อ้ายเหมยที่ช่วงนี้ทำตัวเป็นนกพิราบสื่อสารก้าวมาใกล้ ๆ เชามี่และเอ่ยอย่างมีท่าทีลับลมคมนัยว่า “นายหญิงเชา ดูเหมือนคนของเราที่แฝงตัวอยู่ในเรือนไท่ฮูหยิน เข้าใกล้ความจริงแล้วเจ้าค่ะ มินานคงหาของพวกนั้นพบ คราวนี้เราคงจัดการพวกนั้นให้อยู่ใต้ฝ่าเท้านายหญิงของบ่าวได้เสียที”“อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก ข้าบอกแล้วเมื่อหลักฐานมีพร้อม ข้าถึงจะเปิดโปงทุกอย่าง แต่ตอนนี้เราต้องอยู่ในจวนจิ่งให้ได้อย่างปลอดภัยและอดทนเข้าไว้ ซึ่งข้าคงต้องแสดงตัวเป็นอนุคนโปรดของท่านแม่ทัพให้สมบทบาท”อ้ายเหมยพยักหน้าตามที่เชามี่กล่าว แต่อดสงสัยไม่ได้“แต่...สภาพท่านแม่ทัพตอนนี้ อย่าหาว่าบ่าวแช่งเลยนะเจ้าคะ นอนติดเตียงมาหลายวัน และเกอสวินก็วิ่งเข้าวิ่งออก คอยดูแลเกือบทุกอย่าง หากเกิดเรื่องร้ายแรง ฝ่ายเราจะทำอย่างไร ตัวนายหญิงเชาก็ยังไม่มีทายาท...สืบสกุลจิ่ง”“ฮึ จะยากอะไร ข้าต้องมีทายาทของท่านแม่ทัพในท้องให้ได้ อีกอย่าง สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือนังจิ้งจอกเก้าหางใช้เล่ห์กลต่ำทรามอันใดในคืนเข้าหอกับท่านแม่ทัพ ถึงได้อยู่กันยาวนานจนรุ่งสาง ที่สำคัญหากมันเกิดตั้งครรภ์ ข้าคงรับมือยาก”“นายหญิงเชาอย่าลืมสิเจ้าคะ ตั้งครรภ์ได้ก็สามารถแท
เวลาผ่านไปราว ๆ ชั่วหนึ่งก้านธูปดับเท่านั้น เชามี่ยังไม่ได้แสดงบทงิ้วของนางได้เต็มที่เลย สาวใช้และผู้คุมกฎจากจวนจิ่งก็ก้าวมาที่เรือนหลังนี้ ก่อนที่นางจะถูกกันตัวให้ออกไปอยู่ด้านนอก โดยห้ามเข้าไปรบกวนจิ่งหลัวคุน“ห้ามขัดขวาง ใครไม่เกี่ยวจงถอยไป ข้ากำลังช่วยท่านแม่ทัพ หากกระทำไม่เสร็จตามพิธีกรรม รู้หรือไม่ของอาจเข้าตัวคนในจวนจิ่ง วิญญาณชั่วจะสิงร่างผู้อื่นได้”“นายหญิงเชา แต่สิ่งที่เจ้ากำลังจะทำคือการเชือดไก่เชือดเป็ด แล้วเอาเลือดมาทาตามขอบประตู ขอบหน้าต่าง นอกจากนั้นกลิ่นกำยาน ก็ทำให้การหายใจติดขัดไปหมด หยุดเสียเถิด การกระทำทั้งหมดนี้ ประหลาดนัก หาใช่การรักษาคนป่วย” คนที่เอ่ยคือเกอสวิน เขาวิ่งวุ่นอยู่ข้างใน คราแรกกำลังจะออกมาห้ามและไล่ตะเพิดเชามี่ ทว่าตำแหน่งตนด้อยกว่านางอยู่สักหน่อย ดังนั้นจึงสั่งให้ทหารรับใช้ ไปแจ้งข่าวที่เรือนจิ่งป๋อ ซึ่งได้ผลเร็วเกินคาด ฝ่ายนั้นคงรีบไปรายงานซ่งหยูชุน“เจ้ามันก็แค่ เด็กน้อยยกอ่างล้างหน้ากับล้างเท้าให้ท่านแม่ทัพ กล้าดีอย่างไรถึงมาขึ้นเสียงกับข้า”เด็กหนุ่มไม่ได้โต้ตอบ หากยืนกรานไม่ให้เชามี่เข้าไปข้างใน และคนจากเรือนไท่ฮูหยินก็หมายจะไปลากตัวนางโยนออกน
