เมื่อปล่อยให้สามีนอนหลับแล้ว เนี่ยหยวนซูกลับกลัวว่าพวกที่แอบฟังอยู่ด้านนอกจะผิดหวัง ดังนั้นนางจึงต้องจัดการแสดงชุดใหญ่เพื่อให้สมศักดิ์ศรีลูกสาวคนเล็กของเจ้าบ้านเนี่ย ซึ่งเป็นโต้โผออกเงินให้มีการแต่งงานใหญ่โต ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นบุญคุณต่อแคว้นเฉิงโจว!
“อ๊ะ...อี้...อื้อ...ท่านพี่...อื้อ...อ๊าย” ยามนั้น เนี่ยหยวนซูพยายามเหลือเกินที่จะไม่หลุดขำ ทว่าในขณะเดียวกันยามที่มองไปยังร่างกายแกร่งบนเตียงกว้าง หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจิ่งหลัวคุณหล่อเหลาเป็นบ้า แม้ขาที่สามเขาจะหลับสงบนิ่งอยู่ในฝัก แต่สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น ล้วนมีคุณภาพคับไหสุรา ชนิดเต็มสิบไม่หักสักแต้ม!
แต่ช้าก่อน สิ่งที่นางย่อมรู้ดีคือ สตรีแซ่เนี่ยต้องทำทุกวิถีทางให้ได้หย่าขาดกับจิ่งหลัวคุน โดยถูกต้องตามกฎหมายแคว้นเฉิงโจว และมีสักขีพยานรู้เห็น ซึ่งต้องเป็นการจากกันด้วยดี ต่างฝ่ายต่างมีชีวิตของตน ไม่มีการแค้นฝังใจต่อกัน โดยทั้งหมดต้องเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงฮ่องเต้องค์ใหม่ มิเช่นนั้นหายนะครั้งใหญ่ในภายภาคหน้าอาจส่งผลให้ร่างงาม ๆ ของนาง ได้รับโทษสถานหนักคือ ถูกจับเลาะกระดูก แล้วแยกชิ้นส่วน สุดท้ายก็เป็นจิ่งหลัวคุนที่ผนึกนางให้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เพื่อไม่ให้ได้ไปผุดไปเกิด
ซึ่งเรื่องเศร้าดังกล่าวเกิดขึ้นหลังที่นางเข้าหอกับจิ่งหลัวคุนได้ราว ๆ สามปีเศษ ฝ่ายนั้นไม่เคยย่างกรายมาที่เรือนนางอีกเลย เขาเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายทหาร ไม่ก็หาเรื่องไปอยู่ต่างเมืองเฝ้าการสร้างกำแพงสูงปกป้องข้าศึก เมื่อกลับจวนจิ่ง เขามักเก็บตัวอยู่ที่เรือนหลักของตน อาจแวะเวียนไปหาอนุคนโปรดบ้าง แต่กลับเพิกเฉยทิ้งให้เนี่ยหยวนซูเปลี่ยวเหงาราวกับถูกจองจำในตำหนักเย็น สุดท้ายสภาพจิตใจนางจึงบอบช้ำ
ยามนั้น ภาพต่าง ๆ ปรากฏในหัว พลอยให้นางทั้งโกรธแค้นและนึกสมเพชโชคชะตาเจ้าของร่าง ซึ่งก่อนนั่งเกี้ยวเจ้าสาวมาที่จวนจิ่ง ก็ใช่ว่าเขาอยากได้นางเป็นฮูหยินใหญ่ เขาเพียงแต่อยากช่วยกองทัพ เรื่องทั้งหมดเป็นฝ่ายไทเฮาที่เอ่ยปากกับฮ่องเต้ สุดท้ายจึงมีราชโองการให้จิ่งหลัวคุนแต่งงานกับเนี่ยหยวนซูอย่างเอิกเกริก
เรียกได้ว่ามีงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ราวกับว่าเขาเป็นองค์ชายคนสำคัญผู้หนึ่งทีเดียว
“เมื่อผูกผมด้วยกันและดื่มเหล้ามงคลแล้ว เจ้าคงเป็นสตรีที่ดีขึ้น ไม่คิดร้ายต่อคนในครอบครัวข้า!”
เสียงทุ้ม ๆ ดังในหัวเนี่ยหยวนซู
“ฮึ เมื่อก้าวขาเข้าจวนจิ่ง ข้าจะทำสิ่งใดเดือดร้อนผู้อื่นได้เล่า”
ชายหนุ่มข่มสติ ไม่อยากโต้เถียงกับสตรี แต่อย่างไร เขาควรบอกความในใจของตนให้นางได้รับรู้บ้าง “ก่อนหน้านั้น เจ้าทำหลายสิ่งที่เหลวไหล ข้าไม่เห็นก็แล้วไป แต่เมื่อเป็นผัวเมียกัน เจ้าต้องถือกุญแจทั้งจวน ดังนั้นหัดมีเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นสิ่งที่ดี”
เนี่ยหยวนซูขัดหูคำพูดอีกฝ่าย สีหน้าสีตาแจ้งชัดว่าเขาโกรธนาง
“โปรดกล่าวให้แจ้งชัด ข้าทำเรื่องใดลับหลังท่านแม่ทัพจิ่งเยี่ยงนั้นหรือ ท่านถึงได้แสดงท่าทางราวกับเกลียดชังข้านัก”
คนตัวโตพ่นลมหายใจร้อน ๆ ออกมา และเอ่ยเสียงหนัก
“ทั้งที่รู้ว่าไทเฮาประสงค์ให้เจ้าแต่งเข้าจวนจิ่ง แต่เจ้ายังหว่านเสน่ห์ไปทั่ว หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นว่าสกุลเนี่ยมีประโยชน์อยู่บ้าง บุรุษคนนี้คงไม่ฝืนใจยอมรับราชโองการดังกล่าว”
ยามนี้เนี่ยหยวนซูอยากเล่นงิ้วและฟ้อนเล็บข่วนหน้าหล่อเหลาสุดกำลังแต่นางกลับเลือกที่จะส่งเสียงดัง ๆ ใส่เขา พร้อมถ้อยคำร้ายกาจ “แต่สุดท้าย แม่ทัพจิ่งก็ยอมลดศักดิ์ศรีเพื่อเกาะชายกระโปรงผ้าไหมของข้า เพราะอยากได้เงินไปเติมเสบียงให้ทหาร และหวังใบเปิดทางโรงหลอมเหล็ก รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับเผ่าทางใต้ ด้วยอยากได้อาชาชั้นดีมาเสริมทัพของฮ่องเต้ ที่ทำทั้งหมดท่านคงอยากเป็นสุนัขตัวโปรดของฝ่าบาทสินะ!”
