“พระชายาเพคะ หรือว่าเราจะกลับจวน…”
“ช่างเถอะ ในเมื่อข้าเลือกเส้นทางนี้เองก็ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะแก้ไขเองไม่ได้หากจะตายเพราะรักเขาก็ต้องยอมรับให้ได้”
“พระชายา ฮือ…อย่าทรงตรัสเช่นนั้นเลยเพคะ อย่าทำให้จินถิงกลัวเพคะ”
สองนายบ่าวร้องไห้กอดกันในตำหนักที่เย็นเยือกซึ่งตั้งแต่นางแต่งเข้ามาที่นี่พึ่งจะมีวันนี้ที่เขาก้าวเข้ามาหานางเป็นครั้งแรก แต่นับเป็นครั้งแรกที่รวดเร็วและเจ็บปวดเหลือเกิน
“ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเขาจะเกลียดข้าได้ถึงเพียงไหน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในงาน”
“ได้ข่าวว่าพระชายารองถูกวางยาในสุรามงคลเพคะ แต่นั่นเป็นยาถ่าย ตอนนี้นางจึง….”
“หึ ฮ่า ๆ ๆ ใครหนอช่างทำเสียจริง เขาไม่คิดจะสงสัยผู้อื่นเลย ช่างน่าสมเพชตัวเองยิ่งนัก”
คิดว่าเรื่องราวจะจบเพียงเท่านั้น แม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่มีเรื่องใดร้ายแรงแต่ขอเพียงแค่มีเล่อชุนหลันอยู่ใกล้ ๆ พระชายารองที่เขาพึ่งรับเข้าจวนมาก็พร้อมที่จะกล่าวโทษนางทันที
“ท่านพี่ ช่วยไม่ได้นะเพคะก็ท่านไม่ควรจะทำให้สำรับของท่านอ๋องตกเช่นนั้นเลย คืนนี้ก็นอนในห้องเก็บฟืนไปนะ ปิดประตูแล้วเฝ้าเอาไว้อย่าให้ผู้ใดแอบนำอาหารมาให้นางได้เล่า”
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เล่อชุนหลันตกเป็นเหยื่อ จนสามเดือนถัดมา ที่ เมืองชุ่นเกิดกบฏ ท่านอ๋องต้องจัดทัพไปออกศึกหลังจากที่พระชายารับโทษมาหลายต่อหลายครั้งโดยที่ไม่เคยปริปากบ่น ไม่โมโหและหากจะพูดตามความเป็นจริงคือ นางแทบจะไม่พูดสิ่งใดอีกเลยจนก่อนที่เขาจะออกทัพอีกสองวัน ท่านอ๋องจึงมาเสวยอาหารเย็นกับนางที่ตำหนักเป็นครั้งแรก
“ข้าคงไปไม่นาน เรื่องในตำหนักก็ฝากเจ้าดูแลด้วย”
“เพคะ”
“เจ้าไม่สบายงั้นหรือเหตุใดดูซูบลงไป”
“ท่านอ๋องตรัสถามเช่นนี้ ไม่ทราบจริง ๆ หรือเพคะว่า…”
“จินถิง”
พระชายาเรียกนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางพูดสิ่งใดที่ระคายพระกรรณท่านอ๋องเพราะเขากำลังจะออกศึกสำคัญไม่ควรต้องมากังวลใจเรื่องเล็กน้อยที่นางพบเจอในจวนอ๋องที่โหดร้ายแห่งนี้
“พระชายา บ่าว…”
“เจ้าไปเอาห่อยาที่ข้าเตรียมเอาไว้มาให้ท่านอ๋องติดตัวไปในกองทัพ แล้วก็ผ้าห่มที่เรา… พึ่งซื้อมานั่นด้วย”
“เพคะพระชายา”
“เจ้าไม่น่าลำบาก นี่เจ้าออกไปซื้อ…”
เมื่อเขาถามแล้วหันไปมองที่นิ้วมือของสตรีที่มักจะพูดว่านางร้ายกาจ และเป็นสตรีน่ารังเกียจที่บีบบังคับเขาทางอ้อมเพื่อให้แต่งนางเข้ามาก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะนิ้วของนางเกือบทุกนิ้วมีแต่บาดแผลซึ่งเกิดจากมีดหรือเข็มเขาก็ไม่แน่ใจนักเมื่อชามน้ำแกงถูกวางลงเขาหมายจะเอื้อมออกไปดึงมาดูแต่นางกลับรีบดึงมันกลับทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ควรจะต้องหาผ้าห่มไปเพิ่มให้มากหน่อยเพคะ”
“อ่อ ใช่ ขอบใจเจ้ามาก แล้วช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“สบายดีทุกอย่างเพคะ”
เขาไม่เคยคิดจะถามเรื่องนี้แต่เกือบหกเดือนที่นางมาอยู่ที่นี่แม้ว่าเขาจะเคยรับฟังเรื่องที่นางกลั่นแกล้งชายารองแต่ก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเพราะเรื่องตำหนักหลังเขามอบให้นางดูแลแต่เท่าที่ดูจากสภาพนางในตอนนี้ ทั้งผอมซูบและขอบตาคล้ำอีกทั้งสุขภาพที่ดูอ่อนแอลง เขาคงจะละเลยนางไปมากจริง ๆ
“มือของเจ้า…”
“หม่อมฉันชอบปอกเม็ดเกาลัดไม่ทันระวังก็เลยมีแผลโปรดอย่าทรงกังวลเพคะ”
“เล่อชุนหลัน”
“ท่านอ๋องเพคะ นี่ก็ค่ำแล้วจินถิงเองก็ยกของไปที่ตำหนักกลางให้พระองค์แล้ว เสด็จกลับไปพักผ่อนเถอะเพคะ”
“แต่…”
“หม่อมฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำคงไม่ไปส่งนะเพคะ”
นางโค้งคำนับให้เขาหลังจากที่เดินมาส่งเพียงหน้าตำหนักและรีบปิดประตูทันที ท่านอ๋องรู้สึกจุกที่ลำคอทั้ง ๆ ที่พึ่งกินอาหารมาเต็มท้อง เขาไม่รู้เลยว่าช่วงระยะเวลาไม่นาน พระชายาของเขาจะเปลี่ยนไปเช่นนี้แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องนี้ การศึกอยู่ตรงหน้าเขาต้องรีบจัดการเสียก่อน
“พระชายาเพคะ!!”
“รีบไปเอากระโถนมา ฮึก!!”
นางกระอักเลือดออกมาไม่น้อยเมื่อพยายามอัดอั้นเอาไว้รอให้ท่านอ๋องกลับไปและรีบกลับเข้ามา แม้นว่าเขาจะไม่ค่อยใส่ใจนางแต่ในช่วงเวลานี้ที่กำลังจะออกศึกสำคัญเช่นนี้นางไม่อยากให้เขาต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถึงท่านอ๋องจะไม่เคยคิดเป็นห่วงนางเลยก็ตาม
“พระชายาเพคะหม่อมฉันคิดว่าควรบอกเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องทรงทราบนะเพคะ”
“อย่าโวยวาย เจ้าอย่าร้องไห้เงียบ ๆ เอาไว้ข้าไม่เป็นไร พิษแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกรีบไปเอายามาให้ข้า”
“เพคะ”
แม้ไม่ต้องเดานางก็รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือผู้ใด เพื่อตำแหน่งใหญ่ในราชสำนักเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ยังว่างอยู่ ท่านอ๋องยังมิได้ตัดสินพระทัยแต่งตั้งผู้ใด บุตรขุนนางขั้นสองอย่างลี่จินเซียนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบิดานางอยู่แล้ว ขอเพียงขึ้นเป็นพระชายาได้ ตำแหน่งเสนาบดีของพ่อนางก็ไม่เกินเอื้อม แต่ต้องกำจัดผู้ที่ขวางนางเสียก่อน
“ช่างชั่วช้ายิ่งนัก ข้าจะทำเช่นไรดี ฮือ…”
“จินถิงอย่าเสียงดัง ท่านอ๋องกำลังจะออกศึกสำคัญเจ้าอย่าได้ให้เรื่องนี้หลุดรอดออกไป พิษนั้นเรื่องเล็กบ้านเมืองเรื่องใหญ่ต่อให้เขาไม่เคยรักข้าเลยแต่เราจะยอมให้เขามีกังวลเรื่องในจวน…ไม่ได้”
“เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว”
สองวันถัดมา
ท่านอ๋องจัดกองทัพเพื่อเตรียมจะเดินทางไปเมืองชุ่น ห่อยาที่นางให้ไปวันก่อนอยู่ในมือของเขา
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเห็นพระชายาบ้างหรือไม่”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมาส่งพระองค์เพคะนี่เป็นเครื่องรางที่วัดหย่งไท่ซือ หม่อมฉัน...”
“อืม ขอบใจเจ้าสุขภาพไม่ค่อยดี พวกเจ้าพาชายารองเข้าไปพักเถอะ”
“เพคะท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นหม่อมฉันขออวยพรให้พระองค์โชคดีนำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวเพคะ”
ชายารองหันไปแล้วแต่เสียงที่ท่านอ๋องเอ่ยถามองครักษ์ประจำกายนั้นดังขึ้นมาตามหลังซึ่งนางได้ยินเต็มสองหู
“เจ้าไม่ได้แจ้งพระชายาหรอกหรือว่าข้าจะออกศึกในวันนี้ เหตุใดนางจึงไม่ออกมาส่งข้า”
“ลี่จินเซียน” กำหมัดแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางเดินกลับไปที่ตำหนักทันทีพร้อมกับสอบถามสาวใช้
“แน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ามันจะลุกขึ้นมาไม่ได้”
“เพคะพระชายารองหม่อมฉันมั่นใจเพคะ”
“ดี จากนี้ยังไม่ต้องวางยามัน ปล่อยไปก่อนถ้ามันตายช่วงที่ท่านอ๋องไม่อยู่จวนจะยิ่งน่าสงสัย”
“เพคะ บ่าวทราบแล้ว”
ท่านอ๋องที่พะว้าพะวังเมื่อมองไปยังด้านหลังทางเข้าตำหนักของนาง เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใดที่เขามักจะมองไปที่นั่นเสมอ แต่ก็ยังไม่มีเงาของเล่อชุนหลัน
“หรือนางจะไม่สบาย ข้าจะไปดูหน่อย!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จวนจะได้เวลาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่านาง…”
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เล่อชุนหลัน!! เหตุใดเจ้าเดินมาจากทางนี้”
ชุนหลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อนางแอบเห็นแววตาดีใจของเขาแวบหนึ่งแต่ก็คิดว่าตาฝาดเพราะหลังจากนั้นท่าทีของบุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีขาวนั้นก็นิ่งเฉยไปอีกครั้ง
“เหตุใดเจ้าจึงมาช้านัก”
“หม่อมฉันตื่นมาทำขนมเอาไว้ให้พระองค์ ตอนเดินทางจะได้ไม่หิวเพคะ จินถิงเอาออกมา”
สาวใช้ยื่นห่อขนมไปให้องครักษ์ของท่านอ๋องอย่างไม่เต็มใจจนเสิ่นกงนึกแปลกใจกับท่าทีนั้นแต่ท่านอ๋องกลับคว้าห่อผ้าในมือเสิ่นกงขึ้นมาเก็บเอาไว้เอง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ห่อนั้นยังร้อนอยู่”
“ขอบใจเจ้ามากนะพระชายา ข้าไม่อยู่เจ้าเองก็…. ดูแลตัวเองด้วย รอข้ากลับมา”
