เสียงนกร้องในยามเช้าพร้อมกับเปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เล่อชุนหลันรู้สึกราวกับว่าตกจากที่สูง หนักจนนางแทบจะลุกไม่ขึ้นและไม่อยากคิดเลยว่านางจะถูกช่วยเอาไว้ นางอยากตายแต่กลับไม่ตายงั้นหรือ แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อยากต้อนรับนางเช่นนั้นหรือ
“ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะล้างหน้าเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“อะไรนะ เจ้าเรียกข้าว่า…”
สาวใช้หน้าตาอ่อนวัยกว่านางเดินเข้ามาจนเกือบจะชิดเตียงระหว่างที่ชุนหลันค่อย ๆ จับที่คอและค่อย ๆ ลุกจากเตียงท่ามกลางความตกใจของสาวใช้ที่มองตามนางไปและนางเองก็ต้องตกใจอีกครั้ง
“บาดแผลล่ะ ใบหน้าข้าเหตุใดจึงงดงามเต่งตึงราวกับสาวแรกรุ่นเช่นนี้กัน”
“คุณหนูเจ้าคะนายท่านกับฮูหยินรอกินข้าวอยู่นะเจ้าคะ วันนี้จะต้องไปส่งคุณชายที่กรมคลังท่านลืมแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
“อะไรนะ!! ที่นี่….ไม่จริง!!”
เล่อชุนหลันมองไปรอบ ๆ ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางแค่อยากตายเท่านั้นแต่มิได้อยากจะกลับมาเสียหน่อยแต่ก็ …..
“คุณหนูท่านร้องไห้ทำไมเจ้าคะ ท่านฝันร้ายงั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่ จินถิงเจ้าช่างแสนดีน่ารักเสียจริง ข้าฝันร้ายยาวนานเหลือเกิน แต่ว่า…จริงสิข้าในตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วงั้นหรือ”
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านพึ่งพ้นพิธีปักปิ่นมาปีกว่า ๆ ตอนนี้ท่านอายุสิบเจ็ดแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดท่านจึงถามอะไรแปลก ๆ เมื่อคืนนี้ท่านฝันเห็นอะไรกันแน่เจ้าคะ”
“สิบเจ็ด เยี่ยมไปเลย!!”
“เจ้าคะ? อะไรที่เยี่ยมไปเลย เมื่อวานคุณหนูยังบอกว่าคุณหนูอยากจะโตมากกว่านี้เพื่อจะได้เหมาะสมกับท่านอ๋องหยางผู้นั้นให้มากกว่านี้นี่เจ้าคะ”
“อะไรนะ ข้า…”
นางค่อย ๆ นึกทบทวน คงจะเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ นางอยากจะโตให้เร็วเพื่อจะได้เป็นพระชายาท่านอ๋องได้ แม้ว่าใคร ๆ ในเหลียงโจวต่างลงความเห็นว่าบุตรีของท่านเสนาบดีเล่องดงามเป็นอันดับหนึ่ง ในตอนนั้นนางไม่สนใจสักนิด ตำแหน่งเดียวที่นางสนใจและหมกมุ่นกับมันหลังผ่านพิธีปักปิ่นมาคือ “พระชายาท่านอ๋อง” เท่านั้น
“งี่เง่าชะมัด”
“คุณหนู ท่านด่าข้าอยู่งั้นหรือเจ้าคะ”
“เปล่า ๆ จะไปด่าเจ้าได้เช่นไรกันรีบไปเถอะเจ้าบอกว่าท่านพ่อท่านแม่รอข้าอยู่มิใช่หรือ พี่ใหญ่เล่าแต่งตัวเสร็จหรือยัง”
“เจ้าค่ะ ๆ ข้าจะรีบไปเตรียมน้ำเจ้าค่ะ”
จินถิงออกไปแล้ว เล่อชุนหลันเดินไปส่องกระจกอีกครั้ง นางรู้สึกพอใจกับใบหน้าในกระจกนี้มากเป็นพิเศษ ในเมื่อสวรรค์ให้นางย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้นั่นก็เท่ากับให้นางมีโอกาสได้เลือกสินะ
“วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่เข้าทำงานในกรมคลังวันแรก เกิดอะไรขึ้นกันนะ ใช่แล้ว!!…”
วันนี้เป็นวันที่พี่ใหญ่ของนางเข้าไปทำงานในกรมพระคลังวันแรกพร้อมกับสหายของเขา และในอีกสองวันก็จะเป็นวันที่มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นในช่วงค่ำและท่านอ๋องก็ถูกกดดันให้เลือกอภิเษกกับผู้ที่เหมาะสมเพราะเขาขอเลื่อนเวลามามากกว่าสองปีแล้ว
“เช่นนั้นวันนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดนั่น ขอเพียงข้าปฏิเสธเขาไปแทนที่จะเป็นคนกดดันเขาให้เลือกข้าเป็นคู่อภิเษกเหมือนครั้งนั้นเรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น จากนี้ข้าจะขอผูกวาสนาด้ายแดงด้วยตัวเอง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับข้าเท่ากับท่าน หยางมู่เหริน”
โต๊ะอาหาร
“ท่านพ่อท่านแม่ คิดถึงเหลือเกินเจ้าค่ะ”
เล่อชุนหลันโผเข้ากอดบิดามารดาของตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือและเริ่มร้องไห้จนเล่อฮูหยินรู้สึกตกใจที่บุตรสาวที่เคยร่าเริงและสดใสจู่ ๆ ก็กระโดดกอดนางและร้องไห้เช่นนี้
“หลันเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปหรือว่าเมื่อคืนเจ้าฝันร้ายอีกแล้ว”
“ฮ่า ๆ นั่นสิ เจ้าฝันร้ายทีไรต้องร้องไห้เช่นนี้ทุกที”
“ไม่เอาน่าหลันเอ๋อร์เจ้าจะอ้อนท่านแม่เกินไปแล้วนะ โตขนาดนี้แล้วไหนบอกว่าต้องพยายามทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาท่านอ๋องอย่างไรเล่า ยังร้องไห้เป็นเด็กขี้แยเช่นนี้เมื่อไหร่จะโตเสียที”
“พี่ใหญ่!!”
