ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอก
เมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไร
สตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขา
แม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหง
ผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลา
สตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ
ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ
สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจ
ชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้
ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...
และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้างกันนั้นที่หัวเราะไม่หยุด เดี๋ยวลุกจากม้านั่ง เดี๋ยวตบมือสลับการโบกไม้โบกมือก็คือไท่ฮูหยิน
ให้ตายเถิด เนี่ยหยวนซูกำลังทำสิ่งใดกันแน่ หรือนางมีเวทมนตร์ชั่วร้าย ถึงทำให้แม่เล็กกับน้องชายของเขาเสียสติถึงเพียงนี้
เมื่อชายหนุ่มสืบเท้าเข้ามาด้านใน แทนที่การร่ายร่ำจะหยุดลงแต่กลับเป็นว่าจิ่งป๋อเข้ามาควงแขนเขาและทั้งลากทั้งจูงให้ไปร่วมสนุกด้วยกัน
“พี่ใหญ่ วันนี้สำราญใจยิ่งนัก พี่สะใภ้เป็นสตรีมากความสามารถ ฟังดูเถิด เพลงที่นางร้องชวนให้ขบขันและมีความสุข ข้าจะนำไปให้เด็ก ๆ แสดงที่หอลำนำรัก”
ขณะที่ถูกลากไปร่วมวง จมูกโด่ง ๆ ของจิ่งหลัวคุนก็ขยุกขยิก ก่อนที่เขาจะจับตัวจิ่งป๋อให้ยืนนิ่ง ๆ แล้วสูดกลิ่นที่เนื้อตัวน้องชาย
กลิ่นดังกล่าวคุ้นเคย ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาคืนแรกที่ร่วมเตียงกับเนี่ยหยวนซู
โดยเริ่มต้นนางทั้งตบ ทั้งข่วนเขาจนเจ็บจี๊ดตามใบหน้า ลำคอ เมื่อรำคาญจึงคว้าตัวนางมา ด้วยกลิ่นน้ำมันหอมบนเนื้อตัวนางทำให้เขาคลั่ง จนควบคุมตัวไม่ได้ จึงซุกไซ้ตามจุดต่าง ๆ ที่ไวต่อความรู้สึกนาง เขาดูดดุน จูบหนักหน่วง สองมือนวดเฟ้นและเคล้นคลึงถันคู่งาม เมื่ออารมณพลุ่งพล่าน จึงอยากแทรกลิ้นเข้าไปในริมฝีปากอวบอิ่ม แต่เขากลับถูกนางกัดและไม่นานก็สลบไปอีกหน
“พี่ใหญ่ ถึงข้าจะงามล่มเมืองแต่ก็เป็นบุรุษ อีกอย่างเราคือสายเลือดเดียวกัน หักห้ามใจเสียเถิดท่านพี่” จิ่งป๋อกล่าวแล้วหัวเราะร่วน
“น้องสามระวังปากเจ้าบ้าง ถูกอาซูกลั่นแกล้งเช่นนี้ ยังไม่รู้ตัวอีก” จิ่งหลัวคุนเอ่ยจบก็ผลักร่างน้องชายให้ไปทางอื่น ก่อนจับจ้องไปยังหญิงงามที่ดูเหมือนว่า นางกำลังสนุกในงานเลี้ยงรื่นเริง
จิ่งหลัวคุนที่ตอนแรกเกือบระงับโทสะได้แล้ว หากต้องระเบิดอารมณ์กว่าเดิมเมื่อเนี่ยหยวนซูยังบังอาจร้องเพลงต่อ
ฝ่ายเชามี่อึ้งอยู่หลายอึดใจ พอตั้งสติได้ก็หวีดร้องเสียงหลง ก่อนเข้าไปหาซ่งหยูชุน
“ไท่ฮูหยิน ท่านป่วยหนักแล้วนะเจ้าคะ ดูสิ ตัวสั่นเหงื่อแตกเต็มหน้า แล้วยังพูดจาไม่รู้เรื่อง สักพักน้ำลายคงแตกเป็นฝอยเต็มปาก ไท่ฮูหยิน!”
หญิงวัยกลางคนได้ยินเสียงสูงต่ำ ๆ ดังอยู่ใกล้ ๆ ก็ขัดใจเหลือเกิน นางมองเชามี่แล้วเบ้ปากคว่ำใส่
“ไท่ฮูหยินให้ข้าพาไปพักผ่อนดีหรือไม่ อยู่ตรงนี้ลมแรง ข้าจะให้พ่อบ้านไปเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการท่านเดี๋ยวนี้”
“บัดซบ นังโสเภณี ใช่หน้าที่เจ้าต้องแส่เรื่องของข้าหรือ”
ปกติไท่ฮูหยินร้ายเงียบ พูดจาเสียงดังก็จริง แต่ไม่มีการแสดงกิริยา และใช้ถ้อยคำราวกับคนในตลาดสดเช่นนี้
“โอ้ ไท่ฮูหยิน ท่านถูกยาสั่งเป็นแน่ รวมถึงคุณชายสาม!”
“เหลวไหล แล้วก็หุบปากเสีย”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ ไท่ฮูหยินกำลังมีอันตราย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นคิดร้ายต่อท่าน” เมื่อเชามี่กล่าวจบ นางกลับคาดไม่ถึงว่าหญิงวัยกลางคนที่นั่งบนม้านั่ง จู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้น แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งถีบเชามี่อย่างแรงจนนางล้มหงายหลัง และจุกเจ็บจนร้องไม่ออก!
