จิ่งหลัวคุนแบกเนี่ยหยวนซูขึ้นสะพานหินโค้ง ยามนั้นสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ฟ้าที่ดูเหมือนไร้เมฆหนาทึบพลันมีก้อนสีดำทะมึนปรากฏให้เห็น สายลมพัดแรงหอบกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้ากระทบร่างเนี่ยหยวนซู
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ข้าเดินเองได้”
“แต่ข้าพาเจ้าเดินย่อมดีกว่า!”
คนตัวโตบอกและยังทำเสียงขรึม ติดจะโหดและดุดันเช่นเดิม
“ไฉนข้าต้องเชื่อฟังท่าน เมื่อมิใช่ทหารหรือลูกน้อง แม้แต่เป็นสตรีที่มีป้ายแขวนคอในค่ายทหาร”
น้ำเสียงนางดังสูง ๆ ต่ำ ๆ คำพูดก็เสียดแทงหัวใจเขา
“หาญกล้าแต่งเข้าจวนจิ่ง ย่อมเป็นคนของสกุลจิ่ง ดังนั้นสมควรได้รับการอบรมจากหลัวคุน”
“คนเผด็จการ!”
ชายหนุ่มหยุดสืบเท้าไปเบื้องหน้า เสียงเขาดังกังวาน ชวนให้นางขนลุกโดยแท้ “สามเชื่อฟัง สี่จรรยา...เรื่องนี้ เจ้าเคยล่วงรู้หรือไม่ หากไม่เคยร่ำเรียน ข้าย่อมต้องสอนให้จดจำ ต่อไปจะได้ไม่แสดงความโง่เขลาจนข้าต้องขายหน้าผู้อื่น!”
“เมื่อก่อน ข้าไม่คิดว่าต้องเป็นภรรยาของใคร การแต่งเข้าจวนจิ่ง เพราะเป็นประสงค์ของไทเฮากับฮ่องเต้ ที่อยากช่วยกู้หน้าตาและชื่อเสียงของท่านแม่ทัพที่นับวันดิ่งลงเหวนรกให้พอจะยืนหยัดในสังคมได้!” เมื่อนางเอ่ยจบ หญิงสาวก็ใจหาย ด้วยถูกจับให้ยืนบนขอบสะพานหินโค้ง ที่ด้านล่างเป็นคลองกว้างเกือบสองจั้ง (6.6 เมตร)
อึดใจต่อมาจิ่งหลัวคุนก็ทำสิ่งที่เนี่ยหยวนซูตกใจจนหัวสมองขาวโพลน
ร่างอรชรถูกผลักลงไปในสระน้ำ โดยที่นางไม่ทันได้ระวังตัว
ตูม!
น้ำแตกกระจาย และความเย็นจัดโอบคลุมร่างของเนี่ยหยวนซู ในขณะเดียวกันฝนเริ่มลงเม็ด ราวกับเป็นช่วงหายนะของชีวิตหญิงสาว
ฝานเหอเตรียมกระโดดลงไปช่วยเนี่ยหยวนซู เสี่ยวฉุนก็เช่นกัน ทว่าเด็กสาวถูกเกอสวินเตะตัดขาเลยล้มหน้าคว่ำ พอลุกยืนขึ้นได้แม่นางน้อยจึงกำหมัดแน่น หวังต่อยใส่ใบหน้าคนสนิทจิ่งหลัวคุน
“เจ้าหน้าขาว มาขัดขวางข้าด้วยเหตุใด” เสี่ยวฉุนกัดฟันกรอด ๆ แมวตัวนี้ของจิ่งหลัวคุนช่างเลี้ยงไม่เสียข้าวสุก จงรักภักดียิ่ง!
“ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า เรื่องนี้นายท่านต้องการเอ่อ...อบรมนายหญิงใหญ่ บ่าวอ่อนหัด ปากยังไม่ทันสิ้นกลิ่นน้ำนม สมควรเสนอหน้าอยู่ที่นี่หรือ!”
เกอสวินเอ่ย และกางแขนขวางไม่ให้เสี่ยวฉุนกระโดดลงน้ำ ส่วนฝานเหอ ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใดเช่นกัน เพราะทหารเงาอีกสองคนยกดาบขึ้นขู่ พอนางขยับตัวหมายกระโดดลงน้ำ ปลายดาบแหลมคมก็จี้ที่คอ กระนั้นฝานเหอก็ห่วงนายของตนจับใจ นางเลยเคลื่อนตัวไปข้างหน้าจนเลือดซึมที่ลำคอเนื่องจากถูกอาวุธมีคม
“โอ้ คุณหนูว่ายน้ำไม่เป็น ท่านแม่ทัพ โปรดช่วยนางด้วย บ่าวเกรงว่าจะได้รับอันตราย”
“คุณหนูรึ! จวนหลังนี้มีคุณหนูตั้งแต่เมื่อใดกัน!”
ใบหน้าคร้ามคมกระตุกแรง ดวงตาเขาคล้ายจะมีลูกไฟแผดเผาทุกคน
“เฮอะ...เข้าหอด้วยกันแล้วคนรู้ไปทั้งจวนจิ่ง ยังหน้าไม่อาย สั่งบ่าวเรียกตนว่าคุณหนู เจ้าหัดละอายใจบ้างไหมอาซู ไป!... ไสหัวไปให้หมด ถ้าหากข้าเห็นเงาผู้ใด โดยไม่ได้เรียกหา แม้มีสิบหัวก็คงไม่พอให้ข้าตัดทิ้ง!”
