ซึ่งก่อนหน้านั้นเนี่ยหยวนซูรู้ว่าตนต้องแต่งงานกับจิ่งหลัวคุน ชะตากรรมนี้นางมิอาจเลี่ยง จึงต้องรับมือให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อม ดังนั้นการอยู่ในจวนจิ่ง ก่อนได้รับหนังสือหย่าร้างโดยถูกต้องและเป็นการพร้อมใจทั้งสองฝ่าย นางสมควรอยู่ดีกินดีในเรือนไป๋เหลียนฮวา
นับแต่กลายเป็นวิญญาณแล้วอาศัยร่างไซซีที่งามพร้อม ทั้งยังเป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย หญิงสาวก็ได้วางแผนอย่างรัดกุม จัดอาหารยารักษาโรคใส่หีบต่าง ๆ ไว้พร้อม และส่งช่างฝีมือเข้ามาตรวจสอบเรือนหอ และขอให้บิดาออกหน้าคุยกับจิ่งหลัวคุนเพื่อขยายพื้นที่ด้านหลังให้เป็นโรงเก็บวัตถุต่าง ๆ กับโรงครัว มีห้องน้ำแบบใหม่ที่นางออกแบบเองด้วย ถึงสร้างความไม่พอใจให้คนในจวนจิ่ง แต่เจ้าบ้านเนี่ยผู้มีคนหนุนหลังมากมาย เมื่อเขาอยากให้ลูกสาวคนเดียวมีความสุข ดังนั้นแม้แต่ไท่ฮูหยินก็ไม่กล้ายื่นปากเข้ามาแส่
“ซูเอ๋อร์...หากต้องการสิ่งใด แค่ให้บ่าวไปส่งข่าวถึงร้านค้าพันธมิตรของเรา ไม่เกินช่วงเวลาครึ่งก้านธูปดับ พ่อบ้านก็จะนำทุกอย่างมากองตรงเท้าเจ้าแล้ว”
เนี่ยหยวนซูยิ้มกว้าง นางโชคดีเหลือเกิน การได้อยู่ในร่างนี้มีบิดาที่รักและเอาอกเอาใจ ทว่าฟ้าไม่ได้ลิขิตให้เนี่ยข่ายอายุยืนยาว เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้คือเมื่อหญิงสาวแต่งเข้าจวนจิ่ง เขาเริ่มทุกข์ใจด้วยถูกผู้มีอำนาจในวังหลวงร่วมมือกับขั้วอำนาจเก่า บีบบังคับให้เหล่าคหบดีช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ในการผลิตอาวุธสงครามเพื่อก่อกบฏ แม้เขาไม่อยากทำตาม แต่การเป็นพ่อค้าในยุคสมัยดังกล่าวถึงร่ำรวยอย่างไรแต่ต้องพึ่งผู้มีอำนาจ ฝ่ายจิ่งหลัวคุนแม้เป็นลูกเขย ทว่าพอแต่งกับเนี่ยหยวนซู เขากลับไปประจำอยู่เมืองหน้าด่าน ฝ่ายภรรยาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากจวน หลายครั้งเนี่ยข่ายพยายามส่งคนมาเยี่ยม แต่ถูกปฏิเสธ กระนั้นเขาไม่ได้ลดละความตั้งใจจะพบเนี่ยหยวนซู หากสุดท้ายเป็นนางที่อยากตัดขาดจากสกุลเดิม ด้วยยามนั้นถูกวางยาจนแทบเสียสติ ก่อนจะคลุ้มคลั่งในเวลาต่อมา
เมื่อเนี่ยข่ายรู้ข่าวอีกทีลูกสาวเขาก็ถูกจับตัวไปสอบสวน สุดท้ายได้รับโทษอันโหดเหี้ยม แม้แต่ศพก็ไม่ได้รับการฝัง วิญญาณถูกจิ่งหลัวคุนสะกดเอาไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด สุดท้ายสองสกุลกลายเป็นอริกัน และเนี่ยข่ายตัดสินใจเข้าร่วมกับขั้วอำนาจเดิมอย่างสุดกำลัง ก่อนถูกคนของทางการสังหารยกครัวในเวลาต่อมา แล้วโยนความผิดให้สกุลจิ่ง!
“ท่านพ่อ ลูกแค่อยากดูแลตัวเองให้ได้ อีกอย่าง ของต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ ลูกอยากทำเพื่อเอาใจแม่สามี ฝ่ายนั้นชราแล้ว ทั้งได้ข่าวมาว่าหลายปีที่ผ่านมานางลำบาก กินสิ่งใดไม่ถูกปาก ร่างกายจึงทรุดโทรม หากได้ต้มน้ำแกงเก้าชั้นฟ้าของลูกให้นางดื่มทุกเช้าบำรุงร่างกายคงดีขึ้น พร้อมของว่างแปดเทพอำนวยพร ที่ข้าคิดค้นขึ้นมาใหม่ สิ่งนี้คงช่วยให้นางเจริญอาหารและถือเป็นการแสดงความกตัญญูยิ่งต่อแม่สามี
แล้วท่านพ่อก็ทราบว่าลูกพอมีฝีมือทำอาหารอยู่บ้าง การได้เข้าครัว ปรุงด้วยของดีที่มาจากร้านค้าสกุลเนี่ย ย่อมมัดใจท่านแม่ทัพได้มิยาก”
เนี่ยข่ายเห็นด้วย สินค้าบริโภคของสกุลเนี่ยทั้งผลิตเองและรับมาขายจากทั่วสารทิศล้วนมีคุณภาพ อีกทั้งหลายสิ่งเป็นของบำรุงร่างกายซึ่งหายากยิ่ง แม้แต่เหล่าองค์ชายองค์หญิงหากต้องการยังต้องลงทะเบียนเอาไว้ กว่าจะได้ก็ใช้เวลานาน บางทีรอกันข้ามปีเลยทีเดียว
“เจ้าเป็นเด็กดี ต่อไปเมื่อมีหลานให้พ่ออุ้ม ซูเอ๋อร์คงไม่ซุกซนเช่นเดิม”
ด้วยมารดาของเนี่ยหยวนซูจากไปนาน และเป็นสตรีเดียวที่เนี่ยข่ายรักอย่างจริงใจ จึงไม่แปลกที่เขาจะดูแลลูกสาวคนนี้อย่างดีที่สุด หากเมื่อทราบว่าไทเฮาประสงค์ให้สองสกุลเป็นทองแผ่นเดียวกัน เขาไม่ใคร่จะยินดี แต่ไม่อาจขัดต่อประสงค์ต่อสมรสพระราชทาน ด้วยพ่อค้าอย่างไรก็ต้องเป็นฝ่ายสนับสนุนผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะสกุลจิ่งที่รับใช้บ้านเมืองมานาน กระนั้นสกุลจิ่งยามนี้กลับมีเพียงอำนาจทหารและกำลังพลในมือ แต่ท้องนั้นร้องหิวอยู่ตลอด ทั้งหมดเป็นเพราะสกุลจิ่ง โดยการนำทัพของจิ่งเทา บิดาจิ่งหลัวคุนเคยพ่ายแพ้ศึกครั้งใหญ่ ทรัพย์สมบัติที่สะสมมาหลายชั่วอายุคนจึงถูกนำไปชดใช้แก่แผ่นดินแทนการถูกเนรเทศให้ไปเฝ้าสุสานหลวง!