“เอาล่ะ ๆ หลันเอ๋อร์รีบมานั่งเถอะ รีบกินข้าววันนี้เราจะไปสายไม่ได้นะ "จื่อหลง" เจ้าก็รีบกินเข้า"
“ขอรับท่านพ่อ”
“ข้าไม่อยากเป็นพระชายาอะไรนั่นแล้วเจ้าค่ะ”
""หา อะไรนะ!!""
ทุกคนบนโต๊ะอาหารรวมถึงสาวใช้ของนาง จินถิงเองก็มองด้วยความตกใจ มิใช่ว่าพวกเขาต้องกินข้าวกับหยางอ๋องเพราะนางพร่ำพรรณนาถึงอ๋องหนุ่ม พระโอรสคนที่แปดของฝ่าบาทอยู่ทุกวันตั้งแต่พบกันครั้งแรกในพิธีปักปิ่นหรอกหรือ นางแทบจะเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับท่านอ๋องสำหรับตำแหน่งพระชายาและนางเองก็ยอมรับมาโดยตลอดแต่มาวันนี้กลับ…
“เจ้าพูดตลกอันใดกัน หึ ฮูหยินลองชิมนี่หน่อยเนื้อนี่อร่อยมาก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่”
“ข้าพูดจริง ๆ นะเจ้าคะเหตุใดพวกท่านไม่เชื่อข้า”
“หากว่าเจ้าไม่ได้พูดเรื่องท่านอ๋องกับพี่และท่านพ่อท่านแม่ทุกวันมาโดยตลอดสองปีนี้พี่ก็ยังจะเชื่อเจ้าอยู่ แต่ว่าเจ้ามาพูดในตอนนี้มันออกจะแปลก ไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“แปลกตรงไหนกัน ข้าก็แค่ไม่อยากเป็นพระชายาอะไรนั่นแล้วและก็ไม่อยากรักคนที่เขาไม่รักเราด้วย มันทรมานนะเจ้าคะข้าอยากจะมีชีวิตคู่เหมือนกับท่านพ่อท่านแม่ที่รักกันยาวนาน พวกท่านยังดูแลกันอย่างดีจนถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่เป็นอ๋องแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ ใช่ว่าข้าสนใจเรื่องนั้นสักหน่อย”
“หลันเอ๋อร์ หรือว่ามีผู้ใดมาพูดอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่ พ่อจะไปจัดการมันให้เอง”
“ไม่มีเจ้าค่ะไม่มี ลูกก็แค่เริ่มคิดได้ว่าตลอดเวลาสองสามปีที่ผ่านมานี้ ท่านอ๋องผู้นี้มิได้สนใจมองลูกเลยด้วยซ้ำ”
ทุกคนหันมามองหน้ากันและต้องรีบหลบสายตาไปในทันที ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ทราบเรื่องนี้แต่ในเมื่อบุตรสาวชอบพอท่านอ๋องถึงเพียงนี้คนเป็นบิดาจะทำสิ่งใดได้นอกจากรับฟังนาง ที่สำคัญเรื่องการแต่งงานของเชื้อพระวงศ์เช่นท่านอ๋องเองก็ถูกกำหนดมาแล้ว หากเขาไม่แต่งกับบุตรสาวขุนนางในราชสำนัก ก็ต้องแต่งงานกับองค์หญิงต่างแคว้นที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
“ชุนหลัน เจ้าคิดให้ดี ๆ นะ หากว่าเจ้าพูดเพียงอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากนี้มิอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก เพราะอีกไม่กี่เดือนองค์หญิงของแคว้นอานฉวนก็จะเสด็จมาที่นี่ แต่หากเจ้ายังรับปากเรื่องงานหมั้นหมาย องค์หญิงผู้นั้นคงจะต้องไปยังเมืองอื่นที่องค์ชายหรือท่านอ๋องยังไม่แต่งงาน”
“ข้า…”
“เอาน่า ๆ คืนนี้เจ้าก็ลองตัดสินใจดูอีกครั้ง หากว่าเจ้าไม่อยากแต่งงานจริง ๆ พ่อก็จะกราบทูลฝ่าบาทและทูลท่านอ๋องให้เจ้าเอง เขาจะได้แต่งงานกับสตรีต่างเมืองผู้นั้นเพื่อผูกสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นแทน”
“เจ้าค่ะ อย่างไรลูกก็ยังยืนยันว่าลูกจะไม่แต่งงานกับท่านอ๋องเจ้าค่ะ ต่อให้ถามลูกอีกกี่ครั้ง คำตอบก็ไม่ต่างกัน”
บิดามารดาและพี่ชายนางมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจเพราะนึกไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีวันที่บุตรสาวจะเอ่ยคำว่า “ไม่อยากเป็นพระชายาท่านอ๋อง” ออกมาเพราะก่อนหน้านี้ผู้ใดในเหลียงโจวจะไม่รู้ว่านางเป็นผู้ที่ “เหมาะสม” กับตำแหน่งนี้มากที่สุด
“อาหารที่บ้านอร่อยที่สุดจริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะ”
“พูดอย่างกับว่าเจ้าเคยไปกินอาหารจวนอื่นมาเช่นนั้นแหละ เอากินผักบุ้งนี้หน่อยหวานกรอบดีนะ”
เล่อชุนหลันชะงักไปนิดหน่อยเมื่อมารดาเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่สามารถบอกได้แต่นางในเวลานี้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ย้อนกลับไปใช้ชีวิตที่แสนโง่เขลาเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว
“อย่างน้อยชีวิตนี้ข้าก็มีสิทธิ์เลือกที่จะไม่ไปกินข้าวที่จวนอื่นก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
“ฟังเจ้าพูดเข้า จริงสิแม่ให้คนนำชุดที่จะต้องสวมในงานเลี้ยงอีกสองวันไปให้เจ้าแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเจ้าก็รีบกลับไปดูว่าจะเพิ่มเติมอะไรหรือไม่”“ท่านแม่ ท่านพ่อเจ้าคะคือว่าวันนี้ข้าจะไปส่งพี่ใหญ่พร้อมกับพวกท่านแต่ว่า งานเลี้ยงในอีกสองวันข้างหน้า ลูกขอไม่ไปได้หรือไม่เจ้าคะ”""อะไรนะ!!""ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมามองหน้าเล่อชุนหลันราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่างชุนหลันน่ะหรือ เพียงแค่ได้ข่าวว่าจะมีงานเลี้ยงในวังและมีโอกาสได้เพียงพบท่านอ๋องมีหรือที่นางจะไม่กระตือรือร้นที่จะเข้าวังเพื่อพบกับเขา แต่นี่ถึงกับจะไม่ไปอย่างนั้นหรือ“เจ้า... ป่วยหรือว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่ให้แม่เรียกหมอมาตรวจดูอาการดีหรือเปล่า”“นั่นสิถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปส่งพี่หรอก วันนี้ก็นอนพักอยู่ที่จวนก่อนก็แล้วกัน”“นั่นสิหลงเอ๋อร์แค่เข้าไปทำงานวันแรก มีแค่พ่อกับแม่ไปก็พอแล้วเจ้าก็นอนพักอยู่บ้านเถอะ”เล่อชุนหลันร้องไห้ออกมา นี่น่ะหรือคือสิ่งที่นางทอดทิ้งไปเมื่อชาติก่อนเพียงเพราะชายคนเดียวที่ไม่รักนาง แต่นางกลับทิ้งความรักที่ยิ่งใหญ่ จริงใจและบริสุทธิ์เอาไว้เบื้องหลังโดยไม่สนใจ ทิ้งพวกเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต“ลูกตัดสิน
“แต่ว่าท่านอ๋องตรัสว่าอยากหารือเรื่องชายแดนนะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปหาเขาเอง ข้าบอกน้องแปดไปแล้วว่ามาที่นี่ในฐานะขุนนางใหม่ เขาจะไม่เปิดเผยฐานะของข้าส่วนเจ้าก็จำเอาไว้ด้วยว่าอย่าได้เผลอเรียกเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด”“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าท่านอ๋องจะยอมให้พระองค์พักโรงเตี๊ยมเช่นนี้ มันไม่ปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”“แต่ว่า…”บุรุษหนุ่มยกพัดจีบพับในมือขึ้นเพื่อมิให้องครักษ์ข้างกายเถียงเพราะเขากำลังมองรอยยิ้มของสตรีที่พึ่งแยกกันไปเมื่อครู่“รอยยิ้มเจ้าช่างสดใสเสียจริง… เล่อชุนหลัน”“องค์ชาย...”“อ้อ จริงสิ ต่อไปเรียกข้าว่าคุณชาย หรือไม่ก็ต้องเรียกว่าใต้เท้าจวินแทนก็แล้วกันอย่าลืมเสียล่ะ”“แต่ว่า…”“ข้าสั่งเจ้าไม่ต้องถาม ข้ามาในฐานะขุนนางกรมขุนนาง มิใช่องค์ชายหรือองค์รัชทายาทแห่งต้าจินโจว”“พ่ะย่ะค่ะ”“จริงสิจางหลิงเจ้ารู้จักสกุลเล่อหรือไม่ เสนาบดีเล่อขุนนางเก่าข้างกายเสด็จพ่อก่อนจะย้ายมาที่นี่”“เสนาบดีเล่อหรือว่าพระองค์ทรงหมายถึงใต้เท้าเล่ออันจ้านหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าวันนี้บุตรชายคนโตที
“เอ่อ น้องชุนหลันข้าว่านี่ไม่ค่อยจะเหมาะ”“มาเถอะน่า ฟังดนตรีไม่กี่เพลงก็กลับแล้วข้าไม่ได้พาท่านมาหาสตรีเสียหน่อยไม่ต้องกลัวตามมาเถอะ”“แต่ว่า….เดี๋ยว..”จวินซานหรงไม่เคยถูกสตรีแตะต้องเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ได้นึกรังเกียจแต่ก็ไม่คุ้นเคย ชีวิตองค์ชายอย่างเขาแม้จะพบสตรีมากมายจนเกิดความเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่เคยเห็นสตรีเช่นเล่อชุนหลันมาก่อน สุดท้ายทั้งคู่ก็เขามาด้านในของหอซานเหนียงจนได้“ว้าวท่านดูสิ มองจากด้านนอกว่าสวยแล้ว ข้างในนี้ยังตกแต่งได้อย่างงดงาม ท่านดูบันไดวนนั่นสิยอดไปเลยว่าหรือไม่”“คุณชายทั้งสองเชิญเจ้าค่ะ”“ข้าขอโต๊ะที่จะเห็นนักดนตรีที่ชัดที่สุดหนึ่งโต๊ะ”“แหม... คุณหนูเจ้าคะวันนี้บังเอิญว่าเป็นวันที่อวิ๋นเซียนจะร่ายรำดังนั้นโต๊ะดี ๆ เอ่อ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนรีบจัดโต๊ะให้พวกท่านเลยเจ้าค่ะ”“จัดโต๊ะให้ข้าและพี่ชายให้เร็วที่สุดที่สำคัญ.... ข้าเป็นคุณชาย!!”เงินถุงใหญ่ถูกส่งให้หลี่มาม่าของหอชื่อดัง นางจึงรีบหุบปากและสั่งให้คนจัดโต๊ะเพื่อรับรองแขกพิเศษที่หน้าเวทีขึ้นอีกหนึ่งชุด จวินซานหรงถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นว่าชุนหลันพยายามยัดเยียดให้ผู้อื่นเชื่อให้ได้ว่านางเป็นคุณชายน้อย แต
