคู่หมาย
“หากทำเช่นนั้นย่อมต้องมีหลักฐานแน่ชัด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการหมิ่นเกียรติเชื้อพระวงศ์ เสื่อมเสียไปถึงฮ่องเต้ด้วย ข้าคิดว่าฮ่องเต้เองก็คงไม่ได้อยากจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับน้องชายผู้นี้หรอก เพราะมีผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนจวิ้นอ๋องไม่น้อย”หลิวซีซวนพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของตู้เฉิง ไม่น่าเชื่อว่าชายชราพ่อบ้านตระกูลหลิวจะมีความคิดแตกฉานเช่นนี้“แต่ข้าได้ยินเรื่องตลกมาด้วย พวกชาวบ้านพากันพูดว่าหัวหน้าหน่วยตงฉางนั้นหล่อเหลาสูงส่ง ทว่ามีใบหน้าละม้ายคล้ายกับพี่จางหย่ง พวกหญิงชาวบ้านเอาไปพูดกันทั่วตลาดว่า แท้จริงพี่จางหย่งเป็นหัวหน้าหน่วยตงฉางที่ปลอมตัวมาอยู่ที่เหิงเยว่”“ตู้เจา พวกนางเข้าใจถูกแล้ว เขาคือ เซวียนจางหย่ง หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับตงฉางจริงๆ”“ท่านล้อข้าเล่นแล้ว” ตู้เจาหัวเราะลั่น ทว่าเมื่อเห็นเกอรูปงามที่เกี้ยวบ่าวข้างกายไม่หยุด มีใบหน้าเรียบเฉย ไร้แววล้อเล่น ก็ถึงกับเหม่อไปพักใหญ่ที่ผ่านมา เขาอาศัยอยู่กับขุนนางระดับสูง กินข้าวหม้อเดียวกันมาหลายเดือนเลยหรือเนี่ย“แฮะๆ นั่นสิ ผู้ที่ท่านเกี้ยวมาเป็นสามีจะธรรมดาสามัญได้อย่างไร หัวหน้าหน่วยตงฉางกับคุณชายหลิวแห่งเหิงเยว่ ช่างเหมาะสมกัน
หลิวซีซวนจำต้องนำบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้ขึ้นมายังห้องรับรองส่วนตัว เขาไม่คิดว่าคนระดับอ๋องจะมาพบเขาเพื่อขอดูดวงชะตา น่าเสียดายที่เขาไม่มีพลังในการอ่านดวงชะตาได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะพอตรวจสอบได้บ้างว่าจวิ้นอ๋องมีแผนการอะไรกันแน่“เจ้าอาจจะไม่รู้ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยมารับชมการแสดงที่ห้องรับรองนี้มาก่อน ข้ามาชมการแสดงของเจ้าที่แสดงในวันแรก ในใจชื่นชมไม่น้อยที่ตระกูลหลิวมีทายาทที่มีความสามารถเช่นนี้”“กระหม่อมนั้นด้อยปัญญา พระองค์ต้องการอะไร บอกมาตามตรงเลยดีกว่า” หลิวซีซวนขี้เกียจเล่นเกมพูดจาอ้อมไปอ้อมมาอีกแล้วจวิ้นอ๋องที่มีสีหน้าเปื้อนยิ้มค่อยๆ หุบยิ้มลงช้าๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มอย่างถูกใจ“ข้าชอบเจ้านะ คนอย่างเจ้าควรจะมาอยู่ข้างกายข้ามากกว่า เสียดายที่เจ้าเป็นคนตระกูลหลิว”“กระหม่อมต่ำต้อย ต่อให้ไม่ใช่คนตระกูลหลิว กระหม่อมก็ไม่คู่ควรหรอกพ่ะย่ะค่ะ”“หึ ฉลาดพูดจายอกย้อนนัก คนตระกูลหลิวเป็นเช่นนี้หมดทุกคนเลยหรือไม่”“พระองค์รู้จักคนตระกูลหลิวด้วยเหรอพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่ ข้าจำได้ไม่ลืมเลยล่ะ มันทำข้าเจ็บแสบเชียว มันเป็นองครักษ์ข้างกายบิดาข้ารับใช้ใกล้ชิดมาหลายปี พอบิดาข้าสวรรคตโดยที่ยังไม่มีรัชทายาท
