รูปร่างของเขาที่ว่าขณะสวมอาภรณ์นั้นงดงามมากสมบูรณ์แบบมากแล้วแต่ผู้ใดจะรู้ว่ารูปร่างที่แท้จริงภายใต้อาภรณ์นั้นกลับสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าภาพวาดบุรุษหนุ่มที่งดงามในหนังสือเสียอีกมัดกล้ามแข็งเป็นลอนไหล่กว้างน่าซบช่างเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมที่แม้แต่เทพบนสวรรค์ยังต้องริษยาหยางเอ้อหลางมองใบหน้างามล้ำของภรรยาที่แดงระเรื่อนิ้วมือเรียวขาวผ่องที่ลูบไล้บนอกของตนแม้จะมีอาภรณ์หนากั้นกลางกลับส่งผ่านความเร่าร้อนเข้าไปด้านในจนเขากำลังรู้สึกว่าผิวกายบริเวณนั้นกำลังโดนลวก เขาต้องการนางจนไม่อาจรอช้าจึงพานางกระโดดเหาะขึ้นกลางอากาศด้วยเร่งร้อน นางยิ้มบางใบหน้ายังคงแดงระเรื่อดุจสีของกลีบกุหลาบยิ่งมองตัดกับภาพหิมะที่ขาวโพลนอยู่รอบกายช่างดูงามล้ำจนเขาแทบลืมหายใจองค์หญิงสิบสามแท้จริงแล้วนางงดงามยิ่งกว่าหญิงงามล่มเมืองที่เขาได้เชยชมมา มีหญิงงามในอ้อมกอดอีกทั้งเป็นหญิงที่เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมเช่นนี้ความต้องการในตัวนางของเขาจึงมีมากจนแทบคิดว่าตนเองตะกละตะกลามอย่างน่าละอายช่วงล่างของเขาบัดนี้แข็งแกร่งจนดันอาภรณ์ออกมาโชคดียังมีเสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมร่างไว้ไม้ให้มันออกมาอวดความใหญ่โตด้านหน้าให้อับอายไปมากกว่านี้สุดปล
หนุ่มน้อยหลายคนถึงกับอายม้วนเมื่อสบสายตากับองค์หญิงสิบสาม นางกลายเป็นที่นิยมในเวลาเพียงชั่วลมหายใจหยางเอ้อหลางกระแอมอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“ข้าเพียงพาองค์หญิงมาเดินเล่น พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธีสิ่งใดที่ควรทำก็ไปทำเสีย”“เจ้าค่ะ” บุรุษหนุ่มหลายคนแยกย้ายออกไปแล้วเหลือเพียงสตรีที่คอยดูแลนำพวกเขาไปที่เรือนพัก องค์หญิงสิบสามจึงสามารถโผล่ศีรษะมาจากอ้อมแขนของเขาได้ หยางเอ้อหลางสนทนากับหญิงชราอีกหลายคำก่อนนางจะประสานมือคารวะแล้วเลี่ยงไปดูแลจัดน้ำร้อนน้ำชาให้กับพวกเขา“ท่านพี่บอกพาข้ามาเดินเล่นแต่ท่านอุ้มข้าอยู่เช่นนี้ข้าจะเดินได้อย่างไร”“พื้นดินลื่นนัก ข้าเกรงท่านจะเสียหลักล้มข้าอุ้มเจ้าเช่นนี้ดีแล้ว”องค์หญิงสิบสามบิดคางของเขาแล้วเอ่ยว่า“ท่านพี่ข้าเป็นวรยุทธ์จะเสียหลักได้อย่างไร”นางหัวเราะแต่สองมือกลับโอบรอบคอของเขาแน่น เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะปล่อยนางลงนางก็จะเกาะเขาเป็นปลิงอยู่เช่นนี้ ใบหน้าขาวใสงดงามท่ามกลางหิมะขาวของท่านพี่หล่อเหลานัก หล่อเหลาจนอดที่จะยกมือลูบไล้อย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างได้ จวบจนนางอดทนไม่ไหวโน้มคอของสามีลงมาจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขา “ชื่นใจจัง” นางเอ่ยอย
