ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน

ผูกรัก ปักใจ ไม่อาจลืมเลือน

last updateLast Updated : 2025-01-12
By:  PinkyPawOngoing
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
72Chapters
290views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ผู้หนึ่งรักแล้ว ทุ่มใจรักมั่น รักอยู่เช่นนั้นไร้เหตุผล.. ผู้หนึ่งเกลียดแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนใจ ไม่มีเหตุผลใดมาหักล้างเช่นกัน..

View More

Chapter 1

บทที่ 1 一

"คารวะท่านเทพแห่งอรุณรุ่งทิวากาล ฮูหยิน และโอรสทั้งสาม"

น้ำเสียงดุดันจากผู้เฝ้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ทั้งสี่ดังก้องทั่วแผ่นดิน

เทพเซียนหาได้สนใจเสียงเหล่านั้น เหาะเลียบบันไดนับพันขั้นไปยังวังมหาเทพที่ยอดเขา

ผู้เฝ้าบันไดทั้งสี่กลับมายืดตัวตรง ลดมือที่ประสานกันลง รอแขกกลุ่มต่อไปที่กำลังจะมาถึง

เสียงดนตรีอึกทึกดังมาจากด้านบนเขา งานสังสรรค์ยิ่งใหญ่ที่ห้าพันปีจะจัดสักครั้ง เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพและมาร ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ยุทธภพแห่งนี้ปกครองโดยองค์มหาเทพ แบ่งแผ่นดินเป็นห้าส่วนเรียกตามทิศาดร สรวงสวรรค์ของพระองค์ตั้งอยู่บนขุนเขาสูงเหนือยอดเมฆาบนแผ่นดินใหญ่

รอบแผ่นดินใหญ่ล้อมด้วยผืนโลกสี่แผ่น ได้แก่อุดร บูรพา ทักษิณ และประจิม

แดนอุดรคือที่อยู่ของเผ่าเทพ แดนทักษิณคือที่อยู่ของเผ่ามาร แดนบูรพาคือพิภพมนุษย์ แดนประจิมคือนรกโลกวิญญาณ

"มีขบวนเผ่ามารขึ้นมาจากทางใต้"

หูทิพย์กระดิกเล็กน้อย เทพอสูรองค์แรกนามเป่ยหานจวิน เอ่ยบอกสหายทั้งสาม

"เป็นท่านจอมมารราตรีกับหลานสาว"

เป็นเสียงของเทพอสูรองค์ที่สองนามหนันอี้จวิน ผู้มีตาทิพย์มองเห็นไกลถึงเจ็ดร้อยลี้

สามก้านธูปต่อมา ร่างจอมมารชุดดำปักเลื่อมลายแสงดาวสีเงินดูสง่ากับมารสาวอายุน้อยก็ปรากฏตรงหน้า ตามหลังด้วยบริวารมากมาย

"คารวะท่านจอมมารราตรีและภาติยะ"

เทพอสูรเอ่ยเสียงดังกังวานพร้อมประสานมือคำนับ

จอมมารราตรีพยักหน้ารับเล็กน้อย ส่วนหญิงสาวด้านหลังยืนนิ่ง จับมือท่านจอมมารไว้มั่น ก่อนพากันเหาะผ่านขึ้นไป

สายตาที่ส่งมาดูจะหวาดกลัวเล็กน้อย...

แต่เหล่าเทพอสูรชินเสียแล้ว นั่นเพราะร่างกายใหญ่ยักษ์ในอาภรณ์ติดเกราะเต็มยศกว่าปกติช่างดูน่าเกรงขาม และน่าพรั่นพรึงในเวลาเดียวกัน

นอกจากแผ่นดินใหญ่จะเป็นที่พำนักขององค์มหาเทพ พระโพธิสัตว์ เทพเซียนชั้นสูงอายุเกินแสนปีอีกสิบหกองค์แล้ว ยังมีเทพอสูรผู้เฝ้าทางขึ้นสวรรค์อีกสี่องค์

ที่ได้ชื่อว่าเทพอสูรเพราะเดิมทีมีชาติกำเนิดจากเดรัจฉาน ต่อมาได้รับการบันดาลกายทิพย์ปราณเซียนจากมหาเทพ

หน้าที่ของพวกเขาคือเฝ้าหน้าบันไดเขาสวรรค์ ปกป้องชายแดนแผ่นดินใหญ่จากการรุกรานจากเหล่าเทพ มาร อสูร และวิญญาณ รวมถึงเป็นทัพหน้าในมหาสงคราม

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์แล้ว มหาเทพจำต้องเนรมิตรูปกายพิสดารยิ่ง เพื่อให้ผู้อื่นหวาดเกรง กลัวกำลังจนไม่กล้าคิดล้มอำนาจ ทำลายยุทธภพ

เมื่อวันแห่งการเฉลิมฉลองมาถึง พวกเขาจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า เพราะต้องเฝ้าอยู่ตรงตีนบันไดตลอดร่วมสิบวันได้

"ต่อไปเป็นเผ่ามาร" เป่ยหานจวินให้สัญญาณ

เขาคือเทพผู้ถือกำเนิดจากหมีภูเขา ปกติจะคอยเฝ้าทางขึ้นเขาสวรรค์ยามราตรี เมื่อทิวากาลมาเยือนจะกลับเรือนติดชายแดนอุดร

เป่ยหานจวินมีกายเนื้อใหญ่โตสีดำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อทรงพลัง ปกคลุมด้วยขนเงาหนาหลายชั้น มีเขาเดียวประดับกลางหน้าผาก ผมหยักศกยาวสยาย มีหูทิพย์ทั้งสี่อยู่บนศีรษะ อาวุธเป็นตะบองเหล็กยักษ์

"จอมารมารนทีกับฮูหยินและอนุอีกห้านาง" หนันอี้จวินบอก

เขาถือกำเนิดจากจระเข้ยักษ์ ปกติเฝ้าทางขึ้นเขาสวรรค์ยามราตรีร่วมกับเป่ยหานจวิน ตะวันส่องแสงเมื่อใดจะกลับเรือนที่ติดชายแดนฝั่งทักษิณ

หนันอี้จวินมีกายเนื้อสีน้ำเงินเข้มติดเกล็ดแข็งเกือบทั้งตัว มีสามเขาประดับศีรษะ ริมฝีปากใหญ่หนาซ่อนเขี้ยวฟันคมไม่มิด ดวงตาทิพย์ดั่งเพชฌฆาตวารีมีมากถึงสี่ดวง มีหางจระเข้ทรงพลังอยู่ด้านหลัง อาวุธเป็นสามง่ามเหล็ก

"ทำไมเผ่ามารต้องมาเร็วกันทุกครั้ง ข้ารอจะยลโฉมเหล่าเซียนสตรีจนแทบไม่ไหวแล้ว" เทพอสูรองค์ที่สามนามตงหลิงจวิน ทำท่างอแงทั้งที่ไม่เข้ากับหน้าตาและอายุ

เขาถือกำเนิดจากอินทรีเจ้าเวหา ปกติเฝ้าทางขึ้นเขาสวรรค์ยามทิวากาล เมื่อตะวันลับฟ้าจะกลับเรือนซึ่งอยู่ติดชายแดนบูรพา

ตงหลิงจวินมีกายปกคลุมด้วยขนนกสีน้ำตาลอ่อนเกือบทั้งตัว ที่หลังมีปีกแข็งแกร่ง ยามสยายออกราวจะปิดได้ทั่วผืนฟ้า ฝ่าเท้าเป็นกรงเล็บอินทรี ศีรษะประดับเขาคู่โค้งยาว อาวุธคือคันธนูใหญ่และลูกธนูที่เจาะผ่านเกราะเหล็กกล้าได้

"ข้าไม่ทราบขอรับ"

เทพอสูรองค์สุดท้ายนามซีจงจวินหันมาตอบ โดยไม่ได้รู้เลยว่าประโยคเมื่อครู่ไม่ใช่คำถาม

"ข้าแค่บ่นน่ะซีจง อยากให้นางเซียนมาถึงเร็วๆ ข้าจะได้มองให้ชื่นใจไปอีกหมื่นปี"

