ในอดีต เนี่ยหยวนซู เป็นนางร้าย เจ้าคิดเจ้าแค้น เกิดมาเพื่อ หึงหวงสามี และตามแจกกล้วย เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งคนทั้งสกุลจิ่ง มิหนำซ้ำ ยังตามรังควานไท่ฮูหยินกับอนุแสนอ่อนแอให้อยู่อย่างอกสั่นขวัญผวา แต่เกิดชาติใหม่นางมาพร้อมการเท เททั้งสามีและคนรอบตัวเขา แบบหมดหน้าตัก ไม่ใช่ว่าอยากถือศีลกินเจ ทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์ สะสมแต้มบุญเพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า ในความจริง นางก็แค่โนสนโนแคร์ อยากเป็นสตรีร่ำรวยพร้อมอำนาจล้นมือ ดังนั้น ‘หนังสือหย่า’ จึงเสมือนใบเปิดทางให้หญิงสาวได้ติดปีกบินกลายเป็น นางหงส์ไฟ อย่างสมหวัง ทว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาง่าย ๆ เมื่อสามีนางคือ จิ่งหลัวคุน ฉายา ลาโง่ตัวโต ทั้งยังเป็นจอมเผด็จการ หากคิดจะหย่าจากเขาน่ะหรือ ชาตินี้มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ ก็คือนางต้องข้ามศพของเขาไปให้ได้เสียก่อน!
Lihat lebih banyakจากนั้นกายแกร่งก็แนบกับเนื้อนุ่มนิ่มของเนี่ยหยวนซู หน้าอกอวบเบียดชิด และมือหยาบกร้านของเขาแตะสลับการเคล้นคลึงและบีบทุกสัดส่วนที่ไวต่อความรู้สึก“ทุกส่วนในร่างกายนี้ เป็นของข้า...”“ฮึ คนโลภมักต้องเสียทุกอย่าง”“อย่างไร อาซูก็ต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว”“เหตุใดถึงได้มั่นใจถึงเพียงนั้น”“คนงามของข้า ทั้งใต้หล้านี้จะหาใครหล่อเหลาและมีขาที่สามซึ่งงดงาม อุ่นจัด แล้วยังตั้งตรงได้เท่าข้าย่อมไม่มี”เนี่ยหยวนซูทั้งขันและสยิวใจ อันที่จริงนางเป็นสตรีรักสนุกอยู่มาก แต่จะให้มองความแข็งขันเขาตรง ๆ ในยามนี้ ต้องยอมรับว่าขัดเขินเหลือเกิน แท่งหยกนั้น เห็นแล้วนางก็ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง บริเวณเนื้องาม ๆ ที่ฉ่ำแฉะก็ปรารถนาให้เขาล่วงเกินโดยเร็ว!“อ๊ะ...ท่านเป็นไข้สินะ ถึงได้ตัวร้อนเช่นนี้” นางถามราวกับสตรีไร้ประสบการณ์“โถ อาซู ข้าไม่ได้ตัวร้อน ที่เจ้าสัมผัสอยู่นั่นคือน้องชายคนเล็กของข้าต่างหาก ดูสิ...มันอยากให้เจ้าบอกรักรู้หรือไม่”เนี่ยหยวนซูจั๊กจี้ต่อคำพูดเขา และอยากจูบอีกฝ่ายให้หนักหน่วงด้วยต้องการโบยบินสู่สรวงสวรรค์แห่งความสุขอึดใจต่อมา เรียวลิ้นร้อนได้แทรกลึกเข้าไปในโพรงปากสัมผัสดังกล่าวหวานล้ำเหลือ
เนี่ยหยวนซูไม่ทันได้เห็นสิ่งใดต่อ เนื่องจากนางถูกใครก็ไม่รู้พยายามจับตัว หญิงสาวดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ทว่าพวกมือสังหารรับจ้าง หาได้เมตตาปรานี มันใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าใส่ศีรษะด้านหลังหญิงสาว พร้อมดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาหมายแทงเข้าใส่ร่างของเนี่ยหยวนซูหญิงสาวแม้จะมึนงงทั้งปวดที่ศีรษะตุบ ๆ แต่นางจะไม่ขอจบชีวิตบนเรือ และจากไปโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ในขณะที่เนี่ยหยวนซูเคลื่อนร่างกายหลบการแทงของอีกฝ่ายอย่างหวุดหวิดหลายครั้งหลายหน นางก็ได้กลิ่นคาวจัด เลือดสีแดงสดไหลอาบใบหน้าเนี่ยหยวนซู ก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะทรุดลงหญิงสาวหวีดร้องเสียขวัญ และอึดใจต่อมาสองหูก็ได้ยินเสียงดังตูมเนี่ยหยวนซูเคยว่ายน้ำได้ และว่ายได้ดีเสียด้วย หากยามนี้ร่างกายกลับแข็งทื่อ นั่นเป็นเพราะนางเป็นตะคริวที่ขา!“ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที!” ห้าวันต่อมา เรือนหลังนั้นสะอาดมีความเป็นระเบียบ ด้านนอกห่างออกไปมีม้าตัวโตถูกผูกเอาไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างเสี่ยงภัยมาก แต่สุดท้ายเนี่ยหยวนซูก็รอดชีวิต นางมีโอกาสอยู่บนโลกนี้อีกครั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตนส่วนผู้ติดตามนางต่างได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหนักสุดคือเสี่ยวฉุน กระนั้นด้วยย
เกือบรุ่งสางเสียงดังโครมครามเกิดขึ้นด้านบนเรือ สถานการณ์ดูไม่เป็นปกติอย่างที่สุด ฝ่ายเกอสวินเฝ้าอยู่ด้านนอกซึ่งตอนนี้หายตัวไป ส่วนเสี่ยวฉุนส่งสัญญาณให้ฝานเหอเพื่อแจ้งบางสิ่งแก่เนี่ยหยวนซู“คุณหนู ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ดูเหมือน...มีผู้ติดตามเรามา!”ฝานเหอเอ่ยจบ เสียงอาวุธและการต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้น จนเป็นเหตุให้เนี่ยหยวนซูใจเต้นแรง อย่างไรนางก็ไร้วรยุทธ์ อีกทั้งรู้ว่าชีวิตนี้มีเพียงชีวิตเดียว หากตายทุกอย่างก็จบ!“เราจะปลอดภัยใช่หรือไม่”“บ่าวย่อมปกป้องคุณหนู ไม่ให้ผู้ใดทำอันตราย”เสียงต่อสู้ดังกว่าเดิม คนในเรือต่างหนีตายอลหม่าน พวกที่บุกเข้ามา บนเรือขนสินค้ามีจำนวนสองลำด้วยกัน และจุดประสงค์ชัดเจนคือฆ่าทุกคน“คุณหนู หากซ่อนตัวก็อาจถูกค้นหาได้ ใช้เรือลำเล็กแล้วหนีเข้าฝั่งดีหรือไม่เจ้าคะ”เนี่ยหยวนซูแม้ใจกล้าบ้าบิ่นแต่นางต้องคิดให้ถ้วนถี่“คนพวกนั้นย่อมฝีมือไม่ต่ำทราม ข้าว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งแรงนัก ส่วนแม่นมฝานก็ไม่ใช่สตรีแรกรุ่น”เนี่ยหยวนซูประเมินสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าอย่างเร็ว“เยี่ยงนั้น ใช้เรือล่อพวกนั้น บ่าวจะพายเรือลำเล็กออกไป ส่วนคุณหนูหลบอยู่ท้ายเรือนะเจ้าคะ อย่างไรแม้ผู้
กลับกลายเป็นว่ายามนี้สตรีที่ไร้ปากเสียงได้พลิกสถานการณ์กลับด้าน และนางย่อมได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ รวมถึงมีอำนาจกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง มิช้าซือหม่าหู่คงมองว่านางมีผลประโยชน์เช่นก่อนหน้านี้”เนี่ยหยวนซูเชื่อเช่นนั้นและที่คิดไว้ คือในงานเลี้ยงฮ่องเต้อาจปะปนอยู่ในกลุ่มแขกที่เข้ามาร่วมงาน และคอยสังเกตการณ์อยู่ฝ่ายเสี่ยวฉุนได้ฟังแล้วค่อนข้างครั่นคร้ามใจ นางจึงเอ่ยว่า“เช่นนั้น คนที่คุณหนูสมควรระวังให้มากที่สุด คงมิใช่ไทเฮาเสียแล้ว”“เด็กน้อยเสี่ยวฉุน เจ้าหลักแหลมนัก ถูกต้อง ฟานเลี่ยงคือสตรีหน้าเนื้อใจเสือผู้หนึ่ง อีกอย่างเจ้าคงมองออกว่านางเป็นผู้ฝึกยุทธ์!”เกอสวินซึ่งพยักหน้าตามตั้งแต่ต้น พอสบโอกาสก็เอ่ยว่า“ฮองเฮา คือนางเสือที่นุ่งห่มหนังแกะตัวจริง เรื่องนี้คุณชายสามเคยเล่าให้ข้าฟังนานแล้ว”เมื่อเกอสวินกล่าว เนี่ยหยวนซูก็จำสายตาอีกฝ่ายได้ ทั้งในวันที่พบกัน ณ โรงน้ำชา รวมถึงยามที่ฟานเลี่ยงมองสร้อยหยกที่เนี่ยหยวนซูสวมใส่“ตอนนี้พวกเราทั้งหมดคงลำบากมิน้อย การเดินทางไกลคงไม่สะดวก อีกอย่างอาจมีมือสังหารหรือผู้ประสงค์ร้ายติดตามมา ดังนั้นพูดกับผู้อื่นให้น้อย และอย่าออกไปพบใครจนกว่าเรือจะจอดที่
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนี่ยหยวนซูต้องยอมรับว่าได้เจ้าของร่างช่วยเหลือเป็นอย่างมาก อีกทั้งนางสามารถปะติดปะต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงนำมาวางแผนแล้วขอความร่วมมือจากจิ่งป๋อ แรกเริ่มเขาแปลกใจ ทว่าเมื่อรู้ว่าฟานเลี่ยงมีความประสงค์เช่นไร ชายหนุ่มจึงไม่รีรอยอมสวมบทบาทเป็นคนของเชามี่ เพื่อวางแผนตลบหลังอนุภรรยาพี่ชายจิ่งป๋อเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้ารัดกุมสีเข้ม มองแล้วคล้ายคนจากสำนักคุ้มภัย แต่ดูแปลกตาก็คือหน้ากากที่เลือกสวมเพื่ออำพรางใบหน้า นอกจากนั้นเขายังดื่มชาชนิดหนึ่งซึ่งทำให้เสียงแหบต่ำ ฟังแล้วไม่อาจจำได้ว่าคนที่เอ่ยคือจิ่งป๋อ ด้วยเหตุนี้แม้เชามี่จะสงสัย แต่นางที่ได้รับยากล่อมประสาทอ่อน ๆ จึงยากแยกแยะสิ่งใดได้ง่าย ๆ“พี่สะใภ้ การกระทำของท่านเสี่ยงภัยเกินไปหรือไม่”“ข้าเลือกทางเดินเช่นนี้ย่อมล่วงรู้อนาคต ส่วนคุณชายสมควรห่วงไท่ฮูหยิน อย่างไรนางก็คือผู้ให้กำเนิดท่าน เรื่องนี้เหมาะสมที่สุด”“ข้าขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้เรามีเรื่องบาดหมางใจกันมิน้อย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดข้าถึงคิดว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่พึ่งพาได้”“นั่นเป็นเพราะตำแหน่งฮูหยินใหญ่แห่งจวนจิ่งมิใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อ
“อนุเชา ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะมีคนต้องการฆ่าปิดปาก เรื่องที่ต้องการเปิดโปงการใช้ไสยเวทในจวนจิ่งของไท่ฮูหยิน แน่นอนหากจิ่งหลัวคุนล่วงรู้เรื่องนี้ว่าท่านเป็นคนเปิดโปงย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นจงรีบช่วงชิงความได้เปรียบ จัดการเนี่ยหยวนซูแล้วป้ายความผิดไปให้นางย่อมดีที่สุดว่าเป็นผู้พยายามหาความผิดของไท่ฮูหยิน ในการใช้ไสยเวทเล่นงานมารดาของจิ่งหลัวคุน จนนางกลายเป็นสตรีวิปลาสส่วนเรื่องการที่นางกักขังไว้ก็ให้บอกทุกคนว่าเนี่ยหยวนซูมีแผนร้ายแอบแฝง ต้องการปิดปากท่าน ดังนั้นเมื่อไม่มีฮูหยินจิ่ง ทั้งเจ้าบ้านเนี่ยและแม่ทัพจิ่งย่อมสูญเสียกำลังใจ พวกเขาอาจคลั่งหนัก แต่...เชื่อข้าเถิด หากทำเช่นนี้สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแน่นอน ใต้เท้าเชารวมถึงท่านย่อมไร้มลทิน และผู้อยู่เบื้องหลังแผนทั้งหมดจะส่งเสริมให้ท่านได้ก้าวขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนจิ่ง...”เชามี่แม้จะฝันหวานตามคำพูดคนพวกนี้ ทว่าใจกลับกลัวเหลือเกิน มันเป็นเสียงเล็ก ๆ บอกให้นางอย่าหลงเชื่อคำพูดของคนพวกนี้“พวกเจ้าพูดเหมือนง่าย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นใครจะสามารถเข้าใกล้มันได้ง่าย ๆ”“อย่างที่บอก สาวใช้ของท่านที่ทรยศถึงขั้นฆ่าผู้เป็นนาย ด้วยมีมารดาและน้องชายที่ร
อ้ายเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดการณ์ และต้องประหลาดใจที่หูได้ยินเสียงร้องเพลงเสียงดนตรีอึกทึก เหนืออื่นใดที่ทำให้เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง เชามี่กลับยังไม่ตาย! อีกทั้งเรือนหลังที่เป็นส่วนห้องรับรองยังไม่ถูกเผาไหม้ นอกเหนือจากนั้น นางรู้ว่าตนได้รับพิษร้ายแรง รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอนลอยคว้างอยู่รอบตัว ทั้งหมดสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของเชามี่ทว่าสิ่งมีสิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เชามี่สวมหน้ากากงูดำ ราวกับนางอยู่ในงานเลี้ยงของเนี่ยหยวนซู และสิ่งที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคือเชามี่คงเป็นเพียงชุดที่สวมใส่ และกลิ่นถุงหอมของนางที่ลอยอบอวลอยู่ในห้องเล็กแคบอ้ายเหมยระแวดระวังภัยตนอย่างหนัก นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ปิดตาย และเห็นว่ายังมีคราบเลือดอันเกิดจากบาดแผลของเชามี่เปรอะอยู่ตามพื้นห้อง“นายหญิงเชา ท่านยังยื้อชีวิตจากมัจจุราชได้อีกหรือ” อ้ายเหมยถามราวกับเป็นคนโง่อีกฝ่ายหัวเราะเสียงแหลม ท่าทางดูราวกับมีความแค้นสุมอยู่ในอก ยิ่งกว่านั้น นางไม่เหมือนเชามี่ที่อ้ายเหมยรู้จัก “ฮึ ดูให้ดี...แท้จริง ข้าอาจตายไปตั้งแต่ถูกเจ้ากรีดข้อมือก็เป็นได้”อ้ายเหมยไม่อยากเสียเวลาอีก นางควรออกจากห้องนี้ แล้วมุ่งหน้าไปร
“ฮองเฮาต้องการแจ้งสิ่งใดต่อข้า” เมื่อเนี่ยหยวนซูตามหาเสียงตนเองพบ จึงเอ่ยถามฟานเลี่ยงย่อมเข้าใจนิสัยใจคอคนในวังหลวงดี พวกนั้นเห็นเพียงประโยชน์ของตน “แม่ทัพจิ่ง คาดการณ์ว่าข้าต้องได้มางานเลี้ยงคืนนี้ จึงขอให้ข้าได้ช่วยเหลือเรื่องสำคัญ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเห็นฮูหยินจิ่งสวมสร้อยหยกก็หมายความว่าเจ้าคือสตรีที่คู่ควรให้เขาเรียกขานว่า ‘ภรรยา’ กระนั้นบ้านเมืองยามนี้ผู้มีอำนาจถึงจะเอาชีวิตรอด แต่...นอกจากอำนาจคงเป็นเงินที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ และหากข้าคาดการณ์ไม่ผิด เหล่าคหบดีและขุนนางที่อยู่นอกเมืองหลายคนย่อมได้รับโทษหนักเบาต่างกันไป โดยจุดหมายสำคัญครั้งนี้ ไทเฮาต้องการบีบคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองเป่ยตูให้ย้ายข้างไปเป็นคนของนางโดยใช้ข้อหากบฏเป็นการข่มขู่”ฮองเฮากล่าวอย่างไม่ปิดบัง นี่คงทำให้เนี่ยหยวนซูตระหนักถึงภัยใหญ่หลวงที่กำลังเกิดขึ้น“ฮองเฮากล่าวทุกอย่างให้ข้าฟังเช่นนี้ ไม่คิดว่าข้าจะปากโป้งเผยความลับให้ผู้อื่นล่วงรู้หรอกหรือ”“ฮึ หากข้ากลัว ไฉนจะขึ้นเกี้ยวออกจากวังหลวง และเดินทางมาชมการแสดงพลุไฟในโรงละครเก่านี้เล่า ที่สำคัญอย่าดูถูกน้ำใจข้าให้มาก แม้ไม่เคยช่วยเหลือกันมาก่อน แต่ข้ายิน
จิ่งป๋ออยากติดตามเนี่ยหยวนซูเข้าไปด้านในด้วย แม้เขาจะเป็นลูกแหง่ ทว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานเขาสมควรปกป้องพี่สะใภ้ แต่เนี่ยหยวนซูยกมือห้ามและบอกว่าขอให้เขาช่วยต้อนรับแขกภายในงานแทนนางสักพัก ส่วนหู่ฮาวเทียน เมื่อเห็นว่าตนสร้างความน่าเกรงขามให้ผู้อื่นขยาดกลัวสำเร็จ เขาก็ดึงร่างนางรำมาสองคน แล้วบอกว่าอยากเปิดห้องพิเศษสำหรับดื่มและกินโดยห้ามให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งวุ่นวาย“พี่สะใภ้ ท่านมั่นใจหรือว่าจะตกลงกับคนในวังได้ สุนัขจิ้งจอกว่าร้ายแล้ว แต่ห้าอสรพิษที่ถูกเลี้ยงจนกลายเป็นหนอนกู่ ย่อมไม่อาจรับมือง่าย ๆ”จิ่งป๋อว่าจบก็มองไปยังฟานเลี่ยง“คุณชายสาม แม้พี่ชายเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่อย่าคิดว่าเขาจะช่วยเหลือได้ตลอด หากเจ้ายังพยายามยื่นคอไปให้ผู้อื่นตัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะฝ่ายนั้นเป็นถึงแม่ของแผ่นดิน ก็คงไม่แคล้วได้ตายสมใจ”เนี่ยหยวนซูปรามจิ่งป๋อ ฝ่ายฟานเลี่ยงโบกมือไปมา ก่อนเอ่ยว่า“ฮูหยินจิ่ง ตอนนี้ข้าค่อยยังชั่วแล้ว ปะ ไปคุยกันข้างในจะดีกว่า!” เนี่ยหยวนซูอารมณ์ขุ่นมัวเป็นอย่างมาก การที่ฟานเลี่ยงจงใจทำสร้อยหยกที่แม่ทัพหนุ่มมอบให้นับว่าไม่สมควร แต่ให้นางโวยวายหรือแสดงความไม่พอใจคงเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดนัก ยิ่ง
เมืองเป่ยตู เมืองหลวงแคว้น เฉิงโจว ริมฝีปากที่ทาชาดสีแดงและเคลือบน้ำมันกุหลาบ เผยออ้ากว้างก่อนส่งเสียงหวานสูง ๆ ต่ำ ๆ ราวกับกินของเผ็ดร้อนที่ไม่ใช่อาหาร!“อื้อ...อะ อ๊า...อี้ ๆ ๆ” เนี่ยหยวนซูพยายามมีอารมณ์ร่วมอย่างที่สุด แม้อีกฝ่ายกำลังทำเรื่องเหลวไหล และเข้าข่ายสัปดนจนขนที่หลังต้นคอนางลุกชัน ริมฝีปากสีสดบางชื้นซึ่งมีกลิ่นสุราฤทธิ์แรง บรรจงจูบบนหลังเท้านาง ก่อนเลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงบริเวณน่อง ท่อนขาเรียว ส่วนมือใหญ่ที่หยาบกร้านอยู่สักหน่อย ก็นวดในจุดที่ส่งผลให้นางหวามไหว และจะเป็นที่ใดเล่าหากมิใช่จุดซึ่งอยู่เหนือพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่ไร้เส้นไหมนุ่มนิ่มปกคลุม“อ๊ะ...ท่านพี่!” ดวงตากลมโตมองคนที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาเผชิญหน้ากัน ยามนี้เขาจึงขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างอรชรผู้ชายตัวโตนี้หล่อเหลาราวกับรูปปั้นเทพ ริมฝีปากบางหยักสวยเมื่อครู่ได้ทำในสิ่งที่นางค่อนข้างประหลาดใจ“ข้าเป็นลูกหมาของ...น้องหญิง!”น้ำเสียงเขาทุ้มฟังแล้วอ้อแอ้และชวนให้น่าหยิกร่างกายกำยำมิหยอกเนี่ยหยวนซูตาโต อยากหัวเราะเสียงดัง บุรุษผู้นี้ชอบแนวนายทาสกับลูกหมาน้อยเยี่ยงนั้นหรือ มหัศจรรย์ยิ่งนัก และโลกคล้ายจีนโบราณน...
Komen