ดวงตาคมกริบจ้องคนงามเขม็ง เขาขบกรามจนใบหน้าคมคายสั่นกระตุก อีกทั้งไอสังหารแผ่ขยายออกมา
“คุณหนูเนี่ย ขอบคุณที่เตือนสติ ย้ำให้ข้าตระหนักว่าเจ้ากับข้าแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ หาใช่เพราะมีความผูกพันอันใด!”
สิ้นคำพูดดังกล่าว เนี่ยหยวนซูก็อยากฟาดฝ่ามือเรียวใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายเหลือเกิน แต่สิ่งที่ทำได้กลับเป็นการที่นางต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ เพื่อรอเวลาคิดบัญชีเขาและครอบครัวในคราวเดียวกัน
ซึ่งการที่นางได้ย้อนเวลามาเกิดใหม่ในร่างนี้ เนี่ยหยวนซูอยากเอาคืนคนที่หน้าเนื้อใจเสือและคิดชั่วกับนาง เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนจิ่งต่อจากนี้บีบบังคับให้เนี่ยหยวนซูสติวิปลาส นางกลายเป็นคนบ้าอันเป็นผลมาจากคนในจวนจิ่งร่วมมือกันบีบบังคับให้ฮูหยินใหญ่คนนี้ร้าย ร้ายถึงขั้นลุกขึ้นมาวางแผนฆ่าทุกคนที่พยายามทำให้นางอยู่ที่นี่อย่างไม่สงบสุข
เมื่อคิดได้แล้ว สตรีสกุลเนี่ยย่อมต้องหัดใช้สมองมากกว่าบีบน้ำตา หรือตีโพยตีพายโทษชะตาชีวิตตน ในเมื่อสามสิบลิขิตฟ้าเจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน นางย่อมต้องสวมบทบาทนี้ให้ทั้งใต้หล้าต้องจดจำไปตราบนานเท่านาน
ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ ห้อง แสงสว่างที่มาจากเทียนไข ก่อให้เกิดเงาวูบไหว อีกทั้งในยามนี้ หากนางคาดการณ์ไม่ผิดย่อมต้องมีสาวใช้ บ่าวคนสนิท รวมถึงฝ่ายตรงข้ามของนางแอบฟังเสียงต่าง ๆ ในห้อง แล้วรีบไปรายงานนายของตน
หญิงสาวปีนขึ้นเตียง ก่อนไปนั่งแปะอยู่กึ่งกลางลำตัวแม่ทัพหนุ่ม มือเรียวสวยลูบไล้ใบหน้าคมคายช้า ๆ ลมหายใจเขาสม่ำเสมอ แผงหน้าอกแกร่งนั้นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างน่ามอง บุรุษผู้นี้มีเสน่ห์จับใจ จนนางไม่อาจจะถอนสายตามองที่อื่น
เครื่องหน้านั้นสวรรค์ก็ช่างสรรค์สร้าง จมูกโด่ง ริมฝีปากสีสดมีรอยหยักลึก ปลายคางมีแผลเป็นเล็ก ๆ ไม่น่าเกลียด และทั้งหมดขับให้เขาเป็นที่โปรดปรานของสตรีได้ไม่ยาก
“แม้ข้าจะเสียดายหากต้องหย่าร้างกับท่าน แต่มันคือโชคชะตาที่ไม่อาจฝืน อย่างไรชาตินี้ หากเราดึงดันเป็นสามีภรรยากัน ย่อมไม่แคล้วทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ เยี่ยงนี้ ตัดใจจากข้าเสียเถอะ ท่านพี่”
คนตัวโตยังหลับตาเช่นเดิม พิษในสุราและกำยานที่เขาสูดดมก่อนหน้าคงเล่นงานหนักหน่วงจนเป็นเหตุให้คนตัวโตไร้สติ
“แต่หยวนซูคนงามคงย่อมเสียหน้าไม่ได้ ดังนั้นคืนนี้ท่านกับข้าสมควรมาเล่นละครให้คนทั้งจวนนอนไม่หลับกันเถิด ส่วนเรื่องการหย่าขาดของเรา รับรองว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอน และมันจะต้องเป็นที่โจษขานไปทั้งแคว้นเฉิงโจว”
เนี่ยหยวนซูพึมพำกับตนเสร็จ นางจึงเริ่มทำท่าคล้ายควบม้าบนกายแกร่ง ในขณะเดียวกันนั้นก็ครางเสียงหวานล้ำประหนึ่งว่าได้กินของเผ็ดร้อนแสนโอชะยิ่งนัก ....
