อิตาลี
หลังจากเมื่อสี่ปีก่อนที่โดมินิคบินไปที่สเปนเพื่อสะสางงานและต่อด้วยญี่ปุ่นเขาใช้เวลาเกือบสองปีกว่าจะกู้วิกฤตขึ้นมาได้เพราะหุ้นส่วนรายใหญ่หลายรายที่นั่นถอนหุ้นออกจนหมดที่โครงการเขานั้นมีปัญหาก็เพราะว่าเขานั้นไว้ใจคนที่ดูแลมากเกินไปเลยเกิดการฉ้อโกงขึ้นเรื่องนี้คนในวงการอสังหาจะรู้ดีว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน
โดมินิคกู้ทุกอย่างกลับขึ้นมาได้ก็เพราะมีมาตินนักธุรกิจรายใหญ่ที่อิตาลีนั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเขาร่วมหุ้นและช่วยกันกู้สถานการณ์เอาไว้ได้และตอนนี้เขาก็ได้ให้ลูกสาวของเขารับช่วงต่อดูแลงานแทนลูกสาวของเขาก็คือเคธี่สาวสวยไฮโซที่กำลังเป็นข่าวกับเขาอยู่ตอนนี้แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพราะเขาคิดกับเธอแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น
คนเดียวที่เขาคิดถึงตลอดเวลาก็คือหญิงสาวที่เขาไม่สามารถรู้เสียทีว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหนแม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะไหว้วานให้แน็ทตี้ตามหาทุกวิถีทางแล้วก็ตามแต่เขาเองก็ยังไม่หมดหวังตอนนี้สถานการณ์ของธุรกิจเขาก็เริ่มคลี่คลายลงแล้วเขาจึงคิดว่าจะลงมือด้วยตัวเองในการตามหาตัวเธออีกอย่างเขาเองก็ต้องกลับไปดูงานที่ไทยด้วยเพราะเป็นเวลาสี่ปีแล้วที่ไม่ได้กลับไปเพราะเขาต้องจัดการกับเรื่องที่เป็นปัญหาให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
บริษัทXXX
“เตรียมตัวให้พร้อมชอวฉันจะบินไปที่ญี่ปุ่นสักสองวันแล้วค่อยไปที่ไทยต่อ” โดมินิคคิดเรื่องที่จะกลับไปที่ไทยได้สักพักแล้วแต่ติดตรงที่เขาต้องไปตรวจงานเองที่ญี่ปุ่นสักสองวันหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขานั้นจะเดินทางไปที่ประเทศไทยอีกครั้ง
“เอ่อ...แล้วนายจะอยู่ที่ไทยนานเท่าไรครับ” ชอวเห็นว่าตามแผนงานนั้นที่ไทยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับงานถ้าเขาคิดไม่ผิดเจ้านายของเขาน่าจะอยากไปเป็นการส่วนตัวมากกว่าเขาจึงต้องถามเจ้านายของเขาว่าจะอยู่ที่ไทยนานสักเท่าไรเขาเองจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้
“ยังไม่มีกำหนด”
“ครับ”
โดมินิคเองคิดว่าการกลับไปที่ไทยคราวนี้เขาคงไม่มีกำหนดกลับเพราะอยากจะทำบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะทำมานานหลายปีแต่พึ่งจะมีโอกาสได้ทำคือการกลับไปหาวิธีตามหาหญิงสาวด้วยตัวเอง
ก๊อกๆๆ
“ท่านคะคุณเคธี่มารอพบค่ะ”
“เอ่อ...งั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ”
ชอวได้ยินว่าเคธี่นั้นกำลังรอพบเจ้านายของเขาอยู่เขาจึงขอตัวกลับเพราะไม่อยากอยู่ในนี้ตอนที่หญิงสาวอยู่ด้วยสักเท่าไรเพราะเขารู้สึกว่าเธอก็ไม่ค่อยชอบให้เขาอยู่ในนี้กับเจ้านายของเขาเวลาที่เธออยู่ด้วย
“อืม” โดมินิคมีสีหน้าที่หมดอารมณ์เล็กน้อยเมื่อรู้ว่าใครมาหาแต่ตามมารยาทแล้วเขาก็จะต้องให้เธอเข้าพบอยู่ดีพร้อมให้ชอวนั้นกลับไปได้เพราะเขาเข้าใจความรู้สึกของลูกน้องเขาดี
“นิคคะเห็นคุณพ่อบอกว่าคุณจะไปดูงานที่ญี่ปุ่นไม่เห็นบอกเคสบ้างเลยล่ะคะ” เคธี่เดินเข้ามาด้านในพร้อมเดินมาอยู่ที่ข้างๆเก้าอี้ทำงานของชายหนุ่มมือทั้งสองเกาะแขนของชายหนุ่มโดยอัตโนมัติเป็นปกติที่เธอชอบทำพร้อมพูดในเชิงน้อยใจที่ชายหนุ่มจะไปไหนมาไหนไม่คิดจะบอกกับเธอบ้าง
“ผมเห็นว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับงานของคุณนี่ครับก็เลยไม่ได้บอก” โดมินิคตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแข็งเล็กน้อยถ้าไม่ติดว่าพ่อของเธอคือหุ้นส่วนและคนที่ช่วยเขาในวันที่ลำบากเขาคงจะไม่ให้เธอมาใกล้เขาเป็นแน่เพราะหญิงสาวนั้นชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเค้าอย่างออกหน้าออกตาทั้งที่เขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้สนใจเธอ
“เคสอยากไปด้วยนี่คะ...เคสอยากไปเที่ยวที่นั่นเหมือนกัน” เคธี่ยังไม่ลดละความพยายามที่จะติดตามชายหนุ่มไปจนได้เธอคอยตามติดเขาอยู่บ่อยๆจนเป็นข่าวขึ้นมาถึงความมันจะไม่จริงแต่เธอก็แอบดีใจอยู่ลึกๆและคิดว่าดีแล้วที่คนอื่นมองเธอและชายหนุ่มเป็นคู่รัก
“แต่ผมไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวอีกอย่างผมก็ไปแค่สองวัน” โดมินิคยังยืนยันกับหญิงสาวว่าเขาไปแค่สองวันและเขาก็ไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวเพื่อให้หญิงสาวรู้ว่าเขานั้นไม่ได้ต้องการให้ใครไปรบกวนเขาและเขาก็หวังว่าเธอจะเข้าใจ
“โอเคค่ะเคสไม่รบกวนคุณก็ได้....แต่เย็นนี้ไปทานข้าวกับเคสนะคะ” เคธี่เห็นว่าชายหนุ่มคงจะไม่ได้อยากให้เธอไปรบกวนจริงๆเลยเปลี่ยนจากการติดตามเขาไปที่ญี่ปุ่นเป็นการชวนชายหนุ่มไปดินเนอร์ในเย็นนี้
“แต่...” โดมินิคแทบอยากจะกุมขมับที่ดูเหมือนหญิงสาวจะชอบก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขามากเกินไปและเหมือนกับเธอจะพยายามยัดเยียดตัวเองมาในชีวิตของเขาตลอดเวลา
“นะคะ...แค่แปปเดียวเอง”
“ก็ได้ครับ”
เคธี่ทำเสียงออดอ้อนพลางเขย่าแขนชายหนุ่มเพื่อให้เขานั้นไปกับเธอแต่โดยดีจนชายหนุ่มนั้นต้องยอมตกลงเพราะไม่อย่างนั้นเธอคงจะหาเรื่องให้พ่อของเธอมาขอร้องให้เขาพาเธอไปด้วยเป็นแน่
20.00 น.
ร้านอาหารXXX
“ทานนี่สิคะ...เมนูนี้เป็นเมนูพิเศษของทางร้านเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ทั้งสองทานอาหารกันในร้านอาหารหรูในห้างดังตอนนี้เคธี่พยายามที่จะทำตัวเหมือนคู่รักที่มาเดทกันกับชายหนุ่มให้มากที่สุดเพราะรู้ว่ามีหลายสายตานั้นจับจ้องมาที่เธอและชายหนุ่มอยู่เนื่องจากเธอและเขาต่างก็เป็นคนดังกันในระดับหนึ่ง
ที่หญิงสาวเลือกที่จะชวนชายหนุ่มมาทานข้าวในห้างเพราะว่าเธออยากให้เป็นข่าวตอกย้ำว่าเธอกับเขาเป็นคู่รักที่หวานกันตลอดถึงแม้ว่าจะไม่เปิดตัวให้แน่ชัด
ประเทศไทย
เช้าวันต่อมา
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของเด็กอนุบาลมีนชญาขับรถมาส่งลูกสาวของเธอที่โรงเรียนวันนี้เธอไม่ค่อยกังวลเท่าไรเพราะนีน่าบอกเองว่าอยากไปโรงเรียนไม่งอแงเหมือนที่เธอคิดเอาไว้เธอภูมิใจที่นีน่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและพูดคุยด้วยเหตุผลรู้เรื่องแถมยังมีแววฉลาดกว่าเธอเสียอีก
“คุณแม่ขาวันนี้นีน่าต้องอยู่ที่โรงเรียนใช่ไหมคะ” มีนชญาจูงลูกสาวของเธอเข้ามาในโรเรียนตอนนี้เธอเห็นเด็กๆส่วนมากจะร้องให้กอดคอผู้ปกครองอยู่แต่ดีที่ลูกสาวของเธอไม่งอแงจนทำให้เธอต้องลำบากใจเพราะสงสารลูกเด็กหญิงหันมายิ้มพร้อมถามคนเป็นแม่ว่าวันนี้เธอต้องอยู่ที่โรงเรียนตามที่คนเป็นแม่เคยบอกใช่หรือไม่
“ใช่แล้วค่ะคนเก่ง...นีน่าต้องไปโรงเรียนเพื่อหาความรู้และเจอกับเพื่อนใหม่ๆไงคะเดี๋ยวตอนเย็นๆคุณแม่จะไปรับนีน่านะคะ” มีนชญาหันมายิ้มตอบลูกสาวพร้อมย่อตัวลงนั่งคุยกับลูกสาวของเธอว่าเป็นเด็กก็ต้องหาความรู้ในโรงเรียนแล้วก็จะได้เจอเพื่อนใหม่ๆอีกด้วยพร้อมสัญญากับลูกสาวของเธอว่าเมื่อถึงเลวลาเลิกเรียนแล้วเธอจะมารับทันที“ค่ะ...นีน่าอยากมีความรู้แล้วก็อยากมีเพื่อนเยอะๆด้วยค่ะ” เด็กหญิงสวมกอดที่คอของคนเป็นแม่พร้อมบอกว่าเธอนั้นอยากจะมีความรู้แล้วก็อยากจะมีเพื่อนเยอะๆอย่างที่แม่ของเธอบอกอีกด้วย“คุณครูมาแล้วสวัสดีคุณครูก่อนค่ะ” มีนชญาเห็นว่ามีคุณครูสาวกำลังเดินตรงมายังเธอสองแม่ลูกเลยอกให้นีน่ารีบสวัสดีคุณครูก่อน“สวัสดีค่ะคุณครูหนูชื่อเด็กหญิงนีน่าค่ะ” เด็กหญิงยกมือป้อมของเธอสวัสดีคุณครูพร้อมแนะนำตัวเองอย่างเสียงดังฟังชัดอย่างน่าเอ็นดู“สวัสดีค่ะ...น้องนีน่าเก่งจังเลยเข้าไปข้างในกับคุณครูนะคะ” คุณครูสาวอดชื่นชมในความน่ารักของเด็กหญิงไม่ได้ที่วันนี้เป็นวันแรกของการมาอยู่ที่โรงเรียนแต่ไม่มีอาการงอแงเลยสักนิดพร้อมจูงมือเด็กหญิงเข้าไปในห้องเรียน“บ๊ายบายค่ะคุณแม่” นีน่าหันมาบ๊ายบายคนเป็นแม่ด้
ร้านสเต็ค“นี่ยัยมีนนีน่าก็โตแล้วแกไม่กลัวเค้าจะถามเรื่องพ่อบ้างเหรอ...อย่าว่าฉันตอกย้ำอะไรแกเลยนะฉันแค่รู้สึกเป็นห่วงหลาน”“อืม...เรื่องนั้นก็มีคิดบ้างเหมือนกันนีน่าเป็นเด็กฉลาดอีกหน่อยฉันก็คงจะเจอเรื่องแบบที่คิดไว้...ฉันบอกตามตรงเลยนะฉันเองก็รู้สึกผิดต่อลูกเหมือนกันที่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้ตอนนั้นเลยฉันคิดว่าการอยู่กับลูกเพียงสองคนจะมีความสุขแต่ตอนนี้มันทำให้ฉันกังวลมากที่สุดกับความรู้สึกของนีน่า”“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”“ฉันคงต้องยอมรับความเป็นจริงและคงต้องพยายามทำให้นีน่าเข้าใจและเลี้ยงเค้าอย่างดีที่สุดเพราะตอนนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”ทั้งแน็ทตี้และมีนชญาต่างก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวในอดีตที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แน็ทตี้เองก็รู้สึกผิดที่ตัวเองไม่น่าเห็นแก่เงินมีนชญาเองก็รู้สึกผิดกับความคิดประหลาดๆของตัวเองและนึกถึงแต่ความสุขของตัวเองไม่ได้มองการไกลว่าลูกจะมีความสุขเหมือนเธอหรือเปล่าตอนนี้ก็ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่เท่านั้น“อีกสักพักฉันก็ต้องไปรับนีน่าแล้วแกจะไปด้วยไหม”“ไปสิ...ฉันคิดถึงหลานฉันจะแย่อยู่แล้ว”มีนชญาเห็นว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เวลาไปรับ
กรุงเทพมหานคร“กอหญ้าแกอยู่ไหน”“ฉันทานข้าวอยู่ที่ห้างXXX”“ดีเลยแกรอฉันอยู่ที่นั่นเดี๋ยวฉันไปหา” แน็ทตี้ขับรถมาถึงกรุงเทพเขาก็โทรหากอหญ้าทันทีเพราะคิดว่าเรื่องนี้เขาต้องให้กอหญ้าช่วยและอีกอย่างเขาเองก็อยากจะลองเล่าเรื่องนี้ให้กอหญ้าฟังก่อนว่าถ้าเพื่อเขาได้ฟังแล้วจะมีความเห็นอย่างไรก่อนที่จะไปสารภาพผิดกับเจ้านายหนุ่มของเขาอีกทีห้างสรรพสินค้าXXX“ทำไมมานั่งทานข้าวคนเดียวล่ะ” แน็ทต้าถึงร้านที่เพื่อนสาวของเขาบอกก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเพื่อนเขามาเดินห้างคนเดียวแถมยังนั่งทานข้าวคนเดียวอีกต่างหาก“ฉันแวะมาซื้อของใช้น้องเอมเดี๋ยวก็กลับแล้ว” กอหญ้าตั้งใจว่าจะแวะมาที่ห้างนี้แค่ซื้อของใช้ให้ลูกสาวของเธอเสร็จแล้วก็จะกลับแต่รู้สึกหิวเลยนั่งทานข้าวก่อนเมื่อได้รับสายของแน็ทตี้ว่าให้รออยู่ที่นี่เธอจึงยังไม่ได้กลับและเธอเองก็อยากจะรู้ด้วยว่าแน็ทตี้นั้นมีเรื่องด่วนที่จะคุยอะไรกับเธอนักหนา“กอหญ้าฉันมีเรื่องจะปรึกษา....”“ว่ามาสิ...แต่ท่าทางแกดูเครียดๆนะ” กอหญ้าเห็นเพื่อนของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่เดินเข้ามาหาเธอแล้วหญิงสาวรู้ว่าเพื่อนของเธอต้องมีอะไรไม่สบายใจอยู่แน่นอนเธอเองพร้อมที่จะรับฟ
“เรื่องอะไร...ว่ามาสิ” โดมินิคเห็นท่าทีของคนตรงหน้าดูกังวลแปลกๆเขาจึงรีบให้แน็ทตี้พูดมาว่ามีธุระอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องมีนน่ะค่ะ”“มีน...คุณเจอมีนแล้วใช่ไหม” โดมินิคถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าแน็ทตี้นั้นจะพูดถึงใครพร้อมถามคำถามที่เขาอยากจะรู้ทันที“เจอแล้วค่ะ...แล้วก็แน็ทตี้อยากจะบอกบอสว่าแน็ทตี้รู้มาตลอดว่ามีนอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้บอกบอส”“ทำไม???” โดมินิคเริ่มรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของแน็ทตี้น้ำเสียงที่เขาถามคนตรงหน้าถึงเหตุผลมันเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด“คือว่าเรื่องที่แน็ทตี้จะบอกบอสก็คือ......” แน็ทตี้เองไม่อยากจะพูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกแล้วเขาค่อยๆเล่าเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียดเหมือนกับที่เล่าให้กอหญ้าฟังแต่ปฏิกิริยาของเจ้านายของเขาทำให้เขาเดาไม่ออกเหมือนกันว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่แต่เธอก็ยังคงต้องทำใจดีสู้เสื้อเล่าเรื่องต่อไปจนกว่าจะจบ“นี่พวกคุณเล่นบ้าอะไรกัน...แล้วปิดเรื่องนี้กับผมมาสี่ปีเนี่ยนะ” เมื่อโดมินิคฟังจบเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกรู้สึกว่ามีอะไรจุกอยู่ในอกคนที่เขาไว้ใจและคนที่เขารู้สึกดีด้วยยกล้าหลอกลวงเขาขนาดนี้เชียวหรือตอนนี้ในใจของเขาเริ่มมีทิฐิเข้าครอบงำความรู้สึกดีๆที่มีต
อัลบั้มแรกที่เขาหยิบมาข้างหน้าเขียนว่านีน่าตอนอยู่ในท้องกับแรกเกิดเมื่อเปิดเข้าไปชายหนุ่มถึงกับน้ำตาคลอและไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติภาพที่เขาเห็นก็คือมีนชญาที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่และท้องของเธอก็ใหญ่มากถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่ถ่ายให้และมีภาพของหญิงสาวที่อุ้มท้องโตๆเดินอยู่ในร้านดอกไม้อีกหลายรูป“ผ่าคลอดงั้นเหรอ” เมื่อเปิดไปเรื่อยๆก็เห็นภาพตอนที่หญิงสาวจะเข้าห้องผ่าตัดในหลังรูประบุเวลาและวันที่ไว้อย่างชัดเจนมีคำอธิบายว่ามีนไม่สามารถคลอดเองได้เพราะหลานตัวใหญ่เกินนี่ก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่เก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้เช่นกันภาพรอยยิ้มของหญิงสาวที่นอนรออยู่ในห้องคลอดเธอดูมีความสุขมากจริงๆจนเขาแอบอิจฉาเธอที่ได้เห็นลูกด้วยตาตัวเองเมื่อตอนแรกเกิดผิดกับเขาที่ต้องมานั่งดูรูปภาพเอาแบบนี้“คนสวยของแดดดี๊” เมื่อเปิดดูอีกอัลบั้มก็จะเป็นลูกสาวของเขาตอนที่นอนอยู่ในเปลเด็กและภาพที่กำลังดูดนมแม่อย่างน่าเอ็นดูเขาใช้มือลูบไปที่รูปภาพพร้อมปล่อยน้ำตาแห่งความสุขให้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเขานั่งดูรูปไปเรื่อยๆตั้งแต่ลูกสาวของเขายังเดินไม่ได้เริ่มหัดนั่งหัดคลานหัดเดินหัดพูดจนถึงปัจจุบันรูปที่พึ่งถ่ายสดๆร้อนๆเพ
“เอ่อ...สารภาพเรื่องอะไร...มีนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้นออกจากบ้านมีนไปได้แล้ว” มีนชญามีอาการหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยินคำที่ชายหนุ่มพูดกับเธอหญิงสาวไม่รู้ว่าเขาไปรู้อะไรมาบ้างถึงมาถามเธอแบบนี้แต่เธอก็ยังขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขาทั้งนั้นพร้อมไล่เขาออกไปจากบ้านโดยเร็วสิ่งที่เธอกลัวอยู่ในใจตอนนี้คือกลัวว่าเธอนั้นจะเสียลูกสาวของเธอไป“ไม่มีอะไรจะสารภาพงั้นเหรอ...วางแผนที่จะมีลูกกับฉันแล้วมาพรากลูกฉันไปตั้งหลายปีโดยที่ฉันไม่รู้อย่าคิดว่าฉันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ....เธอกล้ามากนะมีน...ฉันจะมาทวงลูกฉันคืน”โดมินิคเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นทันทีที่หญิงสาวปฏิเสธได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรชายหนุ่มเริ่มใช้น้ำเสียงที่หนักและดุดันขึ้นพูดถึงวีรกรรมของหญิงสาวด้วยความโมโหพร้อมบอกว่าเขานั้นจะมาทวงลูกของเขาคืน“ไม่ได้นะคะคุณนิค....อย่าพรากลูกมีนไปนะคะมีนขอร้อง” มีนชญามือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเมื่อในสิ่งที่คิดมันเป็นจริงเธอน้ำตาไหลพรากสะอึกสะอื้นพร้อมยกมือเย็นของเธอทั้งสองไปจับมือของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมขอร้องคนตรงหน้าด้วยน้ำตาว่าอย่าพรากสิ่งที่เธอรักที่สุดในชีวิตไปตอนนี้เธอเอาแต่ส่ายหัวร้องให้เ
มีนชญากำลังเดินเลยรถของชายหนุ่มไปเพื่อเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหน้าโรงเรียนเพื่อไปซื้อไอติมให้ลูกสาวของเธอหญิงสาวของเธอโดมินิคเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้เดินมาที่รถของเขาตามที่สั่งเขาจำต้องเดินลงจากรถแล้วตามหญิงสาวเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อทันทีเพราะเขาไม่ค่อยไว้ใจหญิงสาวเท่าไรว่าเธอจะกลัวคำขู่ของเขาหรือเปล่า“ไปจ่ายเงินกันค่ะ” เมื่อนีน่าเลือกไอติมในตู้แช่แข็งเรียบร้อยแล้วมีนชญาจึงบอกให้ลูกของเธอเดินถือของไปจ่ายเงินกันจะได้รีบกลับมีนชญาแอบเห็นชายหนุ่มเดินตามเธอมาอยู่แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับเธอเพียงแค่ยืนดูอยู่ห่างๆหญิงสาวคิดในใจว่าเขาอาจจะคิดว่าเธอจะหนีก็เป็นได้จึงตามมาดู“ไปขึ้นรถกันเถอะค่ะ”“ไม่ใช่รถคุณแม่นี่คะ” นีน่าชะงักการเดินแล้วดึงมือของคนเป็นแม่ไว้เล็กน้อยเพราะเธอรู้สึกไม่คุ้นกับรถคันตรงหน้าเสียเท่าไรเพราะว่ามันไม่ใช่รถของแม่เธอ“นีน่าคะ”“คุณลุง” โดมินิคเปิดประตูออกมาจากรถพร้อมเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูให้ทั้งสองขึ้นไปนั่งในรถเด็กหญิงแปลกใจเล็กน้อยที่เธอเจอคุณลุงคนเมื่อกลางวันอีกครั้ง“พาลูกขึ้นรถ”“ไปค่ะนีน่า” มีนชญารีบพานีน่าขึ้นรถก่อนที่ลูกสาวของเธอจะตั้งคำถามอะไรขึ้นมาอีก
“เอ่อ...คือ...” มีนชญาถึงกับพูดไม่ออกจะเดินออกไปก็กลัวว่าเขาจะพาลูกหนีอีกใจมันก็จริงอย่างที่เขาบอกตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำอาหารเย็นไว้ให้ลูกของเธอแล้วด้วย“ฉันไม่ไปไหนหรอก...นี่กุญแจ” โดมินิครู้ว่าหญิงสาวนั้นคิดอะไรอยู่เขาจึงมองจ้องไปที่หน้าของหญิงสาวพร้อมบอกให้เธอได้ฟังชัดๆว่าเขานั้นจะไม่ไปไหนให้เธอนั้นสบายใจได้พร้อมส่งกุญแจรถหรูวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาให้เธอมาหยิบอีกต่างหากเพื่อให้หญิงสาวแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหกเธอ“อืม...เอ่อ...คุณนิคจะทานอะไหมคะเดี๋ยวมีนทำให้ค่ะ” มีนชญาเดินมาหยิบกุญแจรถของชายหนุ่มเอาไว้เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนพร้อมเดินตรงไปที่ครัวแต่เธอก็ต้องชะงักนิดหน่อยเพราะเธอคิดว่าวันนี้เธอก็คงจะต้องทำอาหารเผื่อพ่อของลูกของเธอด้วยจึงถามเขาขึ้นว่าเขานั้นจะทานอะไรอย่างน้อยตอนนี้เขายังใจดีไม่พาลูกหนีไปจากเธอหญิงสาวคิดว่าควรที่จะสร้างไมตรีที่ดีกับชายหนุ่มเอาไว้เผื่อว่าเรื่องที่เธอจะคุยกับเขานั้นง่ายขึ้น“เธอก็รู้ว่าฉันชอบทานอะไร”โดมินิคหันไปบอกหญิงสาวที่ยืนรอคำตอบจากเขาอยู่ว่าเธอรู้ว่าเขานั้นชอบอะไรในใจชายหนุ่มก็อยากจะรู้ว่าเธอนั้นยังจำเรื่องราวตอนที่อยู่กับเขาอยู่ได้หรือเ