เมื่อไล่บ่าวไพร่และทหารออกไปจนหมด บรรยากาศก็ตึงเครียดกว่าเดิม ซึ่งยามนี้เนี่ยหยวนซูสามารถพยุงตัวในน้ำได้แล้ว คลองดังกล่าวสูงระดับหน้าอกนาง
กระนั้นหญิงสาวยังครั่นคร้ามใจ ด้วยคนบ้าย่อมมีมิน้อย แต่บ้าแล้วปัญญาทึบทั้งไร้เหตุผล มีความเป็นเผด็จการ อีกทั้งเป็นสามีนาง คงมีแต่จิ่งหลัวคุน ผู้ชายที่นางอยากหย่าขาดจากเขาเหลือเกิน แต่...เรื่องนี้มันต้องเป็นฝ่ายเขาที่ออกปาก มิเช่นนั้นทุกอย่างจะมีแต่เลวร้ายและหายนะรออยู่เบื้องหน้ามากกว่าเป็นการดี
“ท่านคิดว่า ข้าเป็นสัตว์ หรือสิ่งของเยี่ยงนั้นหรือ ถึงได้กระทำต่ำช้าเช่นนี้”
หญิงสาวต่อว่าเขาแข่งสายฝนที่จู่ ๆ ก็ตกลงมาอย่างหนักราวกับฟ้ารั่ว
“ฮึ ข้าเพียงปรารถนาดี อยากส่งเสริมให้ร่างกายภรรยาสะอาด โดยไม่มีกลิ่นของยากระตุ้นใด ๆ และอยากรู้นัก เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้ในร่างกายบ้าง ข้าจะค้นหามันทุกซอกทุกมุม ส่วนใดฉ่ำแฉะ ส่วนใดนุ่มนิ่มก็จะไม่มีข้อยกเว้น”
“บัดซบ อย่าได้คิดข่มเหงกันได้ง่าย ๆ”
“ฮึ เจ้ายอมรับว่าข้าเป็นสามี และเราแต่งงานถูกต้องตามกฎหมายเฉิงโจว ข้ามีสิทธิ์ในตัวฮูหยินจิ่ง ปากเจ้า มือเจ้า หน้าอก แล้วก็น้องสาวนั่น ล้วนเป็นข้าผู้เดียวที่เชยชมและข่มเหงได้อย่างชอบใจ”
คำพูดเขาหยาบคายและป่าเถื่อน เนี่ยหยวนซูนางแดงก่ำ ใจสั่น สองมือกำหมัดแน่น
“มารดาท่านเถิด หลัวคุน! ใครกันสั่งสอนให้ท่านเป็นผู้ชายที่คิดใช้อำนาจชั่วช้าเอาเปรียบสตรี”
“หยวนซู เป็นเจ้าที่เริ่มก่อน เมื่อข้าอดทนไม่ไหว จึงเกิดเรื่องเช่นนี้”ยามนั้นเนี่ยหยวนซูที่อยู่ในสระน้ำกราดเกรี้ยวหนัก และนางกำลังหาทางขึ้นมาด้านบน แล้วหลบหนีเขาไปเสียแต่บังเอิญว่า นางเหยียบก้อนหินในน้ำแล้วลื่น จนเป็นเหตุให้ร่างเสียหลัก ก่อนจมหายลงไปในผิวน้ำ และยามนี้ห่าสายฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว หญิงสาวหวาดกลัวจับจิต ไม่อยากตายซ้ำสองหลายสิ่งพุ่งเข้ามาในหัวคือเรื่องต่าง ๆ ที่เคยทำให้โลกเก่าก่อน แน่นอนว่า เนี่ยหยวนซูย่อมไม่ใช่หญิงสาวแสนดี นางเป็นคนสีเทา ๆ ซึ่งเลี้ยงดูตัวเองด้วยลำแข้งคู่งามนี้ หากสุดท้ายชีวิตพลิกหลายตลบกระทั่งวิญญาณหลุดออกจากร่างและมาอยู่ในโลกที่มีระยะเวลาห่างกันนับพันปีสองมือเรียวมือไขว่คว้าไปข้างหน้าสะเปะสะปะ พร้อมกันนั้นภาพดำมืดก็ทาบทับทุกอย่างจนมองไม่เห็นสิ่งใด!ร่างกายหนาวสะท้าน และการหายใจยากเหลือเกินที่จะสูดอากาศเข้าปอด ชีวิตนางจบสิ้นลงแล้วหรือ มิทันได้พบความสุข ยังไม่ได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นฮูหยินม่ายที่หยัดยืนอย่างกล้าแกร่ง โดยไม่ต้องอาศัยบารมีสามี นางก็ต้องจากไปอย่างน่าเศร้าฝ่ายจิ่งหลัวคุนสบถออกมาชุดใหญ่ เขาเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เรื่องนี้ไม่ต้องสืบความใด ๆ ทั้งเป็
เนี่ยหยวนซูยิ้มหยัน โลกที่จากมานางมักมีนิสัยหน้ามืดตามัวเห็นคนหล่อแล้วมั่นใจว่าพวกเขาคงเป็นบุรุษแสนดี คือพระเอกในนิยายรัก ซึ่งมีฉากจบสมหวัง หากความจริงกลับต้องช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางไม่เคยถูกทำร้ายร่างกาย อาจมีแผลในจิตใจอยู่บ้าง ซึ่งรักษาไม่นานก็ลุกขึ้นได้ด้วยสองขาของตนทว่าเมื่ออยู่ในโลกคล้ายจีนโบราณ กลับกลายเป็นว่าถูกผู้ชายที่มีอำนาจในมือ เป็นคนสมองกลวง ทำทุกอย่างเพื่อสนองอารมณ์ร้าย ๆ ของตน นางไม่แปลกใจหรอกที่ซ่งหยูชุนและจิ่งป๋อจะมองจิ่งหลัวคุนเป็นปีศาจหรือมัจจุราช เนื่องจากเขาเป็นเช่นนี้ อำมหิตและยังมักใช้กำลังเหนือเหตุผลใด ๆ จนทั้งจวนจิ่งปั่นปวน อยู่อย่างไม่สงบสุขเมื่อเขากลับมาจากการออกศึกสงครามยามนี้นางหายจากการเพ้อ แม้ในปากจะมีกลิ่นคาวจัด นางไม่ได้สนใจ สิ่งที่อยากสะสางกับบุรุษตรงหน้าสำคัญยิ่งกว่า ร่างนางสั่นอยู่สักหน่อย ขอบตาผะผ่าวร้อน น้ำตาเอ่อคลอหน่วย ถ้าจะบอกว่านางกลัวเขา ฝันไปเสียเถอะ นางโกรธตัวเองต่างหาก ที่ยามนี้ไม่มีมีดสักเล่ม ไม่อย่างนั้นคงได้แทงที่หน้าอกข้างซ้ายเขาแล้วกดให้มันทะลุถึงหัวใจ“อาซู...