“ข้าว่ามันแปลกๆ ข้าไม่ใช่คนหลับลึกแต่กลับหลับไม่ได้สติเลย ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะโดนวางยา” ตู้ลี่จูเอ่ยขึ้นมาอย่างหมายมาด แม่ลูกอ่อนที่กำลังให้นมบุตรมีสีหน้าเหนื่อยล้าไม่น้อย ดึกเพียงนี้ พวกเขาต้องมานั่งท้าลมหนาวอยู่นอกเรือนราวกับคนยาจก แม้แต่โรงเตี๊ยมก็เกิดไฟไหม้จนเหลือแค่โครงไม้ โชคดีที่แขกที่มาพักหนีออกมาทันทั้งหมดและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน มีคนตั้งใจวางเพลิงพวกเราแล้ววางยานอนหลับ หวังให้พวกเราทั้งหมดตายในกองเพลิง” ตู้เจาเสนอความคิดขึ้นมา
“อำมหิต ชั่วช้า คุณชายท่านรู้หรือไม่ว่ามันเป็นใคร”
“ตอนนี้ข้าคิดออกเพียงคนเดียว ข้าคิดว่าเป็นฝีมือจวิ้นอ๋อง”
“จวิ้นอ๋องรึ ข้าจะไปเอาเรื่องเขาเดี๋ยวนี้” ตู้เจาขบกรามเข้าหากันจนเป็นสันนูน ดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลพร้อมระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทุกเมื่อ ทว่าเซวียนจางหย่งกลับห้ามเอาไว้ก่อน
“พวกเจ้าไปไม่ทันหรอก เมื่อคืนจวิ้นอ๋องเลื่อนการเดินทางไปไห่โอวเร็วขึ้น ยามนี้เดินทางออกไปแล้ว”
“บัดซบ”
หลิวซีซวนแค้นจนแทบหลั่งน้ำตา ลำพังมันทำร้ายเขาไม่เท่าไหร่แต่มาทำร้ายคนของเขา มาทำลายทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ หากว่าเขาได้เจอจวิ้นอ๋องอีกครั้ง ต่อให้มันจะโกนหัวเป็นหลวงจีน แต่เขาสาบานว่าจะจัดการมันด้วยตัวเอง
เขามองดูคนจากทางการกำลังช่วยกันดับไฟอย่างแข็งขัน เพลิงไฟกองใหญ่นั้นดูเหมือนจะดับไม่ง่ายเลย ผู้วางเพลิงคงจะตั้งใจให้ทุกอย่างไหม้เป็นจุณ ไม่เหลือซาก โชคดีที่ตัวดวงมหาโชคอย่างหลี่เฉียงฮุยที่เพิ่งตื่น โผล่เข้ามาหน้ากองเพลิงพร้อมกับถังน้ำในมือ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ น้ำจากคนดวงเฮงแค่ถังเดียว กองไฟที่โหมกระหน่ำก็เริ่มดับลงทีละนิด
เชรดดดดดด นี่มันสกิลขั้นเทพอะไรวะเนี่ย เก่งขนาดนี้ทำไมไม่โผล่มาตั้งแต่แรก
คนไร้บ้านกะทันหันยืนลุ้นให้กำลังใจคนจากทางการที่ช่วยกันดับไฟอย่างแข็งขัน สักพัก เลี่ยงหรงก็เดินลงมาจากโรงเตี๊ยมที่เหลือแต่ซากพร้อมกับหอบหิ้วของบางอย่างมาด้วย
“ข้าคิดว่าต้นเพลิง น่าจะมาจากสิ่งนี้”
นี่มันหีบเงินที่จวิ้นอ๋องให้เขาเป็นรางวัลนี่
หน็อย กล้าวางเพลิงกันซึ่งๆ หน้าเลยเหรอ นี่มันหยามกันชัดๆ
“แต่เรือนตระกูลหลิวถูกลอบราดน้ำมันกลางดึกเพื่อให้เชื้อเพลิงลุกลามไปทั่วทุกที่อย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะมีการรมควันยาสลบด้วย โชคดีที่หัวหน้ากลับมาช่วยไว้ทัน”
ตู้เฉิงเอามือก่ายหน้าผาก เขามองซากปรักหักพังของเรือนตระกูลหลิวและโรงเตี๊ยมตระกูลหลิวด้วยความรู้สึกอับจนหนทางอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เจ็บใจนัก พวกข้าไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดท่านอ๋องต้องมารังแกชาวบ้านธรรมดาด้วย ในตระกูลหลิวแม้จะไม่ได้มั่งคั่งดังแต่ก่อน แต่ก็มีทรัพย์สมบัติที่มีค่าควรเมือง ถูกเผาไหม้ทำลายไปเช่นนี้แล้ว ข้าจะทำอย่างไร”
ตู้เฉิงร้องไห้คร่ำครวญอย่างเจ็บช้ำ ในขณะที่หลิวซีซวนนั้นยืนนิ่งเงียบ ไร้คำใดจะเอ่ย
ไม่ใช่เพราะมีสตินะ แต่เป็นเพราะกำลังเหม่อ เขาหน้ามืดจะเป็นลม เกิดมาเพิ่งเคยได้สัมผัสความรู้สึกหมดตัวก็คราวนี้
“หลิวซีซวน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้า..ไม่รู้สิ หากตอบว่าไม่เป็นไรคงเป็นการโกหก ยามนี้ข้าเป็นยาจก ไร้ซึ่งหนทางเดินไปข้างหน้า หัวข้าตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออกแล้ว”
“ยังคิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด หากพร้อมที่จะคิดเมื่อไหร่ก็ค่อยคิด ตราบใดที่เจ้ายังมีข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก วางใจได้” บุรุษผู้หล่อเหลาสบตากับคนงามดวงตาดอกท้ออย่างจริงจัง ก่อนจะรวบมือเรียวมากุมไว้
“เจ้าเป็นคนฉลาดเฉลียวและเข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่งที่ข้าเคยเจอ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะผ่านมันไปได้”
นั่นสินะ เขาก็มีหนึ่งสมองสองมือ พระอาทิตย์เริ่มโผล่ที่ริมขอบฟ้า บ่งบอกว่ายังมีวันพรุ่งนี้เสมอ เพราะฉะนั้นเขาจะท้อไปทำไม ต่อให้วันนี้ไม่เหลืออะไร แต่เขายังมีทุกคนข้างกาย เขาเชื่อว่าเขาจะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ท่านตา หากท่านอยู่ในมิติส่วนตัวได้ยินข้า ข้าขอโทษที่รักษาทรัพย์สมบัติของบรรพบุรุษไว้ไม่ได้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ข้าสัญญาว่าแม้ตระกูลหลิวของท่านจะเหลือเพียงแค่ข้าตัวคนเดียว ข้าก็จะทำให้มันเพิ่มพูนเป็นทวีคูณให้ได้ ข้าสัญญา
เขาเอ่ยในใจผ่านสายลม สื่อให้กับบรรพบุรุษที่อยู่คนละมิติได้รับรู้ ยามนี้ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำได้ นอกจากต้องตั้งสติและเดินหน้าต่อเท่านั้น
หลิวซีซวน เกอคนงามที่ข้ามมิติมาแสนไกล สูดลมหายใจลึกเพิ่มพลังให้กับตัวเองเพื่อฝ่าฟันกับอุปสรรคครั้งใหญ่ในชีวิตครั้งนี้ ก่อนจะหันไปหาอดีตบ่าวคนสนิทที่มีตำแหน่งเป็นถึงขุนนาง“จางหย่ง ข้าขอเข้าไปตรวจสอบโรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ว่ามีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง” “ได้ ตอนนี้ไฟดับสนิทแล้ว แต่ต้องระวังเสียหน่อย