ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอก
เมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไร
สตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขา
แม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหง
ผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลา
สตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ
ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ
สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจ
ชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้
ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...
และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้างกันนั้นที่หัวเราะไม่หยุด เดี๋ยวลุกจากม้านั่ง เดี๋ยวตบมือสลับการโบกไม้โบกมือก็คือไท่ฮูหยิน
ให้ตายเถิด เนี่ยหยวนซูกำลังทำสิ่งใดกันแน่ หรือนางมีเวทมนตร์ชั่วร้าย ถึงทำให้แม่เล็กกับน้องชายของเขาเสียสติถึงเพียงนี้
เมื่อชายหนุ่มสืบเท้าเข้ามาด้านใน แทนที่การร่ายร่ำจะหยุดลงแต่กลับเป็นว่าจิ่งป๋อเข้ามาควงแขนเขาและทั้งลากทั้งจูงให้ไปร่วมสนุกด้วยกัน
“พี่ใหญ่ วันนี้สำราญใจยิ่งนัก พี่สะใภ้เป็นสตรีมากความสามารถ ฟังดูเถิด เพลงที่นางร้องชวนให้ขบขันและมีความสุข ข้าจะนำไปให้เด็ก ๆ แสดงที่หอลำนำรัก”
ขณะที่ถูกลากไปร่วมวง จมูกโด่ง ๆ ของจิ่งหลัวคุนก็ขยุกขยิก ก่อนที่เขาจะจับตัวจิ่งป๋อให้ยืนนิ่ง ๆ แล้วสูดกลิ่นที่เนื้อตัวน้องชาย
กลิ่นดังกล่าวคุ้นเคย ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาคืนแรกที่ร่วมเตียงกับเนี่ยหยวนซู
โดยเริ่มต้นนางทั้งตบ ทั้งข่วนเขาจนเจ็บจี๊ดตามใบหน้า ลำคอ เมื่อรำคาญจึงคว้าตัวนางมา ด้วยกลิ่นน้ำมันหอมบนเนื้อตัวนางทำให้เขาคลั่ง จนควบคุมตัวไม่ได้ จึงซุกไซ้ตามจุดต่าง ๆ ที่ไวต่อความรู้สึกนาง เขาดูดดุน จูบหนักหน่วง สองมือนวดเฟ้นและเคล้นคลึงถันคู่งาม เมื่ออารมณพลุ่งพล่าน จึงอยากแทรกลิ้นเข้าไปในริมฝีปากอวบอิ่ม แต่เขากลับถูกนางกัดและไม่นานก็สลบไปอีกหน
“พี่ใหญ่ ถึงข้าจะงามล่มเมืองแต่ก็เป็นบุรุษ อีกอย่างเราคือสายเลือดเดียวกัน หักห้ามใจเสียเถิดท่านพี่” จิ่งป๋อกล่าวแล้วหัวเราะร่วน
“น้องสามระวังปากเจ้าบ้าง ถูกอาซูกลั่นแกล้งเช่นนี้ ยังไม่รู้ตัวอีก” จิ่งหลัวคุนเอ่ยจบก็ผลักร่างน้องชายให้ไปทางอื่น ก่อนจับจ้องไปยังหญิงงามที่ดูเหมือนว่า นางกำลังสนุกในงานเลี้ยงรื่นเริง
จิ่งหลัวคุนที่ตอนแรกเกือบระงับโทสะได้แล้ว หากต้องระเบิดอารมณ์กว่าเดิมเมื่อเนี่ยหยวนซูยังบังอาจร้องเพลงต่อ
ฝ่ายเชามี่อึ้งอยู่หลายอึดใจ พอตั้งสติได้ก็หวีดร้องเสียงหลง ก่อนเข้าไปหาซ่งหยูชุน
“ไท่ฮูหยิน ท่านป่วยหนักแล้วนะเจ้าคะ ดูสิ ตัวสั่นเหงื่อแตกเต็มหน้า แล้วยังพูดจาไม่รู้เรื่อง สักพักน้ำลายคงแตกเป็นฝอยเต็มปาก ไท่ฮูหยิน!”
หญิงวัยกลางคนได้ยินเสียงสูงต่ำ ๆ ดังอยู่ใกล้ ๆ ก็ขัดใจเหลือเกิน นางมองเชามี่แล้วเบ้ปากคว่ำใส่
“ไท่ฮูหยินให้ข้าพาไปพักผ่อนดีหรือไม่ อยู่ตรงนี้ลมแรง ข้าจะให้พ่อบ้านไปเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการท่านเดี๋ยวนี้”
“บัดซบ นังโสเภณี ใช่หน้าที่เจ้าต้องแส่เรื่องของข้าหรือ”
ปกติไท่ฮูหยินร้ายเงียบ พูดจาเสียงดังก็จริง แต่ไม่มีการแสดงกิริยา และใช้ถ้อยคำราวกับคนในตลาดสดเช่นนี้
“โอ้ ไท่ฮูหยิน ท่านถูกยาสั่งเป็นแน่ รวมถึงคุณชายสาม!”
“เหลวไหล แล้วก็หุบปากเสีย”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ ไท่ฮูหยินกำลังมีอันตราย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นคิดร้ายต่อท่าน” เมื่อเชามี่กล่าวจบ นางกลับคาดไม่ถึงว่าหญิงวัยกลางคนที่นั่งบนม้านั่ง จู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้น แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งถีบเชามี่อย่างแรงจนนางล้มหงายหลัง และจุกเจ็บจนร้องไม่ออก!
สีหน้าของจิ่งหลัวคุนว่าขึงขังแล้ว หากเทียบไม่ติดเลยกับน้ำเสียงดุเข้มที่เขาตะคอกใส่เนี่ยหยวนซู
“ฮึ หากชอบล้อเล่นกับข้า และหวังทำเรื่องสนุกหมิ่นเกียรติ ข้าก็ยอมให้อภัยในความไร้เดียงสาของสตรีแซ่เนี่ย เอาแต่ซุกซน เล่นสนุกไปวัน ๆ ด้วยถูกตามใจจนเสียนิสัย อีกทั้งไร้การอบรมที่ดี แต่นี่เจ้ากลับถึงขั้นก่อเรื่องไม่สมควรกับแม่เล็ก!”
จากนั้นจิ่งหลัวคุนสาวเท้ายาว ๆ เข้ามาคว้าข้อมือเรียวเล็กไปบีบไว้ เขาออกแรงมากจนกระดูกของหญิงสาวคล้ายจะแหลกสลาย
เนี่ยหยวนซูเจ็บ นางไม่ได้อ่อนแอ รู้ว่าเขาย่อมเป็นหมาบ้า แต่การที่ใช้กำลังเช่นนี้ นางเกลียดที่สุด ผู้ชายไร้เหตุผลและสมองทึบ แถมดื้อด้านดั่งลาโง่ อย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเยี่ยงนี้สมควรเป็นแม่ทัพหรือไร บ้านเมืองนี้เขาคัดลาโง่ตัวโต ๆ แล้วเอาไปจับฉลากกันสินะ ท่านถึงได้มีตำแหน่งใหญ่โตค้ำฟ้า”
จิ่งหลัวคุนโมโหกว่าเดิม และไอสังหารแผ่ขยายท่วมตัวเขาแล้ว
“อยู่ในบ้าน ไม่มีแม่ทัพ ข้าก็แค่บุรุษผู้หนึ่งที่ร่วมเตียงกับเจ้า คือสามี เป็นผู้ชายที่เจ้าสมควรเคารพ!” คำพูดเขาเผ็ดร้อนเหลือเกิน และเนี่ยหยวนซูหน้าแดงทั้งตัวสั่น หนึ่งคือนางโกรธ สองนางเจ็บทั้งข้อมือและปวดหนึบตรงหัวใจ“ใช่ ข้ากับท่านร่วมเตียงกันแล้ว คือสามีภรรยาที่ตบแต่งตามสมรสพระราชทาน”“ฮึ อย่าเล่นลิ้น บอกมา เหตุใด ถึงวางยาแม่เล็กกับเจ้าสาม”“ท่านแม่ทัพ...มีหลักฐาน หรือพยานอันใดงั้นรึ ถึงเสียงแข็งปรักปรำข้า ราวกับจะเอาผิดให้ได้”“ฮึ ข้าไม่ได้ตาบอด ยามนี้พวกเขาล้วนเหมือนคนต้องพิษ มิต่างจากข้าในคืนเข้าหอ”“เอ ท่านแม่ทัพยอมรับแล้วสินะว่าถูกวางยา ไม่ใช่แค่อาการเมาเหล้า”เนี่ยหยวนซูรุกเขากลับ“อย่าเฉไฉโยงเรื่องอื่น จงรีบเอายาถอนพิษออกมาแก้ไขเรื่องนี้เสีย”“โอ้ ท่านชอบล้อข้าเล่นจริงเชียว เมื่อไม่มียาพิษไฉนจะมียาถอนพิษเล่า”ฝ่ายเชามี่ที่ได้รับการพยุงตัวขึ้นโดยอ้ายเหมย นางก้าวกะเผลก ๆ มายืนข้างจิ่งหลัวคุน คราวแรกอยากออเซาะเรียกร้องความสนใจ แต่คนตัวโตรักษาท่าที พร้อมส่งสายตาให้เกอสวิน กันนางห่างจากเขา“ขอให้ผู้น้อยอนุภรรยาอยู่ตรงนี้ด้วยเถิดท่านแม่ทัพ เพราะข้าจะเป็นผู้กระชากหน้ากากนางจิ้งจอกเก
จิ่งหลัวคุนแบกเนี่ยหยวนซูขึ้นสะพานหินโค้ง ยามนั้นสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ฟ้าที่ดูเหมือนไร้เมฆหนาทึบพลันมีก้อนสีดำทะมึนปรากฏให้เห็น สายลมพัดแรงหอบกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้ากระทบร่างเนี่ยหยวนซู“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ข้าเดินเองได้”“แต่ข้าพาเจ้าเดินย่อมดีกว่า!”คนตัวโตบอกและยังทำเสียงขรึม ติดจะโหดและดุดันเช่นเดิม“ไฉนข้าต้องเชื่อฟังท่าน เมื่อมิใช่ทหารหรือลูกน้อง แม้แต่เป็นสตรีที่มีป้ายแขวนคอในค่ายทหาร”น้ำเสียงนางดังสูง ๆ ต่ำ ๆ คำพูดก็เสียดแทงหัวใจเขา“หาญกล้าแต่งเข้าจวนจิ่ง ย่อมเป็นคนของสกุลจิ่ง ดังนั้นสมควรได้รับการอบรมจากหลัวคุน”“คนเผด็จการ!”ชายหนุ่มหยุดสืบเท้าไปเบื้องหน้า เสียงเขาดังกังวาน ชวนให้นางขนลุกโดยแท้ “สามเชื่อฟัง สี่จรรยา...เรื่องนี้ เจ้าเคยล่วงรู้หรือไม่ หากไม่เคยร่ำเรียน ข้าย่อมต้องสอนให้จดจำ ต่อไปจะได้ไม่แสดงความโง่เขลาจนข้าต้องขายหน้าผู้อื่น!”“เมื่อก่อน ข้าไม่คิดว่าต้องเป็นภรรยาของใคร การแต่งเข้าจวนจิ่ง เพราะเป็นประสงค์ของไทเฮากับฮ่องเต้ ที่อยากช่วยกู้หน้าตาและชื่อเสียงของท่านแม่ทัพที่นับวันดิ่งลงเหวนรกให้พอจะยืนหยัดในสังคมได้!” เมื่อนางเอ่ยจบ หญิงสาวก็ใจหาย ด้วยถูกจับให้ยื
“หยวนซู เป็นเจ้าที่เริ่มก่อน เมื่อข้าอดทนไม่ไหว จึงเกิดเรื่องเช่นนี้”ยามนั้นเนี่ยหยวนซูที่อยู่ในสระน้ำกราดเกรี้ยวหนัก และนางกำลังหาทางขึ้นมาด้านบน แล้วหลบหนีเขาไปเสียแต่บังเอิญว่า นางเหยียบก้อนหินในน้ำแล้วลื่น จนเป็นเหตุให้ร่างเสียหลัก ก่อนจมหายลงไปในผิวน้ำ และยามนี้ห่าสายฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว หญิงสาวหวาดกลัวจับจิต ไม่อยากตายซ้ำสองหลายสิ่งพุ่งเข้ามาในหัวคือเรื่องต่าง ๆ ที่เคยทำให้โลกเก่าก่อน แน่นอนว่า เนี่ยหยวนซูย่อมไม่ใช่หญิงสาวแสนดี นางเป็นคนสีเทา ๆ ซึ่งเลี้ยงดูตัวเองด้วยลำแข้งคู่งามนี้ หากสุดท้ายชีวิตพลิกหลายตลบกระทั่งวิญญาณหลุดออกจากร่างและมาอยู่ในโลกที่มีระยะเวลาห่างกันนับพันปีสองมือเรียวมือไขว่คว้าไปข้างหน้าสะเปะสะปะ พร้อมกันนั้นภาพดำมืดก็ทาบทับทุกอย่างจนมองไม่เห็นสิ่งใด!ร่างกายหนาวสะท้าน และการหายใจยากเหลือเกินที่จะสูดอากาศเข้าปอด ชีวิตนางจบสิ้นลงแล้วหรือ มิทันได้พบความสุข ยังไม่ได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นฮูหยินม่ายที่หยัดยืนอย่างกล้าแกร่ง โดยไม่ต้องอาศัยบารมีสามี นางก็ต้องจากไปอย่างน่าเศร้าฝ่ายจิ่งหลัวคุนสบถออกมาชุดใหญ่ เขาเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เรื่องนี้ไม่ต้องสืบความใด ๆ ทั้งเป็
เนี่ยหยวนซูยิ้มหยัน โลกที่จากมานางมักมีนิสัยหน้ามืดตามัวเห็นคนหล่อแล้วมั่นใจว่าพวกเขาคงเป็นบุรุษแสนดี คือพระเอกในนิยายรัก ซึ่งมีฉากจบสมหวัง หากความจริงกลับต้องช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางไม่เคยถูกทำร้ายร่างกาย อาจมีแผลในจิตใจอยู่บ้าง ซึ่งรักษาไม่นานก็ลุกขึ้นได้ด้วยสองขาของตนทว่าเมื่ออยู่ในโลกคล้ายจีนโบราณ กลับกลายเป็นว่าถูกผู้ชายที่มีอำนาจในมือ เป็นคนสมองกลวง ทำทุกอย่างเพื่อสนองอารมณ์ร้าย ๆ ของตน นางไม่แปลกใจหรอกที่ซ่งหยูชุนและจิ่งป๋อจะมองจิ่งหลัวคุนเป็นปีศาจหรือมัจจุราช เนื่องจากเขาเป็นเช่นนี้ อำมหิตและยังมักใช้กำลังเหนือเหตุผลใด ๆ จนทั้งจวนจิ่งปั่นปวน อยู่อย่างไม่สงบสุขเมื่อเขากลับมาจากการออกศึกสงครามยามนี้นางหายจากการเพ้อ แม้ในปากจะมีกลิ่นคาวจัด นางไม่ได้สนใจ สิ่งที่อยากสะสางกับบุรุษตรงหน้าสำคัญยิ่งกว่า ร่างนางสั่นอยู่สักหน่อย ขอบตาผะผ่าวร้อน น้ำตาเอ่อคลอหน่วย ถ้าจะบอกว่านางกลัวเขา ฝันไปเสียเถอะ นางโกรธตัวเองต่างหาก ที่ยามนี้ไม่มีมีดสักเล่ม ไม่อย่างนั้นคงได้แทงที่หน้าอกข้างซ้ายเขาแล้วกดให้มันทะลุถึงหัวใจ“อาซู...ได้ยินคำถามของข้าหรือไม่...เกลียดข้าถึงเพียงนั้นหรือ...และต้องทำอย
จิ่งป๋อร้อนใจหนัก นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาเครียดจนลืมว่าตนต้องปั้นสีหน้าเปื้อนยิ้มให้ดูดีอยู่เสมอ ยามนี้เขาเหงื่อแตกเต็มใบหน้าหล่อเหลา และไม่อาจหยุดเดินได้ แถมยังเดินเป็นวงกลมจนบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ต่างตาลาย บางคนต้องคว้ายาดมยาหอมมาประทังอาการวิงเวียนศีรษะ“โอ้ คุณชายสาม...ท่านกำลังทำให้บ่าวร้อนใจเหลือเกินแล้ว หยุดเดินได้หรือไม่ขอรับ” เกอสวินท้วง วันนี้เขาไม่ได้ติดตามจิ่งหลัวคุน เนื่องจากถูกสั่งให้สืบความต่าง ๆ ที่จวนจิ่ง ที่สำคัญ หลังจากถูกหนูสกปรกกลั่นแกล้ง เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าสู้หน้าคนภายนอกสักเท่าใด เขาอับอายหรือ? คงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่กลางดึกจนถึงรุ่งสาง มีคนเห็นเรือนร่างเขาไปมิน้อย มิหนำซ้ำยังมีรูปวาดเขาติดที่ป้ายประกาศจับล้อเลียนด้วย เรื่องนี้จะเป็นฝีมือใครได้หากไม่ใช่เสี่ยวฉุน!“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร เจ้าบ้านเนี่ยมาพร้อมคนนับร้อยชีวิต และยังอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อพาพี่สะใภ้กลับให้ได้” จิ่งป๋อว่าแล้วก็อยากจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผากฝ่ายเกอสวินเข้าใจดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่มีคนใดจะทักท้วงเนี่ยข่ายได้ แม้จะเป็นจิ่งหลัวคุน เขาก็อาจต้องยอมถอยสักสองสามก้าวเพื่อดูท่าทีคนสกุลเนี่
ในยุคสมัยที่เนี่ยหยวนซูมาอยู่ในร่างนี้ แคว้นเฉิงโจวติดต่อกับต่างชาติทั้งทางน้ำ ทางบก เรียกได้ว่าเมืองหลวงเป่ยตูในช่วงเวลานั้นมีผู้คนหลากหลายสัญชาติ แม้จะสื่อสารต่างภาษากัน ทว่าพอจะรู้ความหมายได้มิยาก อีกทั้งมีล่ามคอยแปลภาษาด้วย บางคนในเมืองหลวงพูด อ่านและเขียนภาษาชาติอื่นได้ด้วย เนื่องจากยุคสมัยดังกล่าวมีสำนักศึกษาที่ก้าวหน้า พร้อมหมอสอนศาสนาที่เข้ามาตั้งหอการแพทย์พร้อมสอนภาษาและเผยแผ่ความเชื่อของตนเหนืออื่นใด สิ่งที่ทุกคนต้องการคือทองคำที่ใช้เป็นการตกลงแลกเปลี่ยนสินค้า มากกว่าเงินของสกุลใดสกุลหนึ่งเนี่ยหยวนซูได้เห็นทั้งชาวเผ่าจากพื้นที่สูง คนเถื่อนจากดินแดนทะเลทรายพวกผมทอง ตาน้ำข้าว กลุ่มคนที่มาจากแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งมีหน่วยอารักขาเป็นนินจา คนค้าขายโสม รวมถึงชาวสยาม นางย่อมตื่นเต้นและคิดว่าชีวิตที่สองนี้ได้เกิดใหม่ช่างคุ้มค่า ซึ่งถูกต้องแล้วที่นางได้เป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย และนางจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ให้เกิดผลหลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับหญิงสูงวัยซึ่งก็คือท่านย่าของนางเกือบสามวันเต็ม ๆ เนี่ยหยวนซูก็อยากเปิดหูเปิดตาพร้อมสำรวจสินค้าเครือข่ายสกุลเนี่ย แต่เดิมที่มาอาศัยร่างนี้ นางคิดแต
หน้าคฤหาสน์สกุลเนี่ยมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ คนที่ก้าวลงมาด้วยตนเอง เพื่อแจ้งความประสงค์แก่ผู้เฝ้าประตูซึ่งปั้นสีหน้าอย่างไม่เป็นมิตรคือจิ่งป๋อ ด้านหลังเขาเป็นเกอสวินคอยอารักขาความปลอดภัย“อย่างไร เรื่องนี้สำคัญนัก ข้าต้องการแจ้งข่าวให้พี่สะใภ้ทราบด้วยตัวเอง”“ขออภัยด้วยคุณชาย ท่านเจ้าบ้านกำชับว่าฮูหยินม่ายสุขภาพไม่สู้ดี และหมอหลวงไม่อยากให้ผู้ใดผ่านเข้าไปข้างใน เกรงจะพาเชื้อโรคปะปนถึงเรือนต่าง ๆ ด้วยโรคบางชนิดในช่วงเวลานี้ติดจากคนสู่คน เรื่องนี้ไม่อาจผ่อนปรน”จิ่งป๋อได้ยินคำพูดราวกับเขาจะพาโรคร้ายไปแปดเปื้อนผู้อื่น เขาจึงทั้งอึ้ง ทั้งโมโห บ่าวสกุลเนี่ยไม่ธรรมดาสักนิด“จะ...เจ้า ฝีปากดีเช่นนี้ เป็นแค่คนดูแลประตูเรือนได้หรือ”ฝ่ายที่ถูกจิ่งป๋อชี้หน้าไม่ได้แสดงความโกรธ เขารับฟังด้วยดี และตอบกลับอย่างสุภาพ ทั้งหมดถูกเตรียมการไว้โดยเป็นคำสั่งของเนี่ยหยวนซู“อย่างที่แจ้งท่านแล้ว หากมอบหนังสือไว้ อย่างไรต้องถึงมือของคุณหนูซูแน่นอน”“พวกเจ้าไร้เหตุผล พี่ใหญ่ข้าแต่งงานกับพี่สะใภ้ไม่กี่วันก็หาเรื่องแยกพวกเขาให้ห่างกัน สิ่งนี้ย่อมไม่ถูกต้อง”คนเฝ้าประตูไม่อยากกล่าวสิ่งใดอีก หน้าที่พวกเขาแค่ยืนกระ
คณะเฉิงอ๋อง หรือฮ่องเต้แคว้นเฉิงโจวบุกป่าเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีจุดประสงค์คือตามหาสัตว์ปีกที่เขาต้องการนำไปเลี้ยงเพื่อเสริมบารมีคู่บัลลังก์ครั้งนี้ฮ่องเต้เฉิงโจวออกล่าสัตว์ป่าด้วยตนเอง พระองค์ต้องการจับเป็นนกชิงเหนี่ยวที่มีขนสีขาว ซึ่งบนศีรษะของมันด้านบนสุดดูคล้ายมีเครื่องประดับสีแดงครอบอยู่ ทั้งงดงามแลเห็นแต่ไกล ขนาดตัวเท่ากับทารกแรกเกิด และเป็นนกที่ใช้ชีวิตในถ้ำสูงประวัติของนกชนิดนี้คือ หากผู้ใดสามารถจับได้ครบสามตัว คนผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เนื่องจากนกชิงเหนี่ยวคือตัวแทนของ นรก สวรรค์ และดินแดนมนุษย์เมื่อเข้าวันที่สามได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน จนเกือบทำให้แคว้นเฉิงโจวเกือบต้องเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ นั่นเป็นเพราะพวกนายพรานและหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ถูกเสือดำทำร้ายเสียชีวิตไปหลายสิบคน เฉิงอี้หลางก็ถูกตะบบที่หลังมือจนเป็นแผลฉกรรจ์ และนั่นทำให้เขาบ้าเลือดอยากเอาชีวิตเสือดำให้จงได้ สุดท้ายเฉิงอี้หลางได้พลัดหลงเข้าไปในป่าลึก เดือดร้อนจิ่งหลัวคุนที่ติดตามมาด้วยต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือทว่าทั้งหมดกลับเป็นแผนร้ายที่มีคนวางกลอุบายเอาไว้ เพื่อลวงให้ฮ่องเต้หนุ่มติดกับดัก“มีผู้
7 เดือนต่อมา หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เนี่ยหยวนซูที่ยามนี้ท้องโตใกล้คลอด มีความสุขในการกินกว่าใคร ส่วนจิ่งหลัวคุนแม้จะเลิกแพ้อาหารแทนนางและไม่ค่อยเป็นลมหรือมีอาการหน้ามืด แต่เขากลับเป็นห่วงภรรยาชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมห่างไปไหน ด้วยได้ยินเรื่องสตรีเสียชีวิตระหว่างคลอดบุตร รวมถึงอันตรายหลังการคลอด อีกทั้งสิ่งที่อาจเกิดกับชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ทั้งหมดเป็นเพราะเขาฟังผู้อื่นมากเกินไป ทั้งยังอ่านตำราต่างๆ เยอะ เรื่องนี้เนี่ยหยวนซูเข้าใจว่าเป็นเพราะเขารักและห่วงนาง “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่อยากเดินเล่นสักหน่อย...” เนี่ยหยวนซูบอกเขา เช้านี้นางกินทั้งของคาวของหวานแล้วยังมีผลไม้อีก “แต่หมอบอกให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ช่วงนี้ใกล้กำหนดที่ลูกจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว” “ท่านพูดถูก แต่ให้นั่งๆ นอนๆ ไม่ขยับตัว มันทำให้ข้าอึดอัด บางทีก็เครียด ซึ่งอาจส่งผลถึงเด็กน้อยของเรา” นางว่าจบจึงมองชายหนุ่ม อ้อนวอนเขาด้วยสายตา “ได้ แต่แค่เดินที่สวนด้านหน้าเท่านั้น เราจะไม่ไปมากกว่านี้” เนี่ยหยวนซูไม่อยากขัดใจสามี แค่เขาให้นางออกจากเร
จิ่งหลัวคุนไม่อาจยืนนิ่งเฉย อาการเขาคล้ายคนจะหน้ามืดตามด้วยการวูบหมดสติ ยามนั้นแม้จิ่งป๋อฉุดแขนพี่ชายไว้ แต่กลายเป็นว่าเขาถูกเตะเสียนี่ แถมไม่ใช่เตะธรรมดา หากส่งผลให้จิ่งป๋อร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร ด้วยใครกันจะทนแรงของอดีตแม่ทัพหนุ่มไหว โดยเฉพาะอีกฝ่ายคือนักแสดงในโรงละคร วันๆ ร้องเพลง เล่นดนตรี สรรหาเรื่องรื่นเริงเท่านั้น ยามนี้จิ่งป๋อไม่ใช่หนุ่มน้อย ปีนี้อายุเขาสมควรออกเรือน ทว่าอย่างที่พี่ชายห่วงคือจนป่านนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจิ่งป๋อสนใจสตรีหรือบุรุษกันแน่ และที่จิ่งหลัวคุนแสดงท่าทีขึงขังก่อนทำร้ายน้องชาย เป็นเพราะเขา อ้างว่าตนสุขภาพดี ทว่าสภาพอย่างที่เห็น เขาดูแย่หนัก หน้าซีดท่าทางอิดโรย ฝ่ายจื่อเยว่มองคนเป็นพ่อสลับอาหนุ่มหล่อ ก่อนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และถามว่า “เมื่อเช้าท่านพ่อ แพ้อาหารใดหรือไม่เจ้าคะ” นางถามอย่างซื่อๆ นั่นแหละ ดวงตากลมโตมองจิ่งหลัวคุนอย่างต้องการคำตอบ “เหตุใดถึงถามพ่อเช่นนี้ เรื่องพรรคนั้นย่อมไม่เกิดขึ้น” “เอ แต่ลูกได้ยินเสียงคล้ายคนอาเจียน โอ้กอ้ากหลายหนเชียว” และสายตาลูกสาวกับน้องชายหันไปทางจิ่งห
ผิดแต่เรื่องทายาทอีกฝ่ายที่เสี่ยวฉุนไม่ได้รายงานไป เนื่องจากตกลงกับเกอสวินไว้ว่าอยากให้เนี่ยหยวนซูกับจิ่งหลัวคุนได้ปรับความเข้าใจกันเสียก่อน และช่วงสองสามปีให้หลังนางติดต่อเกอสวินไม่ได้เช่นกัน จวบจนได้พบหน้าอีกครั้ง เสี่ยวฉุนก็ต้องยอมรับว่าเกอสวินเป็นหนุ่มเต็มตัว และเขาขโมยหัวใจนางไปหมดแล้วช่วงเช้าวันส่งตัวเจ้าสาว ฝานเหอมีสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยของที่เตรียมเอาไว้ในห้องหอหายไป รวมถึงพัดของเจ้าสาวแล้วก็ผ้าคลุมหน้า สิ่งที่สำคัญมาก ด้วยสองสิ่งนี้เกี่ยวพันถึงเจ้าบ่าวด้วย แต่ยังโชคดีที่มีชุดสำรองเอาไว้“ไม่มีเจ้าคะเถ้าแก่เนี้ย” ฝานเหอบอกเนี่ยหยวนซู และนางไม่ได้เซ้าซี้ถามสิ่งใดหายไปอีกบ้าง แต่กวาดตามองหาไปทั่วๆ ห้องก่อนก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นเสียงดนตรี เสียงโห่ร้องดังเป็นระยะและอาหารเครื่องดื่มมีให้กินอิ่มหนำเป็นอย่างมากร่างสูงของจิ่งหลัวคุนเดินมาหาหญิงสาว ใบหน้าเขาแดงด้วยฤทธิ์สุรา“อาซู... เห็นน้องสามหรือไม่”เนี่ยหยวนซูถอนหายใจเล็กน้อย และถามว่า “นี่คงไม่ใช่ว่า ท่านกับคุณชายสามจะวางแผน ร้ายๆ กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหรอกนะ”“โอ้มิได้ ไม่มีการมอมสุรา หรือใส่ยากำหนัดในอาหารทั้งนั้น อาซูก็รู้ บ่า
ตอนพิเศษของหมั้นต่างหน้าจิ่งหลัวคุนไม่ได้รับใช้ทางด้านทหารแคว้นเฉิงโจวมาได้เกือบสามปี และเขาดูมีความสุข หัวเราะบ่อยครั้ง ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มให้เห็นบ่อยๆ แม้ตัวเขาเสียดายหลายสิ่งโดยเฉพาะประสบการณ์ที่สะสมมา แต่ชีวิตย่อมต้องเดินหน้าส่วนภรรยาเขา เนี่ยหยวนซูนั้นอยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนดังดูแลการค้าทั่วทั้งอาณาจักรอันกว้างใหญ่ และปากบอกอยู่เสมอว่าไม่สนใจเขา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดต่อจากนี้ให้จิ่งหลัวคุนเลือกเอง แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคืนตำแหน่งทางการทหารก็แอบเสียดายไม่ได้ ดังนั้นจึงต่อว่าเขาพอให้หายหงุดหงิดใจ ด้วยหากเขายังเป็นแม่ทัพแคว้นเฉิงโจว อย่างไรคงมีความสามารถเจรจาค้าขายกับทางการและแคว้นพันธมิตรได้“ตอนนี้ นอกจากเป็นลาโง่ ท่านยังเป็นฉลามตาบอด ว่ายน้ำไม่รู้ทิศทาง คิดอย่างไร ถึงทิ้งตำแหน่งทรงเกียรติแล้วมาเป็นโจรสลัด!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะ และเอ่ยว่า“เป็นเพราะต้องการแบ่งเบาภาระภรรยา การค้าขายทางน้ำ นับว่าสำคัญ ข้าจึงอยากทำหน้าที่เป็นหน่วยพิเศษคุ้มครองสินค้าทุกอย่างที่เจ้าขายและต้องการซื้อหาให้ปลอดภัยที่สุด”“ฮึ... แล้วคิดว่า เงินที่ท่านหาได้จากการเป็นคนส่งของ มันจะพอให้ข้าถลุงเล่นหรือ”ชายหน
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้า “อย่าเลย...จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่า ข้ากำลังต้องการคำตอบจากพ่อค้าเรือเหล่านี้ หากเขายินยอมขายให้ข้า พวกท่านจะได้ทำการเก็บอากรเพื่อเข้าหลวงอย่างถูกต้อง ในครั้งต่อไปสินค้าทุกอย่างที่มาถึงเมืองเป่ยซาน ไม่ว่าจะค้าขายสิ่งใดต้องจ่ายเงินเข้าหลวง!”น้ำเสียงเนี่ยหยวนซูฟังแล้วก็เด็ดขาด แต่นั่นคือการป้องกันปัญหาในภายภาคหน้า เพื่อไม่ให้ใครคิดเอาเปรียบ หรือนำสินค้าไร้คุณภาพมาหลอกขายในราคาที่สูงเกินกว่าเหตุเมื่อเนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ ร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่มีผมหยักสลวยเส้นเล็กสีปีกอีกา ก้าวลงมาจากเรือลำใหญ่ที่สุดดวงตาคมกริบจ้องมาที่เนี่ยหยวนซู ในวาบแรกที่สายตาคนทั้งคู่ประสานกัน เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องหวั่นไหว“เอ...คนตัวโต ท่านเป็นใครถึงกล้ามองมารดาข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าควักลูกตาท่านหรือ” จื่อเยว่เอ่ย และวางท่าราวกับเป็นผู้พิทักษ์เนี่ยหยวนซู“เยว่เอ๋อร์อย่าได้เสียมารยาทกับผู้อื่น”“มิได้นะท่านแม่...ข้าเป็นลูกย่อมต้องปกป้องท่าน จะให้บุรุษใดมามองเช่นนี้ ถูกต้องที่ไหนกัน”“ฮ่า ๆ ๆ ลูกของอาซูหรอกหรือ...มิน่า ถึงขี้เหร่เช่นเจ้า และยังเป็นแม่นางน้อยด้วย”คนผู้นั้นเอ่ยและหัวเราะชอบใจ“ไร้มา
บทส่งท้ายเนี่ยหยวนซูคาดไว้แล้วว่า เมื่อวันที่นางสามารถยืนด้วยลำแข้งของตน มีกิจการใหญ่โต ขยายสาขาไปมากมาย ย่อมมีวันที่สินค้าขาดแคลน และยามนี้ต้องผลิตถ่านที่ทั้งหอม ไร้ควัน ให้ความร้อนได้นาน ที่ต้องส่งเข้าคลังหลวงเพื่อเป็นของวังหลังโดยเฉพาะ แต่กลับขาดวัตถุดิบซึ่งก็คือไม้ดำหอม นอกจากนั้นยังมีชุดหนังกระดาษที่ใช้ในการรบยุคใหม่ เนื่องจากน้ำหนักเบาป้องกันสนิมได้ดีสำหรับเมืองติดแม่น้ำหรือชายทะเล“วันนี้จะมีเรือการค้าจากชาวต่างชาติ และเมืองทางใต้เข้ามาหลายลำ พวกเขาเป็นชาวเล สกุลเก่าแก่เจ้าค่ะ”เนี่ยหยวนซูได้ยินเรื่องนี้มาพักใหญ่ ทั้งเป็นปัญหาต่อการค้านางมิน้อย การค้าทางเรือยังไม่ได้มีการควบคุมดีพอ อีกทั้งมีสินค้าหลากหลาย ผู้คนให้ความสนใจทุกครั้งที่เดินทางมาถึงสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อชาวเมือง ขุนนางน้อยใหญ่ และเศรษฐีต่างออกมาใช้เงินซื้อหาสิ่งของต่าง ๆ เข้าเรือน พลอยให้ช่วงเวลาดังกล่าวร้านค้าในเครือสกุลเนี่ยได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมานางจึงเปิดโต๊ะเจรจากับทางการ ขอให้สินค้าทุกชนิด ลงทะเบียนก่อนทำการซื้อขาย ในภายภาคหน้าต้องเข้าร่วมสมาคมของเมืองเป่ยซาน ก่อนนำมาวางขายได้ มิเช่นนั้นการค้าในเมืองนี้คงเ
เรียกข้าว่า เถ้าแก่เนี้ยเนี่ยหยวนซูทรุดลงไปกองบนพื้น นางกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ แม้น้ำตาจะไหลออกมาไม่หยุด“แม่นมฝาน เสี่ยวฉุน บอกข้าได้หรือไม่ว่ายามนี้ข้าไม่ได้ฝันไป”หญิงสาวเอ่ยจบก็สลบไปด้วยไม่อาจทนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นห้าปีต่อมา โรคระบาดที่เกิดจากไข้หวัดรุนแรงมาก คร่าชีวิตคนไปหลายหมื่น หนักสุดคือในเมืองหลวง กว่าจะพบยารักษาโรคและวิธีป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ ทั่วทั้งแคว้นเฉิงโจวและแคว้นใกล้เคียงก็ย่ำแย่กันอย่างหนักผิดกับเมืองเป่ยซานที่มีทั้งโรงยา สำนักแพทย์ที่จัดตั้งขึ้น รวมถึงศูนย์สมุนไพร คราแรกไฉนผู้ใดจะเชื่อฟังเนี่ยหยวนซู ให้ดีนางก็เป็นเพียงแม่ค้าปากคอเลาะร้าย หวังกำไรจากผู้อื่น และมีเงินทองเหลือเฟือจากบิดา อีกทั้งปีแรกนางเริ่มขายน้ำเต้าหู้ โจ๊กห้าสหาย ของกินเล่น รวมถึงพวกหนังสือภาพลามก และยาช่วยให้สตรีวัยทองมีชีวิตชีวา รวมถึงเหล้าดองยากับสมุนไพรสำหรับบุรุษทุกวัยทว่าเข้าปีที่สอง นางกลับมีภัตตาคารกลางน้ำ โรงน้ำชาชื่อดังหลายโรง รวมถึงห้องพักชั้นเยี่ยม ถนนสายโลกีย์ที่สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ก็ล้วนเป็นชื่อนางที่ถือครองที่ดินพร้อมเก็บค่าเช่าโรคระบาดดังกล่าวแม้จะเข้ามาสู่เมืองเ
“มีสิ่งใดที่ข้าเคยทำแล้วเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้เยี่ยงนั้นหรือ”“โอ้ เจ้าถามเช่นนี้ ไม่นึกถึงจิตใจข้าสักนิด สามีก็หวงและหึงเจ้าเป็นนะอาซู”เนี่ยหยวนซูพ่นลมหายใจอุ่น ๆ ใส่หน้าเขา และเอ่ยว่า“มันใช่เวลาที่ท่านพี่จะทำตัวเยี่ยงคนใจแคบรึอย่างไร เล่าทั้งหมดให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้”“ฮ่องเต้เมื่อครั้งเยาว์วัย เขามักปลอมเป็นคุณชายออกมาหาความสำราญเสมอ และร้านขายของของเจ้าบ้านเนี่ยคือสวรรค์สำหรับเขา นั่นจึงทำให้เจ้ากับเขาได้พบกันโดยบังเอิญหลายครั้ง แต่ฮ่องเต้ไม่เคยแสดงฐานะที่แท้จริง ด้วยในวัยเยาว์ เขาชอบอำพรางตนด้วยการสวมหน้ากาก”หญิงสาวยักไหล่ นางจำจดสิ่งที่อยู่ในวัยเด็กไม่ได้จริง ๆ“แค่พบกับข้าไม่กี่ครั้ง ฮ่องเต้ก็ทำเรื่องผิดใจไทเฮา จนฝ่ายนั้นจ้องเล่นงานข้า ถึงขั้นอยากเอาชีวิตเลยหรืออย่างไร”“นั่นเป็นเพราะ หากเจ้าได้เป็นฮองเฮาย่อมหมายความว่าไทเฮาก็ไม่อาจควบคุมฝ่าบาทได้ เพราะเขาจะมีทั้งอำนาจในมือ และเงินล้นเหลือ”เนี่ยหยวนซูหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยกับอีกฝ่าย“แต่นางก็เลือกที่จะเก็บแม่งป่องพิษอย่างฟานเลี่ยงเอาไว้ แล้วตอนนี้คนผู้นั้นก็กำลังแว้งกัดไทเฮา”จิ่งหลัวคุนเลิกคิ้วขึ้นสูง อันที่จริงเขายังไม่ได
สุดท้ายเราก็หย่ากันเนี่ยหยวนซูลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ แม้ยังอ่อนเพลียแต่นางอยากทำอาหารเพื่อจิ่งหลัวคุน ฝ่ายเขากำลังฝึกวรุยทธ์อยู่ด้านนอก และนางเดินออกไปดูจึงเห็นว่าเขาสวมเพียงกางเกงผ้าบาง ๆ ด้านล่าง ส่วนบนเปลือยแผงอกกำยำ“เจ้าควรพักผ่อน อย่าเพิ่งรีบตื่นเลย”“มิได้ ภรรยาสมควรดูแลสามี หน้าที่นี้ใครก็ห้ามแย่งข้าทำ” บอกเขาเช่นนั้น สองแก้มก็ผะผ่าวร้อน และมือเรียวไม่รู้จะวางไว้ที่ใด“สักพัก ท่านพี่มาอาบน้ำด้วย ข้าจะให้คนต้มน้ำอุ่นไว้รอ”“วันนี้อากาศดี อาบที่ลำธารด้านล่างก็สดชื่นไม่ต้องให้ผู้อื่นยุ่งยากกับข้าหรอก”“มิได้ ท่านไม่ใช่เด็ก ๆ จะแก้ผ้าเล่นน้ำได้อย่างไรกัน”“เอ...เจ้าหวงสามีตั้งแต่เมื่อใดอาซู”เนี่ยหยวนซูถลึงตาใส่อีกฝ่ายแล้วเอ่ยว่า “หากท่านแก้ผ้าเล่นน้ำที่ลำธารได้ ภรรยาก็จะกระทำเช่นกัน”“ฮ่า ๆ ๆ อย่าทำเช่นนั้นเลยอาซู เกรงว่าฝนจะตกจนน้ำป่าท่วมทั้งเมืองนี้!”หญิงสาวฉุนจัด แต่ไม่อยากเข้าไปตอแยเพราะเกรงว่าหากใกล้ชิดกันอีกอาจเป็นนางที่ต้องการสัมผัสความแข็งแกร่งจากเรือนกายเขา รวมถึงแรงสิเน่หายามเขาโจนจ้วงความหวานล้ำแทรกผ่านเนื้อสาว ฝานเหอกับเสี่ยวฉุนต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สิ่งใดจะสุข