ท่ามกลางเพลิงไฟที่ก่อตัวอยู่รอบตัวจนผิวกายร้อนระอุ ในหูได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ด้านนอก น่าแปลกนัก หลิวซีซวนไม่ใช่คนหลับลึกแต่กลับหลับสนิทท่ามกลางกองไฟ หากไม่ได้ท่านตาปลุก เขาคงโดนย่างสดอยู่ที่นี่เป็นแน่หรือว่านี่มันไม่ใช่เพลิงไหม้ธรรมดากัน“แค่กๆ ไม่ไหว แค่ก” ไม่มีเวลาจะมาคิดวิเคราะห์อะไร เขาเอาผ้าชุบน้ำล้างหน้าคลุมหัวแล้วเร่งหาทางออก ก่อนจะได้ตายรอบสองจริงๆ เกอรูปงามหันซ้ายหันขวาก็เห็นทางออกตรงหน้าต่างก็รีบปีนออกไปอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่ไฟลามมาถึงเตียงของเขาพอดี“ฮู้ว รอดตายแล้ว” หลิวซีซวนลูบอกตัวเองไปมา ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตะลึงลาน เพราะเมื่อปีนออกมาด้านนอกก็พบว่าทุกส่วนของบ้านตระกูลหลิวนั้นติดไฟไหม้ไปหมด แม้แต่โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวก็กำลังมีเพลิงไฟโหมกระหน่ำโอ๊ย แล้วจะหนีไปไหนได้ล่ะ พลังวิเศษอะไรก็ไม่มี หายตัวก็ไม่ได้ มีทางเดียวคือเขาต้องวิ่งฝ่ากองไฟมหึมาออกไปด้านนอก แล้วไปลุ้นเอาว่าตนเองจะถึงประตูหรือไหม้เป็นเถ้าถ่านก่อน“เอาวะ อย่างน้อยก็ตาย ทำยังกับไม่เคยตายไปได้”ถึงจะน่าเศร้านิดหน่อยที่ตายอย่างไร้สามีก็ตามในจังหวะที่เขากำลังจะวิ่งฝ่ากองไฟออกไปด้านนอก ก็มีใครบางคนกระโด
“ข้าว่ามันแปลกๆ ข้าไม่ใช่คนหลับลึกแต่กลับหลับไม่ได้สติเลย ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะโดนวางยา” ตู้ลี่จูเอ่ยขึ้นมาอย่างหมายมาด แม่ลูกอ่อนที่กำลังให้นมบุตรมีสีหน้าเหนื่อยล้าไม่น้อย ดึกเพียงนี้ พวกเขาต้องมานั่งท้าลมหนาวอยู่นอกเรือนราวกับคนยาจก แม้แต่โรงเตี๊ยมก็เกิดไฟไหม้จนเหลือแค่โครงไม้ โชคดีที่แขกที่มาพักหนีออกมาทันทั้งหมดและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน มีคนตั้งใจวางเพลิงพวกเราแล้ววางยานอนหลับ หวังให้พวกเราทั้งหมดตายในกองเพลิง” ตู้เจาเสนอความคิดขึ้นมา“อำมหิต ชั่วช้า คุณชายท่านรู้หรือไม่ว่ามันเป็นใคร” “ตอนนี้ข้าคิดออกเพียงคนเดียว ข้าคิดว่าเป็นฝีมือจวิ้นอ๋อง”“จวิ้นอ๋องรึ ข้าจะไปเอาเรื่องเขาเดี๋ยวนี้” ตู้เจาขบกรามเข้าหากันจนเป็นสันนูน ดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลพร้อมระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทุกเมื่อ ทว่าเซวียนจางหย่งกลับห้ามเอาไว้ก่อน“พวกเจ้าไปไม่ทันหรอก เมื่อคืนจวิ้นอ๋องเลื่อนการเดินทางไปไห่โอวเร็วขึ้น ยามนี้เดินทางออกไปแล้ว”“บัดซบ” หลิวซีซวนแค้นจนแทบหลั่งน้ำตา ลำพังมันทำร้ายเขาไม่เท่าไหร่แต่มาทำร้ายคนของเขา มาทำลายทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ หากว่าเขาได้เจอจวิ้นอ๋อง
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา