กรุงเทพมหานคร
“กอหญ้าแกอยู่ไหน”
“ฉันทานข้าวอยู่ที่ห้างXXX”
“ดีเลยแกรอฉันอยู่ที่นั่นเดี๋ยวฉันไปหา” แน็ทตี้ขับรถมาถึงกรุงเทพเขาก็โทรหากอหญ้าทันทีเพราะคิดว่าเรื่องนี้เขาต้องให้กอหญ้าช่วยและอีกอย่างเขาเองก็อยากจะลองเล่าเรื่องนี้ให้กอหญ้าฟังก่อนว่าถ้าเพื่อเขาได้ฟังแล้วจะมีความเห็นอย่างไรก่อนที่จะไปสารภาพผิดกับเจ้านายหนุ่มของเขาอีกที
ห้างสรรพสินค้าXXX
“ทำไมมานั่งทานข้าวคนเดียวล่ะ” แน็ทต้าถึงร้านที่เพื่อนสาวของเขาบอกก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเพื่อนเขามาเดินห้างคนเดียวแถมยังนั่งทานข้าวคนเดียวอีกต่างหาก
“ฉันแวะมาซื้อของใช้น้องเอมเดี๋ยวก็กลับแล้ว” กอหญ้าตั้งใจว่าจะแวะมาที่ห้างนี้แค่ซื้อของใช้ให้ลูกสาวของเธอเสร็จแล้วก็จะกลับแต่รู้สึกหิวเลยนั่งทานข้าวก่อนเมื่อได้รับสายของแน็ทตี้ว่าให้รออยู่ที่นี่เธอจึงยังไม่ได้กลับและเธอเองก็อยากจะรู้ด้วยว่าแน็ทตี้นั้นมีเรื่องด่วนที่จะคุยอะไรกับเธอนักหนา
“กอหญ้าฉันมีเรื่องจะปรึกษา....”
“ว่ามาสิ...แต่ท่าทางแกดูเครียดๆนะ” กอหญ้าเห็นเพื่อนของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่เดินเข้ามาหาเธอแล้วหญิงสาวรู้ว่าเพื่อนของเธอต้องมีอะไรไม่สบายใจอยู่แน่นอนเธอเองพร้อมที่จะรับฟังเรื่องที่เพื่อนอยากปรึกษาหรือระบายอยู่แล้วอย่างน้อยก็ทำให้เพื่อนเธอที่กำลังทุกข์ใจรู้สึกดีขึ้นไม่มากก็น้อย
“คือว่า.........” แน็ทตี้สูดหายใจเข้าออกรวบรวมความกล้าแล้วเล่าเรื่องราวทุกอย่างอย่างละเอียดให้กอหญ้าได้ฟังกอหญ้าเองฟังไปก็เอามือทาบอกไปเพราะเธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่น่าเกิดขึ้น
เธอเคยรู้จากมีนชญามาว่าที่เธอท้องไม่มีพ่อนั้นเพราะว่าเธอไปเที่ยวกลางคืนแล้วพลาดมีสัมพันธ์กับคนในนั้นโดยไม่รู้ตัวหากเธอรู้เรื่องนี้นานแล้วเธอคงไม่ปล่อยให้หลานของเธอไม่มีพ่ออยู่จนถึงทุกวันนี้แน่เพราะรู้แล้วว่าพ่อของหลานเธอเป็นใคร
“แล้วพวกแกก็ปิดฉันมาได้จนถึงทุกวันนี้เหรอ...มีนนะมีนทำไมคิดอะไรแบบนั้นนะ..แล้วแกนึกยังไงตัดสินใจบอกฉันเรื่องนี้”
กอหญ้ารู้สึกใจเสียอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินเรื่องที่แน็ทตี้เล่าเธอรู้สึกว่ามีนชญานั้นไม่น่าคิดเรื่องแบบนี้ได้แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้วและก็แอบตำหนิแน็ทตี้อยู่ในใจที่ร่วมมือกันทำผิดแต่เธอก็ยังอยากรู้ว่าทำไมแน็ทตี้ถึงตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับเธอเหมือนกัน
“ฉันรู้สึกผิดต่อนีน่าฉันสงสารหลานอะแก” จากคำถามของกอหญ้าทำให้แน็ทตี้นั้นต้องก้มหน้าลงแบบรู้สึกผิดพร้อมตอบเพื่อนเขาไปว่าเขานั้นรู้สึกผิดต่อหลานสาวที่แสนน่ารักของเขา
“แล้วแกรู้หรือเปล่าว่ามีนมันยังคิดแบบเดิมอยู่ไหม” กอหญ้าอยากรู้ว่าตอนนี้มีนชญามีความคิดกับเรื่องนี้ยังไงเมื่อเลี้ยงลูกมานานสามปีเธอเชื่อว่าสัญชาติญาณของคนเป็นแม่ก็ต้องมีแอบรู้สึกผิดกับเรื่องที่ตัวเองทำอะไรแบบที่ไม่คิดดีๆก่อนแล้วส่งผลกระทบถึงลูกเป็นแน่
“จากเท่าที่คุยยัยมีนก็มีแอบเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมาบ้างแต่ฉันคิดว่ายัยมีนไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับเจ้านายฉันแน่นอน” แน็ทตี้รู้ว่ามีนชญารู้แล้วว่าสิ่งที่เธอคิดและทำลงไปในอดีตมันไม่ได้ส่งผลดีต่อเธอและลูกอย่างที่คิดแต่แน็ทตี้ก็แน่ใจว่าหญิงสาวไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับพ่อของลูกเธอชัวร์จากที่ฟังเพื่อนเขาพูดมา
“ฉันอยากจะเอาไม้เรียวไปตียัยมีนตอนนี้จริงๆเลยเชียว” กอหญ้าที่นั่งหน้าเสียกับเรื่องนี้อยู่เธออยากจะตีมีนชญาให้ไม้หักเลยจริงๆที่กล้าทำอะไรลงไปแบบนี้ได้เธอรักเพื่อนสาวของเธอเหมือนคนในครอบครัวไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้นที่เธอโมโหอยู่ตอนนี้ก็เพราะเธอเป็นห่วงทั้งมีนชญาทั้งหลานสาวของเธอนั่นเอง
“ฉันรู้มาว่าเจ้านายฉันจะเข้าพักที่โรงแรมสามีแกเค้ามาถึงเมื่อไรเธอก็บอกฉันด้วยก็แล้วกัน”
“อืม...เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจะส่งข่าวให้” แน็ทตี้บอกความต้องการของเขากับกอหญ้าเพื่อที่จะให้เธอช่วยกอหญ้ารู้ว่าแน็ทตี้จะทำอะไรเธอจึงไม่ขัดที่จะช่วยเขา
“แล้วแกจะเอายังไงต่อ...ฉันว่าคุณโดมินิคคงช็อคกับเรื่องนี้น่าดู” กอหญ้าไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไปแต่เธอคิดว่าหากโดมินิครู้ความจริงทั้งหมดก็คงมีอาการไม่แตกต่างจากเธอส่วนจะยินดีเมื่อรู้ว่าตัวเองมีลูกหรือเปล่าอันนี้เธอก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันเพราะเธอก็ไม่ได้รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัว
“ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้นแค่ฉันได้ทำในสิ่งที่ควรทำก็พอฉันทำใจยอมรับผลการกระทำของฉันแล้ว” แน็ทตี้ทำใจยอมรับกับเรื่องต่อไปที่มันจะเกิดขึ้นแล้วไม่ว่ามันจะร้ายหรือดีกับตัวของเขามันก็เป็นผลจากการกระทำของเขาและเขาก็ไม่กลัวที่จะยอมรับมันอีกด้วย
“มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกแล้วกันเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว”
“ขอบใจแกมากนะ” กอหญ้าและแน็ทตี้นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่จึงแยกย้ายกันกลับเพราะกอหญ้านั้นต้องกลับไปรับลูกของเธอที่โรงเรียนอีกส่วนแน็ทตี้ก็สบายใจขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่าตัวเองยังมีตัวช่วยเป็นกอหญ้าอยู่
เช้าวันต่อมา
ติ๊งงง
“คุณโดมินิคเข้าพักที่โรงแรมตั้งแต่เมื่อคืนตอนเช้าแกก็น่าจะเจอเขาได้ที่บริษัทแก”
“โอเคขอบใจมาก” หลังจากที่ได้รับข้อความจากกอหญ้าแน็ทตี้ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วเข้าไปที่บริษัททันที
บริษัทXXX
ก๊อกๆๆ
“บอสคะ” แน็ทตี้เข้ามาในบริษัทแต่เช้าเขารู้มาจากชอวว่าเจ้านายหนุ่มอยู่ในห้องทำงานในตอนนี้เขาเลยเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของคนเป็นเจ้านายพร้อมยืนสูดหายใจอยู่พักใหญ่จึงเคาะประตูและเปิดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“อ้าว...ผมได้ข่าวว่าคุณลาพักร้อนไม่ใช่เหรอแล้วเข้ามาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” โดมินิครู้ว่าแน็ทตี้นั้นลาพักร้านสามสี่วันแต่ทำไมวันนี้เขากลับเจอแน็ทตี้ที่นี่ได้เขาคิดว่าแน็ทตี้อาจจะมีธุระเกี่ยวกับงานเป็นแน่
“แน็ทตี้มีเรื่องจะคุยกับบอสค่ะ” แน็ทตี้เข้าไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขจ้านายของเขาพร้อมเปิดประเด็นว่าเขามีธุระจะต้องคุยด้วย
“เรื่องอะไร...ว่ามาสิ” โดมินิคเห็นท่าทีของคนตรงหน้าดูกังวลแปลกๆเขาจึงรีบให้แน็ทตี้พูดมาว่ามีธุระอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องมีนน่ะค่ะ”“มีน...คุณเจอมีนแล้วใช่ไหม” โดมินิคถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าแน็ทตี้นั้นจะพูดถึงใครพร้อมถามคำถามที่เขาอยากจะรู้ทันที“เจอแล้วค่ะ...แล้วก็แน็ทตี้อยากจะบอกบอสว่าแน็ทตี้รู้มาตลอดว่ามีนอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้บอกบอส”“ทำไม???” โดมินิคเริ่มรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของแน็ทตี้น้ำเสียงที่เขาถามคนตรงหน้าถึงเหตุผลมันเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด“คือว่าเรื่องที่แน็ทตี้จะบอกบอสก็คือ......” แน็ทตี้เองไม่อยากจะพูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกแล้วเขาค่อยๆเล่าเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียดเหมือนกับที่เล่าให้กอหญ้าฟังแต่ปฏิกิริยาของเจ้านายของเขาทำให้เขาเดาไม่ออกเหมือนกันว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่แต่เธอก็ยังคงต้องทำใจดีสู้เสื้อเล่าเรื่องต่อไปจนกว่าจะจบ“นี่พวกคุณเล่นบ้าอะไรกัน...แล้วปิดเรื่องนี้กับผมมาสี่ปีเนี่ยนะ” เมื่อโดมินิคฟังจบเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกรู้สึกว่ามีอะไรจุกอยู่ในอกคนที่เขาไว้ใจและคนที่เขารู้สึกดีด้วยยกล้าหลอกลวงเขาขนาดนี้เชียวหรือตอนนี้ในใจของเขาเริ่มมีทิฐิเข้าครอบงำความรู้สึกดีๆที่มีต
อัลบั้มแรกที่เขาหยิบมาข้างหน้าเขียนว่านีน่าตอนอยู่ในท้องกับแรกเกิดเมื่อเปิดเข้าไปชายหนุ่มถึงกับน้ำตาคลอและไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติภาพที่เขาเห็นก็คือมีนชญาที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่และท้องของเธอก็ใหญ่มากถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่ถ่ายให้และมีภาพของหญิงสาวที่อุ้มท้องโตๆเดินอยู่ในร้านดอกไม้อีกหลายรูป“ผ่าคลอดงั้นเหรอ” เมื่อเปิดไปเรื่อยๆก็เห็นภาพตอนที่หญิงสาวจะเข้าห้องผ่าตัดในหลังรูประบุเวลาและวันที่ไว้อย่างชัดเจนมีคำอธิบายว่ามีนไม่สามารถคลอดเองได้เพราะหลานตัวใหญ่เกินนี่ก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่เก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้เช่นกันภาพรอยยิ้มของหญิงสาวที่นอนรออยู่ในห้องคลอดเธอดูมีความสุขมากจริงๆจนเขาแอบอิจฉาเธอที่ได้เห็นลูกด้วยตาตัวเองเมื่อตอนแรกเกิดผิดกับเขาที่ต้องมานั่งดูรูปภาพเอาแบบนี้“คนสวยของแดดดี๊” เมื่อเปิดดูอีกอัลบั้มก็จะเป็นลูกสาวของเขาตอนที่นอนอยู่ในเปลเด็กและภาพที่กำลังดูดนมแม่อย่างน่าเอ็นดูเขาใช้มือลูบไปที่รูปภาพพร้อมปล่อยน้ำตาแห่งความสุขให้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเขานั่งดูรูปไปเรื่อยๆตั้งแต่ลูกสาวของเขายังเดินไม่ได้เริ่มหัดนั่งหัดคลานหัดเดินหัดพูดจนถึงปัจจุบันรูปที่พึ่งถ่ายสดๆร้อนๆเพ
“เอ่อ...สารภาพเรื่องอะไร...มีนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้นออกจากบ้านมีนไปได้แล้ว” มีนชญามีอาการหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยินคำที่ชายหนุ่มพูดกับเธอหญิงสาวไม่รู้ว่าเขาไปรู้อะไรมาบ้างถึงมาถามเธอแบบนี้แต่เธอก็ยังขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขาทั้งนั้นพร้อมไล่เขาออกไปจากบ้านโดยเร็วสิ่งที่เธอกลัวอยู่ในใจตอนนี้คือกลัวว่าเธอนั้นจะเสียลูกสาวของเธอไป“ไม่มีอะไรจะสารภาพงั้นเหรอ...วางแผนที่จะมีลูกกับฉันแล้วมาพรากลูกฉันไปตั้งหลายปีโดยที่ฉันไม่รู้อย่าคิดว่าฉันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ....เธอกล้ามากนะมีน...ฉันจะมาทวงลูกฉันคืน”โดมินิคเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นทันทีที่หญิงสาวปฏิเสธได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรชายหนุ่มเริ่มใช้น้ำเสียงที่หนักและดุดันขึ้นพูดถึงวีรกรรมของหญิงสาวด้วยความโมโหพร้อมบอกว่าเขานั้นจะมาทวงลูกของเขาคืน“ไม่ได้นะคะคุณนิค....อย่าพรากลูกมีนไปนะคะมีนขอร้อง” มีนชญามือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเมื่อในสิ่งที่คิดมันเป็นจริงเธอน้ำตาไหลพรากสะอึกสะอื้นพร้อมยกมือเย็นของเธอทั้งสองไปจับมือของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมขอร้องคนตรงหน้าด้วยน้ำตาว่าอย่าพรากสิ่งที่เธอรักที่สุดในชีวิตไปตอนนี้เธอเอาแต่ส่ายหัวร้องให้เ
มีนชญากำลังเดินเลยรถของชายหนุ่มไปเพื่อเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหน้าโรงเรียนเพื่อไปซื้อไอติมให้ลูกสาวของเธอหญิงสาวของเธอโดมินิคเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้เดินมาที่รถของเขาตามที่สั่งเขาจำต้องเดินลงจากรถแล้วตามหญิงสาวเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อทันทีเพราะเขาไม่ค่อยไว้ใจหญิงสาวเท่าไรว่าเธอจะกลัวคำขู่ของเขาหรือเปล่า“ไปจ่ายเงินกันค่ะ” เมื่อนีน่าเลือกไอติมในตู้แช่แข็งเรียบร้อยแล้วมีนชญาจึงบอกให้ลูกของเธอเดินถือของไปจ่ายเงินกันจะได้รีบกลับมีนชญาแอบเห็นชายหนุ่มเดินตามเธอมาอยู่แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับเธอเพียงแค่ยืนดูอยู่ห่างๆหญิงสาวคิดในใจว่าเขาอาจจะคิดว่าเธอจะหนีก็เป็นได้จึงตามมาดู“ไปขึ้นรถกันเถอะค่ะ”“ไม่ใช่รถคุณแม่นี่คะ” นีน่าชะงักการเดินแล้วดึงมือของคนเป็นแม่ไว้เล็กน้อยเพราะเธอรู้สึกไม่คุ้นกับรถคันตรงหน้าเสียเท่าไรเพราะว่ามันไม่ใช่รถของแม่เธอ“นีน่าคะ”“คุณลุง” โดมินิคเปิดประตูออกมาจากรถพร้อมเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูให้ทั้งสองขึ้นไปนั่งในรถเด็กหญิงแปลกใจเล็กน้อยที่เธอเจอคุณลุงคนเมื่อกลางวันอีกครั้ง“พาลูกขึ้นรถ”“ไปค่ะนีน่า” มีนชญารีบพานีน่าขึ้นรถก่อนที่ลูกสาวของเธอจะตั้งคำถามอะไรขึ้นมาอีก
“เอ่อ...คือ...” มีนชญาถึงกับพูดไม่ออกจะเดินออกไปก็กลัวว่าเขาจะพาลูกหนีอีกใจมันก็จริงอย่างที่เขาบอกตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำอาหารเย็นไว้ให้ลูกของเธอแล้วด้วย“ฉันไม่ไปไหนหรอก...นี่กุญแจ” โดมินิครู้ว่าหญิงสาวนั้นคิดอะไรอยู่เขาจึงมองจ้องไปที่หน้าของหญิงสาวพร้อมบอกให้เธอได้ฟังชัดๆว่าเขานั้นจะไม่ไปไหนให้เธอนั้นสบายใจได้พร้อมส่งกุญแจรถหรูวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาให้เธอมาหยิบอีกต่างหากเพื่อให้หญิงสาวแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหกเธอ“อืม...เอ่อ...คุณนิคจะทานอะไหมคะเดี๋ยวมีนทำให้ค่ะ” มีนชญาเดินมาหยิบกุญแจรถของชายหนุ่มเอาไว้เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนพร้อมเดินตรงไปที่ครัวแต่เธอก็ต้องชะงักนิดหน่อยเพราะเธอคิดว่าวันนี้เธอก็คงจะต้องทำอาหารเผื่อพ่อของลูกของเธอด้วยจึงถามเขาขึ้นว่าเขานั้นจะทานอะไรอย่างน้อยตอนนี้เขายังใจดีไม่พาลูกหนีไปจากเธอหญิงสาวคิดว่าควรที่จะสร้างไมตรีที่ดีกับชายหนุ่มเอาไว้เผื่อว่าเรื่องที่เธอจะคุยกับเขานั้นง่ายขึ้น“เธอก็รู้ว่าฉันชอบทานอะไร”โดมินิคหันไปบอกหญิงสาวที่ยืนรอคำตอบจากเขาอยู่ว่าเธอรู้ว่าเขานั้นชอบอะไรในใจชายหนุ่มก็อยากจะรู้ว่าเธอนั้นยังจำเรื่องราวตอนที่อยู่กับเขาอยู่ได้หรือเ
“ค่ะ...วันนี้น่าจะเล่นเยอะจนเพลีย” มีนชญาลุกออกมาจากเตียงพร้อมบอกกับชายหนุ่มว่าวันนี้นีน่าค่อนข้างที่จะหลับไวจากการที่เธอเดาน่าจะเป็นเพราะเล่นกับเพื่อนๆที่โรงเรียนมากไปหน่อยเพราะตั้งแต่ไปโรงเรียนก็หลับง่ายแบบนี้มาสองวันแล้ว“เธอมีอะไรหรือเปล่า” โดมินิคทำหน้างอยู่ดีๆหญิงสาวก็เดินมายืนจ้องหน้าของเขาอยู่ที่หน้าประตูใบหน้าแสดงออกถึงการมีเรื่องอะไรในใจจนเขานั้นจำต้องถามเธอขึ้น“มีนขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ”“งั้นเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะ” โดมินิคดูจากสีหน้าที่จริงจังของหญิงสาวแล้วเขารู้ว่าเรื่องที่เธอต้องการจะคุยกับเขาต้องเป็นเรื่องที่เธอนั้นซีเรียสอย่ามากเป็นแน่เขาจึงดึงมือเธอให้ตามเขามานั่งคุยในห้องหนังสือของเธอที่เขาพึ่งออกมาเมื่อครู่นี้“คุณนิคคะอย่าหาว่ามีนเห็นแก่ตัวเลยนะคะ...คุณอย่าพานีน่าไปจากที่นี่เลยนะคะไม่อย่างนั้นมีนคงอยู่ไม่ได้แน่” เมื่อเข้ามาในห้องได้หญิงสาวก็ยืนก้มหน้าหลับตาพร้อมขอร้องชายหนุ่มอย่างที่ใจเธอคิดอย่างรวดเร็วและยังยืนก้มหน้าบีบมือรอฟังคำตอบจากชายหนุ่มอยู่“ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าฉันจะพาลูกไปอยู่กับผม....แต่....ฉันเองก็ไม่เคยพูดนี่ว่าไม่ให้เธอตามไปด้วย” โด
“ทำไมจะทำอะไรไม่ได้เธอรักฉัน..แล้วฉันก็รักเธออย่าหลอกตัวเองเลยนะมีนคนเรามันเท่าเทียมกันอย่าดูถูกตัวเองว่าเธอไม่เหมาะสมกับใครอีกอย่างเราก็มีลูกด้วยกันจนสามขวบแล้วด้วยทำไมฉันจะทำแบบนี้กับเธอไม่ได้” โดมินิคเห็นว่าหญิงสาวจอมซื่อบื้อคนนี้คงจะไม่เข้าใจที่เขาพูดเป็นแน่เขาจึงต้องบอกกับเธอตรงๆว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไรพร้อมบอกให้เธอได้รู้ด้วยว่าเขาก็รู้ว่าเธอรู้สึกกับเขาเช่นไรเขาไม่อยากให้เธอดูถูกตัวเองเพราะขนาดเขาก็ยังไม่เคยคิดที่จะดูถูกเธอด้วยซ้ำอีกอย่างมันก็จะดีต่อลูกอีกด้วยถ้าทั้งเขาและเธอหันหน้าปรับความเข้าใจกัน“อะไรนะคะ...อื้มมมม” มีนชญารู้สึกอึ้งเล็กน้อยเมื่อล่วงรู้ว่าชายหนุ่มนั้นคิดกับเธอเช่นไรในขณะที่เธอยังอึ้งอยู่นั้นชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยให้เสียจังหวะเขาพยายามบดจูบหญิงสาวเรียกอารมณ์รักของเธอออกมาเพราะเขานั้นโหยหาร่างกายนี้มานานแสนนานต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยแม่เมียตัวแสบคนนี้ไปเด็ดขาด“คุณนิค...อื้อ...” มีนชญาถึงกับครางเสียงกระเส่าเพราะชายหนุ่มจูบวนอยู่ที่ลำคอระหงของเธออย่างนุ่มนวลไล่ลงไปที่สองเต้างามสลับกันดูดคลึงเล่นกับมืออย่างสนุกและมอบความเสียวซ่านให้กับหญิงสาวได้อย่างดีโดมินิค
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะแถมร่มรื่นกว่าเดิมอีก” โดมินิคขับรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านที่เปิดเป็นร้านดอกไม้เขาก็จำได้ทันทีว่าที่นี่นั้นเคยเป็นบ้านของเขามาก่อนเมื่อลงจากรถสำรวจดูรอบๆเขาก็รู้สึกชอบที่นี่มากกว่าเดิมเสียอีกเพราะมันทั้งร่มรื่นและมีดอกไม้ต่างๆปลูกรอบๆบ้านเป็นภาพที่สวยงามเป็นอาหารตาแก่เขามากที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ในตอนเช้าๆ“คุณนิคเคยมาที่ด้วยเหรอคะ” มีนชญาเห็นว่าชายหนุ่มพูดจาแปลกๆเหมือนเคยมที่นี่ยังไงยังงั้นจึงถามเขาขึ้นให้คลายสงสัย“บ้านหลังนี้เป็นของฉันเอง...ฉันปล่อยขายเมื่อห้าปีที่แล้วโลกกลมจังเลยเนอะ” โดมินิคหันมายิ้มให้กับหญิงสาวพร้อมบอกกับเธอว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขาเองและคนที่ซื้อในตอนนั้นก็เป็นหญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้เขาไม่แปลกใจที่ทำไมหญิงสาวไม่รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ชื่อของเขาเองเป็นเจ้าของบ้านเขาคิดว่าโลกนี้มันช่างกลมเหลือเกินหรือไม่มันก็เป็นพรหมลิขิตที่ขีดมาให้เขาและเธอได้เจอกันที่ทำให้คนสองคนที่แสนจะแตกต่างกันมาเติมเต็มกันและกันได้“บังเอิญจังเลยนะคะ” มีนชญารู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเธอซื้อบ้านหลังนี้ก่อนที่จะวางแผนไปทำงานที่บ้านของเข