ปลายยามโฉว่ (01.00-02.59น.) ซึ่งอันที่จริงแม่นมฝานเหอเคลิ้มหลับไปแล้ว นางเหนื่อยสายตัวแทบขาดมาหลายวันติด ๆ กัน แต่เพราะเสียงอุทานร้องตกใจของสาวใช้รุ่นเล็กที่ชื่อ เสี่ยวฉุน ทำให้ร่างมีเนื้อมีหนังมากสักหน่อยสะดุ้งโหยง ก่อนสั่งให้อีกฝ่ายทำกิริยาให้สำรวม“แม่นม...เมื่อครู่ มันเอ่อ...มีเสียงแปลก ๆ อีกแล้ว หรือว่า คุณหนูกับท่านแม่ทัพจะลุกขึ้นมาเล่นผีผาและรำกระบี่ ฝึกทวนยาวด้วยกันอีกรอบ!”ฝานเหอสงสารเด็กน้อยเสี่ยวฉุนเหลือเกิน นางยังไม่ประสีประสา อีกทั้งอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่าง ก่อนออกจากคฤหาสน์สกุลเนี่ย ฝานเหอพยายามเหลือเกินให้เนี่ยหยวนซูเลือกสาวใช้นางอื่น แต่อีกฝ่ายยืนยันชี้นิ้วไปที่เสี่ยวฉุน ซึ่งเป็นม้าดีดกะโหลก และอ่อนหัดไปทุกเรื่องในการดูแลเจ้านาย ให้ดีที่สุดคือนางขี่ม้าได้ ใช้อาวุธหนักเบาเป็น ทั้งยังร่ายรำมีดสั้นคู่ยอดเยี่ยม ขว้างกระสวยต่าง ๆ แม่นยำฝานเหอครั่นคร้ามใจเหลือเกินว่า เนี่ยหยวนซูต้องการมาเปิดสงครามในจวนจิ่งหรืออย่างไร เพราะในหีบที่นำมาจากคฤหาสน์สกุลเนี่ย ใบหนึ่งมีอาวุธลับอัดแน่นอยู่ โดยเฉพาะของเหล่านั้นมาจากทางทะเล เป็นสินค้าใหม่ที่เจ้าบ้านเนี่ยกำลังทำการค้ากับพวกโจรชุด
โอ๊ย เจ็บตัวมากจนน้ำตาเล็ดนั่นแหละ ทว่าเมื่อก้าวลงเรือนรกลำนี้ นางจะตกน้ำป๋อมแป๋ม ตายก่อนเข้าฝั่งไปหาสมบัติที่เกาะสวรรค์ไม่ได้เป็นอันขาด!รอยต่าง ๆ บนเนื้อตัวนี้ แน่นอนเกิดจากริมฝีปากบาง ๆ ของจิ่งหลัวคุน ซึ่งเขาอาจกระทำไปโดยมีสติไม่เต็มร้อย อยู่ในอาการละเมอ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเขาที่ล่วงเกินนางหลายครั้งหลายหน“โอ้ คุณหนู...เขาทำท่านบาดเจ็บเพียงนี้”เนี่ยหยวนซูรีบยกมือปิดปากตน นางกลัวเหลือเกินว่าจะหลุดขำออกไปพรืดใหญ่ ด้วยฝานเหอเป็นสาวเทื้อ ชีวิตนี้เคยใกล้ชิดบุรุษอย่างลึกซึ้งที่ไหนกัน ส่วนแม่นางน้อยเสี่ยวฉุน วัน ๆ ฝึกดาบ ขว้างกระสวย (อาวุธลับ) ฝึกขี่ม้า หมกมุ่นวางยาพิษผู้อื่น เช่นนี้ทั้งคู่ย่อมไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเรื่องใช้จริตมารยาล่อลวงให้ชายหนุ่มติดกับดัก“เจ็บอยู่บ้าง แต่นั่นย่อมแสดงให้ประจักษ์ว่า แม่ทัพจิ่งได้...ร่วมเตียงกับข้าแล้ว!”“หมายความว่า เมื่อเช้าที่เกอสวินเซ้าซี้ถามเรื่องผ้ารองเตียงกับแม่ทัพจิ่งจนโดนถีบหงายหลังก็คือ?”คนเป็นนายโบกมือไปมา ก่อนนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เอ่ยแล้วชวนให้น่าละอายอยู่สักหน่อย“จะ...เจ้าช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอาย สตรีชั้นสูงเรือนใดกันถึงได้ดูดหน้าอ
เกือบสามวันแล้วจิ่งหลัวคุนไม่ได้กลับเข้าจวนแม่ทัพ เขาออกไปนอกเมือง ตั้งใจตรวจสอบเรื่องจัดเตรียมเสบียงและเรือสำหรับใช้ลาดตระเวนทางน้ำ รวมถึงเสื้อเกราะแบบใหม่เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเรื่องสนิมแต่ก่อนออกจากจวนจิ่ง เขาพบเรื่องปวดหัวจากน้องชายคนเล็ก ฝ่ายนั้นพยายามเหลือเกินที่จะให้เขาไปชมการแสดงละครที่หอลำนำรัก ซึ่งจิ่งป๋อได้ทุนจากมารดาเปิดกิจการใหญ่โต แต่เกือบสองปีแล้วที่ขาดทุนเรื่อยมา“พี่ใหญ่ ข้าขอร้องท่านให้ช่วยพิจารณาเรื่องนี้ด้วยเถิด กำหนดการคือเดือนหน้า อย่างไรท่านต้องเป็นคนเปิดป้ายละครเรื่องใหม่ของข้า อีกอย่างตอนนี้มีเรื่องที่ชวนให้ข้ากลุ้มใจ ขุนนางจากวังหลวงที่มาใหม่ พวกของซือหม่าหู่ (หู่ฮาวเทียน) วางอำนาจเหลือเกิน อ้างว่าจะเก็บอากรเพิ่ม แต่พี่ตรองดูให้ดีเถิด หอของข้าไม่คิดหากำไรสักนิด ทั้งหมดก็เพื่อช่วยให้คณะละครกับนักแสดงข้างถนน มีสถานที่เล่นปาหี่อย่างถูกกฎหมาย ไม่ต้องไปตั้งแผงตามท้องถนนให้เกะเกะ อีกอย่างพวกขอทานเด็กก็มีงานทำด้วย”“เฮ้อ แต่ที่ข้าเห็น เจ้ารักแต่จะเล่นสนุก ยามนี้มีจวนแม่ทัพใดในแคว้นเฉิงโจวบ้างที่ปล่อยให้บุรุษอกสามศอกร้องรำทำเพลงทั้งวัน และยังแต่งตัว วาดสีหน้าราวกั