เสียงปิดประตูด้านนอกเรือนดังขึ้น หยางเอ้อหลางรินน้ำชาให้องค์หญิงสิบสามนางยกขึ้นมาจิบ เห็นว่ารสชาติมีความหวานยิ่งอีกทั้งหอมกรุ่นอยู่ในปากนางชื่นชอบยกดื่มจนหมดจอก แล้วนางก็คิดขึ้นได้ว่าได้ดื่มชานี้เมื่อครั้นฝ่าบาทพระราชทานให้เมื่อนานมาแล้ว“ชานี้เป็นชาเลื่องชื่อที่หากินได้เพียงปีละครั้ง ข้าเคยชิมมาแล้วคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีชาประเภทนี้อยู่ด้วย”“เป็นสินค้าของโรงชาของเรา”“โอ้ท่านพี่แม้แต่ชาหายากในแผ่นดินก็เป็นสินค้าของท่านหรือ”องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างชอบใจ นางเป็นภรรยาเศรษฐีของจริงแล้ว ไม่อดตายแล้ว“แคว้นอิ๋นของท่านยายเชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ ใบชาดังนั้นสินค้าหลายอย่างก็มาจากการคิดค้นของท่านยาย”เขารินชาให้นางอีกจอก ก่อนที่จะเดินไปเทน้ำอุ่นลงในอ่างใบเล็กหยางเอ้อหลางถือชามมาถอดรองเท้าหุ้มแข้งสีขาวของภรรยาออกพร้อมกับถุงเท้าเขาจับเท้านางแช่ในน้ำอุ่นพร้อมกับนวดให้เบา ๆ นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง คนที่อุ้มนางเดินคือเขาแต่เขากำลังทำราวกับว่านางได้ใช้เท้านี้อย่างหนักมากระนั้นแต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาดูอิ่มเอมนักองค์หญิงสิบสามจึงปล่อยให้สามีดูแลอย่างมีความสุข อีกทั้งความหอมของกลิ่นดอกไม้ที่ผสมในน้ำอ
ความรู้สึกเสียวแปลบเมื่อมือของเขาและมือของนางสัมผัสที่เต้าอวบ ทำให้องค์หญิงสิบสามครางต่ำ หยางเอ้อหลางดันขาของนางให้กว้างขึ้น สอนนางให้ขยี้ขยำเต้าอวบของตนเองก่อนจะปล่อยมือแล้วแยกขาของนางออกให้สุดเขาลงลิ้นชิมรสภรรยาอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นแหลมดุนดันในขณะที่ขบกัดและละเลงลิ้นดูดกลืนนางเอาไว้ในปาก องค์หญิงสิบสามสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ดันกายขยับสะโพกเข้าหาเขามือที่ถูกเขาสอนให้ล่วงเกินตัวเองยังคงทำหน้าที่กระตุ้นความรู้สึกร้อนรุ่มของตนเอง เพลิงสวาทที่เขาสร้างให้เกิดขึ้นกับนางอย่างรวดเร็วกำลังเผาไหม้องค์หญิงสิบสามเกือบจนสิ้นสติ นางกรีดร้องในลำคอทุกครั้งที่เขาแยงลิ้นเข้าหา เขารัวลิ้นฟาดฟันเบื้องล่างองค์หญิงสิบสามอย่างไม่ปรานี นางกดศีรษะของเขาลงให้เขากินมากกว่านี้ดื่มด่ำกับนางมากกว่านี้ สุดท้ายเป็นนางที่ดึงเอี๊ยมของตนเองทิ้ง ยันกายมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวนุ่มหนาของสามี นางดึงปิ่นปักผมของเขาออก ก่อนจะดึงกวานเงินที่ครอบเส้นผมออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ปรานี นางเปลือยเปล่าเช่นนี้เหตุใดสามียังมีอาภรณ์ติดกายเห็นแล้วขัดเคืองยิ่งแต่นางยังไม่ทันได้คิดสิ่งใด ลิ้นของเขาก็ฟาดฟันลงมาจนนางบิดกายเร่า เ
