องค์หญิงสิบสามหาเลี้ยงตนเองด้วยการแอบออกจากวังและวาดภาพบุรุษรูปงามและนำมาขายให้แก่บรรดาเชื้อพระวงศ์เพื่อเลี้ยงชีพ อีกทั้งองค์หญิงยังมีความลับที่พยายามปกปิดไว้ เพราะตัวเองคือธิดาพยากรณ์ด้วยเป็นสายเลือดของผู้ทำนายของตำหนักเทพ นางต้องกลายร่างเป็นสัตว์ต่าง ๆ ไม่ซ้ำกันในทุกวันพระจันทร์เต็มดวง และต้องปกปิดความลับนี้มาตั้งแต่ยังเด็กโดยที่มีเพียงท่านน้าของนางที่เป็นหัวหน้าตำหนักธิดาเทพที่รู้ความลับและคอยช่วยปกปิดเอาไว้ไม่ให้นางถูกจับ กระทั่งเมื่อแม่ทัพหยางเอ้อหลางบุรุษรูปงามหล่อเหลาองค์อาจที่มีชีวิตรอดเพียงคนเดียวของสกุลหยางกลับจากสงครามแห่งสกุลหยางกลับมา เดิมทีเขาได้รับการมาดหมายให้ต้องแต่งกับองค์หญิงใหญ่ที่หลงใหลในตัวเขา แต่เพราะเกิดเหตุพลิกผันทำให้เขากับองค์หญิงสิบสามต้องแต่งงานกัน เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยง เพื่อรักษาความลับเอาไว้และไม่อยากถูกสามีจับขังเพราะคิดว่านางเป็นสัตว์ประหลาด องค์หญิงสิบสามจึงบุกไปหาเขาเพื่อให้เขายกเลิกงานแต่ง ผู้ใดจะรู้ว่าหยางเอ้อหลางผู้นี้นอกจากจะไม่ยอมยกเลิก เขายังเร่งรัดการแต่งงานและตามติดนางและพยายามจับผิดนางจนนางหวาดกลัว และต้องรีบหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด!
View Moreองค์หญิงใหญ่น้ำตานองหน้า อีกทั้งยังก้มหน้าอย่างหวาดกลัว ฮองเฮาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้แต่ในตอนนี้นางต้องหาทางช่วยผู้เป็นบุตรสาวให้ได้แต่เหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดได้เกิดขึ้นแล้วคงได้แต่ขอร้องฝ่าบาทว่าอย่าได้เอาผิดบุตรสาว ฮองเฮาจึงได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกทั้งยังคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์"ฝ่าบาทฉีเออร์คงเลอะเลือน อาจมีเรื่องในอดีตที่นางมีความทรงจำที่สับสน เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันเถิดเพคะหม่อมฉันจะสอบถามฉีเออร์เองเพคะ""ฮองเฮาเจ้าทำขายหน้าท่านแม่ทัพแล้ว"ฝ่าบาทมองแม่ทัพหยางอย่างเกรงใจ ครั้นเห็นใบหน้าราบเรียบของแม่ทัพหยางพลันสะดุ้งอยู่ไม่น้อยราชบุตรเขยผู้นี้ช่างรอบคอบและเก่งกาจยิ่ง สามารถหาหลักฐานมาขัดแย้งได้อย่างว่องไว เห็นท่าทางจิกเล็บของบุตรสาวก็รู้แล้วว่าบุตรสาวกำลังโกหก ใบหน้าของฮองเฮาจึงพลอยซีดเซียวตามไปด้วย เพราะบุรุษผู้หนึ่งถึงกับทำให้องค์หญิงหลินฉียอมทิ้งศักดิ์ศรีของตนได้เชียวหรือ ฮองเฮารู้สึกผิดหวังในตัวบุตรสาวผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง“ไม่ใช่เพคะเสด็จพ่อ ไม่ใช่ลูกเพคะ ลูกไม่ได้กล่าวเท็จ ลูกไม่ได้กล่าวเท็จ”กล่าวจบองค์หญิงใหญ่พลันลุกขึ้นวิ่งออกจากตำหนักไป นางกำนัลอีกทั้งฮองเฮาต่างร
ฝ่าบาทถึงกับนั่งไม่ติด พระพักตร์ร้อนผ่าวคิดว่าแม่นมผู้นี้ไม่โกหกเป็นแน่ แต่เขาต้องการความกระจ่างมากกว่านี้"ทูลฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบดีว่าเหวินเฟยมีความสามารถด้านการตัดเย็บอาภรณ์เป็นอย่างยิ่งใช่หรือไม่เพคะ”“ใช่ เรื่องนี้เรารู้ดีตอนที่เหวินเฟยยังมีชีวิตนางมักตัดเย็บอาภรณ์ด้วยมือตนเองให้เราเสมอ”“ใช่แล้วเพคะ อาภรณ์ที่องค์หญิงใส่ในวันนั้นเป็นผ้าไหมที่เหวินเฟยถักทอขึ้นมาด้วยตนเองเพคะ หม่อมฉันในครานั้นเป็นผู้ช่วยเหวินเฟยทอผ้าผืนนี้อีกทั้งเมื่อทอสำเร็จได้ทำการย้อมสีอีกทั้งตัดเย็บเป็นอาภรณ์เพื่อมอบให้แก่องค์หญิงสิบสาม ในวันนั้นหม่อมฉันคิดว่าเพราะองค์หญิงสิบสามต้องตามเสด็จฮองเฮาไปวัดกวนอิมจึงอยากให้องค์หญิงที่กำลังไปทำบุญได้ระลึกถึงพระมารดาจึงให้นางสวมชุดนี้ ครั้นกลับมาพบว่าบางส่วนของกระโปรงนั้นได้หายไปแล้ว อีกทั้งองค์หญิงสิบสามยังมีท่าทางหวาดกลัวนัก เพราะเป็นอาภรณ์ที่ตั้งใจทำหม่อมฉันไม่กล้าจะละเลยจึงได้เก็บใส่หีบไว้เป็นอย่างดีอีกทั้งต้องเก็บให้ไกลหูไกลตาองค์หญิงสิบสามด้วยกลัวว่าหากองค์หญิงเห็นอาภรณ์ชุดนี้แล้วจะนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวอีกเพคะ"“เป็นของสิบสามจริง ๆหรือ”ฝ่าบาทตกตะลึงคาดไม
องค์หญิงใหญ่ถูกนางกำนัลประคองไปนั่งรอที่เก้าอี้ด้านข้าง องค์หญิงใหญ่ยังจดจ้องหยางเอ้อหลางไม่วางตาองครักษ์ฝานเข้ามาถวายความเคารพพร้อมด้วยสตรีผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นคือท่านแม่นมขององค์หญิงสิบสามฝ่าบาทเลิกพระขนงด้วยความประหลาดใจ เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงตำหนักองค์หญิงสิบสามได้อย่างไร อีกทั้งบัดนี้ในมือขององครักษ์ฝานยังมีหีบใส่อาภรณ์ใบเล็ก องค์หญิงใหญ่มองหีบนั้นด้วยความตื่นกลัวจนเหงื่อเปียกชื้นเกาะเป็นเม็ดขึ้นบนแผ่นหลัง ด้านในหีบนั้นมีสิ่งใดกัน"ฝ่าบาทก่อนอื่นกระหม่อมขออนุญาตทูลขอผ้าผืนนั้นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ฝ่าบาทมองผ้าในมือแล้วพยักหน้า