ซึ่งก่อนหน้านั้นเนี่ยหยวนซูรู้ว่าตนต้องแต่งงานกับจิ่งหลัวคุน ชะตากรรมนี้นางมิอาจเลี่ยง จึงต้องรับมือให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อม ดังนั้นการอยู่ในจวนจิ่ง ก่อนได้รับหนังสือหย่าร้างโดยถูกต้องและเป็นการพร้อมใจทั้งสองฝ่าย นางสมควรอยู่ดีกินดีในเรือนไป๋เหลียนฮวานับแต่กลายเป็นวิญญาณแล้วอาศัยร่างไซซีที่งามพร้อม ทั้งยังเป็นลูกสาวเจ้าบ้านเนี่ย หญิงสาวก็ได้วางแผนอย่างรัดกุม จัดอาหารยารักษาโรคใส่หีบต่าง ๆ ไว้พร้อม และส่งช่างฝีมือเข้ามาตรวจสอบเรือนหอ และขอให้บิดาออกหน้าคุยกับจิ่งหลัวคุนเพื่อขยายพื้นที่ด้านหลังให้เป็นโรงเก็บวัตถุต่าง ๆ กับโรงครัว มีห้องน้ำแบบใหม่ที่นางออกแบบเองด้วย ถึงสร้างความไม่พอใจให้คนในจวนจิ่ง แต่เจ้าบ้านเนี่ยผู้มีคนหนุนหลังมากมาย เมื่อเขาอยากให้ลูกสาวคนเดียวมีความสุข ดังนั้นแม้แต่ไท่ฮูหยินก็ไม่กล้ายื่นปากเข้ามาแส่“ซูเอ๋อร์...หากต้องการสิ่งใด แค่ให้บ่าวไปส่งข่าวถึงร้านค้าพันธมิตรของเรา ไม่เกินช่วงเวลาครึ่งก้านธูปดับ พ่อบ้านก็จะนำทุกอย่างมากองตรงเท้าเจ้าแล้ว” เนี่ยหยวนซูยิ้มกว้าง นางโชคดีเหลือเกิน การได้อยู่ในร่างนี้มีบิดาที่รักและเอาอกเอาใจ ทว่าฟ้าไม่ได้ลิขิตให้เนี่ยข่ายอายุยืน
เรือนไผ่หยกเชามี่ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น นางจิ้งจอกเนี่ยหยวนซูจากเรือนไป๋เหลียนฮวากล้าส่งสาวใช้และบ่าวที่ถูกคัดตัวไปโดยเป็นคำสั่งไท่ฮูหยินกลับเรือนเดิมที่เคยอยู่ยามนี้นางแต่งออกจากสกุลเนี่ยแล้ว ดังนั้นกฎของจวนจิ่งคือสิ่งที่นางต้องทำตาม“โง่ เหตุใดถึงไม่ยืนยันที่จะอยู่เป็นหูเป็นตาให้ข้า” เชามี่ตวาดใส่สาวใช้ของตนที่หวังให้เป็นสายลับสืบสิ่งต่าง ๆ“นายหญิงเชา สตรีผู้นั้นเป็นพวกนางกลางตลาด ปากร้าย เสียงดัง และกักขฬะเหลือเกิน นางบอกว่าหากใครที่อยู่เรือนไป๋เหลียนฮวา นางจะให้อดข้าวเป็นเวลาเจ็ดวัน และทำงานขนมูลกับคอยนำน้ำถ่ายเบาของนางไปรดแปลงผัก แต่หากใครยอมกลับเรือนของตนจะได้กินของดี และยังได้ส่วนแบ่งเป็นเนื้อหมู เนื้อกวางตากแห้งติดมือกลับมาด้วย”สาวใช้นามว่า อ้ายเหมย มองอนุคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางมาจากสกุลขุนนางเก่า บิดาเป็นถึงอดีตรองเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ การมาอยู่ที่นี่ใครก็มองออกว่าหวังใช้เส้นสายของแม่ทัพหนุ่มเป็นใบเบิกทางให้สกุลเชากลับมามีหน้ามีตา และช่วยเหลือในงานราชการให้ไม่ต้องมีสิ่งใดติดขัดเชามี่ถลึงตาใส่สาวใช้ก่อนโยนพัดในมือใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความฉุนเฉียว“เจ้าเห็นแก่ของกินเช่นนั้
พอนางเห็นว่าซ่งหยูชุนมองกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวจึงเอ่ยว่า“ท่านแม่ ลูกสะใภ้เพียงแต่อยากปรนนิบัติท่าน เช้าวันแรกหลังจากเข้าหอกับท่านแม่ทัพร่างกายข้าไม่อำนวยให้เดินเหิน แล้วสองสามวันต่อมา บ่าวและสาวใช้ที่ท่านช่วยจัดแจงส่งไปยังเรือนหลังเล็ก ๆ ของข้า มีจำนวนมากเหลือเกิน กว่าจะคัดเลือกคนที่เหมาะสม แล้วที่เหลือก็ส่งคืนให้พ่อบ้าน ต้องใช้เวลาจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ดูเอาเถิด ลูกสะใภ้ก็เหมือนนกหลงทางที่มาอาศัยจวนจิ่งอันยิ่งใหญ่ หลบฝนหลบแดด แต่กว่าจะมีโอกาสทำดีเพื่อท่านแม่ เวลาล่วงผ่านมาจนยามสายวันนี้”คำพูดเนี่ยหยวนซูทำให้ทั้งแม่และลูกชายอึ้ง ฝ่ายจิ่งป๋อมองหญิงสาวคนนี้ อายุนางไล่เลี่ยเขาแต่ฝีปากไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นการแสดงงิ้วชั้นเยี่ยมได้เลย“พี่สะใภ้ ท่านช่างเจรจายิ่ง พี่ใหญ่ข้าคงไม่เหงา!”