เดี๋ยวข้าจะไปกับเจ้าด้วย”เซวียนจางหย่งเดินนำคนจากตระกูลหลิวที่พากันเข้ามาสำรวจโรงเตี๊ยม เมื่อก้าวเข้ามา ตู้เฉิงก็แทบจะเป็นลมเมื่อเห็นสภาพซากปรักหักพังของโรงเตี๊ยมที่พร้อมจะพังครืนมาได้ทุกเมื่อ“โฮ คุณชาย ข้าทำใจไม่ได้ ข้าอยู่กับที่แห่งนี้มาตั้งแต่ยังหนุ่ม เมื่อก่อนนายท่านสร้างที่แห่งนี้ให้เป็นหอเก็บอาวุธ แต่พอรายได้ฝืดเคือง ข้าจึงดัดแปลงให้เป็นโรงเตี๊ยมเพื่อหารายได้เลี้ยงตนเองและหลานชาย ไม่คิดเลยว่ามันจะเหลือเพียงซากเช่นนี้” ชายชราคร่ำครวญอย่างยากจะทำใจ จนหลิวซีซวนยังอดสะท้อนใจไม่ได้ เขาตั้งสติแล้วเดินสำรวจรอบบริเวณ ข้าวของประดับประดาที่ทั้งมีราคาและไม่มีราคา สุดท้ายเมื่อถูกเพลิงไหม้ก็กลายเป็นแค่เศษซากชิ้นหนึ่ง ไม่ต่างกันยามนี้ดูเหมือนจะเหลือสมบัติตระกูลหลิวเพียงชิ้นเดียวแล้วสินะเกอคนงามล้วงป้า
ตระกูลหลิวนั้นไม่ได้โด่งดังมีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น หาใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ร่ำรวยหรือไร้ความสามารถ แต่เป็นเพราะตระกูลหลิวแห่งเหิงเยว่เลือกที่จะอยู่ใช้ชีวิตอย่างสงบ แม้จะมีพลังวิเศษที่แตกต่างกันไปจากรุ่นสู่รุ่นจนโดดเด่นขึ้นมา แต่พวกเขาก็มักจะเลือกทำงานที่ไม่ออกหน้าออกตามากนัก ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นสิ่งที่พวกเขาวิ่งหนีมาโดยตลอด หากมีใครบางคนในรุ่นได้ดิบได้ดีเป็นขุนนางหรือเป็นคนสำคัญ คนที่เหลือก็มักจะหลบหลีกเร้นกาย ไม่แสดงตัวเท่าไหร่นักด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนหลงลืมไปว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมาตระกูลหลิวรับใช้ราชสำนักและสร้างคุณงามความดีให้กับบ้านเมืองมากมายเท่าไรมันไม่แปลกหรอกที่จะมีสมบัติอลังการแบบนี้ แต่แปลกที่เขาเพิ่งรู้เนี่ยแหละหลิวซีซวนเห็นกองสมบัติมหาศาลที่สะสมมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษก็ถึงกับตาตั้ง แล้วสลบไปในอ้อมกอดของเซวียนจางหย่งทันทีไม่ได้สลบเพราะตกใจ แต่สลบเพราะจะเข้ามิติส่วนตัวไปวีนท่านตาหลิวหงชิงต่างหาก“ท่านตา ท่านตา ท่านอยู่หรือไม่” เขาวิ่งไปยังสระบัวเป็นสถานที่แรก จากการที่ได้แวะเวียนเข้ามาในมิติส่วนตัวหลายครั้ง เขาพบว่าบรรพบุรุษผู้นี้ชื่นชอบการจิบชาริมน้ำมากที่สุด“ว่าอย่างไร ห