“คุณหนู ท่านพูดเหมือนกับว่าท่าน…”“ช่างเถอะไหน ๆ จวินซานหรงก็ไม่อยู่แล้วเช่นนั้นก็กลับเถอะ”พวกนางเดินกลับไปและต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าจวินซานหรงเดินเข้าไปที่หอซานเหนียงซึ่งนางพึ่งพาเขาเข้าไป“เดี๋ยวก่อน นั่นมิใช่จวินซานหรงหรอกหรือ”“ไหนเจ้าคะ… ตายจริงใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนูแต่ว่าเหตุใดคุณชายจวินผู้นี้ถึงได้ไปที่นั่นหรือว่า…”“หึ ผู้ชายก็มักมากเหมือนกันไม่มีผิด ไม่ต่างกันเลยช่างเขาเถอะข้ากับเขามิได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย รู้จักแค่ไม่กี่วันคิดว่าเขาจะแตกต่างกับ…”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านชื่นชอบท่านอ๋องมากและท่านอ๋องไม่เคยมาสถานที่เช่นนี้เลยนะเจ้าคะ”“กลับกันเถอะ เจ้าบอกว่าต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในวังมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ”พวกนางเดินออกไปแล้วด้วยความรู้สึกขุ่นมัวในใจของเล่อชุนหลันเล็กน้อย รถม้าเคลื่อนตัวเพื่อกลับไปยังจวนเสนาบดีเพื่อเตรียมตัวเข้าวังในค่ำคืนนี้“พี่สาม ที่นี่น่ะหรือที่ท่านบอกว่า…”“ใช่ เข้ามาก่อนสิ”“ต๊ายย ตาย คุณชายรูปงามทั้งสองท่านมาเยือนอีกแล้ว”“อีกแล้วงั้นหรือ ... หลีกไปพี่สามท่านช่วยข้าด้วย”หยางอี้เหรินที่ไม่ชอบสถานที่เช่นนี้เอาเสียเลยรีบหลบด้านหลังเมื่อหลี่มาม่าวิ่งมาพร้
“น้องชุนหลัน…”ชุนหลันเมื่อตั้งสติได้ก็รีบคุกเข่าลงทันทีท่ามกลางความตกใจของท่านอ๋องที่ไม่คิดว่าเล่อชุนหลันจะตกใจจนลนลานเมื่อพบเขาเช่นนี้ “เล่อชุนหลันถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”“ลุกขึ้นเถอะ”""ขอบพระทัยเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ""นางและมู่หรงเฉิงลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขา ท่านอ๋องมองสำรวจทั้งคู่ก่อนจะหันมามองเล่อชุนหลันที่เอาแต่ก้มหน้า นี่มิใช่ท่าทีที่ปกติเวลาที่นางพบกับเขา“เล่อชุนหลัน ส่วนเจ้าคงจะเป็นขุนนางที่พึ่งแต่งตั้งสินะทำไมไม่อยู่ในโถงงานเลี้ยง”“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมพึ่งจะมาถึงและเห็นว่าน้องชุนหลันอยู่ที่นี่จึงได้แวะมาทักทาย เช่นนั้น…”“ชุนหลัน รีบไปเถอะ”“เจ้าไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”มู่หรงเฉิงลืมไปเสียสนิทเลยว่าเล่อชุนหลันชื่นชอบท่านอ๋องมากเพียงใด แม้ว่าเขาจะชื่นชมนางแต่ก็ทำได้แค่เพียงมองนางอยู่ไกล ๆ ในฐานะสหายสนิทของพี่ชายนางเท่านั้น“เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”เล่อชุนหลันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง นางพบว่าการเผชิญหน้ากับ “หยางอี้เหริน” อีกครั้งไม่ได้ทำให้ความรักที่นางมีต่อเขาน้อยลงแต่หากจะให้เลือกกลับไปอีกครั้ง นางคงจะ “โง่มาก” เต็มทีดังนั้นครั้งนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกทางเ
“อะไรนะ!! นางปฏิเสธงั้นหรือ”บิดาของนางเล่ออันจ้านและมารดาหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่นางพูดในวันก่อนจะเป็นเรื่องจริง นางไม่ได้ต้องการเป็นพระชายาของท่านอ๋องแล้วจริง ๆ“ท่านพ่อ ท่านแม่นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหตุใดนางกล้าพูดเช่นนั้นต่อหน้าพระพักตร์”“พ่อจัดการเอง”แต่ไม่ทันที่บิดานางจะก้าวออกไป ท่านอ๋องก็ได้ตรัสถามนางขึ้นมาทันทีเพราะเขาเองก็นึกประหลาดใจเช่นกัน“เล่อชุนหลัน… เจ้าบอกว่าไม่อยากรับตำแหน่งพระชายาและไม่อยากอภิเษกกับข้างั้นหรือ”“ทูลท่านอ๋องถูกต้องแล้วเพคะ ในเมื่อพระองค์ก็มิได้มีพระทัยชอบพอหม่อมฉันเราทั้งสองก็ไม่ควรจะต้องอภิเษกเพียงเพื่อตัดปัญหาที่ผู้คนเอาแต่กดดันถามในทุก ๆ งาน หม่อมฉันเองก็มิประสงค์อยากจะเป็นสกุณาในกรงทองของผู้ใดดังนั้นวันนี้หม่อมฉันจึงขอบังอาจปฏิเสธข้อเสนอนี้เพคะ”“เล่อชุนหลัน เจ้ามั่นใจแล้วหรือถึงได้ทูลเช่นนั้นออกไป”จวินซานหรงเป็นผู้เอ่ยถามนางอีกครั้ง เขาอีกแล้วครั้งนี้นางจดจำได้แล้วว่าเคยพบหน้าเขาที่ไหน ที่แท้ก็พบในท้องพระโรงแห่งนี้นี่เองสินะครั้งก่อนนางยังนึกขอบคุณเขา แต่ครั้งนี้กลับหันไปมองด้วยสายตาที่โกรธและไม่พอใจจนจวินซานหรง
จวินซานหรงไม่กล้าเข้าไปพยุงตัวของลี่จินเซียนแต่นางก็เริ่มวิ่งกลับเข้าไปหาเล่อชุนหลันอีกครั้ง “เร็วเข้าจับนางเอาไว้ ชุนหลันเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน”“นังสารเลวชุนหลัน วันนี้ข้าจะจัดการเจ้า”“ก็เข้ามาสิลี่จินเซียน วันนี้แค้นเก่าแค้นใหม่ข้าจะจัดการให้หมด”“ข้า...”“ผลัวะ”ฝ่าเท้าของชุนหลันฟาดไปที่ปากของลี่จินเซียนอีกครั้ง คราวนี้นางล้มลงกับพื้นและมิอาจลุกขึ้นมากอีก ท่านอ๋องและจวินซานหรงต้องตกใจกับเรี่ยวแรงแค้นมหาศาลนี้ของเล่อชุนหลัน“พวกเจ้ารีบจับพวกนางแยกก่อนเร็วเข้า ชุนหลันเจ้ามานี่”“ปล่อยข้านะจวินซานหรง ข้าบอกให้ปล่อย นังคนปากดีเข้ามาอีกสิเท้าของข้ายังว่างอีกข้างเจ้ายังไม่ได้ลองเลย เข้ามา!!”“ชุนหลัน!! พอได้แล้ว”จวินซานหรงหันไปบอกให้ท่านอ๋องช่วยจับลี่จินเซียนแต่เขาเพียงแค่สั่งองครักษ์ทั้งสองดึงนางเอาไว้เท่านั้นเพราะเล่อชุนหลันพึ่งจะกระโดดถีบนางไปอีกครั้ง จวินซานหรงกอดและอุ้มนางและพาลากออกไปอีกทางเพื่อให้นางสงบอารมณ์แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะในห้องโถงเริ่มวิ่งกรูกันออกมาเพราะได้ยินว่ามีคนตบตีกันในสวน“เกิดอะไรขึ้น เฮือก!! นั่นนาง…. ตายหรือยังน่ะ”“เซียนเอ๋อร์!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น”จวินซานหรง
""อะไรนะ!!""แต่ละคนตกใจและนิ่งอึ้งไป แม้แต่ซานหรงเองก็ตกใจเมื่อค่อย ๆ หันมามองหน้าของเล่อชุนหลันที่พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่านางกับเขาจะหมั้นหมายกัน เขารีบหันไปมองพักตร์ท่านอ๋องที่ทำสีหน้าแปลกใจกึ่งโมโหนิด ๆ เพราะเขาแอบเห็นว่าหยางอี้เหรินกัดกรามแน่น“คือว่า…”เล่อชุนหลันเดินมาจับแขนของจวินซานหรงเอาไว้แน่นและชูผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา“ใช่แล้ว ข้ากับพี่ซานหรงชอบพอกันมาได้สักพักแล้วก่อนหน้านี้ เขาเดินตามข้าออกมาหลังจากเรื่องวุ่นวายในท้องพระโรง เดิมทีคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับข้าดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะทำบางอย่างตามที่พวกท่านเห็นในห้องโถงเมือครู่ เขาจึงได้เดินมาคุยกับข้าและพวกเราก็ตกลงหมั้นหมายกัน ข้าร้องไห้ออกมาดังนั้นเขาจึงดึงผ้าเช็ดหน้านี้มาเช็ดน้ำตาให้ข้า”“หึ… ปั้นน้ำเป็นตัว”หยางอี้เหรินพึมพำและมองมาที่นาง เล่อชุนหลันเองก็สบตาของเขาอย่างไม่กลัวเช่นกันแม้ว่าจะยังไม่หายกลัวสายตานั่นแต่นี่เป็นอีกคำยืนยันว่านาง… จะไม่มีทางก้าวขาเข้าวังของเขาเป็นอันขาด“นี่เจ้าปฏิเสธข้าเพียงเพราะเขางั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! คือเรื่องนี้…” / จวินซานหรง“แต่ว่านางเป็นคนทำร้ายข้า เล่อชุนหลันเจ้าอย่า…โอ๊ย!!”“แม่นางลี