จิ่งป๋อผู้อยู่ฝ่ายมารดา เขาเป็นผู้ชายหน้าเปื้อนยิ้มเสมอและหน้าตาดี ซึ่งกระเดียดไปทางงามแบบบุรุษล่มเมือง ผิดแต่ไม่ชอบงานด้านบู๊ ส่วนด้านบุ๋นก็ไร้ทักษะ แต่หากให้ร้องรำทำเพลงหรือวาดภาพ เขานับว่าเลื่องชื่อทีเดียว“โอ้ คุณชายสาม ตัวข้าอย่างที่บอก ต้องพึ่งทุกคนในจวนจิ่งอีกนาน แค่ปรุงน้ำแกงเช่นนี้นับว่าเล
ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอกเมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไรสตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขาแม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหงผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลาสตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้าง
“อยู่ในบ้าน ไม่มีแม่ทัพ ข้าก็แค่บุรุษผู้หนึ่งที่ร่วมเตียงกับเจ้า คือสามี เป็นผู้ชายที่เจ้าสมควรเคารพ!” คำพูดเขาเผ็ดร้อนเหลือเกิน และเนี่ยหยวนซูหน้าแดงทั้งตัวสั่น หนึ่งคือนางโกรธ สองนางเจ็บทั้งข้อมือและปวดหนึบตรงหัวใจ“ใช่ ข้ากับท่านร่วมเตียงกันแล้ว คือสามีภรรยาที่ตบแต่งตามสมรสพระราชทาน”“ฮึ อย่าเล่นลิ้น บอกมา เหตุใด ถึงวางยาแม่เล็กกับเจ้าสาม”“ท่านแม่ทัพ...มีหลักฐาน หรือพยานอันใดงั้นรึ ถึงเสียงแข็งปรักปรำข้า ราวกับจะเอาผิดให้ได้”“ฮึ ข้าไม่ได้ตาบอด ยามนี้พวกเขาล้วนเหมือนคนต้องพิษ มิต่างจากข้าในคืนเข้าหอ”“เอ ท่านแม่ทัพยอมรับแล้วสินะว่าถูกวางยา ไม่ใช่แค่อาการเมาเหล้า”เนี่ยหยวนซูรุกเขากลับ“อย่าเฉไฉโยงเรื่องอื่น จงรีบเอายาถอนพิษออกมาแก้ไขเรื่องนี้เสีย”“โอ้ ท่านชอบล้อข้าเล่นจริงเชียว เมื่อไม่มียาพิษไฉนจะมียาถอนพิษเล่า”ฝ่ายเชามี่ที่ได้รับการพยุงตัวขึ้นโดยอ้ายเหมย นางก้าวกะเผลก ๆ มายืนข้างจิ่งหลัวคุน คราวแรกอยากออเซาะเรียกร้องความสนใจ แต่คนตัวโตรักษาท่าที พร้อมส่งสายตาให้เกอสวิน กันนางห่างจากเขา“ขอให้ผู้น้อยอนุภรรยาอยู่ตรงนี้ด้วยเถิดท่านแม่ทัพ เพราะข้าจะเป็นผู้กระชากหน้ากากนางจิ้งจอกเก
เชามี่ง่วงนอนและหาวติดกันหลายครั้ง นางหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้ ภาพก่อนหน้าคือเสี่ยวฉุนกับฝานเหอวางสีหน้าราวกับต้องการฉีกเนื้อนางออกเป็นชิ้น ๆ“บอกไว้ก่อน คุณหนูของข้าไม่เอาความเจ้าก็แล้วไป แต่สำหรับข้ากับเสี่ยวฉุน อย่าคิดว่าจะปล่อยให้เจ้าลอยหน้าลอยตาอย่างสบายใจ จำเอาไว้ที่นี่ไม่ใช่จวนจิ่ง อีกทั้งคนของสกุลเนี่ยล้วนค้าขาย ออกแรงแบกหามเสมอ ดังนั้นมือหนักตีนหนักย่อมเป็นเรื่องธรรมดา”เชามี่ตาเหลือกค้าง นางเป็นลูกสาวใต้เท้ากรมพิธีการ ได้มาเป็นอนุจวนจิ่งด้วยยามนั้นบิดาต้องการผูกมิตรกับอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงสวรรค์เปิดทางให้นางไปเป็นสตรีสูงศักดิ์ในวังหลวง ซึ่งโชคชะตานางอาจเป็นใหญ่ได้ก้าวเป็นถึงพระสนมหรือฮองเฮา แต่นางกลับกลายเป็นนกปีกหัก ต้องแต่งเข้าจวนจิ่งในฐานะอนุเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเพราะไท่ฮูหยินแจ้งว่าวันเดือนปีเกิดนางไม่เกื้อหนุนจิ่งหลัวคุน ให้นางเป็นอนุไปเสียก่อน หากดวงชะตาเปลี่ยน ดาวเคลื่อนย้าย นางจะเป็นฮูหยินใหญ่ในจวนจิ่งเมื่อใดก็มิสาย แต่สุดท้ายแม่ทัพหนุ่มก็ได้รับสมรสพระราชทานกับสตรีที่บิดาทำการค้าขาย ไร้ตำแหน่งทรงเกียรติ!“ตบปากมัน อ้ายเหมย ตบนังบ่าวชั้นต่ำให้ข้าเดี๋ยวนี้”อ้ายเหมยหม
เนี่ยหยวนซูมองจิ่งป๋อ อีกฝ่ายกับนางแม้เรียกได้ว่าเป็นญาติกันแล้ว ทว่าหญิงสาวไม่ใคร่จะรู้ตื้นลึกหนาบางของเขา ทราบเพียงแต่ว่าเขาเป็นลูกแหง่ของแม่สามี ทั้งยังนิยมร้องรำทำเพลง รักการแสดงมากกว่ารับใช้บ้านเมือง อีกทั้งหอลำนำรักซึ่งเปิดดำเนินการมาเกือบสองปีขาดทุนโดยตลอด นั่นเป็นเพราะเขาทุ่มทุนในการจัดเสื้อผ้า จ้างนางรำและนักดนตรีมีชื่ออยู่เสมอ คนพวกนั้นมักจะเจ้าอารมณ์เรียกร้องค่าตัวแพงเกินจริง ทั้งยังต้องการสิ่งที่ดีที่สุดในระหว่างเปิดการแสดงที่หอลำนำรัก“แม่ทัพจิ่งช่างดีต่อข้ายิ่ง” เนี่ยหยวนซูไม่ได้ต้องการประชด“เท่าที่ข้าจำได้ ตั้งแต่พี่ใหญ่ทราบว่าต้องแต่งงานกับพี่สะใภ้ เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง คนผู้หนึ่งที่ไม่ชอบเอาใจสตรี ทั้งยังเผด็จการและไม่เคยรักใคร พอรู้ว่าต้องมีฮูหยินเป็นตัวตน เขาแทบทำให้จวนจิ่งแตกด้วยเกรงจะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคืนแรกในการเข้าหอไม่ได้ รวมถึงการเตรียมเรือนไป๋เหลียนฮวาไว้รอรับพี่สะใภ้”เนี่ยหยวนซูคิดทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปด้วย แน่นอนนางสั่งให้คนมาขยายเรือนดังกล่าว พร้อมโรงเรือนเก็บอาหารแห้ง และหากจิ่งหลัวคุนไม่อนุญาตหรืออำนวยความสะดวก เรื่องนี้ย่อมไม่อาจสำเร็จลงโดยง
เนี่ยหยวนซูย่อมตระหนักได้ถึงความไม่ปลอดภัยของบิดา ในขณะที่นางกำลังค่อนข้างเครียดและกดดันอยู่นั้น จิ่งหลัวคุนก็ส่งแมวหางกุดของเขามาคอยรับใช้หญิงสาว แต่นางยังไม่ไว้ใจอีกฝ่ายจึงให้เขารอด้านนอก จากนั้นก็สั่งคนให้คุมกันพื้นที่ให้แน่นหนา ตรวจสอบห้ามไม่ให้คนแปลกหน้ามาเพ่นพ่าน ส่วนคนที่จะเข้างานเลี้ยงคืนนี้ให้ลงนาม และสั่งให้รอบคอบในการตรวจเรื่องเทียบเชิญ หากผู้ใดไม่มีห้ามเข้าพื้นที่เด็ดขาดเมื่อเสี่ยวฉุนส่งเชามี่และอ้ายเหมยไปห้องพักเรียบร้อย นางสั่งให้คนคุมเอาไว้ ห้ามไม่ให้ทั้งคู่ออกมาเพ่นพ่านเด็ดขาด กระทั่งก้าวออกมาพื้นที่ด้านนอกจึงได้เห็นใบหน้าของเกอสวิน แม่นางน้อยกระโดดลงไปขวางทางเขาไว้ ด้วยท่าทางหาเรื่องอย่างที่สุด“ที่นี่ ไม่ต้องการแมวรับใช้ของจวนจิ่ง”“เสี่ยวฉุน เจ้าผ่อนปรนลงบ้าง ยามนี้พวกเราล้วนต้องรับมือกับคนที่มีอำนาจ และข้าอยู่ที่นี่ย่อมช่วยเหลือนายหญิงใหญ่ได้ พร้อมส่งข่าวแก่นายท่านที่ต้องรับมือจากภัยหลายด้าน”“คุณหนูของข้า มีหน่วยคุ้มกันหลายสิบชีวิต ไฉนต้องเพิ่งแรงของแมวตัวผอมและอ่อนหัด”เกอสวินแยกเขี้ยวขู่ ตอนนั้นเองที่เสี่ยวฉุนเตรียมกางเล็บแล้วพุ่งไปข่วนหน้าตาที่ยียวนของอีกฝ่าย
เมื่อเนี่ยหยวนซูรู้ว่าบิดายังไม่กลับเข้าคฤหาสน์สกุลเนี่ย อีกทั้งให้คนออกไปตามข่าวจึงทราบว่า เขาถูกกักบริเวณไว้นอกเมือง ยามนี้มีกองกำลังทหารของลู่ไป๋อี้ล้อมอยู่ และสถานการณ์ในเมืองหลวงเป่ยตู แม้ดูปกติอย่างที่สุด หากเนี่ยหยวนซูไม่สบายใจสักนิด นางอยากยกเลิกงานเลี้ยงคืนนี้เสีย แต่ทำเช่นนั้นไม่ได้ง่าย ๆ เพราะหู่ฮาวเทียนส่งของบางส่วนมาที่งานเลี้ยง นอกจากนั้นยังมีนางกำนัลของฮองเฮาแจ้งข่าวว่าฮองเฮาจะเข้าร่วมงานด้วย โดยที่ไม่ต้องมีพิธีการใด ๆ วุ่นวาย ให้ปฏิบัติต่อนางอย่างสามัญชนซึ่งในขณะที่ตรวจสอบของว่างและน้ำชา รวมถึงลำดับการแสดงอยู่นั้น เนี่ยหยวนซูต้องข่มกลั้นอารมณ์อย่างลำบาก เนื่องจากจู่ ๆ เชามี่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตูใหญ่อันเป็นสถานที่รับรองแขกแรกเริ่มคนคุ้มกันเนี่ยหยวนซูไม่ให้เชามี่เข้ามาถึงด้านใน ทว่าอ้ายเหมยกลับคุกเข่าลงบนพื้น และถึงขั้นบ้าบิ่นด้วยการโขกศีรษะไปหลายหน จนได้แผลน่ากลัว เลือดนางไหลออกมาจนเปรอะไปทั่ว ขณะเดียวกันเชามี่ก็ร้องเสียงดังเรียกให้ผู้อื่นมามุงดูเหตุการณ์ดังกล่าว เนี่ยหยวนซูไม่อยากสนใจ กระนั้นเมื่อคิดให้ดี นางเชื่อว่าตนรับมืออนุของสามีได้“คารวะนายหญิงใหญ่...”ราว ๆ
