วันต่อมา โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวก็ยังแน่นไปด้วยผู้คนเช่นเคย ตู้เฉิงยิ้มหน้าบานต้อนรับแขกเหรื่อทั้งเก่าและใหม่อย่างคล่องแคล่ว หลังจากที่คุณชายหลิวได้ทำการแสดงอันน่าทึ่งไปเมื่อวาน คนก็เอาไปโจษจันไปทั่ว ทำให้วันนี้มีทั้งชายหญิงมากมายมุ่งตรงมายังโรงเตี๊ยมเก่าแก่เพื่อจะได้ยลความงามและความสามารถของเกอจากตระกูลดัง
ไม่เพียงแค่ชาวบ้านหรือคหบดีเท่านั้น วันนี้แม้แต่ท่านเจ้าเมืองหลี่ก็ควงคู่ฮูหยินมาด้วย เมื่อผู้มาเยือนเป็นถึงบุคคลสูงศักดิ์ หลิวซีซวนจึงต้องให้เกียรติออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“คารวะท่านเจ้าเมืองหลี่ ฮูหยิน และคุณชายหลี่ขอรับ” หลิวซีซวนในชุดแดงตรงเข้ามาทำความเคารพเจ้าเมืองอย่างนอบน้อม เรียกสายตาชื่นชมจากผู้คนที่ตั้งใจมาชมคนงามได้ไม่ยาก
ตัวจริงงามถึงเพียงนี้ หากได้ใกล้ชิดด้วยสักครั้ง นับว่าตายไม่เสียชาติเกิด
“ไม่ต้องมากพิธี คุณชายหลิว เมื่อสมัยเด็กๆ ข้าก็เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลหลิวมากมาย เคยได้พูดคุยกับท่านผู้เฒ่าหลิวเป็นครั้งคราว นับว่าวันนี้คนกันเองทั้งนั้น” เจ้าเมืองเอ่ยอย่างเป็นกันเอง
“คุณชายหลิวผู้นี้ช่างงดงามเสียยิ่งนัก งดงามยิ่งกว่าผู้ใดในเหิงเยว่เลยด้วยซ้ำ ซ้ำยังมีความสามารถจนคนโจษจัน วันนี้ข้าตั้งใจมาดูเจ้าโดยเฉพาะนะ ลูกชายของข้าก็เช่นกัน” ฮูหยินเอ่ยพร้อมกับพยักพเยิดไปทางบุตรชายอย่างสื่อความนัย ฉับพลัน หลี่เฉียงฮุยก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากชายหน้าหล่อที่ยืนประกบคุณชายหลิวอยู่ไม่ห่าง
เหอะ ไอ้คนปากแข็งใจอ่อน
“เช่นนี้ เราขึ้นไปที่ห้องรับรองกันเถิด ท่านพ่อท่านแม่ ให้คุณชายหลิวไปเตรียมตัวทำการแสดงดีกว่า” หลี่เฉียงฮุยรีบตัดบท ก่อนจะโดนหัวหน้าหน่วยตงฉางสังหารเอากลางโรงเตี๊ยม เขารีบลากบิดามารดาขึ้นไปชั้นบน เหลือไว้เพียงแค่หลิวซีซวนและบ่าวคนสนิทที่ยืนมองตามจากชั้นล่าง
“นี่จางหย่ง ท่านเจ้าเมืองกับฮูหยิน ดูเหมือนจะเอ็นดูข้ามาก”
“พวกเขาคงเป็นคนใจดีมีเมตตา เมืองเหิงเยว่จึงอยู่กันอย่างสงบร่มเย็น”
“มีพ่อแม่สามีเช่นนี้ นับว่าดีไม่น้อย จางหย่ง เจ้าว่าหลี่เฉียงฮุยผู้นี้เหมาะกับข้าหรือไม่” เกอคนงามวกกลับมาเรื่องหาสามีอีกครั้ง ทำเอาเซวียนจางหย่งถึงกับสีหน้ามืดครึ้มลงไป
“ไม่เหมาะแม้แต่น้อย เขาไม่คู่ควรกับท่านสักนิด”
“ห๊ะ นั่นบุตรชายเจ้าเมืองเลยนะ”
“ใช่ เขาไม่คู่ควรกับท่านแม้แต่น้อย”
คนอยากมีผัว เอามือเท้าเอวอย่างหงุดหงิด
จ้า ไม่คู่ควร แล้วใคร ใคร ใครที่คู่ควรกับข้ากัน
คืนนั้น หลิวซีซวนทำการแสดงอีกครั้งอย่างเต็มกำลัง สร้างความประทับใจให้ผู้ชมจนลุกขึ้นโห่ร้องและปรบมืออย่างถ้วนหน้ากับความสามารถในการร่ายรำที่สามารถสะกดผู้คนราวกับเวทมนตร์ และก็เป็นไปตามที่หลิวซีซวนคาดไว้ ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถรองรับพลังการแสดงบนเวทีแบบเต็มขั้นเช่นนี้ได้ ในระหว่างการแสดง มีหลายครั้งที่จู่ๆ เขาก็หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ บางคราก็เวียนหัว นึกแค้นถานตงหยางและมารดาไม่น้อยที่วางยาร่างนี้มาหลายปี จนส่งผลข้างเคียงทำให้อ่อนแอเช่นนี้
แต่ถึงจะเหนื่อยเพียงใด เพียงแค่เห็นก้อนเงินที่ผู้ชมนำมาให้เป็นรางวัล ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
รวย รวย รวย รวย
ถ้าข้าเป็นเศรษฐีขึ้นมาจริงๆ จางหย่งจะยอมใจอ่อนหรือไม่ ข้าหาเลี้ยงเขาได้ตลอดชีวิตเชียวนะ
ทันทีที่หลบเข้ามาหลังม่าน คุณชายหลิวผู้บอบบางก็ถึงกับเซถลาด้วยความอ่อนแรง โชคดีที่มีบ่าวข้างกายคอยจับตามองไว้ไม่ห่าง จึงโอบประคองร่างบางเอาไว้แนบกายก่อนจะล้มหัวคะมำไปก่อน หลังม่านการแสดงร่างแกร่งและร่างบางแนบประสานกันอย่างใกล้ชิดกว่าครั้งไหนๆ ใบหน้างดงามอยู่ห่างจากใบหน้าของจางหย่งเพียงไม่กี่ฉื่อ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจหอบเหนื่อย ดวงตาดอกท้อมองมาที่เขาอย่างเว้าวอน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ยามนี้ไม่รู้ว่าเสียงหัวใจของใครเป็นของใคร เพราะมันกลับเต้นแรงสอดประสานจังหวะราวกับเป็นดวงเดียวกัน
“คุณชาย ท่านหักโหมมากไปแล้ว”
“จางหย่ง เมื่อไหร่เจ้าจะใจอ่อนให้ข้าเสียที”
“คุณชาย หยุดล้อเล่นกับบ่าวเช่นข้าเสียเถิด ข้าไม่คู่ควร”
นั่น จีบอะไรก็โดนปัดทิ้งเสมอ ไม่รักไม่ชอบแล้วทำไมต้องมาทำให้ใจเต้นแรงด้วย คนเป็นเมียไม่ได้ มันทรมาน
ในขณะที่กำลังโอบประคองกันอยู่ จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มร่างสูงสองคนบุกเข้ามาที่หลังม่านอย่างไม่มีใครคาดคิด สองร่างที่แนบชิดกันจึงผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว เมื่อหันไปดูก็พบว่าคนที่บุกเข้ามาคือ ลูกค้าชายรูปร่างสูงใหญ่น่ากลัว แต่งตัวในชุดสีดำเรียบๆ ดูธรรมดา ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายไม่ธรรมดาสักนิด หลิวซีซวนมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาระแวดระวัง ก่อนจะถอยเท้าไปหลบอยู่ด้านหลังจางหย่งอย่างระแวง ชายทั้งสองเดินตรงมาหาเขาด้วยใบหน้าดุดัน ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังจางหย่ง ที่ครั้งนี้ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านเช่นทุกครั้ง
“ท่านทั้งสองเข้ามาที่นี่ไม่ได้ ที่นี่เป็นหลังม่านการแสดง เชิญท่านออกไป”
“อะแฮ่ม ข้าเพียงตั้งใจมาให้รางวัล นี่คือรางวัลให้กับฮูห..อะแฮ่ม คุณชายหลิว” เขายื่นถุงเงินถุงใหญ่มาให้เขาทั้งถุง เมื่อเปิดออกดูก็พบกับก้อนตำลึงทองสิบก้อน
สิบตำลึงทอง!! นี่พวกเขาบ้าไปแล้วรึเปล่า
“นี่มันมากเกินไป ข้ารับไม่ไหว”
“โปรดรับไว้ จริงๆ เงินนี้ไม่ใช่เงินของข้า นายของข้าฝากมาเป็นรางวัลให้แก่ท่าน โปรดอย่าได้เกรงใจ” สิ้นคำพูด เลี่ยงชิวและเลี่ยงหรงก็หันไปสบตาผู้เป็นนายอย่างเซวียนจางหย่ง ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้คุณชายหลิวมองถุงเงินด้วยสายตาครุ่นคิด
“จางหย่ง”
“ขอรับ”
“ข้าจ้างเจ้าสิบตำลึงทองเลยก็ได้ ช่วยเป็นสามีและผลิตทายาทกับข้าได้หรือไม่”
หัวหน้าหน่วยตงฉางผู้แฝงตัวเป็นบ่าวถึงกับส่ายหน้า ให้กับเจ้าปีศาจราคะตัวน้อยที่ช่างขยันเล่นกับหัวใจเขาเหลือเกิน
หลิวซีซวนเอ๊ย หลิวซีซวน เจ้ากำลังเอาเงินของข้ามาจ้างตัวข้าเองน่ะหรือ
เรื่องแบบนี้ ใครเขาใช้เงินจ้างกัน
จวนรองเจ้ากรมโยธา ณ เมืองหลวงเช้าตรู่ในวันหนึ่ง รองเจ้ากรมโยธาผู้ยังหนุ่มออกไปตรวจงานที่ต่างเมืองหลายวัน เขาจำเป็นต้องเร่งออกไปดูงาน เหตุเพราะอีกไม่นานเขาจะต้องเข้าพิธีสมรสกับบุตรเสนาบดีกรมพิธีการเซี่ย แท้จริงแล้วเขาไม่ได้มีความรู้มากมายเกี่ยวกับงานที่ทำ และเขาก็ไม่ได้คิดจะสนใจสร้างผลงานสักเท่าไหร่ เขามองว่าเรื่องพวกนั้นมันเสียเวลาเกินไป ที่ถานตงหยางไต่เต้าขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงระดับนี้ได้ก็ไม่ใช่ด้วยความสามารถ แต่เป็นเพราะเม็ดเงินของอดีตภรรยาทั้งสิ้น บัดนี้เขากำลังจะได้เป็นบุตรเขยของเสนาบดี เขากำลังจะมีอนาคตที่สดใส ต่อให้ขุนนางคนอื่นจะลอบดูแคลน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจถานตงหยางออกเดินทางไปยังเมืองข้างเคียงหลายวัน ในจวนนี้จึงมีเพียงแค่มารดาอย่างถานซงอวิ้นที่กำลังนั่งชื่นชมเครื่องประดับและอัญมณีจากสินเดิมของเหอซีซวน ไปพร้อมๆ กับดุด่าบ่าวไพร่อย่างสนุกปาก“โอ๊ย เจ็บนะ เจ้าใช้มือหรือใช้เท้าบีบนวดข้ากันแน่ ทำไมถึงได้แรงขนาดนี้ พวกเจ้านี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ แล้วดูสิ ข้าวของของข้าหม่นหมองสกปรกหมดแล้ว ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าสมบัติของข้าทุกชิ้น พวกเจ้าต้องหมั่นทำความสะอาด นี่อะไร ฝุ่นเกาะเต็ม แล้วอีกอย่
หนึ่งเดือนต่อมาตอนนี้ โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวก็ยังวุ่นวายไม่เปลี่ยน ตู้ลี่จูนั้นต้องลาหยุดหลังจากคลอดบุตรเพื่อดูแลลูกเล็ก ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะพวกเขาวางแผนหาคนมาแทนไว้เรียบร้อยแล้ว โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวนั้นกลับมาฟื้นตัวและมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง จนยามนี้เริ่มกลับมาทัดเทียมโรงเตี๊ยมหยางน่าของตระกูลกู้แล้ว แม้ว่ากิจการจะดำเนินไปได้ด้วยดี ทว่าคนงามประจำโรงเตี๊ยมนั้นกลับอ่อนแอลงทุกวัน บางวันเขาถึงกับตัวสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บที่แทรกซึมในกาย แม้จะให้หมอมาดูอาการก็ไม่ช่วยอะไร อาการของเขามีแค่ทรงกับทรุด สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ต้องอดทนเท่านั้นนอกจากผลข้างเคียงจากการถูกวางยาเป็นหมันมานาน เขาก็ยังคงมีอาการบ้านหมุนที่มาพร้อมกับภาพหลอนมากมาย อาการพวกนี้ไม่ได้หายไป มีแต่จะหนักขึ้นจนทำให้เขาใช้ชีวิตลำบากไม่น้อย เขาเก็บงำเรื่องนี้ไว้ผู้เดียว ไม่กล้าบอกใคร เขาไม่อยากถูกหาว่าสติฟั่นเฟือน จนถูกจับไปให้นักบวชนักพรตทำพิธีไล่วิญญาณก่อนเขาจะหาสามีได้ด้วยปัญหาสุขภาพทั้งหมดนี้ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจพักจากการแสดงแล้วจ้างนักเต้นมาฝึกสอนให้แสดงแทนตน ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ดูแลแขกในห้องอาหารแทนตู
ทว่ายังไม่ทันได้ขยับตัว ชายทั้งสองคนที่กำลังตั้งท่าจะเกี้ยวเขาก็ถูกจางหย่งถีบจนกระเด็นออกไปชนผนังโอ๊ะ สุดหล่อ เบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวโรงเตี๊ยมข้าพัง“คุณชายหลิวไม่สะดวกสนทนากับพวกท่าน อย่าได้มาทำตัวรุ่มร่าม แตะเนื้อต้องตัวคุณชาย หรือใช้สายตาสามานย์มองคุณชายของข้าเช่นนั้น” จางหย่งเอ่ยเสียงเข้มอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใดก็เป็นเสียอย่างนี้ พอเขาเข้าใกล้บุรุษก็คอยกันท่า วาสนาพญานกนั้นเป็นของข้าโดยแท้จริงคนในโรงเตี๊ยมนั้นเห็นภาพบุรุษถูกบ่าวคนงามเตะก้นออกมาเป็นภาพชินตา แต่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นคือ การที่สตรีบุกเข้ามาที่โรงเตี๊ยมแล้วหาเรื่องเขาต่อหน้าแขกทุกคน“นี่ มาดูนี่ นี่มันนางเกอแพศยา เปิดโรงเตี๊ยมแต่ทำตัวราวกับคณิกา ยั่วยวนสามีข้าให้หลงใหล” สตรีนางหนึ่งตรงมาที่เขาพร้อมกับเอ่ยวาจาเผ็ดร้อน ไร้มูลความจริง“ฮูหยินสงบสติอารมณ์หน่อยเถอะเจ้าค่ะ” บ่าวหญิงที่ติดตามมานั้นรองรับอารมณ์ร้อนของผู้เป็นนายมาตลอดทาง เตือนสติผู้เป็นนาย“หาใช่เรื่องของบ่าวเช่นเจ้า อาหลิน วันนี้ข้าจะกระชากหน้ากากนางจิ้งจอกที่ยั่วยวนบุรุษทั่วเมืองราวกับคณิกา เสียดายที่มีชาติกำเนิดสูงส่ง เป็นถึงทายาทตระกูลหลิวเลื่องชื่อ แต่กลับทำต
เฮือก!!“ฟื้นแล้วเหรอหลานรักของข้า”เสียงของชายชราดังอยู่ข้างหู หลิวซีซวนนั้นลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกตื่นตระหนกก่อนจะมองรอบกายนี่เขากลับมาอยู่ที่ตระกูลหลิวแล้ว แต่ไม่ใช่ตระกูลหลิวด้านนอก เขากำลังอยู่ในมิติส่วนตัว“ตาแก่”“เจ้านี่มันอกตัญญูเสียจริง ฟื้นขึ้นมาในมิติส่วนตัว เจอข้าแล้วยังเรียกว่าตาแก่อีก”“ท่านตา เมื่อกี้ข้าถูกผีเข้า ไม่สิ ต้องเป็นปีศาจหรือว่ามารแน่ๆ จางหย่งชอบพูดอยู่บ่อยๆ ว่าข้าถูกปีศาจราคะเข้าสิง ข้ามองเห็นภาพหลอน เห็นชะตาชีวิตของผู้คน ท่านตา หรือว่าข้ากำลังจะเป็นบ้า ท่านช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากเป็นบ้าก่อนมีสามี ข้ายังเกี้ยวจางหย่งไม่ติดเลย” หลิวซีซวนกอดแขนบรรพบุรุษแน่น ตอนนี้เขาขวัญผวาไปหมดแล้วหลังจากที่แสดงอภินิหารแบบไม่ได้ตั้งใจ เขาสาบานเลยว่าเมื่อครู่นั้น เขาปวดหัวจนแทบจะระเบิด แสงสีในภาพหลอนและภาพความเป็นจริงตีกันวุ่นวายไปหมด แต่จู่ๆ ทุกอย่างก็นิ่งเงียบสงบลง ยามนั้นเขาเห็นแสงจันทร์ที่ทอแสงส่องสว่างอยู่ในความมืด เมื่อลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เคยสับสนน่าปวดหัวราวกับภาพหลอน ก็ร้อยเรียงกลายเป็นภาพเดียวกันเขามองเห็นชะตากรรมของผู้คนได้ หากว่าตนต้องการแต่ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้อย
“ท่านตา เช่นนี้หมายความว่าร่างกายของข้าจะต้องเจ็บปวดทรมานยามทำนายทายทักเช่นเมื่อครู่ใช่หรือไม่ ท่านรู้มั้ย ที่ผ่านมาข้าต้องทุกข์ทรมานกับอาการวิงเวียนมากเพียงใด ภาพหลอนที่ซ้อนกันสลับไปมา ทำให้ข้าหัวแทบระเบิด ซ้ำเมื่อพยากรณ์ออกไปก็ยังสิ้นเรี่ยวแรง ข้าทนไม่ไหวหรอก”“นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่รู้จักวิธีควบคุมพลังของตระกูลหลิวในกาย” ชายชราเอ่ยก่อนจะหยิบตำราเล่มหนาขึ้นมาหนึ่งเล่ม แล้วยื่นมาตรงหน้าเขาโอ้ว แค่เห็นตำราก็รู้สึกพะอืดพะอม“ข้าต้องอ่านเล่มนี้หรือ”“ใช่ และยังมีอีกหลายเล่มที่เกี่ยวข้อง มันจะทำให้พลังในกายเจ้าสมดุลมากขึ้น เพิ่มความทนทานให้กับพลังงานบริสุทธิ์ในกาย ช่วยให้การพยากรณ์แม่นยำขึ้น”“โธ่ แล้วท่านไม่บอกตั้งแต่ทีแรก ว่าข้าต้องอ่านตำราพวกนี้ ปล่อยให้ข้าทนทุกข์ทรมานตั้งนาน”“ข้ามิอาจแพร่งพรายความลับสวรรค์ ยามนี้พลังวิเศษด้านการพยากรณ์ถูกปลุกขึ้นมาก่อน ข้าจึงสามารถชี้แนะตำราให้เจ้าได้ หากวันหน้าเจ้าจำเป็นต้องมีพลังวิเศษด้านอื่น ข้าก็จะชี้แนะเจ้าเอง เมื่อถึงเวลา”“ ...”คุณชายหลิวหมดคำจะพูด นี่ยังมีพลังอย่างอื่นอีกเหรอ แค่พลังเดียวถูกปลุกยังทำเขามึนหัวเกือบเดือนเขาไม่ได้อยากได้พลั
ณ เมืองหลวงหน้าจวนเสนาบดีกรมพิธีการ มีขบวนเกี้ยวเจ้าสาวจากตระกูลเซี่ยยาวเหยียด บุรุษหนุ่มผู้ซึ่งเป็นรองเจ้ากรมโยธาในชุดสีแดงนั้นรับหน้าที่ขี่ม้านำขบวนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ยามนี้เขามีตำแหน่งหน้าที่สูง มีคนนับหน้าถือตา ชาวบ้านทั่วไปล้วนมองอย่างชื่นชม แตกต่างจากตอนที่แต่งภรรยาเกอผู้นั้นเข้าตระกูลถาน ยามนั้นตนรู้สึกต่ำต้อยกว่าอีกฝ่ายไม่น้อยที่ด้อยกว่าทุกด้าน โชคดีที่เขาเป็นพวกปากหวานและเอาใจเก่ง จึงมัดใจเกอผู้นั้นให้หลงใหลแค่เพียงเขาได้อย่างง่ายดายบัดนี้เกอผู้นั้นหมดประโยชน์แล้ว ขุนนางใหญ่อย่างเขาควรจะแต่งงานกับสตรีที่คู่ควรอย่างเซี่ยอ้ายเหม่ย ไม่ใช่เกอที่มีแต่ตัวเช่นนั้นอ่อ ไม่ได้มีแต่ตัว มีสินเดิมอีกมหาศาลที่เขาไปปล้นกลับมาให้ตระกูลถานด้วยเปล่าประโยชน์ที่จะคิดถึงคนที่ตายไปแล้ว บัดนี้อนาคตของเขากำลังสว่างสดใส ภรรยาที่เป็นบุตรเสนาบดีกรมพิธีการ ต่อไปอำนาจวาสนามีแต่จะเพิ่มพูน หลังจากที่ทำงานใหญ่ร่วมกับท่านผู้นั้นแล้ว ตำแหน่งของเขาย่อมไม่หยุดอยู่แค่รองเจ้ากรมเป็นแน่อีกหน่อย ข้าผู้นี้ ถานตงหยาง จะต้องก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเสนาบดีเป็นแน่เขาขี่ม้ามาตลอดทางจนถึงจวนของตน ชายหนุ่มกระโดดลงจากหลังม
หลังจากที่แกล้งหลับ เขาก็หลับไปจริงๆ อีกรอบ ก่อนจะฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวัน ยามนี้โรงเตี๊ยมตระกูลหลิวน่าจะวุ่นวายกันน่าดู เขาหายจากอาการปวดหัวบ้านหมุนแล้ว ก็ควรไปดูกิจการของตนเสียหน่อย“คุณชาย ท่านอย่าดื้อ ข้าบอกแล้วไงว่าท่านควรพักผ่อน”“ข้าพักเยอะแล้ว จางหย่ง ถ้าข้านอนอีก ข้าต้องเฉาแน่ ให้ข้าได้มาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ได้ชมการแสดงให้บันเทิงใจ ให้ข้าได้กินอาหารอร่อยเสียจะดีกว่า”หลิวซีซวนดื้อดึง ไม่ฟังคำห้ามปรามของบ่าวสุดหล่อ แล้วเดินตัวปลิวมายังโรงเตี๊ยมของตนและก็เป็นอย่างที่ตนคิด หลังจากที่ได้แสดงอภินิหารไป เรื่องราวที่เขามีพลังสามารถทำนายทายทักได้ก็เลื่องลือไปทั่วทั้งเมือง ยามนี้โรงเตี๊ยมของเขาจึงมีผู้คนมาเฝ้ารอแน่นขนัดไม่ ไม่ใช่รอจะชมการแสดง รอดูดวงต่างหาก“ตระกูลหลิวกลับมาแล้ว ตระกูลหลิวเป็นหนึ่งในปฐพี ตระกูลหลิวแห่งเหิงเยว่”“ตระกูลคู่แผ่นดิน ตระกูลหลิวศักดิ์สิทธิ์เสมอมา คุณชายหลิวคือผู้วิเศษ”“คุณชายหลิวมาเหิงเยว่เพื่อมาประทานพร เรียกฟ้าเรียกฝนให้พวกเรา ท่านมาเพื่อแก้ไขดวงชะตาพวกเราทุกคน”“คุณชายหลิวจงเจริญ”ไม่แปลกที่ผู้คนจะคลั่งขนาดนี้ ก็คุณชายหลิวทำนายได้แม่นขนาดนี้ นังบ่า
“ไอหยา เจ้าได้ยินเรื่องของอันธพาลตระกูลกู้หรือไม่ เมื่อคืน มีคนไปแบกร่างมันออกจากป่าช่วงกลางดึกเข้าโรงหมอ ได้ยินว่าขาหัก เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผล มาถึงก็โวยวายเสียงดังว่าเจอวิญญาณหลอกหลอน มีซากศพเดินได้ น่าจะเพ้อเพราะพิษไข้ป่าเป็นแน่”“ข้าสมน้ำหน้ามันนัก ชอบทำตัวกร่างไปทั่ว สุดท้ายสวรรค์ก็ลงทัณฑ์ ข้าว่ามันไม่ได้เป็นไข้หรอก คงเจอวิญญาณคนที่มันเคยทำร้ายตามหลอกหลอนมากกว่า บาปกรรมจริงๆ”“นางกู้ร้องไห้ไม่หยุดจนเช้า แม้ว่านางจะน่ารำคาญแต่ข้าก็สงสารนางไม่น้อย หัวอกคนเป็นแม่ เห็นสภาพลูกชายเป็นเช่นนั้นย่อมทำใจไม่ได้”“ข้าได้ยินว่านอกจากบาดแผลภายนอก กู้หมิงเฉียวยังเสียสติอีกด้วย สงสัยจะโดนผีหลอกจนเป็นบ้าไปแล้ว เอาแต่พูดว่าที่วัดซือคงมีปีศาจซ้ำไปซ้ำมา ท่าทางจะอาการหนัก”“นี่แหละหนา เขาเรียกว่ากรรมตามทัน”หลิวซีซวนไม่ใช่คนชอบนินทาใคร แต่การนั่งฟังคนนินทาก็ถือว่าเพลินไม่น้อย ขณะนี้เขาอยู่ที่โรงเตี๊ยมตระกูลหลิว ซึ่งจะเรียกว่าโรงเตี๊ยมก็กระดากปากเมื่อยามนี้คนที่แวะเวียนมา มีแต่คนอยากมาทำนายดวงชะตา หลิวซีซวนทอดถอนใจปลงกับโชคชะตา ก่อนจะสั่งให้ตู้เจาไปทำป้ายรับดูดวงชะตามาติดไว้หน้าโรงเตี๊ยมเสียให้สิ้นเรื่
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา