บ้านแพรไหม
หลังจากทานข้าวเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงขับรถพาหญิงสาวกลับบ้านมาเพื่อเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่บ้านของเขาเพราะคนเป็นย่าของชายหนุ่มได้จัดการให้คนจัดห้องให้เธอเรียบร้อยแล้วดูเหมือนคนเป็นย่าจะจงใจให้อยู่ใกล้ห้องหลานชายเขาเหลือเกินงานนี้ถ้ายายเธอรู้จะเป็นยังไงเนี่ย
“คุณภูคะวันนี้แพรขอนอนที่นี่คืนนึงได้ไหม...นะคะขอนอนทำใจคืนนึง”
หญิงสาวทำหน้าขอร้องให้คนตรงหน้าเห็นใจเธอไม่กล้าปฏิเสธผู้ใหญ่ในบ้านของเขาเลยเปลี่ยนมาเป็นขอร้องเขาแทนเพื่อที่ชายหนุ่มจะได้ช่วยเธอพูดเรื่องนี้แทนเธอ
“อืมมม..ได้แต่ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ด้วย”
ชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวคงจะอยากมีเวลาเก็บของเต็มที่เขาจึงไม่ปฏิเสธแต่มีข้อแม้ว่าเขาต้องอยู่ด้วยเพราะเขาเองก็รู้สึกเป็นห่วงเธออยู่เหมือนกันไม่อยากให้อยู่คนเดียวและอีกอย่างที่บ้านเขาคงต้องว่าเขาแน่ๆถ้าเขาปล่อยให้เธออยู่คนเดียว
“แพรอยู่ได้ค่ะคุณไม่ต้องห่วงหรอก....คุณกลับไปเถอะ”
หญิงสาวรีบปฏิเสธความหวังดีของเขาที่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนทันทีเพราะให้เธออยู่คนเดียวยังรู้สึกว่าปลอดภัยกว่าอยู่กับเขาซะอีก
“ไม่ต้องปฏิเสธเลยคุณ...ขืนผมกลับไปแล้วปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่คนเดียวมีหวังคุณย่าผมสงสัยแน่”
ชายหนุ่มอ้างเรื่องกลัวว่าที่บ้านเขาจะสงสัยทันทีเพราะคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่จะอ้างกับเธอแล้วขืนเขาบอกว่าเป็นห่วงเธอตรงๆเธอก็คงจะไม่เชื่อ
“จะไปไหนคุณ”
แพรไหมไม่ได้ตอบอะไรเพราะรู้ว่าคงห้ามเขาไม่ได้เธอได้แต่เดินทำหน้าบูดแล้วขึ้นห้องไปทิ้งให้เขาอยู่ด้านล่างคนเดียวเธอไม่อยากมองหน้าเขาตอนนี้เลยไม่หันไปตามเสียงเรียก
ในเมื่อเขาอยากอยู่ก็อยู่ไปแต่เธอขอไม่สนใจละกันเธอรู้สึกนอยเล็กน้อยเพราะวันนี้การที่เธอรับปากช่วยเหลือชายหนุ่มกลับเป็นเขาทำให้เธอโกหกคนที่มีพระคุณกับเธอซะงั้นถ้าเธอรู้ก่อนว่าครอบครัวของเขาเป็นใครคงไม่ใจอ่อนแน่ๆ
18.00 น.
แพรไหมตื่นขึ้นมาเมื่ดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้วเธอจึงรีบดีดตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วเพราะเธอลืมไปซะสนิทเลยว่าทิ้งชายหนุ่มให้อยู่ด้านล่างแล้วหนีมานอนบนห้องคนเดียว
“อ้าวคุณลงมาพอดีเลยอาหารพึ่งมาคุณมากินก่อนสิ...อ้อแล้วหญ้าที่หน้าบ้านคุณผมสั่งคนมาตัดให้เรียบร้อยแล้วนะมันเริ่มรกแล้วผมเห็นแล้วไม่สบายตาเท่าไร”
เมื่อหญิงสาวลงมาด้านล่างก็เห็นกล่องอาหารวางเต็มโต้ะเป็นฝีมือของชายหนุ่มที่สั่งมาเธอนึกว่าเขาจะถอดใจกลับไปแล้วเสียอีกเพราะเธอทำเป็นไม่สนใจเขาแต่กลับลงมาเจอชายหนุ่มยิ้มหน้าระรื่นพร้อมกองอาหารอีกมากมายอยู่นี่สิเธอล่ะเชื่อเขาเลยจริงๆนี่นึกว่าบ้านตัวเองหรือไงถึงได้จัดการโน่นนี่อยู่ได้
“สั่งมาทำไมเยอะแยะคะคุณภูอยู่กันแค่สองคนนี่นึกว่าเหมาทั้งร้าน”
หญิงสาวเห็นว่าอาหารมันเยอะเกินไปสำหรับสองคนนี่เขาจะสั่งมาถมที่เหรอยังไงกันคนรวยเค้าเป็นกันอย่างนี้ทุกคนเลยหรือป่าวเนี่ยเธอคิดในใจ
“ก็ผมเห็นคุณนอนอยู่เลยไม่กล้าเข้าไปถามผมไม่รู้ว่าคุณอยากทานอะไรเลยสั่งมาหมดเลย”
ชายหนุ่มว่าจะเข้าไปถามเธอก่อนสั่งอยู่แล้วแต่ว่าเห็นเธอหลับเลยไม่อยากกวนเขาเลยจัดการสั่งมันมาหลายๆอย่างที่คิดว่าผู้หญิงเค้าชอบทานกัน
“คุณภูขึ้นไปหาแพรบนห้องเหรอคะ”
หญิงสาวพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมล็อคห้องนี่นาเพราะความเคยชินเหมือนตอนที่อยู่กับยายเธอหญิงสาวมักจะไม่ล็อคประตูอยู่แล้วเพราะยายเธอชอบเข้าไปปลุกแล้วนี่ชายหนุ่มเข้าไปในห้องของเธอเขาทำอะไรเธอบ้างหรือป่าวเนี่ยยย
“ผมป่าวทำอะไรคุณนะผมเห็นคุณหลับก็เลยเดินลงมาเลย”
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวทำหน้าตกใจก็คิดว่าเธอต้องคิดว่าเขาทำมิดีมิร้ายกับเธอแน่เขาจึงรีบพูดโพร่งบอกเธอไปก่อนว่าเขาไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว
“อืม...อือ..”
หญิงสาวรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วจึงเดินเข้ามาแกะกลอ่งอาหารดูว่ามีอะไรบ้าง
“คุณภูจะทานกล่องไหนบ้างคะ....”
ก่อนที่จะยกอาหารไปเก็บหญิงสาวหันมาถามชายหนุ่มก่อนว่าเขาจะทานอะไรที่เหลือเธอจะได้เอาไปเก็บไว้ในตู้เอาไว้อุ่นทานได้
“กล่องนี้”
ชายหนุ่มชี้มาที่กล่องสี่เหลี่ยมใสที่ข้างในน่าจะเป็นสเต็คเนื้อหญิงสาวเลยเอากล่องที่เขาจะทานวางไว้ที่โต้ะพร้อมข้าวผัดปูของเธออีกหนึ่งกล่องส่วนที่เหลือเธอจึงเอาไปเก็บ
“ชอบกินข้าวผัดปูเหรอคุณ”
ภูผาเห็นเธอหยิบข้าวผัดปูตั้งแต่ทีแรกเขาพอจะดูออกว่าหญิงสาวคงจะชอบข้าวผัดปูอยู่ไม่น้อยเพราะเห็นเธอทานแบบไม่พูดไม่จาผิดจากเมื่อกลางวันที่เขี่ยจานข้าวไปมา
“ค่ะตอนที่แม่ของแพรอยู่แม่ชอบทำให้แพรทานค่ะข้าวผัดปูฝีมือแม่อร่อยที่สุดเลยค่ะแต่...แพรไม่ได้ทานข้าวผัดปูรสชาตินั้นนานแล้วววว”
หลังจากที่หญิงสาวทานข้าวแบบเงียบๆอยู่นานเมื่อชายหนุ่มถามคำถามที่เธอรู้สึกว่ามันจี้ใจเธอเหลือเกินเลยตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆเขาทำให้เธอคิดถึงแม่ตั้งแต่เธอเห็นกล่องข้าวผัดปูนั้นแล้ว
“คุณแม่ผมก็ทำข้าวผัดปูอร่อยมากเหมือนกันนะเอาไว้วันหลังผมจะให้คุณแม่ทำให้คุณทานดีไหม”
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวทำหน้าเศร้าเมื่อพูดถึงแม่เขาจึงหาเรื่องพูดให้เธอได้คลายเศร้าลงบ้างเขารู้ว่าเธอคงจะเจ็บปวดมากๆเพราะเขาเองตอนที่คุณพ่อของเขาเสียเขาเองก็ทำใจอยู่นานเหมือนกันแต่ยังดีที่ยังเหลือคณแม่ของเขาอยู่แต่หญิงสาวเสียทั้งพ่อและแม่คงจะเจ็บมากกว่าเขาหลายเท่าเป็นแน่
“จริงเหรอคะคุณภู....”
หญิงสาวเริ่มมีสีหน้าที่ตื่นเต้นเมื่อเขาพูดถึงเรื่องที่คุณแม่เขาทำกับข้าวอร่อยแต่ก็ต้องหลุบตาลงอีกครั้งเพราะยิ่งนึกถึงหน้าของแม่ของชายหนุ่มความรู้สึกผิดปาปอยู่ในใจของเธอก็ผุดขึ้นมาอีก
“คุณภูคะ...แพรรู้สึกผิดจังเลยที่โกหกพวกท่านถ้าแพรรู้มาก่อนว่าทั้งพี่เพลงแล้วก็คุณพิมพาเป็นทั้งแม่และก็น้องสาวคุณต่อให้คุณใช้วิธีไหนมาบังคับแพรแพรก็จะไม่ยอมช่วยเด็ดขาดเลย”
หญิงสาวพูดเสียงอ่อนบอกความรู้สึกที่คิดอยู่ในใจให้เขาได้ฟังตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่แย่เหลือเกินที่คนที่บ้านของเขาออกจะเมตตาเธอขนาดนั้นแต่เธอกลับต้องเล่นละครตบตาเขาอยู่ทุกวัน
“ผมก็ไม่รู้นี่ว่าพวกคุณรู้จักกันมาก่อน..อีกอย่างถ้าไม่อยากหลอกพวกเค้าเราก็มาเป็นคู่รักกันจริงๆซะเลยสิ”
ชายหนุ่มเสนอแนวคิดให้หญิงสาวที่ดูๆแล้วออกจะให้เข้าทางตัวเองเสียมากกว่าทำเอาหญิงสาวถึงกับมองค้อนให้คนที่นั่งพูดแล้วทำหน้าทะเล้นอยู่ตรงข้ามเธอ
“เลิกคิดแบบนั้นได้เลยค่ะคุณภูแพรไม่มีทางคบกับคุณได้หรอก....”แพรไหมพูดพร้อมตักข้าวเข้าปากและเบนหน้าหนีชายหนุ่มไปกดเปิดทีวีดูเธอรู้ตัวเองดีว่าเธอและเขายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นก็เถอะฐานะของเธอและเขาต่างกันแค่ไหนเธอรู้ดีและอีกอย่างไอ้ที่เขาทำดีกับเธอก็คงเป็นเรื่องที่เขารู้สึกผิดกับเธอมากกว่า“อ๋อ...อืมมม”ชายหนุ่มหน้าเสียเล็กน้อยจากที่เมื่อครู่ยังทำหน้าทะเล้นใส่หญิงสาวอยู่เลยเขาคิดว่าเขาต้องทำยังไงเพื่อให้เธอเห็นว่าเขาจริงใจกับเธอไอ้ที่เธอพูดเมื่อครู่เธอจะรู้ตัวหรือป่าวว่าคำพูดของเธอบีบหัวใจเขาเเค่ไหนเมื่อทังสองทานข้าวเสร็จแล้วแพรไหมจึงให้ชายหนุ่มนอนที่ห้องรับแขกด้านล่างที่เธอเตรียมไว้ให้เมื่อจัดแจงเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงมานอนที่ห้องของเธอละไม่ลืมที่จะล็อคประตูเพราะเธอไม่ไว้ใจชายหนุ่มที่อยู่ข้างล่างสักเท่าไร“อะไรเนี่ยแพร....อย่าลืมสิว่าเขาเคยทำอะไรกับเราไว้...เลิกคิดๆๆๆๆๆๆๆ”เมื่อทิ้งตัวลงนอนหญิงสาวก็กลับนอนไม่หลับเมื่อนึกถึงเรื่องชายหนุ่มที่เข้ามาทำดีกับเธอแถมสถานการณ์ตอนนี้เธอยังคงต้องอยู่ใกล้ชิดเขาบ่อยๆด้วยเธอกลัวใจตัวเองเหลือเกินกลัวว่าจะแ