สีหน้าของจิ่งหลัวคุนว่าขึงขังแล้ว หากเทียบไม่ติดเลยกับน้ำเสียงดุเข้มที่เขาตะคอกใส่เนี่ยหยวนซู
“ฮึ หากชอบล้อเล่นกับข้า และหวังทำเรื่องสนุกหมิ่นเกียรติ ข้าก็ยอมให้อภัยในความไร้เดียงสาของสตรีแซ่เนี่ย เอาแต่ซุกซน เล่นสนุกไปวัน ๆ ด้วยถูกตามใจจนเสียนิสัย อีกทั้งไร้การอบรมที่ดี แต่นี่เจ้ากลับถึงขั้นก่อเรื่องไม่สมควรกับแม่เล็ก!”
จากนั้นจิ่งหลัวคุนสาวเท้ายาว ๆ เข้ามาคว้าข้อมือเรียวเล็กไปบีบไว้ เขาออกแรงมากจนกระดูกของหญิงสาวคล้ายจะแหลกสลาย
เนี่ยหยวนซูเจ็บ นางไม่ได้อ่อนแอ รู้ว่าเขาย่อมเป็นหมาบ้า แต่การที่ใช้กำลังเช่นนี้ นางเกลียดที่สุด ผู้ชายไร้เหตุผลและสมองทึบ แถมดื้อด้านดั่งลาโง่ อย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเยี่ยงนี้สมควรเป็นแม่ทัพหรือไร บ้านเมืองนี้เขาคัดลาโง่ตัวโต ๆ แล้วเอาไปจับฉลากกันสินะ ท่านถึงได้มีตำแหน่งใหญ่โตค้ำฟ้า”
จิ่งหลัวคุนโมโหกว่าเดิม และไอสังหารแผ่ขยายท่วมตัวเขาแล้ว
“อยู่ในบ้าน ไม่มีแม่ทัพ ข้าก็แค่บุรุษผู้หนึ่งที่ร่วมเตียงกับเจ้า คือสามี เป็นผู้ชายที่เจ้าสมควรเคารพ!” คำพูดเขาเผ็ดร้อนเหลือเกิน และเนี่ยหยวนซูหน้าแดงทั้งตัวสั่น หนึ่งคือนางโกรธ สองนางเจ็บทั้งข้อมือและปวดหนึบตรงหัวใจ“ใช่ ข้ากับท่านร่วมเตียงกันแล้ว คือสามีภรรยาที่ตบแต่งตามสมรสพระราชทาน”“ฮึ อย่าเล่นลิ้น บอกมา เหตุใด ถึงวางยาแม่เล็กกับเจ้าสาม”“ท่านแม่ทัพ...มีหลักฐาน หรือพยานอันใดงั้นรึ ถึงเสียงแข็งปรักปรำข้า ราวกับจะเอาผิดให้ได้”“ฮึ ข้าไม่ได้ตาบอด ยามนี้พวกเขาล้วนเหมือนคนต้องพิษ มิต่างจากข้าในคืนเข้าหอ”“เอ ท่านแม่ทัพยอมรับแล้วสินะว่าถูกวางยา ไม่ใช่แค่อาการเมาเหล้า”เนี่ยหยวนซูรุกเขากลับ“อย่าเฉไฉโยงเรื่องอื่น จงรีบเอายาถอนพิษออกมาแก้ไขเรื่องนี้เสีย”“โอ้ ท่านชอบล้อข้าเล่นจริงเชียว เมื่อไม่มียาพิษไฉนจะมียาถอนพิษเล่า”ฝ่ายเชามี่ที่ได้รับการพยุงตัวขึ้นโดยอ้ายเหมย นางก้าวกะเผลก ๆ มายืนข้างจิ่งหลัวคุน คราวแรกอยากออเซาะเรียกร้องความสนใจ แต่คนตัวโตรักษาท่าที พร้อมส่งสายตาให้เกอสวิน กันนางห่างจากเขา“ขอให้ผู้น้อยอนุภรรยาอยู่ตรงนี้ด้วยเถิดท่านแม่ทัพ เพราะข้าจะเป็นผู้กระชากหน้ากากนางจิ้งจอกเก
จิ่งหลัวคุนแบกเนี่ยหยวนซูขึ้นสะพานหินโค้ง ยามนั้นสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ฟ้าที่ดูเหมือนไร้เมฆหนาทึบพลันมีก้อนสีดำทะมึนปรากฏให้เห็น สายลมพัดแรงหอบกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้ากระทบร่างเนี่ยหยวนซู“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ข้าเดินเองได้”“แต่ข้าพาเจ้าเดินย่อมดีกว่า!”คนตัวโตบอกและยังทำเสียงขรึม ติดจะโหดและดุดันเช่นเดิม“ไฉนข้าต้องเชื่อฟังท่าน เมื่อมิใช่ทหารหรือลูกน้อง แม้แต่เป็นสตรีที่มีป้ายแขวนคอในค่ายทหาร”น้ำเสียงนางดังสูง ๆ ต่ำ ๆ คำพูดก็เสียดแทงหัวใจเขา“หาญกล้าแต่งเข้าจวนจิ่ง ย่อมเป็นคนของสกุลจิ่ง ดังนั้นสมควรได้รับการอบรมจากหลัวคุน”“คนเผด็จการ!”ชายหนุ่มหยุดสืบเท้าไปเบื้องหน้า เสียงเขาดังกังวาน ชวนให้นางขนลุกโดยแท้ “สามเชื่อฟัง สี่จรรยา...เรื่องนี้ เจ้าเคยล่วงรู้หรือไม่ หากไม่เคยร่ำเรียน ข้าย่อมต้องสอนให้จดจำ ต่อไปจะได้ไม่แสดงความโง่เขลาจนข้าต้องขายหน้าผู้อื่น!”“เมื่อก่อน ข้าไม่คิดว่าต้องเป็นภรรยาของใคร การแต่งเข้าจวนจิ่ง เพราะเป็นประสงค์ของไทเฮากับฮ่องเต้ ที่อยากช่วยกู้หน้าตาและชื่อเสียงของท่านแม่ทัพที่นับวันดิ่งลงเหวนรกให้พอจะยืนหยัดในสังคมได้!” เมื่อนางเอ่ยจบ หญิงสาวก็ใจหาย ด้วยถูกจับให้ยื