“ท่านพ่อ แม้ยังไม่ออกเรือนข้าก็พอที่จะดูแลตัวเองได้ แล้วอย่าลืมว่า หากท่านไม่มีเพื่อนคุยเล่น หรือคนสรรหาของอร่อยให้กินก็บอกพ่อบ้านไปตามตัวลูกโดยด่วน”
เนี่ยข่ายวางมือบนศีรษะลูกสาวคนเดียวของตน ขยี้เส้นผมดำดกหนา และเอ่ยว่า
“ต่อไปเรือนหลังนี้คงไม่มีสิ่งใดสวยงามเท่าเจ้าอีก พวกพี่ ๆ ของเจ้า วัน ๆ เอาแต่หาเรื่องทะเลาะกัน ตาแก่คนนี้บางทีคิดอยากหนีขึ้นเขาไปบวชเสีย”
“โอ้มิได้ ท่านพ่อต้องเป็นหลักยึดให้พวกพี่ ๆ และข้าในฐานะลูกสาวคนสวย วันข้างหน้าออกเรือนไปก็ยังมีสายเลือดสกุลเนี่ย มิแน่ ข้าอาจได้ส่งเสริมให้กิจการท่านพ่อรุ่งเรืองไปทั่วทั้งใต้หล้า”
“ซูเอ๋อร์ คำโบราณกล่าวไว้ พ่อค้าอย่างไรก็เป็นอาชีพต่ำต้อย แม้มีเงินทองแต่ไม่อาจเทียบได้กับขุนนางปลายแถว”
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้าช้า ๆ นางไม่เห็นด้วย
“เมื่อก่อน ผู้คนอาจคิดเช่นนั้น แต่อีกไม่นานท่านพ่อโปรดเชื่อข้า ใครมีเงินในมือมากที่สุดย่อมคือผู้มีอำนาจ และจะได้นั่งบัลลังก์ตั่งทอง”
เนี่ยข่ายมองลูกสาวตน จริงอยู่นางอายุน้อย แต่ไม่รู้เหตุใดหลายวันที่ผ่านมาเขามองเห็นความกล้าแกร่งกับแววตาที่ฉายแสงแห่งพลังที่อยากเอาชนะทุกสิ่ง
“เฮ้อ เพราะความไม่เอาไหนของพวกพี่ชายเจ้า บางทีสกุลเนี่ย...อาจต้องฝากฝังลูกสาวคนเดียวของพ่อดูแลก็เป็นได้”
ชายวัยกลางคนกล่าวเช่นนั้น และเนี่ยหยวนซูไม่ได้เอ่ยคำใดอีก
และก่อนขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวมาจวนจิ่ง เนี่ยหยวนซูได้เตรียมของแห้ง ทั้งเนื้อสัตว์ตากแห้งหลากหลายชนิด ผักดอง ผักอบแห้ง ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า และเครื่องปรุงต่าง ๆ รวมถึงแป้งทำอาหาร สุราหมักชั้นดี ไว้เป็นจำนวนสามคันรถม้า ซึ่งช่วงที่ขนเข้าจวนจิ่งนั้นเอิกเกริกยิ่ง คราแรกคนตกใจ แต่นางใช้สิทธิ์การเป็นฮูหยินใหญ่บอกคนของซ่งหยูชุนว่า นี่คือสินสมรสในส่วนของนาง ฝ่ายนั้นแม้ไม่เห็นชอบ แต่ไม่กล้ากล่าวสิ่งใด ด้วยอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ฝ่ายเจ้าสาวในยุคนั้นกระทำได้
ในขณะที่ฝานเหอกำลังเตรียมก้าวจากไป เนี่ยหยวนซูคิดบางสิ่งขึ้นได้ เมื่อแม่ผัวกำลังถือศีล กินอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ อีกทั้งเรือนเล็กเรือนน้อยในจวนจิ่งทำของกินเอง อาหารคงนับว่าอัตคัดอยู่บ้าง ดังนั้นนางจะเปลี่ยนจากการที่คนพวกนี้อยากจัดงานรับน้องใหม่ในจวนจิ่ง เป็นงานเลี้ยงส่งท้ายพวกรุ่นพี่สักหน่อย แล้วจัดให้หนักในแบบฉบับที่ทุกชีวิตต้องยกมือขึ้นเพื่อร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว
“แม่นมฝานหยุดก่อน ข้ามีเรื่องที่ให้เจ้าต้องทำอย่างเร่งด่วน!”
“เจ้าค่ะ คุณหนูสั่งมาได้เลย”
“พวกบ่าวที่ถูกส่งมาสลบไปกี่คน และเหลือใช้งานได้บ้างหรือไม่ ไปเรียกพวกเขามา และข้าจะคัดเฉพาะพวกที่หัวไวไว้ใช้งาน ส่วนพวกที่ดูแล้วอาจเป็นสายลับของเรือนหลังอื่น หรือเซ่อซ่าเกินเหตุ จงส่งกลับเรือนเดิม ถ้าไม่ยอมไปดี ๆ ก็เรียกพ่อบ้านจวนจิ่งมา ข้าจะขายพวกมันออกไป เท่านี้คงหมดปัญหา!”
ฝานเหอตกใจต่อคำพูดเนี่ยหยวนซู แต่เรื่องนี้นับว่าดี เรือนหลังนี้ไม่ควรมีหมาแมว ที่คอยคาบข่าวไปรายงานให้ไท่ฮูหยิน หรืออนุของจิ่งหลัวคุน
เรือนไผ่หยกเชามี่ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น นางจิ้งจอกเนี่ยหยวนซูจากเรือนไป๋เหลียนฮวากล้าส่งสาวใช้และบ่าวที่ถูกคัดตัวไปโดยเป็นคำสั่งไท่ฮูหยินกลับเรือนเดิมที่เคยอยู่ยามนี้นางแต่งออกจากสกุลเนี่ยแล้ว ดังนั้นกฎของจวนจิ่งคือสิ่งที่นางต้องทำตาม“โง่ เหตุใดถึงไม่ยืนยันที่จะอยู่เป็นหูเป็นตาให้ข้า” เชามี่ตวาดใส่สาวใช้ของตนที่หวังให้เป็นสายลับสืบสิ่งต่าง ๆ“นายหญิงเชา สตรีผู้นั้นเป็นพวกนางกลางตลาด ปากร้าย เสียงดัง และกักขฬะเหลือเกิน นางบอกว่าหากใครที่อยู่เรือนไป๋เหลียนฮวา นางจะให้อดข้าวเป็นเวลาเจ็ดวัน และทำงานขนมูลกับคอยนำน้ำถ่ายเบาของนางไปรดแปลงผัก แต่หากใครยอมกลับเรือนของตนจะได้กินของดี และยังได้ส่วนแบ่งเป็นเนื้อหมู เนื้อกวางตากแห้งติดมือกลับมาด้วย”สาวใช้นามว่า อ้ายเหมย มองอนุคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางมาจากสกุลขุนนางเก่า บิดาเป็นถึงอดีตรองเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ การมาอยู่ที่นี่ใครก็มองออกว่าหวังใช้เส้นสายของแม่ทัพหนุ่มเป็นใบเบิกทางให้สกุลเชากลับมามีหน้ามีตา และช่วยเหลือในงานราชการให้ไม่ต้องมีสิ่งใดติดขัดเชามี่ถลึงตาใส่สาวใช้ก่อนโยนพัดในมือใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความฉุนเฉียว“เจ้าเห็นแก่ของกินเช่นนั้
พอนางเห็นว่าซ่งหยูชุนมองกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวจึงเอ่ยว่า“ท่านแม่ ลูกสะใภ้เพียงแต่อยากปรนนิบัติท่าน เช้าวันแรกหลังจากเข้าหอกับท่านแม่ทัพร่างกายข้าไม่อำนวยให้เดินเหิน แล้วสองสามวันต่อมา บ่าวและสาวใช้ที่ท่านช่วยจัดแจงส่งไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ของข้า มีจำนวนมากเหลือเกิน กว่าจะคัดเลือกคนที่เหมาะสม แล้วที่เหลือก็ส่งคืนให้พ่อบ้าน ต้องใช้เวลาจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ดูเอาเถิด ลูกสะใภ้ก็เหมือนนกหลงทางที่มาอาศัยจวนจิ่งอันยิ่งใหญ่ หลบฝนหลบแดด แต่กว่าจะมีโอกาสทำดีเพื่อท่านแม่ เวลาล่วงผ่านมาจนยามสายวันนี้”คำพูดเนี่ยหยวนซูทำให้ทั้งแม่และลูกชายอึ้ง ฝ่ายจิ่งป๋อมองหญิงสาวคนนี้ อายุนางไล่เลี่ยเขาแต่ฝีปากไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการแสดงงิ้วชั้นเยี่ยมได้เลย“พี่สะใภ้ ท่านช่างเจรจายิ่ง พี่ใหญ่ข้าคงไม่เหงา!”จิ่งป๋อผู้อยู่ฝ่ายมารดา เขาเป็นผู้ชายหน้าเปื้อนยิ้มเสมอและหน้าตาดี ซึ่งกระเดียดไปทางงามแบบบุรุษล่มเมือง ผิดแต่ไม่ชอบงานด้านบู๊ ส่วนด้านบุ๋นก็ไร้ทักษะ แต่หากให้ร้องรำทำเพลงหรือวาดภาพ เขานับว่าเลื่องชื่อทีเดียว“โอ้ คุณชายสาม ตัวข้าอย่างที่บอก ต้องพึ่งทุกคนในจวนจิ่งอีกนาน แค่ปรุงน้ำแกงเช่นนี้นับว่าเล
ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอกเมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไรสตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขาแม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหงผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลาสตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้าง
