"หากมีคนจับเจ้าไว้และกลายร่างกลับคืนต่อหน้าคนผู้นั้นเจ้าจะถูกมองว่าเป็นปีศาจไร้ทางหนีมีแต่ทางตายสถานเดียวเข้าใจหรือไม่"
องค์หญิงสิบสามพยักหน้า เหตุใดนางจะไม่รู้เล่าที่ผ่านมาทุกครั้งที่กลายร่างนางพยายามข่มใจตนในอยู่เพียงในตำหนักไม่กระโดดหนีไปไหน บางครั้งกลายเป็นสุนัข บางครั้งกลายเป็นนก บางครั้งกลายเป็นงู ครานี้กลายเป็นกระต่าย นางรู้สึกเอือมระอากับโชคชะตาของตนเองที่ไม่เกิดเป็นสัตว์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
"ครานี้เจ้าเห็นสิ่งใดต้องมีเหตุให้เจ้ากระโดดไปที่จวนแม่ทัพหยาง เป็นแน่" ธิดาเทพเอ่ยถาม
"ท่านน้าทำนายถูกต้องแล้ว เมื่อรู้สึกตัวข้าก็อยู่ที่นั่นแล้วและก็เห็น ภาพนิมิต" องค์หญิงสิบสามนึกถึงภาพในนิมิตแล้วก็อดยิ้มอย่างนึกขันไม่ได้
"เห็นสิ่งใด"
"สีแดงเต็มจวน มีงานแต่งเห็นท่านแม่ทัพแต่งงานแต่ไม่เห็นใบหน้าเจ้าสาว อีกทั้งเห็นเขาจุมพิตเจ้าสาวต่อหน้าทุกคน"
"เรื่องนี้เองหรือ แล้วอย่างอื่นเล่า"
"เห็นเพียงเท่านี้ก็ถูกคนไล่แล้ว ข้าแอบเข้าไปในห้องอาบน้ำท่านแม่ทัพแล้วเห็นเขาอาบน้ำด้วย"
"เจ้าว่าอย่างไรนะ แอบเข้าไปในห้องอาบน้ำท่านแม่ทัพหรือ"
ธิดาเทพยกมือทาบอกตนเองด้วยความตกใจ หลานสาวของนางผู้นี้ชอบก่อเรื่องซุกซน นิสัยอยากรู้อยากเห็นอีกทั้งยังเป็นสตรีไม่ออกเรือนการที่เข้าไปห้องอาบน้ำของบุรุษเช่นนั้นทำให้นางแทบจะอยากเอาศีรษะชนเสาตายนัก
"เจ้าค่ะ" องค์หญิงสิบสามตอบตาใส
"แล้วเห็นสิ่งใดอีกหรือไม่" ท่านน้าอยากจะเอ่ยถามตรงๆ แต่นางก็ยังกระดากเช่นกัน
"เห็นไม่แน่ใจนักว่าคือสิ่งใดมันค่อนข้างมืดในมุมนั้น เจ้าสิ่งนั้นข้ามั่นใจว่าติดอยู่ในร่างกายของแม่ทัพหยางดูน่ากลัวข้าเลยหลับตาเสียก่อน แต่ท่านน้าร่างกายแม่ทัพผู้นั้นข้าพิจารณาแล้วช่างงดงามสมส่วนเสียจริง เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากจับเขามานอนที่ตั่งแล้วจับจ้องเป็นอาหารตา"
"สิบสาม เจ้านี่นะ เฮ้ย เอาล่ะ ๆ เจ้าอย่าเพ้อเจ้อนักเลยไม่พูดแล้วๆ "
ธิดาเทพร้อนวูบไปทั้งหน้า อากาศหนาวเหน็บเหตุใดเหงื่อของธิดาเทพจึงซึมออกมาเช่นนี้ นางรู้ว่าหลานสาวชอบสิ่งของงดงามแต่ไม่คาดคิดว่าจะหมายรวมถึงเรือนร่างบุรุษไปได้ อีกทั้งนางผู้นี้ยังคิดสิ่งใดกล่าวสิ่งนั้นเรื่องนี้ต้องโทษตนเองที่สอนให้นางเป็นสตรีที่สัตว์ซื่อไม่กล่าววาจาโป้ปด
"ท่านน้าข้าพูดความจริง หลังจากนั้นข้าก็ดีดตัวหนีมาได้ องครักษ์ผู้นั้นอยากจับข้าไปตุ๋นด้วยบังอาจนัก"
องค์หญิงสิบสามกำมือแน่น หากได้พบหน้ากันตรงๆ นางต้องหาทางเล่นงานองครักษ์เถื่อนและแม่ทัพบ้าผู้นั้นให้จงได้
"เจ้ารีบแต่งกายเสีย พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทนำเรื่องนิมิตของเจ้าไปกราบทูล" ท่านน้าไม่อาจทนฟังต่อไปได้แล้ว องค์หญิงสิบสามเหลวไหลขึ้นทุกวันจึงต้องรีบตัดบทเสีย
"เจ้าค่ะ" องค์หญิงสิบสามรับคำว่าง่าย เรื่องนี้นางต้องไปเล่าให้อาชิง คนสนิทของนางฟังเสียแล้ว
การกลายร่างขององค์หญิงสิบสามนั้นเริ่มเป็นมาเนิ่นนานแล้วตั้งแต่องค์หญิงสิบสามยังเด็ก ในวันหนึ่งจู่ๆ ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น องค์หญิงจึงได้เผลอกินหินทำนายจันทราลงไปด้วยไม่รู้สึกตนเอง สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้เป็นน้าที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เล็กเป็นอันมาก ตำหนักเทพจึงสร้างเรื่องขึ้นมาว่ามีผู้เข้ามาขโมย หินจันทราจนหายสาบสูญ ไม่สามารถให้ฝ่าบาททราบเรื่องนี้ได้ด้วยเกรงว่าฝ่าบาทผู้นั้นจะทำร้ายบุตรสาวตนเองควักหินจันทราออกมาจากท้องของนาง
ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น องค์หญิงสิบสามในวันพระจันทร์เต็มดวงมักจะกลายร่างเป็นสัตว์ต่างๆ ไม่ซ้ำ อีกทั้งทุกครั้งที่กลายร่างนางมักจะเห็นสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าและนำความมาบอกผู้เป็นน้า
ตำหนักเทพจึงดำรงอยู่ได้ด้วยคำทำนายขององค์หญิงสิบสามและยังความเคารพสูงสุดต่อผู้คนรวมทั้งฝ่าบาทและไทเฮา เรื่องภายในตำหนักเทพจึงไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำและช่วยรักษาความลับขององค์หญิงสิบสามมาจนทุกวันนี้
หลังจากแต่งกายเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับวิ่งกระหืดกระหอบหน้าตาตื่นออกมาพร้อมกับน้ำเสียงตกอกตกใจเป็นอันมาก
"แย่แล้วท่านน้า กระพรวนผู้พิทักษ์ของข้าหายไปแล้ว"
กิ่งไผ่โอนเอน เสียงหวีดหวิวของลมหนาวเสียดแทงจิตใจในตำหนักจันทราปิดเงียบเชียบไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้ามาภายใน ฝ่าบาททรงประทับอยู่บนเก้าอี้หยกเหมันต์หลับตาอย่างสงบรับฟังเสียงสวดต่อชะตาจากเหล่าธิดาเทพ ภายในรู้สึกถึงกระแสความเย็นที่แผ่ซ่าน พระวรกายที่เหนื่อยล้าจากราชกิจฟื้นฟูขึ้นภายในเพียงชั่วยาม ด้านข้างมีองค์หญิงสิบสามพระธิดาเป็นผู้ถือโถน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อต้องห้ามภายในตำหนักธิดาเทพ พร้อมท่องสวดบริกรรมคาถาด้วยจิตสงบนิ่งเมื่อพิธีกรรมผ่านมาได้ราวสองชั่วยามโดยไม่มีผู้ใดขยับเขยื้อน องค์หญิงสิบสามยื่นโถน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้เป็นพระบิดาอย่างสำรวม ฝ่าบาทรับน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านพิธีกรรมมาเสวยก่อนจะเทน้ำลงบนฝ่ามือแล้วล้างพระพักตร์เป็นอันพิธีกรรมเสร็จสิ้น"หากมีหินจันทราเราคงไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอยู่กับพวกเจ้าทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้" "ทูลฝ่าบาทแม้จะไม่มีหินจันทราแต่การเข้าสู่พิธีกรรมต่อชะตาปีละสองครั้งใช้เวลารวมครั้งละสามวันก็นับว่าคุ้มค่ามากเพคะ พิธีกรรมนี้ช่วยขจัดสิ่งชั่วร้าย อีกทั้งยังเพิ่มพลังปราณในกายทำให้พระองค์ทรงมีพระวรกายแข็งแรงอายุยืนหมื่นปีเพคะ" หัวหน้าเทพธิดาเอ่ยขึ้น"เอาล่ะๆ เ
หลินฉีตกใจแล้ว เหตุใดจู่ๆมารดาถึงได้ถามถึงท่านแม่ทัพหยางได้ นางมีเขาอยู่ในดวงใจตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีปักปิ่น วันนั้นนางกับเหล่าองค์หญิงติดตามฮองเฮาไปไหว้พระที่วัดกวนอิมบังเอิญพบเจอบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งดวงหน้าหล่อเหลา องอาจผ่าเผยแม้อายุยังน้อยแต่เขากลับรั้งตำแหน่งองครักษ์ครานั้นบังเอิญพบโจรเป็นเขาที่เข้ามาช่วยนางเอาไว้ตั้งแต่นั้นมาองครักษ์หยางผู้นั้นก็เข้ามาอยู่ในจิตใจของนาง จวบจนหลังจากนั้นเขาจากไปชายแดนก็เป็นนางที่เฝ้าติดตามข่าวคราว แม้กระทั่งในตำหนักยังแอบเก็บภาพวาดของเขาเอาไว้อย่างลับๆ หลินฉีคิดว่าเขาคือคู่ฟ้าประทานจากสวรรค์ดั่งเช่นคำกล่าว วีรบุรุษช่วยสาวงาม คือคู่ครองตราบสิ้นลมหายใจ"ว่าอย่างไรเล่าเจ้าคิดว่าเขาเป็นคนเช่นไร"เสียงของฮองเฮาทำให้หลินฉีหลุดจากภวังค์ใบหน้าแดงก่ำอย่างเก้อเขิน"เหตุใดเสด็จแม่ตรัสถามถึงความคิดลูกที่มีต่อบุรุษเล่าเพคะ ลูก คือ""แม่ถามเพราะเป็นเจ้า ฉีเออร์เจ้าว่าเขาดีหรือไม่"องค์หญิงใหญ่ก้มหน้าลงรอยยิ้มพร่างพราวก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้างามล้ำแดงก่ำด้วยความเขินอาย"สมกับเป็นลูกแม่บุรุษผู้นี้เหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง ในแผ่นดินนี้คนที่เหมาะจะครองคู่กับเจ้าแม่เห็นเพี
ในตำหนักองค์หญิงสิบสามหลินฮุ่ยหมิน นางกำนัลในกำลังปัดกวาดเช็ดถูอย่างระมัดระวังอีกทั้งมององค์หญิงที่นั่งกอดเข่าศีรษะจมมาตลอดทั้งวันด้วยความเป็นห่วง "องค์หญิงเสวยนมตุ๋นเสียหน่อยกำลังร้อนๆเลยเพคะ" อาชิงนางกำนัลคนสนิทยกนมตุ๋นมาจากครัว องค์หญิงของนางเหตุใดเซื่องซึมได้เพียงนี้"อาชิงกระพรวนผู้พิทักษ์หายไปแล้วทำเช่นไรดี""ชู่ว์" อาชิงส่ายหน้าปรามทันทีก่อนจะไล่นางกำนัลทั้งหมดออกจากตำหนัก"ระวังด้วยเพคะเรื่องพวกนี้กล่าวพร่ำเพรื่อไม่ได้""แต่ข้าร้อนใจนี่หากไม่มีกระพรวนผู้พิทักษ์แล้วหินจันทราเกิดเคลื่อนไหวข้าคงได้ตายจริงๆ แน่ครานี้ กระพรวนนี่อยู่ติดกายข้ามาตั้งแต่ท่านน้าให้สวม หลังจากนั้นแม้จะทำอย่างไรมันก็ไม่หลุดออกจากขาของเข้าอีกทั้งยังสามารถแปรเปลี่ยนรูปร่างยืดขยายไปตามร่างกายของข้าได้ ครานี้ประหลาดมากที่หล่นหายไปได้ ต้องมีเรื่องผิดปกติเป็นแน่""เรื่องผิดปกติเช่นนี้ หวังว่าคงไม่เกิดขึ้นบ่อยนะเพคะ อย่างไรเสียหม่อมฉันมั่นใจว่าเราต้องพบกระพรวนเป็นแน่ กระพรวนย่อมรู้จักองค์หญิงคงหาทางกลับมาจนได้เพคะ ของวิเศษเช่นนั้นไม่มีทางหายไปนาน" อาชิงเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม"อาชิงเจ้าว่าเรื่องนี้เกี่ยวกั
"แล้วเจ้ากับข้าจะมัวช้าอยู่ทำไมคนหาทั่วแปลงผักไม่พบอาจจะหล่นที่ไหนสักแห่งในจวนเราจะรวยแล้วครานี้"สาวใช้ทั้งสองเร่งรีบจนไม่ทันระวังว่ามีร่างสูงของคนผู้หนึ่งกำลังก้าวเท้าเข้ามาจนเดินชนเข้าไปเต็มๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นพวกนางจึงเห็นว่าเป็นผู้ใด ต่างคุกเข่าลงท่าทางลุกลี้ลุกลนนัก"ค่ะท่านแม่ทัพ""ใช่เป็นท่านแม่ทัพ พวกเจ้าเร่งรีบจนไม่ดูตาม้าตาเรือเช่นนี้มีเรื่องสำคัญอะไรว่ามา" องครักษ์ฝานที่ยืนด้านข้างยกมือกอดอกถามด้วยสายตาดุดัน มองสองสาวใช้อย่างตำหนิพวกนางเร่งรีบจนชนเข้ากับแม่ทัพหยางผู้ตัวโตราวกับภูเขาผู้นี้ได้อย่างไรหยางเอ้อหลางมองพวกนางด้วยใบหน้าเคร่งขรึมสองสามวันมานี้ในจวนอันเงียบสงบของเขาดูเหมือนว่ากำลังมีเรื่องวุ่นวายอยู่ภายใน พวกบ่าวไพร่ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดสายตาล้วนสอดส่ายหาบางสิ่ง เขาผู้เป็นนายเห็นแล้วก็นึงสงสัยยิ่งนัก"พวกเจ้าเร่งรุดไปที่ใด"เสียงขรึมของท่านแม่ทัพทำเอาสาวใช้ตอบตะกุกตะกัก"ระเรียน ทะท่านแม่ทัพ พวกบ่าวเร่งรีบไปหากระพรวนอันหนึ่งเจ้าค่ะ""กระพรวนหรือ" องครักษ์ฝานเอ่ยถาม"เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพคงไม่รู้ ด้านนอกมีเศรษฐีท่านหนึ่งประกาศว่าทำกระต่ายหลุดออกมาและกระต่ายตัวนั้นทำกระพรว
ท่านแม่ทัพยื่นกระพรวนให้กับองครักษ์ฝาน หลังจากพิจารณาอยู่ชั่วครู่องครักษ์ฝานก็เอ่ยขึ้น"ฝีมือการแกะสลักงดงามเช่นนี้นอกจากสำนักแกะสลักแห่งวังหลวงในแคว้นต้าชิงของเราคงไม่มีที่อื่นแล้ว""ใช่เป็นฝีมือจากช่างในวังไม่ผิดแน่""ของที่ทำประณีตอีกทั้งยังดูน่าสนใจเช่นนี้อาจจะเป็นของราชวงศ์หรือสนมนางใดก็ได้""สิบสาม ชื่อนี้หากไม่ใช่ชื่อเจ้ากระต่ายตัวที่สิบสามก็ต้องเป็นชื่อของคนในราชวงศ์ เจ้าดูว่ามีผู้ใดที่น่าจะเป็นเจ้าของทุกคนย่อมรู้ว่าฝ่าบาทไม่ชอบให้มีสัตว์เลี้ยงในวังเพียงใด หากรู้ว่ามีคนแอบขัดคำสั่งคงได้โดนลงโทษเป็นแน่""เช่นนั้นท่านแม่ทัพจะสนใจทำไมขอรับ เรื่องหยุมหยิมภายในวัง" องครักษ์ฝานมองว่าผิดวิสัยของหยางเอ้อหลางนัก"จู่ๆ ก็อยากรู้ขึ้นมาว่าเจ้าของกระต่ายแรงเยอะผู้นั้นมีใบหน้าอย่างไรเจ้าส่งข่าวไปยังเจ้าของว่าข้ามีกระพรวนอยู่ในมือแต่ต้องการส่งมอบให้เจ้าของตัวจริงเท่านั้น ผู้อื่นข้าไม่พบหากของสิ่งนี้สำคัญจริงเขาย่อมมาพบข้าด้วยตัวเอง"ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของหยางเอ้อหลางเคร่งขรึมลง กระพรวนที่ถืออยู่ในมือยิ่งมองดูยิ่งคุ้นตาคล้ายกับเขาเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน เพียงแต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ใดสัญชา
องค์หญิงสิบสามเม้มปาก นางแค่จะไปดูห่างๆอีกทั้งพี่ใหญ่ก็มีองครักษ์อยู่มากมายองค์หญิงสิบสามจึงคิดว่าคงไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น"พี่ใหญ่เช่นนั้นข้าออกนอกวังกับท่านแล้วรออยู่ที่ไกลๆ จะได้หรือไม่ ถือโอกาสออกไปเที่ยวเล่นท่านช่วยทูลขอฮองเฮาให้ข้าหน่อยอยู่ในนี้อึดอัด มานานแล้ว สวนหน้าตำหนักข้าก็ดูจนเบื่อแล้วด้วย""ตอนเจ้ากลายร่างยังเที่ยวเล่นไม่พออีกหรือ" "ตอนนั้นข้าถูกหินจันทราครอบงำไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดควบคุมตนเองยังลำบากท่านจะเหมารวมว่าข้าออกไปเที่ยวเล่นไม่ได้ นะเพคะพี่ใหญ่ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมที่สุด"นางออดอ้อนเขาอีกครั้ง ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองอ๋องฉางอันอย่างใสซื่อ แม้ใจในจะเป็นกังวลแต่ในที่สุดอ๋องฉางอันก็ยอมพ่ายแพ้แก่นาง"ก็ได้เช่นนั้นเจ้ารออยู่ที่เหลาน้ำชาข้าจะไปพบคนผู้นั้นค่อยกลับมารับเจ้าดีหรือไม่""เพคะดียิ่งขอให้ได้ออกจากวังหลวงเถิด ให้รอที่ไหนก็ย่อมได้"องค์หญิงสิบสามตื่นเต้นนักที่จะได้ไปเที่ยวเล่นนอกวังที่เปรียบเหมือนกรงขังแห่งนี้ การเป็นองค์หญิงนั้นมีกฎข้อห้ามมากมายถึงนางจะเป็นองค์หญิงที่ไม่มีใครใส่ใจด้วยมารดาเป็นเพียงธิดาเทพธรรมดาผู้หนึ่งหากเปรี
ช่างอาภรณ์จากห้องตัดเย็บยอบกายพึงพอใจกับถุงเงินในมือเป็นอย่างยิ่ง นางเพิ่งเข้าวังความจริงไม่มีองค์หญิงหรือพระสนมผู้ใดไว้ใจให้ตัดเย็บอาภรณ์ให้จึงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่มากเมื่อองค์หญิงสิบสามเรียกใช้งานจึงดีใจยิ่ง อาภรณ์ชุดนี้นางก็ตั้งใจตัดเย็บอย่างดีที่สุดด้วยหารู้ว่าอาภรณ์สีแดงสดเช่นนี้ไม่มีช่างคนใดกล้าหาเรื่องใส่ตัวตัดเย็บให้คนในวังใส่ คงมีเพียงคนใหม่อย่างนางที่ไม่รู้เรื่องเท่านั้น"สีแดงหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าจะไม่เป็นที่พอพระทัยของไทเฮาและฮองเฮา" อ๋องฉางอันเห็นอาภรณ์สีแดงแล้วไม่สบายใจ แต่น้องหญิงของเขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกสิ่งใดเลยองค์หญิงสิบสามยิ้มซุกซน"ข้าตั้งใจเอง""เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัวนัก""พี่ใหญ่ท่านฟังข้า เหตุผลนั้นมีอยู่สองประการ ประการแรกเป็นเพราะพี่หญิงใหญ่มีน้ำใจมอบผ้าไหมสีแดงงดงามนี้ให้ข้าจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ประการที่สองแน่นอนทั้งไทเฮาและฮองเฮาสองพระองค์ที่ไม่โปรดสีฉูดฉาดจนเป็นที่รู้กันโดยทั่ว แต่ก็ไม่ได้มีกฎข้อห้ามข้อไหนระบุไว้ว่าหากใส่สีแดงนี้แล้วมีความผิด เมื่อไม่มีกฎลงโทษก็ย่อมไม่มีความผิด อีกทั้งวันนั้นข้ารู้ดีว่าฝ่ายในต้องการหาคู่ครองให้บรรดาองค์หญิง หากข้าทำให
ตั้งแต่กลับจากตำหนักองค์หญิงสิบสามอ๋องฉางอันก็มีอาการนอนไม่หลับ ภาพน้องสาวในอาภรณ์สีแดงคอยตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา ร่างกายเหงื่อออกจนผิดปกติ อ๋องฉางอันรู้สึกว่าตนเองคงไม่สบายเสียแล้วจึงให้องครักษ์เรียกท่านหมอมาดูอาการ"ทูลท่านอ๋องอาการภายในเป็นปกติเพียงแต่จิตใจอาจสับสนไปบ้าง ช่วงนี้ท่านพบเจอสิ่งใดที่กระทบจิตใจหรือไม่""ไม่มี ไม่มีเรื่องอันใด"เขาพยายามครุ่นคิดไปมาแต่ก็คิดไม่ออก สิ่งที่พูดไม่ได้คือในใจมักจะคิดถึงน้องหญิงในอาภรณ์สีแดงตลอดเวลา เขาคิดว่าเป็นสิ่งนี้ที่ผิดปกติ หรือว่าฤทธิ์ของหินจันทราจะทำให้เขาพลอยมีอาการประหลาดไปด้วยเรื่องนี้เขาจึงไม่อาจบอกท่านหมอได้เพราะเกี่ยวพันไปถึงองค์หญิงสิบสาม"เช่นนั้นข้าน้อยจะสั่งยาคลายกังวลให้ท่านอ๋อง ดื่มสักวันสองวันจิตใจจะสบายร่างกายดีขึ้น""ขอบคุณท่านหมอ"ครั้นถึงยามค่ำอ๋องฉางอันพยายามข่มตานอนหลังจากได้ยาคลายกังวลจากท่านหมอแล้วเขารู้สึกดีขึ้น กระนั้นในฝันของเขายังมีองค์หญิงสิบสามมาหลอกหลอน เขาตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยหัวใจที่เต้นระทึกในฝันนั้นแสนหวานแต่กลับทำให้เขาหวาดกลัว แท้จริงแล้วภายในใจของเขากำลังคิดสิ่งใดกันแน่ ความสับสนเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้
ร่างขององค์หญิงสิบสามอ่อนระทวย ในขณะที่เขาปรนเปรอนวดเฟ้นอกอวบเร่งจังหวะร้อนผ่าว เขาใช้เข่าดันแยกขาของนางออก กดแท่งใหญ่ยาวเข้าไปภายในที่นุ่มชุ่มฉ่ำจนมิดด้ามนางบีดรัดเขา ตอดเขาจนเขาเจียนคลั่ง หยางเอ้อหลางขยับกายดุนดันตนเองเข้าไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดนางกำลังโอบล้อมเขาบีบบังคับเอาเสียงครางราวสัตว์ป่าบาดเจ็บออกมาจากริมฝีปากของเขา หยางเอ้อหลางครางทั้งที่ยังดูดกลืนปลายถันของนางเอาไว้ เขาเร่งจังหวะควบนางประดุจควบอาชา เข้าออกลึกล้ำแม้อากาศจะหนาวแต่สองร่างกลับเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น เขาช้อนสะโพกผายขึ้นกระแทกนางจนร่างอรชรสั่นสะท้าน องค์หญิงสิบสามรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเขานำลงกระทะใบใหญ่แล้วเคี่ยวให้ละลายครั้งแล้วครั้งเล่าเขาทำอย่างที่พูดดูดกินร่างกายของนางทุกสัดส่วนไม่เหลือเว้นแม้แต่ส่วนเดียว หากนางไม่มีกระพรวนผู้พิทักษ์เกรงว่าทั้งร่างของนางคงเต็มไปด้วยร่องรอยรักที่เขาฝากไว้แล้วจังหวะดูดเม้มของเขาพร้อมกับสองมือที่บีบเคล้นปทุมถันนั้นทำให้นางเสียวสะท้าน ยามที่เขาขบกัดฟันลงมาที่ผิวขาวผ่องทำให้นางขนลุกชันองค์หญิงสิบสามกรีดร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้อายเขาถาโถมร่างลงมา กดสะโพกของนา
ความรู้สึกเสียวแปลบเมื่อมือของเขาและมือของนางสัมผัสที่เต้าอวบ ทำให้องค์หญิงสิบสามครางต่ำ หยางเอ้อหลางดันขาของนางให้กว้างขึ้น สอนนางให้ขยี้ขยำเต้าอวบของตนเองก่อนจะปล่อยมือแล้วแยกขาของนางออกให้สุดเขาลงลิ้นชิมรสภรรยาอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นแหลมดุนดันในขณะที่ขบกัดและละเลงลิ้นดูดกลืนนางเอาไว้ในปาก องค์หญิงสิบสามสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ดันกายขยับสะโพกเข้าหาเขามือที่ถูกเขาสอนให้ล่วงเกินตัวเองยังคงทำหน้าที่กระตุ้นความรู้สึกร้อนรุ่มของตนเอง เพลิงสวาทที่เขาสร้างให้เกิดขึ้นกับนางอย่างรวดเร็วกำลังเผาไหม้องค์หญิงสิบสามเกือบจนสิ้นสติ นางกรีดร้องในลำคอทุกครั้งที่เขาแยงลิ้นเข้าหา เขารัวลิ้นฟาดฟันเบื้องล่างองค์หญิงสิบสามอย่างไม่ปรานี นางกดศีรษะของเขาลงให้เขากินมากกว่านี้ดื่มด่ำกับนางมากกว่านี้ สุดท้ายเป็นนางที่ดึงเอี๊ยมของตนเองทิ้ง ยันกายมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวนุ่มหนาของสามี นางดึงปิ่นปักผมของเขาออก ก่อนจะดึงกวานเงินที่ครอบเส้นผมออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ปรานี นางเปลือยเปล่าเช่นนี้เหตุใดสามียังมีอาภรณ์ติดกายเห็นแล้วขัดเคืองยิ่งแต่นางยังไม่ทันได้คิดสิ่งใด ลิ้นของเขาก็ฟาดฟันลงมาจนนางบิดกายเร่า เ
เสียงปิดประตูด้านนอกเรือนดังขึ้น หยางเอ้อหลางรินน้ำชาให้องค์หญิงสิบสามนางยกขึ้นมาจิบ เห็นว่ารสชาติมีความหวานยิ่งอีกทั้งหอมกรุ่นอยู่ในปากนางชื่นชอบยกดื่มจนหมดจอก แล้วนางก็คิดขึ้นได้ว่าได้ดื่มชานี้เมื่อครั้นฝ่าบาทพระราชทานให้เมื่อนานมาแล้ว“ชานี้เป็นชาเลื่องชื่อที่หากินได้เพียงปีละครั้ง ข้าเคยชิมมาแล้วคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีชาประเภทนี้อยู่ด้วย”“เป็นสินค้าของโรงชาของเรา”“โอ้ท่านพี่แม้แต่ชาหายากในแผ่นดินก็เป็นสินค้าของท่านหรือ”องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างชอบใจ นางเป็นภรรยาเศรษฐีของจริงแล้ว ไม่อดตายแล้ว“แคว้นอิ๋นของท่านยายเชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ ใบชาดังนั้นสินค้าหลายอย่างก็มาจากการคิดค้นของท่านยาย”เขารินชาให้นางอีกจอก ก่อนที่จะเดินไปเทน้ำอุ่นลงในอ่างใบเล็กหยางเอ้อหลางถือชามมาถอดรองเท้าหุ้มแข้งสีขาวของภรรยาออกพร้อมกับถุงเท้าเขาจับเท้านางแช่ในน้ำอุ่นพร้อมกับนวดให้เบา ๆ นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง คนที่อุ้มนางเดินคือเขาแต่เขากำลังทำราวกับว่านางได้ใช้เท้านี้อย่างหนักมากระนั้นแต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาดูอิ่มเอมนักองค์หญิงสิบสามจึงปล่อยให้สามีดูแลอย่างมีความสุข อีกทั้งความหอมของกลิ่นดอกไม้ที่ผสมในน้ำอ
หนุ่มน้อยหลายคนถึงกับอายม้วนเมื่อสบสายตากับองค์หญิงสิบสาม นางกลายเป็นที่นิยมในเวลาเพียงชั่วลมหายใจหยางเอ้อหลางกระแอมอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“ข้าเพียงพาองค์หญิงมาเดินเล่น พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธีสิ่งใดที่ควรทำก็ไปทำเสีย”“เจ้าค่ะ” บุรุษหนุ่มหลายคนแยกย้ายออกไปแล้วเหลือเพียงสตรีที่คอยดูแลนำพวกเขาไปที่เรือนพัก องค์หญิงสิบสามจึงสามารถโผล่ศีรษะมาจากอ้อมแขนของเขาได้ หยางเอ้อหลางสนทนากับหญิงชราอีกหลายคำก่อนนางจะประสานมือคารวะแล้วเลี่ยงไปดูแลจัดน้ำร้อนน้ำชาให้กับพวกเขา“ท่านพี่บอกพาข้ามาเดินเล่นแต่ท่านอุ้มข้าอยู่เช่นนี้ข้าจะเดินได้อย่างไร”“พื้นดินลื่นนัก ข้าเกรงท่านจะเสียหลักล้มข้าอุ้มเจ้าเช่นนี้ดีแล้ว”องค์หญิงสิบสามบิดคางของเขาแล้วเอ่ยว่า“ท่านพี่ข้าเป็นวรยุทธ์จะเสียหลักได้อย่างไร”นางหัวเราะแต่สองมือกลับโอบรอบคอของเขาแน่น เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะปล่อยนางลงนางก็จะเกาะเขาเป็นปลิงอยู่เช่นนี้ ใบหน้าขาวใสงดงามท่ามกลางหิมะขาวของท่านพี่หล่อเหลานัก หล่อเหลาจนอดที่จะยกมือลูบไล้อย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างได้ จวบจนนางอดทนไม่ไหวโน้มคอของสามีลงมาจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขา “ชื่นใจจัง” นางเอ่ยอย
รูปร่างของเขาที่ว่าขณะสวมอาภรณ์นั้นงดงามมากสมบูรณ์แบบมากแล้วแต่ผู้ใดจะรู้ว่ารูปร่างที่แท้จริงภายใต้อาภรณ์นั้นกลับสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าภาพวาดบุรุษหนุ่มที่งดงามในหนังสือเสียอีกมัดกล้ามแข็งเป็นลอนไหล่กว้างน่าซบช่างเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมที่แม้แต่เทพบนสวรรค์ยังต้องริษยาหยางเอ้อหลางมองใบหน้างามล้ำของภรรยาที่แดงระเรื่อนิ้วมือเรียวขาวผ่องที่ลูบไล้บนอกของตนแม้จะมีอาภรณ์หนากั้นกลางกลับส่งผ่านความเร่าร้อนเข้าไปด้านในจนเขากำลังรู้สึกว่าผิวกายบริเวณนั้นกำลังโดนลวก เขาต้องการนางจนไม่อาจรอช้าจึงพานางกระโดดเหาะขึ้นกลางอากาศด้วยเร่งร้อน นางยิ้มบางใบหน้ายังคงแดงระเรื่อดุจสีของกลีบกุหลาบยิ่งมองตัดกับภาพหิมะที่ขาวโพลนอยู่รอบกายช่างดูงามล้ำจนเขาแทบลืมหายใจองค์หญิงสิบสามแท้จริงแล้วนางงดงามยิ่งกว่าหญิงงามล่มเมืองที่เขาได้เชยชมมา มีหญิงงามในอ้อมกอดอีกทั้งเป็นหญิงที่เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมเช่นนี้ความต้องการในตัวนางของเขาจึงมีมากจนแทบคิดว่าตนเองตะกละตะกลามอย่างน่าละอายช่วงล่างของเขาบัดนี้แข็งแกร่งจนดันอาภรณ์ออกมาโชคดียังมีเสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมร่างไว้ไม้ให้มันออกมาอวดความใหญ่โตด้านหน้าให้อับอายไปมากกว่านี้สุดปล
"มิน่าเล่าท่านถึงร่ำรวยนัก เป็นเพราะสกุลหยางวางแผนอย่างดีเยี่ยม ข้านับถือยิ่งบรรพบุรุษสกุลหยางนอกจากชำนาญการรบยังสายตากว้างไกลอีกด้วย""ความสุขที่สกุลหยางมีในวันนี้กระนั้นก็ยังแลกกับชีวิตบุรุษสกุลหยางเกือบทั้งสกุล เมื่อเหลือข้าเพียงคนเดียวจึงเป็นความหวังของทุกคนนัก""ท่านไม่ต้องห่วงข้าจะตั้งใจมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหยางมากหน่อยเพื่อทำความหวังของสกุลให้เป็นจริง"นางจับมือเขาแน่น หวังเพียงว่าตนเองอาจช่วยคลายความเศร้าโศกในใจของเขาให้มลายไปได้สักเล็กน้อย"ไม่เป็นไรท่านอย่ากดดันตนเองให้มาก แม้ไม่มีก็ไม่เป็นไร"ดวงตาของหยางเอ้อหลางอ่อนแสง องค์หญิงสิบสามไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าเขาหม่นหมองลงเล็กน้อยก่อนจะปรับเป็นปกติโดยพลัน"ความจริงแต่งให้ท่านมาก็นานแล้วข้าอย่างไรเสียก็รู้สึกผิดอยู่บ้างที่ยังไม่ท้องเสียที""ท่านมีหินจันทราในร่างกายหากตั้งครรภ์ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอันตรายใดหรือไม่ เราป้องกันไว้ดีกว่าจะได้ไม่เสียใจภายหลัง""ท่านพี่"องค์หญิงสิบสามน้ำตาคลอแล้วยิ่งเขาดีเช่นนี้นางยิ่งรู้สึกผิด ความจริงที่ว่านางแอบดื่มยาหยุดครรภ์เขาอาจจะรู้แต่นางไม่อาจเสี่ยงให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ หากนางตั้งครรภ์แล
เถ้าแก่เหลาน้ำชาออกมาต้อนรับประดุจพวกเขาเป็นลูกค้าปกติทั่วไป ยามเช้าผู้คนในเหลาน้ำชาแน่นขนัดด้วยเป็นเหลาขึ้นชื่ออันดับหนึ่งในต้าชิงข้างในจึงคึกคักยิ่ง เห็นได้ชัดว่ากิจการดีและทำเงินได้มากเพียงใด ความจริงองค์หญิงสิบสามก็เคยมาที่นี่บ่อยครั้งเมื่อครั้นฉางอ๋องยังประจำการที่เมืองหลวงเถ้าแก่ร้านน้ำชาจึงรู้จักนางเป็นอย่างดี แต่คิดไม่ถึงว่าบุรุษเช่นหยางเอ้อหลางที่อาศัยอยู่ชายแดนมายาวนานจะดูสนิทสนมกับเถ้าแก่ได้เพียงนี้หยางเอ้อหลางจูงมือภรรยาตามเถ้าแก่เข้ามาในห้องรับรองห้องหนึ่งแยกจากห้องโถงรวมเพียงเข้ามาในห้องนี้เสียงด้านนอกที่ดังจอแจโหวกเหวกพลันเงียบสนิทองค์หญิงสิบสามมองไปรอบๆภายในห้องอบอุ่นและตกแต่งอย่างงดงามอีกทั้งยังสะอาดเรียบร้อย"ท่านพี่ที่นี่เหมือนห้องพักในโรงเตี๊ยมมากกว่าเป็นเหลาน้ำชา" นางเอ่ยเบาๆ เมื่อเถ้าแก่ส่งพวกเขาแล้วหยางเอ้อหลางก็ไม่ได้สั่งสิ่งใดเพียงแต่พยักหน้าคนผู้นั้นก็ออกจากห้องทันที "ข้ามีบางสิ่งต้องการให้ท่านเห็น"เขาเอ่ยพลางเดินไปที่เตียงนอนองค์หญิงสิบสามเดินตามสามีมาพบว่าด้านข้างเตียงถูกประดับด้วยเครื่องปั้นสลักลายผลทับทิมงดงามนักหยางเอ้อหลางใช้สองมือหมุนเครื่องปั้
นางลูบแขนที่ขาวผ่องของเขาเบาๆ ราวกับเป็นหยกล้ำค่า ที่สำคัญหากขายของคนต้องเห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขาอีกมาก หากมีสตรีใจกล้าหน้าด้านมาทำให้นางปวดหัวคงลำบากน่าดู ครั้นคิดถึงว่าต้องแบ่งเขาให้ผู้อื่นเชยชมแล้วก็รู้สึกขัดใจยิ่ง ค้าขายเช่นนี้แม้ได้กำไรในตัวเงินแต่นางย่อมขาดทุนในเรื่องสามีดังนั้นเลิกคิดตอนนี้จะดีกว่าหยางเอ้อหลางยิ้มแล้วเอ่ยว่า"หมินเออร์อยากให้ข้าทำอาชีพใดเล่า" หยางเอ้อหลางเอ่ยอย่างเอาใจภรรยา"ไม่ต้องทำอันใด"นางขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับดีดนิ้วเสียงดัง"หืม ไม่ต้องแล้วหรือ" เขามองท่าทางน่ารักของนางพร้อมกับยีศีรษะนางเบาๆ"ท่านพี่ ข้าว่าเราหาที่เหมาะ ๆ แล้วเอาเงินไปฝังดินหลีกเลี่ยงทางการดีหรือไม่ป้องกันไว้ก่อนย่อมเป็นการดี หากฝังดินแล้วเราก็สามารถเอาสมบัติมาใช้ในภายหลังได้"องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างมีความสุข สมบัติของเขามีมากต้องเริ่มหาที่ทางที่ปลอดภัยเพื่อจัดการแล้วหยางเอ้อหลางหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก นางคิดว่าเขาสิ้นไร้ไม้ตอกและฝ่าบาทจะทรงพระทัยดำกับสกุลหยางเพียงนี้หรือ ในที่สุดเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า"หมินเออร์ท่านแต่งให้ข้า ข้าสัญญาจะปกป้องเจ้าไม่มีทางให้ลำบ
อาชิงคิดว่าตนเองคงชี้แนะได้เพียงเท่านี้ นางกินให้เขาดูเป็นตัวอย่างพร้อมกับเป็นฝ่ายป้อนหมั่นโถวให้กับองครักษ์ฝาน เขาผู้นั้นไม่ขัดข้องอ้าปากกินอย่างว่าง่ายแต่ว่าอาชิงมองว่าเขาช่างดูไร้วิญญาณชะมัดปากอวบอิ่มของอาชิงที่อ้าปากกินหมั่นโถวนั่นยั่วยวนเกินไปแล้ว นิ้วมือเล็กๆ ที่เขาบังเอิญได้สัมผัสเมื่อยามนางป้อนเขาอ่อนนุ่มจนเขาไม่อยากปล่อยยิ่งนางงดงามยิ่งนางใสซื่อองครักษ์ฝานยิ่งเจ็บปวด เขาชอบทุกสิ่งที่เป็นนางแล้วจะให้เขาปล่อยวางได้อย่างไรคนผู้นั้นมีใบหน้าเป็นอย่างไร องอาจเพียงใดจึงทำให้อาชิงต้องตาต้องใจได้เพียงนั้น จู่ๆ องครักษ์ฝานก็อยากเห็นหน้าคนผู้นั้นนัก"ท่านอย่าบอกว่าวันนี้ยอมตื่นเช้าเพียงเพื่อมาต่อแถวซื้อหมั่นโถวนี่หรอกนะ"หยางเอ้อเอ่ยถามพลางยื่นมือไปรับถุงหมั่นโถวจากภรรยาพร้อมกับล้วงเจ้าก้อนกลมสีขาวนุ่มนิ่มออกมา ก่อนจะเป่าหมั่นโถวเบาๆ ไล่ความร้อนออกไปจนอุ่นดีแล้วจึงป้อนให้องค์หญิงสิบสาม นางอ้าปากรับพร้อมกินอย่างมีความสุข เมื่อชิมรสชาติของหมั่นโถวที่สามีทั้งเป่าทั้งป้อนให้จนหมดไปทั้งลูกแล้วจึงเอ่ยว่า"ไม่ใช่เท่านี้เพียงแต่ว่าข้าเห็นว่าหากท่านออกจากราชการแล้วเราควรค้าขายดีหรือไม่ ข้าว