ได้ยินคำถามของข้าหรือไม่...เกลียดข้าถึงเพียงนั้นหรือ...และต้องทำอย
จิ่งป๋อร้อนใจหนัก นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาเครียดจนลืมว่าตนต้องปั้นสีหน้าเปื้อนยิ้มให้ดูดีอยู่เสมอ ยามนี้เขาเหงื่อแตกเต็มใบหน้าหล่อเหลา และไม่อาจหยุดเดินได้ แถมยังเดินเป็นวงกลมจนบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ต่างตาลาย บางคนต้องคว้ายาดมยาหอมมาประทังอาการวิงเวียนศีรษะ“โอ้ คุณชายสาม...ท่านกำลังทำให้บ่าวร้อนใจเหลือเกินแล้ว หยุดเดินได้หรือไม่ขอรับ” เกอสวินท้วง วันนี้เขาไม่ได้ติดตามจิ่งหลัวคุน เนื่องจากถูกสั่งให้สืบความต่าง ๆ ที่จวนจิ่ง ที่สำคัญ หลังจากถูกหนูสกปรกกลั่นแกล้ง เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าสู้หน้าคนภายนอกสักเท่าใด เขาอับอายหรือ? คงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่กลางดึกจนถึงรุ่งสาง มีคนเห็นเรือนร่างเขาไปมิน้อย มิหนำซ้ำยังมีรูปวาดเขาติดที่ป้ายประกาศจับล้อเลียนด้วย เรื่องนี้จะเป็นฝีมือใครได้หากไม่ใช่เสี่ยวฉุน!“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร เจ้าบ้านเนี่ยมาพร้อมคนนับร้อยชีวิต และยังอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อพาพี่สะใภ้กลับให้ได้” จิ่งป๋อว่าแล้วก็อยากจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผากฝ่ายเกอสวินเข้าใจดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่มีคนใดจะทักท้วงเนี่ยข่ายได้ แม้จะเป็นจิ่งหลัวคุน เขาก็อาจต้องยอมถอยสักสองสามก้าวเพื่อดูท่าทีคนสกุลเนี่
ในยุคสมัยที่เนี่ยหยวนซูมาอยู่ในร่างนี้ แคว้นเฉิงโจวติดต่อกับต่างชาติทั้งทางน้ำ ทางบก เรียกได้ว่าเมืองหลวงเป่ยตูในช่วงเวลานั้นมีผู้คนหลากหลายสัญชาติ แม้จะสื่อสารต่างภาษากัน ทว่าพอจะรู้ความหมายได้มิยาก อีกทั้งมีล่ามคอยแปลภาษาด้วย บางคนในเมืองหลวงพูด อ่านและเขียนภาษาชาติอื่นได้ด้วย เนื่องจากยุคสมัยดังกล่าวมีสำนักศึกษาที่ก้าวหน้า พร้อมหมอสอนศาสนาที่เข้ามาตั้งหอการแพทย์พร้อมสอนภาษาและเผยแผ่ความเชื่อของตนเหนืออื่นใด สิ่งที่ทุกคนต้องการคือทองคำที่ใช้เป็นการตกลงแลกเปลี่ยนสินค้า มากกว่าเงินของสกุลใดสกุลหนึ่งเนี่ยหยวนซูได้เห็นทั้งชาวเผ่าจากพื้นที่สูง คนเถื่อนจากดินแดนทะเลทรายพวกผมทอง ตาน้ำข้าว กลุ่มคนที่มาจากแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งมีหน่วยอารักขาเป็นนินจา คนค้าขายโสม รวมถึงชาวสยาม นางย่อมตื่นเต้นและคิดว่าชีวิตที่สองนี้ได้เกิดใหม่ช่างคุ้มค่า ซึ่งถูกต้องแล้วที่นางได้เป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย และนางจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ให้เกิดผลหลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับหญิงสูงวัยซึ่งก็คือท่านย่าของนางเกือบสามวันเต็ม ๆ เนี่ยหยวนซูก็อยากเปิดหูเปิดตาพร้อมสำรวจสินค้าเครือข่ายสกุลเนี่ย แต่เดิมที่มาอาศัยร่างนี้ นางคิดแต
หน้าคฤหาสน์สกุลเนี่ยมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ คนที่ก้าวลงมาด้วยตนเอง เพื่อแจ้งความประสงค์แก่ผู้เฝ้าประตูซึ่งปั้นสีหน้าอย่างไม่เป็นมิตรคือจิ่งป๋อ ด้านหลังเขาเป็นเกอสวินคอยอารักขาความปลอดภัย“อย่างไร เรื่องนี้สำคัญนัก ข้าต้องการแจ้งข่าวให้พี่สะใภ้ทราบด้วยตัวเอง”“ขออภัยด้วยคุณชาย ท่านเจ้าบ้านกำชับว่าฮูหยินม่ายสุขภาพไม่สู้ดี และหมอหลวงไม่อยากให้ผู้ใดผ่านเข้าไปข้างใน เกรงจะพาเชื้อโรคปะปนถึงเรือนต่าง ๆ ด้วยโรคบางชนิดในช่วงเวลานี้ติดจากคนสู่คน เรื่องนี้ไม่อาจผ่อนปรน”จิ่งป๋อได้ยินคำพูดราวกับเขาจะพาโรคร้ายไปแปดเปื้อนผู้อื่น เขาจึงทั้งอึ้ง ทั้งโมโห บ่าวสกุลเนี่ยไม่ธรรมดาสักนิด“จะ...เจ้า ฝีปากดีเช่นนี้ เป็นแค่คนดูแลประตูเรือนได้หรือ”ฝ่ายที่ถูกจิ่งป๋อชี้หน้าไม่ได้แสดงความโกรธ เขารับฟังด้วยดี และตอบกลับอย่างสุภาพ ทั้งหมดถูกเตรียมการไว้โดยเป็นคำสั่งของเนี่ยหยวนซู“อย่างที่แจ้งท่านแล้ว หากมอบหนังสือไว้ อย่างไรต้องถึงมือของคุณหนูซูแน่นอน”“พวกเจ้าไร้เหตุผล พี่ใหญ่ข้าแต่งงานกับพี่สะใภ้ไม่กี่วันก็หาเรื่องแยกพวกเขาให้ห่างกัน สิ่งนี้ย่อมไม่ถูกต้อง”คนเฝ้าประตูไม่อยากกล่าวสิ่งใดอีก หน้าที่พวกเขาแค่ยืนกระ
คณะเฉิงอ๋อง หรือฮ่องเต้แคว้นเฉิงโจวบุกป่าเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีจุดประสงค์คือตามหาสัตว์ปีกที่เขาต้องการนำไปเลี้ยงเพื่อเสริมบารมีคู่บัลลังก์ครั้งนี้ฮ่องเต้เฉิงโจวออกล่าสัตว์ป่าด้วยตนเอง พระองค์ต้องการจับเป็นนกชิงเหนี่ยวที่มีขนสีขาว ซึ่งบนศีรษะของมันด้านบนสุดดูคล้ายมีเครื่องประดับสีแดงครอบอยู่ ทั้งงดงามแลเห็นแต่ไกล ขนาดตัวเท่ากับทารกแรกเกิด และเป็นนกที่ใช้ชีวิตในถ้ำสูงประวัติของนกชนิดนี้คือ หากผู้ใดสามารถจับได้ครบสามตัว คนผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เนื่องจากนกชิงเหนี่ยวคือตัวแทนของ นรก สวรรค์ และดินแดนมนุษย์เมื่อเข้าวันที่สามได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน จนเกือบทำให้แคว้นเฉิงโจวเกือบต้องเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ นั่นเป็นเพราะพวกนายพรานและหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ถูกเสือดำทำร้ายเสียชีวิตไปหลายสิบคน เฉิงอี้หลางก็ถูกตะบบที่หลังมือจนเป็นแผลฉกรรจ์ และนั่นทำให้เขาบ้าเลือดอยากเอาชีวิตเสือดำให้จงได้ สุดท้ายเฉิงอี้หลางได้พลัดหลงเข้าไปในป่าลึก เดือดร้อนจิ่งหลัวคุนที่ติดตามมาด้วยต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือทว่าทั้งหมดกลับเป็นแผนร้ายที่มีคนวางกลอุบายเอาไว้ เพื่อลวงให้ฮ่องเต้หนุ่มติดกับดัก“มีผู้
เนี่ยหยวนซูใช้เวลาในคฤหาสน์สกุลเนี่ยเป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นเพราะนางสนใจเรื่องบัญชีและแผนที่ของเมืองหลวง รวมถึงแคว้นต่าง ๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นอาณาจักรใหญ่ โดยที่แคว้นเฉิงโจวเป็นหนึ่งในอาณาจักรเว่ย แต่ละแคว้นปกครองตนเอง จัดสรรส่วนกลางให้ส่งมาตรวจสอบปีละสองครั้ง ยามนี้ผู้ที่มาเยือนแคว้นเฉิงโจวคือซือหม่าหู่หรือหู่ฮาวเทียน เขามีอำนาจไม่ต่างจากชินอ๋องผู้หนึ่ง แม้ไร้กำลังทหารนับแสนนาย ทว่าก็ไม่อาจมีผู้ใดลบหลู่เกียรติ มิหนำซ้ำยังได้รับการปรนนิบัติอย่างดีสำหรับเนี่ยหยวนซูยามนี้ สิ่งที่ต้องวางแผนมีมากมาย เป้าหมายนางคือ ทองคำกับความร่ำรวย เรื่องนี้จะทำให้นางที่เป็นสตรีในยุคสมัยโบราณสามารถก้าวขึ้นไปอยู่เหนือผู้ชายอกสามศอกยามนั้นนางมองปิ่นทองคำที่มีพลอยโลหิตประดับอยู่ เครื่องประดับชิ้นนี้เป็นของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่แห่งสยาม ซึ่งครั้งหนึ่งฝ่ายนั้นใช้มันสังหารคนรักตน แม้จะดูเหมือนสิ่งอัปมงคล ทว่าเนี่ยหยวนซูกลับชอบอย่างยิ่ง ด้วยค่อนข้างมีเรื่องชวนให้สะเทือนใจทั้งยังบอกให้รู้ว่า ความรักกับหน้าที่ในบางคราต้องเดินสวนทางกัน และมันอาจสร้างบาดแผลในใจไปชั่วชีวิต“ปิ่นนี้เป็นของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง คือสิ่งที่คนรั
อ้ายเหมยที่ช่วงนี้ทำตัวเป็นนกพิราบสื่อสารก้าวมาใกล้ ๆ เชามี่และเอ่ยอย่างมีท่าทีลับลมคมนัยว่า “นายหญิงเชา ดูเหมือนคนของเราที่แฝงตัวอยู่ในเรือนไท่ฮูหยิน เข้าใกล้ความจริงแล้วเจ้าค่ะ มินานคงหาของพวกนั้นพบ คราวนี้เราคงจัดการพวกนั้นให้อยู่ใต้ฝ่าเท้านายหญิงของบ่าวได้เสียที”“อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก ข้าบอกแล้วเมื่อหลักฐานมีพร้อม ข้าถึงจะเปิดโปงทุกอย่าง แต่ตอนนี้เราต้องอยู่ในจวนจิ่งให้ได้อย่างปลอดภัยและอดทนเข้าไว้ ซึ่งข้าคงต้องแสดงตัวเป็นอนุคนโปรดของท่านแม่ทัพให้สมบทบาท”อ้ายเหมยพยักหน้าตามที่เชามี่กล่าว แต่อดสงสัยไม่ได้“แต่...สภาพท่านแม่ทัพตอนนี้ อย่าหาว่าบ่าวแช่งเลยนะเจ้าคะ นอนติดเตียงมาหลายวัน และเกอสวินก็วิ่งเข้าวิ่งออก คอยดูแลเกือบทุกอย่าง หากเกิดเรื่องร้ายแรง ฝ่ายเราจะทำอย่างไร ตัวนายหญิงเชาก็ยังไม่มีทายาท...สืบสกุลจิ่ง”“ฮึ จะยากอะไร ข้าต้องมีทายาทของท่านแม่ทัพในท้องให้ได้ อีกอย่าง สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือนังจิ้งจอกเก้าหางใช้เล่ห์กลต่ำทรามอันใดในคืนเข้าหอกับท่านแม่ทัพ ถึงได้อยู่กันยาวนานจนรุ่งสาง ที่สำคัญหากมันเกิดตั้งครรภ์ ข้าคงรับมือยาก”“นายหญิงเชาอย่าลืมสิเจ้าคะ ตั้งครรภ์ได้ก็สามารถแท
เชามี่ง่วงนอนและหาวติดกันหลายครั้ง นางหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้ ภาพก่อนหน้าคือเสี่ยวฉุนกับฝานเหอวางสีหน้าราวกับต้องการฉีกเนื้อนางออกเป็นชิ้น ๆ“บอกไว้ก่อน คุณหนูของข้าไม่เอาความเจ้าก็แล้วไป แต่สำหรับข้ากับเสี่ยวฉุน อย่าคิดว่าจะปล่อยให้เจ้าลอยหน้าลอยตาอย่างสบายใจ จำเอาไว้ที่นี่ไม่ใช่จวนจิ่ง อีกทั้งคนของสกุลเนี่ยล้วนค้าขาย ออกแรงแบกหามเสมอ ดังนั้นมือหนักตีนหนักย่อมเป็นเรื่องธรรมดา”เชามี่ตาเหลือกค้าง นางเป็นลูกสาวใต้เท้ากรมพิธีการ ได้มาเป็นอนุจวนจิ่งด้วยยามนั้นบิดาต้องการผูกมิตรกับอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงสวรรค์เปิดทางให้นางไปเป็นสตรีสูงศักดิ์ในวังหลวง ซึ่งโชคชะตานางอาจเป็นใหญ่ได้ก้าวเป็นถึงพระสนมหรือฮองเฮา แต่นางกลับกลายเป็นนกปีกหัก ต้องแต่งเข้าจวนจิ่งในฐานะอนุเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเพราะไท่ฮูหยินแจ้งว่าวันเดือนปีเกิดนางไม่เกื้อหนุนจิ่งหลัวคุน ให้นางเป็นอนุไปเสียก่อน หากดวงชะตาเปลี่ยน ดาวเคลื่อนย้าย นางจะเป็นฮูหยินใหญ่ในจวนจิ่งเมื่อใดก็มิสาย แต่สุดท้ายแม่ทัพหนุ่มก็ได้รับสมรสพระราชทานกับสตรีที่บิดาทำการค้าขาย ไร้ตำแหน่งทรงเกียรติ!“ตบปากมัน อ้ายเหมย ตบนังบ่าวชั้นต่ำให้ข้าเดี๋ยวนี้”อ้ายเหมยหม
เนี่ยหยวนซูมองจิ่งป๋อ อีกฝ่ายกับนางแม้เรียกได้ว่าเป็นญาติกันแล้ว ทว่าหญิงสาวไม่ใคร่จะรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา ทราบเพียงแต่ว่าเขาเป็นลูกแหง่ของแม่สามี ทั้งยังนิยมร้องรำทำเพลง รักการแสดงมากกว่ารับใช้บ้านเมือง อีกทั้งหอลำนำรักซึ่งเปิดดำเนินการมาเกือบสองปีขาดทุนโดยตลอด นั่นเป็นเพราะเขาทุ่มทุนในการจัดเสื้อผ้า จ้างนางรำและนักดนตรีมีชื่ออยู่เสมอ คนพวกนั้นมักจะเจ้าอารมณ์เรียกร้องค่าตัวแพงเกินจริง ทั้งยังต้องการสิ่งที่ดีที่สุดในระหว่างเปิดการแสดงที่หอลำนำรัก“แม่ทัพจิ่งช่างดีต่อข้ายิ่ง” เนี่ยหยวนซูไม่ได้ต้องการประชด“เท่าที่ข้าจำได้ ตั้งแต่พี่ใหญ่ทราบว่าต้องแต่งงานกับพี่สะใภ้ เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง คนผู้หนึ่งที่ไม่ชอบเอาใจสตรี ทั้งยังเผด็จการและไม่เคยรักใคร พอรู้ว่าต้องมีฮูหยินเป็นตัวตน เขาแทบทำให้จวนจิ่งแตกด้วยเกรงจะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคืนแรกในการเข้าหอไม่ได้ รวมถึงการเตรียมเรือนไป๋เหลียนฮวาไว้รอรับพี่สะใภ้”เนี่ยหยวนซูคิดทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปด้วย แน่นอนนางสั่งให้คนมาขยายเรือนดังกล่าว พร้อมโรงเรือนเก็บอาหารแห้ง และหากจิ่งหลัวคุนไม่อนุญาตหรืออำนวยความสะดวก เรื่องนี้ย่อมไม่อาจสำเร็จลงโดยง
เนี่ยหยวนซูย่อมตระหนักได้ถึงความไม่ปลอดภัยของบิดา ในขณะที่นางกำลังค่อนข้างเครียดและกดดันอยู่นั้น จิ่งหลัวคุนก็ส่งแมวหางกุดของเขามาคอยรับใช้หญิงสาว แต่นางยังไม่ไว้ใจอีกฝ่ายจึงให้เขารอด้านนอก จากนั้นก็สั่งคนให้คุมกันพื้นที่ให้แน่นหนา ตรวจสอบห้ามไม่ให้คนแปลกหน้ามาเพ่นพ่าน ส่วนคนที่จะเข้างานเลี้ยงคืนนี้ให้ลงนาม และสั่งให้รอบคอบในการตรวจเรื่องเทียบเชิญ หากผู้ใดไม่มีห้ามเข้าพื้นที่เด็ดขาดเมื่อเสี่ยวฉุนส่งเชามี่และอ้ายเหมยไปห้องพักเรียบร้อย นางสั่งให้คนคุมเอาไว้ ห้ามไม่ให้ทั้งคู่ออกมาเพ่นพ่านเด็ดขาด กระทั่งก้าวออกมาพื้นที่ด้านนอกจึงได้เห็นใบหน้าของเกอสวิน แม่นางน้อยกระโดดลงไปขวางทางเขาไว้ ด้วยท่าทางหาเรื่องอย่างที่สุด“ที่นี่ ไม่ต้องการแมวรับใช้ของจวนจิ่ง”“เสี่ยวฉุน เจ้าผ่อนปรนลงบ้าง ยามนี้พวกเราล้วนต้องรับมือกับคนที่มีอำนาจ และข้าอยู่ที่นี่ย่อมช่วยเหลือนายหญิงใหญ่ได้ พร้อมส่งข่าวแก่นายท่านที่ต้องรับมือจากภัยหลายด้าน”“คุณหนูของข้า มีหน่วยคุ้มกันหลายสิบชีวิต ไฉนต้องเพิ่งแรงของแมวตัวผอมและอ่อนหัด”เกอสวินแยกเขี้ยวขู่ ตอนนั้นเองที่เสี่ยวฉุนเตรียมกางเล็บแล้วพุ่งไปข่วนหน้าตาที่ยียวนของอีกฝ่าย
เมื่อเนี่ยหยวนซูรู้ว่าบิดายังไม่กลับเข้าคฤหาสน์สกุลเนี่ย อีกทั้งให้คนออกไปตามข่าวจึงทราบว่า เขาถูกกักบริเวณไว้นอกเมือง ยามนี้มีกองกำลังทหารของลู่ไป๋อี้ล้อมอยู่ และสถานการณ์ในเมืองหลวงเป่ยตู แม้ดูปกติอย่างที่สุด หากเนี่ยหยวนซูไม่สบายใจสักนิด นางอยากยกเลิกงานเลี้ยงคืนนี้เสีย แต่ทำเช่นนั้นไม่ได้ง่าย ๆ เพราะหู่ฮาวเทียนส่งของบางส่วนมาที่งานเลี้ยง นอกจากนั้นยังมีนางกำนัลของฮองเฮาแจ้งข่าวว่าฮองเฮาจะเข้าร่วมงานด้วย โดยที่ไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ วุ่นวาย ให้ปฏิบัติต่อนางอย่างสามัญชนซึ่งในขณะที่ตรวจสอบของว่างและน้ำชา รวมถึงลำดับการแสดงอยู่นั้น เนี่ยหยวนซูต้องข่มกลั้นอารมณ์อย่างลำบาก เนื่องจากจู่ ๆ เชามี่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตูใหญ่อันเป็นสถานที่รับรองแขกแรกเริ่มคนคุ้มกันเนี่ยหยวนซูไม่ให้เชามี่เข้ามาถึงด้านใน ทว่าอ้ายเหมยกลับคุกเข่าลงบนพื้น และถึงขั้นบ้าบิ่นด้วยการโขกศีรษะไปหลายหน จนได้แผลน่ากลัว เลือดนางไหลออกมาจนเปรอะไปทั่ว ขณะเดียวกันเชามี่ก็ร้องเสียงดังเรียกให้ผู้อื่นมามุงดูเหตุการณ์ดังกล่าว เนี่ยหยวนซูไม่อยากสนใจ กระนั้นเมื่อคิดให้ดี นางเชื่อว่าตนรับมืออนุของสามีได้“คารวะนายหญิงใหญ่...”ราว ๆ
บรรยากาศในห้องโถงแห่งนี้เต็มไปด้วยความกดดันอย่างมหาศาล ของว่างชั้นดีถูกจัดเตรียมไว้ สุราก็มีให้ดื่ม น้ำชาอุ่นอยู่ตลอด ทั้งกำยานถูกจุดช่วยให้ผ่อนคลาย ทว่าหลังจากที่ทั้งหมดต้องมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ร่วมสามชั่วยามโดยไม่ได้ล่วงรู้เรื่องใดไปมากกว่า ‘คำสั่งบอกให้รอ’ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาต่างขบคิดหนัก และพยายามหาทางส่งข่าวให้คนของตน แต่เมื่อปิดประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้นยามนี้จึงไม่ต่างจากการปิดประตูตีแมวเนี่ยข่ายไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงถูกเรียกมาที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวงตั้งแต่เช้ามืด คราแรกเขาแจ้งกลับไปว่าสะสางภารกิจยังไม่สำเร็จ ทว่าขันทีคนสนิทของฮ่องเต้มาด้วยตัวเองพร้อมราชโองการให้รีบไปตามจุดนัดหมายโดยด่วน และไม่ได้มีเพียงเขา หากคหบดีทั้งขุนนางหลายคนที่เกี่ยวกับกองคลัง กองพิธีการและฝ่ายภูษาล้วนถูกเรียกตัวมาทั้งหมด “ท่านพ่อ...มีเรื่องใดถึงต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเช่นนี้”เนี่ยหยวนซูก็นอนไม่ใคร่จะหลับ ด้วยตื่นเต้นสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น เมื่อก้าวออกจากเรือน นางก็ได้รับรายงานจากเสี่ยวฉุนว่าบิดาได้รับราชโองการให้เดินทางไปกับรถม้าของฝ่ายใน ทั้งมีทหารกับขันทีมารออยู่ที่หน้าประตูใหญ่นับสิบคน“ซู
เมื่อสามีภรรยาได้อยู่กันสองต่อสองภายในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง จิ่งหลัวคุนก็ยิ้มกว้าง และเนี่ยหยวนซูสังเกตได้ว่ารอยยิ้มกับดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนกระนั้นแทนที่จะดีใจ เนี่ยหยวนซูกลับต้องระวังตัว ด้วยโลกที่นางโผล่เข้ามา ชีวิตลิขิตไว้เช่นไรนางย่อมรู้ดี และต้องหาวิธีเปลี่ยนมัน ทว่าสิ่งที่เนี่ยหยวนซูอยากไขว่คว้าในตอนนี้คือตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุดเมื่อจิ่งหลัวคุนมีความสุข นางก็ชั่งน้ำหน้าอยู่สักหน่อย เลยเบ้ปากให้อีกฝ่าย และนั่นก็ทำให้จิ่งหลัวคุนคึกจัด ผู้ชายคนนี้มีมุมพิลึก ทั้งบ้าบออย่างไม่น่าเชื่อ“แม่ทัพจิ่ง ท่านสูบกัญชาหรือเคี้ยวใบกระท่อมก่อนมาพบข้าหรือไม่!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะพรืดใหญ่ “อาซู เจ้าจะหาว่าสามีอารมณ์แจ่มใส เป็นเพราะ ‘พลังใบ’ หรอกหรือ”“ฮึ ก็สิ่งที่ข้าประจักษ์ด้วยสองตางาม ๆ ย่อมเป็นเยี่ยงนั้น”“ภรรยายอดรัก เจ้าล้อสามีเล่นแล้ว”ดูเอาเถิด นี่ยิ่งกว่าเจอผีทั้งป่าช้ากลางวันแสก ๆ จิ่งหลัวคุนกำลังประสาทกลับ พูดหนึ่งคำแล้วยิ้ม ยิ้มแล้วหัวเราะ การแสดงของเขาช่างน่าทึ่งโดยแท้“ไม่อย่างนั้น คงเป็นเพราะคุณชายสามสอนตำราการละครให้ท่านใช่หรือไม่ ถึงได้เป็นเช่
ปกติแล้วพื้นฐานนิสัยของหู่ฮาวเทียน ไฉนเขาจะจึงต้องคอยตามตอแยหรือตามก้นสตรี หากเขามีเหตุผลสำคัญที่คนผู้หนึ่งมอบหมาย นอกจากนั้นเมื่ออยู่ใกล้นางก็ต้องยอมรับว่า มันชุ่มชื่นหัวใจด้วยเนี่ยหยวนซูงดงามหยาดฟ้า มีเสน่ห์ในแบบที่เขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีนางใดมาก่อน นางไม่ใช่หญิงสาวอ่อนหวาน ไม่ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเร่าร้อนเฉกเช่นนางโลม แต่คือความเข้มแข็ง ความแกร่ง ทั้งยังฉลาด สามารถโต้ตอบบุรุษได้ด้วยสติปัญญา สตรีเช่นนี้สมควรเป็นยอดหญิงแห่งยุค“ซือหม่าหู่...ท่านมิใช่คนเฉิงโจว ไฉนถึงได้รอบรู้ไปเสียทุกสิ่งอย่างในแผ่นดินนี้ และการพยายามเหลือเกินที่จะเอาอกเอาใจข้า มองอย่างไรก็มีสิ่งที่น่าสงสัย ปิ่นทองที่มีพลอยโลหิต คือน้ำใจที่ท่านมอบให้ ข้าเก็บไว้แล้ว ดังนั้นอย่าพยายามยัดเยียดสิ่งอื่นอีกเลย”“ฮูหยินจิ่ง...”กล่าวกันตามตรง คำที่เขาเรียกนางบั่นทอนจิตใจมิน้อย เนี่ยหยวนซูในโลกนี้ยังเยาว์วัย แต่หู่ฮาวเทียนแสร้งเล่นละครให้นางเป็นสตรีของจิ่งหลัวคุน พร้อมหาทางป้ายความผิดให้นางเป็นหญิงที่สวมหมวกเขียวให้สามี เรื่องนี้ไฉนนางจะไม่ล่วงรู้ เขามีแผนการร้ายและเป็นบุรุษที่ประเมินแล้วคบเพื่อผลประโยชน์ได้ ทว่าอย่าได้คิดผิดใจกับเ
ฝานเหอเข้าใจคำพูดของเนี่ยหยวนซู และนางไม่อยากรื้อฟื้นหลายสิ่งก่อนหน้านี้ ด้วยจำภาพในคืนที่คุณหนูของตนเพ้อหนักได้อาการดังกล่าวนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก ดวงตาหญิงสาวเหลือกค้าง สองมือหงิกงอ ก่อนที่ร่างจะสั่นเทารุนแรงราวกับถูกความชั่วร้ายเข้าสิงสู่ หากพอรุ่งเช้าวันใหม่อาการไข้ของเนี่ยหยวนซูลดลง และคำแรกที่นางถามก็คือ“ฝานเหอ เสี่ยวฉุน พะ...พวกเจ้าตามเก็บกระดูกของข้าครบทุกชิ้นส่วนหรือไม่!”ยามนั้นหนึ่งแม่นมและหนึ่งสาวใช้รุ่นเล็กต่างอกสั่นขวัญแขวน มีเรื่องน่ากลัวอันใดถึงเพียงนั้น“กะ...กระดูกอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”เนี่ยหยวนซูทำเสียงหึ ๆ ๆ ในลำคอ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม สีหน้าสีตาก็แตกต่างจากที่เคยเห็น ทั้งที่นางคือเด็กสาวอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดปีด้วยซ้ำ“พวกมันเลาะกระดูกข้าออกจากเนื้อหนัง ส่วนวิญญาณถูก...คนผู้นั้นสะกดไว้ เพื่อชาตินี้และชาติหน้า ข้าจะไม่อาจหนีไปจากเขา!” น้ำเสียงเนี่ยหยวนซู เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ดวงตากลมโตซึ่งเคยงดงามแดงก่ำ นั่นคือครั้งแรกที่ฝานเหอได้สัมผัสน้ำเสียงและพลังลึกลับบางอย่างจากเนี่ยหยวนซู ราวกับวิญญาณคุณหนูที่นางเคยรู้จักและเลี้ยงดูมาสิบกว่าปีหลุดลอยออกไปจากร่างกายอร
“แม่นมฝาน ที่แม่ทัพจิ่งกล่าววันนั้น หมายความเช่นไร ข้ายังสงสัยจนนอนไม่หลับ”“เจ้าหมายถึงขี้ผึ้งเย็นตลับนั้น ตัวปัญหาที่ทำให้มัจจุราชเดินดินโมโหจนแทบกระอักเลือด?!”“ใช่ เขามองมาที่ข้า แล้วถามย้ำจนตอนนี้ยังขนลุกมิหาย สายตาเขาเอาแต่จ้องตลับยาที่คุณหนูได้รับจากคุณชายโจว จะว่าไปดูเหมือนของล้ำค่าที่หายาก แล้วเหตุใดฝ่ายนั้นถึงมอบแก่คุณหนู”“ผู้อื่นมีน้ำใจหาใช่เรื่องต้องสงสัย อีกอย่างคุณหนูงดงามจนบุปผายังอายคุณชายโจวคงต้องการให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวเจ้านั้นเป็นหนูนักสำรวจ ทั้งยังถูกเกอสวินไล่กวดตลอด หากจะเคล็ดขัดยอกตามร่างกายบ้างก็ไม่เห็นแปลก การที่แม่ทัพจิ่งมองตลับยาดังกล่าวเพราะเขาช่างสังเกต อีกอย่างบุรุษผู้นี้เผด็จการก็จริง แต่มากกว่านั้นคือชอบหึงหวง และชอบตอแยคุณหนูเก่งเป็นที่หนึ่ง”“เอ...หรือแท้จริงแล้ว แม่ทัพจิ่งล่วงรู้ว่าคนที่ใช้ขี้ผึ้งไอเย็นเป็นคุณหนูมิใช่ข้า และยังมีบุรุษหล่อเหลามอบให้ไว้”เสี่ยวฉุนกล่าวเช่นนั้น เนี่ยหยวนซูก็นึกถึงดวงตาคม ๆ ของจิ่งหลัวคุน และคำถามของเขา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะแยกตัวจากไป ในวันที่นางกับเขานัดพบกันที่อารามเชิงเขา “ดูเหมือนหนูน้อยตัวจิ๋วของอาซูคงพลัดตกหลังค