ซึ่งก่อนหน้านั้นเนี่ยหยวนซูรู้ว่าตนต้องแต่งงานกับจิ่งหลัวคุน ชะตากรรมนี้นางมิอาจเลี่ยง จึงต้องรับมือให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อม ดังนั้นการอยู่ในจวนจิ่ง ก่อนได้รับหนังสือหย่าร้างโดยถูกต้องและเป็นการพร้อมใจทั้งสองฝ่าย นางสมควรอยู่ดีกินดีในเรือนไป๋เหลียนฮวา
นับแต่กลายเป็นวิญญาณแล้วอาศัยร่างไซซีที่งามพร้อม ทั้งยังเป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย หญิงสาวก็ได้วางแผนอย่างรัดกุม จัดอาหารยารักษาโรคใส่หีบต่าง ๆ ไว้พร้อม และส่งช่างฝีมือเข้ามาตรวจสอบเรือนหอ และขอให้บิดาออกหน้าคุยกับจิ่งหลัวคุนเพื่อขยายพื้นที่ด้านหลังให้เป็นโรงเก็บวัตถุต่าง ๆ กับโรงครัว มีห้องน้ำแบบใหม่ที่นางออกแบบเองด้วย ถึงสร้างความไม่พอใจให้คนในจวนจิ่ง แต่เจ้าบ้านเนี่ยผู้มีคนหนุนหลังมากมาย เมื่อเขาอยากให้ลูกสาวคนเดียวมีความสุข ดังนั้นแม้แต่ไท่ฮูหยินก็ไม่กล้ายื่นปากเข้ามาแส่
“ซูเอ๋อร์...หากต้องการสิ่งใด แค่ให้บ่าวไปส่งข่าวถึงร้านค้าพันธมิตรของเรา ไม่เกินช่วงเวลาครึ่งก้านธูปดับ พ่อบ้านก็จะนำทุกอย่างมากองตรงเท้าเจ้าแล้ว”
เนี่ยหยวนซูยิ้มกว้าง นางโชคดีเหลือเกิน การได้อยู่ในร่างนี้มีบิดาที่รักและเอาอกเอาใจ ทว่าฟ้าไม่ได้ลิขิตให้เนี่ยข่ายอายุยืนยาว เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้คือเมื่อหญิงสาวแต่งเข้าจวนจิ่ง เขาเริ่มทุกข์ใจด้วยถูกผู้มีอำนาจในวังหลวงร่วมมือกับขั้วอำนาจเก่า บีบบังคับให้เหล่าคหบดีช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ในการผลิตอาวุธสงครามเพื่อก่อกบฏ แม้เขาไม่อยากทำตาม แต่การเป็นพ่อค้าในยุคสมัยดังกล่าวถึงร่ำรวยอย่างไรแต่ต้องพึ่งผู้มีอำนาจ ฝ่ายจิ่งหลัวคุนแม้เป็นลูกเขย ทว่าพอแต่งกับเนี่ยหยวนซู เขากลับไปประจำอยู่เมืองหน้าด่าน ฝ่ายภรรยาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากจวน หลายครั้งเนี่ยข่ายพยายามส่งคนมาเยี่ยม แต่ถูกปฏิเสธ กระนั้นเขาไม่ได้ลดละความตั้งใจจะพบเนี่ยหยวนซู หากสุดท้ายเป็นนางที่อยากตัดขาดจากสกุลเดิม ด้วยยามนั้นถูกวางยาจนแทบเสียสติ ก่อนจะคลุ้มคลั่งในเวลาต่อมา
เมื่อเนี่ยข่ายรู้ข่าวอีกทีลูกสาวเขาก็ถูกจับตัวไปสอบสวน สุดท้ายได้รับโทษอันโหดเหี้ยม แม้แต่ศพก็ไม่ได้รับการฝัง วิญญาณถูกจิ่งหลัวคุนสะกดเอาไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด สุดท้ายสองสกุลกลายเป็นอริกัน และเนี่ยข่ายตัดสินใจเข้าร่วมกับขั้วอำนาจเดิมอย่างสุดกำลัง ก่อนถูกคนของทางการสังหารยกครัวในเวลาต่อมา แล้วโยนความผิดให้สกุลจิ่ง!
“ท่านพ่อ ลูกแค่อยากดูแลตัวเองให้ได้ อีกอย่าง ของต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ ลูกอยากทำเพื่อเอาใจแม่สามี ฝ่ายนั้นชราแล้ว ทั้งได้ข่าวมาว่าหลายปีที่ผ่านมานางลำบาก กินสิ่งใดไม่ถูกปาก ร่างกายจึงทรุดโทรม หากได้ต้มน้ำแกงเก้าชั้นฟ้าของลูกให้นางดื่มทุกเช้าบำรุงร่างกายคงดีขึ้น พร้อมของว่างแปดเทพอำนวยพร ที่ข้าคิดค้นขึ้นมาใหม่ สิ่งนี้คงช่วยให้นางเจริญอาหารและถือเป็นการแสดงความกตัญญูยิ่งต่อแม่สามี
แล้วท่านพ่อก็ทราบว่าลูกพอมีฝีมือทำอาหารอยู่บ้าง การได้เข้าครัว ปรุงด้วยของดีที่มาจากร้านค้าสกุลเนี่ย ย่อมมัดใจท่านแม่ทัพได้มิยาก”
เนี่ยข่ายเห็นด้วย สินค้าบริโภคของสกุลเนี่ยทั้งผลิตเองและรับมาขายจากทั่วสารทิศล้วนมีคุณภาพ อีกทั้งหลายสิ่งเป็นของบำรุงร่างกายซึ่งหายากยิ่ง แม้แต่เหล่าองค์ชายองค์หญิงหากต้องการยังต้องลงทะเบียนเอาไว้ กว่าจะได้ก็ใช้เวลานาน บางทีรอกันข้ามปีเลยทีเดียว
“เจ้าเป็นเด็กดี ต่อไปเมื่อมีหลานให้พ่ออุ้ม ซูเอ๋อร์คงไม่ซุกซนเช่นเดิม”
ด้วยมารดาของเนี่ยหยวนซูจากไปนาน และเป็นสตรีเดียวที่เนี่ยข่ายรักอย่างจริงใจ จึงไม่แปลกที่เขาจะดูแลลูกสาวคนนี้อย่างดีที่สุด หากเมื่อทราบว่าไทเฮาประสงค์ให้สองสกุลเป็นทองแผ่นเดียวกัน เขาไม่ใคร่จะยินดี แต่ไม่อาจขัดต่อประสงค์ต่อสมรสพระราชทาน ด้วยพ่อค้าอย่างไรก็ต้องเป็นฝ่ายสนับสนุนผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะสกุลจิ่งที่รับใช้บ้านเมืองมานาน กระนั้นสกุลจิ่งยามนี้กลับมีเพียงอำนาจทหารและกำลังพลในมือ แต่ท้องนั้นร้องหิวอยู่ตลอด ทั้งหมดเป็นเพราะสกุลจิ่ง โดยการนำทัพของจิ่งเทา บิดาจิ่งหลัวคุนเคยพ่ายแพ้ศึกครั้งใหญ่ ทรัพย์สมบัติที่สะสมมาหลายชั่วอายุคนจึงถูกนำไปชดใช้แก่แผ่นดินแทนการถูกเนรเทศให้ไปเฝ้าสุสานหลวง!
“ท่านพ่อ แม้ยังไม่ออกเรือนข้าก็พอที่จะดูแลตัวเองได้ แล้วอย่าลืมว่า หากท่านไม่มีเพื่อนคุยเล่น หรือคนสรรหาของอร่อยให้กินก็บอกพ่อบ้านไปตามตัวลูกโดยด่วน”
เนี่ยข่ายวางมือบนศีรษะลูกสาวคนเดียวของตน ขยี้เส้นผมดำดกหนา และเอ่ยว่า
“ต่อไปเรือนหลังนี้คงไม่มีสิ่งใดสวยงามเท่าเจ้าอีก พวกพี่ ๆ ของเจ้า วัน ๆ เอาแต่หาเรื่องทะเลาะกัน ตาแก่คนนี้บางทีคิดอยากหนีขึ้นเขาไปบวชเสีย”
“โอ้มิได้ ท่านพ่อต้องเป็นหลักยึดให้พวกพี่ ๆ และข้าในฐานะลูกสาวคนสวย วันข้างหน้าออกเรือนไปก็ยังมีสายเลือดสกุลเนี่ย มิแน่ ข้าอาจได้ส่งเสริมให้กิจการท่านพ่อรุ่งเรืองไปทั่วทั้งใต้หล้า”
“ซูเอ๋อร์ คำโบราณกล่าวไว้ พ่อค้าอย่างไรก็เป็นอาชีพต่ำต้อย แม้มีเงินทองแต่ไม่อาจเทียบได้กับขุนนางปลายแถว”
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้าช้า ๆ นางไม่เห็นด้วย
“เมื่อก่อน ผู้คนอาจคิดเช่นนั้น แต่อีกไม่นานท่านพ่อโปรดเชื่อข้า ใครมีเงินในมือมากที่สุดย่อมคือผู้มีอำนาจ และจะได้นั่งบัลลังก์ตั่งทอง”
เนี่ยข่ายมองลูกสาวตน จริงอยู่นางอายุน้อย แต่ไม่รู้เหตุใดหลายวันที่ผ่านมาเขามองเห็นความกล้าแกร่งกับแววตาที่ฉายแสงแห่งพลังที่อยากเอาชนะทุกสิ่ง
“เฮ้อ เพราะความไม่เอาไหนของพวกพี่ชายเจ้า บางทีสกุลเนี่ย...อาจต้องฝากฝังลูกสาวคนเดียวของพ่อดูแลก็เป็นได้”
ชายวัยกลางคนกล่าวเช่นนั้น และเนี่ยหยวนซูไม่ได้เอ่ยคำใดอีก
และก่อนขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวมาจวนจิ่ง เนี่ยหยวนซูได้เตรียมของแห้ง ทั้งเนื้อสัตว์ตากแห้งหลากหลายชนิด ผักดอง ผักอบแห้ง ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า และเครื่องปรุงต่าง ๆ รวมถึงแป้งทำอาหาร สุราหมักชั้นดี ไว้เป็นจำนวนสามคันรถม้า ซึ่งช่วงที่ขนเข้าจวนจิ่งนั้นเอิกเกริกยิ่ง คราแรกคนตกใจ แต่นางใช้สิทธิ์การเป็นฮูหยินใหญ่บอกคนของซ่งหยูชุนว่า นี่คือสินสมรสในส่วนของนาง ฝ่ายนั้นแม้ไม่เห็นชอบ แต่ไม่กล้ากล่าวสิ่งใด ด้วยอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ฝ่ายเจ้าสาวในยุคนั้นกระทำได้
ในขณะที่ฝานเหอกำลังเตรียมก้าวจากไป เนี่ยหยวนซูคิดบางสิ่งขึ้นได้ เมื่อแม่ผัวกำลังถือศีล กินอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ อีกทั้งเรือนเล็กเรือนน้อยในจวนจิ่งทำของกินเอง อาหารคงนับว่าอัตคัดอยู่บ้าง ดังนั้นนางจะเปลี่ยนจากการที่คนพวกนี้อยากจัดงานรับน้องใหม่ในจวนจิ่ง เป็นงานเลี้ยงส่งท้ายพวกรุ่นพี่สักหน่อย แล้วจัดให้หนักในแบบฉบับที่ทุกชีวิตต้องยกมือขึ้นเพื่อร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว
“แม่นมฝานหยุดก่อน ข้ามีเรื่องที่ให้เจ้าต้องทำอย่างเร่งด่วน!”
“เจ้าค่ะ คุณหนูสั่งมาได้เลย”
“พวกบ่าวที่ถูกส่งมาสลบไปกี่คน และเหลือใช้งานได้บ้างหรือไม่ ไปเรียกพวกเขามา และข้าจะคัดเฉพาะพวกที่หัวไวไว้ใช้งาน ส่วนพวกที่ดูแล้วอาจเป็นสายลับของเรือนหลังอื่น หรือเซ่อซ่าเกินเหตุ จงส่งกลับเรือนเดิม ถ้าไม่ยอมไปดี ๆ ก็เรียกพ่อบ้านจวนจิ่งมา ข้าจะขายพวกมันออกไป เท่านี้คงหมดปัญหา!”
ฝานเหอตกใจต่อคำพูดเนี่ยหยวนซู แต่เรื่องนี้นับว่าดี เรือนหลังนี้ไม่ควรมีหมาแมว ที่คอยคาบข่าวไปรายงานให้ไท่ฮูหยิน หรืออนุของจิ่งหลัวคุน
เรือนไผ่หยกเชามี่ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น นางจิ้งจอกเนี่ยหยวนซูจากเรือนไป๋เหลียนฮวากล้าส่งสาวใช้และบ่าวที่ถูกคัดตัวไปโดยเป็นคำสั่งไท่ฮูหยินกลับเรือนเดิมที่เคยอยู่ยามนี้นางแต่งออกจากสกุลเนี่ยแล้ว ดังนั้นกฎของจวนจิ่งคือสิ่งที่นางต้องทำตาม“โง่ เหตุใดถึงไม่ยืนยันที่จะอยู่เป็นหูเป็นตาให้ข้า” เชามี่ตวาดใส่สาวใช้ของตนที่หวังให้เป็นสายลับสืบสิ่งต่าง ๆ“นายหญิงเชา สตรีผู้นั้นเป็นพวกนางกลางตลาด ปากร้าย เสียงดัง และกักขฬะเหลือเกิน นางบอกว่าหากใครที่อยู่เรือนไป๋เหลียนฮวา นางจะให้อดข้าวเป็นเวลาเจ็ดวัน และทำงานขนมูลกับคอยนำน้ำถ่ายเบาของนางไปรดแปลงผัก แต่หากใครยอมกลับเรือนของตนจะได้กินของดี และยังได้ส่วนแบ่งเป็นเนื้อหมู เนื้อกวางตากแห้งติดมือกลับมาด้วย”สาวใช้นามว่า อ้ายเหมย มองอนุคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางมาจากสกุลขุนนางเก่า บิดาเป็นถึงอดีตรองเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ การมาอยู่ที่นี่ใครก็มองออกว่าหวังใช้เส้นสายของแม่ทัพหนุ่มเป็นใบเบิกทางให้สกุลเชากลับมามีหน้ามีตา และช่วยเหลือในงานราชการให้ไม่ต้องมีสิ่งใดติดขัดเชามี่ถลึงตาใส่สาวใช้ก่อนโยนพัดในมือใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความฉุนเฉียว“เจ้าเห็นแก่ของกินเช่นนั้
พอนางเห็นว่าซ่งหยูชุนมองกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวจึงเอ่ยว่า“ท่านแม่ ลูกสะใภ้เพียงแต่อยากปรนนิบัติท่าน เช้าวันแรกหลังจากเข้าหอกับท่านแม่ทัพร่างกายข้าไม่อำนวยให้เดินเหิน แล้วสองสามวันต่อมา บ่าวและสาวใช้ที่ท่านช่วยจัดแจงส่งไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ของข้า มีจำนวนมากเหลือเกิน กว่าจะคัดเลือกคนที่เหมาะสม แล้วที่เหลือก็ส่งคืนให้พ่อบ้าน ต้องใช้เวลาจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ดูเอาเถิด ลูกสะใภ้ก็เหมือนนกหลงทางที่มาอาศัยจวนจิ่งอันยิ่งใหญ่ หลบฝนหลบแดด แต่กว่าจะมีโอกาสทำดีเพื่อท่านแม่ เวลาล่วงผ่านมาจนยามสายวันนี้”คำพูดเนี่ยหยวนซูทำให้ทั้งแม่และลูกชายอึ้ง ฝ่ายจิ่งป๋อมองหญิงสาวคนนี้ อายุนางไล่เลี่ยเขาแต่ฝีปากไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการแสดงงิ้วชั้นเยี่ยมได้เลย“พี่สะใภ้ ท่านช่างเจรจายิ่ง พี่ใหญ่ข้าคงไม่เหงา!”จิ่งป๋อผู้อยู่ฝ่ายมารดา เขาเป็นผู้ชายหน้าเปื้อนยิ้มเสมอและหน้าตาดี ซึ่งกระเดียดไปทางงามแบบบุรุษล่มเมือง ผิดแต่ไม่ชอบงานด้านบู๊ ส่วนด้านบุ๋นก็ไร้ทักษะ แต่หากให้ร้องรำทำเพลงหรือวาดภาพ เขานับว่าเลื่องชื่อทีเดียว“โอ้ คุณชายสาม ตัวข้าอย่างที่บอก ต้องพึ่งทุกคนในจวนจิ่งอีกนาน แค่ปรุงน้ำแกงเช่นนี้นับว่าเล
ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอกเมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไรสตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขาแม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหงผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลาสตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้าง
“อยู่ในบ้าน ไม่มีแม่ทัพ ข้าก็แค่บุรุษผู้หนึ่งที่ร่วมเตียงกับเจ้า คือสามี เป็นผู้ชายที่เจ้าสมควรเคารพ!” คำพูดเขาเผ็ดร้อนเหลือเกิน และเนี่ยหยวนซูหน้าแดงทั้งตัวสั่น หนึ่งคือนางโกรธ สองนางเจ็บทั้งข้อมือและปวดหนึบตรงหัวใจ“ใช่ ข้ากับท่านร่วมเตียงกันแล้ว คือสามีภรรยาที่ตบแต่งตามสมรสพระราชทาน”“ฮึ อย่าเล่นลิ้น บอกมา เหตุใด ถึงวางยาแม่เล็กกับเจ้าสาม”“ท่านแม่ทัพ...มีหลักฐาน หรือพยานอันใดงั้นรึ ถึงเสียงแข็งปรักปรำข้า ราวกับจะเอาผิดให้ได้”“ฮึ ข้าไม่ได้ตาบอด ยามนี้พวกเขาล้วนเหมือนคนต้องพิษ มิต่างจากข้าในคืนเข้าหอ”“เอ ท่านแม่ทัพยอมรับแล้วสินะว่าถูกวางยา ไม่ใช่แค่อาการเมาเหล้า”เนี่ยหยวนซูรุกเขากลับ“อย่าเฉไฉโยงเรื่องอื่น จงรีบเอายาถอนพิษออกมาแก้ไขเรื่องนี้เสีย”“โอ้ ท่านชอบล้อข้าเล่นจริงเชียว เมื่อไม่มียาพิษไฉนจะมียาถอนพิษเล่า”ฝ่ายเชามี่ที่ได้รับการพยุงตัวขึ้นโดยอ้ายเหมย นางก้าวกะเผลก ๆ มายืนข้างจิ่งหลัวคุน คราวแรกอยากออเซาะเรียกร้องความสนใจ แต่คนตัวโตรักษาท่าที พร้อมส่งสายตาให้เกอสวิน กันนางห่างจากเขา“ขอให้ผู้น้อยอนุภรรยาอยู่ตรงนี้ด้วยเถิดท่านแม่ทัพ เพราะข้าจะเป็นผู้กระชากหน้ากากนางจิ้งจอกเก
จิ่งหลัวคุนแบกเนี่ยหยวนซูขึ้นสะพานหินโค้ง ยามนั้นสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ฟ้าที่ดูเหมือนไร้เมฆหนาทึบพลันมีก้อนสีดำทะมึนปรากฏให้เห็น สายลมพัดแรงหอบกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้ากระทบร่างเนี่ยหยวนซู“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ข้าเดินเองได้”“แต่ข้าพาเจ้าเดินย่อมดีกว่า!”คนตัวโตบอกและยังทำเสียงขรึม ติดจะโหดและดุดันเช่นเดิม“ไฉนข้าต้องเชื่อฟังท่าน เมื่อมิใช่ทหารหรือลูกน้อง แม้แต่เป็นสตรีที่มีป้ายแขวนคอในค่ายทหาร”น้ำเสียงนางดังสูง ๆ ต่ำ ๆ คำพูดก็เสียดแทงหัวใจเขา“หาญกล้าแต่งเข้าจวนจิ่ง ย่อมเป็นคนของสกุลจิ่ง ดังนั้นสมควรได้รับการอบรมจากหลัวคุน”“คนเผด็จการ!”ชายหนุ่มหยุดสืบเท้าไปเบื้องหน้า เสียงเขาดังกังวาน ชวนให้นางขนลุกโดยแท้ “สามเชื่อฟัง สี่จรรยา...เรื่องนี้ เจ้าเคยล่วงรู้หรือไม่ หากไม่เคยร่ำเรียน ข้าย่อมต้องสอนให้จดจำ ต่อไปจะได้ไม่แสดงความโง่เขลาจนข้าต้องขายหน้าผู้อื่น!”“เมื่อก่อน ข้าไม่คิดว่าต้องเป็นภรรยาของใคร การแต่งเข้าจวนจิ่ง เพราะเป็นประสงค์ของไทเฮากับฮ่องเต้ ที่อยากช่วยกู้หน้าตาและชื่อเสียงของท่านแม่ทัพที่นับวันดิ่งลงเหวนรกให้พอจะยืนหยัดในสังคมได้!” เมื่อนางเอ่ยจบ หญิงสาวก็ใจหาย ด้วยถูกจับให้ยื
“หยวนซู เป็นเจ้าที่เริ่มก่อน เมื่อข้าอดทนไม่ไหว จึงเกิดเรื่องเช่นนี้”ยามนั้นเนี่ยหยวนซูที่อยู่ในสระน้ำกราดเกรี้ยวหนัก และนางกำลังหาทางขึ้นมาด้านบน แล้วหลบหนีเขาไปเสียแต่บังเอิญว่า นางเหยียบก้อนหินในน้ำแล้วลื่น จนเป็นเหตุให้ร่างเสียหลัก ก่อนจมหายลงไปในผิวน้ำ และยามนี้ห่าสายฝนตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว หญิงสาวหวาดกลัวจับจิต ไม่อยากตายซ้ำสองหลายสิ่งพุ่งเข้ามาในหัวคือเรื่องต่าง ๆ ที่เคยทำให้โลกเก่าก่อน แน่นอนว่า เนี่ยหยวนซูย่อมไม่ใช่หญิงสาวแสนดี นางเป็นคนสีเทา ๆ ซึ่งเลี้ยงดูตัวเองด้วยลำแข้งคู่งามนี้ หากสุดท้ายชีวิตพลิกหลายตลบกระทั่งวิญญาณหลุดออกจากร่างและมาอยู่ในโลกที่มีระยะเวลาห่างกันนับพันปีสองมือเรียวมือไขว่คว้าไปข้างหน้าสะเปะสะปะ พร้อมกันนั้นภาพดำมืดก็ทาบทับทุกอย่างจนมองไม่เห็นสิ่งใด!ร่างกายหนาวสะท้าน และการหายใจยากเหลือเกินที่จะสูดอากาศเข้าปอด ชีวิตนางจบสิ้นลงแล้วหรือ มิทันได้พบความสุข ยังไม่ได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นฮูหยินม่ายที่หยัดยืนอย่างกล้าแกร่ง โดยไม่ต้องอาศัยบารมีสามี นางก็ต้องจากไปอย่างน่าเศร้าฝ่ายจิ่งหลัวคุนสบถออกมาชุดใหญ่ เขาเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เรื่องนี้ไม่ต้องสืบความใด ๆ ทั้งเป็
เนี่ยหยวนซูยิ้มหยัน โลกที่จากมานางมักมีนิสัยหน้ามืดตามัวเห็นคนหล่อแล้วมั่นใจว่าพวกเขาคงเป็นบุรุษแสนดี คือพระเอกในนิยายรัก ซึ่งมีฉากจบสมหวัง หากความจริงกลับต้องช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางไม่เคยถูกทำร้ายร่างกาย อาจมีแผลในจิตใจอยู่บ้าง ซึ่งรักษาไม่นานก็ลุกขึ้นได้ด้วยสองขาของตนทว่าเมื่ออยู่ในโลกคล้ายจีนโบราณ กลับกลายเป็นว่าถูกผู้ชายที่มีอำนาจในมือ เป็นคนสมองกลวง ทำทุกอย่างเพื่อสนองอารมณ์ร้าย ๆ ของตน นางไม่แปลกใจหรอกที่ซ่งหยูชุนและจิ่งป๋อจะมองจิ่งหลัวคุนเป็นปีศาจหรือมัจจุราช เนื่องจากเขาเป็นเช่นนี้ อำมหิตและยังมักใช้กำลังเหนือเหตุผลใด ๆ จนทั้งจวนจิ่งปั่นปวน อยู่อย่างไม่สงบสุขเมื่อเขากลับมาจากการออกศึกสงครามยามนี้นางหายจากการเพ้อ แม้ในปากจะมีกลิ่นคาวจัด นางไม่ได้สนใจ สิ่งที่อยากสะสางกับบุรุษตรงหน้าสำคัญยิ่งกว่า ร่างนางสั่นอยู่สักหน่อย ขอบตาผะผ่าวร้อน น้ำตาเอ่อคลอหน่วย ถ้าจะบอกว่านางกลัวเขา ฝันไปเสียเถอะ นางโกรธตัวเองต่างหาก ที่ยามนี้ไม่มีมีดสักเล่ม ไม่อย่างนั้นคงได้แทงที่หน้าอกข้างซ้ายเขาแล้วกดให้มันทะลุถึงหัวใจ“อาซู...ได้ยินคำถามของข้าหรือไม่...เกลียดข้าถึงเพียงนั้นหรือ...และต้องทำอย
จิ่งป๋อร้อนใจหนัก นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขาเครียดจนลืมว่าตนต้องปั้นสีหน้าเปื้อนยิ้มให้ดูดีอยู่เสมอ ยามนี้เขาเหงื่อแตกเต็มใบหน้าหล่อเหลา และไม่อาจหยุดเดินได้ แถมยังเดินเป็นวงกลมจนบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ต่างตาลาย บางคนต้องคว้ายาดมยาหอมมาประทังอาการวิงเวียนศีรษะ“โอ้ คุณชายสาม...ท่านกำลังทำให้บ่าวร้อนใจเหลือเกินแล้ว หยุดเดินได้หรือไม่ขอรับ” เกอสวินท้วง วันนี้เขาไม่ได้ติดตามจิ่งหลัวคุน เนื่องจากถูกสั่งให้สืบความต่าง ๆ ที่จวนจิ่ง ที่สำคัญ หลังจากถูกหนูสกปรกกลั่นแกล้ง เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าสู้หน้าคนภายนอกสักเท่าใด เขาอับอายหรือ? คงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่กลางดึกจนถึงรุ่งสาง มีคนเห็นเรือนร่างเขาไปมิน้อย มิหนำซ้ำยังมีรูปวาดเขาติดที่ป้ายประกาศจับล้อเลียนด้วย เรื่องนี้จะเป็นฝีมือใครได้หากไม่ใช่เสี่ยวฉุน!“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร เจ้าบ้านเนี่ยมาพร้อมคนนับร้อยชีวิต และยังอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อพาพี่สะใภ้กลับให้ได้” จิ่งป๋อว่าแล้วก็อยากจะยกเท้าขึ้นก่ายหน้าผากฝ่ายเกอสวินเข้าใจดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่มีคนใดจะทักท้วงเนี่ยข่ายได้ แม้จะเป็นจิ่งหลัวคุน เขาก็อาจต้องยอมถอยสักสองสามก้าวเพื่อดูท่าทีคนสกุลเนี่
จากนั้นกายแกร่งก็แนบกับเนื้อนุ่มนิ่มของเนี่ยหยวนซู หน้าอกอวบเบียดชิด และมือหยาบกร้านของเขาแตะสลับการเคล้นคลึงและบีบทุกสัดส่วนที่ไวต่อความรู้สึก“ทุกส่วนในร่างกายนี้ เป็นของข้า...”“ฮึ คนโลภมักต้องเสียทุกอย่าง”“อย่างไร อาซูก็ต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว”“เหตุใดถึงได้มั่นใจถึงเพียงนั้น”“คนงามของข้า ทั้งใต้หล้านี้จะหาใครหล่อเหลาและมีขาที่สามซึ่งงดงาม อุ่นจัด แล้วยังตั้งตรงได้เท่าข้าย่อมไม่มี”เนี่ยหยวนซูทั้งขันและสยิวใจ อันที่จริงนางเป็นสตรีรักสนุกอยู่มาก แต่จะให้มองความแข็งขันเขาตรง ๆ ในยามนี้ ต้องยอมรับว่าขัดเขินเหลือเกิน แท่งหยกนั้น เห็นแล้วนางก็ร้อนรุ่มไปทั้งร่าง บริเวณเนื้องาม ๆ ที่ฉ่ำแฉะก็ปรารถนาให้เขาล่วงเกินโดยเร็ว!“อ๊ะ...ท่านเป็นไข้สินะ ถึงได้ตัวร้อนเช่นนี้” นางถามราวกับสตรีไร้ประสบการณ์“โถ อาซู ข้าไม่ได้ตัวร้อน ที่เจ้าสัมผัสอยู่นั่นคือน้องชายคนเล็กของข้าต่างหาก ดูสิ...มันอยากให้เจ้าบอกรักรู้หรือไม่”เนี่ยหยวนซูจั๊กจี้ต่อคำพูดเขา และอยากจูบอีกฝ่ายให้หนักหน่วงด้วยต้องการโบยบินสู่สรวงสวรรค์แห่งความสุขอึดใจต่อมา เรียวลิ้นร้อนได้แทรกลึกเข้าไปในโพรงปากสัมผัสดังกล่าวหวานล้ำเหลือ
เนี่ยหยวนซูไม่ทันได้เห็นสิ่งใดต่อ เนื่องจากนางถูกใครก็ไม่รู้พยายามจับตัว หญิงสาวดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ทว่าพวกมือสังหารรับจ้าง หาได้เมตตาปรานี มันใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าใส่ศีรษะด้านหลังหญิงสาว พร้อมดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาหมายแทงเข้าใส่ร่างของเนี่ยหยวนซูหญิงสาวแม้จะมึนงงทั้งปวดที่ศีรษะตุบ ๆ แต่นางจะไม่ขอจบชีวิตบนเรือ และจากไปโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ในขณะที่เนี่ยหยวนซูเคลื่อนร่างกายหลบการแทงของอีกฝ่ายอย่างหวุดหวิดหลายครั้งหลายหน นางก็ได้กลิ่นคาวจัด เลือดสีแดงสดไหลอาบใบหน้าเนี่ยหยวนซู ก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะทรุดลงหญิงสาวหวีดร้องเสียขวัญ และอึดใจต่อมาสองหูก็ได้ยินเสียงดังตูมเนี่ยหยวนซูเคยว่ายน้ำได้ และว่ายได้ดีเสียด้วย หากยามนี้ร่างกายกลับแข็งทื่อ นั่นเป็นเพราะนางเป็นตะคริวที่ขา!“ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที!” ห้าวันต่อมา เรือนหลังนั้นสะอาดมีความเป็นระเบียบ ด้านนอกห่างออกไปมีม้าตัวโตถูกผูกเอาไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างเสี่ยงภัยมาก แต่สุดท้ายเนี่ยหยวนซูก็รอดชีวิต นางมีโอกาสอยู่บนโลกนี้อีกครั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตนส่วนผู้ติดตามนางต่างได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหนักสุดคือเสี่ยวฉุน กระนั้นด้วยย
เกือบรุ่งสางเสียงดังโครมครามเกิดขึ้นด้านบนเรือ สถานการณ์ดูไม่เป็นปกติอย่างที่สุด ฝ่ายเกอสวินเฝ้าอยู่ด้านนอกซึ่งตอนนี้หายตัวไป ส่วนเสี่ยวฉุนส่งสัญญาณให้ฝานเหอเพื่อแจ้งบางสิ่งแก่เนี่ยหยวนซู“คุณหนู ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ดูเหมือน...มีผู้ติดตามเรามา!”ฝานเหอเอ่ยจบ เสียงอาวุธและการต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้น จนเป็นเหตุให้เนี่ยหยวนซูใจเต้นแรง อย่างไรนางก็ไร้วรยุทธ์ อีกทั้งรู้ว่าชีวิตนี้มีเพียงชีวิตเดียว หากตายทุกอย่างก็จบ!“เราจะปลอดภัยใช่หรือไม่”“บ่าวย่อมปกป้องคุณหนู ไม่ให้ผู้ใดทำอันตราย”เสียงต่อสู้ดังกว่าเดิม คนในเรือต่างหนีตายอลหม่าน พวกที่บุกเข้ามา บนเรือขนสินค้ามีจำนวนสองลำด้วยกัน และจุดประสงค์ชัดเจนคือฆ่าทุกคน“คุณหนู หากซ่อนตัวก็อาจถูกค้นหาได้ ใช้เรือลำเล็กแล้วหนีเข้าฝั่งดีหรือไม่เจ้าคะ”เนี่ยหยวนซูแม้ใจกล้าบ้าบิ่นแต่นางต้องคิดให้ถ้วนถี่“คนพวกนั้นย่อมฝีมือไม่ต่ำทราม ข้าว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งแรงนัก ส่วนแม่นมฝานก็ไม่ใช่สตรีแรกรุ่น”เนี่ยหยวนซูประเมินสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าอย่างเร็ว“เยี่ยงนั้น ใช้เรือล่อพวกนั้น บ่าวจะพายเรือลำเล็กออกไป ส่วนคุณหนูหลบอยู่ท้ายเรือนะเจ้าคะ อย่างไรแม้ผู้
กลับกลายเป็นว่ายามนี้สตรีที่ไร้ปากเสียงได้พลิกสถานการณ์กลับด้าน และนางย่อมได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ รวมถึงมีอำนาจกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง มิช้าซือหม่าหู่คงมองว่านางมีผลประโยชน์เช่นก่อนหน้านี้”เนี่ยหยวนซูเชื่อเช่นนั้นและที่คิดไว้ คือในงานเลี้ยงฮ่องเต้อาจปะปนอยู่ในกลุ่มแขกที่เข้ามาร่วมงาน และคอยสังเกตการณ์อยู่ฝ่ายเสี่ยวฉุนได้ฟังแล้วค่อนข้างครั่นคร้ามใจ นางจึงเอ่ยว่า“เช่นนั้น คนที่คุณหนูสมควรระวังให้มากที่สุด คงมิใช่ไทเฮาเสียแล้ว”“เด็กน้อยเสี่ยวฉุน เจ้าหลักแหลมนัก ถูกต้อง ฟานเลี่ยงคือสตรีหน้าเนื้อใจเสือผู้หนึ่ง อีกอย่างเจ้าคงมองออกว่านางเป็นผู้ฝึกยุทธ์!”เกอสวินซึ่งพยักหน้าตามตั้งแต่ต้น พอสบโอกาสก็เอ่ยว่า“ฮองเฮา คือนางเสือที่นุ่งห่มหนังแกะตัวจริง เรื่องนี้คุณชายสามเคยเล่าให้ข้าฟังนานแล้ว”เมื่อเกอสวินกล่าว เนี่ยหยวนซูก็จำสายตาอีกฝ่ายได้ ทั้งในวันที่พบกัน ณ โรงน้ำชา รวมถึงยามที่ฟานเลี่ยงมองสร้อยหยกที่เนี่ยหยวนซูสวมใส่“ตอนนี้พวกเราทั้งหมดคงลำบากมิน้อย การเดินทางไกลคงไม่สะดวก อีกอย่างอาจมีมือสังหารหรือผู้ประสงค์ร้ายติดตามมา ดังนั้นพูดกับผู้อื่นให้น้อย และอย่าออกไปพบใครจนกว่าเรือจะจอดที่
เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เนี่ยหยวนซูต้องยอมรับว่าได้เจ้าของร่างช่วยเหลือเป็นอย่างมาก อีกทั้งนางสามารถปะติดปะต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงนำมาวางแผนแล้วขอความร่วมมือจากจิ่งป๋อ แรกเริ่มเขาแปลกใจ ทว่าเมื่อรู้ว่าฟานเลี่ยงมีความประสงค์เช่นไร ชายหนุ่มจึงไม่รีรอยอมสวมบทบาทเป็นคนของเชามี่ เพื่อวางแผนตลบหลังอนุภรรยาพี่ชายจิ่งป๋อเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้ารัดกุมสีเข้ม มองแล้วคล้ายคนจากสำนักคุ้มภัย แต่ดูแปลกตาก็คือหน้ากากที่เลือกสวมเพื่ออำพรางใบหน้า นอกจากนั้นเขายังดื่มชาชนิดหนึ่งซึ่งทำให้เสียงแหบต่ำ ฟังแล้วไม่อาจจำได้ว่าคนที่เอ่ยคือจิ่งป๋อ ด้วยเหตุนี้แม้เชามี่จะสงสัย แต่นางที่ได้รับยากล่อมประสาทอ่อน ๆ จึงยากแยกแยะสิ่งใดได้ง่าย ๆ“พี่สะใภ้ การกระทำของท่านเสี่ยงภัยเกินไปหรือไม่”“ข้าเลือกทางเดินเช่นนี้ย่อมล่วงรู้อนาคต ส่วนคุณชายสมควรห่วงไท่ฮูหยิน อย่างไรนางก็คือผู้ให้กำเนิดท่าน เรื่องนี้เหมาะสมที่สุด”“ข้าขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา แม้เรามีเรื่องบาดหมางใจกันมิน้อย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดข้าถึงคิดว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่พึ่งพาได้”“นั่นเป็นเพราะตำแหน่งฮูหยินใหญ่แห่งจวนจิ่งมิใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อ
“อนุเชา ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะมีคนต้องการฆ่าปิดปาก เรื่องที่ต้องการเปิดโปงการใช้ไสยเวทในจวนจิ่งของไท่ฮูหยิน แน่นอนหากจิ่งหลัวคุนล่วงรู้เรื่องนี้ว่าท่านเป็นคนเปิดโปงย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นจงรีบช่วงชิงความได้เปรียบ จัดการเนี่ยหยวนซูแล้วป้ายความผิดไปให้นางย่อมดีที่สุดว่าเป็นผู้พยายามหาความผิดของไท่ฮูหยิน ในการใช้ไสยเวทเล่นงานมารดาของจิ่งหลัวคุน จนนางกลายเป็นสตรีวิปลาสส่วนเรื่องการที่นางกักขังไว้ก็ให้บอกทุกคนว่าเนี่ยหยวนซูมีแผนร้ายแอบแฝง ต้องการปิดปากท่าน ดังนั้นเมื่อไม่มีฮูหยินจิ่ง ทั้งเจ้าบ้านเนี่ยและแม่ทัพจิ่งย่อมสูญเสียกำลังใจ พวกเขาอาจคลั่งหนัก แต่...เชื่อข้าเถิด หากทำเช่นนี้สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนแน่นอน ใต้เท้าเชารวมถึงท่านย่อมไร้มลทิน และผู้อยู่เบื้องหลังแผนทั้งหมดจะส่งเสริมให้ท่านได้ก้าวขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนจิ่ง...”เชามี่แม้จะฝันหวานตามคำพูดคนพวกนี้ ทว่าใจกลับกลัวเหลือเกิน มันเป็นเสียงเล็ก ๆ บอกให้นางอย่าหลงเชื่อคำพูดของคนพวกนี้“พวกเจ้าพูดเหมือนง่าย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นใครจะสามารถเข้าใกล้มันได้ง่าย ๆ”“อย่างที่บอก สาวใช้ของท่านที่ทรยศถึงขั้นฆ่าผู้เป็นนาย ด้วยมีมารดาและน้องชายที่ร
อ้ายเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดการณ์ และต้องประหลาดใจที่หูได้ยินเสียงร้องเพลงเสียงดนตรีอึกทึก เหนืออื่นใดที่ทำให้เหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง เชามี่กลับยังไม่ตาย! อีกทั้งเรือนหลังที่เป็นส่วนห้องรับรองยังไม่ถูกเผาไหม้ นอกเหนือจากนั้น นางรู้ว่าตนได้รับพิษร้ายแรง รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอนลอยคว้างอยู่รอบตัว ทั้งหมดสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของเชามี่ทว่าสิ่งมีสิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เชามี่สวมหน้ากากงูดำ ราวกับนางอยู่ในงานเลี้ยงของเนี่ยหยวนซู และสิ่งที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคือเชามี่คงเป็นเพียงชุดที่สวมใส่ และกลิ่นถุงหอมของนางที่ลอยอบอวลอยู่ในห้องเล็กแคบอ้ายเหมยระแวดระวังภัยตนอย่างหนัก นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องที่ปิดตาย และเห็นว่ายังมีคราบเลือดอันเกิดจากบาดแผลของเชามี่เปรอะอยู่ตามพื้นห้อง“นายหญิงเชา ท่านยังยื้อชีวิตจากมัจจุราชได้อีกหรือ” อ้ายเหมยถามราวกับเป็นคนโง่อีกฝ่ายหัวเราะเสียงแหลม ท่าทางดูราวกับมีความแค้นสุมอยู่ในอก ยิ่งกว่านั้น นางไม่เหมือนเชามี่ที่อ้ายเหมยรู้จัก “ฮึ ดูให้ดี...แท้จริง ข้าอาจตายไปตั้งแต่ถูกเจ้ากรีดข้อมือก็เป็นได้”อ้ายเหมยไม่อยากเสียเวลาอีก นางควรออกจากห้องนี้ แล้วมุ่งหน้าไปร
“ฮองเฮาต้องการแจ้งสิ่งใดต่อข้า” เมื่อเนี่ยหยวนซูตามหาเสียงตนเองพบ จึงเอ่ยถามฟานเลี่ยงย่อมเข้าใจนิสัยใจคอคนในวังหลวงดี พวกนั้นเห็นเพียงประโยชน์ของตน “แม่ทัพจิ่ง คาดการณ์ว่าข้าต้องได้มางานเลี้ยงคืนนี้ จึงขอให้ข้าได้ช่วยเหลือเรื่องสำคัญ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเห็นฮูหยินจิ่งสวมสร้อยหยกก็หมายความว่าเจ้าคือสตรีที่คู่ควรให้เขาเรียกขานว่า ‘ภรรยา’ กระนั้นบ้านเมืองยามนี้ผู้มีอำนาจถึงจะเอาชีวิตรอด แต่...นอกจากอำนาจคงเป็นเงินที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ และหากข้าคาดการณ์ไม่ผิด เหล่าคหบดีและขุนนางที่อยู่นอกเมืองหลายคนย่อมได้รับโทษหนักเบาต่างกันไป โดยจุดหมายสำคัญครั้งนี้ ไทเฮาต้องการบีบคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองเป่ยตูให้ย้ายข้างไปเป็นคนของนางโดยใช้ข้อหากบฏเป็นการข่มขู่”ฮองเฮากล่าวอย่างไม่ปิดบัง นี่คงทำให้เนี่ยหยวนซูตระหนักถึงภัยใหญ่หลวงที่กำลังเกิดขึ้น“ฮองเฮากล่าวทุกอย่างให้ข้าฟังเช่นนี้ ไม่คิดว่าข้าจะปากโป้งเผยความลับให้ผู้อื่นล่วงรู้หรอกหรือ”“ฮึ หากข้ากลัว ไฉนจะขึ้นเกี้ยวออกจากวังหลวง และเดินทางมาชมการแสดงพลุไฟในโรงละครเก่านี้เล่า ที่สำคัญอย่าดูถูกน้ำใจข้าให้มาก แม้ไม่เคยช่วยเหลือกันมาก่อน แต่ข้ายิน
จิ่งป๋ออยากติดตามเนี่ยหยวนซูเข้าไปด้านในด้วย แม้เขาจะเป็นลูกแหง่ ทว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานเขาสมควรปกป้องพี่สะใภ้ แต่เนี่ยหยวนซูยกมือห้ามและบอกว่าขอให้เขาช่วยต้อนรับแขกภายในงานแทนนางสักพัก ส่วนหู่ฮาวเทียน เมื่อเห็นว่าตนสร้างความน่าเกรงขามให้ผู้อื่นขยาดกลัวสำเร็จ เขาก็ดึงร่างนางรำมาสองคน แล้วบอกว่าอยากเปิดห้องพิเศษสำหรับดื่มและกินโดยห้ามให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งวุ่นวาย“พี่สะใภ้ ท่านมั่นใจหรือว่าจะตกลงกับคนในวังได้ สุนัขจิ้งจอกว่าร้ายแล้ว แต่ห้าอสรพิษที่ถูกเลี้ยงจนกลายเป็นหนอนกู่ ย่อมไม่อาจรับมือง่าย ๆ”จิ่งป๋อว่าจบก็มองไปยังฟานเลี่ยง“คุณชายสาม แม้พี่ชายเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่อย่าคิดว่าเขาจะช่วยเหลือได้ตลอด หากเจ้ายังพยายามยื่นคอไปให้ผู้อื่นตัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะฝ่ายนั้นเป็นถึงแม่ของแผ่นดิน ก็คงไม่แคล้วได้ตายสมใจ”เนี่ยหยวนซูปรามจิ่งป๋อ ฝ่ายฟานเลี่ยงโบกมือไปมา ก่อนเอ่ยว่า“ฮูหยินจิ่ง ตอนนี้ข้าค่อยยังชั่วแล้ว ปะ ไปคุยกันข้างในจะดีกว่า!” เนี่ยหยวนซูอารมณ์ขุ่นมัวเป็นอย่างมาก การที่ฟานเลี่ยงจงใจทำสร้อยหยกที่แม่ทัพหนุ่มมอบให้นับว่าไม่สมควร แต่ให้นางโวยวายหรือแสดงความไม่พอใจคงเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดนัก ยิ่ง