คณะเฉิงอ๋อง หรือฮ่องเต้แคว้นเฉิงโจวบุกป่าเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีจุดประสงค์คือตามหาสัตว์ปีกที่เขาต้องการนำไปเลี้ยงเพื่อเสริมบารมีคู่บัลลังก์ครั้งนี้ฮ่องเต้เฉิงโจวออกล่าสัตว์ป่าด้วยตนเอง พระองค์ต้องการจับเป็นนกชิงเหนี่ยวที่มีขนสีขาว ซึ่งบนศีรษะของมันด้านบนสุดดูคล้ายมีเครื่องประดับสีแดงครอบอยู่ ทั้งงดงามแลเห็นแต่ไกล ขนาดตัวเท่ากับทารกแรกเกิด และเป็นนกที่ใช้ชีวิตในถ้ำสูงประวัติของนกชนิดนี้คือ หากผู้ใดสามารถจับได้ครบสามตัว คนผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เนื่องจากนกชิงเหนี่ยวคือตัวแทนของ นรก สวรรค์ และดินแดนมนุษย์เมื่อเข้าวันที่สามได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน จนเกือบทำให้แคว้นเฉิงโจวเกือบต้องเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ นั่นเป็นเพราะพวกนายพรานและหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ถูกเสือดำทำร้ายเสียชีวิตไปหลายสิบคน เฉิงอี้หลางก็ถูกตะบบที่หลังมือจนเป็นแผลฉกรรจ์ และนั่นทำให้เขาบ้าเลือดอยากเอาชีวิตเสือดำให้จงได้ สุดท้ายเฉิงอี้หลางได้พลัดหลงเข้าไปในป่าลึก เดือดร้อนจิ่งหลัวคุนที่ติดตามมาด้วยต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือทว่าทั้งหมดกลับเป็นแผนร้ายที่มีคนวางกลอุบายเอาไว้ เพื่อลวงให้ฮ่องเต้หนุ่มติดกับดัก“มีผู้
เนี่ยหยวนซูใช้เวลาในคฤหาสน์สกุลเนี่ยเป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นเพราะนางสนใจเรื่องบัญชีและแผนที่ของเมืองหลวง รวมถึงแคว้นต่าง ๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นอาณาจักรใหญ่ โดยที่แคว้นเฉิงโจวเป็นหนึ่งในอาณาจักรเว่ย แต่ละแคว้นปกครองตนเอง จัดสรรส่วนกลางให้ส่งมาตรวจสอบปีละสองครั้ง ยามนี้ผู้ที่มาเยือนแคว้นเฉิงโจวคือซือหม่าหู่หรือหู่ฮาวเทียน เขามีอำนาจไม่ต่างจากชินอ๋องผู้หนึ่ง แม้ไร้กำลังทหารนับแสนนาย ทว่าก็ไม่อาจมีผู้ใดลบหลู่เกียรติ มิหนำซ้ำยังได้รับการปรนนิบัติอย่างดีสำหรับเนี่ยหยวนซูยามนี้ สิ่งที่ต้องวางแผนมีมากมาย เป้าหมายนางคือ ทองคำกับความร่ำรวย เรื่องนี้จะทำให้นางที่เป็นสตรีในยุคสมัยโบราณสามารถก้าวขึ้นไปอยู่เหนือผู้ชายอกสามศอกยามนั้นนางมองปิ่นทองคำที่มีพลอยโลหิตประดับอยู่ เครื่องประดับชิ้นนี้เป็นของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่แห่งสยาม ซึ่งครั้งหนึ่งฝ่ายนั้นใช้มันสังหารคนรักตน แม้จะดูเหมือนสิ่งอัปมงคล ทว่าเนี่ยหยวนซูกลับชอบอย่างยิ่ง ด้วยค่อนข้างมีเรื่องชวนให้สะเทือนใจทั้งยังบอกให้รู้ว่า ความรักกับหน้าที่ในบางคราต้องเดินสวนทางกัน และมันอาจสร้างบาดแผลในใจไปชั่วชีวิต“ปิ่นนี้เป็นของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง คือสิ่งที่คนรั