“เฮือก!!”“เจ้าเป็นอะไรไป”หลิวซีซวนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เวลานี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของเซวียนจางหย่งที่ในห้องลับคลังสมบัติตระกูลหลิวเช่นเดิม เซวียนจางหย่งนั้นมีสีหน้ากังวลไม่น้อยแต่เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดฟื้นขึ้นมาพร้อมกับคลี่ยิ้มพริ้มพราย ก็ถึงกับใจกระตุก“ดีจังเลยที่ฟื้นขึ้นมาได้เจอเจ้า ข้าไปพบบรรพบุรุษมาเท่านั้น อย่าได้กังวล”“พบบรรพบุรุษ?”หลิวซีซวนทำเป็นไม่ได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย เขาผุดลุกขึ้นมาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง มองไปยังท่านตาตู้เฉิงที่กำลังนั่งจดบันทึกทรัพย์สมบัติในห้องลับนี้ด้วยท่าทางแข็งขัน ก่อนจะเดินไปสำรวจข้าวของในห้องอีกครั้งหู้ย รวยแล้ว“ท่านตา ตู้เจา ลี่จู พวกเรารวยแล้ว” เขาพุ่งเขาไปกอดทุกคนอย่างดีอกดีใจ พวกเขาเพิ่งกลายเป็นคนไร้บ้านหยกๆ บัดนี้กลายเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยไปในเพียงพริบตา“นี่ข้าทำงานหน้าเตาอยู่บนทรัพย์สมบัติเหล่านี้มาหลายปีเลยหรือ ข้าจะเป็นลมแล้วคุณชายหลิว” ตู้ลี่จูเองก็แทบไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่เห็นมองรอบกาย ตาปริบๆ“คุณชาย เรื่องนี้อย่าเอะอะไปนะ” ตู้เจาเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะมองไปรอบกาย ในห้องนี้นอกจากพวกเขาแล้ว ก็มีเซวียนจางหย่งอีกคน“ใช่ รู้กันแค่นี้ คนเรารู้หน้า ไม่
“พี่จางหย่งกำลังจะขอคุณชายหลิวแต่งงานหรือ” ตู้ลี่จูเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา คำถามขวานผ่าซากทำเอาบุรุษแข็งแกร่งผู้หนึ่ง ถึงกับหน้ามีท่าทางขัดเขิน เกาจมูกไปมาตู้ลี่จู สหายเกอลูกดกผู้นี้ทำดีมาก เขาอยากจะกดไลก์ให้สักพันครั้ง ให้กับความปังของคำถามแต่งค่ะ แต่งค่ะ แต่งค่ะเขาซ้อมตอบแล้ว เห็นมั้ย“เรื่องแบบนั้น ข้าเอ่ยเองคงไม่เหมาะ ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนพูด” “โอ๊ย รอให้ผู้ใหญ่พูด แล้วเมื่อไหร่ข้าจะสมหวัง ข้ารู้นะว่าแท้จริงพวกเราเคยเป็นคู่หมายกันมาก่อน ท่านพ่อของท่านมาทาบทามข้าให้กับท่านมาก่อน”“เจ้ารู้?”“รู้สิ คุณชายหลี่บอกข้าแล้วว่า ท่านคือเซวียนจางหย่ง บุตรชายตระกูลเซวียนที่เป็นถึงจอหงวนบู๊ บิดาท่านเป็นสหายกับบิดาของข้า”“ใช่ และตอนนั้นเจ้ารังเกียจข้า เจ้าฝากบิดามาบอกว่าข้ามันอันตราย จะทำให้ชีวิตของเจ้าอันตรายไปด้วย” เซวียนจางหย่งเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงกลับสูงขึ้น ราวกับยังคงฝังใจกับคำตอบนี้ ไม่ลืมเลือนโถ ข้าน้อยผิดไปแล้ว หลิวซีซวนแทบจะคุกเข่ากอดขาบุรุษในดวงใจตอนนั้น ข้ามันมีตาแต่ไร้แวว ข้าถูกผีสิงไม่สิ ตอนนั้นต่างหากที่ถูกผีพระเอกดังทะลุมิติมาสิง“ข้าขอโทษ ขอโทษที่เวลานั้นมองข