“หยวนซู เป็นเจ้าที่เริ่มก่อน เมื่อข้าอดทนไม่ไหว จึงเกิดเรื่องเช่นนี้”ยามนั้นเนี่ยหยวนซูที่อยู่ในสระน้ำกราดเกรี้ยวหนัก และนางกำลังหาทางขึ้นมาด้านบน แล้วหลบหนีเขาไปเสียแต่บังเอิญว่า นางเหยียบก้อนหินในน้ำแล้วลื่น จนเป็นเหตุให้ร่างเสียหลัก ก่อนจมหายลงไปในผิวน้ำ และยามนี้ห่าสายฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว หญิงสาวหวาดกลัวจับจิต ไม่อยากตายซ้ำสองหลายสิ่งพุ่งเข้ามาในหัวคือเรื่องต่าง ๆ ที่เคยทำให้โลกเก่าก่อน แน่นอนว่า เนี่ยหยวนซูย่อมไม่ใช่หญิงสาวแสนดี นางเป็นคนสีเทา ๆ ซึ่งเลี้ยงดูตัวเองด้วยลำแข้งคู่งามนี้ หากสุดท้ายชีวิตพลิกหลายตลบกระทั่งวิญญาณหลุดออกจากร่างและมาอยู่ในโลกที่มีระยะเวลาห่างกันนับพันปีสองมือเรียวมือไขว่คว้าไปข้างหน้าสะเปะสะปะ พร้อมกันนั้นภาพดำมืดก็ทาบทับทุกอย่างจนมองไม่เห็นสิ่งใด!ร่างกายหนาวสะท้าน และการหายใจยากเหลือเกินที่จะสูดอากาศเข้าปอด ชีวิตนางจบสิ้นลงแล้วหรือ มิทันได้พบความสุข ยังไม่ได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นฮูหยินม่ายที่หยัดยืนอย่างกล้าแกร่ง โดยไม่ต้องอาศัยบารมีสามี นางก็ต้องจากไปอย่างน่าเศร้าฝ่ายจิ่งหลัวคุนสบถออกมาชุดใหญ่ เขาเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เรื่องนี้ไม่ต้องสืบความใด ๆ ทั้งเป็
เนี่ยหยวนซูยิ้มหยัน โลกที่จากมานางมักมีนิสัยหน้ามืดตามัวเห็นคนหล่อแล้วมั่นใจว่าพวกเขาคงเป็นบุรุษแสนดี คือพระเอกในนิยายรัก ซึ่งมีฉากจบสมหวัง หากความจริงกลับต้องช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางไม่เคยถูกทำร้ายร่างกาย อาจมีแผลในจิตใจอยู่บ้าง ซึ่งรักษาไม่นานก็ลุกขึ้นได้ด้วยสองขาของตนทว่าเมื่ออยู่ในโลกคล้ายจีนโบราณ กลับกลายเป็นว่าถูกผู้ชายที่มีอำนาจในมือ เป็นคนสมองกลวง ทำทุกอย่างเพื่อสนองอารมณ์ร้าย ๆ ของตน นางไม่แปลกใจหรอกที่ซ่งหยูชุนและจิ่งป๋อจะมองจิ่งหลัวคุนเป็นปีศาจหรือมัจจุราช เนื่องจากเขาเป็นเช่นนี้ อำมหิตและยังมักใช้กำลังเหนือเหตุผลใด ๆ จนทั้งจวนจิ่งปั่นปวน อยู่อย่างไม่สงบสุขเมื่อเขากลับมาจากการออกศึกสงครามยามนี้นางหายจากการเพ้อ แม้ในปากจะมีกลิ่นคาวจัด นางไม่ได้สนใจ สิ่งที่อยากสะสางกับบุรุษตรงหน้าสำคัญยิ่งกว่า ร่างนางสั่นอยู่สักหน่อย ขอบตาผะผ่าวร้อน น้ำตาเอ่อคลอหน่วย ถ้าจะบอกว่านางกลัวเขา ฝันไปเสียเถอะ นางโกรธตัวเองต่างหาก ที่ยามนี้ไม่มีมีดสักเล่ม ไม่อย่างนั้นคงได้แทงที่หน้าอกข้างซ้ายเขาแล้วกดให้มันทะลุถึงหัวใจ“อาซู...ได้ยินคำถามของข้าหรือไม่...เกลียดข้าถึงเพียงนั้นหรือ...และต้องทำอย
จิ่งป๋อร้อนใจหนัก นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาเครียดจนลืมว่าตนต้องปั้นสีหน้าเปื้อนยิ้มให้ดูดีอยู่เสมอ ยามนี้เขาเหงื่อแตกเต็มใบหน้าหล่อเหลา และไม่อาจหยุดเดินได้ แถมยังเดินเป็นวงกลมจนบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ต่างตาลาย บางคนต้องคว้ายาดมยาหอมมาประทังอาการวิงเวียนศีรษะ“โอ้ คุณชายสาม...ท่านกำลังทำให้บ่าวร้อนใจเหลือเกินแล้ว หยุดเดินได้หรือไม่ขอรับ” เกอสวินท้วง วันนี้เขาไม่ได้ติดตามจิ่งหลัวคุน เนื่องจากถูกสั่งให้สืบความต่าง ๆ ที่จวนจิ่ง ที่สำคัญ หลังจากถูกหนูสกปรกกลั่นแกล้ง เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าสู้หน้าคนภายนอกสักเท่าใด เขาอับอายหรือ? คงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่กลางดึกจนถึงรุ่งสาง มีคนเห็นเรือนร่างเขาไปมิน้อย มิหนำซ้ำยังมีรูปวาดเขาติดที่ป้ายประกาศจับล้อเลียนด้วย เรื่องนี้จะเป็นฝีมือใครได้หากไม่ใช่เสี่ยวฉุน!“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร เจ้าบ้านเนี่ยมาพร้อมคนนับร้อยชีวิต และยังอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อพาพี่สะใภ้กลับให้ได้” จิ่งป๋อว่าแล้วก็อยากจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผากฝ่ายเกอสวินเข้าใจดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่มีคนใดจะทักท้วงเนี่ยข่ายได้ แม้จะเป็นจิ่งหลัวคุน เขาก็อาจต้องยอมถอยสักสองสามก้าวเพื่อดูท่าทีคนสกุลเนี่
ในยุคสมัยที่เนี่ยหยวนซูมาอยู่ในร่างนี้ แคว้นเฉิงโจวติดต่อกับต่างชาติทั้งทางน้ำ ทางบก เรียกได้ว่าเมืองหลวงเป่ยตูในช่วงเวลานั้นมีผู้คนหลากหลายสัญชาติ แม้จะสื่อสารต่างภาษากัน ทว่าพอจะรู้ความหมายได้มิยาก อีกทั้งมีล่ามคอยแปลภาษาด้วย บางคนในเมืองหลวงพูด อ่านและเขียนภาษาชาติอื่นได้ด้วย เนื่องจากยุคสมัยดังกล่าวมีสำนักศึกษาที่ก้าวหน้า พร้อมหมอสอนศาสนาที่เข้ามาตั้งหอการแพทย์พร้อมสอนภาษาและเผยแผ่ความเชื่อของตนเหนืออื่นใด สิ่งที่ทุกคนต้องการคือทองคำที่ใช้เป็นการตกลงแลกเปลี่ยนสินค้า มากกว่าเงินของสกุลใดสกุลหนึ่งเนี่ยหยวนซูได้เห็นทั้งชาวเผ่าจากพื้นที่สูง คนเถื่อนจากดินแดนทะเลทรายพวกผมทอง ตาน้ำข้าว กลุ่มคนที่มาจากแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งมีหน่วยอารักขาเป็นนินจา คนค้าขายโสม รวมถึงชาวสยาม นางย่อมตื่นเต้นและคิดว่าชีวิตที่สองนี้ได้เกิดใหม่ช่างคุ้มค่า ซึ่งถูกต้องแล้วที่นางได้เป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย และนางจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ให้เกิดผลหลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับหญิงสูงวัยซึ่งก็คือท่านย่าของนางเกือบสามวันเต็ม ๆ เนี่ยหยวนซูก็อยากเปิดหูเปิดตาพร้อมสำรวจสินค้าเครือข่ายสกุลเนี่ย แต่เดิมที่มาอาศัยร่างนี้ นางคิดแต
หน้าคฤหาสน์สกุลเนี่ยมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ คนที่ก้าวลงมาด้วยตนเอง เพื่อแจ้งความประสงค์แก่ผู้เฝ้าประตูซึ่งปั้นสีหน้าอย่างไม่เป็นมิตรคือจิ่งป๋อ ด้านหลังเขาเป็นเกอสวินคอยอารักขาความปลอดภัย“อย่างไร เรื่องนี้สำคัญนัก ข้าต้องการแจ้งข่าวให้พี่สะใภ้ทราบด้วยตัวเอง”“ขออภัยด้วยคุณชาย ท่านเจ้าบ้านกำชับว่าฮูหยินม่ายสุขภาพไม่สู้ดี และหมอหลวงไม่อยากให้ผู้ใดผ่านเข้าไปข้างใน เกรงจะพาเชื้อโรคปะปนถึงเรือนต่าง ๆ ด้วยโรคบางชนิดในช่วงเวลานี้ติดจากคนสู่คน เรื่องนี้ไม่อาจผ่อนปรน”จิ่งป๋อได้ยินคำพูดราวกับเขาจะพาโรคร้ายไปแปดเปื้อนผู้อื่น เขาจึงทั้งอึ้ง ทั้งโมโห บ่าวสกุลเนี่ยไม่ธรรมดาสักนิด“จะ...เจ้า ฝีปากดีเช่นนี้ เป็นแค่คนดูแลประตูเรือนได้หรือ”ฝ่ายที่ถูกจิ่งป๋อชี้หน้าไม่ได้แสดงความโกรธ เขารับฟังด้วยดี และตอบกลับอย่างสุภาพ ทั้งหมดถูกเตรียมการไว้โดยเป็นคำสั่งของเนี่ยหยวนซู“อย่างที่แจ้งท่านแล้ว หากมอบหนังสือไว้ อย่างไรต้องถึงมือของคุณหนูซูแน่นอน”“พวกเจ้าไร้เหตุผล พี่ใหญ่ข้าแต่งงานกับพี่สะใภ้ไม่กี่วันก็หาเรื่องแยกพวกเขาให้ห่างกัน สิ่งนี้ย่อมไม่ถูกต้อง”คนเฝ้าประตูไม่อยากกล่าวสิ่งใดอีก หน้าที่พวกเขาแค่ยืนกระ