อ้ายเหมยที่ช่วงนี้ทำตัวเป็นนกพิราบสื่อสารก้าวมาใกล้ ๆ เชามี่และเอ่ยอย่างมีท่าทีลับลมคมนัยว่า “นายหญิงเชา ดูเหมือนคนของเราที่แฝงตัวอยู่ในเรือนไท่ฮูหยิน เข้าใกล้ความจริงแล้วเจ้าค่ะ มินานคงหาของพวกนั้นพบ คราวนี้เราคงจัดการพวกนั้นให้อยู่ใต้ฝ่าเท้านายหญิงของบ่าวได้เสียที”“อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก ข้าบอกแล้วเมื่อหลักฐานมีพร้อม ข้าถึงจะเปิดโปงทุกอย่าง แต่ตอนนี้เราต้องอยู่ในจวนจิ่งให้ได้อย่างปลอดภัยและอดทนเข้าไว้ ซึ่งข้าคงต้องแสดงตัวเป็นอนุคนโปรดของท่านแม่ทัพให้สมบทบาท”อ้ายเหมยพยักหน้าตามที่เชามี่กล่าว แต่อดสงสัยไม่ได้“แต่...สภาพท่านแม่ทัพตอนนี้ อย่าหาว่าบ่าวแช่งเลยนะเจ้าคะ นอนติดเตียงมาหลายวัน และเกอสวินก็วิ่งเข้าวิ่งออก คอยดูแลเกือบทุกอย่าง หากเกิดเรื่องร้ายแรง ฝ่ายเราจะทำอย่างไร ตัวนายหญิงเชาก็ยังไม่มีทายาท...สืบสกุลจิ่ง”“ฮึ จะยากอะไร ข้าต้องมีทายาทของท่านแม่ทัพในท้องให้ได้ อีกอย่าง สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือนังจิ้งจอกเก้าหางใช้เล่ห์กลต่ำทรามอันใดในคืนเข้าหอกับท่านแม่ทัพ ถึงได้อยู่กันยาวนานจนรุ่งสาง ที่สำคัญหากมันเกิดตั้งครรภ์ ข้าคงรับมือยาก”“นายหญิงเชาอย่าลืมสิเจ้าคะ ตั้งครรภ์ได้ก็สามารถแท
เวลาผ่านไปราว ๆ ชั่วหนึ่งก้านธูปดับเท่านั้น เชามี่ยังไม่ได้แสดงบทงิ้วของนางได้เต็มที่เลย สาวใช้และผู้คุมกฎจากจวนจิ่งก็ก้าวมาที่เรือนหลังนี้ ก่อนที่นางจะถูกกันตัวให้ออกไปอยู่ด้านนอก โดยห้ามเข้าไปรบกวนจิ่งหลัวคุน“ห้ามขัดขวาง ใครไม่เกี่ยวจงถอยไป ข้ากำลังช่วยท่านแม่ทัพ หากกระทำไม่เสร็จตามพิธีกรรม รู้หรือไม่ของอาจเข้าตัวคนในจวนจิ่ง วิญญาณชั่วจะสิงร่างผู้อื่นได้”“นายหญิงเชา แต่สิ่งที่เจ้ากำลังจะทำคือการเชือดไก่เชือดเป็ด แล้วเอาเลือดมาทาตามขอบประตู ขอบหน้าต่าง นอกจากนั้นกลิ่นกำยาน ก็ทำให้การหายใจติดขัดไปหมด หยุดเสียเถิด การกระทำทั้งหมดนี้ ประหลาดนัก หาใช่การรักษาคนป่วย” คนที่เอ่ยคือเกอสวิน เขาวิ่งวุ่นอยู่ข้างใน คราแรกกำลังจะออกมาห้ามและไล่ตะเพิดเชามี่ ทว่าตำแหน่งตนด้อยกว่านางอยู่สักหน่อย ดังนั้นจึงสั่งให้ทหารรับใช้ ไปแจ้งข่าวที่เรือนจิ่งป๋อ ซึ่งได้ผลเร็วเกินคาด ฝ่ายนั้นคงรีบไปรายงานซ่งหยูชุน“เจ้ามันก็แค่ เด็กน้อยยกอ่างล้างหน้ากับล้างเท้าให้ท่านแม่ทัพ กล้าดีอย่างไรถึงมาขึ้นเสียงกับข้า”เด็กหนุ่มไม่ได้โต้ตอบ หากยืนกรานไม่ให้เชามี่เข้าไปข้างใน และคนจากเรือนไท่ฮูหยินก็หมายจะไปลากตัวนางโยนออกน