“อยู่ในบ้าน ไม่มีแม่ทัพ ข้าก็แค่บุรุษผู้หนึ่งที่ร่วมเตียงกับเจ้า คือสามี เป็นผู้ชายที่เจ้าสมควรเคารพ!” คำพูดเขาเผ็ดร้อนเหลือเกิน และเนี่ยหยวนซูหน้าแดงทั้งตัวสั่น หนึ่งคือนางโกรธ สองนางเจ็บทั้งข้อมือและปวดหนึบตรงหัวใจ“ใช่ ข้ากับท่านร่วมเตียงกันแล้ว คือสามีภรรยาที่ตบแต่งตามสมรสพระราชทาน”“ฮึ อย่าเล่นลิ้น บอกมา เหตุใด ถึงวางยาแม่เล็กกับเจ้าสาม”“ท่านแม่ทัพ...มีหลักฐาน หรือพยานอันใดงั้นรึ ถึงเสียงแข็งปรักปรำข้า ราวกับจะเอาผิดให้ได้”“ฮึ ข้าไม่ได้ตาบอด ยามนี้พวกเขาล้วนเหมือนคนต้องพิษ มิต่างจากข้าในคืนเข้าหอ”“เอ ท่านแม่ทัพยอมรับแล้วสินะว่าถูกวางยา ไม่ใช่แค่อาการเมาเหล้า”เนี่ยหยวนซูรุกเขากลับ“อย่าเฉไฉโยงเรื่องอื่น จงรีบเอายาถอนพิษออกมาแก้ไขเรื่องนี้เสีย”“โอ้ ท่านชอบล้อข้าเล่นจริงเชียว เมื่อไม่มียาพิษไฉนจะมียาถอนพิษเล่า”ฝ่ายเชามี่ที่ได้รับการพยุงตัวขึ้นโดยอ้ายเหมย นางก้าวกะเผลก ๆ มายืนข้างจิ่งหลัวคุน คราวแรกอยากออเซาะเรียกร้องความสนใจ แต่คนตัวโตรักษาท่าที พร้อมส่งสายตาให้เกอสวิน กันนางห่างจากเขา“ขอให้ผู้น้อยอนุภรรยาอยู่ตรงนี้ด้วยเถิดท่านแม่ทัพ เพราะข้าจะเป็นผู้กระชากหน้ากากนางจิ้งจอกเก
จิ่งหลัวคุนแบกเนี่ยหยวนซูขึ้นสะพานหินโค้ง ยามนั้นสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ฟ้าที่ดูเหมือนไร้เมฆหนาทึบพลันมีก้อนสีดำทะมึนปรากฏให้เห็น สายลมพัดแรงหอบกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้ากระทบร่างเนี่ยหยวนซู“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ข้าเดินเองได้”“แต่ข้าพาเจ้าเดินย่อมดีกว่า!”คนตัวโตบอกและยังทำเสียงขรึม ติดจะโหดและดุดันเช่นเดิม“ไฉนข้าต้องเชื่อฟังท่าน เมื่อมิใช่ทหารหรือลูกน้อง แม้แต่เป็นสตรีที่มีป้ายแขวนคอในค่ายทหาร”น้ำเสียงนางดังสูง ๆ ต่ำ ๆ คำพูดก็เสียดแทงหัวใจเขา“หาญกล้าแต่งเข้าจวนจิ่ง ย่อมเป็นคนของสกุลจิ่ง ดังนั้นสมควรได้รับการอบรมจากหลัวคุน”“คนเผด็จการ!”ชายหนุ่มหยุดสืบเท้าไปเบื้องหน้า เสียงเขาดังกังวาน ชวนให้นางขนลุกโดยแท้ “สามเชื่อฟัง สี่จรรยา...เรื่องนี้ เจ้าเคยล่วงรู้หรือไม่ หากไม่เคยร่ำเรียน ข้าย่อมต้องสอนให้จดจำ ต่อไปจะได้ไม่แสดงความโง่เขลาจนข้าต้องขายหน้าผู้อื่น!”“เมื่อก่อน ข้าไม่คิดว่าต้องเป็นภรรยาของใคร การแต่งเข้าจวนจิ่ง เพราะเป็นประสงค์ของไทเฮากับฮ่องเต้ ที่อยากช่วยกู้หน้าตาและชื่อเสียงของท่านแม่ทัพที่นับวันดิ่งลงเหวนรกให้พอจะยืนหยัดในสังคมได้!” เมื่อนางเอ่ยจบ หญิงสาวก็ใจหาย ด้วยถูกจับให้ยื
“หยวนซู เป็นเจ้าที่เริ่มก่อน เมื่อข้าอดทนไม่ไหว จึงเกิดเรื่องเช่นนี้”ยามนั้นเนี่ยหยวนซูที่อยู่ในสระน้ำกราดเกรี้ยวหนัก และนางกำลังหาทางขึ้นมาด้านบน แล้วหลบหนีเขาไปเสียแต่บังเอิญว่า นางเหยียบก้อนหินในน้ำแล้วลื่น จนเป็นเหตุให้ร่างเสียหลัก ก่อนจมหายลงไปในผิวน้ำ และยามนี้ห่าสายฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว หญิงสาวหวาดกลัวจับจิต ไม่อยากตายซ้ำสองหลายสิ่งพุ่งเข้ามาในหัวคือเรื่องต่าง ๆ ที่เคยทำให้โลกเก่าก่อน แน่นอนว่า เนี่ยหยวนซูย่อมไม่ใช่หญิงสาวแสนดี นางเป็นคนสีเทา ๆ ซึ่งเลี้ยงดูตัวเองด้วยลำแข้งคู่งามนี้ หากสุดท้ายชีวิตพลิกหลายตลบกระทั่งวิญญาณหลุดออกจากร่างและมาอยู่ในโลกที่มีระยะเวลาห่างกันนับพันปีสองมือเรียวมือไขว่คว้าไปข้างหน้าสะเปะสะปะ พร้อมกันนั้นภาพดำมืดก็ทาบทับทุกอย่างจนมองไม่เห็นสิ่งใด!ร่างกายหนาวสะท้าน และการหายใจยากเหลือเกินที่จะสูดอากาศเข้าปอด ชีวิตนางจบสิ้นลงแล้วหรือ มิทันได้พบความสุข ยังไม่ได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นฮูหยินม่ายที่หยัดยืนอย่างกล้าแกร่ง โดยไม่ต้องอาศัยบารมีสามี นางก็ต้องจากไปอย่างน่าเศร้าฝ่ายจิ่งหลัวคุนสบถออกมาชุดใหญ่ เขาเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เรื่องนี้ไม่ต้องสืบความใด ๆ ทั้งเป็
เนี่ยหยวนซูยิ้มหยัน โลกที่จากมานางมักมีนิสัยหน้ามืดตามัวเห็นคนหล่อแล้วมั่นใจว่าพวกเขาคงเป็นบุรุษแสนดี คือพระเอกในนิยายรัก ซึ่งมีฉากจบสมหวัง หากความจริงกลับต้องช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางไม่เคยถูกทำร้ายร่างกาย อาจมีแผลในจิตใจอยู่บ้าง ซึ่งรักษาไม่นานก็ลุกขึ้นได้ด้วยสองขาของตนทว่าเมื่ออยู่ในโลกคล้ายจีนโบราณ กลับกลายเป็นว่าถูกผู้ชายที่มีอำนาจในมือ เป็นคนสมองกลวง ทำทุกอย่างเพื่อสนองอารมณ์ร้าย ๆ ของตน นางไม่แปลกใจหรอกที่ซ่งหยูชุนและจิ่งป๋อจะมองจิ่งหลัวคุนเป็นปีศาจหรือมัจจุราช เนื่องจากเขาเป็นเช่นนี้ อำมหิตและยังมักใช้กำลังเหนือเหตุผลใด ๆ จนทั้งจวนจิ่งปั่นปวน อยู่อย่างไม่สงบสุขเมื่อเขากลับมาจากการออกศึกสงครามยามนี้นางหายจากการเพ้อ แม้ในปากจะมีกลิ่นคาวจัด นางไม่ได้สนใจ สิ่งที่อยากสะสางกับบุรุษตรงหน้าสำคัญยิ่งกว่า ร่างนางสั่นอยู่สักหน่อย ขอบตาผะผ่าวร้อน น้ำตาเอ่อคลอหน่วย ถ้าจะบอกว่านางกลัวเขา ฝันไปเสียเถอะ นางโกรธตัวเองต่างหาก ที่ยามนี้ไม่มีมีดสักเล่ม ไม่อย่างนั้นคงได้แทงที่หน้าอกข้างซ้ายเขาแล้วกดให้มันทะลุถึงหัวใจ“อาซู...ได้ยินคำถามของข้าหรือไม่...เกลียดข้าถึงเพียงนั้นหรือ...และต้องทำอย
จิ่งป๋อร้อนใจหนัก นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาเครียดจนลืมว่าตนต้องปั้นสีหน้าเปื้อนยิ้มให้ดูดีอยู่เสมอ ยามนี้เขาเหงื่อแตกเต็มใบหน้าหล่อเหลา และไม่อาจหยุดเดินได้ แถมยังเดินเป็นวงกลมจนบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ต่างตาลาย บางคนต้องคว้ายาดมยาหอมมาประทังอาการวิงเวียนศีรษะ“โอ้ คุณชายสาม...ท่านกำลังทำให้บ่าวร้อนใจเหลือเกินแล้ว หยุดเดินได้หรือไม่ขอรับ” เกอสวินท้วง วันนี้เขาไม่ได้ติดตามจิ่งหลัวคุน เนื่องจากถูกสั่งให้สืบความต่าง ๆ ที่จวนจิ่ง ที่สำคัญ หลังจากถูกหนูสกปรกกลั่นแกล้ง เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าสู้หน้าคนภายนอกสักเท่าใด เขาอับอายหรือ? คงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่กลางดึกจนถึงรุ่งสาง มีคนเห็นเรือนร่างเขาไปมิน้อย มิหนำซ้ำยังมีรูปวาดเขาติดที่ป้ายประกาศจับล้อเลียนด้วย เรื่องนี้จะเป็นฝีมือใครได้หากไม่ใช่เสี่ยวฉุน!“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร เจ้าบ้านเนี่ยมาพร้อมคนนับร้อยชีวิต และยังอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อพาพี่สะใภ้กลับให้ได้” จิ่งป๋อว่าแล้วก็อยากจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผากฝ่ายเกอสวินเข้าใจดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่มีคนใดจะทักท้วงเนี่ยข่ายได้ แม้จะเป็นจิ่งหลัวคุน เขาก็อาจต้องยอมถอยสักสองสามก้าวเพื่อดูท่าทีคนสกุลเนี่
7 เดือนต่อมา หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เนี่ยหยวนซูที่ยามนี้ท้องโตใกล้คลอด มีความสุขในการกินกว่าใคร ส่วนจิ่งหลัวคุนแม้จะเลิกแพ้อาหารแทนนางและไม่ค่อยเป็นลมหรือมีอาการหน้ามืด แต่เขากลับเป็นห่วงภรรยาชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมห่างไปไหน ด้วยได้ยินเรื่องสตรีเสียชีวิตระหว่างคลอดบุตร รวมถึงอันตรายหลังการคลอด อีกทั้งสิ่งที่อาจเกิดกับชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ทั้งหมดเป็นเพราะเขาฟังผู้อื่นมากเกินไป ทั้งยังอ่านตำราต่างๆ เยอะ เรื่องนี้เนี่ยหยวนซูเข้าใจว่าเป็นเพราะเขารักและห่วงนาง “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่อยากเดินเล่นสักหน่อย...” เนี่ยหยวนซูบอกเขา เช้านี้นางกินทั้งของคาวของหวานแล้วยังมีผลไม้อีก “แต่หมอบอกให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ช่วงนี้ใกล้กำหนดที่ลูกจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว” “ท่านพูดถูก แต่ให้นั่งๆ นอนๆ ไม่ขยับตัว มันทำให้ข้าอึดอัด บางทีก็เครียด ซึ่งอาจส่งผลถึงเด็กน้อยของเรา” นางว่าจบจึงมองชายหนุ่ม อ้อนวอนเขาด้วยสายตา “ได้ แต่แค่เดินที่สวนด้านหน้าเท่านั้น เราจะไม่ไปมากกว่านี้” เนี่ยหยวนซูไม่อยากขัดใจสามี แค่เขาให้นางออกจากเร
จิ่งหลัวคุนไม่อาจยืนนิ่งเฉย อาการเขาคล้ายคนจะหน้ามืดตามด้วยการวูบหมดสติ ยามนั้นแม้จิ่งป๋อฉุดแขนพี่ชายไว้ แต่กลายเป็นว่าเขาถูกเตะเสียนี่ แถมไม่ใช่เตะธรรมดา หากส่งผลให้จิ่งป๋อร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร ด้วยใครกันจะทนแรงของอดีตแม่ทัพหนุ่มไหว โดยเฉพาะอีกฝ่ายคือนักแสดงในโรงละคร วันๆ ร้องเพลง เล่นดนตรี สรรหาเรื่องรื่นเริงเท่านั้น ยามนี้จิ่งป๋อไม่ใช่หนุ่มน้อย ปีนี้อายุเขาสมควรออกเรือน ทว่าอย่างที่พี่ชายห่วงคือจนป่านนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจิ่งป๋อสนใจสตรีหรือบุรุษกันแน่ และที่จิ่งหลัวคุนแสดงท่าทีขึงขังก่อนทำร้ายน้องชาย เป็นเพราะเขา อ้างว่าตนสุขภาพดี ทว่าสภาพอย่างที่เห็น เขาดูแย่หนัก หน้าซีดท่าทางอิดโรย ฝ่ายจื่อเยว่มองคนเป็นพ่อสลับอาหนุ่มหล่อ ก่อนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และถามว่า “เมื่อเช้าท่านพ่อ แพ้อาหารใดหรือไม่เจ้าคะ” นางถามอย่างซื่อๆ นั่นแหละ ดวงตากลมโตมองจิ่งหลัวคุนอย่างต้องการคำตอบ “เหตุใดถึงถามพ่อเช่นนี้ เรื่องพรรคนั้นย่อมไม่เกิดขึ้น” “เอ แต่ลูกได้ยินเสียงคล้ายคนอาเจียน โอ้กอ้ากหลายหนเชียว” และสายตาลูกสาวกับน้องชายหันไปทางจิ่งห
ผิดแต่เรื่องทายาทอีกฝ่ายที่เสี่ยวฉุนไม่ได้รายงานไป เนื่องจากตกลงกับเกอสวินไว้ว่าอยากให้เนี่ยหยวนซูกับจิ่งหลัวคุนได้ปรับความเข้าใจกันเสียก่อน และช่วงสองสามปีให้หลังนางติดต่อเกอสวินไม่ได้เช่นกัน จวบจนได้พบหน้าอีกครั้ง เสี่ยวฉุนก็ต้องยอมรับว่าเกอสวินเป็นหนุ่มเต็มตัว และเขาขโมยหัวใจนางไปหมดแล้วช่วงเช้าวันส่งตัวเจ้าสาว ฝานเหอมีสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยของที่เตรียมเอาไว้ในห้องหอหายไป รวมถึงพัดของเจ้าสาวแล้วก็ผ้าคลุมหน้า สิ่งที่สำคัญมาก ด้วยสองสิ่งนี้เกี่ยวพันถึงเจ้าบ่าวด้วย แต่ยังโชคดีที่มีชุดสำรองเอาไว้“ไม่มีเจ้าคะเถ้าแก่เนี้ย” ฝานเหอบอกเนี่ยหยวนซู และนางไม่ได้เซ้าซี้ถามสิ่งใดหายไปอีกบ้าง แต่กวาดตามองหาไปทั่วๆ ห้องก่อนก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นเสียงดนตรี เสียงโห่ร้องดังเป็นระยะและอาหารเครื่องดื่มมีให้กินอิ่มหนำเป็นอย่างมากร่างสูงของจิ่งหลัวคุนเดินมาหาหญิงสาว ใบหน้าเขาแดงด้วยฤทธิ์สุรา“อาซู... เห็นน้องสามหรือไม่”เนี่ยหยวนซูถอนหายใจเล็กน้อย และถามว่า “นี่คงไม่ใช่ว่า ท่านกับคุณชายสามจะวางแผน ร้ายๆ กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหรอกนะ”“โอ้มิได้ ไม่มีการมอมสุรา หรือใส่ยากำหนัดในอาหารทั้งนั้น อาซูก็รู้ บ่า
ตอนพิเศษของหมั้นต่างหน้าจิ่งหลัวคุนไม่ได้รับใช้ทางด้านทหารแคว้นเฉิงโจวมาได้เกือบสามปี และเขาดูมีความสุข หัวเราะบ่อยครั้ง ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มให้เห็นบ่อยๆ แม้ตัวเขาเสียดายหลายสิ่งโดยเฉพาะประสบการณ์ที่สะสมมา แต่ชีวิตย่อมต้องเดินหน้าส่วนภรรยาเขา เนี่ยหยวนซูนั้นอยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนดังดูแลการค้าทั่วทั้งอาณาจักรอันกว้างใหญ่ และปากบอกอยู่เสมอว่าไม่สนใจเขา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดต่อจากนี้ให้จิ่งหลัวคุนเลือกเอง แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคืนตำแหน่งทางการทหารก็แอบเสียดายไม่ได้ ดังนั้นจึงต่อว่าเขาพอให้หายหงุดหงิดใจ ด้วยหากเขายังเป็นแม่ทัพแคว้นเฉิงโจว อย่างไรคงมีความสามารถเจรจาค้าขายกับทางการและแคว้นพันธมิตรได้“ตอนนี้ นอกจากเป็นลาโง่ ท่านยังเป็นฉลามตาบอด ว่ายน้ำไม่รู้ทิศทาง คิดอย่างไร ถึงทิ้งตำแหน่งทรงเกียรติแล้วมาเป็นโจรสลัด!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะ และเอ่ยว่า“เป็นเพราะต้องการแบ่งเบาภาระภรรยา การค้าขายทางน้ำ นับว่าสำคัญ ข้าจึงอยากทำหน้าที่เป็นหน่วยพิเศษคุ้มครองสินค้าทุกอย่างที่เจ้าขายและต้องการซื้อหาให้ปลอดภัยที่สุด”“ฮึ... แล้วคิดว่า เงินที่ท่านหาได้จากการเป็นคนส่งของ มันจะพอให้ข้าถลุงเล่นหรือ”ชายหน
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้า “อย่าเลย...จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่า ข้ากำลังต้องการคำตอบจากพ่อค้าเรือเหล่านี้ หากเขายินยอมขายให้ข้า พวกท่านจะได้ทำการเก็บอากรเพื่อเข้าหลวงอย่างถูกต้อง ในครั้งต่อไปสินค้าทุกอย่างที่มาถึงเมืองเป่ยซาน ไม่ว่าจะค้าขายสิ่งใดต้องจ่ายเงินเข้าหลวง!”น้ำเสียงเนี่ยหยวนซูฟังแล้วก็เด็ดขาด แต่นั่นคือการป้องกันปัญหาในภายภาคหน้า เพื่อไม่ให้ใครคิดเอาเปรียบ หรือนำสินค้าไร้คุณภาพมาหลอกขายในราคาที่สูงเกินกว่าเหตุเมื่อเนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ ร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่มีผมหยักสลวยเส้นเล็กสีปีกอีกา ก้าวลงมาจากเรือลำใหญ่ที่สุดดวงตาคมกริบจ้องมาที่เนี่ยหยวนซู ในวาบแรกที่สายตาคนทั้งคู่ประสานกัน เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องหวั่นไหว“เอ...คนตัวโต ท่านเป็นใครถึงกล้ามองมารดาข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าควักลูกตาท่านหรือ” จื่อเยว่เอ่ย และวางท่าราวกับเป็นผู้พิทักษ์เนี่ยหยวนซู“เยว่เอ๋อร์อย่าได้เสียมารยาทกับผู้อื่น”“มิได้นะท่านแม่...ข้าเป็นลูกย่อมต้องปกป้องท่าน จะให้บุรุษใดมามองเช่นนี้ ถูกต้องที่ไหนกัน”“ฮ่า ๆ ๆ ลูกของอาซูหรอกหรือ...มิน่า ถึงขี้เหร่เช่นเจ้า และยังเป็นแม่นางน้อยด้วย”คนผู้นั้นเอ่ยและหัวเราะชอบใจ“ไร้มา
บทส่งท้ายเนี่ยหยวนซูคาดไว้แล้วว่า เมื่อวันที่นางสามารถยืนด้วยลำแข้งของตน มีกิจการใหญ่โต ขยายสาขาไปมากมาย ย่อมมีวันที่สินค้าขาดแคลน และยามนี้ต้องผลิตถ่านที่ทั้งหอม ไร้ควัน ให้ความร้อนได้นาน ที่ต้องส่งเข้าคลังหลวงเพื่อเป็นของวังหลังโดยเฉพาะ แต่กลับขาดวัตถุดิบซึ่งก็คือไม้ดำหอม นอกจากนั้นยังมีชุดหนังกระดาษที่ใช้ในการรบยุคใหม่ เนื่องจากน้ำหนักเบาป้องกันสนิมได้ดีสำหรับเมืองติดแม่น้ำหรือชายทะเล“วันนี้จะมีเรือการค้าจากชาวต่างชาติ และเมืองทางใต้เข้ามาหลายลำ พวกเขาเป็นชาวเล สกุลเก่าแก่เจ้าค่ะ”เนี่ยหยวนซูได้ยินเรื่องนี้มาพักใหญ่ ทั้งเป็นปัญหาต่อการค้านางมิน้อย การค้าทางเรือยังไม่ได้มีการควบคุมดีพอ อีกทั้งมีสินค้าหลากหลาย ผู้คนให้ความสนใจทุกครั้งที่เดินทางมาถึงสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อชาวเมือง ขุนนางน้อยใหญ่ และเศรษฐีต่างออกมาใช้เงินซื้อหาสิ่งของต่าง ๆ เข้าเรือน พลอยให้ช่วงเวลาดังกล่าวร้านค้าในเครือสกุลเนี่ยได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมานางจึงเปิดโต๊ะเจรจากับทางการ ขอให้สินค้าทุกชนิด ลงทะเบียนก่อนทำการซื้อขาย ในภายภาคหน้าต้องเข้าร่วมสมาคมของเมืองเป่ยซาน ก่อนนำมาวางขายได้ มิเช่นนั้นการค้าในเมืองนี้คงเ
