21.00 น
กุกกักๆ เพล้งงงงง
“เสียงอะไรนะ”
แพรไหมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนของเธอเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆก็เห็นท่าว่าไม่ดีหญิงสาวจึงไปหยิบไม้เบสบอลที่เธอแอบซื้อเก็บไว้ในตู้แล้วเดินย่องออกมาด้านนอกเพื่อดูว่าเสียงที่เธอได้ยินนั้นเกิดจากอะไรกันแน่ถ้าเป็นโจรเธอก็พร้อมจะสู้ตายเหมือนกัน
“หยุดนะไอ้ขี้ขโมย….นี่แน่ะๆๆๆๆ”
ตุบ..ตุบ
หญิงสาวเห็นเงาตะคุ่มๆที่ชั้นล่างของบ้านเธอก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นขโมยแน่ๆหนอยรู้จักแพรไหมน้อยไปคนอย่างเธอไม่มีวันให้ใครมาขโมยของบ้านเธอได้หรอกของรักของหวงของเธอทั้งนั้นเธอจะรักษาเท่าชีวิตเลยคอยดู
เมื่อหญิงสาวเดินมาใกล้เงานั้นก็ใช้ไม้เบสบอลที่ถืออยู่ในมือฟาดลงที่คนที่เธอคิดว่าเป็นขโมยอย่างไม่ยั้งมือ
“โอ้ยๆคุณนี่ผมเอง”
“คุณภู”
เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มร้องโอดโอยเธอกพอจะเดาออกว่าเป็นเสียงใครเลยยั้งมือการฟาดไม้เบสบอลไปที่คนที่ตัวเธอเองคิดว่าเป็นโจรทันที
“โอ้ยยยเบาๆคุณผมเจ็บ”
“สมน้ำหน้าอยากเล่นอะไรพิเรนเอง”
เมื่อหญิงสาวรู้ว่าคนที่แอบย่องเข้าบ้านเธอเป็นใครเธอจึงเดินไปเปิดไฟเพื่อจะได้คุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่องว่าเขาเข้ามาทำอะไรแต่เมื่อแสงไฟสว่างขึ้นหญิงสาวเห็นว่าหัวของชายหนุ่มตอนนนี้เริ่มปูดโนจะเป็นลูกมะนาวเลยรีบหาน้ำแข็งมาประคบให้โดยด่วนนึกสมน้ำหน้าชายหนุ่มอยู่เหมือนกันที่เล่นอะไรแผลงๆเองจนเจ็บตัวดีนะที่หัวไม่แตก
“แล้วคุณมาทำอะไรลับๆล่อๆในบ้านแพรคะ”
แพรไหมถามพร้อมยื่นก้อนน้ำแข็งที่ห่อผ้าไปประคบที่หน้าผากของชายหนุ่ม
“ผมก็จะมาคุยกับคุณเรื่องที่ผมจะให้คุณช่วยน่ะสิ”
เมื่อรู้ว่าความต้องการของชายหนุ่มที่มาหาเธอเพราะอะไรทำเอาหญิงสาวหยุดการปฐมพยาบาลให้คนตรงหน้าทันที
“ดูปากแพรนะคะคุณภู......เรื่อง นี้ แพร ไม่ ช่วย”
แพรไหมค่อยๆพูดเน้านคำให้คนตรงหน้าได้รู้ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมช่วยเรื่องนี้เด็ดขาดอย่ามาบังคับเธอซะให้ยากเลย
“เหรอ...”
“อื้ม..อื้อ...”
สิ้นคำพูดของชายหนุ่มเขาก็พุ่งตัวเองเข้าไปหาเธอทันทีพร้อมจูบบดขยี้ไปที่ปากของเธอเป็นการทำโทษที่เธอชอบที่จะปฏิเสธเขานัก
“อื้อไอ้บ้า..ภู.”
เมื่อหญิงสาวหลุดจากพัธนาการจากการจูบของชายหนุ่มเธอก็รีบถอยตัวหนีแผดเสียงใส่ชายหนุ่มด้วยความโมโหพร้อมผลักเขาให้ออกห่างจากตัวเธอทันที
“ใช่ผมจะบ้าได้มากกว่านี้อีก…ถ้า คุณ ไม่ ช่วย ผม”
ชายหนุ่มพุ่งตัวหาหญิงสาวหลังจากที่เธอพยายามผลักเขาให้ห่างออกจากตัวพร้อมใช้สองมือจับที่ใบหน้าของเธอแล้วพูดเน้นคำตรงหน้าของเธอช้าๆให้รู้ว่าเรื่องนี้เขาไม่ใช่คนแพ้พร้อมบดจูบไปปที่หญิงสาวอีกรอบ
ครั้งนี้เนิ่นนานซะจนหญิงสาวเริ่มมือไม้อ่อนเกือบที่จะหลงไปกับรสจูบของเขาเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าคนที่เขากำลังจูบอยู่นั้นเริ่มที่จะหายใจไม่ออกจึงผละออกจากปากของเธอให้เธอได้เว้นระยะเพื่อหายใจบ้าง
“แฮ่ก..ฟู่”
แพรไหมนั่งสูดอากาศเข้าปอดอยู่หลายรอบทั้งยังไม่กล้าหันไปสบตาคนที่นั่งกอดเธออยู่ข้างๆเพราะรู้สึกเขินที่เมื่อครู่เกือบที่จะเคลิ้มตามชายหนุ่มไปเสียแล้วเธออยากจะตีตัวเองแรงๆเสียจริงที่บังคับตัวเองไม่ได้
“ไงคุณจะยอมช่วยผมหรือยัง”
ภูผานั่งกอดหญิงสาวที่เขาพึ่งบดขยี้ปากเธอไปหมาดๆเขาถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ถ้าเธอยังปฏิเสธเขาอยู่เขาก็จะนั่งจูบเธออยู่แบบนี้จนกว่าจะเธอยอมนั่นแหละ
“เห้ออออออ....”
หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องให้เพราะเธอลำบากใจที่จะช่วยเขาเรื่องนี้จริงๆจะเป็นเรื่องอื่นไม่ได้หรือยังไงนะ
“ว่ายังไง...ฮึ!!!!”
ชายหน่มเห็นว่าเธอยังนิ่งไม่ยอมให้คำตอบเขาเลยเตรียมที่จะหันหน้ามาใกล้ๆเธออีกรอบทำเอาหญิงสาวต้องยกมือดันเขาออกอย่างเต็มแรงเพื่อเป็นการบอกให้เขาหยุดและฟังเธอก่อน
“เอ่อเดี๋ยววว......โอเคๆๆๆๆ..ยอมช่วยแล้ววววววว”
เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวยอมช่วยชายหนุ่มจึงหยุดการกระทำของเขาทันทีพร้อมหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับหญิงสาว
“หึๆๆๆ...ก็ลองไม่ยอมช่วยดูสิผมจะนั่งจูบคุณอยู่แบบนี้จนปากเปื่อยเลยคอยดู”
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะเธอในลำคออย่างผู้ชนะที่เธอยอมตกลงเสียทีอันที่จริงเขาไม่ต้องขอร้องเธอด้วยซ้ำเพราะเธอและเขาต่างก็เคยลึกซึ้งเกินคำว่าแฟนแล้วถ้าไม่ติดว่าเขาขืนใจเธอนะ
“อีตาบ้า....ละ...แล้ว...แพรต้องช่วยคุณนานเท่าไรล่ะคะ”
หญิงสาวเห็นว่าถ้าเธอไม่ยอมตกลงช่วยชายหนุ่มเขาก็จะต้องรังแกเธออยู่อย่างนี้เป็นแน่เขาเอาแต่ใจแค่ไหนเธอว่าเธอน่าจะรู้ดีในเมื่อแกล้งเป็นแฟนมันก็ต้องมีวันเลิกแกล้งเธอจึงอยากรู้ว่ามันจะนานเท่าไรจะได้ทำใจเผื่อไว้ถูก
“จนกว่าคุณย่าผมจะกลับไปอเมริกา”
ใจจริงเขาอยากตอบว่าอยากให้เป็นแฟนเขาตลอดไปด้วยซ้ำแต่ก็ต้องแกล้งตอบแบบนี้ไปก่อนเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดว่าเขาฉวยโอกาศรวบหัวรวบหางเธอ
“แล้วนานเท่าไรล่ะคะ”
หญิงสาวหันมาถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างระอาทำยังไงได้ก็เธอรับปากเขาไปแล้วนี่คนอย่างแพรไหมถึงจะสมองไม่ดีแต่ก็จำคำที่เธอพูดไว้ได้อยู่แล้วยิ่งเรื่องใครที่มีบุญคุณเธอก็จำไม่ลืมใครที่ทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจเธอก็จำไม่ลืมเช่นกัน
“ก็ประมาณเดือนกว่าๆได้มั้ง”
เมื่อได้ยินที่ชายหนุ่มพูดว่าเดือนกว่าๆทำเอาเธอค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะไอ้สถานะการป็นแฟนปลอมๆเดือนกว่าๆคงจะไม่ได้ลำบากอะไรเธอมากหรอกมั้ง
“คิดไรอยู่คุณ”
ภูผาชะโงกมองหน้าหญิงสาวที่กำลังทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดและสับสนกับตัวเองอยู่
“ป่าวซะหน่อยถ้าเสร็จธุระแล้วคุณภูก็กลับไปได้แล้วค่ะ”
หญิงสาวหลุดจากพวังความคิดก็เพราะตกใจที่ชายหนุ่มอยู่ดีๆก็ยื่นหน้ามาหาเธอนี่แหละเมื่อคิดว่าชายเสร็จธุระที่เขามาที่นี่แล้วจึงน่าจะกลับไปได้แล้วเพราะนี่มันก็ดึกแล้วและเธอก็อยากจะพักผ่อนด้วย
“โอเคงั้น...เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณไปทานข้าวกับครอบครัวผมนะ”
“พรุ่งนี้”
หญิงสาวหันหน้ามาหาชายหนุ่มทันควันเธอรู้สึกว่ามันเร็วไปให้เวลาเธอทำใจอีกสักวันสองวันก็ไม่ได้หรือไง
“ใช่...เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมให้คนมาส่งชุดให้คุณ...อ้อแล้วก็..เดี๋ยวผมมารับตอน10โมงเช้านะคุณเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับปากชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ยังเป็นกังวล
“เห้อ”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกลับไปแล้วหญิงสาวถึงกับนั่งถอนหายใจคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ว่าทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยแต่ก็ในเมื่อชายหนุ่มช่วยเหลือยายของเธอไว้เธอก็จะทำใจช่วยเรื่องที่เขาขอให้เต็มที่ก็แล้วกันเพราะถ้าจบเรื่องนี้เธอละเขาก็ไม่น่าจะได้เจอกันอีกแล้ว
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนรถเขานั่งมองห้องที่ยังเปิดไฟอยู่จนดับไฟไปแล้วเขาจึงขับรถกลับใจจริงเขาอยากอยู่กับเธอที่นี่ด้วยซ้ำเพราะบ้านเธอมันช่างปีนเข้าง่ายเหลือเกินวันนี้เขายังเข้าไปได้อย่างง่ายดายแล้วพวกโจรคนอื่นถ้ารู้ว่าเธออยู่บ้านคนเดียวแล้วพยายามที่จะเข้ามาขโมยของบ้านเธอล่ะเธอจะเป็นยังไงชายหนุ่มพยายามสลัดความคิดในแง่ร้ายนี้ออกไปจากหัวแล้วขับรถกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมาRrrrrrrrrrr“เสร็จหรือยังคุณผมรออยู่ข้างล่าง”“แพรกำลังจะลงไปค่ะ”หญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าแล้วเตรียมตัวจะลงไปข้างล่างเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะรอนาน“ไปกันเถอะค่ะคุณภูแพรพร้อมแล้วค่ะ”ชายหนุ่มยืนมองชื่นชมความร่มรื่นที่หน้าบ้านของหญิงสาวเมื่อได้ยินเสียงของเธอเรียกจากด้านหลังจึงรีบหันมาภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มย้มกว้างออกมาอย่างง่ายดายเขาคิดไว้แล้วว่าชุดนี้ที่เขาเลือกเองกับมือต้องเข้ากับเธอแน่ๆวันนี้แพรไหมดูสวยสะกดสายตาเขาเอามากๆด้วยสีของชุดที่เข้ากับผิวของเธอและยังหุ่นที่มันพอดีกับชุดยิ่งดูยิ่งน่ากอดชะมัดไหนจะใบหน้าของเธอที่ปัดเครื่องสำอางเบาๆมันทำให้เช้านี้ของเขาช่างดูสดใสเสียจริง“ยืนยิ้มอยู่ทำไมคะคุณภูเราจะไปกันหรือยังคะ”เมื่อแพรไหมเห็นคนตรงหน้าเอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดอะไรเสียทีเอาแต่จ้องหน้าเธออยู่แบบนั้นจนเธอต้องเอ่ยปากถามว่าตกลงจะไปกันได้หรือยัง“เอ่อ..เดี๋ยวเรามานั่งตกลงกันก่อนโอเคไหม”ชายหนุ่มใช้สองมือจับบ่าหญิงสาวแล้วดันให้เธอนั่ลงที่โซฟาเพื่อคุยกับเขาก่อนขืนเธอไปเจอครอบครัวเขาแล้วไม่เตี๊ยมกันไว้ก่อนมีหวังย่าของเขาจับได้แน่จับผิดเก่งซะขนาดนั้น“คะ...ตกลง...ตกลงเรื่องอะไรคะ”“
“หนูชื่อแพรไหมใช่ไหมไหนมาใกล้ๆย่าหน่อยซิ”เอมิลี่นั่งมองหญิงสาวอยู่ที่หัวโต้ะรู้สึกอยากจะมองหน้าหญิงสาวตัวเล็กบอบบางที่ช่างกล้าหาญตรงนี้เสียจริงเมื่อหญิงสาวถูกผู้เป็นย่าของชายหนุ่มเรียกให้เธอเข้าไปหาใกล้ๆเธอจึงค่อยๆคลานเข่าเข้าไปหาด้วยความนอบน้อมตามที่ยายของเธอเคยสอนมาหญิงสาวยิ้มให้หญิงแก่ตรงหน้าอย่างจริงใจเธอรู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างดูอบอุ่นทำให้เธอนึกถึงยายของเธอที่นอนป่วยอยู่ตอนนี้เหลือเกิน“ไหนขอย่าดูหน้าใกล้ๆหน่อยซิ...น่ารักจังเลยนะเราอายุเท่าไรแล้วจ๊ะหนูแพร”“22เข้า23แล้วค่ะคุณย่า”แพรไหมรู้สึกหายใจทั้งท้องขึ้นมาทันทีที่คุณย่าของชายหนุ่มไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาบอกเลยสักนิดแถมยังดูเอ็นดูเธออีกด้วย“อย่างนั้นเรอะ...อืม..อย่าหาว่าย่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะแล้วท้องรึยังล่ะ”"พรวดดดดด......"ภูผากำลังยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อได้ยินคนเป็นย่าถามคำถามว่าที่หลานสะใภ้ทำเอาเขาสำลักน้ำพุ่งพรวดออกมาทันควันเขาไม่คิดว่าคุณย่าของเขาจะถามตรงไปตรงมาแบบนี้เมื่อเขาหันไปดูหญิงสาวตอนนี้เธอก็ดูมีสีหน้าที่ตกใจไม่ต่างจากเขาเช่นกัน“คุณแม่คะ”พิมพาเมื่อได้ยินคนเป็นแม่สามีถามหญิงสาวตรงไปตรงมาแบบนั้นเธอเองก็ต้
บ้านแพรไหมหลังจากทานข้าวเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงขับรถพาหญิงสาวกลับบ้านมาเพื่อเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่บ้านของเขาเพราะคนเป็นย่าของชายหนุ่มได้จัดการให้คนจัดห้องให้เธอเรียบร้อยแล้วดูเหมือนคนเป็นย่าจะจงใจให้อยู่ใกล้ห้องหลานชายเขาเหลือเกินงานนี้ถ้ายายเธอรู้จะเป็นยังไงเนี่ย“คุณภูคะวันนี้แพรขอนอนที่นี่คืนนึงได้ไหม...นะคะขอนอนทำใจคืนนึง”หญิงสาวทำหน้าขอร้องให้คนตรงหน้าเห็นใจเธอไม่กล้าปฏิเสธผู้ใหญ่ในบ้านของเขาเลยเปลี่ยนมาเป็นขอร้องเขาแทนเพื่อที่ชายหนุ่มจะได้ช่วยเธอพูดเรื่องนี้แทนเธอ“อืมมม..ได้แต่ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ด้วย”ชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวคงจะอยากมีเวลาเก็บของเต็มที่เขาจึงไม่ปฏิเสธแต่มีข้อแม้ว่าเขาต้องอยู่ด้วยเพราะเขาเองก็รู้สึกเป็นห่วงเธออยู่เหมือนกันไม่อยากให้อยู่คนเดียวและอีกอย่างที่บ้านเขาคงต้องว่าเขาแน่ๆถ้าเขาปล่อยให้เธออยู่คนเดียว“แพรอยู่ได้ค่ะคุณไม่ต้องห่วงหรอก....คุณกลับไปเถอะ”หญิงสาวรีบปฏิเสธความหวังดีของเขาที่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนทันทีเพราะให้เธออยู่คนเดียวยังรู้สึกว่าปลอดภัยกว่าอยู่กับเขาซะอีก“ไม่ต้องปฏิเสธเลยคุณ...ขืนผมกลับไปแล้วปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่คนเดียวมีหวังคุณย่
“เลิกคิดแบบนั้นได้เลยค่ะคุณภูแพรไม่มีทางคบกับคุณได้หรอก....”แพรไหมพูดพร้อมตักข้าวเข้าปากและเบนหน้าหนีชายหนุ่มไปกดเปิดทีวีดูเธอรู้ตัวเองดีว่าเธอและเขายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นก็เถอะฐานะของเธอและเขาต่างกันแค่ไหนเธอรู้ดีและอีกอย่างไอ้ที่เขาทำดีกับเธอก็คงเป็นเรื่องที่เขารู้สึกผิดกับเธอมากกว่า“อ๋อ...อืมมม”ชายหนุ่มหน้าเสียเล็กน้อยจากที่เมื่อครู่ยังทำหน้าทะเล้นใส่หญิงสาวอยู่เลยเขาคิดว่าเขาต้องทำยังไงเพื่อให้เธอเห็นว่าเขาจริงใจกับเธอไอ้ที่เธอพูดเมื่อครู่เธอจะรู้ตัวหรือป่าวว่าคำพูดของเธอบีบหัวใจเขาเเค่ไหนเมื่อทังสองทานข้าวเสร็จแล้วแพรไหมจึงให้ชายหนุ่มนอนที่ห้องรับแขกด้านล่างที่เธอเตรียมไว้ให้เมื่อจัดแจงเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงมานอนที่ห้องของเธอละไม่ลืมที่จะล็อคประตูเพราะเธอไม่ไว้ใจชายหนุ่มที่อยู่ข้างล่างสักเท่าไร“อะไรเนี่ยแพร....อย่าลืมสิว่าเขาเคยทำอะไรกับเราไว้...เลิกคิดๆๆๆๆๆๆๆ”เมื่อทิ้งตัวลงนอนหญิงสาวก็กลับนอนไม่หลับเมื่อนึกถึงเรื่องชายหนุ่มที่เข้ามาทำดีกับเธอแถมสถานการณ์ตอนนี้เธอยังคงต้องอยู่ใกล้ชิดเขาบ่อยๆด้วยเธอกลัวใจตัวเองเหลือเกินกลัวว่าจะแ
เช้าวันต่อมาหญิงสาวตื่นขึ้นมาก็ต้องตกใจภาพตรงหน้าเพราะตอนนี้หน้าของเธออยู่ห่างจากชายหนุ่มไม่ถึงคืบเมื่อเธอได้มองเขาใกล้ๆขนาดนี้อีกครั้งทำให้เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆจนเธอต้องเอามือกุมหัวใจตัวเองพร้อมรีบผละออกแล้วเดินออกมานอกห้องนั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ชายหนุ่มจะตื่นขึ้นมา08.00 น.“เก็บของเสร็จแล้วเหรอคุณเมื่อเช้าตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผม”เมื่อเห็นหญิงสาวเดินถือกระเป๋าลงมาชายหนุ่มจึงทักเธอขึ้นแต่หญิงสาวกลับทำเหมือนเขาเป็นอากาศที่ลอยอยู่ซะงั้นสงสัยคงจะงอนเขาอยู่เป็นแน่“ยังโกรธผมอยู่เหรอคุณ...ผมขอโทษ..ก็ผมกลัวนี่นา”ชายหน่มยังแถใช้มุขกลัวผีไม่เลิก“เอาเป็นว่าผมรู้ว่าคุณโกรธแต่ตอนนี้เรามาสงบศึกกันก่อนดีกว่าเพราะว่าวันนี้เราต้องเล่นบทเป็นคู่รักกันคุณอย่าลืมนะ”ชายหนุ่มพูดพร้อมเดินเข้าไปช่วยหญิงสาวถือของมาที่รถ“อืมม...แพรไม่ลืมหรอกค่ะว่าต่อหน้าครอบครัวของคุณภูแพรต้องทำตัวแบบไหน”หยิงสาวพูดพร้อมทำหน้างอเธอเดินผ่านหน้าชายหนุ่มแล้วเปิดประตูไปนั่งรอเขาบนรถหน้าตาเฉยทำเอาชายหนุ่มต้องส่ายหัวเบาๆให้กับอาการพยศของเธอบ้านแอนเดอสัน“เก็บของมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมหนูแพร”พิมพา
“ใช่ฉันเองแล้วนี่ก็หลานสะใภ้ฉัน”เอมิลี่ยืนกุมมือแพรไหมแล้วป่าวประกาศให้เธอได้รู้ว่าคนที่หญิงสาวพึ่งดูถูกคือหลานสะใภ้ของเธอเอง“ไหนคุณท่านบอกว่าอยากได้เพนนีไปเป็นหลานสะใภ้ไงคะทำไมถึงเลือกยัยเฉิ่มคนนี้แทนล่ะคะ”เมื่อได้ยินหญิงชราแนะนำตัวหญิงสาวที่เธอพึ่งดูถูกไปหมาดๆว่าเป็นหลานสะใภ้ก็เท่ากับหักหน้าเธอทำให้เธอเริ่มอารมณ์ขึ้นในเมื่อไม่ไว้หน้าเธอเธอเองก็จะไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน“ฉันไม่ได้เป็นคนเลือกเองแต่หลานชายฉันเค้าเลือกแล้วเค้าก็รักของเค้ามากด้วย”เอมิลี่พูดเสียงดังฟังชัดและหวังว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจที่เธอพูดเธอรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมากที่หญิงสาวตรงหน้ามาแผดเสียงและถลึงตาใส่เธอ“นังนี่เหรอคะไม่มีอะไรที่เทียบเพนนีได้สักนิดแต่งตัวก็เฉิ่มๆเชยๆ”เพนนียังไม่หยุดที่จะดูถูกหญิงสาวในเมื่อเธอไม่ได้สิ่งที่ต้องการเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงใจใครอีกแล้ว“ก็ยังดีกว่าแต่งตัวดูดีแต่เพราะใช้เงินจากการกินน้ำใต้ศอกคนอื่นหรอกนะ”เอมิลี่ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้หญิงสาวพร้อมเดินออกไปจากร้านอย่างผู้ชนะเธอรู้สึกว่าเพนนีไม่มีสัมมาคารวะเอาเสียเลยนี่ถ้าไม่เห็นแก่พ่อของเธอเอมิลี่ทำมากกว่าแค่ค่อนขอดเธอแน่“คุณย่านี่สุดย
บ้านแอนเดอสันเย็นของวันต่อมา“ว้าว….สวยจังเลยแพรพี่ว่าแล้วว่าแพรต้องใสชุดนี้สวยแน่ๆ”เพลงพิณยืนยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้าที่พึ่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเธอคิดไม่ผิดที่เลือกชุดสีขาวนี้ให้กับเธอเพราะพออยู่บนตัวหญิงสาวแล้วมันช่างเข้ากับเธอมากที่สุดรวมทั้งทรงผมที่รวบตึงมัดหางม้าลุคนี้ทำให้แพรไหมดูลุคเป็นสาวที่มีรสนิยมมากขึ้น“ขอบคุณค่ะ”แพรไหมยืนยิ้มให้ตัวเองในกระจกเธอไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้หลังจากที่แต่งหน้าทำผมเสร็จเธอเองยังตะลึงคนในกระจกอยู่เลย“งั้นถ้าเรียบร้อยแล้วเราไปกันเถอะ…อ้อ…แล้วถ้ารู้สึกเวียนหัวหน้ามืดบอกพี่ได้นะ”“ค่ะ”เพลงพิณยังเป็นห่วงหญิงสาวกลัวว่าเธอจะมีอาการแบบเมื่อวานอีก“เรียบร้อยแล้วค่ะเราไปกันเถอะ”เพลงพิณพูดขึ้นหลังจากที่เห็นทุกคนยืนรออยู่ข้างล่างกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วภูผาหันมาตามเสียงของคนเป็นน้องสาวพลันสายตาก็เหลือบไปจ้องมองคนที่เดินตามหลังน้องสาวเขาทันทีภาพตรงหน้าช่างสะกดสายตาของเขาให้มองไปทางไหนไม่ได้วันนี้แพรไหมสวยแปลกตามากสวยมากจนเขาหยุดมองไม่ได้ทั้งชุดและการแต่งหน้าทำผมทำให้เธอดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“น้องแพรสวยใช่ไหมล่ะคะพี่ชาย”เมื่อเพลงพิณเห็นคนเป็น
“คุณซินดี้ครับตกลงงานวันนี้ผมไม่ต้องเดินแล้วใช่ไหมครับในเมื่อไม่มีนางแบบ”ดินแดนเดินตามหญิงวัยกลางคนมาถึงโซน VIP คราแรกว่าจะขอตัวกลับตั้งแต่อยู่ในห้องแต่งตัวแต่เมื่อรู้ว่านางแบบที่จะเดินด้วยมาไม่ได้เมื่อเขาจะเดินมาบอกซินดี้ว่าจะขอตัวกลับเธอกลับเดินดุ่มๆตรงมาที่นี่ซะงั้นทำให้เขาต้องเดินตามมาถึงที่นี่เขาเองไม่ได้อยากจะเดินแบบงานนี้สักเท่าไรแต่ติดตรงคุณแม่ของเขาเป็นคนขอร้องให้ช่วยเพราะเป็นงานการกุศลถ้าเป็นงานอย่างอื่นเขาไม่ยอมช่วยแน่เขาไม่ชอบสังคมแบบนี้เลยสักนิดชอบอยู่กับป่าอยู่กับเขามากกว่า“เอ่อใจเย็นๆค่ะคุณดินแดนอยู่ช่วยซินดี้ก่อนนะคะอย่าพึ่งหนีงานไปอีกคนเลยนะไม่งั้นงานพังแน่ๆเลย”ซินดี้อ้อนวอนขอร้องชายหนุ่มสุดชีวิตเพราะถ้าเขาไม่อยู่เดินอีกคนงานคงพังแน่ๆเพราะชายหนุ่มต้องเดินแบบคู่กับหญิงสาวในชุดฟินนาเล่น่ะสิแต่ตอนนี้เธอเองยังหาคนใส่ชุดฟินนาเล่ไม่ได้เลย“พี่ดิน…”แพรไหมนั่งจ้องหน้าชายหนุ่มอยู่สักครู่จึงทักชื่อเขาออกมาทำให้ชายหนุ่มที่ทำหน้าเซ็งอยู่เมื่อครู่เมื่อเห็นหน้าหญิงสาวที่เรียกก็ยิ้มหน้าบานออกมาทันที“น้องแพร…..พี่ไม่คิดว่าจะเจอน้องแพรที่นี่สวยขึ้นมากเลยนะเรา”เมื่อชายหนุ่มจำได้ว