แม้จะกินแหนงแคลงใจกันอยู่สักหน่อย แต่นางกับจิ่งป๋อยังนับว่าเป็นญาติกัน ดังนั้นจึงอยากเห็นการแสดงของเขาที่มาจากหอลำนำรัก และนางทำให้ผู้อื่นเห็นความใจกว้างของนางที่มีความเป็นมิตรกับทุกคน โดยเฉพาะพี่น้องฝั่งสามี ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน“คุณหนู ตัดสินใจเช่นนี้ดีแล้วหรือเจ้าคะ อย่างไรคุณชายสามก็เป็นคนแซ่จิ่ง” ด้วยความคุ้นเคยเมื่ออยู่ตามลำพัง ฝานเหอก็มักเรียกเนี่ยหยวนซูเช่นนั้น อีกทั้งนางเป็นแม่นมของหญิงสาวด้วยจึงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลเนี่ยหยวนซูมองฝานเหอก่อนจะบอกอีกฝ่ายว่า “ภายภาคหน้า เราต้องทำการค้ามากมาย ดังนั้นคงเลือกแขกหรือลูกค้าไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างเงื่อนไข เพื่อให้พวกเขาเป็นมิตรยามก้าวเข้ามาในร้าน สิ่งนี้เจ้าเข้าใจที่ข้ากล่าวหรือไม่”“หมายความว่า คุณหนูจะเรียกเก็บเงินจากสกุลจิ่งเมื่อพวกเขามางานเลี้ยง?” และคนที่ถามคือเสี่ยวฉุน“เด็กน้อยของข้า คุณชายสามแม้ไม่ได้ถังแตกและมีเงินทองจากการเปิดการแสดงอยู่บ้าง แต่ข้าคงไม่ไปรีดเลือดกับปูหรอก ครั้งนี้ข้าจะเป็นคนเชิญเขามาร่ายรำในงานเลี้ยงต่างหากเล่า”เสี่ยวฉุนสงสัยหนัก ไม่ต่างจากฝานเหอ“หากคุณหนูอยากชมชายงามหรือนางระบำเอวอ่อน บ่าวเห
ศาลาหลังดังกล่าวซ่อนอยู่หลังบ่อน้ำพุร้อน เนี่ยหยวนซูตั้งใจนัดจิ่งหลัวคุนมาที่นี่ นางอยากสร้างข่าวดังให้แก่ตน ด้วยรู้ว่ายามนี้ไทเฮาหรือปาอิงเหรินพำนักอยู่ที่นี่เกือบครึ่งเดือนแล้วเพื่อถือศีลกินเจ โดยเป็นคำเชิญของหวังเจิ้นซือไท่ดังนั้นจะมีสิ่งใดเล่าที่ทำให้เนี่ยหยวนซูได้พบต้นเหตุที่ทำให้นางต้องแต่งงานกับแม่ทัพหนุ่ม และการปรากฏตัวให้อยู่ในสายตาไทเฮาย่อมเป็นสิ่งที่ดี ฝ่ายนั้นอย่างไรก็ต้องอยากรู้อยากเห็นว่านางกับจิ่งหลัวคุนยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันหรือไม่ และจากการคาดคะเนของหญิงสาว นางมั่นใจว่าปาอิงเหรินต้องการได้กำลังพลของสกุลจิ่งมาอยู่ในกำมือตน นอกจากนั้นก็หาทางบีบสกุลเนี่ยให้ตกเป็นเครื่องมือ เพื่อนางจะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทองซึ่งจริง ๆ แล้ว หญิงสาวไม่ได้มีเจตนาก่อกวนจิ่งหลัวคุนหรือปั่นหัวให้เขากลายเป็นหมาบ้า เมื่อรู้ว่าเขาบาดเจ็บเพราะรับลูกเกาทัณฑ์แทนฮ่องเต้ก็สงสาร แต่นั่นไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำหยาบคายและป่าเถื่อนกับนาง อย่างไรลาโง่ก็ต้องได้รับบทเรียนก่อนที่นางจะได้หนังสือหย่าขาดจากเขาศาลาดังกล่าวเงียบสงบ และน้ำพุร้อนบริเวณนี้ก็ไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้ามาได้ ซึ่งนอกจากเอ
“พี่ใหญ่ ยังมีความจริงใจไม่พอ ทั้งยังขาดแรงจูงใจที่อยากให้พี่สะใภ้กลับมาอยู่ด้วยกัน”“เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ดีกว่าข้า!”“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องเอาใจผู้อื่น และพ่นคำหวานหูให้คนหลง ข้าย่อมนำหน้าพี่ใหญ่อยู่หลายก้าว แล้วของที่จะมอบแทนใจแก่พี่สะใภ้เตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่”แม่ทัพหนุ่มมองไปที่กล่องไม้ที่เกอสวินรักษาไว้ และเอ่ยว่า “สิ่งนี้ข้าตั้งใจมอบให้นางในคืนเข้าหอ ผิดแต่...เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันเสียก่อน” เนี่ยหยวนซูไม่ได้คาดคิดว่า การที่นางมาอารามเชิงเขาจะต้องมีเรื่องไม่คาดฝันถึงเพียงนี้!บุรุษผู้นั้น มองด้านหลังและเห็นเพียงเสี้ยวหน้า หญิงสาวต้องตัวเย็นเฉียบ ก่อนยืนนิ่งอยู่เกือบหนึ่งอึดใจ อีกทั้งท่าทางการเดินของเขาในบางครา ละม้ายจิ่งหลัวคุนหลายส่วน ราวกับอีกฝ่ายถอดแบบบุรุษผู้นี้ ผิดแต่แม่ทัพหนุ่มองอาจมากกว่า หุ่นกำยำและสูงกว่าสักหนึ่งคืบได้ ที่สำคัญจิ่งหลัวคุนมีไอสังหารท่วมร่าง แต่คนที่ยืนอยู่ในเสื้อผ้าสบาย ๆ คล้ายคุณชายท่านหนึ่ง กลับดูสุภาพ อ่อนโยน ทั้งเข้ากับธรรมชาติราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่หญิงสาวเลือกที่จะหลบไปอีกด้าน ทว่ากลับเป็นตอนนั้นที่นางพลาดพลั้งด้วยก้าวเร็วเกินไป ทั้งยังไม่ทันระ
ร่างสูงใหญ่ยืนจัดเสื้อผ้าของตนด้วยสีหน้ายุ่งอยู่สักหน่อย และเขาต้องยอมรับว่าจิ่งหลัวคุนไม่เคยประหม่าเท่านี้มาก่อน นั่นเป็นเพราะเขาสูญเสียความมั่นใจ ว่ากันตามตรงหากให้ออกรบหรือกรำศึกหนักเจ็ดวันเจ็ดคืน เรื่องเหล่านั้นย่อมง่ายกว่าการทำในสิ่งที่เข้าใจยาก เช่น ตามง้อฮูหยินใหญ่กลับจวนตั้งแต่เด็กเขาถูกฝึกฝนอย่างหนัก เรียกได้ว่า ขี่ม้า จับดาบตอนอายุเพียงห้าขวบ หลังจากมารดาเสียชีวิตก็ถูกส่งตัวเข้าวังหลวงให้เป็นสหายกับรัชทายาท ซึ่งเด็กคนหนึ่งที่แทบไม่ได้ความรักที่แท้จริงจากผู้ใด ต้องอยู่ในสังคมวังหลวงที่ผู้คนนั้นมีแต่เขี้ยวเล็บ มองเพียงผลประโยชน์เป็นหลัก อีกทั้งทุกวันเขาต้องพบเจอความตายหลากหลายรูปแบบดังนั้นวังหลวงก็คือสถานที่ฝึกให้เขาเป็นคนใจตายด้าน เผด็จการ บ้าอำนาจ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับมอบหมายจากคนผู้หนึ่งให้แสดงเป็นเฉิงอี้หลาง หรือก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั่นเอง สิ่งนี้ทำให้จิ่งหลัวคุนถูกใช้งานลับ ๆ หรือเรื่องเสี่ยงอันตรายหลายหน รวมถึงการแต่งงานกับเนี่ยหยวนซูในครั้งนี้ด้วย“ข้าดูดีแล้วใช่หรือไม่ เกอสวิน”เด็กหนุ่มมองเจ้านายตน และตอบว่า “บ่าวเชื่ออย่าง
เชามี่ง่วงนอนและหาวติดกันหลายครั้ง นางหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้ ภาพก่อนหน้าคือเสี่ยวฉุนกับฝานเหอวางสีหน้าราวกับต้องการฉีกเนื้อนางออกเป็นชิ้น ๆ“บอกไว้ก่อน คุณหนูของข้าไม่เอาความเจ้าก็แล้วไป แต่สำหรับข้ากับเสี่ยวฉุน อย่าคิดว่าจะปล่อยให้เจ้าลอยหน้าลอยตาอย่างสบายใจ จำเอาไว้ที่นี่ไม่ใช่จวนจิ่ง อีกทั้งคนของสกุลเนี่ยล้วนค้าขาย ออกแรงแบกหามเสมอ ดังนั้นมือหนักตีนหนักย่อมเป็นเรื่องธรรมดา”เชามี่ตาเหลือกค้าง นางเป็นลูกสาวใต้เท้ากรมพิธีการ ได้มาเป็นอนุจวนจิ่งด้วยยามนั้นบิดาต้องการผูกมิตรกับอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงสวรรค์เปิดทางให้นางไปเป็นสตรีสูงศักดิ์ในวังหลวง ซึ่งโชคชะตานางอาจเป็นใหญ่ได้ก้าวเป็นถึงพระสนมหรือฮองเฮา แต่นางกลับกลายเป็นนกปีกหัก ต้องแต่งเข้าจวนจิ่งในฐานะอนุเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเพราะไท่ฮูหยินแจ้งว่าวันเดือนปีเกิดนางไม่เกื้อหนุนจิ่งหลัวคุน ให้นางเป็นอนุไปเสียก่อน หากดวงชะตาเปลี่ยน ดาวเคลื่อนย้าย นางจะเป็นฮูหยินใหญ่ในจวนจิ่งเมื่อใดก็มิสาย แต่สุดท้ายแม่ทัพหนุ่มก็ได้รับสมรสพระราชทานกับสตรีที่บิดาทำการค้าขาย ไร้ตำแหน่งทรงเกียรติ!“ตบปากมัน อ้ายเหมย ตบนังบ่าวชั้นต่ำให้ข้าเดี๋ยวนี้”อ้ายเหมยหม
เนี่ยหยวนซูมองจิ่งป๋อ อีกฝ่ายกับนางแม้เรียกได้ว่าเป็นญาติกันแล้ว ทว่าหญิงสาวไม่ใคร่จะรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา ทราบเพียงแต่ว่าเขาเป็นลูกแหง่ของแม่สามี ทั้งยังนิยมร้องรำทำเพลง รักการแสดงมากกว่ารับใช้บ้านเมือง อีกทั้งหอลำนำรักซึ่งเปิดดำเนินการมาเกือบสองปีขาดทุนโดยตลอด นั่นเป็นเพราะเขาทุ่มทุนในการจัดเสื้อผ้า จ้างนางรำและนักดนตรีมีชื่ออยู่เสมอ คนพวกนั้นมักจะเจ้าอารมณ์เรียกร้องค่าตัวแพงเกินจริง ทั้งยังต้องการสิ่งที่ดีที่สุดในระหว่างเปิดการแสดงที่หอลำนำรัก“แม่ทัพจิ่งช่างดีต่อข้ายิ่ง” เนี่ยหยวนซูไม่ได้ต้องการประชด“เท่าที่ข้าจำได้ ตั้งแต่พี่ใหญ่ทราบว่าต้องแต่งงานกับพี่สะใภ้ เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง คนผู้หนึ่งที่ไม่ชอบเอาใจสตรี ทั้งยังเผด็จการและไม่เคยรักใคร พอรู้ว่าต้องมีฮูหยินเป็นตัวตน เขาแทบทำให้จวนจิ่งแตกด้วยเกรงจะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคืนแรกในการเข้าหอไม่ได้ รวมถึงการเตรียมเรือนไป๋เหลียนฮวาไว้รอรับพี่สะใภ้”เนี่ยหยวนซูคิดทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปด้วย แน่นอนนางสั่งให้คนมาขยายเรือนดังกล่าว พร้อมโรงเรือนเก็บอาหารแห้ง และหากจิ่งหลัวคุนไม่อนุญาตหรืออำนวยความสะดวก เรื่องนี้ย่อมไม่อาจสำเร็จลงโดยง
เนี่ยหยวนซูย่อมตระหนักได้ถึงความไม่ปลอดภัยของบิดา ในขณะที่นางกำลังค่อนข้างเครียดและกดดันอยู่นั้น จิ่งหลัวคุนก็ส่งแมวหางกุดของเขามาคอยรับใช้หญิงสาว แต่นางยังไม่ไว้ใจอีกฝ่ายจึงให้เขารอด้านนอก จากนั้นก็สั่งคนให้คุมกันพื้นที่ให้แน่นหนา ตรวจสอบห้ามไม่ให้คนแปลกหน้ามาเพ่นพ่าน ส่วนคนที่จะเข้างานเลี้ยงคืนนี้ให้ลงนาม และสั่งให้รอบคอบในการตรวจเรื่องเทียบเชิญ หากผู้ใดไม่มีห้ามเข้าพื้นที่เด็ดขาดเมื่อเสี่ยวฉุนส่งเชามี่และอ้ายเหมยไปห้องพักเรียบร้อย นางสั่งให้คนคุมเอาไว้ ห้ามไม่ให้ทั้งคู่ออกมาเพ่นพ่านเด็ดขาด กระทั่งก้าวออกมาพื้นที่ด้านนอกจึงได้เห็นใบหน้าของเกอสวิน แม่นางน้อยกระโดดลงไปขวางทางเขาไว้ ด้วยท่าทางหาเรื่องอย่างที่สุด“ที่นี่ ไม่ต้องการแมวรับใช้ของจวนจิ่ง”“เสี่ยวฉุน เจ้าผ่อนปรนลงบ้าง ยามนี้พวกเราล้วนต้องรับมือกับคนที่มีอำนาจ และข้าอยู่ที่นี่ย่อมช่วยเหลือนายหญิงใหญ่ได้ พร้อมส่งข่าวแก่นายท่านที่ต้องรับมือจากภัยหลายด้าน”“คุณหนูของข้า มีหน่วยคุ้มกันหลายสิบชีวิต ไฉนต้องเพิ่งแรงของแมวตัวผอมและอ่อนหัด”เกอสวินแยกเขี้ยวขู่ ตอนนั้นเองที่เสี่ยวฉุนเตรียมกางเล็บแล้วพุ่งไปข่วนหน้าตาที่ยียวนของอีกฝ่าย
เมื่อเนี่ยหยวนซูรู้ว่าบิดายังไม่กลับเข้าคฤหาสน์สกุลเนี่ย อีกทั้งให้คนออกไปตามข่าวจึงทราบว่า เขาถูกกักบริเวณไว้นอกเมือง ยามนี้มีกองกำลังทหารของลู่ไป๋อี้ล้อมอยู่ และสถานการณ์ในเมืองหลวงเป่ยตู แม้ดูปกติอย่างที่สุด หากเนี่ยหยวนซูไม่สบายใจสักนิด นางอยากยกเลิกงานเลี้ยงคืนนี้เสีย แต่ทำเช่นนั้นไม่ได้ง่าย ๆ เพราะหู่ฮาวเทียนส่งของบางส่วนมาที่งานเลี้ยง นอกจากนั้นยังมีนางกำนัลของฮองเฮาแจ้งข่าวว่าฮองเฮาจะเข้าร่วมงานด้วย โดยที่ไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ วุ่นวาย ให้ปฏิบัติต่อนางอย่างสามัญชนซึ่งในขณะที่ตรวจสอบของว่างและน้ำชา รวมถึงลำดับการแสดงอยู่นั้น เนี่ยหยวนซูต้องข่มกลั้นอารมณ์อย่างลำบาก เนื่องจากจู่ ๆ เชามี่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตูใหญ่อันเป็นสถานที่รับรองแขกแรกเริ่มคนคุ้มกันเนี่ยหยวนซูไม่ให้เชามี่เข้ามาถึงด้านใน ทว่าอ้ายเหมยกลับคุกเข่าลงบนพื้น และถึงขั้นบ้าบิ่นด้วยการโขกศีรษะไปหลายหน จนได้แผลน่ากลัว เลือดนางไหลออกมาจนเปรอะไปทั่ว ขณะเดียวกันเชามี่ก็ร้องเสียงดังเรียกให้ผู้อื่นมามุงดูเหตุการณ์ดังกล่าว เนี่ยหยวนซูไม่อยากสนใจ กระนั้นเมื่อคิดให้ดี นางเชื่อว่าตนรับมืออนุของสามีได้“คารวะนายหญิงใหญ่...”ราว ๆ
บรรยากาศในห้องโถงแห่งนี้เต็มไปด้วยความกดดันอย่างมหาศาล ของว่างชั้นดีถูกจัดเตรียมไว้ สุราก็มีให้ดื่ม น้ำชาอุ่นอยู่ตลอด ทั้งกำยานถูกจุดช่วยให้ผ่อนคลาย ทว่าหลังจากที่ทั้งหมดต้องมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ร่วมสามชั่วยามโดยไม่ได้ล่วงรู้เรื่องใดไปมากกว่า ‘คำสั่งบอกให้รอ’ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาต่างขบคิดหนัก และพยายามหาทางส่งข่าวให้คนของตน แต่เมื่อปิดประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้นยามนี้จึงไม่ต่างจากการปิดประตูตีแมวเนี่ยข่ายไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงถูกเรียกมาที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวงตั้งแต่เช้ามืด คราแรกเขาแจ้งกลับไปว่าสะสางภารกิจยังไม่สำเร็จ ทว่าขันทีคนสนิทของฮ่องเต้มาด้วยตัวเองพร้อมราชโองการให้รีบไปตามจุดนัดหมายโดยด่วน และไม่ได้มีเพียงเขา หากคหบดีทั้งขุนนางหลายคนที่เกี่ยวกับกองคลัง กองพิธีการและฝ่ายภูษาล้วนถูกเรียกตัวมาทั้งหมด “ท่านพ่อ...มีเรื่องใดถึงต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเช่นนี้”เนี่ยหยวนซูก็นอนไม่ใคร่จะหลับ ด้วยตื่นเต้นสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น เมื่อก้าวออกจากเรือน นางก็ได้รับรายงานจากเสี่ยวฉุนว่าบิดาได้รับราชโองการให้เดินทางไปกับรถม้าของฝ่ายใน ทั้งมีทหารกับขันทีมารออยู่ที่หน้าประตูใหญ่นับสิบคน“ซู
เมื่อสามีภรรยาได้อยู่กันสองต่อสองภายในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง จิ่งหลัวคุนก็ยิ้มกว้าง และเนี่ยหยวนซูสังเกตได้ว่ารอยยิ้มกับดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนกระนั้นแทนที่จะดีใจ เนี่ยหยวนซูกลับต้องระวังตัว ด้วยโลกที่นางโผล่เข้ามา ชีวิตลิขิตไว้เช่นไรนางย่อมรู้ดี และต้องหาวิธีเปลี่ยนมัน ทว่าสิ่งที่เนี่ยหยวนซูอยากไขว่คว้าในตอนนี้คือตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุดเมื่อจิ่งหลัวคุนมีความสุข นางก็ชั่งน้ำหน้าอยู่สักหน่อย เลยเบ้ปากให้อีกฝ่าย และนั่นก็ทำให้จิ่งหลัวคุนคึกจัด ผู้ชายคนนี้มีมุมพิลึก ทั้งบ้าบออย่างไม่น่าเชื่อ“แม่ทัพจิ่ง ท่านสูบกัญชาหรือเคี้ยวใบกระท่อมก่อนมาพบข้าหรือไม่!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะพรืดใหญ่ “อาซู เจ้าจะหาว่าสามีอารมณ์แจ่มใส เป็นเพราะ ‘พลังใบ’ หรอกหรือ”“ฮึ ก็สิ่งที่ข้าประจักษ์ด้วยสองตางาม ๆ ย่อมเป็นเยี่ยงนั้น”“ภรรยายอดรัก เจ้าล้อสามีเล่นแล้ว”ดูเอาเถิด นี่ยิ่งกว่าเจอผีทั้งป่าช้ากลางวันแสก ๆ จิ่งหลัวคุนกำลังประสาทกลับ พูดหนึ่งคำแล้วยิ้ม ยิ้มแล้วหัวเราะ การแสดงของเขาช่างน่าทึ่งโดยแท้“ไม่อย่างนั้น คงเป็นเพราะคุณชายสามสอนตำราการละครให้ท่านใช่หรือไม่ ถึงได้เป็นเช่
ปกติแล้วพื้นฐานนิสัยของหู่ฮาวเทียน ไฉนเขาจะจึงต้องคอยตามตอแยหรือตามก้นสตรี หากเขามีเหตุผลสำคัญที่คนผู้หนึ่งมอบหมาย นอกจากนั้นเมื่ออยู่ใกล้นางก็ต้องยอมรับว่า มันชุ่มชื่นหัวใจด้วยเนี่ยหยวนซูงดงามหยาดฟ้า มีเสน่ห์ในแบบที่เขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีนางใดมาก่อน นางไม่ใช่หญิงสาวอ่อนหวาน ไม่ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเร่าร้อนเฉกเช่นนางโลม แต่คือความเข้มแข็ง ความแกร่ง ทั้งยังฉลาด สามารถโต้ตอบบุรุษได้ด้วยสติปัญญา สตรีเช่นนี้สมควรเป็นยอดหญิงแห่งยุค“ซือหม่าหู่...ท่านมิใช่คนเฉิงโจว ไฉนถึงได้รอบรู้ไปเสียทุกสิ่งอย่างในแผ่นดินนี้ และการพยายามเหลือเกินที่จะเอาอกเอาใจข้า มองอย่างไรก็มีสิ่งที่น่าสงสัย ปิ่นทองที่มีพลอยโลหิต คือน้ำใจที่ท่านมอบให้ ข้าเก็บไว้แล้ว ดังนั้นอย่าพยายามยัดเยียดสิ่งอื่นอีกเลย”“ฮูหยินจิ่ง...”กล่าวกันตามตรง คำที่เขาเรียกนางบั่นทอนจิตใจมิน้อย เนี่ยหยวนซูในโลกนี้ยังเยาว์วัย แต่หู่ฮาวเทียนแสร้งเล่นละครให้นางเป็นสตรีของจิ่งหลัวคุน พร้อมหาทางป้ายความผิดให้นางเป็นหญิงที่สวมหมวกเขียวให้สามี เรื่องนี้ไฉนนางจะไม่ล่วงรู้ เขามีแผนการร้ายและเป็นบุรุษที่ประเมินแล้วคบเพื่อผลประโยชน์ได้ ทว่าอย่าได้คิดผิดใจกับเ
ฝานเหอเข้าใจคำพูดของเนี่ยหยวนซู และนางไม่อยากรื้อฟื้นหลายสิ่งก่อนหน้านี้ ด้วยจำภาพในคืนที่คุณหนูของตนเพ้อหนักได้อาการดังกล่าวนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก ดวงตาหญิงสาวเหลือกค้าง สองมือหงิกงอ ก่อนที่ร่างจะสั่นเทารุนแรงราวกับถูกความชั่วร้ายเข้าสิงสู่ หากพอรุ่งเช้าวันใหม่อาการไข้ของเนี่ยหยวนซูลดลง และคำแรกที่นางถามก็คือ“ฝานเหอ เสี่ยวฉุน พะ...พวกเจ้าตามเก็บกระดูกของข้าครบทุกชิ้นส่วนหรือไม่!”ยามนั้นหนึ่งแม่นมและหนึ่งสาวใช้รุ่นเล็กต่างอกสั่นขวัญแขวน มีเรื่องน่ากลัวอันใดถึงเพียงนั้น“กะ...กระดูกอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”เนี่ยหยวนซูทำเสียงหึ ๆ ๆ ในลำคอ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม สีหน้าสีตาก็แตกต่างจากที่เคยเห็น ทั้งที่นางคือเด็กสาวอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดปีด้วยซ้ำ“พวกมันเลาะกระดูกข้าออกจากเนื้อหนัง ส่วนวิญญาณถูก...คนผู้นั้นสะกดไว้ เพื่อชาตินี้และชาติหน้า ข้าจะไม่อาจหนีไปจากเขา!” น้ำเสียงเนี่ยหยวนซู เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ดวงตากลมโตซึ่งเคยงดงามแดงก่ำ นั่นคือครั้งแรกที่ฝานเหอได้สัมผัสน้ำเสียงและพลังลึกลับบางอย่างจากเนี่ยหยวนซู ราวกับวิญญาณคุณหนูที่นางเคยรู้จักและเลี้ยงดูมาสิบกว่าปีหลุดลอยออกไปจากร่างกายอร
“แม่นมฝาน ที่แม่ทัพจิ่งกล่าววันนั้น หมายความเช่นไร ข้ายังสงสัยจนนอนไม่หลับ”“เจ้าหมายถึงขี้ผึ้งเย็นตลับนั้น ตัวปัญหาที่ทำให้มัจจุราชเดินดินโมโหจนแทบกระอักเลือด?!”“ใช่ เขามองมาที่ข้า แล้วถามย้ำจนตอนนี้ยังขนลุกมิหาย สายตาเขาเอาแต่จ้องตลับยาที่คุณหนูได้รับจากคุณชายโจว จะว่าไปดูเหมือนของล้ำค่าที่หายาก แล้วเหตุใดฝ่ายนั้นถึงมอบแก่คุณหนู”“ผู้อื่นมีน้ำใจหาใช่เรื่องต้องสงสัย อีกอย่างคุณหนูงดงามจนบุปผายังอายคุณชายโจวคงต้องการให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวเจ้านั้นเป็นหนูนักสำรวจ ทั้งยังถูกเกอสวินไล่กวดตลอด หากจะเคล็ดขัดยอกตามร่างกายบ้างก็ไม่เห็นแปลก การที่แม่ทัพจิ่งมองตลับยาดังกล่าวเพราะเขาช่างสังเกต อีกอย่างบุรุษผู้นี้เผด็จการก็จริง แต่มากกว่านั้นคือชอบหึงหวง และชอบตอแยคุณหนูเก่งเป็นที่หนึ่ง”“เอ...หรือแท้จริงแล้ว แม่ทัพจิ่งล่วงรู้ว่าคนที่ใช้ขี้ผึ้งไอเย็นเป็นคุณหนูมิใช่ข้า และยังมีบุรุษหล่อเหลามอบให้ไว้”เสี่ยวฉุนกล่าวเช่นนั้น เนี่ยหยวนซูก็นึกถึงดวงตาคม ๆ ของจิ่งหลัวคุน และคำถามของเขา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะแยกตัวจากไป ในวันที่นางกับเขานัดพบกันที่อารามเชิงเขา “ดูเหมือนหนูน้อยตัวจิ๋วของอาซูคงพลัดตกหลังค