ร่างขององค์หญิงสิบสามอ่อนระทวย ในขณะที่เขาปรนเปรอนวดเฟ้นอกอวบเร่งจังหวะร้อนผ่าว เขาใช้เข่าดันแยกขาของนางออก กดแท่งใหญ่ยาวเข้าไปภายในที่นุ่มชุ่มฉ่ำจนมิดด้ามนางบีดรัดเขา ตอดเขาจนเขาเจียนคลั่ง หยางเอ้อหลางขยับกายดุนดันตนเองเข้าไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดนางกำลังโอบล้อมเขาบีบบังคับเอาเสียงครางราวสัตว์ป่าบาดเจ็บออกมาจากริมฝีปากของเขา หยางเอ้อหลางครางทั้งที่ยังดูดกลืนปลายถันของนางเอาไว้ เขาเร่งจังหวะควบนางประดุจควบอาชา เข้าออกลึกล้ำแม้อากาศจะหนาวแต่สองร่างกลับเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น เขาช้อนสะโพกผายขึ้นกระแทกนางจนร่างอรชรสั่นสะท้าน องค์หญิงสิบสามรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเขานำลงกระทะใบใหญ่แล้วเคี่ยวให้ละลายครั้งแล้วครั้งเล่าเขาทำอย่างที่พูดดูดกินร่างกายของนางทุกสัดส่วนไม่เหลือเว้นแม้แต่ส่วนเดียว หากนางไม่มีกระพรวนผู้พิทักษ์เกรงว่าทั้งร่างของนางคงเต็มไปด้วยร่องรอยรักที่เขาฝากไว้แล้วจังหวะดูดเม้มของเขาพร้อมกับสองมือที่บีบเคล้นปทุมถันนั้นทำให้นางเสียวสะท้าน ยามที่เขาขบกัดฟันลงมาที่ผิวขาวผ่องทำให้นางขนลุกชันองค์หญิงสิบสามกรีดร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้อายเขาถาโถมร่างลงมา กดสะโพกของนา
ภายในตำหนักฉงหวาบัดนี้นอกจากจะมีไทเฮาที่ประทับอยู่ภายในแล้ว ยังมีจินเทียนฮ่องเต้และเต๋อฮองเฮาประทับอยู่อีกด้านของเตียงเตาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม"เสด็จแม่หยางเอ้อหลางกลับจากชายแดนมาครานี้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ลูกเห็นว่าควรตอบแทนเขาให้สมเกียรติ"ไทเฮาแย้มพระพักตร์เยือกเย็นแล้วตรัสว่า"ฝ่าบาทนับวันอิทธิพลของตระกูลหยางยิ่งมากขึ้น ประชาชนล้วนรักใคร่อีกทั้งตระกูลหยางเสียสละเพื่อแคว้นของเราเพียงใดแม้แต่เด็กแดงยังรู้ อย่าหาว่าแม่ยุ่งเรื่องราชกิจแต่เพราะเป็นห่วงเจ้าจริงๆ จึงอยากให้เจ้าคิดให้ถี่ถ้วน""ที่เสด็จแม่กล่าวมาไม่ผิด ตระกูลหยางทำความชอบใหญ่หลวงแต่อำนาจมากเกินไป ขุนนางต่างอยู่ใต้อำนาจแม้ไม่ได้ยุ่งการภายในแต่ทุกคนล้วนเกรงใจ หากปล่อยต่อไปลูกเกรงว่าอาจจะเป็นภัย""ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แก่ใจควรจะหาวิธีลดทอนอำนาจเสีย""ฝ่าบาทเพคะหม่อมฉันคิดว่ามีวิธีที่ตระกูลหยางไม่อาจขัดได้อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อพวกเรา"ฮองเฮาตรัสนิ้วมือเรียวเต่งตึงราวกับสตรีแรกแย้มยกป้านน้ำชาขึ้นรินลงในจอกด้วยท่วงท่าสง่างามแล้วนำถวายแด่ฝ่าบาท"วิธีการใดเล่าเจ้ารีบพูด""อภิเษกอย่างไรเล่าเพคะ" ฮองเฮาตรัสเบาๆ ใบหน้าประดับไปด้วยร
องค์หญิงแปดขัดเคืองใจยิ่ง เรื่องที่ผ่านมาระหว่างนางและองค์หญิงสิบสามที่ทำให้นางไม่อยากแม้จะมองใบหน้าน้องสาวคนนี้ ครานั้นองค์หญิงสิบสามแอบลอบออกนอกวังจวบจนได้มีโอกาสไปช่วยน้องสาวของบุรุษที่นางมีใจเดิมทีนางกับคุณชายตงหัวต่างมีใจให้กันจนฝ่ายนั้นจะส่งคนมาทาบทามขอพระราชทานสมรสแล้วหลังจากคุณชายตงหัวบุตรของเสนาบดีผู้นั้นพบองค์หญิงสิบสามเข้ากลับทำตัวห่างเหินกับนางอีกทั้งท่าทางยังผิดแปลกไปมากประหนึ่งคนแปลกหน้า จวบจนนางรู้ข่าวว่าตงหัวส่งกำไลหยกไปให้องค์หญิงสิบสามที่ตำหนัก องค์หญิงแปดจึงไปอาละวาดกับองค์หญิงสิบสามเพราะคิดว่าองค์หญิงสิบสามไม่มีมารดา ผู้หนุนหลังจะทำเช่นไรกับน้องสาวคนนี้ย่อมได้คาดไม่ถึงว่าอ๋องฉางอันพี่ชายใหญ่ของพวกนางจะออกหน้าจนทำให้องค์หญิงแปดถูกลงโทษคัดลอกหนังสือท่วงท่างดงามจิตใจผ่องใสเล่มหนานั่นถึง ห้าร้อยบท อีกทั้งต้องถูกกักขังในตำหนักทั้งเดือน บุรุษก็หนีหน้าโทษก็ต้องรับหากไม่ใช่เป็นเพราะสิบสามผู้นี้แล้วจะเป็นเพราะผู้ใด"น้องแปดความจริงก็เป็นเรื่องที่ดีที่คุณชายตงหัวผู้นั้นเผยธาตุแท้ออกมา หากเจ้าแต่งให้เขาไปคนโลเลเช่นนั้นจะไม่รับอนุจนเจ้าปวดหัวหรือ" องค์หญิงห้าเอ่ยขึ้น
หลังเรื่องโต้เถียงกันสงบลง เหล่าองค์หญิงก็ต้องเบิกตาค้างเมื่อองค์หญิงใหญ่สั่งให้นางกำนัลนำเครื่องประดับมาให้พวกนางเลือกเพิ่มไปคนละชิ้น เพราะนางเป็นคนใจกว้างเช่นนี้องค์หญิงทั้งหลายจึงยกย่องนางอีกทั้งไม่กล้าที่จะหาเรื่องอันใดให้องค์หญิงใหญ่ขุ่นเคือง อารมณ์ขององค์หญิงใหญ่มีผลต่อพวกนางเสมอหากนางดีก็ดีจนน้ำตาไหลแต่หากผู้ใดกล้าขัดใจนางก็เตรียมทำใจรับความอัปยศได้เลย"สิบสามพี่หญิงเลือกให้เจ้าได้แล้ว ผ้าผืนนี้อีกทั้งปิ่นปักผมสีแดงงดงามนักคงมีเพียงเจ้าที่ใส่แล้วจะเหมาะสมผู้อื่นเห็นจะไม่คู่ควร""ขอบพระทัยเพคะพี่หญิง"องค์หญิงสิบสามรับมาอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่องค์หญิงองค์หญิงทุกคนมองมายังองค์หญิงสิบสาม หลายคนอดที่จะยิ้มออกมาด้วยความสะใจไม่ได้เมื่อวาดภาพคนงามเช่นน้องสิบสามอยู่ในอาภรณ์ตัวนั้นองค์หญิงห้าตาโตด้วยตกใจที่เห็นอาภรณ์ไหมสีแดงฉ่ำผืนนั้น นางค่อนข้างสนิทสนมกับองค์หญิงสิบสามเห็นชัดเจนว่าแดงสีแรงเช่นนี้องค์หญิงทุกคนล้วนไม่กล้าใส่ด้วยกลัวว่าไทเฮาผู้โปรดการแต่งกายด้วยสีอ่อนหวานจะทรงขัดเคืองพระทัย การแต่งกายที่ดึงดูดมากเกินไปถือเป็นเรื่องไม่งามในราชสำนักเหตุใด พี่หญิงใหญ่จึงยังมอบผ้าไหมแดงช
ร่างขององค์หญิงสิบสามอ่อนระทวย ในขณะที่เขาปรนเปรอนวดเฟ้นอกอวบเร่งจังหวะร้อนผ่าว เขาใช้เข่าดันแยกขาของนางออก กดแท่งใหญ่ยาวเข้าไปภายในที่นุ่มชุ่มฉ่ำจนมิดด้ามนางบีดรัดเขา ตอดเขาจนเขาเจียนคลั่ง หยางเอ้อหลางขยับกายดุนดันตนเองเข้าไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดนางกำลังโอบล้อมเขาบีบบังคับเอาเสียงครางราวสัตว์ป่าบาดเจ็บออกมาจากริมฝีปากของเขา หยางเอ้อหลางครางทั้งที่ยังดูดกลืนปลายถันของนางเอาไว้ เขาเร่งจังหวะควบนางประดุจควบอาชา เข้าออกลึกล้ำแม้อากาศจะหนาวแต่สองร่างกลับเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น เขาช้อนสะโพกผายขึ้นกระแทกนางจนร่างอรชรสั่นสะท้าน องค์หญิงสิบสามรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเขานำลงกระทะใบใหญ่แล้วเคี่ยวให้ละลายครั้งแล้วครั้งเล่าเขาทำอย่างที่พูดดูดกินร่างกายของนางทุกสัดส่วนไม่เหลือเว้นแม้แต่ส่วนเดียว หากนางไม่มีกระพรวนผู้พิทักษ์เกรงว่าทั้งร่างของนางคงเต็มไปด้วยร่องรอยรักที่เขาฝากไว้แล้วจังหวะดูดเม้มของเขาพร้อมกับสองมือที่บีบเคล้นปทุมถันนั้นทำให้นางเสียวสะท้าน ยามที่เขาขบกัดฟันลงมาที่ผิวขาวผ่องทำให้นางขนลุกชันองค์หญิงสิบสามกรีดร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้อายเขาถาโถมร่างลงมา กดสะโพกของนา
ความรู้สึกเสียวแปลบเมื่อมือของเขาและมือของนางสัมผัสที่เต้าอวบ ทำให้องค์หญิงสิบสามครางต่ำ หยางเอ้อหลางดันขาของนางให้กว้างขึ้น สอนนางให้ขยี้ขยำเต้าอวบของตนเองก่อนจะปล่อยมือแล้วแยกขาของนางออกให้สุดเขาลงลิ้นชิมรสภรรยาอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นแหลมดุนดันในขณะที่ขบกัดและละเลงลิ้นดูดกลืนนางเอาไว้ในปาก องค์หญิงสิบสามสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ดันกายขยับสะโพกเข้าหาเขามือที่ถูกเขาสอนให้ล่วงเกินตัวเองยังคงทำหน้าที่กระตุ้นความรู้สึกร้อนรุ่มของตนเอง เพลิงสวาทที่เขาสร้างให้เกิดขึ้นกับนางอย่างรวดเร็วกำลังเผาไหม้องค์หญิงสิบสามเกือบจนสิ้นสติ นางกรีดร้องในลำคอทุกครั้งที่เขาแยงลิ้นเข้าหา เขารัวลิ้นฟาดฟันเบื้องล่างองค์หญิงสิบสามอย่างไม่ปรานี นางกดศีรษะของเขาลงให้เขากินมากกว่านี้ดื่มด่ำกับนางมากกว่านี้ สุดท้ายเป็นนางที่ดึงเอี๊ยมของตนเองทิ้ง ยันกายมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวนุ่มหนาของสามี นางดึงปิ่นปักผมของเขาออก ก่อนจะดึงกวานเงินที่ครอบเส้นผมออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ปรานี นางเปลือยเปล่าเช่นนี้เหตุใดสามียังมีอาภรณ์ติดกายเห็นแล้วขัดเคืองยิ่งแต่นางยังไม่ทันได้คิดสิ่งใด ลิ้นของเขาก็ฟาดฟันลงมาจนนางบิดกายเร่า เ
เสียงปิดประตูด้านนอกเรือนดังขึ้น หยางเอ้อหลางรินน้ำชาให้องค์หญิงสิบสามนางยกขึ้นมาจิบ เห็นว่ารสชาติมีความหวานยิ่งอีกทั้งหอมกรุ่นอยู่ในปากนางชื่นชอบยกดื่มจนหมดจอก แล้วนางก็คิดขึ้นได้ว่าได้ดื่มชานี้เมื่อครั้นฝ่าบาทพระราชทานให้เมื่อนานมาแล้ว“ชานี้เป็นชาเลื่องชื่อที่หากินได้เพียงปีละครั้ง ข้าเคยชิมมาแล้วคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีชาประเภทนี้อยู่ด้วย”“เป็นสินค้าของโรงชาของเรา”“โอ้ท่านพี่แม้แต่ชาหายากในแผ่นดินก็เป็นสินค้าของท่านหรือ”องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างชอบใจ นางเป็นภรรยาเศรษฐีของจริงแล้ว ไม่อดตายแล้ว“แคว้นอิ๋นของท่านยายเชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ ใบชาดังนั้นสินค้าหลายอย่างก็มาจากการคิดค้นของท่านยาย”เขารินชาให้นางอีกจอก ก่อนที่จะเดินไปเทน้ำอุ่นลงในอ่างใบเล็กหยางเอ้อหลางถือชามมาถอดรองเท้าหุ้มแข้งสีขาวของภรรยาออกพร้อมกับถุงเท้าเขาจับเท้านางแช่ในน้ำอุ่นพร้อมกับนวดให้เบา ๆ นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง คนที่อุ้มนางเดินคือเขาแต่เขากำลังทำราวกับว่านางได้ใช้เท้านี้อย่างหนักมากระนั้นแต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาดูอิ่มเอมนักองค์หญิงสิบสามจึงปล่อยให้สามีดูแลอย่างมีความสุข อีกทั้งความหอมของกลิ่นดอกไม้ที่ผสมในน้ำอ
หนุ่มน้อยหลายคนถึงกับอายม้วนเมื่อสบสายตากับองค์หญิงสิบสาม นางกลายเป็นที่นิยมในเวลาเพียงชั่วลมหายใจหยางเอ้อหลางกระแอมอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“ข้าเพียงพาองค์หญิงมาเดินเล่น พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธีสิ่งใดที่ควรทำก็ไปทำเสีย”“เจ้าค่ะ” บุรุษหนุ่มหลายคนแยกย้ายออกไปแล้วเหลือเพียงสตรีที่คอยดูแลนำพวกเขาไปที่เรือนพัก องค์หญิงสิบสามจึงสามารถโผล่ศีรษะมาจากอ้อมแขนของเขาได้ หยางเอ้อหลางสนทนากับหญิงชราอีกหลายคำก่อนนางจะประสานมือคารวะแล้วเลี่ยงไปดูแลจัดน้ำร้อนน้ำชาให้กับพวกเขา“ท่านพี่บอกพาข้ามาเดินเล่นแต่ท่านอุ้มข้าอยู่เช่นนี้ข้าจะเดินได้อย่างไร”“พื้นดินลื่นนัก ข้าเกรงท่านจะเสียหลักล้มข้าอุ้มเจ้าเช่นนี้ดีแล้ว”องค์หญิงสิบสามบิดคางของเขาแล้วเอ่ยว่า“ท่านพี่ข้าเป็นวรยุทธ์จะเสียหลักได้อย่างไร”นางหัวเราะแต่สองมือกลับโอบรอบคอของเขาแน่น เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะปล่อยนางลงนางก็จะเกาะเขาเป็นปลิงอยู่เช่นนี้ ใบหน้าขาวใสงดงามท่ามกลางหิมะขาวของท่านพี่หล่อเหลานัก หล่อเหลาจนอดที่จะยกมือลูบไล้อย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างได้ จวบจนนางอดทนไม่ไหวโน้มคอของสามีลงมาจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขา “ชื่นใจจัง” นางเอ่ยอย
รูปร่างของเขาที่ว่าขณะสวมอาภรณ์นั้นงดงามมากสมบูรณ์แบบมากแล้วแต่ผู้ใดจะรู้ว่ารูปร่างที่แท้จริงภายใต้อาภรณ์นั้นกลับสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าภาพวาดบุรุษหนุ่มที่งดงามในหนังสือเสียอีกมัดกล้ามแข็งเป็นลอนไหล่กว้างน่าซบช่างเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมที่แม้แต่เทพบนสวรรค์ยังต้องริษยาหยางเอ้อหลางมองใบหน้างามล้ำของภรรยาที่แดงระเรื่อนิ้วมือเรียวขาวผ่องที่ลูบไล้บนอกของตนแม้จะมีอาภรณ์หนากั้นกลางกลับส่งผ่านความเร่าร้อนเข้าไปด้านในจนเขากำลังรู้สึกว่าผิวกายบริเวณนั้นกำลังโดนลวก เขาต้องการนางจนไม่อาจรอช้าจึงพานางกระโดดเหาะขึ้นกลางอากาศด้วยเร่งร้อน นางยิ้มบางใบหน้ายังคงแดงระเรื่อดุจสีของกลีบกุหลาบยิ่งมองตัดกับภาพหิมะที่ขาวโพลนอยู่รอบกายช่างดูงามล้ำจนเขาแทบลืมหายใจองค์หญิงสิบสามแท้จริงแล้วนางงดงามยิ่งกว่าหญิงงามล่มเมืองที่เขาได้เชยชมมา มีหญิงงามในอ้อมกอดอีกทั้งเป็นหญิงที่เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมเช่นนี้ความต้องการในตัวนางของเขาจึงมีมากจนแทบคิดว่าตนเองตะกละตะกลามอย่างน่าละอายช่วงล่างของเขาบัดนี้แข็งแกร่งจนดันอาภรณ์ออกมาโชคดียังมีเสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมร่างไว้ไม้ให้มันออกมาอวดความใหญ่โตด้านหน้าให้อับอายไปมากกว่านี้สุดปล
"มิน่าเล่าท่านถึงร่ำรวยนัก เป็นเพราะสกุลหยางวางแผนอย่างดีเยี่ยม ข้านับถือยิ่งบรรพบุรุษสกุลหยางนอกจากชำนาญการรบยังสายตากว้างไกลอีกด้วย""ความสุขที่สกุลหยางมีในวันนี้กระนั้นก็ยังแลกกับชีวิตบุรุษสกุลหยางเกือบทั้งสกุล เมื่อเหลือข้าเพียงคนเดียวจึงเป็นความหวังของทุกคนนัก""ท่านไม่ต้องห่วงข้าจะตั้งใจมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหยางมากหน่อยเพื่อทำความหวังของสกุลให้เป็นจริง"นางจับมือเขาแน่น หวังเพียงว่าตนเองอาจช่วยคลายความเศร้าโศกในใจของเขาให้มลายไปได้สักเล็กน้อย"ไม่เป็นไรท่านอย่ากดดันตนเองให้มาก แม้ไม่มีก็ไม่เป็นไร"ดวงตาของหยางเอ้อหลางอ่อนแสง องค์หญิงสิบสามไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าเขาหม่นหมองลงเล็กน้อยก่อนจะปรับเป็นปกติโดยพลัน"ความจริงแต่งให้ท่านมาก็นานแล้วข้าอย่างไรเสียก็รู้สึกผิดอยู่บ้างที่ยังไม่ท้องเสียที""ท่านมีหินจันทราในร่างกายหากตั้งครรภ์ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอันตรายใดหรือไม่ เราป้องกันไว้ดีกว่าจะได้ไม่เสียใจภายหลัง""ท่านพี่"องค์หญิงสิบสามน้ำตาคลอแล้วยิ่งเขาดีเช่นนี้นางยิ่งรู้สึกผิด ความจริงที่ว่านางแอบดื่มยาหยุดครรภ์เขาอาจจะรู้แต่นางไม่อาจเสี่ยงให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ หากนางตั้งครรภ์แล
เถ้าแก่เหลาน้ำชาออกมาต้อนรับประดุจพวกเขาเป็นลูกค้าปกติทั่วไป ยามเช้าผู้คนในเหลาน้ำชาแน่นขนัดด้วยเป็นเหลาขึ้นชื่ออันดับหนึ่งในต้าชิงข้างในจึงคึกคักยิ่ง เห็นได้ชัดว่ากิจการดีและทำเงินได้มากเพียงใด ความจริงองค์หญิงสิบสามก็เคยมาที่นี่บ่อยครั้งเมื่อครั้นฉางอ๋องยังประจำการที่เมืองหลวงเถ้าแก่ร้านน้ำชาจึงรู้จักนางเป็นอย่างดี แต่คิดไม่ถึงว่าบุรุษเช่นหยางเอ้อหลางที่อาศัยอยู่ชายแดนมายาวนานจะดูสนิทสนมกับเถ้าแก่ได้เพียงนี้หยางเอ้อหลางจูงมือภรรยาตามเถ้าแก่เข้ามาในห้องรับรองห้องหนึ่งแยกจากห้องโถงรวมเพียงเข้ามาในห้องนี้เสียงด้านนอกที่ดังจอแจโหวกเหวกพลันเงียบสนิทองค์หญิงสิบสามมองไปรอบๆภายในห้องอบอุ่นและตกแต่งอย่างงดงามอีกทั้งยังสะอาดเรียบร้อย"ท่านพี่ที่นี่เหมือนห้องพักในโรงเตี๊ยมมากกว่าเป็นเหลาน้ำชา" นางเอ่ยเบาๆ เมื่อเถ้าแก่ส่งพวกเขาแล้วหยางเอ้อหลางก็ไม่ได้สั่งสิ่งใดเพียงแต่พยักหน้าคนผู้นั้นก็ออกจากห้องทันที "ข้ามีบางสิ่งต้องการให้ท่านเห็น"เขาเอ่ยพลางเดินไปที่เตียงนอนองค์หญิงสิบสามเดินตามสามีมาพบว่าด้านข้างเตียงถูกประดับด้วยเครื่องปั้นสลักลายผลทับทิมงดงามนักหยางเอ้อหลางใช้สองมือหมุนเครื่องปั้
นางลูบแขนที่ขาวผ่องของเขาเบาๆ ราวกับเป็นหยกล้ำค่า ที่สำคัญหากขายของคนต้องเห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขาอีกมาก หากมีสตรีใจกล้าหน้าด้านมาทำให้นางปวดหัวคงลำบากน่าดู ครั้นคิดถึงว่าต้องแบ่งเขาให้ผู้อื่นเชยชมแล้วก็รู้สึกขัดใจยิ่ง ค้าขายเช่นนี้แม้ได้กำไรในตัวเงินแต่นางย่อมขาดทุนในเรื่องสามีดังนั้นเลิกคิดตอนนี้จะดีกว่าหยางเอ้อหลางยิ้มแล้วเอ่ยว่า"หมินเออร์อยากให้ข้าทำอาชีพใดเล่า" หยางเอ้อหลางเอ่ยอย่างเอาใจภรรยา"ไม่ต้องทำอันใด"นางขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับดีดนิ้วเสียงดัง"หืม ไม่ต้องแล้วหรือ" เขามองท่าทางน่ารักของนางพร้อมกับยีศีรษะนางเบาๆ"ท่านพี่ ข้าว่าเราหาที่เหมาะ ๆ แล้วเอาเงินไปฝังดินหลีกเลี่ยงทางการดีหรือไม่ป้องกันไว้ก่อนย่อมเป็นการดี หากฝังดินแล้วเราก็สามารถเอาสมบัติมาใช้ในภายหลังได้"องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างมีความสุข สมบัติของเขามีมากต้องเริ่มหาที่ทางที่ปลอดภัยเพื่อจัดการแล้วหยางเอ้อหลางหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก นางคิดว่าเขาสิ้นไร้ไม้ตอกและฝ่าบาทจะทรงพระทัยดำกับสกุลหยางเพียงนี้หรือ ในที่สุดเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า"หมินเออร์ท่านแต่งให้ข้า ข้าสัญญาจะปกป้องเจ้าไม่มีทางให้ลำบ
อาชิงคิดว่าตนเองคงชี้แนะได้เพียงเท่านี้ นางกินให้เขาดูเป็นตัวอย่างพร้อมกับเป็นฝ่ายป้อนหมั่นโถวให้กับองครักษ์ฝาน เขาผู้นั้นไม่ขัดข้องอ้าปากกินอย่างว่าง่ายแต่ว่าอาชิงมองว่าเขาช่างดูไร้วิญญาณชะมัดปากอวบอิ่มของอาชิงที่อ้าปากกินหมั่นโถวนั่นยั่วยวนเกินไปแล้ว นิ้วมือเล็กๆ ที่เขาบังเอิญได้สัมผัสเมื่อยามนางป้อนเขาอ่อนนุ่มจนเขาไม่อยากปล่อยยิ่งนางงดงามยิ่งนางใสซื่อองครักษ์ฝานยิ่งเจ็บปวด เขาชอบทุกสิ่งที่เป็นนางแล้วจะให้เขาปล่อยวางได้อย่างไรคนผู้นั้นมีใบหน้าเป็นอย่างไร องอาจเพียงใดจึงทำให้อาชิงต้องตาต้องใจได้เพียงนั้น จู่ๆ องครักษ์ฝานก็อยากเห็นหน้าคนผู้นั้นนัก"ท่านอย่าบอกว่าวันนี้ยอมตื่นเช้าเพียงเพื่อมาต่อแถวซื้อหมั่นโถวนี่หรอกนะ"หยางเอ้อเอ่ยถามพลางยื่นมือไปรับถุงหมั่นโถวจากภรรยาพร้อมกับล้วงเจ้าก้อนกลมสีขาวนุ่มนิ่มออกมา ก่อนจะเป่าหมั่นโถวเบาๆ ไล่ความร้อนออกไปจนอุ่นดีแล้วจึงป้อนให้องค์หญิงสิบสาม นางอ้าปากรับพร้อมกินอย่างมีความสุข เมื่อชิมรสชาติของหมั่นโถวที่สามีทั้งเป่าทั้งป้อนให้จนหมดไปทั้งลูกแล้วจึงเอ่ยว่า"ไม่ใช่เท่านี้เพียงแต่ว่าข้าเห็นว่าหากท่านออกจากราชการแล้วเราควรค้าขายดีหรือไม่ ข้าว