“บัดซบ ทุกอย่างผิดแผนไปหมดแล้ว”“ท่านพ่อตาโปรดสงบสติอารมณ์เสียก่อน” เหตุวุ่นวายในเหิงเยว่ย่อมส่งผลมาถึงเมืองหลวง ที่จวนเสนาบดีพิธีการนั้น ยามนี้เซี่ยโม่โฉวก็เดือดดาลไม่แพ้กับใคร เขานั้นโกรธจนมือสั่นเมื่อได้ยินข่าวร้ายจากเหิงเยว่จวิ้นอ๋องได้รับราชโองการ สั่งให้ไปบวชไกลถึงไห่โอว“เช่นนี้ แผนที่เราดำเนินการมาต้องระงับไว้ก่อน รอวันที่เหมาะสม ท่านอ๋องย่อมได้กลับมาเยือนเมืองหลวงอีกครั้งอย่างองอาจ” ถานตงหยางเองก็เสียดายไม่น้อยที่แผนที่วางไว้ต้องยกเลิกไป ตำแหน่งเสนาบดีอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่กลับพังทลายในชั่วข้ามคืน เหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงก็กลับมาสงบราบเรียบ แม่ทัพหยวนรอดตาย ฮ่องเต้หายประชวรน่าเสียดายเสียจริง“ข้าได้ยินว่าที่แผนทุกอย่างพัง เพราะเกอแซ่หลิวกับเซวียนจางหย่ง เจ็บใจนัก”“ท่านหมายถึง จอหงวนบู๊ที่เป็นพระญาติกับฮ่องเต้น่ะหรือ” งานด้านโยธานั้นไม่ค่อยได้มีโอกาสพบเจอกับหน่วยสืบราชการลับตงฉางมากนัก ข่าวล่าสุดที่ได้ยินมาเขานึกว่าคนผู้นี้ตายไปแล้วเสียอีก“ใช่ ที่เคยประชุมไปกับขุนนางที่เข้ากับฝั่งท่านอ๋องคงต้องเปลี่ยนแผนใหม่ จวิ้นอ๋องไม่ยอมโดนเนรเทศอย่างง่ายดายแน่นอน บอกทุกคนให้เตรียมตัว
“เจ้าเป็นเกอ พูดเช่นนี้จะดูไม่งาม” “ใครไม่งาม ข้าน่ะหรือ หากข้าไม่งาม แล้วใครจะงามกัน ท่านไม่ต้องห่วง ตอนนี้ข้ารวยมาก ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพย์สมบัติ ท่านอยากได้อะไร ข้าจะหามาให้”ไม้ตายสุดท้ายคือ เอาเงินเข้าสู้ สายเปย์แห่งเหิงเยว่ ทั้งอ่อยทั้งอ้อนทั้งเปย์ จะไม่ได้ให้มันรู้ไปสิ“ข้าไม่ได้ต้องการสมบัติของเจ้า สมบัติของข้าก็มีไม่น้อย เจ้าเด็กโง่” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงระอา ก่อนจะดึงพู่หยกเรียบๆ ชิ้นหนึ่งออกมา แล้วถูกเข้ากับเอวของหลิวซีซวนโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจนใบหน้าห่างกับคนงามเพียงแค่คืบ จังหวะหัวใจของเกอคนงามเต้นผิดจังหวะ ไม่อาจควบคุมได้ เมื่อเจอคนหล่อในดวงใจจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว“ที่ผ่านมา ข้ายังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกหรือ ว่าคำตอบของข้าคืออะไร”อย่าว่าแต่หลิวซีซวนที่ตายเลย เลี่ยงหรงกับเลี่ยงชิงยังอยากกระโดดออกจากหน้าต่างรถม้า เมื่อเห็นว่าพู่หยกประจำตัวของตระกูลเซวียนถูกนำไปผูกเอวบางของหลิวซีซวน ราวกับกำลังผูกมัดคนงามไม่ให้หนีไปไหนสรุป ใครเกี้ยวใครกันแน่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงในช่วงเวลาเดียวกับที่กองทัพของแม่ทัพหยวนกลับมาพอดี รถม้าของเขาจึงต่อท้าย
คนตระกูลหลิวจากเหิงเยว่ ยืนอ้าปากค้างเรียงกันอยู่หน้าจวนขนาดใหญ่อย่างตื่นตะลึงบ้านเพิ่งโดนไฟไหม้จนไม่เหลืออะไรสักอย่าง แต่กลับได้จวนใหม่ไฉไลกว่าเดิม หากไม่เรียกว่าโชคช่วย แล้วจะเรียกว่าอะไรข้าคิดว่า ต่อให้เป็นดวงมหาโชคของหลี่เฉียงฮุยก็ยังไม่อาจเทียบกับเขาได้“คุณชาย ที่นี่เป็นบ้านใหม่ของเราจริงหรือ” ตู้เจาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ท่าทางตอนนี้ มองจากร้อยเมตรก็มองออกว่านี่คือ บ้านนอกเข้ากรุง“ท่านพี่ ก็ฮ่องเต้มีราชโองการประทานให้คุณชายหลิว พวกเราก็ได้ยินกันหมด ท่านอย่าทำท่าทางน่าอายเช่นนี้” ตู้ลี่จูปรามสามี ก่อนที่บุรุษผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมา“คารวะคุณชายหลิว ข้าได้รับมอบหมายให้มาส่งมอบจวนหลังนี้ให้กับคุณชายหลิวและผู้ติดตาม จวนหลังนี้ฮ่องเต้พระราชทานมาให้เพราะความสามารถและคุณงามความดีของคุณชายที่เป็นกุนซือช่วยวางแผนรบ จนทัพเสริมสามารถมีชัยเหนือศัตรู ซ้ำยังช่วยชี้แนะและผลักดันให้องค์ชายห้าฉายแววโดดเด่นเพียงนี้”หลิวซีซวนทำเพียงแค่ยิ้มจางๆ สิ่งเดียวที่เขาผลักดันองค์ชายห้าคือ ผลักให้ไปตามผู้ชายที่ชายแดนเท่านั้น“ท่านไม่คิดว่าที่นี่ใหญ่เกินไปหรือ”“ไม่หรอกขอรับ แท้จริงที่นี่เคยเป็นจวนของคนต
บุรุษหน้าคมหันกลับมาที่เขาพร้อมกับยักคิ้วให้ ก่อนจะเดินเข้าจวนข้างๆ เขาไปทันทีอ้าว อ้าว อ้าว เราอยู่บ้านข้างกันเหรอหากใครเดินผ่านไปผ่านมาแถบจวนขุนนาง ก็คงเห็นเกอคนงามจากเหิงเยว่กำลังยืนอ้าปากค้างหน้าเรือนด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ยืนช็อกอยู่ไม่นานก็มีบ่าวชายหญิงสี่คนเดินตรงจากข้างบ้านตรงมาหาเขา“คุณชายหลิว พวกข้าเป็นบ่าวจากจวนของใต้เท้าเซวียน ถูกส่งมาให้รับใช้คุณชายเจ้าค่ะ”“จวนใต้เท้าเซวียน ข้างบ้านข้าคือ จวนของเซวียนจางหย่งน่ะหรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เป็นจวนส่วนตัวที่ใต้เท้าเซวียนได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้ ใต้เท้าเซวียนยังฝากคำพูดกลับมาว่า หากคุณชายหลิวคิดถึงจนทนไม่ไหว สามารถปีนรั้วไปหาได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”หน็อย หน็อย เดี๋ยวนี้ร้ายกาจแพรวพราวนักนะเดี๋ยวพ่อก็ปีนรั้วไปหาซะเลยเย็นวันนั้น หลิวซีซวนก็รับบริการจากบ่าวทั้งสี่อย่างเต็มที่ ทั้งบีบนวด ขัดสีฉวีวรรณ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มาอยู่ในโลกนี้ที่เขาได้ทำสิ่งที่ใกล้เคียงกับสปามากที่สุด ผิวพรรณที่ดูแลตามมีตามเกิดแบบคนเหิงเยว่ กระจ่างใสขึ้น ผิดหูผิดตา ผิวกายนั้นเนียนนุ่มน่าสัมผัส กลิ่นกายหอมฟุ้งชวนหลงใหล ความปวดเมื่อยจากเรื่องตึงเครียด
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา