เมืองเป่ยตู เมืองหลวงแคว้น เฉิงโจว
ริมฝีปากที่ทาชาดสีแดงและเคลือบน้ำมันกุหลาบ เผยออ้ากว้างก่อนส่งเสียงหวานสูง ๆ ต่ำ ๆ ราวกับกินของเผ็ดร้อนที่ไม่ใช่อาหาร!
“อื้อ...อะ อ๊า...อี้ ๆ ๆ” เนี่ยหยวนซูพยายามมีอารมณ์ร่วมอย่างที่สุด แม้อีกฝ่ายกำลังทำเรื่องเหลวไหล และเข้าข่ายสัปดนจนขนที่หลังต้นคอนางลุกชัน ริมฝีปากสีสดบางชื้นซึ่งมีกลิ่นสุราฤทธิ์แรง บรรจงจูบบนหลังเท้านาง ก่อนเลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงบริเวณน่อง ท่อนขาเรียว ส่วนมือใหญ่ที่หยาบกร้านอยู่สักหน่อย ก็นวดในจุดที่ส่งผลให้นางหวามไหว และจะเป็นที่ใดเล่าหากมิใช่จุดซึ่งอยู่เหนือพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่ไร้เส้นไหมนุ่มนิ่มปกคลุม
“อ๊ะ...ท่านพี่!” ดวงตากลมโตมองคนที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาเผชิญหน้ากัน ยามนี้เขาจึงขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างอรชร
ผู้ชายตัวโตนี้หล่อเหลาราวกับรูปปั้นเทพ ริมฝีปากบางหยักสวยเมื่อครู่ได้ทำในสิ่งที่นางค่อนข้างประหลาดใจ
“ข้าเป็นลูกหมาของ...น้องหญิง!”
น้ำเสียงเขาทุ้มฟังแล้วอ้อแอ้และชวนให้น่าหยิกร่างกายกำยำมิหยอก
เนี่ยหยวนซูตาโต อยากหัวเราะเสียงดัง บุรุษผู้นี้ชอบแนวนายทาสกับลูกหมาน้อยเยี่ยงนั้นหรือ มหัศจรรย์ยิ่งนัก และโลกคล้ายจีนโบราณนี้เกิดสิ่งเหนือความคาดหมายได้เสมอ
“อืม...แล้ว ท่านทำสิ่งใดได้บ้าง นอกจากการใช้ลิ้นสาก ๆ แสนสกปรกนั้นเย้าหยอกสตรีโฉมงาม” คำถามนางกึ่งยั่วเย้ากึ่งเชิญชวน
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทำให้เนี่ยหยวนซูตะลึงพรึงเพริด เมื่อมือเรียวของนางถูกส่งเข้าปากอีกฝ่าย เขาทั้งดูด อม ราวกับเป็นของโปรด
“อี๋ จั๊กจี้เป็นบ้า คนไร้ยางอาย ทะ...ท่าน อยากให้ข้าเสร็จเช่นนี้หรือ ลูกหมาน้อยหลัวคุน!”
ถามออกไปแล้วก็เป็นเหตุให้คนตัวโตหยุดชะงัก คล้ายกับว่าเขานั้นจะหลับกลางอากาศ ต่อมาความรู้สึกที่หลงเหลือไว้คือความเหนียวหนึบบนมือเรียวสวย ฝ่ายจิ่งหลัวคุนจู่ ๆ ก็กลายเป็นอากาศธาตุ ทำให้ผู้เป็นเจ้าสาวค้างเติ่ง กลับไม่ได้ แถมไปก็ไม่ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด
อันที่จริงเธอหวังใจรับรู้ถึงสัมผัสเร่าร้อน แต่เนี่ยหยวนซูหาได้เกิดความซ่านสยิวใจ เธอไม่ใช่สตรีโลกสวยหรือบริสุทธิ์ผุดผ่อง ในโลกที่จากมายุค ค.ศ. 20xx เธอฮอตและร้อนฉ่า งานที่ทำก็ส่งเสริมให้เป็นผู้หญิงทรงอำนาจ และเปย์ผู้ชายหนุ่มแน่นเสมอ ดังนั้นคนที่เรียกมาใช้บริการเพื่อเสริมสร้างความสุขย่อมต้องหล่อล่ำ และขาที่สามต้องไม่ใช่แค่ใหญ่ หากต้องพร้อมรบ สามารถพ่นความอุ่นซ่านได้ดี ด้วยตัวเธอชอบไปเที่ยวสถานที่ซึ่งมีหนุ่ม ๆ ใส่เสื้อยืดและกางเกงยีนรัดเป้าตุง ๆ มีหมายเลขติดที่หน้าอก
แต่ให้ตายเถอะ ยามนี้ความบัดซบเกิดขึ้นแล้ว ผู้ชายที่เข้าหอกับเธอ เขาคือ แม่ทัพจิ่ง ถูกมอมเหล้ายังไม่พอ อนุของเขาและน้องชายตัวดี จิ่งป๋อ ได้ร่วมมือกับ ไท่ฮูหยิน นางงูเขียว วางยาจิ่งหลัวคุนอย่างหนัก เพื่อไม่ให้เขาฝังความเป็นชายเข้ามาในร่างกายเนี่ยหยวนซู ความบัดซบนี้เป็นแผนร้าย ๆ ของคนที่อยากให้เธออับอาย เพื่อที่เธอจะไม่สามารถให้ทายาทแก่จิ่งหลัวคุน เพราะหลังจากคืนนี้ ตามเรื่องราวเดิมคือ จิ่งหลัวคุนจะไม่ย่างกรายกลับมาที่เรือนไป๋เหลียนฮวาของฮูหยินใหญ่อีก กระทั่งเนี่ยหยวนซูคนเดิมได้สร้างแผนชั่วช้า จนเป็นเหตุให้ทั้งจวนจิ่งลุกเป็นไฟ!
ดังนั้นเมื่อเขาต้องพิษและถูกมอมเมา ขาที่สามของจิ่งหลัวคุนจึงไม่แข็ง นอกจากนั้นมันยังอ่อนนุ่มนิ่มจนน่าเหนื่อยใจ ซึ่งเนี่ยหยวนซูรู้ว่าบุรุษยืดได้หดได้ แต่ยามนี้ชายที่ถูกหิ้วปีกมาเข้าห้องหอและหมายใจพยายามเจาะไข่แดงเธอในโลกนี้ (เธอโผล่เข้ามาในร่างของหญิงสาววัยสิบหกย่างสิบเจ็ดปี ซึ่งยังมีไฝพรหมจรรย์) กลับมีงูตัวอวบ ๆ ซึ่งเอาแต่คอพับคออ่อน
“ท่านพี่...” เนี่ยหยวนซูพยายามสุดกำลัง ยามนี้จะทำสิ่งใดได้เล่า นางอยู่ในโลกที่แตกต่าง ดังนั้นควรเล่นไปตามเนื้อเรื่องอย่างที่สุด มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน
และเมื่อเขายังงึมงำทำเป็นไม่ได้ยิน นางจึงเสียงดังกว่าเดิม
“ของรักท่าน มันขี้อายเหลือเกินเจ้าค่ะ” นางอธิบายให้บุรุษตัวโตที่เมาไม่รู้เรื่องฟัง
แต่เอ่ยสองครั้งก็แล้ว บุรุษผู้นี้ยังทำเหมือนหูตึง ดังนั้นนางจึงต้องแปลงร่างเป็นสตรีร่านสวาท มือเรียววางแปะกลางลำตัวชายหนุ่ม ให้ตายเถอะ นางขัดเขินอยู่หรอก แต่มาถึงขั้นนี้มีสิ่งใดให้ต้องหน้าบาง
“อืม...น้องหญิง...อ่า!”
เสียงเขาทุ้มฟังแล้วเร้าใจ ลมหายใจอุ่นซ่านหากจะมีกลิ่นสุรารุนแรงสักหน่อยนั่นหาใช่เรื่องใหญ่โต
ทว่านางปล้ำก็แล้ว บีบนวดอย่างตั้งใจก็แล้ว ทั้งออกแรงที่ข้อมือไว ๆ เพื่อปลุกไส้เดือนให้เป็นมังกรผงาดจนเมื่อย หากสุดท้ายกลับพบว่าจิ่งหลัวคุนคงไร้น้ำยาทำสิ่งใดในคืนนี้
จากนั้นนางจึงพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียง พร้อมเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ช่วยไม่ได้นะเจ้าคะ ทำอย่างไรทวนหยกของท่านก็ไม่แข็ง แถมไข่ยังหดเสียด้วย!”
หญิงสาวเอ่ยจบจึงพยายามใช้ความคิด ซึ่งก่อนหน้านั้นเรื่องมันออกจะเลยเถิดอยู่สักหน่อย หลังจากดื่มเหล้ามงคลหมดจอก นางตัวสั่น ใจเต้นแรง ทำอย่างไรได้เล่า บุรุษที่เป็นเจ้าบ่าว เขาคือแม่ทัพอาชามีกำลังทหารนับสิบหมื่นชีวิต มิหนำซ้ำยังหล่อเหลาคมคาย ผิวไม่ได้ขาวจนดูเหมือนคนขี้โรค กลับเป็นสีเข้มน้ำผึ้งป่า ดวงตาเป็นสีเปลือกเกาลัด ดูยั่วใจและยั่วราคะยิ่ง พอเขาเปลือยแผงอก แผลเล็ก ๆ กับรอยสักแปลกตาพร้อมขนในที่ลับบริเวณใต้สะดือทำให้เนี่ยหยวนซู ผู้ระเห็จมาจากโลกอื่นขนลุกซู่ ๆ ทั่วร่าง
แต่...ทั้งหมดกลับล่มลงไม่เป็นท่า เมื่ออีกฝ่ายทำเสียฤกษ์ เพราะขาที่สามของเขากลับกลายเป็นไส้เดือนนุ่มนิ่ม
เมื่อปล่อยให้สามีนอนหลับแล้ว เนี่ยหยวนซูกลับกลัวว่าพวกที่แอบฟังอยู่ด้านนอกจะผิดหวัง ดังนั้นนางจึงต้องจัดการแสดงชุดใหญ่เพื่อให้สมศักดิ์ศรีลูกสาวคนเล็กของเจ้าบ้านเนี่ย ซึ่งเป็นโต้โผออกเงินให้มีการแต่งงานใหญ่โต ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นบุญคุณต่อแคว้นเฉิงโจว!“อ๊ะ...อี้...อื้อ...ท่านพี่...อื้อ...อ๊าย” ยามนั้น เนี่ยหยวนซูพยายามเหลือเกินที่จะไม่หลุดขำ ทว่าในขณะเดียวกันยามที่มองไปยังร่างกายแกร่งบนเตียงกว้าง หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจิ่งหลัวคุณหล่อเหลาเป็นบ้า แม้ขาที่สามเขาจะหลับสงบนิ่งอยู่ในฝัก แต่สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น ล้วนมีคุณภาพคับไหสุรา ชนิดเต็มสิบไม่หักสักแต้ม!แต่ช้าก่อน สิ่งที่นางย่อมรู้ดีคือ สตรีแซ่เนี่ยต้องทำทุกวิถีทางให้ได้หย่าขาดกับจิ่งหลัวคุน โดยถูกต้องตามกฎหมายแคว้นเฉิงโจว และมีสักขีพยานรู้เห็น ซึ่งต้องเป็นการจากกันด้วยดี ต่างฝ่ายต่างมีชีวิตของตน ไม่มีการแค้นฝังใจต่อกัน โดยทั้งหมดต้องเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงฮ่องเต้องค์ใหม่ มิเช่นนั้นหายนะครั้งใหญ่ในภายภาคหน้าอาจส่งผลให้ร่างงาม ๆ ของนาง ได้รับโทษสถานหนักคือ ถูกจับเลาะกระดูก แล้วแยกชิ้นส่วน สุดท้ายก็เป็นจิ่งหลัวคุนที่ผนึกนางให้กลาย
ปลายยามโฉว่ (01.00-02.59น.) ซึ่งอันที่จริงแม่นมฝานเหอเคลิ้มหลับไปแล้ว นางเหนื่อยสายตัวแทบขาดมาหลายวันติด ๆ กัน แต่เพราะเสียงอุทานร้องตกใจของสาวใช้รุ่นเล็กที่ชื่อ เสี่ยวฉุน ทำให้ร่างมีเนื้อมีหนังมากสักหน่อยสะดุ้งโหยง ก่อนสั่งให้อีกฝ่ายทำกิริยาให้สำรวม“แม่นม...เมื่อครู่ มันเอ่อ...มีเสียงแปลก ๆ อีกแล้ว หรือว่า คุณหนูกับท่านแม่ทัพจะลุกขึ้นมาเล่นผีผาและรำกระบี่ ฝึกทวนยาวด้วยกันอีกรอบ!”ฝานเหอสงสารเด็กน้อยเสี่ยวฉุนเหลือเกิน นางยังไม่ประสีประสา อีกทั้งอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่าง ก่อนออกจากคฤหาสน์สกุลเนี่ย ฝานเหอพยายามเหลือเกินให้เนี่ยหยวนซูเลือกสาวใช้นางอื่น แต่อีกฝ่ายยืนยันชี้นิ้วไปที่เสี่ยวฉุน ซึ่งเป็นม้าดีดกะโหลก และอ่อนหัดไปทุกเรื่องในการดูแลเจ้านาย ให้ดีที่สุดคือนางขี่ม้าได้ ใช้อาวุธหนักเบาเป็น ทั้งยังร่ายรำมีดสั้นคู่ยอดเยี่ยม ขว้างกระสวยต่าง ๆ แม่นยำฝานเหอครั่นคร้ามใจเหลือเกินว่า เนี่ยหยวนซูต้องการมาเปิดสงครามในจวนจิ่งหรืออย่างไร เพราะในหีบที่นำมาจากคฤหาสน์สกุลเนี่ย ใบหนึ่งมีอาวุธลับอัดแน่นอยู่ โดยเฉพาะของเหล่านั้นมาจากทางทะเล เป็นสินค้าใหม่ที่เจ้าบ้านเนี่ยกำลังทำการค้ากับพวกโจรชุด
โอ๊ย เจ็บตัวมากจนน้ำตาเล็ดนั่นแหละ ทว่าเมื่อก้าวลงเรือนรกลำนี้ นางจะตกน้ำป๋อมแป๋ม ตายก่อนเข้าฝั่งไปหาสมบัติที่เกาะสวรรค์ไม่ได้เป็นอันขาด!รอยต่าง ๆ บนเนื้อตัวนี้ แน่นอนเกิดจากริมฝีปากบาง ๆ ของจิ่งหลัวคุน ซึ่งเขาอาจกระทำไปโดยมีสติไม่เต็มร้อย อยู่ในอาการละเมอ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเขาที่ล่วงเกินนางหลายครั้งหลายหน“โอ้ คุณหนู...เขาทำท่านบาดเจ็บเพียงนี้”เนี่ยหยวนซูรีบยกมือปิดปากตน นางกลัวเหลือเกินว่าจะหลุดขำออกไปพรืดใหญ่ ด้วยฝานเหอเป็นสาวเทื้อ ชีวิตนี้เคยใกล้ชิดบุรุษอย่างลึกซึ้งที่ไหนกัน ส่วนแม่นางน้อยเสี่ยวฉุน วัน ๆ ฝึกดาบ ขว้างกระสวย (อาวุธลับ) ฝึกขี่ม้า หมกมุ่นวางยาพิษผู้อื่น เช่นนี้ทั้งคู่ย่อมไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเรื่องใช้จริตมารยาล่อลวงให้ชายหนุ่มติดกับดัก“เจ็บอยู่บ้าง แต่นั่นย่อมแสดงให้ประจักษ์ว่า แม่ทัพจิ่งได้...ร่วมเตียงกับข้าแล้ว!”“หมายความว่า เมื่อเช้าที่เกอสวินเซ้าซี้ถามเรื่องผ้ารองเตียงกับแม่ทัพจิ่งจนโดนถีบหงายหลังก็คือ?”คนเป็นนายโบกมือไปมา ก่อนนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เอ่ยแล้วชวนให้น่าละอายอยู่สักหน่อย“จะ...เจ้าช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอาย สตรีชั้นสูงเรือนใดกันถึงได้ดูดหน้าอ
เกือบสามวันแล้วจิ่งหลัวคุนไม่ได้กลับเข้าจวนแม่ทัพ เขาออกไปนอกเมือง ตั้งใจตรวจสอบเรื่องจัดเตรียมเสบียงและเรือสำหรับใช้ลาดตระเวนทางน้ำ รวมถึงเสื้อเกราะแบบใหม่เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเรื่องสนิมแต่ก่อนออกจากจวนจิ่ง เขาพบเรื่องปวดหัวจากน้องชายคนเล็ก ฝ่ายนั้นพยายามเหลือเกินที่จะให้เขาไปชมการแสดงละครที่หอลำนำรัก ซึ่งจิ่งป๋อได้ทุนจากมารดาเปิดกิจการใหญ่โต แต่เกือบสองปีแล้วที่ขาดทุนเรื่อยมา“พี่ใหญ่ ข้าขอร้องท่านให้ช่วยพิจารณาเรื่องนี้ด้วยเถิด กำหนดการคือเดือนหน้า อย่างไรท่านต้องเป็นคนเปิดป้ายละครเรื่องใหม่ของข้า อีกอย่างตอนนี้มีเรื่องที่ชวนให้ข้ากลุ้มใจ ขุนนางจากวังหลวงที่มาใหม่ พวกของซือหม่าหู่ (หู่ฮาวเทียน) วางอำนาจเหลือเกิน อ้างว่าจะเก็บอากรเพิ่ม แต่พี่ตรองดูให้ดีเถิด หอของข้าไม่คิดหากำไรสักนิด ทั้งหมดก็เพื่อช่วยให้คณะละครกับนักแสดงข้างถนน มีสถานที่เล่นปาหี่อย่างถูกกฎหมาย ไม่ต้องไปตั้งแผงตามท้องถนนให้เกะเกะ อีกอย่างพวกขอทานเด็กก็มีงานทำด้วย”“เฮ้อ แต่ที่ข้าเห็น เจ้ารักแต่จะเล่นสนุก ยามนี้มีจวนแม่ทัพใดในแคว้นเฉิงโจวบ้างที่ปล่อยให้บุรุษอกสามศอกร้องรำทำเพลงทั้งวัน และยังแต่งตัว วาดสีหน้าราวกั
ซึ่งก่อนหน้านั้นเนี่ยหยวนซูรู้ว่าตนต้องแต่งงานกับจิ่งหลัวคุน ชะตากรรมนี้นางมิอาจเลี่ยง จึงต้องรับมือให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อม ดังนั้นการอยู่ในจวนจิ่ง ก่อนได้รับหนังสือหย่าร้างโดยถูกต้องและเป็นการพร้อมใจทั้งสองฝ่าย นางสมควรอยู่ดีกินดีในเรือนไป๋เหลียนฮวานับแต่กลายเป็นวิญญาณแล้วอาศัยร่างไซซีที่งามพร้อม ทั้งยังเป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย หญิงสาวก็ได้วางแผนอย่างรัดกุม จัดอาหารยารักษาโรคใส่หีบต่าง ๆ ไว้พร้อม และส่งช่างฝีมือเข้ามาตรวจสอบเรือนหอ และขอให้บิดาออกหน้าคุยกับจิ่งหลัวคุนเพื่อขยายพื้นที่ด้านหลังให้เป็นโรงเก็บวัตถุต่าง ๆ กับโรงครัว มีห้องน้ำแบบใหม่ที่นางออกแบบเองด้วย ถึงสร้างความไม่พอใจให้คนในจวนจิ่ง แต่เจ้าบ้านเนี่ยผู้มีคนหนุนหลังมากมาย เมื่อเขาอยากให้ลูกสาวคนเดียวมีความสุข ดังนั้นแม้แต่ไท่ฮูหยินก็ไม่กล้ายื่นปากเข้ามาแส่“ซูเอ๋อร์...หากต้องการสิ่งใด แค่ให้บ่าวไปส่งข่าวถึงร้านค้าพันธมิตรของเรา ไม่เกินช่วงเวลาครึ่งก้านธูปดับ พ่อบ้านก็จะนำทุกอย่างมากองตรงเท้าเจ้าแล้ว” เนี่ยหยวนซูยิ้มกว้าง นางโชคดีเหลือเกิน การได้อยู่ในร่างนี้มีบิดาที่รักและเอาอกเอาใจ ทว่าฟ้าไม่ได้ลิขิตให้เนี่ยข่ายอายุยืน
เรือนไผ่หยกเชามี่ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น นางจิ้งจอกเนี่ยหยวนซูจากเรือนไป๋เหลียนฮวากล้าส่งสาวใช้และบ่าวที่ถูกคัดตัวไปโดยเป็นคำสั่งไท่ฮูหยินกลับเรือนเดิมที่เคยอยู่ยามนี้นางแต่งออกจากสกุลเนี่ยแล้ว ดังนั้นกฎของจวนจิ่งคือสิ่งที่นางต้องทำตาม“โง่ เหตุใดถึงไม่ยืนยันที่จะอยู่เป็นหูเป็นตาให้ข้า” เชามี่ตวาดใส่สาวใช้ของตนที่หวังให้เป็นสายลับสืบสิ่งต่าง ๆ“นายหญิงเชา สตรีผู้นั้นเป็นพวกนางกลางตลาด ปากร้าย เสียงดัง และกักขฬะเหลือเกิน นางบอกว่าหากใครที่อยู่เรือนไป๋เหลียนฮวา นางจะให้อดข้าวเป็นเวลาเจ็ดวัน และทำงานขนมูลกับคอยนำน้ำถ่ายเบาของนางไปรดแปลงผัก แต่หากใครยอมกลับเรือนของตนจะได้กินของดี และยังได้ส่วนแบ่งเป็นเนื้อหมู เนื้อกวางตากแห้งติดมือกลับมาด้วย”สาวใช้นามว่า อ้ายเหมย มองอนุคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางมาจากสกุลขุนนางเก่า บิดาเป็นถึงอดีตรองเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ การมาอยู่ที่นี่ใครก็มองออกว่าหวังใช้เส้นสายของแม่ทัพหนุ่มเป็นใบเบิกทางให้สกุลเชากลับมามีหน้ามีตา และช่วยเหลือในงานราชการให้ไม่ต้องมีสิ่งใดติดขัดเชามี่ถลึงตาใส่สาวใช้ก่อนโยนพัดในมือใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความฉุนเฉียว“เจ้าเห็นแก่ของกินเช่นนั้
พอนางเห็นว่าซ่งหยูชุนมองกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวจึงเอ่ยว่า“ท่านแม่ ลูกสะใภ้เพียงแต่อยากปรนนิบัติท่าน เช้าวันแรกหลังจากเข้าหอกับท่านแม่ทัพร่างกายข้าไม่อำนวยให้เดินเหิน แล้วสองสามวันต่อมา บ่าวและสาวใช้ที่ท่านช่วยจัดแจงส่งไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ของข้า มีจำนวนมากเหลือเกิน กว่าจะคัดเลือกคนที่เหมาะสม แล้วที่เหลือก็ส่งคืนให้พ่อบ้าน ต้องใช้เวลาจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ดูเอาเถิด ลูกสะใภ้ก็เหมือนนกหลงทางที่มาอาศัยจวนจิ่งอันยิ่งใหญ่ หลบฝนหลบแดด แต่กว่าจะมีโอกาสทำดีเพื่อท่านแม่ เวลาล่วงผ่านมาจนยามสายวันนี้”คำพูดเนี่ยหยวนซูทำให้ทั้งแม่และลูกชายอึ้ง ฝ่ายจิ่งป๋อมองหญิงสาวคนนี้ อายุนางไล่เลี่ยเขาแต่ฝีปากไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการแสดงงิ้วชั้นเยี่ยมได้เลย“พี่สะใภ้ ท่านช่างเจรจายิ่ง พี่ใหญ่ข้าคงไม่เหงา!”จิ่งป๋อผู้อยู่ฝ่ายมารดา เขาเป็นผู้ชายหน้าเปื้อนยิ้มเสมอและหน้าตาดี ซึ่งกระเดียดไปทางงามแบบบุรุษล่มเมือง ผิดแต่ไม่ชอบงานด้านบู๊ ส่วนด้านบุ๋นก็ไร้ทักษะ แต่หากให้ร้องรำทำเพลงหรือวาดภาพ เขานับว่าเลื่องชื่อทีเดียว“โอ้ คุณชายสาม ตัวข้าอย่างที่บอก ต้องพึ่งทุกคนในจวนจิ่งอีกนาน แค่ปรุงน้ำแกงเช่นนี้นับว่าเล
ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอกเมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไรสตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขาแม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหงผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลาสตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้าง
จากนั้นกายแกร่งก็แนบกับเนื้อนุ่มนิ่มของเนี่ยหยวนซู หน้าอกอวบเบียดชิด และมือหยาบกร้านของเขาแตะสลับการเคล้นคลึงและบีบทุกสัดส่วนที่ไวต่อความรู้สึก“ทุกส่วนในร่างกายนี้ เป็นของข้า...”“ฮึ คนโลภมักต้องเสียทุกอย่าง”“อย่างไร อาซูก็ต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว”“เหตุใดถึงได้มั่นใจถึงเพียงนั้น”“คนงามของข้า ทั้งใต้หล้านี้จะหาใครหล่อเหลาและมีขาที่สามซึ่งงดงาม อุ่นจัด แล้วยังตั้งตรงได้เท่าข้าย่อมไม่มี”เนี่ยหยวนซูทั้งขันและสยิวใจ อันที่จริงนางเป็นสตรีรักสนุกอยู่มาก แต่จะให้มองความแข็งขันเขาตรง ๆ ในยามนี้ ต้องยอมรับว่าขัดเขินเหลือเกิน แท่งหยกนั้น เห็นแล้วนางก็ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง บริเวณเนื้องาม ๆ ที่ฉ่ำแฉะก็ปรารถนาให้เขาล่วงเกินโดยเร็ว!“อ๊ะ...ท่านเป็นไข้สินะ ถึงได้ตัวร้อนเช่นนี้” นางถามราวกับสตรีไร้ประสบการณ์“โถ อาซู ข้าไม่ได้ตัวร้อน ที่เจ้าสัมผัสอยู่นั่นคือน้องชายคนเล็กของข้าต่างหาก ดูสิ...มันอยากให้เจ้าบอกรักรู้หรือไม่”เนี่ยหยวนซูจั๊กจี้ต่อคำพูดเขา และอยากจูบอีกฝ่ายให้หนักหน่วงด้วยต้องการโบยบินสู่สรวงสวรรค์แห่งความสุขอึดใจต่อมา เรียวลิ้นร้อนได้แทรกลึกเข้าไปในโพรงปากสัมผัสดังกล่าวหวานล้ำเหลือ
เนี่ยหยวนซูไม่ทันได้เห็นสิ่งใดต่อ เนื่องจากนางถูกใครก็ไม่รู้พยายามจับตัว หญิงสาวดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ทว่าพวกมือสังหารรับจ้าง หาได้เมตตาปรานี มันใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าใส่ศีรษะด้านหลังหญิงสาว พร้อมดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาหมายแทงเข้าใส่ร่างของเนี่ยหยวนซูหญิงสาวแม้จะมึนงงทั้งปวดที่ศีรษะตุบ ๆ แต่นางจะไม่ขอจบชีวิตบนเรือ และจากไปโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ในขณะที่เนี่ยหยวนซูเคลื่อนร่างกายหลบการแทงของอีกฝ่ายอย่างหวุดหวิดหลายครั้งหลายหน นางก็ได้กลิ่นคาวจัด เลือดสีแดงสดไหลอาบใบหน้าเนี่ยหยวนซู ก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะทรุดลงหญิงสาวหวีดร้องเสียขวัญ และอึดใจต่อมาสองหูก็ได้ยินเสียงดังตูมเนี่ยหยวนซูเคยว่ายน้ำได้ และว่ายได้ดีเสียด้วย หากยามนี้ร่างกายกลับแข็งทื่อ นั่นเป็นเพราะนางเป็นตะคริวที่ขา!“ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที!” ห้าวันต่อมา เรือนหลังนั้นสะอาดมีความเป็นระเบียบ ด้านนอกห่างออกไปมีม้าตัวโตถูกผูกเอาไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างเสี่ยงภัยมาก แต่สุดท้ายเนี่ยหยวนซูก็รอดชีวิต นางมีโอกาสอยู่บนโลกนี้อีกครั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตนส่วนผู้ติดตามนางต่างได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหนักสุดคือเสี่ยวฉุน กระนั้นด้วยย
เกือบรุ่งสางเสียงดังโครมครามเกิดขึ้นด้านบนเรือ สถานการณ์ดูไม่เป็นปกติอย่างที่สุด ฝ่ายเกอสวินเฝ้าอยู่ด้านนอกซึ่งตอนนี้หายตัวไป ส่วนเสี่ยวฉุนส่งสัญญาณให้ฝานเหอเพื่อแจ้งบางสิ่งแก่เนี่ยหยวนซู“คุณหนู ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ดูเหมือน...มีผู้ติดตามเรามา!”ฝานเหอเอ่ยจบ เสียงอาวุธและการต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้น จนเป็นเหตุให้เนี่ยหยวนซูใจเต้นแรง อย่างไรนางก็ไร้วรยุทธ์ อีกทั้งรู้ว่าชีวิตนี้มีเพียงชีวิตเดียว หากตายทุกอย่างก็จบ!“เราจะปลอดภัยใช่หรือไม่”“บ่าวย่อมปกป้องคุณหนู ไม่ให้ผู้ใดทำอันตราย”เสียงต่อสู้ดังกว่าเดิม คนในเรือต่างหนีตายอลหม่าน พวกที่บุกเข้ามา บนเรือขนสินค้ามีจำนวนสองลำด้วยกัน และจุดประสงค์ชัดเจนคือฆ่าทุกคน“คุณหนู หากซ่อนตัวก็อาจถูกค้นหาได้ ใช้เรือลำเล็กแล้วหนีเข้าฝั่งดีหรือไม่เจ้าคะ”เนี่ยหยวนซูแม้ใจกล้าบ้าบิ่นแต่นางต้องคิดให้ถ้วนถี่“คนพวกนั้นย่อมฝีมือไม่ต่ำทราม ข้าว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งแรงนัก ส่วนแม่นมฝานก็ไม่ใช่สตรีแรกรุ่น”เนี่ยหยวนซูประเมินสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าอย่างเร็ว“เยี่ยงนั้น ใช้เรือล่อพวกนั้น บ่าวจะพายเรือลำเล็กออกไป ส่วนคุณหนูหลบอยู่ท้ายเรือนะเจ้าคะ อย่างไรแม้ผู้
กลับกลายเป็นว่ายามนี้สตรีที่ไร้ปากเสียงได้พลิกสถานการณ์กลับด้าน และนางย่อมได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ รวมถึงมีอำนาจกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง มิช้าซือหม่าหู่คงมองว่านางมีผลประโยชน์เช่นก่อนหน้านี้”เนี่ยหยวนซูเชื่อเช่นนั้นและที่คิดไว้ คือในงานเลี้ยงฮ่องเต้อาจปะปนอยู่ในกลุ่มแขกที่เข้ามาร่วมงาน และคอยสังเกตการณ์อยู่ฝ่ายเสี่ยวฉุนได้ฟังแล้วค่อนข้างครั่นคร้ามใจ นางจึงเอ่ยว่า“เช่นนั้น คนที่คุณหนูสมควรระวังให้มากที่สุด คงมิใช่ไทเฮาเสียแล้ว”“เด็กน้อยเสี่ยวฉุน เจ้าหลักแหลมนัก ถูกต้อง ฟานเลี่ยงคือสตรีหน้าเนื้อใจเสือผู้หนึ่ง อีกอย่างเจ้าคงมองออกว่านางเป็นผู้ฝึกยุทธ์!”เกอสวินซึ่งพยักหน้าตามตั้งแต่ต้น พอสบโอกาสก็เอ่ยว่า“ฮองเฮา คือนางเสือที่นุ่งห่มหนังแกะตัวจริง เรื่องนี้คุณชายสามเคยเล่าให้ข้าฟังนานแล้ว”เมื่อเกอสวินกล่าว เนี่ยหยวนซูก็จำสายตาอีกฝ่ายได้ ทั้งในวันที่พบกัน ณ โรงน้ำชา รวมถึงยามที่ฟานเลี่ยงมองสร้อยหยกที่เนี่ยหยวนซูสวมใส่“ตอนนี้พวกเราทั้งหมดคงลำบากมิน้อย การเดินทางไกลคงไม่สะดวก อีกอย่างอาจมีมือสังหารหรือผู้ประสงค์ร้ายติดตามมา ดังนั้นพูดกับผู้อื่นให้น้อย และอย่าออกไปพบใครจนกว่าเรือจะจอดที่
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนี่ยหยวนซูต้องยอมรับว่าได้เจ้าของร่างช่วยเหลือเป็นอย่างมาก อีกทั้งนางสามารถปะติดปะต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงนำมาวางแผนแล้วขอความร่วมมือจากจิ่งป๋อ แรกเริ่มเขาแปลกใจ ทว่าเมื่อรู้ว่าฟานเลี่ยงมีความประสงค์เช่นไร ชายหนุ่มจึงไม่รีรอยอมสวมบทบาทเป็นคนของเชามี่ เพื่อวางแผนตลบหลังอนุภรรยาพี่ชายจิ่งป๋อเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้ารัดกุมสีเข้ม มองแล้วคล้ายคนจากสำนักคุ้มภัย แต่ดูแปลกตาก็คือหน้ากากที่เลือกสวมเพื่ออำพรางใบหน้า นอกจากนั้นเขายังดื่มชาชนิดหนึ่งซึ่งทำให้เสียงแหบต่ำ ฟังแล้วไม่อาจจำได้ว่าคนที่เอ่ยคือจิ่งป๋อ ด้วยเหตุนี้แม้เชามี่จะสงสัย แต่นางที่ได้รับยากล่อมประสาทอ่อน ๆ จึงยากแยกแยะสิ่งใดได้ง่าย ๆ“พี่สะใภ้ การกระทำของท่านเสี่ยงภัยเกินไปหรือไม่”“ข้าเลือกทางเดินเช่นนี้ย่อมล่วงรู้อนาคต ส่วนคุณชายสมควรห่วงไท่ฮูหยิน อย่างไรนางก็คือผู้ให้กำเนิดท่าน เรื่องนี้เหมาะสมที่สุด”“ข้าขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้เรามีเรื่องบาดหมางใจกันมิน้อย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดข้าถึงคิดว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่พึ่งพาได้”“นั่นเป็นเพราะตำแหน่งฮูหยินใหญ่แห่งจวนจิ่งมิใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อ
“อนุเชา ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะมีคนต้องการฆ่าปิดปาก เรื่องที่ต้องการเปิดโปงการใช้ไสยเวทในจวนจิ่งของไท่ฮูหยิน แน่นอนหากจิ่งหลัวคุนล่วงรู้เรื่องนี้ว่าท่านเป็นคนเปิดโปงย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นจงรีบช่วงชิงความได้เปรียบ จัดการเนี่ยหยวนซูแล้วป้ายความผิดไปให้นางย่อมดีที่สุดว่าเป็นผู้พยายามหาความผิดของไท่ฮูหยิน ในการใช้ไสยเวทเล่นงานมารดาของจิ่งหลัวคุน จนนางกลายเป็นสตรีวิปลาสส่วนเรื่องการที่นางกักขังไว้ก็ให้บอกทุกคนว่าเนี่ยหยวนซูมีแผนร้ายแอบแฝง ต้องการปิดปากท่าน ดังนั้นเมื่อไม่มีฮูหยินจิ่ง ทั้งเจ้าบ้านเนี่ยและแม่ทัพจิ่งย่อมสูญเสียกำลังใจ พวกเขาอาจคลั่งหนัก แต่...เชื่อข้าเถิด หากทำเช่นนี้สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแน่นอน ใต้เท้าเชารวมถึงท่านย่อมไร้มลทิน และผู้อยู่เบื้องหลังแผนทั้งหมดจะส่งเสริมให้ท่านได้ก้าวขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนจิ่ง...”เชามี่แม้จะฝันหวานตามคำพูดคนพวกนี้ ทว่าใจกลับกลัวเหลือเกิน มันเป็นเสียงเล็ก ๆ บอกให้นางอย่าหลงเชื่อคำพูดของคนพวกนี้“พวกเจ้าพูดเหมือนง่าย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นใครจะสามารถเข้าใกล้มันได้ง่าย ๆ”“อย่างที่บอก สาวใช้ของท่านที่ทรยศถึงขั้นฆ่าผู้เป็นนาย ด้วยมีมารดาและน้องชายที่ร
อ้ายเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดการณ์ และต้องประหลาดใจที่หูได้ยินเสียงร้องเพลงเสียงดนตรีอึกทึก เหนืออื่นใดที่ทำให้เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง เชามี่กลับยังไม่ตาย! อีกทั้งเรือนหลังที่เป็นส่วนห้องรับรองยังไม่ถูกเผาไหม้ นอกเหนือจากนั้น นางรู้ว่าตนได้รับพิษร้ายแรง รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอนลอยคว้างอยู่รอบตัว ทั้งหมดสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของเชามี่ทว่าสิ่งมีสิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เชามี่สวมหน้ากากงูดำ ราวกับนางอยู่ในงานเลี้ยงของเนี่ยหยวนซู และสิ่งที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคือเชามี่คงเป็นเพียงชุดที่สวมใส่ และกลิ่นถุงหอมของนางที่ลอยอบอวลอยู่ในห้องเล็กแคบอ้ายเหมยระแวดระวังภัยตนอย่างหนัก นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ปิดตาย และเห็นว่ายังมีคราบเลือดอันเกิดจากบาดแผลของเชามี่เปรอะอยู่ตามพื้นห้อง“นายหญิงเชา ท่านยังยื้อชีวิตจากมัจจุราชได้อีกหรือ” อ้ายเหมยถามราวกับเป็นคนโง่อีกฝ่ายหัวเราะเสียงแหลม ท่าทางดูราวกับมีความแค้นสุมอยู่ในอก ยิ่งกว่านั้น นางไม่เหมือนเชามี่ที่อ้ายเหมยรู้จัก “ฮึ ดูให้ดี...แท้จริง ข้าอาจตายไปตั้งแต่ถูกเจ้ากรีดข้อมือก็เป็นได้”อ้ายเหมยไม่อยากเสียเวลาอีก นางควรออกจากห้องนี้ แล้วมุ่งหน้าไปร
“ฮองเฮาต้องการแจ้งสิ่งใดต่อข้า” เมื่อเนี่ยหยวนซูตามหาเสียงตนเองพบ จึงเอ่ยถามฟานเลี่ยงย่อมเข้าใจนิสัยใจคอคนในวังหลวงดี พวกนั้นเห็นเพียงประโยชน์ของตน “แม่ทัพจิ่ง คาดการณ์ว่าข้าต้องได้มางานเลี้ยงคืนนี้ จึงขอให้ข้าได้ช่วยเหลือเรื่องสำคัญ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเห็นฮูหยินจิ่งสวมสร้อยหยกก็หมายความว่าเจ้าคือสตรีที่คู่ควรให้เขาเรียกขานว่า ‘ภรรยา’ กระนั้นบ้านเมืองยามนี้ผู้มีอำนาจถึงจะเอาชีวิตรอด แต่...นอกจากอำนาจคงเป็นเงินที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ และหากข้าคาดการณ์ไม่ผิด เหล่าคหบดีและขุนนางที่อยู่นอกเมืองหลายคนย่อมได้รับโทษหนักเบาต่างกันไป โดยจุดหมายสำคัญครั้งนี้ ไทเฮาต้องการบีบคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองเป่ยตูให้ย้ายข้างไปเป็นคนของนางโดยใช้ข้อหากบฏเป็นการข่มขู่”ฮองเฮากล่าวอย่างไม่ปิดบัง นี่คงทำให้เนี่ยหยวนซูตระหนักถึงภัยใหญ่หลวงที่กำลังเกิดขึ้น“ฮองเฮากล่าวทุกอย่างให้ข้าฟังเช่นนี้ ไม่คิดว่าข้าจะปากโป้งเผยความลับให้ผู้อื่นล่วงรู้หรอกหรือ”“ฮึ หากข้ากลัว ไฉนจะขึ้นเกี้ยวออกจากวังหลวง และเดินทางมาชมการแสดงพลุไฟในโรงละครเก่านี้เล่า ที่สำคัญอย่าดูถูกน้ำใจข้าให้มาก แม้ไม่เคยช่วยเหลือกันมาก่อน แต่ข้ายิน
จิ่งป๋ออยากติดตามเนี่ยหยวนซูเข้าไปด้านในด้วย แม้เขาจะเป็นลูกแหง่ ทว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานเขาสมควรปกป้องพี่สะใภ้ แต่เนี่ยหยวนซูยกมือห้ามและบอกว่าขอให้เขาช่วยต้อนรับแขกภายในงานแทนนางสักพัก ส่วนหู่ฮาวเทียน เมื่อเห็นว่าตนสร้างความน่าเกรงขามให้ผู้อื่นขยาดกลัวสำเร็จ เขาก็ดึงร่างนางรำมาสองคน แล้วบอกว่าอยากเปิดห้องพิเศษสำหรับดื่มและกินโดยห้ามให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งวุ่นวาย“พี่สะใภ้ ท่านมั่นใจหรือว่าจะตกลงกับคนในวังได้ สุนัขจิ้งจอกว่าร้ายแล้ว แต่ห้าอสรพิษที่ถูกเลี้ยงจนกลายเป็นหนอนกู่ ย่อมไม่อาจรับมือง่าย ๆ”จิ่งป๋อว่าจบก็มองไปยังฟานเลี่ยง“คุณชายสาม แม้พี่ชายเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่อย่าคิดว่าเขาจะช่วยเหลือได้ตลอด หากเจ้ายังพยายามยื่นคอไปให้ผู้อื่นตัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะฝ่ายนั้นเป็นถึงแม่ของแผ่นดิน ก็คงไม่แคล้วได้ตายสมใจ”เนี่ยหยวนซูปรามจิ่งป๋อ ฝ่ายฟานเลี่ยงโบกมือไปมา ก่อนเอ่ยว่า“ฮูหยินจิ่ง ตอนนี้ข้าค่อยยังชั่วแล้ว ปะ ไปคุยกันข้างในจะดีกว่า!” เนี่ยหยวนซูอารมณ์ขุ่นมัวเป็นอย่างมาก การที่ฟานเลี่ยงจงใจทำสร้อยหยกที่แม่ทัพหนุ่มมอบให้นับว่าไม่สมควร แต่ให้นางโวยวายหรือแสดงความไม่พอใจคงเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดนัก ยิ่ง