“ใช่แล้วค่ะคนเก่ง...นีน่าต้องไปโรงเรียนเพื่อหาความรู้และเจอกับเพื่อนใหม่ๆไงคะเดี๋ยวตอนเย็นๆคุณแม่จะไปรับนีน่านะคะ” มีนชญาหันมายิ้มตอบลูกสาวพร้อมย่อตัวลงนั่งคุยกับลูกสาวของเธอว่าเป็นเด็กก็ต้องหาความรู้ในโรงเรียนแล้วก็จะได้เจอเพื่อนใหม่ๆอีกด้วยพร้อมสัญญากับลูกสาวของเธอว่าเมื่อถึงเลวลาเลิกเรียนแล้วเธอจะมารับทันที
“ค่ะ...นีน่าอยากมีความรู้แล้วก็อยากมีเพื่อนเยอะๆด้วยค่ะ” เด็กหญิงสวมกอดที่คอของคนเป็นแม่พร้อมบอกว่าเธอนั้นอยากจะมีความรู้แล้วก็อยากจะมีเพื่อนเยอะๆอย่างที่แม่ของเธอบอกอีกด้วย
“คุณครูมาแล้วสวัสดีคุณครูก่อนค่ะ” มีนชญาเห็นว่ามีคุณครูสาวกำลังเดินตรงมายังเธอสองแม่ลูกเลยอกให้นีน่ารีบสวัสดีคุณครูก่อน
“สวัสดีค่ะคุณครูหนูชื่อเด็กหญิงนีน่าค่ะ” เด็กหญิงยกมือป้อมของเธอสวัสดีคุณครูพร้อมแนะนำตัวเองอย่างเสียงดังฟังชัดอย่างน่าเอ็นดู
“สวัสดีค่ะ...น้องนีน่าเก่งจังเลยเข้าไปข้างในกับคุณครูนะคะ” คุณครูสาวอดชื่นชมในความน่ารักของเด็กหญิงไม่ได้ที่วันนี้เป็นวันแรกของการมาอยู่ที่โรงเรียนแต่ไม่มีอาการงอแงเลยสักนิดพร้อมจูงมือเด็กหญิงเข้าไปในห้องเรียน
“บ๊ายบายค่ะคุณแม่” นีน่าหันมาบ๊ายบายคนเป็นแม่ด้วยรอยยิ้มอันแสนหวานทำให้คนเป็นแม่นั้นเบาใจว่าลูกสาวเธอนั้นชอบโรงเรียนและอยู่ได้อย่างสบายเพราะนีน่าเป็นเด็กที่ค่อนข้างเข้ากับคนง่ายนิสัยอันนี้น่าจะได้มาจากเธอ
หลังจากที่มีนชญาส่งลูกสาวของเธอเรียบร้อยแล้วจึงเข้ามาที่ร้านเธอใช้บ้านที่ซื้อคราวแรกเปิดเป็นร้านดอกไม้แต่บ้านที่เธออยู่ในปัจจุบันเธอพึ่งซื้อที่แล้วสร้างใหม่อยู่กับลูกสองคนห่างจากร้านไม่มากเท่าไรโดยบ้านที่เปิดเป็นร้านนี้เธอก็ให้วุ้นเส้นกับไวไวอยู่ที่นี่เสียเลยเพื่อที่จะได้ดูแลร้านตอนกลางคืนด้วยอีกอย่างไวไวกับวุ้นเส้นก็จะได้มีที่อยู่ดีๆอยู่กันอีกด้วย
“นีน่าโอเคใช่ไหมคะพี่มีน” วุ้นเส้นที่กำลังถูพื้นเห็นว่ามีนชญาเข้ามาแต่เช้าเธอก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเปิดเรียนของนีน่าเธอจึงเอ่ยถามหญิงสาวขึ้นว่าการไปส่งนีน่าที่โรงเรียนวันนี้ไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่
“นีน่าไม่งอแงเลย” มีนชญาพยักหน้าตอบวุ้นเส้นพร้อมบอกว่าลูกสาวเธอไม่งอแงเลยสักนิด
“วุ้นว่าแล้วนีน่าคงจะชอบที่รู้ว่าจะมีเพื่อนเยอะน่ะค่ะ”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ” วุ้นเส้นคิดไว้แล้วว่ายังไงนีน่าก็ไม่น่าจะงอแงเพราะจากที่เธอเคยคลุกคลีกับนีน่าอยู่เป็นประจำนีน่าเป็นเด็กที่พูดง่ายและมีเหตุผลและคิดว่านีน่าคงจะชอบที่รู้ว่าจะได้มีเพื่อนเยอะๆซึ่งมีนชญาเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“หนังสือพิมพ์มาใหม่วางอยู่ที่หลังร้านค่ะพี่มีน”
“ขอบใจจ้า”
วุ้นเส้นรู้ว่ามีนชญานั้นชอบอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เธอเห็นว่าหญิงสาวกำลังมองหาหนังสืออ่านอยู่เป็นแน่จึงบอกให้หญิงสาวรู้ว่าหนังสือที่มาใหม่มันวางอยู่ที่หลังร้าน
“แล้วฉันก็ต้องมาเจอข่าวนี้ของคุณสินะ” มีนชญาเปิดอ่านข่าวต่างประเทศก็เห็นข่าวของชายหนุ่มเด่นหราขึ้นมาเป็นรูปเขากำลังนั่งทานข้างกับผู้หญิงที่ในข่าวเขียนว่าเป็นคู่รักของเขา
เมื่อเห็นดังนั้นเธอก็ไม่อยากอ่านอะไรต่อแล้วพร้อมวางหนังสือพิมพ์เอาไว้และเดินชมเหล่าต้นไม้กับดอกไม้ในสวนหลังบ้านให้สบายใจจะดีกว่าพร้อมบอกให้ตัวเองสลัดความคิดทีมีข่าวของชายหนุ่มวนเวียนอยู่ในหัวออกให้เร็วที่สุด
“มีน”
“อ้าวแน็ทตี้” มีนชญาหันหลังกลับมาตามเสียงเรียกของใครคนหนึ่งที่แม้แต่ประโยคเดียวที่ดังขึ้นมาเธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร
“วันนี้ทำไมมาที่นี่ได้ล่ะ” มีนชญาแปลกใจที่เพื่อนของเธอจู่ๆก็มาโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวแล้ววันนี้ก็ไม่น่าจะใช่วันหยุดงานของเพื่อนเธอด้วย
“ก็ฉันลาพักร้อนสามสี่วันน่ะสิฉันกะว่าจะมาเที่ยวที่นี่แหละ” ใกล้จะสิ้นปีแล้วจากที่ทำงานมาแบบไม่ค่อยจะได้หยุดเธอก็เลยขอลาพักร้อนในช่วงที่งานไม่ค่อยยุ่งแล้วมาเที่ยวหาเพื่อนสาวกับหลานของเธอด้วย
“แล้วแกไม่ไปหาแฟนแกเหรอหยุดยาวแบบนี้” มีนชญาอยากรู้ว่าหยุดยาวแบบนี้ทำไมคนอย่างแน็ทตี้ที่รักแฟนนักหนามีโอกาสไปหาแต่ไม่ไปกลับมาหาเพื่อนแทน
“คือ...ฉันเลิกกับแฟนฉันตั้งนานแล้วหละ..แต่แกไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นหรอก” แน็ทตี้มีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยระยะห่างกับความไม่แน่นอนของใจคนอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นเรื่องนี้เธอทำใจมาสักพักหนึ่งแล้วแต่แค่ไม่อยากให้ใครพูดจี้จุดเท่านั้นเอง
“ห๊า...แกอกหักเหรอเนี่ย...เอาเป็นว่าฉันจะไม่พูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน” มีนชญาถึงกับตกใจที่เพื่อนของเธอนั้นอกหักเพราะแน็ทตี้ที่ติดต่อกับเธอตลอดไม่เห็นเคยบอกเรื่องนี้กับเธอเลยเมื่อเห็นว่าแน็ทตี้มองหน้าเธอเป็นการให้หยุดพูดกลายๆเธอจึงทำเป็นไม่สนใจกับเรื่องนี้
“ฉันหิวแล้วไปหาอะไรทานกันเถอะ”
“ร้านสเต็คไหม”
“เอาสิ”
แน็ทตี้เปลี่ยนเรื่องคุยมาเป็นเรื่องการหาอาหารทานในตอนนี้จะดีกว่าเพราะตั้งแต่เช้าเธอยังไม่ได้ทานอะไรเลยมีนชญาจึงเสนอให้ไปทานที่ร้านสเต็คกันเพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้ไปทานที่ร้านเพราะมัวแต่อยู่กับลูก
“วุ้นเดี๋ยวพี่ออกไปข้างนอกสักเดี๋ยวนะจ๊ะ”
“ค่ะพี่มีน”
มีนชญาเดินออกมาที่หน้าร้านพร้อมบอกกับวุ้นเส้นที่กำลังเคลียออเดอร์อยู่ที่หน้าคอมว่าจะออกไปขางนอกสักพัก
“แล้วไวไวของพี่ไปไหนซะล่ะ...คิดถึงพ่อหนุ่มน้อยของพี่จัง”
“วันนี้ไวไวไปสอบค่ะพี่แน็ทตี้ไว้กลับมาวุ้นจะบอกเค้าให้นะคะว่ามีคนคิดถึง” แน็ทตี้เห็นว่าวันนี้ไวไวไม่อยู่ที่ร้านที่ปกติเธอแวะมาทีไรก็ต้องเจอพ่อหนุ่มน้อยที่เธอแทะโลมเป็นประจำจึงถามวุ้นเส้นคนเป็นพี่สาวขึ้นว่าน้องชายของเธอไปไหนพร้อมพูดแกมหยอกตามประสาของเธอว่าคิดถึง
วุ้นเส้นถึงกับอมยิ้มพร้อมบกกับแน็ทตี้ว่าน้องชายเธอไปสอบแล้วถ้ากลับมาจะบอกให้ว่ามีคนคิดถึงเธอเองเห็นว่าแน็ทตี้ชอบแซวน้องเธอเล่นแบบนี้เป็นประจำจนชินแล้วส่วนเจ้าตัวคนที่โดนแซวถ้าอยู่ตรงนี้ก็คงจะเดินหนีไปหลังร้านแต่ติดที่วันนี้ไม่อยู่นั่นเอง
ร้านสเต็ค“นี่ยัยมีนนีน่าก็โตแล้วแกไม่กลัวเค้าจะถามเรื่องพ่อบ้างเหรอ...อย่าว่าฉันตอกย้ำอะไรแกเลยนะฉันแค่รู้สึกเป็นห่วงหลาน”“อืม...เรื่องนั้นก็มีคิดบ้างเหมือนกันนีน่าเป็นเด็กฉลาดอีกหน่อยฉันก็คงจะเจอเรื่องแบบที่คิดไว้...ฉันบอกตามตรงเลยนะฉันเองก็รู้สึกผิดต่อลูกเหมือนกันที่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้ตอนนั้นเลยฉันคิดว่าการอยู่กับลูกเพียงสองคนจะมีความสุขแต่ตอนนี้มันทำให้ฉันกังวลมากที่สุดกับความรู้สึกของนีน่า”“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”“ฉันคงต้องยอมรับความเป็นจริงและคงต้องพยายามทำให้นีน่าเข้าใจและเลี้ยงเค้าอย่างดีที่สุดเพราะตอนนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”ทั้งแน็ทตี้และมีนชญาต่างก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวในอดีตที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แน็ทตี้เองก็รู้สึกผิดที่ตัวเองไม่น่าเห็นแก่เงินมีนชญาเองก็รู้สึกผิดกับความคิดประหลาดๆของตัวเองและนึกถึงแต่ความสุขของตัวเองไม่ได้มองการไกลว่าลูกจะมีความสุขเหมือนเธอหรือเปล่าตอนนี้ก็ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่เท่านั้น“อีกสักพักฉันก็ต้องไปรับนีน่าแล้วแกจะไปด้วยไหม”“ไปสิ...ฉันคิดถึงหลานฉันจะแย่อยู่แล้ว”มีนชญาเห็นว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เวลาไปรับ
กรุงเทพมหานคร“กอหญ้าแกอยู่ไหน”“ฉันทานข้าวอยู่ที่ห้างXXX”“ดีเลยแกรอฉันอยู่ที่นั่นเดี๋ยวฉันไปหา” แน็ทตี้ขับรถมาถึงกรุงเทพเขาก็โทรหากอหญ้าทันทีเพราะคิดว่าเรื่องนี้เขาต้องให้กอหญ้าช่วยและอีกอย่างเขาเองก็อยากจะลองเล่าเรื่องนี้ให้กอหญ้าฟังก่อนว่าถ้าเพื่อเขาได้ฟังแล้วจะมีความเห็นอย่างไรก่อนที่จะไปสารภาพผิดกับเจ้านายหนุ่มของเขาอีกทีห้างสรรพสินค้าXXX“ทำไมมานั่งทานข้าวคนเดียวล่ะ” แน็ทต้าถึงร้านที่เพื่อนสาวของเขาบอกก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเพื่อนเขามาเดินห้างคนเดียวแถมยังนั่งทานข้าวคนเดียวอีกต่างหาก“ฉันแวะมาซื้อของใช้น้องเอมเดี๋ยวก็กลับแล้ว” กอหญ้าตั้งใจว่าจะแวะมาที่ห้างนี้แค่ซื้อของใช้ให้ลูกสาวของเธอเสร็จแล้วก็จะกลับแต่รู้สึกหิวเลยนั่งทานข้าวก่อนเมื่อได้รับสายของแน็ทตี้ว่าให้รออยู่ที่นี่เธอจึงยังไม่ได้กลับและเธอเองก็อยากจะรู้ด้วยว่าแน็ทตี้นั้นมีเรื่องด่วนที่จะคุยอะไรกับเธอนักหนา“กอหญ้าฉันมีเรื่องจะปรึกษา....”“ว่ามาสิ...แต่ท่าทางแกดูเครียดๆนะ” กอหญ้าเห็นเพื่อนของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่เดินเข้ามาหาเธอแล้วหญิงสาวรู้ว่าเพื่อนของเธอต้องมีอะไรไม่สบายใจอยู่แน่นอนเธอเองพร้อมที่จะรับฟ
“เรื่องอะไร...ว่ามาสิ” โดมินิคเห็นท่าทีของคนตรงหน้าดูกังวลแปลกๆเขาจึงรีบให้แน็ทตี้พูดมาว่ามีธุระอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องมีนน่ะค่ะ”“มีน...คุณเจอมีนแล้วใช่ไหม” โดมินิคถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าแน็ทตี้นั้นจะพูดถึงใครพร้อมถามคำถามที่เขาอยากจะรู้ทันที“เจอแล้วค่ะ...แล้วก็แน็ทตี้อยากจะบอกบอสว่าแน็ทตี้รู้มาตลอดว่ามีนอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้บอกบอส”“ทำไม???” โดมินิคเริ่มรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของแน็ทตี้น้ำเสียงที่เขาถามคนตรงหน้าถึงเหตุผลมันเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด“คือว่าเรื่องที่แน็ทตี้จะบอกบอสก็คือ......” แน็ทตี้เองไม่อยากจะพูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกแล้วเขาค่อยๆเล่าเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียดเหมือนกับที่เล่าให้กอหญ้าฟังแต่ปฏิกิริยาของเจ้านายของเขาทำให้เขาเดาไม่ออกเหมือนกันว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่แต่เธอก็ยังคงต้องทำใจดีสู้เสื้อเล่าเรื่องต่อไปจนกว่าจะจบ“นี่พวกคุณเล่นบ้าอะไรกัน...แล้วปิดเรื่องนี้กับผมมาสี่ปีเนี่ยนะ” เมื่อโดมินิคฟังจบเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกรู้สึกว่ามีอะไรจุกอยู่ในอกคนที่เขาไว้ใจและคนที่เขารู้สึกดีด้วยยกล้าหลอกลวงเขาขนาดนี้เชียวหรือตอนนี้ในใจของเขาเริ่มมีทิฐิเข้าครอบงำความรู้สึกดีๆที่มีต
อัลบั้มแรกที่เขาหยิบมาข้างหน้าเขียนว่านีน่าตอนอยู่ในท้องกับแรกเกิดเมื่อเปิดเข้าไปชายหนุ่มถึงกับน้ำตาคลอและไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติภาพที่เขาเห็นก็คือมีนชญาที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่และท้องของเธอก็ใหญ่มากถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่ถ่ายให้และมีภาพของหญิงสาวที่อุ้มท้องโตๆเดินอยู่ในร้านดอกไม้อีกหลายรูป“ผ่าคลอดงั้นเหรอ” เมื่อเปิดไปเรื่อยๆก็เห็นภาพตอนที่หญิงสาวจะเข้าห้องผ่าตัดในหลังรูประบุเวลาและวันที่ไว้อย่างชัดเจนมีคำอธิบายว่ามีนไม่สามารถคลอดเองได้เพราะหลานตัวใหญ่เกินนี่ก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่เก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้เช่นกันภาพรอยยิ้มของหญิงสาวที่นอนรออยู่ในห้องคลอดเธอดูมีความสุขมากจริงๆจนเขาแอบอิจฉาเธอที่ได้เห็นลูกด้วยตาตัวเองเมื่อตอนแรกเกิดผิดกับเขาที่ต้องมานั่งดูรูปภาพเอาแบบนี้“คนสวยของแดดดี๊” เมื่อเปิดดูอีกอัลบั้มก็จะเป็นลูกสาวของเขาตอนที่นอนอยู่ในเปลเด็กและภาพที่กำลังดูดนมแม่อย่างน่าเอ็นดูเขาใช้มือลูบไปที่รูปภาพพร้อมปล่อยน้ำตาแห่งความสุขให้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเขานั่งดูรูปไปเรื่อยๆตั้งแต่ลูกสาวของเขายังเดินไม่ได้เริ่มหัดนั่งหัดคลานหัดเดินหัดพูดจนถึงปัจจุบันรูปที่พึ่งถ่ายสดๆร้อนๆเพ
“เอ่อ...สารภาพเรื่องอะไร...มีนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้นออกจากบ้านมีนไปได้แล้ว” มีนชญามีอาการหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยินคำที่ชายหนุ่มพูดกับเธอหญิงสาวไม่รู้ว่าเขาไปรู้อะไรมาบ้างถึงมาถามเธอแบบนี้แต่เธอก็ยังขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขาทั้งนั้นพร้อมไล่เขาออกไปจากบ้านโดยเร็วสิ่งที่เธอกลัวอยู่ในใจตอนนี้คือกลัวว่าเธอนั้นจะเสียลูกสาวของเธอไป“ไม่มีอะไรจะสารภาพงั้นเหรอ...วางแผนที่จะมีลูกกับฉันแล้วมาพรากลูกฉันไปตั้งหลายปีโดยที่ฉันไม่รู้อย่าคิดว่าฉันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ....เธอกล้ามากนะมีน...ฉันจะมาทวงลูกฉันคืน”โดมินิคเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นทันทีที่หญิงสาวปฏิเสธได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรชายหนุ่มเริ่มใช้น้ำเสียงที่หนักและดุดันขึ้นพูดถึงวีรกรรมของหญิงสาวด้วยความโมโหพร้อมบอกว่าเขานั้นจะมาทวงลูกของเขาคืน“ไม่ได้นะคะคุณนิค....อย่าพรากลูกมีนไปนะคะมีนขอร้อง” มีนชญามือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเมื่อในสิ่งที่คิดมันเป็นจริงเธอน้ำตาไหลพรากสะอึกสะอื้นพร้อมยกมือเย็นของเธอทั้งสองไปจับมือของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมขอร้องคนตรงหน้าด้วยน้ำตาว่าอย่าพรากสิ่งที่เธอรักที่สุดในชีวิตไปตอนนี้เธอเอาแต่ส่ายหัวร้องให้เ
มีนชญากำลังเดินเลยรถของชายหนุ่มไปเพื่อเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหน้าโรงเรียนเพื่อไปซื้อไอติมให้ลูกสาวของเธอหญิงสาวของเธอโดมินิคเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้เดินมาที่รถของเขาตามที่สั่งเขาจำต้องเดินลงจากรถแล้วตามหญิงสาวเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อทันทีเพราะเขาไม่ค่อยไว้ใจหญิงสาวเท่าไรว่าเธอจะกลัวคำขู่ของเขาหรือเปล่า“ไปจ่ายเงินกันค่ะ” เมื่อนีน่าเลือกไอติมในตู้แช่แข็งเรียบร้อยแล้วมีนชญาจึงบอกให้ลูกของเธอเดินถือของไปจ่ายเงินกันจะได้รีบกลับมีนชญาแอบเห็นชายหนุ่มเดินตามเธอมาอยู่แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับเธอเพียงแค่ยืนดูอยู่ห่างๆหญิงสาวคิดในใจว่าเขาอาจจะคิดว่าเธอจะหนีก็เป็นได้จึงตามมาดู“ไปขึ้นรถกันเถอะค่ะ”“ไม่ใช่รถคุณแม่นี่คะ” นีน่าชะงักการเดินแล้วดึงมือของคนเป็นแม่ไว้เล็กน้อยเพราะเธอรู้สึกไม่คุ้นกับรถคันตรงหน้าเสียเท่าไรเพราะว่ามันไม่ใช่รถของแม่เธอ“นีน่าคะ”“คุณลุง” โดมินิคเปิดประตูออกมาจากรถพร้อมเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูให้ทั้งสองขึ้นไปนั่งในรถเด็กหญิงแปลกใจเล็กน้อยที่เธอเจอคุณลุงคนเมื่อกลางวันอีกครั้ง“พาลูกขึ้นรถ”“ไปค่ะนีน่า” มีนชญารีบพานีน่าขึ้นรถก่อนที่ลูกสาวของเธอจะตั้งคำถามอะไรขึ้นมาอีก
“เอ่อ...คือ...” มีนชญาถึงกับพูดไม่ออกจะเดินออกไปก็กลัวว่าเขาจะพาลูกหนีอีกใจมันก็จริงอย่างที่เขาบอกตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำอาหารเย็นไว้ให้ลูกของเธอแล้วด้วย“ฉันไม่ไปไหนหรอก...นี่กุญแจ” โดมินิครู้ว่าหญิงสาวนั้นคิดอะไรอยู่เขาจึงมองจ้องไปที่หน้าของหญิงสาวพร้อมบอกให้เธอได้ฟังชัดๆว่าเขานั้นจะไม่ไปไหนให้เธอนั้นสบายใจได้พร้อมส่งกุญแจรถหรูวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาให้เธอมาหยิบอีกต่างหากเพื่อให้หญิงสาวแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหกเธอ“อืม...เอ่อ...คุณนิคจะทานอะไหมคะเดี๋ยวมีนทำให้ค่ะ” มีนชญาเดินมาหยิบกุญแจรถของชายหนุ่มเอาไว้เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนพร้อมเดินตรงไปที่ครัวแต่เธอก็ต้องชะงักนิดหน่อยเพราะเธอคิดว่าวันนี้เธอก็คงจะต้องทำอาหารเผื่อพ่อของลูกของเธอด้วยจึงถามเขาขึ้นว่าเขานั้นจะทานอะไรอย่างน้อยตอนนี้เขายังใจดีไม่พาลูกหนีไปจากเธอหญิงสาวคิดว่าควรที่จะสร้างไมตรีที่ดีกับชายหนุ่มเอาไว้เผื่อว่าเรื่องที่เธอจะคุยกับเขานั้นง่ายขึ้น“เธอก็รู้ว่าฉันชอบทานอะไร”โดมินิคหันไปบอกหญิงสาวที่ยืนรอคำตอบจากเขาอยู่ว่าเธอรู้ว่าเขานั้นชอบอะไรในใจชายหนุ่มก็อยากจะรู้ว่าเธอนั้นยังจำเรื่องราวตอนที่อยู่กับเขาอยู่ได้หรือเ
“ค่ะ...วันนี้น่าจะเล่นเยอะจนเพลีย” มีนชญาลุกออกมาจากเตียงพร้อมบอกกับชายหนุ่มว่าวันนี้นีน่าค่อนข้างที่จะหลับไวจากการที่เธอเดาน่าจะเป็นเพราะเล่นกับเพื่อนๆที่โรงเรียนมากไปหน่อยเพราะตั้งแต่ไปโรงเรียนก็หลับง่ายแบบนี้มาสองวันแล้ว“เธอมีอะไรหรือเปล่า” โดมินิคทำหน้างอยู่ดีๆหญิงสาวก็เดินมายืนจ้องหน้าของเขาอยู่ที่หน้าประตูใบหน้าแสดงออกถึงการมีเรื่องอะไรในใจจนเขานั้นจำต้องถามเธอขึ้น“มีนขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ”“งั้นเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะ” โดมินิคดูจากสีหน้าที่จริงจังของหญิงสาวแล้วเขารู้ว่าเรื่องที่เธอต้องการจะคุยกับเขาต้องเป็นเรื่องที่เธอนั้นซีเรียสอย่ามากเป็นแน่เขาจึงดึงมือเธอให้ตามเขามานั่งคุยในห้องหนังสือของเธอที่เขาพึ่งออกมาเมื่อครู่นี้“คุณนิคคะอย่าหาว่ามีนเห็นแก่ตัวเลยนะคะ...คุณอย่าพานีน่าไปจากที่นี่เลยนะคะไม่อย่างนั้นมีนคงอยู่ไม่ได้แน่” เมื่อเข้ามาในห้องได้หญิงสาวก็ยืนก้มหน้าหลับตาพร้อมขอร้องชายหนุ่มอย่างที่ใจเธอคิดอย่างรวดเร็วและยังยืนก้มหน้าบีบมือรอฟังคำตอบจากชายหนุ่มอยู่“ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าฉันจะพาลูกไปอยู่กับผม....แต่....ฉันเองก็ไม่เคยพูดนี่ว่าไม่ให้เธอตามไปด้วย” โด