ประตูหลังจวนท่านอ๋อง “อะไรนะ หมายความว่าอย่างไรที่ให้ข้าเดินเข้าไปเองโดยไม่ให้นั่งเกี้ยว”“สนมลี่ ระเบียบในวังหลวงมีเพียงพระชายาเอกเท่านั้นจึงมีสิทธิ์นั่งเกี้ยวเข้าไป ท่านเป็นเพียงสนมดังนั้น เชิญเดินข้ามประตูไปเข้ามาได้แล้ว หากเลยฤกษ์ไปจะไม่ดี”“เจ้า… พวกเจ้า…เป็นเพียงสาวใช้เหตุใดจึงได้กล้าสั่งข้า!!”“สนมลี่จะเข้ามาหรือไม่ หากเลยฤกษ์ไปแล้วประตูนี้จะปิดทันที”“ท่านอ๋องเล่าอยู่ที่ใด แล้วข้าจะต้องไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินที่ไหน”“ไม่มีพิธีที่ว่านั้นหรอกเจ้าค่ะท่านเป็นเพียงสนมไม่จำเป็นต้องทำพิธี แค่รับเข้าวังหลังก็เป็นอันเสร็จพิธี เชิญ”ลี่จินเซียนกำหมัดแน่น สายตาแข็งกร้าวมองดูกงนู่[1]ที่ยืนเฝ้าประตูท่าทางเย่อหยิ่งเพราะเป็นนางข้าหลวงอาวุโสสองคน สายตาที่มองนางก็มิได้ยอมรับนางในฐานะพระสนมเลยสักนิด ลี่จินเซียนจำเป็นต้องยอมเดินลัดกระถางไฟข้ามธรณีประตูเพื่อเข้าไปในจวนในที่สุดด้วยความขมขื่นและโกรธทุกคนที่นางพบเห็น“คอยดูเถอะ ข้าจะไม่มีทางหยุดเพียงตำแหน่งต่ำต้อยเช่นนี้แน่ ท่านอ๋องไม่เพียงไปรับเจ้าสาวแต่นี่กลับไม่เข้าพิธีแม้แต่ห้องส่งตัวก็ยังไม่เข้ามา ท่านทำกับข้าเกินไปแล้ว” ห้าวันถัดมาเหตุการณ์
สิบวันถัดมา / จวนสกุลลี่สกุลลี่จัดงานอย่างยิ่งใหญ่กับฤกษ์งานมงคลในวันนี้ พิธีสมรสของบุตรสาวคนเดียวอย่างลี่จินเซียนที่จะได้อภิเษกเข้าจวนอ๋อง วันนี้เล่อชุนหลันและจวินซานหรงเองก็ได้มาร่วมพิธีมงคลในครั้งนี้ด้วย“พิธียิ่งใหญ่ดีจริง ๆ”“นั่นสิ ดูเหมือนว่าสกุลลี่ทุ่มเงินไปไม่น้อยเลย”เล่อชุนหลันนึกย้อนไปถึงตัวเองเมื่อชาติก่อน ในครั้งนั้นนางเป็นผู้ดูแลทุกอย่างเองตั้งแต่แรกไม่ต่างกับที่ลี่จินเซียนทำในครั้งนี้ เพราะความรักที่ทุ่มให้ท่านอ๋องสุดชีวิตโดยคิดว่าวันที่ได้อภิเษกจะเป็นวันที่นางมีความสุขที่สุดในชีวิตจนกระทั่ง…“ใต้เท้าลี่ ท่านอ๋องส่งเกี้ยวมารับเจ้าสาวขอรับ”“เอ๊ะ… แล้วเหตุใดท่านอ๋องไม่เสด็จมาหรอกหรือ”“เกี้ยวเจ้าสาวรออยู่หน้าจวนแล้ว”ลี่จางหย่งทำสีหน้าพะอืดพะอมเต็มทีแต่ก็ได้เพียงแค่ฝืนยิ้มให้กับทหารองครักษ์ที่เดินเข้ามาแจ้งเท่านั้น ราวกับภาพหมุนย้อนกลับเพียงแต่ครั้งนี้มิใช่เสนาบดีเล่อแต่กลับเป็นเล่อจางหย่งที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อรู้ว่าท่านอ๋องมิได้มารับเจ้าสาวด้วยพระองค์เอง“ไม่ต่างไปจากเดิมเลย”จวินซานหรงเพียงแค่หันมามองนางเงียบ ๆ โดยแค่ลอบสังเกตการณ์เท่านั้น พักหลังเขาเรียน
“ไม่ใช่นะ ข้าก็แค่สงสัยเท่านั้น”สายตาของเขาอันตรายเกินไปสำหรับนางเสียแล้ว เดิมทีที่พบเขาครั้งแรกนางก็มิได้คิดอะไรมาก เพียงแค่อยากจะช่วยเหลือเพราะเห็นเป็นขุนนางใหม่ที่พึ่งเข้าเมืองมาก็เท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าหลากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงคืนงานเลี้ยงนั่นจะทำให้เรื่องราวทุกอย่างกลับกลายเป็นเช่นนี้กันเล่า “พี่ซานหรงคือว่าเรื่องนี้…”“ข้าเข้าใจ ขออภัยที่ถามเจ้าเช่นนั้นข้าคงจะใจร้อนเกินไปสินะเจ้าเป็นสตรีที่เพียบพร้อมดังนั้นจากนี้ข้าจะระวังมากกว่านี้”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”“ที่จริงข้าเคยมีสหายที่เรียนด้วยกันมาอยู่ที่เมืองชุ่น สุรานั่นเป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดดังนั้นเมื่อได้ลองดื่มอีกครั้งข้าจึงจำได้น่ะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก”“สหายงั้นหรือ แล้วตอนนี้เขา…”“ตายไปแล้ว”สีหน้าตกใจของนางทำเอาเขาแปลกใจไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่านางจะอ่อนไหวกับเรื่องเช่นนี้มากจริง ๆ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นางตกใจเช่นนั้น“คือว่าข้า…”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าก็แค่ตกใจเท่านั้นชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นยิ่งนัก”“ชุนหลัน เหตุใดคืนนั้นเจ้าจึงปฏิเสธท่านอ๋องล่ะ”นางเงยหน้าขึ้นมามองเขา แน่นอนว่าเหตุผลของนางไม่เกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ซุบซิบกันไม่เลิกแม้ว่าท่านอ๋องจะมิได้สนพระทัยและเริ่มวางแผนตั้งรับเรื่องการศึกและส่งคนลอบตรวจสอบภายในราชสำนักโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว งานเทศกาลประจำปีใกล้เข้ามาถึงแล้ว ในเมืองเหลียงโจวช่วงนี้จึงคึกคักมากเป็นพิเศษจวนสกุลเล่อ“ข้ามาพบคุณหนูรอง”“ใต้เท้าจวินโปรดรอสักครู่ข้าจะไปเรียนคุณหนู”“ไม่ต้องหรอก ข้ามาแล้ว”“น้องชุนหลัน”เล่อชุนหลันเดินออกมาพร้อมกับจินถิงที่เดินตามมา นางได้ข่าวจากบิดาว่าเมื่อสองวันก่อนเขาได้รับการแต่งตั้งให้รับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษของท่านอ๋องดังนั้นจึงตั้งใจมายินดีกับเขา“ยินดีกับท่านด้วยที่ได้รับตำแหน่งใหม่”“เพียงแค่บังเอิญเท่านั้น เจ้าไม่อยากรู้หน่อยหรือว่าข้าได้มาเพราะเหตุใดกัน”“เช่นนั้นเชิญท่านไปนั่งที่สวนก่อนเถอะ”“ได้สิ”เขาเดินตามนางไปในสวนของจวนสกุลเล่อ เมื่อมาถึงศาลาไม้ที่ร่มรื่นนางก็สั่งให้สาวใช้ยกน้ำชาและของว่างมาให้เขา จวินซานหรงไม่เคยนั่งพักผ่อนเช่นนี้มานานแล้ว อย่างน้อยก็กับสตรีเพราะก่อนหน้านี้เขาจะไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าใดนัก“ชาเจ้าค่ะ”“ชุนหลัน วันก่อนข้าได้ส่งเทียบเชิญและสินสอดมาแล้วเจ้า… ได้รับแล้วหรือไม่”“ไม่คิดว่าท่านจะ
“พี่สาม นี่ท่านจริงจังหรือ”“วันนี้ท่านกลับไปก่อนเถอะ เอาไว้ข้าจะรีบส่งเทียบสู่ขอและกำหนดวันหมั้นหมายให้ท่านทีหลัง”“เอ่อ… เช่นนั้นกระหม่อมทูลลาทั้งสองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีเล่อเดินกลับไปแล้วท่านอ๋องจึงได้เดินตามจวินซานหรงไปที่ศาลา จางหลิงและองครักษ์ของท่านอ๋องคุ้มกันโดยรอบในทันที “พี่สามนี่ท่านคิดดีแล้วงั้นหรือ”“ก็ช่วยเจ้าแก้ปัญหาไปได้ไม่ดีหรืออย่างไร”“ข้า… ก็ไม่คิดว่านางจะกล้าพูดปฏิเสธข้าออกมาเช่นนั้น เดิมทีคิดว่านางจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้”“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ได้ชอบนางอย่างไรเล่า”“ก่อนหน้านั้นอาจจะใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่ความเด็ดเดี่ยวที่กล้าเผชิญหน้าของนางในห้องโถงเมื่อครู่ทำให้ข้านึกถึงตัวเองในวันที่อยากให้เสด็จพ่อยอมรับในครั้งแรก”องค์รัชทายาทบีบไหล่พระอนุชา เขารู้ดีว่ากว่าที่หยางอี้เหรินองค์ชายแปดจะเป็นที่ยอมรับจนได้ตำแหน่งชินหยางอ๋องแห่งเหลียงโจวมาได้มิใช่เรื่องง่าย เขาเสนอตัวออกรบตั้งแต่สิบเก้าปีในตอนนั้นแม่ทัพทั้งหลายต่างก็ไม่เชื่อมั่นเขา มีเพียงจวินซานหรงที่ออกศึกเคียงข้างและสุดท้ายหลายศึกที่ผ่านมาก็มีท่านอ๋องหยางอี้เหรินเป็นผู้นำทัพจนเอาชนะพระทัยฝ่าบาทมาได้ในที่สุด“เจ้าคงไม่โ
""อะไรนะ!!""แต่ละคนตกใจและนิ่งอึ้งไป แม้แต่ซานหรงเองก็ตกใจเมื่อค่อย ๆ หันมามองหน้าของเล่อชุนหลันที่พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่านางกับเขาจะหมั้นหมายกัน เขารีบหันไปมองพักตร์ท่านอ๋องที่ทำสีหน้าแปลกใจกึ่งโมโหนิด ๆ เพราะเขาแอบเห็นว่าหยางอี้เหรินกัดกรามแน่น“คือว่า…”เล่อชุนหลันเดินมาจับแขนของจวินซานหรงเอาไว้แน่นและชูผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา“ใช่แล้ว ข้ากับพี่ซานหรงชอบพอกันมาได้สักพักแล้วก่อนหน้านี้ เขาเดินตามข้าออกมาหลังจากเรื่องวุ่นวายในท้องพระโรง เดิมทีคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับข้าดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะทำบางอย่างตามที่พวกท่านเห็นในห้องโถงเมือครู่ เขาจึงได้เดินมาคุยกับข้าและพวกเราก็ตกลงหมั้นหมายกัน ข้าร้องไห้ออกมาดังนั้นเขาจึงดึงผ้าเช็ดหน้านี้มาเช็ดน้ำตาให้ข้า”“หึ… ปั้นน้ำเป็นตัว”หยางอี้เหรินพึมพำและมองมาที่นาง เล่อชุนหลันเองก็สบตาของเขาอย่างไม่กลัวเช่นกันแม้ว่าจะยังไม่หายกลัวสายตานั่นแต่นี่เป็นอีกคำยืนยันว่านาง… จะไม่มีทางก้าวขาเข้าวังของเขาเป็นอันขาด“นี่เจ้าปฏิเสธข้าเพียงเพราะเขางั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! คือเรื่องนี้…” / จวินซานหรง“แต่ว่านางเป็นคนทำร้ายข้า เล่อชุนหลันเจ้าอย่า…โอ๊ย!!”“แม่นางลี
จวินซานหรงไม่กล้าเข้าไปพยุงตัวของลี่จินเซียนแต่นางก็เริ่มวิ่งกลับเข้าไปหาเล่อชุนหลันอีกครั้ง “เร็วเข้าจับนางเอาไว้ ชุนหลันเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน”“นังสารเลวชุนหลัน วันนี้ข้าจะจัดการเจ้า”“ก็เข้ามาสิลี่จินเซียน วันนี้แค้นเก่าแค้นใหม่ข้าจะจัดการให้หมด”“ข้า...”“ผลัวะ”ฝ่าเท้าของชุนหลันฟาดไปที่ปากของลี่จินเซียนอีกครั้ง คราวนี้นางล้มลงกับพื้นและมิอาจลุกขึ้นมากอีก ท่านอ๋องและจวินซานหรงต้องตกใจกับเรี่ยวแรงแค้นมหาศาลนี้ของเล่อชุนหลัน“พวกเจ้ารีบจับพวกนางแยกก่อนเร็วเข้า ชุนหลันเจ้ามานี่”“ปล่อยข้านะจวินซานหรง ข้าบอกให้ปล่อย นังคนปากดีเข้ามาอีกสิเท้าของข้ายังว่างอีกข้างเจ้ายังไม่ได้ลองเลย เข้ามา!!”“ชุนหลัน!! พอได้แล้ว”จวินซานหรงหันไปบอกให้ท่านอ๋องช่วยจับลี่จินเซียนแต่เขาเพียงแค่สั่งองครักษ์ทั้งสองดึงนางเอาไว้เท่านั้นเพราะเล่อชุนหลันพึ่งจะกระโดดถีบนางไปอีกครั้ง จวินซานหรงกอดและอุ้มนางและพาลากออกไปอีกทางเพื่อให้นางสงบอารมณ์แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะในห้องโถงเริ่มวิ่งกรูกันออกมาเพราะได้ยินว่ามีคนตบตีกันในสวน“เกิดอะไรขึ้น เฮือก!! นั่นนาง…. ตายหรือยังน่ะ”“เซียนเอ๋อร์!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น”จวินซานหรง
“อะไรนะ!! นางปฏิเสธงั้นหรือ”บิดาของนางเล่ออันจ้านและมารดาหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่นางพูดในวันก่อนจะเป็นเรื่องจริง นางไม่ได้ต้องการเป็นพระชายาของท่านอ๋องแล้วจริง ๆ“ท่านพ่อ ท่านแม่นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหตุใดนางกล้าพูดเช่นนั้นต่อหน้าพระพักตร์”“พ่อจัดการเอง”แต่ไม่ทันที่บิดานางจะก้าวออกไป ท่านอ๋องก็ได้ตรัสถามนางขึ้นมาทันทีเพราะเขาเองก็นึกประหลาดใจเช่นกัน“เล่อชุนหลัน… เจ้าบอกว่าไม่อยากรับตำแหน่งพระชายาและไม่อยากอภิเษกกับข้างั้นหรือ”“ทูลท่านอ๋องถูกต้องแล้วเพคะ ในเมื่อพระองค์ก็มิได้มีพระทัยชอบพอหม่อมฉันเราทั้งสองก็ไม่ควรจะต้องอภิเษกเพียงเพื่อตัดปัญหาที่ผู้คนเอาแต่กดดันถามในทุก ๆ งาน หม่อมฉันเองก็มิประสงค์อยากจะเป็นสกุณาในกรงทองของผู้ใดดังนั้นวันนี้หม่อมฉันจึงขอบังอาจปฏิเสธข้อเสนอนี้เพคะ”“เล่อชุนหลัน เจ้ามั่นใจแล้วหรือถึงได้ทูลเช่นนั้นออกไป”จวินซานหรงเป็นผู้เอ่ยถามนางอีกครั้ง เขาอีกแล้วครั้งนี้นางจดจำได้แล้วว่าเคยพบหน้าเขาที่ไหน ที่แท้ก็พบในท้องพระโรงแห่งนี้นี่เองสินะครั้งก่อนนางยังนึกขอบคุณเขา แต่ครั้งนี้กลับหันไปมองด้วยสายตาที่โกรธและไม่พอใจจนจวินซานหรง
“น้องชุนหลัน…”ชุนหลันเมื่อตั้งสติได้ก็รีบคุกเข่าลงทันทีท่ามกลางความตกใจของท่านอ๋องที่ไม่คิดว่าเล่อชุนหลันจะตกใจจนลนลานเมื่อพบเขาเช่นนี้ “เล่อชุนหลันถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”“ลุกขึ้นเถอะ”""ขอบพระทัยเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ""นางและมู่หรงเฉิงลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขา ท่านอ๋องมองสำรวจทั้งคู่ก่อนจะหันมามองเล่อชุนหลันที่เอาแต่ก้มหน้า นี่มิใช่ท่าทีที่ปกติเวลาที่นางพบกับเขา“เล่อชุนหลัน ส่วนเจ้าคงจะเป็นขุนนางที่พึ่งแต่งตั้งสินะทำไมไม่อยู่ในโถงงานเลี้ยง”“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมพึ่งจะมาถึงและเห็นว่าน้องชุนหลันอยู่ที่นี่จึงได้แวะมาทักทาย เช่นนั้น…”“ชุนหลัน รีบไปเถอะ”“เจ้าไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”มู่หรงเฉิงลืมไปเสียสนิทเลยว่าเล่อชุนหลันชื่นชอบท่านอ๋องมากเพียงใด แม้ว่าเขาจะชื่นชมนางแต่ก็ทำได้แค่เพียงมองนางอยู่ไกล ๆ ในฐานะสหายสนิทของพี่ชายนางเท่านั้น“เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”เล่อชุนหลันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง นางพบว่าการเผชิญหน้ากับ “หยางอี้เหริน” อีกครั้งไม่ได้ทำให้ความรักที่นางมีต่อเขาน้อยลงแต่หากจะให้เลือกกลับไปอีกครั้ง นางคงจะ “โง่มาก” เต็มทีดังนั้นครั้งนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกทางเ