“ไม่เห็นนี่ครับผมพึ่งกลับมาจากเขาใหญ่มาถึงที่นี่เมื่อสักพักนี้เอง...แล้วนายไปเที่ยวทำไมกลับไวจังล่ะครับ”
ชอวตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าและอาการของเจ้านายของเขาพร้อมบอกว่าตั้งแต่เขามาก็ยังไม่เห็นใครอยู่ที่บ้านแต่เขานึกขึ้นได้ว่าเจ้านายของเขาไม่ได้มีกำหนดกลับวันนี้แต่ทำไมจึงมาโผล่ที่นี่ได้
“เอ่อ...คือฉันมีปัญหานิดหน่อย” โดมินิคใจเสียไปแล้วครึ่งหนึ่งเพราะว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะหาหญิงสาวได้จากไหนเหมือนกันพร้อมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชอวฟังเพราะเป็คนสนิทที่เขานั้นไว้ใจเป็นที่สุดคราแรกชอวก็มีอาหารตกใจอยู่เล็กน้อยกับเรื่องที่เขานั้นได้รับรู้มาแต่ก็ต้องคิดหาวิธีช่วยเจ้านายของเขาก่อนในตอนนี้
“นายลองถามแน็ทตี้ดีไหมครับว่าคุณมีนเธอเคยอยู่ที่ไหน”
“จริงสิ” โดมินิคได้ยินที่ชอวพูดเขาเองก็นึกขึ้นได้ว่าคนที่รับหญิงสาวมาทำงานนั้นคือแน็ทตี้เองก็ต้องมีประวัติของหญิงสาวอยู่แล้วเขาเองก็กังวลใจเสียจนคิดเรื่องนี้ไม่ออก
ติ๊งง
“นายครับมีเมลด่วนเข้ามาครับตอนนี้ที่สเปนและญี่ปุ่นมีหุ้นส่วนจะถอนหุ้นออกหลายรายเลยครับเพราะโครงสร้างของโครงการมีปัญหาหลายจุด” ชอวเปิดดูข้อความที่พึ่งส่งมาในเมลตอนนี้เขารู้ว่าเจ้านายของเขากำลังจะเจอปัญหาหนักเสียแล้วสิและท่าทางจะใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยชอวนึกสงสารเจ้านายหนุ่มของเขาเสียจริงทั้งปัญหาหัวใจและปัญหาเรื่องงานก็มาประดังประเดเข้ามาเสียทีเดียว
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงในเมื่อเราไว้ใจให้คนของเราดูแลเองทุกอย่าง” โดมินิคถึงกับยกมือมากุมขมับเขาไม่รู้ว่าเดกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไรเพราะเขาไว้ใจให้คนในทีมฝีมือดีดูแลและสองสามปีที่ผ่านมามันก็ไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นแล้วจนเขาวางใจแต่เมื่อมาวันนี้ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ไปได้เขารู้ว่าต่อจากนี้เขาจะต้องเจอศึกหนักเรื่องงานอีกเสียแล้ว
“ผมว่าเรื่องนี้เราคงต้องไปดูเองแล้วหละครับ...เรื่องคุณมีนเดี๋ยวผมจะติดต่อกับแน็ทตี้ให้เอง” ชอวเห็นว่าเจ้านายหนุ่มเขายังมีเรื่องกังวลในใจเกี่ยวกับหญิงสาวเขาจึงเสนอว่าเรื่องนี้เขานั้นจะจัดการให้เองเพราะเจ้านายของเขาจะได้คลายกังวลแล้วจดจ่ออยู่ที่งานที่จะต้องแก้ปัญหาตอนนี้นั่นเอง
“เฮ้อ...ทำไมต้องมามีปัญหาแบบนี้ด้วยนะ” โดมินิครู้สึกท้อใจอย่างเห็นได้ชัดที่ชีวิตของเขายังมีพันธะอยู่กับงานตลอดเวลาเขาจะทิ้งมันไปก็ไม่ได้เพราะเขานั้นมีลูกน้องและทีมงานมากมายที่ต้องใช้เงินจากการทำธุรกิจหล่อเลี้ยงพวกเขาหากเขาคิดท้อใจแล้วทิ้งไปจะมีคนหลายร้อยที่ต้องตกงาน
4ปีผ่านไป
14.00 น
เขาใหญ่
“คุณแม่ขา..นีน่าอยากทานไอติม” นีน่าเด็กหญิงวัยสามขวบตัวอวบอ้วนผิวขาวหน้าลูกครึ่งผมหยิกมัดแกะสองข้างดวงตาสีฟ้าเทาที่กลมโตทำให้เด็กหญิงหน้าเหมือนตุ๊กตาอย่างไงอย่างงั้นเด็กหญิงเดินมาอ้อนคุณแม่ของเธอเพราะว่าอยากจะทานไอติมอีกเธอชอบทานของเย็นเป็นชีวิตจิตใจจนต้องห้ามกันอยู่บ่อยครั้งเพราะเมื่อทานเข้าไปมากๆแล้วเธอก็จะเป็นหวัดนั่นเอง
“วันนี้หนูทานไปสองแท่งแล้วนะคะถ้าทานเยอะกว่านี้นีน่าจะไม่สบายแล้วก็ต้องไปหาลุงหมอให้ลุงหมอฉีดยานะคะ”
มีนชญาเห็นว่าลูกสาวของเธอทานไอติมไปสองแท่งแล้วดังนั้นเธอจะตามใจให้ลูกของเธอทานอีกไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะไม่สบายเธอจึงต้องอ้างถึงผลที่จะตามมาเมื่อลูกสาวของเธอไม่สบายให้ได้ฟังเพราะเธอใช้มุกนี้ทีไรลูกสาวเธอเป็นต้องยอมทุกทีเพราะว่ากลัวเข็มฉีดยานั่นเอง
“นีน่าไม่อยากโดนฉีดยา...นีน่าไม่ทานแล้วก็ได้ค่ะ” เมื่อได้ฟังที่คนเป็นแม่บอกเด็กหญิงถึงกับก้มหน้างุดพร้อมบอกว่าเธอไม่อยากทานแล้วเพราะว่ากลัวจะโดนลุงหมอของเธอฉีดยาแก้ไข้แล้วเธอต้องร้องให้อีก
“ดีมากค่ะคนเก่งมาอาบน้ำแล้วนอนกลางวันกันดีกว่านะคะ” มีนชญาอุ้มลูกสาวที่ตอนนี้มีสีหน้าบูดนิดหน่อยเมื่อพูดถึงลุงหมอตอนนี้ได้เวลาที่เด็กหญิงจะต้องนอนกลางวันแล้วเพราะเดี๋ยวจะเลยเวลาและงอแง
“ทำไมฉันถึงไม่ยินดีกับคุณล่ะ” มีนชญาหยิบหนังสือเกี่ยวกับข่าวธุรกิจขึ้นมาอ่านเธอก็ต้องเจอข่าวของชายหนุ่มที่เธอเฝ้านึกถึงแต่วันนี้เธอมีความรู้สึกแปลกไปจากเดิมเล็กน้อยเพราะวันนี้ไม่ใช่ข่าวการประสบความสำเร็จในธุรกิจของชายหนุ่ม แต่เป็นข่าวคราวของการมีความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวไฮโซทายาทนักธุรกิจรายใหญ่ที่ตอนนี้ทั้งสองมีข่าวว่าตัวติดกันตลอดเวลา
ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บหน่วงที่หัวใจเล็กน้อยเมื่ออ่านข่าวแทนที่เธอจะยินดีว่าชายหนุ่มมีคู่รักที่เหมาะสมกันแล้วแต่เธอแปลกใจเหมือนกันว่าเธอทำไมถึงไม่รู้สึกยินดีกับข่าวแบบนี้เลยสักนิดทั้งที่เธอก็เลือกที่จะเดินออกมาจากเขาเองทั้งที่เขาก็พร่ำบอกในคืนนั้นว่าเขาจะรับผิดชอบเธอ
หลังจากที่ลูกสาวของเธอหลับแล้วมีนชญาก็มาหาหนังสืออ่านหลังจากที่เธออ่านหนังสือเรื่องการเป็นแม่การดูแลลูกเธอก็ติดนิสัยรักการอ่านมาจนถึงทุกวันนี้เธอชอบอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์และข่าวธุรกิจทั่วไปเพราะเธอจะเห็นชายหนุ่มที่เธอชื่นชมอยู่บ่อยๆและอยากที่จะให้ลูกสาวของเธอนั้นเก่งเหมือนเขาด้วยนั่นเองเธอยังไม่รู้หรอกว่าลูกสาวของเธอจะเก่งได้เท่ากับพ่อของเธอหรือเปล่าแต่เท่าที่รู้หน้าตาของลูกสาวเธอนั้นเหมือนคนเป็นพ่ออย่างกับแกะกันมาเลย
ด้วยความคิดของหญิงสาวที่ว่าเธอและเขานั้นต่างกันเกินไปและความฝันของเธอก่อนหน้านั้นคือการมีลูกแต่ไม่มีสามีมันจึงทำให้ชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้ก่อนหน้าที่จะคลอดลูกออกมาเธอยังวาดฝันไว้อยู่เลยว่าเธอจะมีความสุขกับลูกตามที่เคยฝันเอาไว้แต่เปล่าเลยเมื่อลูกเธอยิ่งโตขึ้นเธอก็ยิ่งลำบากใจที่จะหาคำมาตอบคำถามกับลูกของเธอถ้าหากลูกเธอเริ่มสงสัยเรื่องพ่อขึ้นมา
เวลาที่เธอพาลูกสาวของเธอไปเที่ยวเธอก็เห็นคนอื่นเค้ามากันเป็นครอบครัวจนบางครั้งเธอก็กลัวลูกของเธอน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมตั้งแต่เกิดมาจึงมีแม่แค่คนเดียวตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าถึงจะมีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อความสุขไม่ได้ทั้งหมดการมีลูกก็ไม่ใช่แค่จะเลี้ยงเขาด้วยวัตถุอย่างเดียวแต่ต้องดูแลจิตใจและความรู้สึกของเขาด้วยตอนนี้เธอก็ทำได้แค่ทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ลูกของเธออย่างดีที่สุดเพราะเธอคงไม่สามารถกลับไปแก้ไขสถานการณ์ในอดีตได้แล้ว
อิตาลีหลังจากเมื่อสี่ปีก่อนที่โดมินิคบินไปที่สเปนเพื่อสะสางงานและต่อด้วยญี่ปุ่นเขาใช้เวลาเกือบสองปีกว่าจะกู้วิกฤตขึ้นมาได้เพราะหุ้นส่วนรายใหญ่หลายรายที่นั่นถอนหุ้นออกจนหมดที่โครงการเขานั้นมีปัญหาก็เพราะว่าเขานั้นไว้ใจคนที่ดูแลมากเกินไปเลยเกิดการฉ้อโกงขึ้นเรื่องนี้คนในวงการอสังหาจะรู้ดีว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอนโดมินิคกู้ทุกอย่างกลับขึ้นมาได้ก็เพราะมีมาตินนักธุรกิจรายใหญ่ที่อิตาลีนั้นยื่นมือเข้ามาช่วยเขาร่วมหุ้นและช่วยกันกู้สถานการณ์เอาไว้ได้และตอนนี้เขาก็ได้ให้ลูกสาวของเขารับช่วงต่อดูแลงานแทนลูกสาวของเขาก็คือเคธี่สาวสวยไฮโซที่กำลังเป็นข่าวกับเขาอยู่ตอนนี้แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพราะเขาคิดกับเธอแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นคนเดียวที่เขาคิดถึงตลอดเวลาก็คือหญิงสาวที่เขาไม่สามารถรู้เสียทีว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหนแม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะไหว้วานให้แน็ทตี้ตามหาทุกวิถีทางแล้วก็ตามแต่เขาเองก็ยังไม่หมดหวังตอนนี้สถานการณ์ของธุรกิจเขาก็เริ่มคลี่คลายลงแล้วเขาจึงคิดว่าจะลงมือด้วยตัวเองในการตามหาตัวเธออีกอย่างเขาเองก็ต้องกลับไปดูงานที่ไทยด้วยเพราะเป็นเวลาสี่ปีแล้วที่ไม่ได้กลับไปเพราะเขาต้องจัดการกับเร
“ใช่แล้วค่ะคนเก่ง...นีน่าต้องไปโรงเรียนเพื่อหาความรู้และเจอกับเพื่อนใหม่ๆไงคะเดี๋ยวตอนเย็นๆคุณแม่จะไปรับนีน่านะคะ” มีนชญาหันมายิ้มตอบลูกสาวพร้อมย่อตัวลงนั่งคุยกับลูกสาวของเธอว่าเป็นเด็กก็ต้องหาความรู้ในโรงเรียนแล้วก็จะได้เจอเพื่อนใหม่ๆอีกด้วยพร้อมสัญญากับลูกสาวของเธอว่าเมื่อถึงเลวลาเลิกเรียนแล้วเธอจะมารับทันที“ค่ะ...นีน่าอยากมีความรู้แล้วก็อยากมีเพื่อนเยอะๆด้วยค่ะ” เด็กหญิงสวมกอดที่คอของคนเป็นแม่พร้อมบอกว่าเธอนั้นอยากจะมีความรู้แล้วก็อยากจะมีเพื่อนเยอะๆอย่างที่แม่ของเธอบอกอีกด้วย“คุณครูมาแล้วสวัสดีคุณครูก่อนค่ะ” มีนชญาเห็นว่ามีคุณครูสาวกำลังเดินตรงมายังเธอสองแม่ลูกเลยอกให้นีน่ารีบสวัสดีคุณครูก่อน“สวัสดีค่ะคุณครูหนูชื่อเด็กหญิงนีน่าค่ะ” เด็กหญิงยกมือป้อมของเธอสวัสดีคุณครูพร้อมแนะนำตัวเองอย่างเสียงดังฟังชัดอย่างน่าเอ็นดู“สวัสดีค่ะ...น้องนีน่าเก่งจังเลยเข้าไปข้างในกับคุณครูนะคะ” คุณครูสาวอดชื่นชมในความน่ารักของเด็กหญิงไม่ได้ที่วันนี้เป็นวันแรกของการมาอยู่ที่โรงเรียนแต่ไม่มีอาการงอแงเลยสักนิดพร้อมจูงมือเด็กหญิงเข้าไปในห้องเรียน“บ๊ายบายค่ะคุณแม่” นีน่าหันมาบ๊ายบายคนเป็นแม่ด้
ร้านสเต็ค“นี่ยัยมีนนีน่าก็โตแล้วแกไม่กลัวเค้าจะถามเรื่องพ่อบ้างเหรอ...อย่าว่าฉันตอกย้ำอะไรแกเลยนะฉันแค่รู้สึกเป็นห่วงหลาน”“อืม...เรื่องนั้นก็มีคิดบ้างเหมือนกันนีน่าเป็นเด็กฉลาดอีกหน่อยฉันก็คงจะเจอเรื่องแบบที่คิดไว้...ฉันบอกตามตรงเลยนะฉันเองก็รู้สึกผิดต่อลูกเหมือนกันที่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้ตอนนั้นเลยฉันคิดว่าการอยู่กับลูกเพียงสองคนจะมีความสุขแต่ตอนนี้มันทำให้ฉันกังวลมากที่สุดกับความรู้สึกของนีน่า”“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”“ฉันคงต้องยอมรับความเป็นจริงและคงต้องพยายามทำให้นีน่าเข้าใจและเลี้ยงเค้าอย่างดีที่สุดเพราะตอนนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”ทั้งแน็ทตี้และมีนชญาต่างก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวในอดีตที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แน็ทตี้เองก็รู้สึกผิดที่ตัวเองไม่น่าเห็นแก่เงินมีนชญาเองก็รู้สึกผิดกับความคิดประหลาดๆของตัวเองและนึกถึงแต่ความสุขของตัวเองไม่ได้มองการไกลว่าลูกจะมีความสุขเหมือนเธอหรือเปล่าตอนนี้ก็ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่เท่านั้น“อีกสักพักฉันก็ต้องไปรับนีน่าแล้วแกจะไปด้วยไหม”“ไปสิ...ฉันคิดถึงหลานฉันจะแย่อยู่แล้ว”มีนชญาเห็นว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เวลาไปรับ
กรุงเทพมหานคร“กอหญ้าแกอยู่ไหน”“ฉันทานข้าวอยู่ที่ห้างXXX”“ดีเลยแกรอฉันอยู่ที่นั่นเดี๋ยวฉันไปหา” แน็ทตี้ขับรถมาถึงกรุงเทพเขาก็โทรหากอหญ้าทันทีเพราะคิดว่าเรื่องนี้เขาต้องให้กอหญ้าช่วยและอีกอย่างเขาเองก็อยากจะลองเล่าเรื่องนี้ให้กอหญ้าฟังก่อนว่าถ้าเพื่อเขาได้ฟังแล้วจะมีความเห็นอย่างไรก่อนที่จะไปสารภาพผิดกับเจ้านายหนุ่มของเขาอีกทีห้างสรรพสินค้าXXX“ทำไมมานั่งทานข้าวคนเดียวล่ะ” แน็ทต้าถึงร้านที่เพื่อนสาวของเขาบอกก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเพื่อนเขามาเดินห้างคนเดียวแถมยังนั่งทานข้าวคนเดียวอีกต่างหาก“ฉันแวะมาซื้อของใช้น้องเอมเดี๋ยวก็กลับแล้ว” กอหญ้าตั้งใจว่าจะแวะมาที่ห้างนี้แค่ซื้อของใช้ให้ลูกสาวของเธอเสร็จแล้วก็จะกลับแต่รู้สึกหิวเลยนั่งทานข้าวก่อนเมื่อได้รับสายของแน็ทตี้ว่าให้รออยู่ที่นี่เธอจึงยังไม่ได้กลับและเธอเองก็อยากจะรู้ด้วยว่าแน็ทตี้นั้นมีเรื่องด่วนที่จะคุยอะไรกับเธอนักหนา“กอหญ้าฉันมีเรื่องจะปรึกษา....”“ว่ามาสิ...แต่ท่าทางแกดูเครียดๆนะ” กอหญ้าเห็นเพื่อนของเธอมีสีหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่เดินเข้ามาหาเธอแล้วหญิงสาวรู้ว่าเพื่อนของเธอต้องมีอะไรไม่สบายใจอยู่แน่นอนเธอเองพร้อมที่จะรับฟ
“เรื่องอะไร...ว่ามาสิ” โดมินิคเห็นท่าทีของคนตรงหน้าดูกังวลแปลกๆเขาจึงรีบให้แน็ทตี้พูดมาว่ามีธุระอะไรจะคุยกับเขา“เรื่องมีนน่ะค่ะ”“มีน...คุณเจอมีนแล้วใช่ไหม” โดมินิคถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าแน็ทตี้นั้นจะพูดถึงใครพร้อมถามคำถามที่เขาอยากจะรู้ทันที“เจอแล้วค่ะ...แล้วก็แน็ทตี้อยากจะบอกบอสว่าแน็ทตี้รู้มาตลอดว่ามีนอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้บอกบอส”“ทำไม???” โดมินิคเริ่มรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของแน็ทตี้น้ำเสียงที่เขาถามคนตรงหน้าถึงเหตุผลมันเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด“คือว่าเรื่องที่แน็ทตี้จะบอกบอสก็คือ......” แน็ทตี้เองไม่อยากจะพูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกแล้วเขาค่อยๆเล่าเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียดเหมือนกับที่เล่าให้กอหญ้าฟังแต่ปฏิกิริยาของเจ้านายของเขาทำให้เขาเดาไม่ออกเหมือนกันว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่แต่เธอก็ยังคงต้องทำใจดีสู้เสื้อเล่าเรื่องต่อไปจนกว่าจะจบ“นี่พวกคุณเล่นบ้าอะไรกัน...แล้วปิดเรื่องนี้กับผมมาสี่ปีเนี่ยนะ” เมื่อโดมินิคฟังจบเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออกรู้สึกว่ามีอะไรจุกอยู่ในอกคนที่เขาไว้ใจและคนที่เขารู้สึกดีด้วยยกล้าหลอกลวงเขาขนาดนี้เชียวหรือตอนนี้ในใจของเขาเริ่มมีทิฐิเข้าครอบงำความรู้สึกดีๆที่มีต
อัลบั้มแรกที่เขาหยิบมาข้างหน้าเขียนว่านีน่าตอนอยู่ในท้องกับแรกเกิดเมื่อเปิดเข้าไปชายหนุ่มถึงกับน้ำตาคลอและไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติภาพที่เขาเห็นก็คือมีนชญาที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่และท้องของเธอก็ใหญ่มากถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่ถ่ายให้และมีภาพของหญิงสาวที่อุ้มท้องโตๆเดินอยู่ในร้านดอกไม้อีกหลายรูป“ผ่าคลอดงั้นเหรอ” เมื่อเปิดไปเรื่อยๆก็เห็นภาพตอนที่หญิงสาวจะเข้าห้องผ่าตัดในหลังรูประบุเวลาและวันที่ไว้อย่างชัดเจนมีคำอธิบายว่ามีนไม่สามารถคลอดเองได้เพราะหลานตัวใหญ่เกินนี่ก็คงจะเป็นแน็ทตี้ที่เก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้เช่นกันภาพรอยยิ้มของหญิงสาวที่นอนรออยู่ในห้องคลอดเธอดูมีความสุขมากจริงๆจนเขาแอบอิจฉาเธอที่ได้เห็นลูกด้วยตาตัวเองเมื่อตอนแรกเกิดผิดกับเขาที่ต้องมานั่งดูรูปภาพเอาแบบนี้“คนสวยของแดดดี๊” เมื่อเปิดดูอีกอัลบั้มก็จะเป็นลูกสาวของเขาตอนที่นอนอยู่ในเปลเด็กและภาพที่กำลังดูดนมแม่อย่างน่าเอ็นดูเขาใช้มือลูบไปที่รูปภาพพร้อมปล่อยน้ำตาแห่งความสุขให้ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเขานั่งดูรูปไปเรื่อยๆตั้งแต่ลูกสาวของเขายังเดินไม่ได้เริ่มหัดนั่งหัดคลานหัดเดินหัดพูดจนถึงปัจจุบันรูปที่พึ่งถ่ายสดๆร้อนๆเพ
“เอ่อ...สารภาพเรื่องอะไร...มีนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณทั้งนั้นออกจากบ้านมีนไปได้แล้ว” มีนชญามีอาการหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยินคำที่ชายหนุ่มพูดกับเธอหญิงสาวไม่รู้ว่าเขาไปรู้อะไรมาบ้างถึงมาถามเธอแบบนี้แต่เธอก็ยังขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขาทั้งนั้นพร้อมไล่เขาออกไปจากบ้านโดยเร็วสิ่งที่เธอกลัวอยู่ในใจตอนนี้คือกลัวว่าเธอนั้นจะเสียลูกสาวของเธอไป“ไม่มีอะไรจะสารภาพงั้นเหรอ...วางแผนที่จะมีลูกกับฉันแล้วมาพรากลูกฉันไปตั้งหลายปีโดยที่ฉันไม่รู้อย่าคิดว่าฉันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ....เธอกล้ามากนะมีน...ฉันจะมาทวงลูกฉันคืน”โดมินิคเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นทันทีที่หญิงสาวปฏิเสธได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรชายหนุ่มเริ่มใช้น้ำเสียงที่หนักและดุดันขึ้นพูดถึงวีรกรรมของหญิงสาวด้วยความโมโหพร้อมบอกว่าเขานั้นจะมาทวงลูกของเขาคืน“ไม่ได้นะคะคุณนิค....อย่าพรากลูกมีนไปนะคะมีนขอร้อง” มีนชญามือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกเมื่อในสิ่งที่คิดมันเป็นจริงเธอน้ำตาไหลพรากสะอึกสะอื้นพร้อมยกมือเย็นของเธอทั้งสองไปจับมือของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมขอร้องคนตรงหน้าด้วยน้ำตาว่าอย่าพรากสิ่งที่เธอรักที่สุดในชีวิตไปตอนนี้เธอเอาแต่ส่ายหัวร้องให้เ
มีนชญากำลังเดินเลยรถของชายหนุ่มไปเพื่อเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหน้าโรงเรียนเพื่อไปซื้อไอติมให้ลูกสาวของเธอหญิงสาวของเธอโดมินิคเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้เดินมาที่รถของเขาตามที่สั่งเขาจำต้องเดินลงจากรถแล้วตามหญิงสาวเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อทันทีเพราะเขาไม่ค่อยไว้ใจหญิงสาวเท่าไรว่าเธอจะกลัวคำขู่ของเขาหรือเปล่า“ไปจ่ายเงินกันค่ะ” เมื่อนีน่าเลือกไอติมในตู้แช่แข็งเรียบร้อยแล้วมีนชญาจึงบอกให้ลูกของเธอเดินถือของไปจ่ายเงินกันจะได้รีบกลับมีนชญาแอบเห็นชายหนุ่มเดินตามเธอมาอยู่แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับเธอเพียงแค่ยืนดูอยู่ห่างๆหญิงสาวคิดในใจว่าเขาอาจจะคิดว่าเธอจะหนีก็เป็นได้จึงตามมาดู“ไปขึ้นรถกันเถอะค่ะ”“ไม่ใช่รถคุณแม่นี่คะ” นีน่าชะงักการเดินแล้วดึงมือของคนเป็นแม่ไว้เล็กน้อยเพราะเธอรู้สึกไม่คุ้นกับรถคันตรงหน้าเสียเท่าไรเพราะว่ามันไม่ใช่รถของแม่เธอ“นีน่าคะ”“คุณลุง” โดมินิคเปิดประตูออกมาจากรถพร้อมเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูให้ทั้งสองขึ้นไปนั่งในรถเด็กหญิงแปลกใจเล็กน้อยที่เธอเจอคุณลุงคนเมื่อกลางวันอีกครั้ง“พาลูกขึ้นรถ”“ไปค่ะนีน่า” มีนชญารีบพานีน่าขึ้นรถก่อนที่ลูกสาวของเธอจะตั้งคำถามอะไรขึ้นมาอีก