แชร์

ลงเขาปราบมาร

“อาจารย์ หยางหว่านคิดถึงท่านแม่ของนางเช่นกัน”

จี้โม้ พูดแทนหยางหว่าน ปู้ตานซินยิ้ม จี้โม้เติบโตขึ้นมากที่เขาทำล้วนเพื่อหยางหว่านหลายอย่างในเวลาเจ็ดเดือนที่ผ่านมานี่อาจเป็นเพราะร่วมทุกข์สุขกันมาจนสนิทกันดังพี่น้องหรืออาจเป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้แล้วให้สองคนได้เห็นอกเห็นใจกัน

“แล้วเจ้าไม่อยากลงไปหรือจี้โม่”

“ข้าเป็นบุรุษ เรื่องอ่อนแอเช่นนี้ไม่พึงกระทำ ในวันที่ยินยอมขึ้นเขามากับท่านพ่อข้าสัญญากับท่านแม่ไว้ว่าจะเชื่อฟังอาจารย์รีบสำเร็จวิชาโดยเร็วกลับไปดูแลท่านแม่”

ปู้ตานซินยิ้มบางๆจี้โม่ก็คือจี้โม่ไม่ว่า จะเป็นจี้โม่ในวัยสามขวบเกือบจะสี่ขวบหรือว่าจี้โม่ในวัย18ปีล้วนไม่ต่างกัน

“ตกลงข้าให้ศิษย์พี่หยางหว่านของเจ้าลงไปกับข้า”เขา ให้หยางหว่านเป็นศิษย์พี่ของจี้โม่ในการที่เขากลับมาในครั้งนี้ เพื่อที่หยางหว่านจะได้รู้สึกว่าตัวเองอาวุโสกว่า ไม่คิดเกินเลยหรือมีใจให้กับจี้โม่ที่เป็นศิษย์น้องเป็นเพียงหนึ่งในหลายอย่างที่เขากลับมาเปลี่ยนแปลงไม่ให้มันซ้ำรอยเดิม และเขาไม่อยากได้ยิน หยางหว่านเรียกจี้โม่ว่า..ศิษย์พี่..หรือพี่จี้โม่อย่างที่เคยได้ยินแม้คำพูดเรียก ..พี่จี้โม่..ก็บาดใจเขา

รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าน้อย หลงตั๋วเองเหมือนจะดีใจกว่าใคร รีบป่าวประกาศไปทั่วสำนักว่าเขาจะได้ลงเขา ทำเอาคนอื่นอิจฉาที่ได้ติดตามอาจารย์ลงไปเขาไป

“ก็ข้าเป็นถึงไท่จือ อาจารย์เองก็รู้ข้อนี้จึงให้ข้าลงไปด้วยเกรงใจเสด็จพ่อที่ป่านนี้คงอยากพบข้าเต็มทน”

หวังต้าฉินส่ายหน้าไปมา เขาไม่เคยลงเขา สามปีมาแล้วหากลงไปก็แค่ด้านล่างเพื่อส่งศิษย์น้องจูจ้าน กับเหมยกัวรับเสบียงขึ้นมาดูแลเลี้ยงดูศิษย์น้อยใหญ่ ข้างบนเขาอุดมสมบูรณ์มีทุกอย่างครบครัน เขาจะอยากลงไปเสี่ยงอันตรายทำไมกัน เขารู้ดีว่าหากอาจารย์นำหลงตั๋วไปด้วยต้องมีเหตุผลบางอย่าง หาใช่เกรงใจฝ่าบาทเหมือนที่หลงตั๋วคุยโม้ไว้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าด้วยเรื่องใดกัน

“ดีแล้วเจ้าได้ลงเขา แต่ให้รู้ไว้ว่าค่ายกลขาลงโหดหินกว่าขาขึ้น อาจารย์จึงต้องพาเจ้าลงไปด้วย อยู่ให้ตัวติดอาจารย์ไว้จึงดี”

 หวังต้าฉินเตือนหลงตั่ว ที่ยังหลงคิดว่า ปู้ตานซินเห็นแก่บิดาเพียงแค่จะพาไปเยี่ยมฮ่องเต้อย่างที่เขาคิด

เพียงสะบัดมือปู้ตานซินก็พาทั้งสองคนผ่านด่านค่ายกลไปง่ายดาย

หยางหว่านชื่นชมอาจารย์ยิ่งนักเพียงแต่นางอายุเพียงเท่านี้ยังรู้สึกว่าอาจารย์ช่างหล่อเหลางดงามราวเทพสวรรค์อีกทั้งฝีมือร้ายกาจจนคิดว่าคงไม่มีใครสามารถต่อกรกับอาจารย์ของหยางหว่านได้ ความชื่นชมและปลาบปลื้ม ที่ได้เดินเคียงข้างอาจารย์ ไม่เพียงแต่หยางหว่านหากแต่หลงตั๋วกับรู้สึกว่าตัวพองโตเหมือนอึ่งอ่าง รู้สึกภาคภูมิที่ได้ลงเขาโดยไม่ต้องผ่าด่านคล้ายกลที่ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แทบจะเอาชีวิตไม่รอด หากไม่ได้ฝึกกรำจนครบหนึ่งปีบนเขาเป็นศิษย์ของปู้ตานซิน แต่นี่เขากับหยางหว่านเพิ่งจะฝึกฝนไปแค่เจ็ดเดือน

“อาจารย์ศิษย์พี่ คงจะเมื่อยล้าข้าอาสาให้ศิษย์พี่ขี่หลังจะดีไหม”

ปู้ตานซินทำสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจกลับคิดว่า เจ้านี่มีน้ำใจหรือว่าแสร้งทำไปดีต่อหน้าเขาเท่านั้น

“อาจารย์หยางหว่านอยากให้ท่านอุ้ม”

"ศิษย์พี่อย่าได้รบกวนอาจารย์เลยขี่หลังข้าไปดีกว่า ระยะทางจากนี่ไปในเมืองยังอีกไกล อาจารย์จะอุ้มอย่างไรไหว”

ปู้ตานซินเอ๊ยปู้ตานซิน เจ้ามองเด็กน้อยผู้นี้อย่างไรกัน แขนแข็งแรงตวัดอุ้มร่างเล็กขึ้นมาแนบอก

หยางหว่านหากที่ผ่านมาเจ้าเดียงสาเหมือนกับตอนนี้ก็ดี ปู้ตานซินคงมีความสุขกว่าใคร แต่ที่ผ่านมาหาใช่เป็นเช่นนี้ ในเมื่อเขาใช้หลงตั๋วเป็นตัวล่อเช่นไรจะให้เขา อุ้มหยางหวาน ก็จบเห่กันพอดี

“เจ้าเดินนำไปข้างหน้า”

“ขอรับอาจารย์”แผนการถูกกำหนดไว้แล้วใครกันจะแปรเปลี่ยนได้หากไม่ใช่ผู้วางแผนการ เขกลับมาเพื่อสิ่งนี้ 

ที่ลำธารใสกลางป่า 

เรื่องอะไรจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย ไท่จือเป็นคนสำคัญ ชาวบ้านเดือดร้อน ฮ่องเต้ละเลยปล่อยให้ปีศาจพรายน้ำกินคนอาละวาด ฮ่องเต้ไม่ส่งมือดีมาจัดการ ชีวิตวังหลวงสะดวกสบายข้างในมีการอารักขาแน่นหนาไม่มีทางที่ปีศาจร้ายจะเข้าไปจัดการคนในวังหลวงเคราะห์ร้ายจึงตกอยู่กับชาวบ้านตาดำๆ ฮ่องเต้ดีประชาชนมีสุขแต่นี่หาแยแสเรื่องทุกข์เข็ญของชาวบ้าน เช่นนั้นหากเป็นไท่จือถูกจับตัวไปเกรงว่า จะต้องรีบนำคนมาช่วย วันก่อนที่เขาเห็นคือหญิงม่ายกับลูกน้อยถูกปีศาจจับไป ป่านนี้คงหาชีวิตไม่แล้ว ร้อนถึงมือเขาที่ไม่อาจละเลย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status