บรรยากาศในห้องโถงแห่งนี้เต็มไปด้วยความกดดันอย่างมหาศาล ของว่างชั้นดีถูกจัดเตรียมไว้ สุราก็มีให้ดื่ม น้ำชาอุ่นอยู่ตลอด ทั้งกำยานถูกจุดช่วยให้ผ่อนคลาย ทว่าหลังจากที่ทั้งหมดต้องมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ร่วมสามชั่วยามโดยไม่ได้ล่วงรู้เรื่องใดไปมากกว่า ‘คำสั่งบอกให้รอ’ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาต่างขบคิดหนัก และพยายามหาทางส่งข่าวให้คนของตน แต่เมื่อปิดประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้นยามนี้จึงไม่ต่างจากการปิดประตูตีแมวเนี่ยข่ายไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงถูกเรียกมาที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวงตั้งแต่เช้ามืด คราแรกเขาแจ้งกลับไปว่าสะสางภารกิจยังไม่สำเร็จ ทว่าขันทีคนสนิทของฮ่องเต้มาด้วยตัวเองพร้อมราชโองการให้รีบไปตามจุดนัดหมายโดยด่วน และไม่ได้มีเพียงเขา หากคหบดีทั้งขุนนางหลายคนที่เกี่ยวกับกองคลัง กองพิธีการและฝ่ายภูษาล้วนถูกเรียกตัวมาทั้งหมด “ท่านพ่อ...มีเรื่องใดถึงต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเช่นนี้”เนี่ยหยวนซูก็นอนไม่ใคร่จะหลับ ด้วยตื่นเต้นสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น เมื่อก้าวออกจากเรือน นางก็ได้รับรายงานจากเสี่ยวฉุนว่าบิดาได้รับราชโองการให้เดินทางไปกับรถม้าของฝ่ายใน ทั้งมีทหารกับขันทีมารออยู่ที่หน้าประตูใหญ่นับสิบคน“ซู
เมื่อสามีภรรยาได้อยู่กันสองต่อสองภายในร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง จิ่งหลัวคุนก็ยิ้มกว้าง และเนี่ยหยวนซูสังเกตได้ว่ารอยยิ้มกับดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนกระนั้นแทนที่จะดีใจ เนี่ยหยวนซูกลับต้องระวังตัว ด้วยโลกที่นางโผล่เข้ามา ชีวิตลิขิตไว้เช่นไรนางย่อมรู้ดี และต้องหาวิธีเปลี่ยนมัน ทว่าสิ่งที่เนี่ยหยวนซูอยากไขว่คว้าในตอนนี้คือตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุดเมื่อจิ่งหลัวคุนมีความสุข นางก็ชั่งน้ำหน้าอยู่สักหน่อย เลยเบ้ปากให้อีกฝ่าย และนั่นก็ทำให้จิ่งหลัวคุนคึกจัด ผู้ชายคนนี้มีมุมพิลึก ทั้งบ้าบออย่างไม่น่าเชื่อ“แม่ทัพจิ่ง ท่านสูบกัญชาหรือเคี้ยวใบกระท่อมก่อนมาพบข้าหรือไม่!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะพรืดใหญ่ “อาซู เจ้าจะหาว่าสามีอารมณ์แจ่มใส เป็นเพราะ ‘พลังใบ’ หรอกหรือ”“ฮึ ก็สิ่งที่ข้าประจักษ์ด้วยสองตางาม ๆ ย่อมเป็นเยี่ยงนั้น”“ภรรยายอดรัก เจ้าล้อสามีเล่นแล้ว”ดูเอาเถิด นี่ยิ่งกว่าเจอผีทั้งป่าช้ากลางวันแสก ๆ จิ่งหลัวคุนกำลังประสาทกลับ พูดหนึ่งคำแล้วยิ้ม ยิ้มแล้วหัวเราะ การแสดงของเขาช่างน่าทึ่งโดยแท้“ไม่อย่างนั้น คงเป็นเพราะคุณชายสามสอนตำราการละครให้ท่านใช่หรือไม่ ถึงได้เป็นเช่