แม้จะกินแหนงแคลงใจกันอยู่สักหน่อย แต่นางกับจิ่งป๋อยังนับว่าเป็นญาติกัน ดังนั้นจึงอยากเห็นการแสดงของเขาที่มาจากหอลำนำรัก และนางทำให้ผู้อื่นเห็นความใจกว้างของนางที่มีความเป็นมิตรกับทุกคน โดยเฉพาะพี่น้องฝั่งสามี ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน“คุณหนู ตัดสินใจเช่นนี้ดีแล้วหรือเจ้าคะ อย่างไรคุณชายสามก็เป็นคนแซ่จิ่ง” ด้วยความคุ้นเคยเมื่ออยู่ตามลำพัง ฝานเหอก็มักเรียกเนี่ยหยวนซูเช่นนั้น อีกทั้งนางเป็นแม่นมของหญิงสาวด้วยจึงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลเนี่ยหยวนซูมองฝานเหอก่อนจะบอกอีกฝ่ายว่า “ภายภาคหน้า เราต้องทำการค้ามากมาย ดังนั้นคงเลือกแขกหรือลูกค้าไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างเงื่อนไข เพื่อให้พวกเขาเป็นมิตรยามก้าวเข้ามาในร้าน สิ่งนี้เจ้าเข้าใจที่ข้ากล่าวหรือไม่”“หมายความว่า คุณหนูจะเรียกเก็บเงินจากสกุลจิ่งเมื่อพวกเขามางานเลี้ยง?” และคนที่ถามคือเสี่ยวฉุน“เด็กน้อยของข้า คุณชายสามแม้ไม่ได้ถังแตกและมีเงินทองจากการเปิดการแสดงอยู่บ้าง แต่ข้าคงไม่ไปรีดเลือดกับปูหรอก ครั้งนี้ข้าจะเป็นคนเชิญเขามาร่ายรำในงานเลี้ยงต่างหากเล่า”เสี่ยวฉุนสงสัยหนัก ไม่ต่างจากฝานเหอ“หากคุณหนูอยากชมชายงามหรือนางระบำเอวอ่อน บ่าวเห
ศาลาหลังดังกล่าวซ่อนอยู่หลังบ่อน้ำพุร้อน เนี่ยหยวนซูตั้งใจนัดจิ่งหลัวคุนมาที่นี่ นางอยากสร้างข่าวดังให้แก่ตน ด้วยรู้ว่ายามนี้ไทเฮาหรือปาอิงเหรินพำนักอยู่ที่นี่เกือบครึ่งเดือนแล้วเพื่อถือศีลกินเจ โดยเป็นคำเชิญของหวังเจิ้นซือไท่ดังนั้นจะมีสิ่งใดเล่าที่ทำให้เนี่ยหยวนซูได้พบต้นเหตุที่ทำให้นางต้องแต่งงานกับแม่ทัพหนุ่ม และการปรากฏตัวให้อยู่ในสายตาไทเฮาย่อมเป็นสิ่งที่ดี ฝ่ายนั้นอย่างไรก็ต้องอยากรู้อยากเห็นว่านางกับจิ่งหลัวคุนยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันหรือไม่ และจากการคาดคะเนของหญิงสาว นางมั่นใจว่าปาอิงเหรินต้องการได้กำลังพลของสกุลจิ่งมาอยู่ในกำมือตน นอกจากนั้นก็หาทางบีบสกุลเนี่ยให้ตกเป็นเครื่องมือ เพื่อนางจะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทองซึ่งจริง ๆ แล้ว หญิงสาวไม่ได้มีเจตนาก่อกวนจิ่งหลัวคุนหรือปั่นหัวให้เขากลายเป็นหมาบ้า เมื่อรู้ว่าเขาบาดเจ็บเพราะรับลูกเกาทัณฑ์แทนฮ่องเต้ก็สงสาร แต่นั่นไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำหยาบคายและป่าเถื่อนกับนาง อย่างไรลาโง่ก็ต้องได้รับบทเรียนก่อนที่นางจะได้หนังสือหย่าขาดจากเขาศาลาดังกล่าวเงียบสงบ และน้ำพุร้อนบริเวณนี้ก็ไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้ามาได้ ซึ่งนอกจากเอ
“พี่ใหญ่ ยังมีความจริงใจไม่พอ ทั้งยังขาดแรงจูงใจที่อยากให้พี่สะใภ้กลับมาอยู่ด้วยกัน”“เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ดีกว่าข้า!”“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องเอาใจผู้อื่น และพ่นคำหวานหูให้คนหลง ข้าย่อมนำหน้าพี่ใหญ่อยู่หลายก้าว แล้วของที่จะมอบแทนใจแก่พี่สะใภ้เตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่”แม่ทัพหนุ่มมองไปที่กล่องไม้ที่เกอสวินรักษาไว้ และเอ่ยว่า “สิ่งนี้ข้าตั้งใจมอบให้นางในคืนเข้าหอ ผิดแต่...เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันเสียก่อน” เนี่ยหยวนซูไม่ได้คาดคิดว่า การที่นางมาอารามเชิงเขาจะต้องมีเรื่องไม่คาดฝันถึงเพียงนี้!บุรุษผู้นั้น มองด้านหลังและเห็นเพียงเสี้ยวหน้า หญิงสาวต้องตัวเย็นเฉียบ ก่อนยืนนิ่งอยู่เกือบหนึ่งอึดใจ อีกทั้งท่าทางการเดินของเขาในบางครา ละม้ายจิ่งหลัวคุนหลายส่วน ราวกับอีกฝ่ายถอดแบบบุรุษผู้นี้ ผิดแต่แม่ทัพหนุ่มองอาจมากกว่า หุ่นกำยำและสูงกว่าสักหนึ่งคืบได้ ที่สำคัญจิ่งหลัวคุนมีไอสังหารท่วมร่าง แต่คนที่ยืนอยู่ในเสื้อผ้าสบาย ๆ คล้ายคุณชายท่านหนึ่ง กลับดูสุภาพ อ่อนโยน ทั้งเข้ากับธรรมชาติราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่หญิงสาวเลือกที่จะหลบไปอีกด้าน ทว่ากลับเป็นตอนนั้นที่นางพลาดพลั้งด้วยก้าวเร็วเกินไป ทั้งยังไม่ทันระ
ร่างสูงใหญ่ยืนจัดเสื้อผ้าของตนด้วยสีหน้ายุ่งอยู่สักหน่อย และเขาต้องยอมรับว่าจิ่งหลัวคุนไม่เคยประหม่าเท่านี้มาก่อน นั่นเป็นเพราะเขาสูญเสียความมั่นใจ ว่ากันตามตรงหากให้ออกรบหรือกรำศึกหนักเจ็ดวันเจ็ดคืน เรื่องเหล่านั้นย่อมง่ายกว่าการทำในสิ่งที่เข้าใจยาก เช่น ตามง้อฮูหยินใหญ่กลับจวนตั้งแต่เด็กเขาถูกฝึกฝนอย่างหนัก เรียกได้ว่า ขี่ม้า จับดาบตอนอายุเพียงห้าขวบ หลังจากมารดาเสียชีวิตก็ถูกส่งตัวเข้าวังหลวงให้เป็นสหายกับรัชทายาท ซึ่งเด็กคนหนึ่งที่แทบไม่ได้ความรักที่แท้จริงจากผู้ใด ต้องอยู่ในสังคมวังหลวงที่ผู้คนนั้นมีแต่เขี้ยวเล็บ มองเพียงผลประโยชน์เป็นหลัก อีกทั้งทุกวันเขาต้องพบเจอความตายหลากหลายรูปแบบดังนั้นวังหลวงก็คือสถานที่ฝึกให้เขาเป็นคนใจตายด้าน เผด็จการ บ้าอำนาจ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับมอบหมายจากคนผู้หนึ่งให้แสดงเป็นเฉิงอี้หลาง หรือก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั่นเอง สิ่งนี้ทำให้จิ่งหลัวคุนถูกใช้งานลับ ๆ หรือเรื่องเสี่ยงอันตรายหลายหน รวมถึงการแต่งงานกับเนี่ยหยวนซูในครั้งนี้ด้วย“ข้าดูดีแล้วใช่หรือไม่ เกอสวิน”เด็กหนุ่มมองเจ้านายตน และตอบว่า “บ่าวเชื่ออย่าง
“สมรสพระราชทานครั้งนี้ สำคัญต่อสกุลจิ่งและกองทัพของท่าน ส่วนฝ่ายข้า หากกล่าวกันตามตรง เสียเปรียบทุกประตู ให้ดีที่สุดคือการที่บิดาข้าได้ขายของเพื่อใช้กับไพร่พลนับแสนชีวิต ทว่าน่าขันตรงที่นอกจากขายในราคาต่ำกว่าต้นทุน สินค้ายังต้องมีคุณภาพดีที่สุด ตัวข้าก็อยากเป็นลูกกตัญญู จึงยอมขึ้นเกี้ยวเข้าจวนจิ่ง...ทว่าอย่างที่ท่านกับข้าต่างรู้ดี ระยะเวลาแสนสั้น ๆ ที่ได้อยู่ด้วยกันพิสูจน์ให้เห็นว่าเราเข้ากันไม่ได้เลย”จิ่งหลัวคุนอยากเอื้อมมือไปจับมือเรียวสวยของหญิงสาวและถ่ายทอดความรู้สึกให้นางรับรู้ แต่จากการประเมินท่าทีนางในยามนี้ ดูหวงตัว ทั้งอยากรักษาระยะห่างจากเขาชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก แล้วกล่าวขึ้น“ชีวิตคู่เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ต่อจากนี้ ข้าจะฟังเจ้าให้มาก ยอมถอยหลาย ๆ ก้าวเพื่อให้อาซูไม่ต้องอึดอัด เช่นนี้สมควรหรือไม่”เนี่ยหยวนซูมองบุรุษผู้นี้ นางอยากใจร้ายกับเขา แต่อีกฝ่ายเพิ่งได้รับบาดเจ็บหนัก และแม้ดีขึ้นแล้วแต่สภาพยังอิดโรย ดูผอมลงกว่าเดิม“ท่านแม่ทัพ แม้ในตอนนี้ข้าก็เหมือนได้ยินแต่เสียงท่านกับถ้อยคำที่เอาแต่เรียกร้องฝ่ายเดียว ไม่มีสักครั้งที่จะฟังเรื่องที่ข้
ทั้งคู่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อกันอยู่เกือบชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปดับ ในตอนนั้น เนี่ยหยวนซูยอมรับว่านางดื่มย้อมใจตนหนักไปหน่อย จนออกอาการยิ้มเรี่ยราดและมองคนตัวโตด้วยสายตาหวานเชื่อมฝ่ายจิ่งหลัวคุนเปิดกล่องไม้ที่นำติดตัวมาด้วย ข้างในคือของแทนใจที่อยากมอบให้เนี่ยหยวนซู“เจ้าบอกว่าชอบสีเขียว เรื่องนี้น่าประหลาดใจสักหน่อย เท่าที่รู้ สีขาวและสีเหลืองเป็นสีโปรดเจ้าเสมอมา กระนั้นนับว่าสวรรค์เป็นใจเหลือเกิน ด้วยข้าเตรียมสิ่งนี้ไว้พอดี อาจไม่ใช่เครื่องประดับหรูหราแต่ก็มีความหมายซ่อนอยู่”ดวงตากลมโตมองสร้อยหยกเส้นงามซึ่งล้อกับแสงแดดจนทำให้ดวงตาพร่าเบลอ และยังมีจี้แกะสลักเป็นรูปหงส์ เนี่ยหยวนซูมิอาจปฏิเสธได้ว่านางพึงใจอย่างที่สุด“ในครั้งหน้าที่เราพบกัน หากอาซูสวมสร้อยเส้นนี้นั่นหมายความว่า เจ้ายังปรารถนาเป็นฮูหยินของลาโง่ ทว่าหากข้าไม่เห็นมัน ย่อมหมายความว่า เจ้า...”ชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู เขาเป็นคนไม่ฉลาดเรื่องความรัก ทำหลายสิ่งผิดพลาดเสมอมา เมื่อได้พบเนี่ยหยวนซูกลับพยายามกระโจนเข้าใส่นาง นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวถอยห่างออกไปคนตัวโตสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยด้วยเสียงที่เข้ม ทั้งอัดแน่นด้วยความรู้สึกหลาก
จากนั้นกายแกร่งก็แนบกับเนื้อนุ่มนิ่มของเนี่ยหยวนซู หน้าอกอวบเบียดชิด และมือหยาบกร้านของเขาแตะสลับการเคล้นคลึงและบีบทุกสัดส่วนที่ไวต่อความรู้สึก“ทุกส่วนในร่างกายนี้ เป็นของข้า...”“ฮึ คนโลภมักต้องเสียทุกอย่าง”“อย่างไร อาซูก็ต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว”“เหตุใดถึงได้มั่นใจถึงเพียงนั้น”“คนงามของข้า ทั้งใต้หล้านี้จะหาใครหล่อเหลาและมีขาที่สามซึ่งงดงาม อุ่นจัด แล้วยังตั้งตรงได้เท่าข้าย่อมไม่มี”เนี่ยหยวนซูทั้งขันและสยิวใจ อันที่จริงนางเป็นสตรีรักสนุกอยู่มาก แต่จะให้มองความแข็งขันเขาตรง ๆ ในยามนี้ ต้องยอมรับว่าขัดเขินเหลือเกิน แท่งหยกนั้น เห็นแล้วนางก็ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง บริเวณเนื้องาม ๆ ที่ฉ่ำแฉะก็ปรารถนาให้เขาล่วงเกินโดยเร็ว!“อ๊ะ...ท่านเป็นไข้สินะ ถึงได้ตัวร้อนเช่นนี้” นางถามราวกับสตรีไร้ประสบการณ์“โถ อาซู ข้าไม่ได้ตัวร้อน ที่เจ้าสัมผัสอยู่นั่นคือน้องชายคนเล็กของข้าต่างหาก ดูสิ...มันอยากให้เจ้าบอกรักรู้หรือไม่”เนี่ยหยวนซูจั๊กจี้ต่อคำพูดเขา และอยากจูบอีกฝ่ายให้หนักหน่วงด้วยต้องการโบยบินสู่สรวงสวรรค์แห่งความสุขอึดใจต่อมา เรียวลิ้นร้อนได้แทรกลึกเข้าไปในโพรงปากสัมผัสดังกล่าวหวานล้ำเหลือ
เนี่ยหยวนซูไม่ทันได้เห็นสิ่งใดต่อ เนื่องจากนางถูกใครก็ไม่รู้พยายามจับตัว หญิงสาวดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ทว่าพวกมือสังหารรับจ้าง หาได้เมตตาปรานี มันใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าใส่ศีรษะด้านหลังหญิงสาว พร้อมดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาหมายแทงเข้าใส่ร่างของเนี่ยหยวนซูหญิงสาวแม้จะมึนงงทั้งปวดที่ศีรษะตุบ ๆ แต่นางจะไม่ขอจบชีวิตบนเรือ และจากไปโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ในขณะที่เนี่ยหยวนซูเคลื่อนร่างกายหลบการแทงของอีกฝ่ายอย่างหวุดหวิดหลายครั้งหลายหน นางก็ได้กลิ่นคาวจัด เลือดสีแดงสดไหลอาบใบหน้าเนี่ยหยวนซู ก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะทรุดลงหญิงสาวหวีดร้องเสียขวัญ และอึดใจต่อมาสองหูก็ได้ยินเสียงดังตูมเนี่ยหยวนซูเคยว่ายน้ำได้ และว่ายได้ดีเสียด้วย หากยามนี้ร่างกายกลับแข็งทื่อ นั่นเป็นเพราะนางเป็นตะคริวที่ขา!“ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที!” ห้าวันต่อมา เรือนหลังนั้นสะอาดมีความเป็นระเบียบ ด้านนอกห่างออกไปมีม้าตัวโตถูกผูกเอาไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างเสี่ยงภัยมาก แต่สุดท้ายเนี่ยหยวนซูก็รอดชีวิต นางมีโอกาสอยู่บนโลกนี้อีกครั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตนส่วนผู้ติดตามนางต่างได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหนักสุดคือเสี่ยวฉุน กระนั้นด้วยย
เกือบรุ่งสางเสียงดังโครมครามเกิดขึ้นด้านบนเรือ สถานการณ์ดูไม่เป็นปกติอย่างที่สุด ฝ่ายเกอสวินเฝ้าอยู่ด้านนอกซึ่งตอนนี้หายตัวไป ส่วนเสี่ยวฉุนส่งสัญญาณให้ฝานเหอเพื่อแจ้งบางสิ่งแก่เนี่ยหยวนซู“คุณหนู ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ดูเหมือน...มีผู้ติดตามเรามา!”ฝานเหอเอ่ยจบ เสียงอาวุธและการต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้น จนเป็นเหตุให้เนี่ยหยวนซูใจเต้นแรง อย่างไรนางก็ไร้วรยุทธ์ อีกทั้งรู้ว่าชีวิตนี้มีเพียงชีวิตเดียว หากตายทุกอย่างก็จบ!“เราจะปลอดภัยใช่หรือไม่”“บ่าวย่อมปกป้องคุณหนู ไม่ให้ผู้ใดทำอันตราย”เสียงต่อสู้ดังกว่าเดิม คนในเรือต่างหนีตายอลหม่าน พวกที่บุกเข้ามา บนเรือขนสินค้ามีจำนวนสองลำด้วยกัน และจุดประสงค์ชัดเจนคือฆ่าทุกคน“คุณหนู หากซ่อนตัวก็อาจถูกค้นหาได้ ใช้เรือลำเล็กแล้วหนีเข้าฝั่งดีหรือไม่เจ้าคะ”เนี่ยหยวนซูแม้ใจกล้าบ้าบิ่นแต่นางต้องคิดให้ถ้วนถี่“คนพวกนั้นย่อมฝีมือไม่ต่ำทราม ข้าว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งแรงนัก ส่วนแม่นมฝานก็ไม่ใช่สตรีแรกรุ่น”เนี่ยหยวนซูประเมินสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าอย่างเร็ว“เยี่ยงนั้น ใช้เรือล่อพวกนั้น บ่าวจะพายเรือลำเล็กออกไป ส่วนคุณหนูหลบอยู่ท้ายเรือนะเจ้าคะ อย่างไรแม้ผู้
กลับกลายเป็นว่ายามนี้สตรีที่ไร้ปากเสียงได้พลิกสถานการณ์กลับด้าน และนางย่อมได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ รวมถึงมีอำนาจกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง มิช้าซือหม่าหู่คงมองว่านางมีผลประโยชน์เช่นก่อนหน้านี้”เนี่ยหยวนซูเชื่อเช่นนั้นและที่คิดไว้ คือในงานเลี้ยงฮ่องเต้อาจปะปนอยู่ในกลุ่มแขกที่เข้ามาร่วมงาน และคอยสังเกตการณ์อยู่ฝ่ายเสี่ยวฉุนได้ฟังแล้วค่อนข้างครั่นคร้ามใจ นางจึงเอ่ยว่า“เช่นนั้น คนที่คุณหนูสมควรระวังให้มากที่สุด คงมิใช่ไทเฮาเสียแล้ว”“เด็กน้อยเสี่ยวฉุน เจ้าหลักแหลมนัก ถูกต้อง ฟานเลี่ยงคือสตรีหน้าเนื้อใจเสือผู้หนึ่ง อีกอย่างเจ้าคงมองออกว่านางเป็นผู้ฝึกยุทธ์!”เกอสวินซึ่งพยักหน้าตามตั้งแต่ต้น พอสบโอกาสก็เอ่ยว่า“ฮองเฮา คือนางเสือที่นุ่งห่มหนังแกะตัวจริง เรื่องนี้คุณชายสามเคยเล่าให้ข้าฟังนานแล้ว”เมื่อเกอสวินกล่าว เนี่ยหยวนซูก็จำสายตาอีกฝ่ายได้ ทั้งในวันที่พบกัน ณ โรงน้ำชา รวมถึงยามที่ฟานเลี่ยงมองสร้อยหยกที่เนี่ยหยวนซูสวมใส่“ตอนนี้พวกเราทั้งหมดคงลำบากมิน้อย การเดินทางไกลคงไม่สะดวก อีกอย่างอาจมีมือสังหารหรือผู้ประสงค์ร้ายติดตามมา ดังนั้นพูดกับผู้อื่นให้น้อย และอย่าออกไปพบใครจนกว่าเรือจะจอดที่
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนี่ยหยวนซูต้องยอมรับว่าได้เจ้าของร่างช่วยเหลือเป็นอย่างมาก อีกทั้งนางสามารถปะติดปะต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงนำมาวางแผนแล้วขอความร่วมมือจากจิ่งป๋อ แรกเริ่มเขาแปลกใจ ทว่าเมื่อรู้ว่าฟานเลี่ยงมีความประสงค์เช่นไร ชายหนุ่มจึงไม่รีรอยอมสวมบทบาทเป็นคนของเชามี่ เพื่อวางแผนตลบหลังอนุภรรยาพี่ชายจิ่งป๋อเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้ารัดกุมสีเข้ม มองแล้วคล้ายคนจากสำนักคุ้มภัย แต่ดูแปลกตาก็คือหน้ากากที่เลือกสวมเพื่ออำพรางใบหน้า นอกจากนั้นเขายังดื่มชาชนิดหนึ่งซึ่งทำให้เสียงแหบต่ำ ฟังแล้วไม่อาจจำได้ว่าคนที่เอ่ยคือจิ่งป๋อ ด้วยเหตุนี้แม้เชามี่จะสงสัย แต่นางที่ได้รับยากล่อมประสาทอ่อน ๆ จึงยากแยกแยะสิ่งใดได้ง่าย ๆ“พี่สะใภ้ การกระทำของท่านเสี่ยงภัยเกินไปหรือไม่”“ข้าเลือกทางเดินเช่นนี้ย่อมล่วงรู้อนาคต ส่วนคุณชายสมควรห่วงไท่ฮูหยิน อย่างไรนางก็คือผู้ให้กำเนิดท่าน เรื่องนี้เหมาะสมที่สุด”“ข้าขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้เรามีเรื่องบาดหมางใจกันมิน้อย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดข้าถึงคิดว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่พึ่งพาได้”“นั่นเป็นเพราะตำแหน่งฮูหยินใหญ่แห่งจวนจิ่งมิใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อ
“อนุเชา ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะมีคนต้องการฆ่าปิดปาก เรื่องที่ต้องการเปิดโปงการใช้ไสยเวทในจวนจิ่งของไท่ฮูหยิน แน่นอนหากจิ่งหลัวคุนล่วงรู้เรื่องนี้ว่าท่านเป็นคนเปิดโปงย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นจงรีบช่วงชิงความได้เปรียบ จัดการเนี่ยหยวนซูแล้วป้ายความผิดไปให้นางย่อมดีที่สุดว่าเป็นผู้พยายามหาความผิดของไท่ฮูหยิน ในการใช้ไสยเวทเล่นงานมารดาของจิ่งหลัวคุน จนนางกลายเป็นสตรีวิปลาสส่วนเรื่องการที่นางกักขังไว้ก็ให้บอกทุกคนว่าเนี่ยหยวนซูมีแผนร้ายแอบแฝง ต้องการปิดปากท่าน ดังนั้นเมื่อไม่มีฮูหยินจิ่ง ทั้งเจ้าบ้านเนี่ยและแม่ทัพจิ่งย่อมสูญเสียกำลังใจ พวกเขาอาจคลั่งหนัก แต่...เชื่อข้าเถิด หากทำเช่นนี้สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแน่นอน ใต้เท้าเชารวมถึงท่านย่อมไร้มลทิน และผู้อยู่เบื้องหลังแผนทั้งหมดจะส่งเสริมให้ท่านได้ก้าวขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนจิ่ง...”เชามี่แม้จะฝันหวานตามคำพูดคนพวกนี้ ทว่าใจกลับกลัวเหลือเกิน มันเป็นเสียงเล็ก ๆ บอกให้นางอย่าหลงเชื่อคำพูดของคนพวกนี้“พวกเจ้าพูดเหมือนง่าย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นใครจะสามารถเข้าใกล้มันได้ง่าย ๆ”“อย่างที่บอก สาวใช้ของท่านที่ทรยศถึงขั้นฆ่าผู้เป็นนาย ด้วยมีมารดาและน้องชายที่ร
อ้ายเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดการณ์ และต้องประหลาดใจที่หูได้ยินเสียงร้องเพลงเสียงดนตรีอึกทึก เหนืออื่นใดที่ทำให้เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง เชามี่กลับยังไม่ตาย! อีกทั้งเรือนหลังที่เป็นส่วนห้องรับรองยังไม่ถูกเผาไหม้ นอกเหนือจากนั้น นางรู้ว่าตนได้รับพิษร้ายแรง รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอนลอยคว้างอยู่รอบตัว ทั้งหมดสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของเชามี่ทว่าสิ่งมีสิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เชามี่สวมหน้ากากงูดำ ราวกับนางอยู่ในงานเลี้ยงของเนี่ยหยวนซู และสิ่งที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคือเชามี่คงเป็นเพียงชุดที่สวมใส่ และกลิ่นถุงหอมของนางที่ลอยอบอวลอยู่ในห้องเล็กแคบอ้ายเหมยระแวดระวังภัยตนอย่างหนัก นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ปิดตาย และเห็นว่ายังมีคราบเลือดอันเกิดจากบาดแผลของเชามี่เปรอะอยู่ตามพื้นห้อง“นายหญิงเชา ท่านยังยื้อชีวิตจากมัจจุราชได้อีกหรือ” อ้ายเหมยถามราวกับเป็นคนโง่อีกฝ่ายหัวเราะเสียงแหลม ท่าทางดูราวกับมีความแค้นสุมอยู่ในอก ยิ่งกว่านั้น นางไม่เหมือนเชามี่ที่อ้ายเหมยรู้จัก “ฮึ ดูให้ดี...แท้จริง ข้าอาจตายไปตั้งแต่ถูกเจ้ากรีดข้อมือก็เป็นได้”อ้ายเหมยไม่อยากเสียเวลาอีก นางควรออกจากห้องนี้ แล้วมุ่งหน้าไปร
“ฮองเฮาต้องการแจ้งสิ่งใดต่อข้า” เมื่อเนี่ยหยวนซูตามหาเสียงตนเองพบ จึงเอ่ยถามฟานเลี่ยงย่อมเข้าใจนิสัยใจคอคนในวังหลวงดี พวกนั้นเห็นเพียงประโยชน์ของตน “แม่ทัพจิ่ง คาดการณ์ว่าข้าต้องได้มางานเลี้ยงคืนนี้ จึงขอให้ข้าได้ช่วยเหลือเรื่องสำคัญ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเห็นฮูหยินจิ่งสวมสร้อยหยกก็หมายความว่าเจ้าคือสตรีที่คู่ควรให้เขาเรียกขานว่า ‘ภรรยา’ กระนั้นบ้านเมืองยามนี้ผู้มีอำนาจถึงจะเอาชีวิตรอด แต่...นอกจากอำนาจคงเป็นเงินที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ และหากข้าคาดการณ์ไม่ผิด เหล่าคหบดีและขุนนางที่อยู่นอกเมืองหลายคนย่อมได้รับโทษหนักเบาต่างกันไป โดยจุดหมายสำคัญครั้งนี้ ไทเฮาต้องการบีบคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองเป่ยตูให้ย้ายข้างไปเป็นคนของนางโดยใช้ข้อหากบฏเป็นการข่มขู่”ฮองเฮากล่าวอย่างไม่ปิดบัง นี่คงทำให้เนี่ยหยวนซูตระหนักถึงภัยใหญ่หลวงที่กำลังเกิดขึ้น“ฮองเฮากล่าวทุกอย่างให้ข้าฟังเช่นนี้ ไม่คิดว่าข้าจะปากโป้งเผยความลับให้ผู้อื่นล่วงรู้หรอกหรือ”“ฮึ หากข้ากลัว ไฉนจะขึ้นเกี้ยวออกจากวังหลวง และเดินทางมาชมการแสดงพลุไฟในโรงละครเก่านี้เล่า ที่สำคัญอย่าดูถูกน้ำใจข้าให้มาก แม้ไม่เคยช่วยเหลือกันมาก่อน แต่ข้ายิน
จิ่งป๋ออยากติดตามเนี่ยหยวนซูเข้าไปด้านในด้วย แม้เขาจะเป็นลูกแหง่ ทว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานเขาสมควรปกป้องพี่สะใภ้ แต่เนี่ยหยวนซูยกมือห้ามและบอกว่าขอให้เขาช่วยต้อนรับแขกภายในงานแทนนางสักพัก ส่วนหู่ฮาวเทียน เมื่อเห็นว่าตนสร้างความน่าเกรงขามให้ผู้อื่นขยาดกลัวสำเร็จ เขาก็ดึงร่างนางรำมาสองคน แล้วบอกว่าอยากเปิดห้องพิเศษสำหรับดื่มและกินโดยห้ามให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งวุ่นวาย“พี่สะใภ้ ท่านมั่นใจหรือว่าจะตกลงกับคนในวังได้ สุนัขจิ้งจอกว่าร้ายแล้ว แต่ห้าอสรพิษที่ถูกเลี้ยงจนกลายเป็นหนอนกู่ ย่อมไม่อาจรับมือง่าย ๆ”จิ่งป๋อว่าจบก็มองไปยังฟานเลี่ยง“คุณชายสาม แม้พี่ชายเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่อย่าคิดว่าเขาจะช่วยเหลือได้ตลอด หากเจ้ายังพยายามยื่นคอไปให้ผู้อื่นตัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะฝ่ายนั้นเป็นถึงแม่ของแผ่นดิน ก็คงไม่แคล้วได้ตายสมใจ”เนี่ยหยวนซูปรามจิ่งป๋อ ฝ่ายฟานเลี่ยงโบกมือไปมา ก่อนเอ่ยว่า“ฮูหยินจิ่ง ตอนนี้ข้าค่อยยังชั่วแล้ว ปะ ไปคุยกันข้างในจะดีกว่า!” เนี่ยหยวนซูอารมณ์ขุ่นมัวเป็นอย่างมาก การที่ฟานเลี่ยงจงใจทำสร้อยหยกที่แม่ทัพหนุ่มมอบให้นับว่าไม่สมควร แต่ให้นางโวยวายหรือแสดงความไม่พอใจคงเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดนัก ยิ่ง