คณะเฉิงอ๋อง หรือฮ่องเต้แคว้นเฉิงโจวบุกป่าเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีจุดประสงค์คือตามหาสัตว์ปีกที่เขาต้องการนำไปเลี้ยงเพื่อเสริมบารมีคู่บัลลังก์ครั้งนี้ฮ่องเต้เฉิงโจวออกล่าสัตว์ป่าด้วยตนเอง พระองค์ต้องการจับเป็นนกชิงเหนี่ยวที่มีขนสีขาว ซึ่งบนศีรษะของมันด้านบนสุดดูคล้ายมีเครื่องประดับสีแดงครอบอยู่ ทั้งงดงามแลเห็นแต่ไกล ขนาดตัวเท่ากับทารกแรกเกิด และเป็นนกที่ใช้ชีวิตในถ้ำสูงประวัติของนกชนิดนี้คือ หากผู้ใดสามารถจับได้ครบสามตัว คนผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เนื่องจากนกชิงเหนี่ยวคือตัวแทนของ นรก สวรรค์ และดินแดนมนุษย์เมื่อเข้าวันที่สามได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน จนเกือบทำให้แคว้นเฉิงโจวเกือบต้องเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ นั่นเป็นเพราะพวกนายพรานและหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ถูกเสือดำทำร้ายเสียชีวิตไปหลายสิบคน เฉิงอี้หลางก็ถูกตะบบที่หลังมือจนเป็นแผลฉกรรจ์ และนั่นทำให้เขาบ้าเลือดอยากเอาชีวิตเสือดำให้จงได้ สุดท้ายเฉิงอี้หลางได้พลัดหลงเข้าไปในป่าลึก เดือดร้อนจิ่งหลัวคุนที่ติดตามมาด้วยต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือทว่าทั้งหมดกลับเป็นแผนร้ายที่มีคนวางกลอุบายเอาไว้ เพื่อลวงให้ฮ่องเต้หนุ่มติดกับดัก“มีผู้
เชามี่ง่วงนอนและหาวติดกันหลายครั้ง นางหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้ ภาพก่อนหน้าคือเสี่ยวฉุนกับฝานเหอวางสีหน้าราวกับต้องการฉีกเนื้อนางออกเป็นชิ้น ๆ“บอกไว้ก่อน คุณหนูของข้าไม่เอาความเจ้าก็แล้วไป แต่สำหรับข้ากับเสี่ยวฉุน อย่าคิดว่าจะปล่อยให้เจ้าลอยหน้าลอยตาอย่างสบายใจ จำเอาไว้ที่นี่ไม่ใช่จวนจิ่ง อีกทั้งคนของสกุลเนี่ยล้วนค้าขาย ออกแรงแบกหามเสมอ ดังนั้นมือหนักตีนหนักย่อมเป็นเรื่องธรรมดา”เชามี่ตาเหลือกค้าง นางเป็นลูกสาวใต้เท้ากรมพิธีการ ได้มาเป็นอนุจวนจิ่งด้วยยามนั้นบิดาต้องการผูกมิตรกับอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงสวรรค์เปิดทางให้นางไปเป็นสตรีสูงศักดิ์ในวังหลวง ซึ่งโชคชะตานางอาจเป็นใหญ่ได้ก้าวเป็นถึงพระสนมหรือฮองเฮา แต่นางกลับกลายเป็นนกปีกหัก ต้องแต่งเข้าจวนจิ่งในฐานะอนุเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเพราะไท่ฮูหยินแจ้งว่าวันเดือนปีเกิดนางไม่เกื้อหนุนจิ่งหลัวคุน ให้นางเป็นอนุไปเสียก่อน หากดวงชะตาเปลี่ยน ดาวเคลื่อนย้าย นางจะเป็นฮูหยินใหญ่ในจวนจิ่งเมื่อใดก็มิสาย แต่สุดท้ายแม่ทัพหนุ่มก็ได้รับสมรสพระราชทานกับสตรีที่บิดาทำการค้าขาย ไร้ตำแหน่งทรงเกียรติ!“ตบปากมัน อ้ายเหมย ตบนังบ่าวชั้นต่ำให้ข้าเดี๋ยวนี้”อ้ายเหมยหม
เนี่ยหยวนซูมองจิ่งป๋อ อีกฝ่ายกับนางแม้เรียกได้ว่าเป็นญาติกันแล้ว ทว่าหญิงสาวไม่ใคร่จะรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา ทราบเพียงแต่ว่าเขาเป็นลูกแหง่ของแม่สามี ทั้งยังนิยมร้องรำทำเพลง รักการแสดงมากกว่ารับใช้บ้านเมือง อีกทั้งหอลำนำรักซึ่งเปิดดำเนินการมาเกือบสองปีขาดทุนโดยตลอด นั่นเป็นเพราะเขาทุ่มทุนในการจัดเสื้อผ้า จ้างนางรำและนักดนตรีมีชื่ออยู่เสมอ คนพวกนั้นมักจะเจ้าอารมณ์เรียกร้องค่าตัวแพงเกินจริง ทั้งยังต้องการสิ่งที่ดีที่สุดในระหว่างเปิดการแสดงที่หอลำนำรัก“แม่ทัพจิ่งช่างดีต่อข้ายิ่ง” เนี่ยหยวนซูไม่ได้ต้องการประชด“เท่าที่ข้าจำได้ ตั้งแต่พี่ใหญ่ทราบว่าต้องแต่งงานกับพี่สะใภ้ เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง คนผู้หนึ่งที่ไม่ชอบเอาใจสตรี ทั้งยังเผด็จการและไม่เคยรักใคร พอรู้ว่าต้องมีฮูหยินเป็นตัวตน เขาแทบทำให้จวนจิ่งแตกด้วยเกรงจะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคืนแรกในการเข้าหอไม่ได้ รวมถึงการเตรียมเรือนไป๋เหลียนฮวาไว้รอรับพี่สะใภ้”เนี่ยหยวนซูคิดทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปด้วย แน่นอนนางสั่งให้คนมาขยายเรือนดังกล่าว พร้อมโรงเรือนเก็บอาหารแห้ง และหากจิ่งหลัวคุนไม่อนุญาตหรืออำนวยความสะดวก เรื่องนี้ย่อมไม่อาจสำเร็จลงโดยง
เนี่ยหยวนซูย่อมตระหนักได้ถึงความไม่ปลอดภัยของบิดา ในขณะที่นางกำลังค่อนข้างเครียดและกดดันอยู่นั้น จิ่งหลัวคุนก็ส่งแมวหางกุดของเขามาคอยรับใช้หญิงสาว แต่นางยังไม่ไว้ใจอีกฝ่ายจึงให้เขารอด้านนอก จากนั้นก็สั่งคนให้คุมกันพื้นที่ให้แน่นหนา ตรวจสอบห้ามไม่ให้คนแปลกหน้ามาเพ่นพ่าน ส่วนคนที่จะเข้างานเลี้ยงคืนนี้ให้ลงนาม และสั่งให้รอบคอบในการตรวจเรื่องเทียบเชิญ หากผู้ใดไม่มีห้ามเข้าพื้นที่เด็ดขาดเมื่อเสี่ยวฉุนส่งเชามี่และอ้ายเหมยไปห้องพักเรียบร้อย นางสั่งให้คนคุมเอาไว้ ห้ามไม่ให้ทั้งคู่ออกมาเพ่นพ่านเด็ดขาด กระทั่งก้าวออกมาพื้นที่ด้านนอกจึงได้เห็นใบหน้าของเกอสวิน แม่นางน้อยกระโดดลงไปขวางทางเขาไว้ ด้วยท่าทางหาเรื่องอย่างที่สุด“ที่นี่ ไม่ต้องการแมวรับใช้ของจวนจิ่ง”“เสี่ยวฉุน เจ้าผ่อนปรนลงบ้าง ยามนี้พวกเราล้วนต้องรับมือกับคนที่มีอำนาจ และข้าอยู่ที่นี่ย่อมช่วยเหลือนายหญิงใหญ่ได้ พร้อมส่งข่าวแก่นายท่านที่ต้องรับมือจากภัยหลายด้าน”“คุณหนูของข้า มีหน่วยคุ้มกันหลายสิบชีวิต ไฉนต้องเพิ่งแรงของแมวตัวผอมและอ่อนหัด”เกอสวินแยกเขี้ยวขู่ ตอนนั้นเองที่เสี่ยวฉุนเตรียมกางเล็บแล้วพุ่งไปข่วนหน้าตาที่ยียวนของอีกฝ่าย
เมื่อเนี่ยหยวนซูรู้ว่าบิดายังไม่กลับเข้าคฤหาสน์สกุลเนี่ย อีกทั้งให้คนออกไปตามข่าวจึงทราบว่า เขาถูกกักบริเวณไว้นอกเมือง ยามนี้มีกองกำลังทหารของลู่ไป๋อี้ล้อมอยู่ และสถานการณ์ในเมืองหลวงเป่ยตู แม้ดูปกติอย่างที่สุด หากเนี่ยหยวนซูไม่สบายใจสักนิด นางอยากยกเลิกงานเลี้ยงคืนนี้เสีย แต่ทำเช่นนั้นไม่ได้ง่าย ๆ เพราะหู่ฮาวเทียนส่งของบางส่วนมาที่งานเลี้ยง นอกจากนั้นยังมีนางกำนัลของฮองเฮาแจ้งข่าวว่าฮองเฮาจะเข้าร่วมงานด้วย โดยที่ไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ วุ่นวาย ให้ปฏิบัติต่อนางอย่างสามัญชนซึ่งในขณะที่ตรวจสอบของว่างและน้ำชา รวมถึงลำดับการแสดงอยู่นั้น เนี่ยหยวนซูต้องข่มกลั้นอารมณ์อย่างลำบาก เนื่องจากจู่ ๆ เชามี่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตูใหญ่อันเป็นสถานที่รับรองแขกแรกเริ่มคนคุ้มกันเนี่ยหยวนซูไม่ให้เชามี่เข้ามาถึงด้านใน ทว่าอ้ายเหมยกลับคุกเข่าลงบนพื้น และถึงขั้นบ้าบิ่นด้วยการโขกศีรษะไปหลายหน จนได้แผลน่ากลัว เลือดนางไหลออกมาจนเปรอะไปทั่ว ขณะเดียวกันเชามี่ก็ร้องเสียงดังเรียกให้ผู้อื่นมามุงดูเหตุการณ์ดังกล่าว เนี่ยหยวนซูไม่อยากสนใจ กระนั้นเมื่อคิดให้ดี นางเชื่อว่าตนรับมืออนุของสามีได้“คารวะนายหญิงใหญ่...”ราว ๆ
บรรยากาศในห้องโถงแห่งนี้เต็มไปด้วยความกดดันอย่างมหาศาล ของว่างชั้นดีถูกจัดเตรียมไว้ สุราก็มีให้ดื่ม น้ำชาอุ่นอยู่ตลอด ทั้งกำยานถูกจุดช่วยให้ผ่อนคลาย ทว่าหลังจากที่ทั้งหมดต้องมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ร่วมสามชั่วยามโดยไม่ได้ล่วงรู้เรื่องใดไปมากกว่า ‘คำสั่งบอกให้รอ’ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาต่างขบคิดหนัก และพยายามหาทางส่งข่าวให้คนของตน แต่เมื่อปิดประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้นยามนี้จึงไม่ต่างจากการปิดประตูตีแมวเนี่ยข่ายไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงถูกเรียกมาที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวงตั้งแต่เช้ามืด คราแรกเขาแจ้งกลับไปว่าสะสางภารกิจยังไม่สำเร็จ ทว่าขันทีคนสนิทของฮ่องเต้มาด้วยตัวเองพร้อมราชโองการให้รีบไปตามจุดนัดหมายโดยด่วน และไม่ได้มีเพียงเขา หากคหบดีทั้งขุนนางหลายคนที่เกี่ยวกับกองคลัง กองพิธีการและฝ่ายภูษาล้วนถูกเรียกตัวมาทั้งหมด “ท่านพ่อ...มีเรื่องใดถึงต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเช่นนี้”เนี่ยหยวนซูก็นอนไม่ใคร่จะหลับ ด้วยตื่นเต้นสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น เมื่อก้าวออกจากเรือน นางก็ได้รับรายงานจากเสี่ยวฉุนว่าบิดาได้รับราชโองการให้เดินทางไปกับรถม้าของฝ่ายใน ทั้งมีทหารกับขันทีมารออยู่ที่หน้าประตูใหญ่นับสิบคน“ซู
เมื่อสามีภรรยาได้อยู่กันสองต่อสองภายในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง จิ่งหลัวคุนก็ยิ้มกว้าง และเนี่ยหยวนซูสังเกตได้ว่ารอยยิ้มกับดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนกระนั้นแทนที่จะดีใจ เนี่ยหยวนซูกลับต้องระวังตัว ด้วยโลกที่นางโผล่เข้ามา ชีวิตลิขิตไว้เช่นไรนางย่อมรู้ดี และต้องหาวิธีเปลี่ยนมัน ทว่าสิ่งที่เนี่ยหยวนซูอยากไขว่คว้าในตอนนี้คือตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุดเมื่อจิ่งหลัวคุนมีความสุข นางก็ชั่งน้ำหน้าอยู่สักหน่อย เลยเบ้ปากให้อีกฝ่าย และนั่นก็ทำให้จิ่งหลัวคุนคึกจัด ผู้ชายคนนี้มีมุมพิลึก ทั้งบ้าบออย่างไม่น่าเชื่อ“แม่ทัพจิ่ง ท่านสูบกัญชาหรือเคี้ยวใบกระท่อมก่อนมาพบข้าหรือไม่!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะพรืดใหญ่ “อาซู เจ้าจะหาว่าสามีอารมณ์แจ่มใส เป็นเพราะ ‘พลังใบ’ หรอกหรือ”“ฮึ ก็สิ่งที่ข้าประจักษ์ด้วยสองตางาม ๆ ย่อมเป็นเยี่ยงนั้น”“ภรรยายอดรัก เจ้าล้อสามีเล่นแล้ว”ดูเอาเถิด นี่ยิ่งกว่าเจอผีทั้งป่าช้ากลางวันแสก ๆ จิ่งหลัวคุนกำลังประสาทกลับ พูดหนึ่งคำแล้วยิ้ม ยิ้มแล้วหัวเราะ การแสดงของเขาช่างน่าทึ่งโดยแท้“ไม่อย่างนั้น คงเป็นเพราะคุณชายสามสอนตำราการละครให้ท่านใช่หรือไม่ ถึงได้เป็นเช่
ปกติแล้วพื้นฐานนิสัยของหู่ฮาวเทียน ไฉนเขาจะจึงต้องคอยตามตอแยหรือตามก้นสตรี หากเขามีเหตุผลสำคัญที่คนผู้หนึ่งมอบหมาย นอกจากนั้นเมื่ออยู่ใกล้นางก็ต้องยอมรับว่า มันชุ่มชื่นหัวใจด้วยเนี่ยหยวนซูงดงามหยาดฟ้า มีเสน่ห์ในแบบที่เขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีนางใดมาก่อน นางไม่ใช่หญิงสาวอ่อนหวาน ไม่ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเร่าร้อนเฉกเช่นนางโลม แต่คือความเข้มแข็ง ความแกร่ง ทั้งยังฉลาด สามารถโต้ตอบบุรุษได้ด้วยสติปัญญา สตรีเช่นนี้สมควรเป็นยอดหญิงแห่งยุค“ซือหม่าหู่...ท่านมิใช่คนเฉิงโจว ไฉนถึงได้รอบรู้ไปเสียทุกสิ่งอย่างในแผ่นดินนี้ และการพยายามเหลือเกินที่จะเอาอกเอาใจข้า มองอย่างไรก็มีสิ่งที่น่าสงสัย ปิ่นทองที่มีพลอยโลหิต คือน้ำใจที่ท่านมอบให้ ข้าเก็บไว้แล้ว ดังนั้นอย่าพยายามยัดเยียดสิ่งอื่นอีกเลย”“ฮูหยินจิ่ง...”กล่าวกันตามตรง คำที่เขาเรียกนางบั่นทอนจิตใจมิน้อย เนี่ยหยวนซูในโลกนี้ยังเยาว์วัย แต่หู่ฮาวเทียนแสร้งเล่นละครให้นางเป็นสตรีของจิ่งหลัวคุน พร้อมหาทางป้ายความผิดให้นางเป็นหญิงที่สวมหมวกเขียวให้สามี เรื่องนี้ไฉนนางจะไม่ล่วงรู้ เขามีแผนการร้ายและเป็นบุรุษที่ประเมินแล้วคบเพื่อผลประโยชน์ได้ ทว่าอย่าได้คิดผิดใจกับเ
ฝานเหอเข้าใจคำพูดของเนี่ยหยวนซู และนางไม่อยากรื้อฟื้นหลายสิ่งก่อนหน้านี้ ด้วยจำภาพในคืนที่คุณหนูของตนเพ้อหนักได้อาการดังกล่าวนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก ดวงตาหญิงสาวเหลือกค้าง สองมือหงิกงอ ก่อนที่ร่างจะสั่นเทารุนแรงราวกับถูกความชั่วร้ายเข้าสิงสู่ หากพอรุ่งเช้าวันใหม่อาการไข้ของเนี่ยหยวนซูลดลง และคำแรกที่นางถามก็คือ“ฝานเหอ เสี่ยวฉุน พะ...พวกเจ้าตามเก็บกระดูกของข้าครบทุกชิ้นส่วนหรือไม่!”ยามนั้นหนึ่งแม่นมและหนึ่งสาวใช้รุ่นเล็กต่างอกสั่นขวัญแขวน มีเรื่องน่ากลัวอันใดถึงเพียงนั้น“กะ...กระดูกอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”เนี่ยหยวนซูทำเสียงหึ ๆ ๆ ในลำคอ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม สีหน้าสีตาก็แตกต่างจากที่เคยเห็น ทั้งที่นางคือเด็กสาวอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดปีด้วยซ้ำ“พวกมันเลาะกระดูกข้าออกจากเนื้อหนัง ส่วนวิญญาณถูก...คนผู้นั้นสะกดไว้ เพื่อชาตินี้และชาติหน้า ข้าจะไม่อาจหนีไปจากเขา!” น้ำเสียงเนี่ยหยวนซู เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ดวงตากลมโตซึ่งเคยงดงามแดงก่ำ นั่นคือครั้งแรกที่ฝานเหอได้สัมผัสน้ำเสียงและพลังลึกลับบางอย่างจากเนี่ยหยวนซู ราวกับวิญญาณคุณหนูที่นางเคยรู้จักและเลี้ยงดูมาสิบกว่าปีหลุดลอยออกไปจากร่างกายอร
“แม่นมฝาน ที่แม่ทัพจิ่งกล่าววันนั้น หมายความเช่นไร ข้ายังสงสัยจนนอนไม่หลับ”“เจ้าหมายถึงขี้ผึ้งเย็นตลับนั้น ตัวปัญหาที่ทำให้มัจจุราชเดินดินโมโหจนแทบกระอักเลือด?!”“ใช่ เขามองมาที่ข้า แล้วถามย้ำจนตอนนี้ยังขนลุกมิหาย สายตาเขาเอาแต่จ้องตลับยาที่คุณหนูได้รับจากคุณชายโจว จะว่าไปดูเหมือนของล้ำค่าที่หายาก แล้วเหตุใดฝ่ายนั้นถึงมอบแก่คุณหนู”“ผู้อื่นมีน้ำใจหาใช่เรื่องต้องสงสัย อีกอย่างคุณหนูงดงามจนบุปผายังอายคุณชายโจวคงต้องการให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวเจ้านั้นเป็นหนูนักสำรวจ ทั้งยังถูกเกอสวินไล่กวดตลอด หากจะเคล็ดขัดยอกตามร่างกายบ้างก็ไม่เห็นแปลก การที่แม่ทัพจิ่งมองตลับยาดังกล่าวเพราะเขาช่างสังเกต อีกอย่างบุรุษผู้นี้เผด็จการก็จริง แต่มากกว่านั้นคือชอบหึงหวง และชอบตอแยคุณหนูเก่งเป็นที่หนึ่ง”“เอ...หรือแท้จริงแล้ว แม่ทัพจิ่งล่วงรู้ว่าคนที่ใช้ขี้ผึ้งไอเย็นเป็นคุณหนูมิใช่ข้า และยังมีบุรุษหล่อเหลามอบให้ไว้”เสี่ยวฉุนกล่าวเช่นนั้น เนี่ยหยวนซูก็นึกถึงดวงตาคม ๆ ของจิ่งหลัวคุน และคำถามของเขา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะแยกตัวจากไป ในวันที่นางกับเขานัดพบกันที่อารามเชิงเขา “ดูเหมือนหนูน้อยตัวจิ๋วของอาซูคงพลัดตกหลังค