เรียกข้าว่า เถ้าแก่เนี้ยเนี่ยหยวนซูทรุดลงไปกองบนพื้น นางกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ แม้น้ำตาจะไหลออกมาไม่หยุด“แม่นมฝาน เสี่ยวฉุน บอกข้าได้หรือไม่ว่ายามนี้ข้าไม่ได้ฝันไป”หญิงสาวเอ่ยจบก็สลบไปด้วยไม่อาจทนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นห้าปีต่อมา โรคระบาดที่เกิดจากไข้หวัดรุนแรงมาก คร่าชีวิตคนไปหลายหมื่น หนักสุดคือในเมืองหลวง กว่าจะพบยารักษาโรคและวิธีป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ ทั่วทั้งแคว้นเฉิงโจวและแคว้นใกล้เคียงก็ย่ำแย่กันอย่างหนักผิดกับเมืองเป่ยซานที่มีทั้งโรงยา สำนักแพทย์ที่จัดตั้งขึ้น รวมถึงศูนย์สมุนไพร คราแรกไฉนผู้ใดจะเชื่อฟังเนี่ยหยวนซู ให้ดีนางก็เป็นเพียงแม่ค้าปากคอเลาะร้าย หวังกำไรจากผู้อื่น และมีเงินทองเหลือเฟือจากบิดา อีกทั้งปีแรกนางเริ่มขายน้ำเต้าหู้ โจ๊กห้าสหาย ของกินเล่น รวมถึงพวกหนังสือภาพลามก และยาช่วยให้สตรีวัยทองมีชีวิตชีวา รวมถึงเหล้าดองยากับสมุนไพรสำหรับบุรุษทุกวัยทว่าเข้าปีที่สอง นางกลับมีภัตตาคารกลางน้ำ โรงน้ำชาชื่อดังหลายโรง รวมถึงห้องพักชั้นเยี่ยม ถนนสายโลกีย์ที่สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ก็ล้วนเป็นชื่อนางที่ถือครองที่ดินพร้อมเก็บค่าเช่าโรคระบาดดังกล่าวแม้จะเข้ามาสู่เมืองเ
“มีสิ่งใดที่ข้าเคยทำแล้วเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้เยี่ยงนั้นหรือ”“โอ้ เจ้าถามเช่นนี้ ไม่นึกถึงจิตใจข้าสักนิด สามีก็หวงและหึงเจ้าเป็นนะอาซู”เนี่ยหยวนซูพ่นลมหายใจอุ่น ๆ ใส่หน้าเขา และเอ่ยว่า“มันใช่เวลาที่ท่านพี่จะทำตัวเยี่ยงคนใจแคบรึอย่างไร เล่าทั้งหมดให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้”“ฮ่องเต้เมื่อครั้งเยาว์วัย เขามักปลอมเป็นคุณชายออกมาหาความสำราญเสมอ และร้านขายของของเจ้าบ้านเนี่ยคือสวรรค์สำหรับเขา นั่นจึงทำให้เจ้ากับเขาได้พบกันโดยบังเอิญหลายครั้ง แต่ฮ่องเต้ไม่เคยแสดงฐานะที่แท้จริง ด้วยในวัยเยาว์ เขาชอบอำพรางตนด้วยการสวมหน้ากาก”หญิงสาวยักไหล่ นางจำจดสิ่งที่อยู่ในวัยเด็กไม่ได้จริง ๆ“แค่พบกับข้าไม่กี่ครั้ง ฮ่องเต้ก็ทำเรื่องผิดใจไทเฮา จนฝ่ายนั้นจ้องเล่นงานข้า ถึงขั้นอยากเอาชีวิตเลยหรืออย่างไร”“นั่นเป็นเพราะ หากเจ้าได้เป็นฮองเฮาย่อมหมายความว่าไทเฮาก็ไม่อาจควบคุมฝ่าบาทได้ เพราะเขาจะมีทั้งอำนาจในมือ และเงินล้นเหลือ”เนี่ยหยวนซูหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยกับอีกฝ่าย“แต่นางก็เลือกที่จะเก็บแม่งป่องพิษอย่างฟานเลี่ยงเอาไว้ แล้วตอนนี้คนผู้นั้นก็กำลังแว้งกัดไทเฮา”จิ่งหลัวคุนเลิกคิ้วขึ้นสูง อันที่จริงเขายังไม่ได
สุดท้ายเราก็หย่ากันเนี่ยหยวนซูลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ แม้ยังอ่อนเพลียแต่นางอยากทำอาหารเพื่อจิ่งหลัวคุน ฝ่ายเขากำลังฝึกวรุยทธ์อยู่ด้านนอก และนางเดินออกไปดูจึงเห็นว่าเขาสวมเพียงกางเกงผ้าบาง ๆ ด้านล่าง ส่วนบนเปลือยแผงอกกำยำ“เจ้าควรพักผ่อน อย่าเพิ่งรีบตื่นเลย”“มิได้ ภรรยาสมควรดูแลสามี หน้าที่นี้ใครก็ห้ามแย่งข้าทำ” บอกเขาเช่นนั้น สองแก้มก็ผะผ่าวร้อน และมือเรียวไม่รู้จะวางไว้ที่ใด“สักพัก ท่านพี่มาอาบน้ำด้วย ข้าจะให้คนต้มน้ำอุ่นไว้รอ”“วันนี้อากาศดี อาบที่ลำธารด้านล่างก็สดชื่นไม่ต้องให้ผู้อื่นยุ่งยากกับข้าหรอก”“มิได้ ท่านไม่ใช่เด็ก ๆ จะแก้ผ้าเล่นน้ำได้อย่างไรกัน”“เอ...เจ้าหวงสามีตั้งแต่เมื่อใดอาซู”เนี่ยหยวนซูถลึงตาใส่อีกฝ่ายแล้วเอ่ยว่า “หากท่านแก้ผ้าเล่นน้ำที่ลำธารได้ ภรรยาก็จะกระทำเช่นกัน”“ฮ่า ๆ ๆ อย่าทำเช่นนั้นเลยอาซู เกรงว่าฝนจะตกจนน้ำป่าท่วมทั้งเมืองนี้!”หญิงสาวฉุนจัด แต่ไม่อยากเข้าไปตอแยเพราะเกรงว่าหากใกล้ชิดกันอีกอาจเป็นนางที่ต้องการสัมผัสความแข็งแกร่งจากเรือนกายเขา รวมถึงแรงสิเน่หายามเขาโจนจ้วงความหวานล้ำแทรกผ่านเนื้อสาว ฝานเหอกับเสี่ยวฉุนต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สิ่งใดจะสุข