เล่อชุนหลันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง แต่สายตาของนางที่มองเขารู้สึกว่าจะเปลี่ยนไปมากแม้จะยังยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่อ่อนแรงเต็มที หรือว่านางจะป่วยจริง ๆ โดยที่เขาไม่รู้มาก่อน
“เพคะ ขอให้พระองค์นำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวโดยเร็วนะเพคะ”
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงนั้นทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด และไม่ใช่ความอุ่นจากขนมที่เขารับมาอย่างแน่นอน รอยยิ้มของนางทำให้เขารู้สึกไม่อยากนำทัพออกไปแต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งเพราะในสายตาของเขานางยังคงเป็นสตรีที่เสแสร้งเก่งไม่ต่างจากวันวานที่เคยรู้จัก เขาจะไม่มีวันตกหลุมพรางนี้โดยเด็ดขาด“เคลื่อนทัพ!!”คำสั่งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับกลองรัวที่ดังอยู่ด้านหน้า เล่อชุนหลันตกใจจนเกือบหลุดอาการออกมา จินถิงรีบรับนางเอาไว้ท่านอ๋องตกพระทัยเล็กน้อยเมื่อเห็นนางยกมือขึ้นมาปิดที่ปากและรีบหันกลับไป “เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ เสียงกลองอาจจะทำให้ตกใจได้ พาพระชายากลับเข้าไปในตำหนักเถอะ”“เพคะท่านอ๋อง”นางย่อคำนับและรีบเดินกลับเข้าไปในตำหนักทันที แม้ว่าเขานึกสงสัยแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว เขาจึงนำทัพเดินทางออกเมืองเหลียงโจวในทันที หกเดือนผ่านไป ศึกชายแดนยืดเยื้อกว่าที่คิดมากนัก จนในที่สุดในตอนเที่ยงของวันที่ฝนกำลังจะหยุดตก ราชสำนักก็ได้รับข่าวดีว่าท่านอ๋องทรงชนะศึกและกำลังเดินทางกลับเมืองเหลียงโจว“พระชายาเพคะ ท่านอ๋องกำลังจะกลับมาแล้วเพคะ”“จริงหรือ แคก แคก”“พระชายาเพคะ”“ไม่เป็นไร เร็วเ
ห้าวันถัดมา“เจ้าบอกว่าท่านอ๋องไปพักที่เรือนพักของหมอหวังทุกคืนงั้นหรือ”“เพคะ ตอนนี้พระชายารองก็กำลังจะไปที่นั่นเพคะ”“ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย เขามีชายารองได้หนึ่งคนจะมีอนุเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เห็นแปลก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่ในกองทัพมาด้วยกัน”“พระชายาเพคะ หรือเราจะกลับจวนสกุลเล่อดีเพคะ”“ไม่ได้ เจ้าคิดว่าหากข้ากลับจวนในตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จะคิดเช่นไรกับท่านอ๋อง”“พระชายาเพคะ!! ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะใส่พระทัยท่านเลยสักนิด กลับจากกองทัพมาเกือบเจ็ดวันแล้วแต่ก็ไม่เคยแวะมาหาท่านเลยสักครั้ง พระองค์ยังจะห่วงคนเช่นนั้นอีกหรือเพคะ”“เจ้าว่าข้าโง่มากเลยใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ข้าคิดดีแล้วเรื่องนี้เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ดังนั้นจึงไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ยอมรับยาจากหมอหวังผู้นั้น คิดว่าไม่นานเขาคงต้องมาหาเรื่องข้าอีกเป็นแน่”“พระชายา…...”“ท่านอ๋องเสด็จ!!”“ไม่ทันขาดคำ…. คราวนี้มีเรื่องอันใดอีกเล่า”เล่อชุนหลันเพียงแค่นั่งดื่มยาอยู่ด้านในและไม่สนใจที่จะออกไปต้อนรับเขาด้วยซ้ำ ท่านอ๋องเดินพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนของนางด้วยความโมโห แต่เมื่อ
เสียงนกร้องในยามเช้าพร้อมกับเปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เล่อชุนหลันรู้สึกราวกับว่าตกจากที่สูง หนักจนนางแทบจะลุกไม่ขึ้นและไม่อยากคิดเลยว่านางจะถูกช่วยเอาไว้ นางอยากตายแต่กลับไม่ตายงั้นหรือ แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อยากต้อนรับนางเช่นนั้นหรือ“ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู ท่านจะล้างหน้าเลยหรือไม่เจ้าคะ”“อะไรนะ เจ้าเรียกข้าว่า…”สาวใช้หน้าตาอ่อนวัยกว่านางเดินเข้ามาจนเกือบจะชิดเตียงระหว่างที่ชุนหลันค่อย ๆ จับที่คอและค่อย ๆ ลุกจากเตียงท่ามกลางความตกใจของสาวใช้ที่มองตามนางไปและนางเองก็ต้องตกใจอีกครั้ง“บาดแผลล่ะ ใบหน้าข้าเหตุใดจึงงดงามเต่งตึงราวกับสาวแรกรุ่นเช่นนี้กัน”“คุณหนูเจ้าคะนายท่านกับฮูหยินรอกินข้าวอยู่นะเจ้าคะ วันนี้จะต้องไปส่งคุณชายที่กรมคลังท่านลืมแล้วหรือไม่เจ้าคะ”“อะไรนะ!! ที่นี่….ไม่จริง!!”เล่อชุนหลันมองไปรอบ ๆ ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางแค่อยากตายเท่านั้นแต่มิได้อยากจะกลับมาเสียหน่อยแต่ก็ …..“คุณหนูท่านร้องไห้ทำไมเจ้าคะ ท่านฝันร้ายงั้นหรือเจ้าคะ”“ใช่ จินถิงเจ้าช่างแสนดีน่ารักเสียจริง ข้าฝันร้ายยาวนานเหลือเกิน แต่ว่า…จริงสิข้าในตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วงั้นหรือ”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านพึ่งพ
“ฟังเจ้าพูดเข้า จริงสิแม่ให้คนนำชุดที่จะต้องสวมในงานเลี้ยงอีกสองวันไปให้เจ้าแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเจ้าก็รีบกลับไปดูว่าจะเพิ่มเติมอะไรหรือไม่”“ท่านแม่ ท่านพ่อเจ้าคะคือว่าวันนี้ข้าจะไปส่งพี่ใหญ่พร้อมกับพวกท่านแต่ว่า งานเลี้ยงในอีกสองวันข้างหน้า ลูกขอไม่ไปได้หรือไม่เจ้าคะ”""อะไรนะ!!""ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมามองหน้าเล่อชุนหลันราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่างชุนหลันน่ะหรือ เพียงแค่ได้ข่าวว่าจะมีงานเลี้ยงในวังและมีโอกาสได้เพียงพบท่านอ๋องมีหรือที่นางจะไม่กระตือรือร้นที่จะเข้าวังเพื่อพบกับเขา แต่นี่ถึงกับจะไม่ไปอย่างนั้นหรือ“เจ้า... ป่วยหรือว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่ให้แม่เรียกหมอมาตรวจดูอาการดีหรือเปล่า”“นั่นสิถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปส่งพี่หรอก วันนี้ก็นอนพักอยู่ที่จวนก่อนก็แล้วกัน”“นั่นสิหลงเอ๋อร์แค่เข้าไปทำงานวันแรก มีแค่พ่อกับแม่ไปก็พอแล้วเจ้าก็นอนพักอยู่บ้านเถอะ”เล่อชุนหลันร้องไห้ออกมา นี่น่ะหรือคือสิ่งที่นางทอดทิ้งไปเมื่อชาติก่อนเพียงเพราะชายคนเดียวที่ไม่รักนาง แต่นางกลับทิ้งความรักที่ยิ่งใหญ่ จริงใจและบริสุทธิ์เอาไว้เบื้องหลังโดยไม่สนใจ ทิ้งพวกเขาจนวันสุดท้ายของชีวิต“ลูกตัดสิน
“แต่ว่าท่านอ๋องตรัสว่าอยากหารือเรื่องชายแดนนะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปหาเขาเอง ข้าบอกน้องแปดไปแล้วว่ามาที่นี่ในฐานะขุนนางใหม่ เขาจะไม่เปิดเผยฐานะของข้าส่วนเจ้าก็จำเอาไว้ด้วยว่าอย่าได้เผลอเรียกเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด”“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าท่านอ๋องจะยอมให้พระองค์พักโรงเตี๊ยมเช่นนี้ มันไม่ปลอดภัยนะพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”“แต่ว่า…”บุรุษหนุ่มยกพัดจีบพับในมือขึ้นเพื่อมิให้องครักษ์ข้างกายเถียงเพราะเขากำลังมองรอยยิ้มของสตรีที่พึ่งแยกกันไปเมื่อครู่“รอยยิ้มเจ้าช่างสดใสเสียจริง… เล่อชุนหลัน”“องค์ชาย...”“อ้อ จริงสิ ต่อไปเรียกข้าว่าคุณชาย หรือไม่ก็ต้องเรียกว่าใต้เท้าจวินแทนก็แล้วกันอย่าลืมเสียล่ะ”“แต่ว่า…”“ข้าสั่งเจ้าไม่ต้องถาม ข้ามาในฐานะขุนนางกรมขุนนาง มิใช่องค์ชายหรือองค์รัชทายาทแห่งต้าจินโจว”“พ่ะย่ะค่ะ”“จริงสิจางหลิงเจ้ารู้จักสกุลเล่อหรือไม่ เสนาบดีเล่อขุนนางเก่าข้างกายเสด็จพ่อก่อนจะย้ายมาที่นี่”“เสนาบดีเล่อหรือว่าพระองค์ทรงหมายถึงใต้เท้าเล่ออันจ้านหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าวันนี้บุตรชายคนโตที
“เอ่อ น้องชุนหลันข้าว่านี่ไม่ค่อยจะเหมาะ”“มาเถอะน่า ฟังดนตรีไม่กี่เพลงก็กลับแล้วข้าไม่ได้พาท่านมาหาสตรีเสียหน่อยไม่ต้องกลัวตามมาเถอะ”“แต่ว่า….เดี๋ยว..”จวินซานหรงไม่เคยถูกสตรีแตะต้องเช่นนี้มาก่อน เขาไม่ได้นึกรังเกียจแต่ก็ไม่คุ้นเคย ชีวิตองค์ชายอย่างเขาแม้จะพบสตรีมากมายจนเกิดความเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่เคยเห็นสตรีเช่นเล่อชุนหลันมาก่อน สุดท้ายทั้งคู่ก็เขามาด้านในของหอซานเหนียงจนได้“ว้าวท่านดูสิ มองจากด้านนอกว่าสวยแล้ว ข้างในนี้ยังตกแต่งได้อย่างงดงาม ท่านดูบันไดวนนั่นสิยอดไปเลยว่าหรือไม่”“คุณชายทั้งสองเชิญเจ้าค่ะ”“ข้าขอโต๊ะที่จะเห็นนักดนตรีที่ชัดที่สุดหนึ่งโต๊ะ”“แหม... คุณหนูเจ้าคะวันนี้บังเอิญว่าเป็นวันที่อวิ๋นเซียนจะร่ายรำดังนั้นโต๊ะดี ๆ เอ่อ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนรีบจัดโต๊ะให้พวกท่านเลยเจ้าค่ะ”“จัดโต๊ะให้ข้าและพี่ชายให้เร็วที่สุดที่สำคัญ.... ข้าเป็นคุณชาย!!”เงินถุงใหญ่ถูกส่งให้หลี่มาม่าของหอชื่อดัง นางจึงรีบหุบปากและสั่งให้คนจัดโต๊ะเพื่อรับรองแขกพิเศษที่หน้าเวทีขึ้นอีกหนึ่งชุด จวินซานหรงถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นว่าชุนหลันพยายามยัดเยียดให้ผู้อื่นเชื่อให้ได้ว่านางเป็นคุณชายน้อย แต
“คุณหนู ท่านพูดเหมือนกับว่าท่าน…”“ช่างเถอะไหน ๆ จวินซานหรงก็ไม่อยู่แล้วเช่นนั้นก็กลับเถอะ”พวกนางเดินกลับไปและต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าจวินซานหรงเดินเข้าไปที่หอซานเหนียงซึ่งนางพึ่งพาเขาเข้าไป“เดี๋ยวก่อน นั่นมิใช่จวินซานหรงหรอกหรือ”“ไหนเจ้าคะ… ตายจริงใช่จริง ๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนูแต่ว่าเหตุใดคุณชายจวินผู้นี้ถึงได้ไปที่นั่นหรือว่า…”“หึ ผู้ชายก็มักมากเหมือนกันไม่มีผิด ไม่ต่างกันเลยช่างเขาเถอะข้ากับเขามิได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย รู้จักแค่ไม่กี่วันคิดว่าเขาจะแตกต่างกับ…”“คุณหนูเจ้าคะ ท่านชื่นชอบท่านอ๋องมากและท่านอ๋องไม่เคยมาสถานที่เช่นนี้เลยนะเจ้าคะ”“กลับกันเถอะ เจ้าบอกว่าต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในวังมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ”พวกนางเดินออกไปแล้วด้วยความรู้สึกขุ่นมัวในใจของเล่อชุนหลันเล็กน้อย รถม้าเคลื่อนตัวเพื่อกลับไปยังจวนเสนาบดีเพื่อเตรียมตัวเข้าวังในค่ำคืนนี้“พี่สาม ที่นี่น่ะหรือที่ท่านบอกว่า…”“ใช่ เข้ามาก่อนสิ”“ต๊ายย ตาย คุณชายรูปงามทั้งสองท่านมาเยือนอีกแล้ว”“อีกแล้วงั้นหรือ ... หลีกไปพี่สามท่านช่วยข้าด้วย”หยางอี้เหรินที่ไม่ชอบสถานที่เช่นนี้เอาเสียเลยรีบหลบด้านหลังเมื่อหลี่มาม่าวิ่งมาพร้
“น้องชุนหลัน…”ชุนหลันเมื่อตั้งสติได้ก็รีบคุกเข่าลงทันทีท่ามกลางความตกใจของท่านอ๋องที่ไม่คิดว่าเล่อชุนหลันจะตกใจจนลนลานเมื่อพบเขาเช่นนี้ “เล่อชุนหลันถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”“ลุกขึ้นเถอะ”""ขอบพระทัยเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ""นางและมู่หรงเฉิงลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขา ท่านอ๋องมองสำรวจทั้งคู่ก่อนจะหันมามองเล่อชุนหลันที่เอาแต่ก้มหน้า นี่มิใช่ท่าทีที่ปกติเวลาที่นางพบกับเขา“เล่อชุนหลัน ส่วนเจ้าคงจะเป็นขุนนางที่พึ่งแต่งตั้งสินะทำไมไม่อยู่ในโถงงานเลี้ยง”“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมพึ่งจะมาถึงและเห็นว่าน้องชุนหลันอยู่ที่นี่จึงได้แวะมาทักทาย เช่นนั้น…”“ชุนหลัน รีบไปเถอะ”“เจ้าไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”มู่หรงเฉิงลืมไปเสียสนิทเลยว่าเล่อชุนหลันชื่นชอบท่านอ๋องมากเพียงใด แม้ว่าเขาจะชื่นชมนางแต่ก็ทำได้แค่เพียงมองนางอยู่ไกล ๆ ในฐานะสหายสนิทของพี่ชายนางเท่านั้น“เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”เล่อชุนหลันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง นางพบว่าการเผชิญหน้ากับ “หยางอี้เหริน” อีกครั้งไม่ได้ทำให้ความรักที่นางมีต่อเขาน้อยลงแต่หากจะให้เลือกกลับไปอีกครั้ง นางคงจะ “โง่มาก” เต็มทีดังนั้นครั้งนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกทางเ
“เจ้าคนบ้าจวินซานหรง ท่านออกไปเลย”“แต่ว่าท้องของเจ้า...ไม่ปวดแล้วงั้นหรือ”“โอ๊ยย!! นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าข้าต้องการบอกอะไรกับท่าน”“เร็วเข้าเจ้าบอกข้ามาว่าเจ็บตรงไหน แล้วเมื่อครู่ข้าก็กระแทกไปเยอะเสียด้วยสิ ไม่ได้ข้าว่าไปเรียกหมอหวังมาดีกว่ารอข้า...”“จวินซานหรงเจ้าคนซื่อบื้อหยุดนะ!!”จวินซานหรงที่ลุกจากเตียงต้องรีบหันมาทันที เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ชุนหลันที่กำลังทำหน้าโมโหสุดขีดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นและกำลังจะเริ่มร้องไห้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาเป็นห่วงนางและจะรีบไปตามหมอนี่มันผิดตรงไหนแต่คนตรงหน้ากลับเริ่มร้องไห้เขาจึงต้องรีบซับน้ำตาให้นางก่อน“อาหลันข้าไม่ไปแล้ว ไม่ไปแล้วเจ้าอย่าร้องไห้นะบอกข้าสิว่าเจ็บตรงไหนข้าจะช่วยเจ้าเอง”“ท่านมันฉลาดทุกเรื่องแต่กลับโง่เรื่องนี้ ข้าไม่น่าแต่งงานกับท่านเลย”“ไม่ได้นะเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ ใช้ได้ที่ไหนกันพึ่งจะเข้าหอกันคืนเดียวก็จะพูดแบบนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่บอกข้าเถอะข้าจะได้”“ข้าท้องเจ้าคนซื่อบื้อ”“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าปวดท้อง…. ข้ากำลังจะไปเรียก… อะไรนะอาหลัน เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า…”“หึ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว จะนอน!!”“เดี๋ยวก่อน!! เดี๋ยวก่อนส
ห้องส่งตัวเล่อชุนหลันผล็อยหลับไปหลายครั้งและสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องเปิดและเสียงของคนด้านนอกที่มาส่ง นางจึงรู้ว่าได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะเดินมาเปิดผ้าคลุมแล้ว“อาหลันเจ้ารอนานหรือไม่ ข้ามาแล้ว”จวินซานหรงเดินมาพร้อมกับจับไม้มงคลและเดินไปที่เจ้าสาวก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกมา ใบหน้าของเจ้าสาวที่แต่งแต้มด้วยชาดสีแดงสดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่เคยเห็นเล่อชุนหลันแต่งหน้าด้วยสีจัดจ้านและงดงามเช่นนี้มาก่อน“อาหลันวันนี้เจ้างดงามราวโบตั๋นในอุทยานหลวง”“จวินซานหรงท่านเมาแล้ว”“ข้าดื่มมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เมาถึงขนาดมองเจ้าผิดหรอก ปกติเจ้าก็งดงามอยู่แล้ว”“ช่างปากหวานเสียจริง”“ข้าช่วยเจ้าถอดเครื่องประดับดีหรือไม่เจ้าคงหนักแล้วสินะ”“ไหล่ข้าปวดไปหมดแล้วเพคะ ชุดนี้หนักมากจริง ๆ ไหนจะเครื่องประดับนี่อีก”จวินซานหรงเพียงแค่ยิ้มและค่อย ๆ ช่วยนางถอดเครื่องประดับ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาพยายามจะถอดชุดของนางต่างหาก“ซานหรงท่านไม่ต้องเลยนะ ท่านบอกจะมาช่วยถอดแต่นี่กลับเอาแต่ถอดชุดของข้า ท่านไปจัดการตัวเองเลยไป”“แต่ว่าชุดนี้มันดูจะสวมยากแล้วก็หลายชั้น ข้าคิดว่าคงจะเสียเวลานานที่จะถอด
มู่หรงเฉิงยิ้มค้างและหันมามองใบหน้าของผู้ที่พูดให้ชัด ๆ เขารู้เพียงว่าที่สกุลเล่อมีหมอมาพักอยู่ด้วยเป็นสตรี แต่ก็ไม่ได้คิดว่านางจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เมื่อมองเช่นนี้นางก็ช่างละม้ายคล้ายกับน้องสาวแท้ ๆ ของเขาอยู่หลายส่วน“เจ้า…. เจ้าคือ…”“ข้า… หวังเจียวเมิ่ง อ้อ จริงสิข้ามีนี่ด้วยท่านดูสิ”นางหยิบกำไลข้อมมือสีเงินที่นางเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีออกมาและยื่นให้เขาดู มู่หรงเฉิงเมื่อเห็นกำไลข้อมือนี้เขาก็น้ำตาไหลลงมาทันที“กำไลของท่านแม่ เป็นสิ่งเดียวที่ท่านเหลืออยู่เพื่อให้ข้าเอาไว้ยืนยันตัวเองเมื่อเจอท่าน”“กำไลนี้… เป็นของท่านแม่ของข้า…เช่นนั้นเจ้า…”สองคนที่ยืนร้องไห้จนตาแดงมองสบตากันและกันด้วยความแปลกใจ ดีใจจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มู่หรงเฉิงมองไปที่กำไลไม่หยุด หวังเจียวเมิ่งหันมาเรียกเขาอีกครั้ง“พี่ใหญ่!! ข้าตามหาท่านมานานหลายเดือน ในที่สุดข้าก็พบท่าน”“น้องเล็ก เป็นเจ้าจริง ๆ เมิ่งเอ๋อร์ของพี่”มู่หรงเฉิงเดินมากอดนางเอาไว้แน่น หวังเจียวเมิ่งเองก็กอดเขากลับพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาสุดเสียงเพราะความดีใจ มู่หรงเฉิงนั้นค่อย ๆ สงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดของน้องสาว
“ท่านว่าอะไรนะ… ละ ลี่จินเซียนงั้นหรือ”เล่อชุนหลันค่อย ๆ ทรุดตัวอย่างหมดแรง ซานหรงค่อย ๆ พยุงนางลงมานั่งและจับมือนางเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่านางคงต้องตกใจมากดังนั้นเมื่อจางหลิงรีบมาบอกข่าว เขาก็รีบตามมาเพราะรู้ว่านางจะต้องอยากไปที่จวนอ๋อง“นาง… ตายแล้วหรือเพคะ ทำไมกัน”“ลี่จินเซียนไปหาเรื่องหวังเจียวเมิ่งถึงในตำหนักกลางและไปพบหวังเจียวเมิ่งที่กำลังดูแลน้องแปดอยู่ นางทนไม่ไหวจึงได้ดึงตัวหวังเจียวเมิ่งออกมาหวังจะทำร้าย น้องแปดดึงพวกนางแยกออกจากกัน ลี่จินเซียนล้มลงกับพื้นและวิ่งเข้าหาพวกเขาอีกครั้งแต่พวกเขาหลบทัน นางจึงพุ่งไปชนกับหน้าต่างและพลัดตกลงมาชั้นล่าง”“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะพบจุดจบเช่นนี้ แล้วนี่ร่างของนาง…”“น้องแปดสั่งให้คนนำไปฝังที่สุสานสกุลลี่นอกเมืองแล้ว และให้กรมวังแจ้งว่านางป่วยตาย”“แล้วเจียวเมิ่ง!!”“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนหวังเจียวเมิ่งปลอดภัยดี ทุกคนไม่มีผู้ใดบาดเจ็บเจ้าต้องตั้งสติก่อนนะ ที่ข้ายังไม่ให้เจ้าไปที่นั่นในตอนนี้เพราะศพของสนมลี่ยังไม่ได้ถูกนำออกไป ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเห็นภาพไม่งามเช่นนั้น อยากให้เจ้าจดจำนางเอาไว้ด้วยภาพที่ดีก็พอแล้ว”“ข้า… เข้าใจแล้วเพคะ ลี่จินเซียนคิ
หวังเจียวเมิ่งพยักหน้ารับและเริ่มใช้มีดเงินด้ามเล็กเริ่มกรีดไปที่ข้อมือของท่านอ๋องในทันที เมื่อเริ่มกรีดเลือดสีดำก็พุ่งออกมาจนเปื้อนชุดของหวังเจียวเมิ่งแต่นางไม่ใส่ใจที่จะเช็ดและกำลังตั้งใจบีบเลือดพิษออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชุนหลันหยิบผ้ามาเช็ดเลือดที่ติดตามใบหน้าของเจียวเมิ่งออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณพี่ชุนหลัน”“อยากได้สิ่งใดก็บอกมาข้าจะได้ช่วยหยิบให้”“ท่านช่วยหยิบชามใบใหม่มาให้ข้าทีเจ้าค่ะ”“ได้”เมื่ออยู่ตรงนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของหวังเจียวเมิ่ง การตัดสินใจในการรักษาคนในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นช่างไม่ง่ายเลย ไม่นานเลือดพิษก็ถูกรีดออกมาจนหมด นางค่อย ๆ ทำแผลให้ท่านอ๋องและเดินออกมาพักผ่อน ชุนหลันเทน้ำให้เจียวเมิ่งดื่มจนหมดก่อนจะนั่งข้าง ๆ ด้วยความหมดแรง“ท่านอ๋องปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนในห้องที่เหนื่อยวิ่งเตรียมของ เสิ่นกงแทบจะทรุดลงกับพื้น ตอนนี้จวินซานหรงค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ท่านอ๋อง เสิ่นปาเดินเข้ามาพร้อมกับยาที่พึ่งต้มเสร็จ“องค์รัชทายาท ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจมาก… น้องแปด เจ้าลุกไหวหรือไม่ดื่มยานี่ก่อน”หยางอี้เหรินค่อย ๆ ลุกข
ทั้งสองเดินกลับมาที่ค่ายก็พึ่งจะเห็นว่าท่านอ๋องและองค์รัชทายาทนั่งรอพวกนางอยู่ที่หน้ากระโจม เมื่อเห็นพวกนางพวกเขาต่างก็ดึงแต่ละคนเข้ามาถาม“เจ้าไปที่ใดมาอาหลันหายไปเสียนานข้าเป็นห่วง”“ได้เวลาที่ข้าจะกินยาแล้วเจ้ามัวเหลวไหลไปที่ใดมาหากพิษกำเริบเจ้าต้องรับผิดชอบ”ชุนหลันหันมามองเจียวเมิ่งที่ทำหน้าตกใจและยิ้มออกมา เจียวเมิ่งหันมามองหน้าชุนหลันที่หันมายิ้มให้ เจียวเมิ่งจึงยิ้มตอบและพยักหน้าพร้อมกับจับแขนท่านอ๋องและพาเดินกลับไปที่กระโจม“นี่เจ้าดึงข้าทำไม”“ท่านอ๋องบอกว่าได้เวลาดื่มยาแล้วนี่เพคะ จะมัวมานั่งเล่นอยู่แถวนี้ให้ลมโกรกจนป่วยเพิ่มทำไม หม่อมฉันจะรีบไปเตรียมยาให้”“ต้องเตรียมกรีดนิ้วอีกแล้วงั้นหรือ วันนี้พักไม่ได้หรือ”“ไม่ได้”“งั้นเจ้าต้องทำยาชาเอาไว้ให้ข้า บ๊วยด้วยอย่าลืมล่ะ”“พูดมากจริงรีบตามมา”“นี่!! ข้าเป็นแม่ทัพนะ”“เพคะ ๆ ทราบแล้ว”“ข้า!! หึ เผด็จการชัด ๆ แม้แต่ข้าที่เป็นแม่ทัพก็ไม่ละเว้นสักนิด”ท่านอ๋องเดินตามหวังเจียวเมิ่งเข้าไปในกระโจมแล้ว ชุนหลันหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ ซานหรงหันมามองตามนางก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าคงไม่โกรธน้องสี่ที่พูดเรื่ององค์หญิงอานฉวนหรอกนะเพร
ชุนหลันหันไปมองหน้าหวังเจียวเมิ่งที่ยืนเฉย ๆ โดยมิได้คิดอะไรแต่ก็แอบมองชุนหลันที่กำลังกังวลจนเผลอปล่อยมือจวินซานหรง เมื่อองค์ชายเห็นเช่นนั้นก็หันไปเล่นงานน้องชายทันที“เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วว่าจะรับพระชายาเพียงคนเดียวคือเล่อชุนหลัน เสด็จพ่อเองก็ทรงรับปากและออกราชโองการสมรสมาให้ข้าแล้ว”“พี่สี่ท่านอย่าล้อเล่นเช่นนี้ ข้าเองก็ยังพึ่งเสร็จศึกกลับมาอีกอย่างเรื่องในตำหนักของข้าเสด็จพ่อก็รับรู้แล้วว่าวุ่นวายเพียงใด หากจะแต่งมาที่เหลียงโจวเกรงว่าแคว้นอานฉวนคงไม่พอใจเป็นแน่”“เอาตัวรอดกันเก่งจริง ๆ เลยนะแต่ล่ะคน”“น้องสี่ พูดเช่นนี้เจ้ารู้ตัวสินะว่าตัวเองไม่รอดแน่”“พี่สาม!! ท่าน…”“หึ เอาเถอะองค์หญิงอานฉวนเก่งทั้งบุ๋นและบู๊เป็นยอดสตรีแห่งดินแดนตะวันออกก็เหมาะกับเจ้าดีนะ”“ใช่เสียที่ไหนข้าไปดีกว่าคุยกับพวกท่านแล้วเวียนหัว น้องแปดเจ้าต้องรีบหายเร็ว ๆ นะ”“พ่ะย่ะค่ะ แล้วพบกันใหม่พี่สี่”“แล้วพบกัน”องค์ชายสี่เดินทางกลับไปแล้ว ขบวนธงทัพของกองทัพหลวงค่อย ๆ เคลื่อนไปไกลจนลับสายตา จวินซานหรงหันมาจับมือชุนหลันแต่นางกลับเดินหนีลงมาก่อน“อา… ว่าแล้วอย่างไรเจ้าจวินซานอวี้ ไปอย่างเดียวไ
“ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ เสียหน่อยที่จะกลัวเจ็บกลัวกินยาขม ๆ”“เช่นนั้นพระองค์ไม่ต้องการใช่หรือไม่”“ไม่ได้พูดว่าไม่ชอบ”ชุนหลันดึงแขนจวินซานหรงและเดินออกมาเพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนพวกเขา ซานหรงเห็นนางเดินยิ้มออกมาจึงนึกแปลกใจ เขาพานางเดินมาที่ริมแม่น้ำด้านหลังค่ายเพราะที่นี่ไม่มีคนเดินไปมาหากไม่มีคำสั่งของเขา“เจ้ายิ้มอะไรกัน”“ท่านไม่เห็นหรือเพคะ”“เห็น แต่ว่า… ข้าคิดว่าอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้”“ผู้ใดจะรู้เล่าเพคะ”“ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วอย่างไรเล่า ที่เหลียงโจวยังมีลี่จินเซียนอยู่ เจ้าคิดว่าหมอหวังจะสู้นางได้หรือ ต่อให้เป็นบุตรีของขุนนางต้องโทษแต่อย่างไรก็เป็นพระสนม อีกอย่างการที่นางจะลงเอยกับน้องแปดได้…”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว ความรักน่ะไม่เห็นจำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้น”“นั่นก็ใช่แต่ข้าเกรงว่าสำหรับน้องแปดอาจจะไม่ง่ายเช่นนั้น”“ช่างเถอะ เรื่องนั้นปล่อยให้พวกเขาจัดการเองจะดีกว่า”“อาหลัน นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ”จวินซานหรงหันไปมองนางที่กำลังรวบผมขึ้นและเริ่มถอดชุดด้านนอกออกมา เขาหันไปมองรอบ ๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น เพราะเขาพานางเดินมาค่อนข้างลึกแม้ว่าจะเป็นช่วงเย็นแล้วแต่ฟ้ายังไม่มื
กระโจมท่านอ๋อง “แคก แคก น้ำ…”หวังเจียวเมิ่งที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่สะดุ้งขึ้นมากลางดึกเมื่อได้ยินเสียงแหบ ๆ เมื่อนางหันก็เห็นว่าท่านอ๋องรู้สึกตัวแล้ว“นี่เพคะ”เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจิบน้ำอย่างยากเย็นเพราะแผลที่ถูกธนูยิงที่ไหล่ขวานั้นยังคงเจ็บปวดอยู่“เจ้าเป็นใคร”“หม่อมฉันเป็นหมอเพคะ มาที่นี่เพื่อรักษาพิษในพระวรกายของพระองค์”“หมองั้นหรือ”“เพคะ”“เจ้ามาจากไหน”“หม่อมฉันมาพร้อมกับบุตรท่านเสนาบดีเล่อ เล่อชุนหลันเพคะ”“อะไรนะ เจ้าบอกว่า… แคก แคก… นาง!! มาที่นี่หรือ”“พระองค์อย่าพึ่งลุกขึ้นมาเช่นนี้ แผลของพระองค์ยังไม่หายดี อีกอย่างพิษในพระวรกาย…”มือของเขาหันมาคว้าแขนของหวังเจียวเมิ่งและดึงนางเข้ามาถาม ยิ่งมองใกล้ ๆ เช่นนี้นางก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านอ๋องน่ากลัวยิ่งนัก ผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูรูปงามของเขา สายตาที่มองนางในตอนนี้แทบอยากจะเค้นความจริงราวกับนางเป็นนักโทษ“ท่านอ๋องเพคะ”“บอกข้ามา นางมากับเจ้าหรือ”“พะ เพคะตอนนี้นางพักอยู่ที่กระโจมขององค์รัชทายาทเพคะ”คำนี้ทำให้ท่านอ๋องนิ่งไปและค่อย ๆ ปล่อยมือที่บีบแขนนางออกมาได้ เจียวเมิ่งรีบถอยห่างออกจากเตียงของเขาทันทีและรีบไปดูหม้อต้มยาที่นางต้มเอาไ