เช้าวันต่อมาหญิงสาวตื่นขึ้นมาก็ต้องตกใจภาพตรงหน้าเพราะตอนนี้หน้าของเธออยู่ห่างจากชายหนุ่มไม่ถึงคืบเมื่อเธอได้มองเขาใกล้ๆขนาดนี้อีกครั้งทำให้เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆจนเธอต้องเอามือกุมหัวใจตัวเองพร้อมรีบผละออกแล้วเดินออกมานอกห้องนั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ชายหนุ่มจะตื่นขึ้นมา08.00 น.“เก็บของเสร็จแล้วเหรอคุณเมื่อเช้าตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผม”เมื่อเห็นหญิงสาวเดินถือกระเป๋าลงมาชายหนุ่มจึงทักเธอขึ้นแต่หญิงสาวกลับทำเหมือนเขาเป็นอากาศที่ลอยอยู่ซะงั้นสงสัยคงจะงอนเขาอยู่เป็นแน่“ยังโกรธผมอยู่เหรอคุณ...ผมขอโทษ..ก็ผมกลัวนี่นา”ชายหน่มยังแถใช้มุขกลัวผีไม่เลิก“เอาเป็นว่าผมรู้ว่าคุณโกรธแต่ตอนนี้เรามาสงบศึกกันก่อนดีกว่าเพราะว่าวันนี้เราต้องเล่นบทเป็นคู่รักกันคุณอย่าลืมนะ”ชายหนุ่มพูดพร้อมเดินเข้าไปช่วยหญิงสาวถือของมาที่รถ“อืมม...แพรไม่ลืมหรอกค่ะว่าต่อหน้าครอบครัวของคุณภูแพรต้องทำตัวแบบไหน”หยิงสาวพูดพร้อมทำหน้างอเธอเดินผ่านหน้าชายหนุ่มแล้วเปิดประตูไปนั่งรอเขาบนรถหน้าตาเฉยทำเอาชายหนุ่มต้องส่ายหัวเบาๆให้กับอาการพยศของเธอบ้านแอนเดอสัน“เก็บของมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมหนูแพร”พิมพา
“ใช่ฉันเองแล้วนี่ก็หลานสะใภ้ฉัน”เอมิลี่ยืนกุมมือแพรไหมแล้วป่าวประกาศให้เธอได้รู้ว่าคนที่หญิงสาวพึ่งดูถูกคือหลานสะใภ้ของเธอเอง“ไหนคุณท่านบอกว่าอยากได้เพนนีไปเป็นหลานสะใภ้ไงคะทำไมถึงเลือกยัยเฉิ่มคนนี้แทนล่ะคะ”เมื่อได้ยินหญิงชราแนะนำตัวหญิงสาวที่เธอพึ่งดูถูกไปหมาดๆว่าเป็นหลานสะใภ้ก็เท่ากับหักหน้าเธอทำให้เธอเริ่มอารมณ์ขึ้นในเมื่อไม่ไว้หน้าเธอเธอเองก็จะไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน“ฉันไม่ได้เป็นคนเลือกเองแต่หลานชายฉันเค้าเลือกแล้วเค้าก็รักของเค้ามากด้วย”เอมิลี่พูดเสียงดังฟังชัดและหวังว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจที่เธอพูดเธอรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมากที่หญิงสาวตรงหน้ามาแผดเสียงและถลึงตาใส่เธอ“นังนี่เหรอคะไม่มีอะไรที่เทียบเพนนีได้สักนิดแต่งตัวก็เฉิ่มๆเชยๆ”เพนนียังไม่หยุดที่จะดูถูกหญิงสาวในเมื่อเธอไม่ได้สิ่งที่ต้องการเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงใจใครอีกแล้ว“ก็ยังดีกว่าแต่งตัวดูดีแต่เพราะใช้เงินจากการกินน้ำใต้ศอกคนอื่นหรอกนะ”เอมิลี่ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้หญิงสาวพร้อมเดินออกไปจากร้านอย่างผู้ชนะเธอรู้สึกว่าเพนนีไม่มีสัมมาคารวะเอาเสียเลยนี่ถ้าไม่เห็นแก่พ่อของเธอเอมิลี่ทำมากกว่าแค่ค่อนขอดเธอแน่“คุณย่านี่สุดย
บ้านแอนเดอสันเย็นของวันต่อมา“ว้าว….สวยจังเลยแพรพี่ว่าแล้วว่าแพรต้องใสชุดนี้สวยแน่ๆ”เพลงพิณยืนยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้าที่พึ่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเธอคิดไม่ผิดที่เลือกชุดสีขาวนี้ให้กับเธอเพราะพออยู่บนตัวหญิงสาวแล้วมันช่างเข้ากับเธอมากที่สุดรวมทั้งทรงผมที่รวบตึงมัดหางม้าลุคนี้ทำให้แพรไหมดูลุคเป็นสาวที่มีรสนิยมมากขึ้น“ขอบคุณค่ะ”แพรไหมยืนยิ้มให้ตัวเองในกระจกเธอไม่คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้หลังจากที่แต่งหน้าทำผมเสร็จเธอเองยังตะลึงคนในกระจกอยู่เลย“งั้นถ้าเรียบร้อยแล้วเราไปกันเถอะ…อ้อ…แล้วถ้ารู้สึกเวียนหัวหน้ามืดบอกพี่ได้นะ”“ค่ะ”เพลงพิณยังเป็นห่วงหญิงสาวกลัวว่าเธอจะมีอาการแบบเมื่อวานอีก“เรียบร้อยแล้วค่ะเราไปกันเถอะ”เพลงพิณพูดขึ้นหลังจากที่เห็นทุกคนยืนรออยู่ข้างล่างกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วภูผาหันมาตามเสียงของคนเป็นน้องสาวพลันสายตาก็เหลือบไปจ้องมองคนที่เดินตามหลังน้องสาวเขาทันทีภาพตรงหน้าช่างสะกดสายตาของเขาให้มองไปทางไหนไม่ได้วันนี้แพรไหมสวยแปลกตามากสวยมากจนเขาหยุดมองไม่ได้ทั้งชุดและการแต่งหน้าทำผมทำให้เธอดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“น้องแพรสวยใช่ไหมล่ะคะพี่ชาย”เมื่อเพลงพิณเห็นคนเป็น
“คุณซินดี้ครับตกลงงานวันนี้ผมไม่ต้องเดินแล้วใช่ไหมครับในเมื่อไม่มีนางแบบ”ดินแดนเดินตามหญิงวัยกลางคนมาถึงโซน VIP คราแรกว่าจะขอตัวกลับตั้งแต่อยู่ในห้องแต่งตัวแต่เมื่อรู้ว่านางแบบที่จะเดินด้วยมาไม่ได้เมื่อเขาจะเดินมาบอกซินดี้ว่าจะขอตัวกลับเธอกลับเดินดุ่มๆตรงมาที่นี่ซะงั้นทำให้เขาต้องเดินตามมาถึงที่นี่เขาเองไม่ได้อยากจะเดินแบบงานนี้สักเท่าไรแต่ติดตรงคุณแม่ของเขาเป็นคนขอร้องให้ช่วยเพราะเป็นงานการกุศลถ้าเป็นงานอย่างอื่นเขาไม่ยอมช่วยแน่เขาไม่ชอบสังคมแบบนี้เลยสักนิดชอบอยู่กับป่าอยู่กับเขามากกว่า“เอ่อใจเย็นๆค่ะคุณดินแดนอยู่ช่วยซินดี้ก่อนนะคะอย่าพึ่งหนีงานไปอีกคนเลยนะไม่งั้นงานพังแน่ๆเลย”ซินดี้อ้อนวอนขอร้องชายหนุ่มสุดชีวิตเพราะถ้าเขาไม่อยู่เดินอีกคนงานคงพังแน่ๆเพราะชายหนุ่มต้องเดินแบบคู่กับหญิงสาวในชุดฟินนาเล่น่ะสิแต่ตอนนี้เธอเองยังหาคนใส่ชุดฟินนาเล่ไม่ได้เลย“พี่ดิน…”แพรไหมนั่งจ้องหน้าชายหนุ่มอยู่สักครู่จึงทักชื่อเขาออกมาทำให้ชายหนุ่มที่ทำหน้าเซ็งอยู่เมื่อครู่เมื่อเห็นหน้าหญิงสาวที่เรียกก็ยิ้มหน้าบานออกมาทันที“น้องแพร…..พี่ไม่คิดว่าจะเจอน้องแพรที่นี่สวยขึ้นมากเลยนะเรา”เมื่อชายหนุ่มจำได้ว
“ทั้งสองคนแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ….ว้าวววว..น้องเพลงสวยมากเลยค่ะหุ่นดีมาก..งานหน้าต้องขอยืมตัวน้องเพลงมาเดินให้อีกแล้วล่ะค่ะ”ซินดี้เห็นหุ่นหญิงสาวก็อดชมไม่ได้ชุดนี้มันช่างเข้ากับเธอจริงๆไหนจะอกเป็นอกเอวเป็นเอวแล้วก็ขายาวสวยของเธอนั่นอีก“ขอบคุณค่ะ”หญิงสาวขอบคุณคนที่ชมแบบเอียงอายนิดๆ“คิวต่อไปจะเป็นคิวของคุณดินแดนและน้องเพลงแล้วนะคะเตรียมตัวรอเลยค่ะ”ซินดี้เดินนำหน้าทั้งสองเพื่อที่จะไปรอหลังเวที“เอ่อ…พี่ซินดี้คะเพลงไม่เคยเดินนะคะ”เมื่ออยู่หลังเวทีหญิงสาวรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีพอลองมองออกไปที่หน้าเวทีเห็นคนที่นั่งรอดูอยู่เยอะเธอยิ่งประหม่า“ไม่ต้องกลัวค่ะเดินธรรมชาติเลยค่ะแบบคู่รักค่ะ”ซินดี้หันมาตอบหญิงสาวแบบยิ้มๆและหันไปดูความเรียบร้อยที่หน้างานต่อ“คะ…คู่รัก”หญิงสาวรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ซินดี้บอกไหนตอนพาเธอมาเปลี่ยนชุดไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ“ใช่คุณก็วันนี้เป็นตรีมคู่รักที่เดินกันเป็นคู่…อืมมมคุณก็คิดว่าคุณเดินกับแฟนละกันฟิวประมาณนั้น”ชายหนุ่มลองพูดเพื่อให้หญิงสาวคิดตามว่าเดินแบบวันนี้ฟิวมันจะประมาณไหน“มันฟิวไหนเล่าชั้นไม่เคยมีแฟนนี่”หญิงสาวตอบกลับชายหนุ่มทันควันพร้อมยืนกอ
“ดีสมน้ำหน้าปากสุนัขแบบนี้ให้อยู่เป็นโสดจนตายไปเลยใครได้เป็นแฟนคงรำคาญหูแย่เพราะชอบพูดไม่เข้าหูคนอื่นอยู่เรื่อยย”เพลงพิณพูดหน้าระรื่นนึกสะใจคนที่เคยปากไม่ดีใส่เธอ“เสร็จแล้วเราออกไปกันเถอะจะได้รีบกลับน้องแพรจะได้รีบไปพักผ่อนด้วย"“ค่ะพี่เพลง”ทั้งสองเดินออกมาจากห้องลองก็พบว่านางแบบคนอื่นๆทยอยกลับกันจนจะหมดแล้วเพลงพิณจึงชะเง้อหาซินดี้เพราะเธอจะคืนชุดแต่ไม่ยักจะเห็นว่าอยู่ที่ไหนห้องแต่งตัวนี่ก็กว้างเหลือเกิน“ว้ายน้องแพร”“แพร”จู่ๆแพรไหมก็เกิดวูบขึ้นมาอีกครั้งทำเอาเพลงพิณใจหายวาบดีที่ดินแดนเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินออกมาเห็นแพรไหมกำลังจะล้มลงไปพอดีเลยรีบกอดรับไว้ทัน“คุณดูน้องแพรไว้ก่อนนะเดี๋ยวฉันขอไปหายากับพวกยาดมมาให้น้องแพรก่อน”“โอเค”เพลงพิณรีบวิ่งออกมาหวังที่จะไปหายามาให้แพรไหมแต่สายตาเธอดันเหลือบไปเห็นยัยเพนนีที่ยืนอยู่หน้าห้องทำลับๆล่อๆแต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปถามอะไรเพราะว่าจะต้องรีบไปหายาให้แพรไหม“ไหวมัยแพรนี่เป็นแบบนี้บ่อยไหมพี่ว่าเราไปหาหมอดีกว่านะ”ดินแดนอุ้มแพรไหมนั่งที่โต้ะพร้อมประครองเธอไว้หลวมๆพร้อมยื่นหน้าเข้าไปถามอาการของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าจับขมับอยู่“ไหวค่ะเดี
เมื่อหญิงสาวเหม่อมองออกไปด้านนอกก็เห็นว่าทางที่ชายหนุ่มกำลังขับรถพาเธอกลับมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของทั้งเขาและเธอและตอนนี้เธอก็พึ่งดูออกว่าเขาน่าจะขับออกนอกเส้นทางมาไกลมากเธอจึงต้องเอ่ยปากถามแต่ก็ได้รับเพียงสายตาโมโหที่มองแล้วดูน่าขนลุกมาแทนแถมเขายังเร่งความเร็วรถจนน่ากลัวจนเธอต้องกุมมือทั้งสองข้างไว้ที่เบลอย่างแน่นอีกต่างหาก“ที่นี่ที่ไหนคะคุณภู”เมื่อเห็นชายหนุ่มขับรถมาจอกที่หน้าบ้านริมน้ำที่กลางเก่ากลางใหม่แต่ดูอบอุ่นมากเธอเห็นคราแรกเธอยังชอบเลยเธอจึงปรับอารมณ์แล้วจึงพยายามไล่อารมณ์ที่ตนเองโมโหชายหนุ่มออกและใช้น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มพูดคุยกับเขาเผื่อเขาจะใจเย็นลงแล้วจะได้คุยกับเธอให้รู้เรื่องบ้างว่าเรื่องที่เขาคิดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด“คุณภูคะคือเรื่องรูปแพรอธิบายได้นะคะ…อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดคุณภูน่าจะถามพวกเราก่อนไม่น่าไปทำร้ายพี่ดินแบบนั้นเลย”เมื่อเห็นชายหนุ่มจอดรถแล้วยังนั่งนิ่งอยู่หญิงสาวพยายามจึงค่อยๆอธิบายเพื่อที่จะได้ให้เขาคิดตามว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดและคราวหลังก็ควรที่จะใช้เหตุผลให้มากกว่านี้“หึ….คำก็พี่ดินสองคำก็พี่ดิน”ปึกกกภูผารู้สึกขำตัวเองที่พยายามทำดีกับ