ปกติแล้วพื้นฐานนิสัยของหู่ฮาวเทียน ไฉนเขาจะจึงต้องคอยตามตอแยหรือตามก้นสตรี หากเขามีเหตุผลสำคัญที่คนผู้หนึ่งมอบหมาย นอกจากนั้นเมื่ออยู่ใกล้นางก็ต้องยอมรับว่า มันชุ่มชื่นหัวใจด้วยเนี่ยหยวนซูงดงามหยาดฟ้า มีเสน่ห์ในแบบที่เขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีนางใดมาก่อน นางไม่ใช่หญิงสาวอ่อนหวาน ไม่ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเร่าร้อนเฉกเช่นนางโลม แต่คือความเข้มแข็ง ความแกร่ง ทั้งยังฉลาด สามารถโต้ตอบบุรุษได้ด้วยสติปัญญา สตรีเช่นนี้สมควรเป็นยอดหญิงแห่งยุค“ซือหม่าหู่...ท่านมิใช่คนเฉิงโจว ไฉนถึงได้รอบรู้ไปเสียทุกสิ่งอย่างในแผ่นดินนี้ และการพยายามเหลือเกินที่จะเอาอกเอาใจข้า มองอย่างไรก็มีสิ่งที่น่าสงสัย ปิ่นทองที่มีพลอยโลหิต คือน้ำใจที่ท่านมอบให้ ข้าเก็บไว้แล้ว ดังนั้นอย่าพยายามยัดเยียดสิ่งอื่นอีกเลย”“ฮูหยินจิ่ง...”กล่าวกันตามตรง คำที่เขาเรียกนางบั่นทอนจิตใจมิน้อย เนี่ยหยวนซูในโลกนี้ยังเยาว์วัย แต่หู่ฮาวเทียนแสร้งเล่นละครให้นางเป็นสตรีของจิ่งหลัวคุน พร้อมหาทางป้ายความผิดให้นางเป็นหญิงที่สวมหมวกเขียวให้สามี เรื่องนี้ไฉนนางจะไม่ล่วงรู้ เขามีแผนการร้ายและเป็นบุรุษที่ประเมินแล้วคบเพื่อผลประโยชน์ได้ ทว่าอย่าได้คิดผิดใจกับเ
ฝานเหอเข้าใจคำพูดของเนี่ยหยวนซู และนางไม่อยากรื้อฟื้นหลายสิ่งก่อนหน้านี้ ด้วยจำภาพในคืนที่คุณหนูของตนเพ้อหนักได้อาการดังกล่าวนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก ดวงตาหญิงสาวเหลือกค้าง สองมือหงิกงอ ก่อนที่ร่างจะสั่นเทารุนแรงราวกับถูกความชั่วร้ายเข้าสิงสู่ หากพอรุ่งเช้าวันใหม่อาการไข้ของเนี่ยหยวนซูลดลง และคำแรกที่นางถามก็คือ“ฝานเหอ เสี่ยวฉุน พะ...พวกเจ้าตามเก็บกระดูกของข้าครบทุกชิ้นส่วนหรือไม่!”ยามนั้นหนึ่งแม่นมและหนึ่งสาวใช้รุ่นเล็กต่างอกสั่นขวัญแขวน มีเรื่องน่ากลัวอันใดถึงเพียงนั้น“กะ...กระดูกอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”เนี่ยหยวนซูทำเสียงหึ ๆ ๆ ในลำคอ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม สีหน้าสีตาก็แตกต่างจากที่เคยเห็น ทั้งที่นางคือเด็กสาวอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดปีด้วยซ้ำ“พวกมันเลาะกระดูกข้าออกจากเนื้อหนัง ส่วนวิญญาณถูก...คนผู้นั้นสะกดไว้ เพื่อชาตินี้และชาติหน้า ข้าจะไม่อาจหนีไปจากเขา!” น้ำเสียงเนี่ยหยวนซู เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ดวงตากลมโตซึ่งเคยงดงามแดงก่ำ นั่นคือครั้งแรกที่ฝานเหอได้สัมผัสน้ำเสียงและพลังลึกลับบางอย่างจากเนี่ยหยวนซู ราวกับวิญญาณคุณหนูที่นางเคยรู้จักและเลี้ยงดูมาสิบกว่าปีหลุดลอยออกไปจากร่างกายอร
“แม่นมฝาน ที่แม่ทัพจิ่งกล่าววันนั้น หมายความเช่นไร ข้ายังสงสัยจนนอนไม่หลับ”“เจ้าหมายถึงขี้ผึ้งเย็นตลับนั้น ตัวปัญหาที่ทำให้มัจจุราชเดินดินโมโหจนแทบกระอักเลือด?!”“ใช่ เขามองมาที่ข้า แล้วถามย้ำจนตอนนี้ยังขนลุกมิหาย สายตาเขาเอาแต่จ้องตลับยาที่คุณหนูได้รับจากคุณชายโจว จะว่าไปดูเหมือนของล้ำค่าที่หายาก แล้วเหตุใดฝ่ายนั้นถึงมอบแก่คุณหนู”“ผู้อื่นมีน้ำใจหาใช่เรื่องต้องสงสัย อีกอย่างคุณหนูงดงามจนบุปผายังอายคุณชายโจวคงต้องการให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวเจ้านั้นเป็นหนูนักสำรวจ ทั้งยังถูกเกอสวินไล่กวดตลอด หากจะเคล็ดขัดยอกตามร่างกายบ้างก็ไม่เห็นแปลก การที่แม่ทัพจิ่งมองตลับยาดังกล่าวเพราะเขาช่างสังเกต อีกอย่างบุรุษผู้นี้เผด็จการก็จริง แต่มากกว่านั้นคือชอบหึงหวง และชอบตอแยคุณหนูเก่งเป็นที่หนึ่ง”“เอ...หรือแท้จริงแล้ว แม่ทัพจิ่งล่วงรู้ว่าคนที่ใช้ขี้ผึ้งไอเย็นเป็นคุณหนูมิใช่ข้า และยังมีบุรุษหล่อเหลามอบให้ไว้”เสี่ยวฉุนกล่าวเช่นนั้น เนี่ยหยวนซูก็นึกถึงดวงตาคม ๆ ของจิ่งหลัวคุน และคำถามของเขา ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะแยกตัวจากไป ในวันที่นางกับเขานัดพบกันที่อารามเชิงเขา “ดูเหมือนหนูน้อยตัวจิ๋วของอาซูคงพลัดตกหลังค