“หยางอี้เหริน วาสนาด้ายแดงในชาตินี้ข้าขอตัดขาดกับท่านด้วยตัวเอง หากแม้นชาติหน้าพบกัน ข้าเล่อชุนหลันไม่ขอผูกวาสนาใด ๆ กับคนใจร้ายเช่นพระองค์อีก!!”
View Moreเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ซุบซิบกันไม่เลิกแม้ว่าท่านอ๋องจะมิได้สนพระทัยและเริ่มวางแผนตั้งรับเรื่องการศึกและส่งคนลอบตรวจสอบภายในราชสำนักโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว งานเทศกาลประจำปีใกล้เข้ามาถึงแล้ว ในเมืองเหลียงโจวช่วงนี้จึงคึกคักมากเป็นพิเศษจวนสกุลเล่อ“ข้ามาพบคุณหนูรอง”“ใต้เท้าจวินโปรดรอสักครู่ข้าจะไปเรียนคุณหนู”“ไม่ต้องหรอก ข้ามาแล้ว”“น้องชุนหลัน”เล่อชุนหลันเดินออกมาพร้อมกับจินถิงที่เดินตามมา นางได้ข่าวจากบิดาว่าเมื่อสองวันก่อนเขาได้รับการแต่งตั้งให้รับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษของท่านอ๋องดังนั้นจึงตั้งใจมายินดีกับเขา“ยินดีกับท่านด้วยที่ได้รับตำแหน่งใหม่”“เพียงแค่บังเอิญเท่านั้น เจ้าไม่อยากรู้หน่อยหรือว่าข้าได้มาเพราะเหตุใดกัน”“เช่นนั้นเชิญท่านไปนั่งที่สวนก่อนเถอะ”“ได้สิ”เขาเดินตามนางไปในสวนของจวนสกุลเล่อ เมื่อมาถึงศาลาไม้ที่ร่มรื่นนางก็สั่งให้สาวใช้ยกน้ำชาและของว่างมาให้เขา จวินซานหรงไม่เคยนั่งพักผ่อนเช่นนี้มานานแล้ว อย่างน้อยก็กับสตรีเพราะก่อนหน้านี้เขาจะไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าใดนัก“ชาเจ้าค่ะ”“ชุนหลัน วันก่อนข้าได้ส่งเทียบเชิญและสินสอดมาแล้วเจ้า… ได้รับแล้วหรือไม่”“ไม่คิดว่าท่านจะ
“พี่สาม นี่ท่านจริงจังหรือ”“วันนี้ท่านกลับไปก่อนเถอะ เอาไว้ข้าจะรีบส่งเทียบสู่ขอและกำหนดวันหมั้นหมายให้ท่านทีหลัง”“เอ่อ… เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาทั้งสองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีเล่อเดินกลับไปแล้วท่านอ๋องจึงได้เดินตามจวินซานหรงไปที่ศาลา จางหลิงและองครักษ์ของท่านอ๋องคุ้มกันโดยรอบในทันที “พี่สามนี่ท่านคิดดีแล้วงั้นหรือ”“ก็ช่วยเจ้าแก้ปัญหาไปได้ไม่ดีหรืออย่างไร”“ข้า… ก็ไม่คิดว่านางจะกล้าพูดปฏิเสธข้าออกมาเช่นนั้น เดิมทีคิดว่านางจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้”“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ได้ชอบนางอย่างไรเล่า”“ก่อนหน้านั้นอาจจะใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่ความเด็ดเดี่ยวที่กล้าเผชิญหน้าของนางในห้องโถงเมื่อครู่ทำให้ข้านึกถึงตัวเองในวันที่อยากให้เสด็จพ่อยอมรับในครั้งแรก”องค์รัชทายาทบีบไหล่พระอนุชา เขารู้ดีว่ากว่าที่หยางอี้เหรินองค์ชายแปดจะเป็นที่ยอมรับจนได้ตำแหน่งชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวมาได้มิใช่เรื่องง่าย เขาเสนอตัวออกรบตั้งแต่สิบเก้าปีในตอนนั้นแม่ทัพทั้งหลายต่างก็ไม่เชื่อมั่นเขา มีเพียงจวินซานหรงที่ออกศึกเคียงข้างและสุดท้ายหลายศึกที่ผ่านมาก็มีท่านอ๋องหยางอี้เหรินเป็นผู้นำทัพจนเอาชนะพระทัยฝ่าบาทมาได้ในที่สุด“เจ้าคงไม่โ
""อะไรนะ!!""แต่ละคนตกใจและนิ่งอึ้งไป แม้แต่ซานหรงเองก็ตกใจเมื่อค่อย ๆ หันมามองหน้าของเล่อชุนหลันที่พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่านางกับเขาจะหมั้นหมายกัน เขารีบหันไปมองพักตร์ท่านอ๋องที่ทำสีหน้าแปลกใจกึ่งโมโหนิด ๆ เพราะเขาแอบเห็นว่าหยางอี้เหรินกัดกรามแน่น“คือว่า…”เล่อชุนหลันเดินมาจับแขนของจวินซานหรงเอาไว้แน่นและชูผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา“ใช่แล้ว ข้ากับพี่ซานหรงชอบพอกันมาได้สักพักแล้วก่อนหน้านี้ เขาเดินตามข้าออกมาหลังจากเรื่องวุ่นวายในท้องพระโรง เดิมทีคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับข้าดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะทำบางอย่างตามที่พวกท่านเห็นในห้องโถงเมือครู่ เขาจึงได้เดินมาคุยกับข้าและพวกเราก็ตกลงหมั้นหมายกัน ข้าร้องไห้ออกมาดังนั้นเขาจึงดึงผ้าเช็ดหน้านี้มาเช็ดน้ำตาให้ข้า”“หึ… ปั้นน้ำเป็นตัว”หยางอี้เหรินพึมพำและมองมาที่นาง เล่อชุนหลันเองก็สบตาของเขาอย่างไม่กลัวเช่นกันแม้ว่าจะยังไม่หายกลัวสายตานั่นแต่นี่เป็นอีกคำยืนยันว่านาง… จะไม่มีทางก้าวขาเข้าวังของเขาเป็นอันขาด“นี่เจ้าปฏิเสธข้าเพียงเพราะเขางั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! คือเรื่องนี้…” / จวินซานหรง“แต่ว่านางเป็นคนทำร้ายข้า เล่อชุนหลันเจ้าอย่า…โอ๊ย!!”“แม่นางลี
จวินซานหรงไม่กล้าเข้าไปพยุงตัวของลี่จินเซียนแต่นางก็เริ่มวิ่งกลับเข้าไปหาเล่อชุนหลันอีกครั้ง “เร็วเข้าจับนางเอาไว้ ชุนหลันเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน”“นังสารเลวชุนหลัน วันนี้ข้าจะจัดการเจ้า”“ก็เข้ามาสิลี่จินเซียน วันนี้แค้นเก่าแค้นใหม่ข้าจะจัดการให้หมด”“ข้า...”“ผลัวะ”ฝ่าเท้าของชุนหลันฟาดไปที่ปากของลี่จินเซียนอีกครั้ง คราวนี้นางล้มลงกับพื้นและมิอาจลุกขึ้นมากอีก ท่านอ๋องและจวินซานหรงต้องตกใจกับเรี่ยวแรงแค้นมหาศาลนี้ของเล่อชุนหลัน“พวกเจ้ารีบจับพวกนางแยกก่อนเร็วเข้า ชุนหลันเจ้ามานี่”“ปล่อยข้านะจวินซานหรง ข้าบอกให้ปล่อย นังคนปากดีเข้ามาอีกสิเท้าของข้ายังว่างอีกข้างเจ้ายังไม่ได้ลองเลย เข้ามา!!”“ชุนหลัน!! พอได้แล้ว”จวินซานหรงหันไปบอกให้ท่านอ๋องช่วยจับลี่จินเซียนแต่เขาเพียงแค่สั่งองครักษ์ทั้งสองดึงนางเอาไว้เท่านั้นเพราะเล่อชุนหลันพึ่งจะกระโดดถีบนางไปอีกครั้ง จวินซานหรงกอดและอุ้มนางและพาลากออกไปอีกทางเพื่อให้นางสงบอารมณ์แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะในห้องโถงเริ่มวิ่งกรูกันออกมาเพราะได้ยินว่ามีคนตบตีกันในสวน“เกิดอะไรขึ้น เฮือก!! นั่นนาง…. ตายหรือยังน่ะ”“เซียนเอ๋อร์!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น”จวินซานหรง
“อะไรนะ!! นางปฏิเสธงั้นหรือ”บิดาของนางเล่ออันจ้านและมารดาหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่นางพูดในวันก่อนจะเป็นเรื่องจริง นางไม่ได้ต้องการเป็นพระชายาของท่านอ๋องแล้วจริง ๆ“ท่านพ่อ ท่านแม่นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหตุใดนางกล้าพูดเช่นนั้นต่อหน้าพระพักตร์”“พ่อจัดการเอง”แต่ไม่ทันที่บิดานางจะก้าวออกไป ท่านอ๋องก็ได้ตรัสถามนางขึ้นมาทันทีเพราะเขาเองก็นึกประหลาดใจเช่นกัน“เล่อชุนหลัน… เจ้าบอกว่าไม่อยากรับตำแหน่งพระชายาและไม่อยากอภิเษกกับข้างั้นหรือ”“ทูลท่านอ๋องถูกต้องแล้วเพคะ ในเมื่อพระองค์ก็มิได้มีพระทัยชอบพอหม่อมฉันเราทั้งสองก็ไม่ควรจะต้องอภิเษกเพียงเพื่อตัดปัญหาที่ผู้คนเอาแต่กดดันถามในทุก ๆ งาน หม่อมฉันเองก็มิประสงค์อยากจะเป็นสกุณาในกรงทองของผู้ใดดังนั้นวันนี้หม่อมฉันจึงขอบังอาจปฏิเสธข้อเสนอนี้เพคะ”“เล่อชุนหลัน เจ้ามั่นใจแล้วหรือถึงได้ทูลเช่นนั้นออกไป”จวินซานหรงเป็นผู้เอ่ยถามนางอีกครั้ง เขาอีกแล้วครั้งนี้นางจดจำได้แล้วว่าเคยพบหน้าเขาที่ไหน ที่แท้ก็พบในท้องพระโรงแห่งนี้นี่เองสินะครั้งก่อนนางยังนึกขอบคุณเขา แต่ครั้งนี้กลับหันไปมองด้วยสายตาที่โกรธและไม่พอใจจนจวินซานหรง
“น้องชุนหลัน…”ชุนหลันเมื่อตั้งสติได้ก็รีบคุกเข่าลงทันทีท่ามกลางความตกใจของท่านอ๋องที่ไม่คิดว่าเล่อชุนหลันจะตกใจจนลนลานเมื่อพบเขาเช่นนี้ “เล่อชุนหลันถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”“ลุกขึ้นเถอะ”""ขอบพระทัยเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ""นางและมู่หรงเฉิงลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขา ท่านอ๋องมองสำรวจทั้งคู่ก่อนจะหันมามองเล่อชุนหลันที่เอาแต่ก้มหน้า นี่มิใช่ท่าทีที่ปกติเวลาที่นางพบกับเขา“เล่อชุนหลัน ส่วนเจ้าคงจะเป็นขุนนางที่พึ่งแต่งตั้งสินะทำไมไม่อยู่ในโถงงานเลี้ยง”“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมพึ่งจะมาถึงและเห็นว่าน้องชุนหลันอยู่ที่นี่จึงได้แวะมาทักทาย เช่นนั้น…”“ชุนหลัน รีบไปเถอะ”“เจ้าไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”มู่หรงเฉิงลืมไปเสียสนิทเลยว่าเล่อชุนหลันชื่นชอบท่านอ๋องมากเพียงใด แม้ว่าเขาจะชื่นชมนางแต่ก็ทำได้แค่เพียงมองนางอยู่ไกล ๆ ในฐานะสหายสนิทของพี่ชายนางเท่านั้น“เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”เล่อชุนหลันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง นางพบว่าการเผชิญหน้ากับ “หยางอี้เหริน” อีกครั้งไม่ได้ทำให้ความรักที่นางมีต่อเขาน้อยลงแต่หากจะให้เลือกกลับไปอีกครั้ง นางคงจะ “โง่มาก” เต็มทีดังนั้นครั้งนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกทางเ
“คุณหนู ท่านพูดเหมือนกับว่าท่าน…”“ช่างเถอะไหน ๆ จวินซานหรงก็ไม่อยู่แล้วเช่นนั้นก็กลับเถอะ”พวกนางเดินกลับไปและต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าจวินซานหรงเดินเข้าไปที่หอซานเหนียงซึ่งนางพึ่งพาเขาเข้าไป“เดี๋ยวก่อน นั่นมิใช่จวินซานหรงหรอกหรือ”“ไหนเจ้าคะ… ตายจริงใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนูแต่ว่าเหตุใดคุณชายจวินผู้นี้ถึงได้ไปที่นั่นหรือว่า…”“หึ ผู้ชายก็มักมากเหมือนกันไม่มีผิด ไม่ต่างกันเลยช่างเขาเถอะข้ากับเขามิได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย รู้จักแค่ไม่กี่วันคิดว่าเขาจะแตกต่างกับ…”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านชื่นชอบท่านอ๋องมากและท่านอ๋องไม่เคยมาสถานที่เช่นนี้เลยนะเจ้าคะ”“กลับกันเถอะ เจ้าบอกว่าต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในวังมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ”พวกนางเดินออกไปแล้วด้วยความรู้สึกขุ่นมัวในใจของเล่อชุนหลันเล็กน้อย รถม้าเคลื่อนตัวเพื่อกลับไปยังจวนเสนาบดีเพื่อเตรียมตัวเข้าวังในค่ำคืนนี้“พี่สาม ที่นี่น่ะหรือที่ท่านบอกว่า…”“ใช่ เข้ามาก่อนสิ”“ต๊ายย ตาย คุณชายรูปงามทั้งสองท่านมาเยือนอีกแล้ว”“อีกแล้วงั้นหรือ ... หลีกไปพี่สามท่านช่วยข้าด้วย”หยางอี้เหรินที่ไม่ชอบสถานที่เช่นนี้เอาเสียเลยรีบหลบด้านหลังเมื่อหลี่มาม่าวิ่งมาพร้
“เอ่อ น้องชุนหลันข้าว่านี่ไม่ค่อยจะเหมาะ”“มาเถอะน่า ฟังดนตรีไม่กี่เพลงก็กลับแล้วข้าไม่ได้พาท่านมาหาสตรีเสียหน่อยไม่ต้องกลัวตามมาเถอะ”“แต่ว่า….เดี๋ยว..”จวินซานหรงไม่เคยถูกสตรีแตะต้องเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ได้นึกรังเกียจแต่ก็ไม่คุ้นเคย ชีวิตองค์ชายอย่างเขาแม้จะพบสตรีมากมายจนเกิดความเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่เคยเห็นสตรีเช่นเล่อชุนหลันมาก่อน สุดท้ายทั้งคู่ก็เขามาด้านในของหอซานเหนียงจนได้“ว้าวท่านดูสิ มองจากด้านนอกว่าสวยแล้ว ข้างในนี้ยังตกแต่งได้อย่างงดงาม ท่านดูบันไดวนนั่นสิยอดไปเลยว่าหรือไม่”“คุณชายทั้งสองเชิญเจ้าค่ะ”“ข้าขอโต๊ะที่จะเห็นนักดนตรีที่ชัดที่สุดหนึ่งโต๊ะ”“แหม... คุณหนูเจ้าคะวันนี้บังเอิญว่าเป็นวันที่อวิ๋นเซียนจะร่ายรำดังนั้นโต๊ะดี ๆ เอ่อ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนรีบจัดโต๊ะให้พวกท่านเลยเจ้าค่ะ”“จัดโต๊ะให้ข้าและพี่ชายให้เร็วที่สุดที่สำคัญ.... ข้าเป็นคุณชาย!!”เงินถุงใหญ่ถูกส่งให้หลี่มาม่าของหอชื่อดัง นางจึงรีบหุบปากและสั่งให้คนจัดโต๊ะเพื่อรับรองแขกพิเศษที่หน้าเวทีขึ้นอีกหนึ่งชุด จวินซานหรงถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นว่าชุนหลันพยายามยัดเยียดให้ผู้อื่นเชื่อให้ได้ว่านางเป็นคุณชายน้อย แต
“แต่ว่าท่านอ๋องตรัสว่าอยากหารือเรื่องชายแดนนะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปหาเขาเอง ข้าบอกน้องแปดไปแล้วว่ามาที่นี่ในฐานะขุนนางใหม่ เขาจะไม่เปิดเผยฐานะของข้าส่วนเจ้าก็จำเอาไว้ด้วยว่าอย่าได้เผลอเรียกเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด”“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าท่านอ๋องจะยอมให้พระองค์พักโรงเตี๊ยมเช่นนี้ มันไม่ปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”“แต่ว่า…”บุรุษหนุ่มยกพัดจีบพับในมือขึ้นเพื่อมิให้องครักษ์ข้างกายเถียงเพราะเขากำลังมองรอยยิ้มของสตรีที่พึ่งแยกกันไปเมื่อครู่“รอยยิ้มเจ้าช่างสดใสเสียจริง… เล่อชุนหลัน”“องค์ชาย...”“อ้อ จริงสิ ต่อไปเรียกข้าว่าคุณชาย หรือไม่ก็ต้องเรียกว่าใต้เท้าจวินแทนก็แล้วกันอย่าลืมเสียล่ะ”“แต่ว่า…”“ข้าสั่งเจ้าไม่ต้องถาม ข้ามาในฐานะขุนนางกรมขุนนาง มิใช่องค์ชายหรือองค์รัชทายาทแห่งต้าจินโจว”“พ่ะย่ะค่ะ”“จริงสิจางหลิงเจ้ารู้จักสกุลเล่อหรือไม่ เสนาบดีเล่อขุนนางเก่าข้างกายเสด็จพ่อก่อนจะย้ายมาที่นี่”“เสนาบดีเล่อหรือว่าพระองค์ทรงหมายถึงใต้เท้าเล่ออันจ้านหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าวันนี้บุตรชายคนโตที
“เพล้ง!!……”“พระชายาเพคะ”“เอาออกไป แม้แต่จะแวะมาเยี่ยมเขาก็ยังไม่มีน้ำใจแล้วจะให้ข้ากินยาที่ให้สตรีที่เขาพึ่งพากลับมารักษาข้างั้นหรือ เอายารักษาหรือยาพิษมาให้ข้ากินกันแน่!!”“พระชายา แต่ท่านอ๋องตรัสว่าหากพระองค์ไม่ดื่ม…. อาการจะไม่ดีขึ้นนะเพคะ”“ช่างเถอะ มีอะไรที่เขายังไม่ได้ทำกับข้าอีกเล่า จินถิงนี่เจ้ารับใช้ข้ามานานเท่าใดแล้ว”สาวใช้นั่งตัวสั่นและร้องไห้เพราะตั้งแต่นายของตนซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาท่านอ๋องแม่ทัพซึ่งมีนามเรียกขาน “หยางอี้เหริน” แต่งเข้ามายังจวนอ๋องแห่งนี้ก็พบแต่ความเย็นชาและไร้ซึ่งการผูกสัมพันธ์ใด ๆ ของทั้งคู่ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามวัน ก็มีสตรีอันดับหนึ่งขึ้นมาแทนที่นายของนาง“เล่อชุนหลัน” ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาท่านอ๋อง ตำแหน่งนี้เป็นสิ่งที่นางเคยใฝ่ฝันมาโดยตลอดตั้งแต่นางพบเขาเมื่อหลายปีก่อน เวลานั้นท่านอ๋องพึ่งมาปกครองเมืองเหลียงโจวตามบัญชาของฝ่าบาทและพึ่งชนะศึกแคว้นหว่านยงกลับมา ตั้งแต่ครั้งนั้นนางที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งและเป็นบุตรีของเสนาบดีผู้เรืองอำนาจก็มิเคยชายตามองบุรุษอื่นนอกจากเขา“ดูสภาพข้าตอนนี้สิ เขายอมแต่งงานกับข้าเพียงเพื่อให้นางที่พึ่งไ
Comments