พร้อมส่งให้กงกงยื่นต่อให้แม่ทัพหยาง"แม่ทัพหยางจะพิสูจน์สิ่งใดคงไม่หลีกเลี่ยงว่านี่ไม่ใช่ลายมือของตนเองหรอกนะ""หาไม่พ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดเป็นหยางเอ้อหลางที่เขียนด้วยตนเองเป็นเพราะเรื่องที่เกิดกะทันหันไม่อาจหากระดาษได้ เห็นกระโปรงของสตรีผู้นั้นเป็นสีขาวจึงบังอาจล่วงเกินใช้กระบี่ตัดออกมาเพื่อใช้อาภรณ์แทนกระดาษเขียนคำมั่น เพียงแต่ตอนนั้นเหตุการณ์ช่างรางเลือนนักจึงจำหน้าสตรีที่ช่วยเหลือไม่ได้ หยางเอ้อหลางจึงได้รู้สึกละอายใจแก่ผู้มีพระคุณมาเนิ่นนานที่ไม่รีบตอบแทน
ภายในตำหนักเย็นวังหลังองค์หญิงเก้าน้ำตานองหน้ากอดเข่าเพียงลำพังในตำหนักเย็นอันหนาวเหน็บ อยู่ที่นี่นางเพียงแต่ได้กินอิ่มแต่ไร้ซึ่งความอบอุ่นในเวลากลางคืนอากาศหนาวเย็นเป็นอันมากปากของนางสั่นระริกหูของนางแข็งจนรู้สึกชา มือแดงก่ำมีเพียงเตาอุ่นเล็กๆ ให้กกกอดเพื่อคลายความหนาวนางประมาทองค์หญิงสิบสามเกินไปแล้วที่ผ่านมาเพียงแต่คิดว่าสิบสามนั้นไร้คนหนุนหลังจะรังแกนางอย่างไรก็ย่อมได้ไม่คาดคิดว่าหลังองค์หญิงสิบสามได้แต่งกับหยางเอ้อหลางเหตุการณ์จะพลิกผันได้เพียงนี้องค์หญิงเก้าทอดถอนใจร่างกายสั่นระริกคลุมผ้าห่มผืนหนาและกอดเตาอุ่นไว้แนบกาย คืนนี้นางจะสามารถผ่านความหนาวที่เสียดเข้าถึงกระดูกนี้ไปได้อย่างไรหลายวันต่อมาหยางเอ้อหลางได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เขาไม่แปลกใจอันใดที่พบองค์หญิงใหญ่กับฮองเฮาอยู่ที่นี่“หยางเอ้อหลางเรารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าจะแก้ตัวว่าอย่างไร ผ้าผืนนี้อีกทั้งอักษรที่เขียนด้วยเลือดเป็นลายมือของเจ้าใช่หรือไม่”หยางเอ้อหลางมองเศษอาภรณ์สีขาวที่เต็มไปด้วยตัวอักษรเลือดของเขาแล้วยังมีใบหน้าเรียบเฉย หาได้แสดงออกว่าตกใจแต่ประการใด“ฝ่าบาทกระหม่อมเป็นของกระหม่อมจริงพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาแทบไม่เชื่อหูตนเอง เป็นครั้งแรกที่นางสั่งลงโทษองค์หญิงสิบสามแล้วฝ่าบาทเข้ามายุ่งเกี่ยว“เสด็จพ่อหม่อมฉันหาได้ทำความผิดอันใด เพียงแต่โต้เถียงกันเล็กน้อยฮองเฮาลำเอียงลงโทษเพียงหม่อมคนเดียว”“เอาล่ะ ๆ เจ้าลุกขึ้นเถิด พ่อไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระแล้วแค่เด็กๆ ทะเลาะกันปล่อยไปสักวันเถิด สิบสามเจ้ารีบลุกขึ้น”“ขอบพระทัยเพคะ”ไม่เพียงองค์หญิงที่ตกตะลึงท่าทางของฝ่าบาทที่ดีต่อองค์หญิงสิบสามเป็นอย่างมากก็ทำให้ฮองเฮาและเหล่าองค์หญิงตกตะลึงด้วยเช่นกัน องค์หญิงใหญ่และฮองเฮามองใบหน้ากันเมื่อรับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่ฝ่าบาทมีการที่พระองค์ไม่สนใจรับสั่งฮองเอาเช่นเดิม มิใช่หมายความ ฝ่าบาทเริ่มแสดงบทบาทของกษัตริย์ที่ไม่ต้องการผู้ใดมาชี้นำอีกต่อไปแล้วหรือหลังจากวันงานเลี้ยงหลินฮุ่ยหมินก็ได้ข่าวว่าองค์หญิงเก้าถูกลงโทษคุกเข่าหน้าศาลบรรพชนอีกทั้งยังถูกคุมขังสำนึกตนที่ตำหนักเย็น หลักฐานที่หยางเอ้อหลางรวบรวมนั้นถูกส่งถึงมือฝ่าบาทอย่างรวดเร็วหลังจากที่องค์หญิงสิบสามเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อเสด็จพ่อ“ท่านจัดการได้รวดเร็วมาก”“ฝ่าบาทกับข้าทำข้อตกลงกันไว้ ไม่ว่าเรื่องอันใดที่เกี่ยวกับท่าน พระองค์จึงได้ให
องค์หญิงสิบสามใช้ค้อนทุบก้ามปูจนเกิดเสียงดัง เพราะความไม่ระวังจึงทำให้เศษก้ามปูกระเด็นไปโดนอาภรณ์ของคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม องค์หญิงสิบสามมองยังองค์หญิงผู้นั้นด้วยสายตาเป็นประกายแต่ไร้ความรู้สึกผิดนางยิ้มเย็นงดงามเพียงมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"พี่เก้าข้าทำท่านอาภรณ์เลอะแล้ว"นางกำนัลขององค์หญิงเก้าช่วยปัดเศษปูของจากอาภรณ์ของผู้เป็นนาย องค์หญิงเก้ามองท่าทางขอโทษอย่างเสียไม่ได้อีกทั้งยังดูยโสโอหังขององค์หญิงสิบสามอย่างไม่พอใจ"เจ้าตั้งใจแกล้งข้า""พี่เก้าเหตุใดกล่าวเช่นนั้น ข้าเพียงกินปูแล้วทุบมันเป็นเรื่องปกติเช่นนี้เรียกว่าใส่ร้ายกันชัดๆ "องค์หญิงเก้ากัดฟันข่มความคับแค้นใจเอาไว้ นางไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าพี่หญิงใหญ่ หลายครั้งที่นางเคยได้ยินนางกำนัลในตำหนักแอบต่อว่าผู้อื่นว่าโกหกตาใสครานี้นางประจักษ์ชัดแล้วว่าคำกล่าวนี้เป็นเช่นไร"เจ้ามันโกหก เห็นได้ชัดว่าเจ้าตั้งใจ""โอ๊ะ เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่เก้าจะคิด"ได้ฟังคำตอบขององค์หญิงสิบสามที่คล้ายยอมรับกลายๆ องค์หญิงเก้าถึงกับถลึงตาออกมาด้วยความโกรธจัดพร้อมกับชี้นิ้วที่นาง"เจ้าโกรธข้าด้วยเรื่องอันใด จึงได้หาเรื่องเช่นนี้ คงไม่ใช่ค
องค์หญิงใหญ่แม้จะตีสีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจไม่อาจสงบนิ่งได้ ในขณะที่นางถูกหยางเอ้อหลางปฏิเสธองค์หญิงสิบสามกลับอยู่ที่นี่ด้วยเครื่องแต่งกายงดงามที่นางหมายตาเอาไว้อีกทั้งเครื่องประดับล้วนล้ำค่าหายากพวกนั้นที่ประดับอยู่บนกายของนาง สตรีด้อยค่าผู้นี้ไม่สมควรได้รับสิ่งของดีๆ แม้แต่ชิ้นเดียว"สิบสามเจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่ ที่ผ่านมาพี่หญิงใหญ่ดีกับเจ้ามาตลอด เพียงแต่งให้แม่ทัพผู้หนึ่งก็คิดจะยกตนมาเทียบเคียงพี่หญิงใหญ่แล้วหรือ"องค์หญิงรองเอ่ยขึ้น"ใช่สิบสามเจ้าช่างหน้าไม่อายนัก กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว" เป็นองค์หญิงสิบที่เอ่ยสำทับ"เอาเถิดพวกเจ้าอย่าว่านางอีกเลย เรื่องเพียงนี้ข้าหาได้ถือสาหากน้องสิบสามจะงดงามขึ้นมาด้วยของราคาแพงข้าเป็นพี่หญิงใหญ่ย่อมต้องยินดี พวกเจ้าอย่าได้ถือสานางผู้เพิ่งเคยได้สวมใส่ของดีมีราคาจึงอวดโอ้ไปบ้าง เรื่องนี้ต้องเห็นใจสิบสาม""พี่หญิงใหญ่ท่านก็ดีเช่นนี้นางถึงได้กำเริบขึ้นมาโดยไม่เห็นผู้ใด"“เป็นความจริงที่พี่หญิงใหญ่กล่าว ข้าสิบสามได้แต่งท่านแม่ทัพหยางผู้เพียบพร้อมจึงมีหน้ามีตาขึ้นมาได้ ว่าแต่พวกท่านเถิดบุรุษในต้าชิงที่เพียบพร้อมอันดับหนึ่งคือสามีข้า ในเมื่อสามีข้าเป็นอ
องค์หญิงห้ารับกล่องมาเปิดพร้อมด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเหล่าองค์หญิงผู้อื่น อีกทั้งองค์หญิงสิบสามหาได้ทักทายผู้ใดไม่นอกจากองค์หญิงห้าจึงทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย การกระทำของนางแม้พวกนางไม่อยากสนใจแต่ก็อดที่จะแอบชำเลืองมองไม่ได้"หยกเลือดนี่งดงามมาก"องค์หญิงห้าอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น เสียงฮือฮาของเหล่าสตรีที่อยู่รอบกายเห็นได้ชัดว่าชื่นชอบความงามของหยกเลือดหายากยิ่ง องค์หญิงสิบสามโบกพัดในมือแย้มยิ้มหน้าบาน"หยกนี่หายากมากมีเพียงไม่กี่คนในแคว้นต้าชิงที่ได้ครอบครองข้าเพียงแต่เห็นว่าที่จวนสกุลหยางนั้นไม่ได้ใส่ใจในของล้ำค่าเหล่านี้มากไปกว่าอาวุธ จึงได้ขอสามีมาให้ท่านของล้ำค่าควรคู่กับสตรีงดงามจิตใจดีเช่นพี่ห้า"คำกล่าวขององค์หญิงสิบสามตอบคำถามทุกคนแล้ว นางพูดราวกับว่าที่จวนสกุลหยางมีของล้ำค่าหายากวางเกลื่อนกลาดทั่วจวน อีกทั้งองค์หญิงสิบสามยังสามารถจับหยิบฉวยมาให้ผู้ใดก็ได้จึงนับว่าแม่ทัพหยางรักนางจนยอมปล่อยตามใจเช่นนี้ การโอ้อวดของนางแม้จะดูตื้นเขินและน่ารังเกียจแต่ก็น่าริษยายิ่งนัก"ดูไข่มุกที่ประดับบนปิ่นปักผมของเจ้าสิเม็ดใหญ่และเรียบเนียนกลมกลึงงดงามจริงๆ ข้า
หลินฮุ่ยหมินยอมนั่งเมื่อยขบอยู่ครึ่งค่อนวัน การแต่งกายของสตรีให้งดงามเหตุใดจึงใช้เวลานานเช่นนี้ ที่ผ่านมานางเพียงแต่แต่งกายเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ใช่ไม่อยากงดงามเช่นผู้อื่นแต่เป็นเพราะขัดสนเงินทองต่างหากครานี้มีเงินมากมายอีกทั้งหยางเอ้อหลางก็อนุญาตให้นางใช้จ่ายได้เต็มที่อาชิงเอ่ยว่าองครักษ์ฝานเป็นผู้ไปเหมาอาภรณ์ไหมราคาแพงพวกนี้มาจากหอหรูอี้ร้านอาภรณ์อันดับหนึ่งในต้าชิงมาให้นางเมื่อถึงงานเลี้ยงที่ตำหนักริมน้ำทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าไป เป็นดั่งคาดสายตาขององค์หญิงรวมทั้งนางกำนัลทุกคู่กลับพุ่งมาที่นางด้วยความตกตะลึง เป็นองค์หญิงห้าที่โผกายมาหาด้วยความดีใจ "น้องสิบสามของข้าเหตุใดออกเรือนแล้วงดงามยิ่ง เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าก็อยากหาบุรุษดีๆสักคนออกเรือนบ้าง"องค์หญิงห้ามองน้องสาวด้วยความชื่นชม องค์หญิงสิบสามแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมชั้นดีราคาแพงลิบลิ่วเห็นเช่นนี้ก็แอบดีดลูกคิดในใจ ค่าอาภรณ์ชุดนี้เบี้ยหวัดทั้งปีของตำหนักองค์หญิงห้าคงไม่อาจจะซื้อได้องค์หญิงสิบสามคลี่ยิ้มงดงามบาดตาให้องค์หญิงห้านางสะบัดพัดที่ถืออยู่ในมือ ทำกิริยาเยี่ยงสตรีชั้นสูงที่ปกตินางไม่เคยแสดงออกแล้วเอ่ยขึ้น"พี่ห้าคิดเช่น
ภายในตำหนักฉงหวาบัดนี้นอกจากจะมีไทเฮาที่ประทับอยู่ภายในแล้ว ยังมีจินเทียนฮ่องเต้และเต๋อฮองเฮาประทับอยู่อีกด้านของเตียงเตาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม"เสด็จแม่หยางเอ้อหลางกลับจากชายแดนมาครานี้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ลูกเห็นว่าควรตอบแทนเขาให้สมเกียรติ"ไทเฮาแย้มพระพักตร์เยือกเย็นแล้วตรัสว่า"ฝ่าบาทนับวันอิทธิพลของตระกูลหยางยิ่งมากขึ้น ประชาชนล้วนรักใคร่อีกทั้งตระกูลหยางเสียสละเพื่อแคว้นของเราเพียงใดแม้แต่เด็กแดงยังรู้ อย่าหาว่าแม่ยุ่งเรื่องราชกิจแต่เพราะเป็นห่วงเจ้าจริงๆ จึงอยากให้เจ้าคิดให้ถี่ถ้วน""ที่เสด็จแม่กล่าวมาไม่ผิด ตระกูลหยางทำความชอบใหญ่หลวงแต่อำนาจมากเกินไป ขุนนางต่างอยู่ใต้อำนาจแม้ไม่ได้ยุ่งการภายในแต่ทุกคนล้วนเกรงใจ หากปล่อยต่อไปลูกเกรงว่าอาจจะเป็นภัย""ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แก่ใจควรจะหาวิธีลดทอนอำนาจเสีย""ฝ่าบาทเพคะหม่อมฉันคิดว่ามีวิธีที่ตระกูลหยางไม่อาจขัดได้อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อพวกเรา"ฮองเฮาตรัสนิ้วมือเรียวเต่งตึงราวกับสตรีแรกแย้มยกป้านน้ำชาขึ้นรินลงในจอกด้วยท่วงท่าสง่างามแล้วนำถวายแด่ฝ่าบาท"วิธีการใดเล่าเจ้ารีบพูด""อภิเษกอย่างไรเล่าเพคะ" ฮองเฮาตรัสเบาๆ ใบหน้าประดับไปด้วยร...
Comments