ตงหลิงจวินหัวเราะที่เพื่อนหันมาตอบ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงเคลิบเคลิ้ม ดวงตาหวานหยดย้อย

ซีจงจวินมีชาติกำเนิดเป็นแมงป่องทะเลทราย ปกติเฝ้าทางขึ้นสวรรค์ร่วมกับตงหลิงจวินยามกลางวัน ตกกลางคืนกลับเรือนไปดูแลแถบชายแดนติดแผ่นดินประจิม

ร่างเทพอสูรผู้นี้มีผิวกายสีแดงอ่อนหยาบคล้ายเกราะหนัง มีแขนทรงพลังถึงหกข้าง เขี้ยวเล็บแหลมยาวน่ากลัว บนหน้าผากประดับเขาโค้งสั้นสองคู่ ด้านหลังมีหางปล้องใหญ่ดั่งแมงป่องพิษร้ายสีดำเงา อาวุธคือดาบเหล็กคมหกด้ามที่ตัดได้แทบทุกสิ่งในใต้หล้า

"ไม่มีทาง พวกนางต้องมาเป็นกลุ่มท้ายๆเพราะมัวแต่แต่งองค์ทรงเครื่องให้งดงามอลังการ จะได้ไม่น้อยหน้ากันอย่างไรเล่า"

เป่ยหานจวินบอกตามความจริง เหล่าเซียนรักการแต่งองค์ให้ดูมากเข้าไว้ ยิ่งงานใหญ่เช่นนี้ยิ่งต้องตั้งใจมาอวดประชันกัน

"เป็นอย่างที่พี่เป่ยหานว่า" หนันอี้จวินสมทบ "และหากเจ้ายังไม่อยากมีปัญหา อย่าเผลอไปคุยเรื่องนี้กับเมียเจ้าเชียว"

"ข้าไม่โง่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่หนันอี้ ขืนหลุดไปคำเดียวคงไม่ได้มีลูกไปอีกตลอดชีวิตแน่"

ตงหลินจวินพูดทั้งสีหน้าหวาดผวา เอาสองมือลูบแขนกอดตัว

"เหตุใดถึงไม่ได้มีลูกหรือขอรับ"

เป็นเสียงของซีจงจวิน ถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยทว่าแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย

ตงหลิงจวินหันมองแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู พวกเขาเองก็อายุนับแสนปีกันแล้วทั้งนั้น มีเพียงซีจงจวินสหายน้องเล็กผู้นี้ที่ยังไร้เดียงสา

"ก็ถูกจับไปเฉือนทิ้งอย่างไรเล่า ทำหมันตอนกันสดๆ นอนหยอดโจ๊กพันปี นอนร้องไห้อีกแสนปี"

ตงหลิงจวินแสร้งทำหน้าตื่นกลัวตัวสั่นอย่างทะเล้น ส่วนคนได้คำตอบก็ยังคงขมวดคิ้วถามต่อ

"แล้วเหตุใดภรรยาต้องทำรุนแรงกับสามีแบบนั้นหรือขอรับ"

ได้ยินคำถามเป่ยหานจวินหลุดขำเล็กน้อย มองหน้าสหายผู้นี้แล้วเขาอดนึกถึงอสูรเด็กที่บ้านไม่ได้จริงๆ

"เขาทำเพราะหึงหวงน่ะซีจง" เป็นเสียงหนันอี้จวินตอบให้กระจ่าง

"ใช่แล้ว ยิ่งรักมากก็ยิ่งหึงมาก ยิ่งหึงมากก็ยิ่งโหดมาก"

และเป็นตงหลิงจวินที่ขยายความให้ชัดแจ้งกว่าเก่า ซีจงจวินพยักหน้ารับก่อนเอ่ยถามคำสุดท้ายทำให้สหายต่างส่ายหน้า

"รักกับหึง เป็นอย่างไรขอรับ"

"เอาเป็นว่าเมื่อเจ้ามีเมีย ก็จะเข้าใจเอง"

เป่ยหานจวินเหนื่อยจะอธิบาย มันไม่แปลกที่ซีจงจวินจะไม่เข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยมองผู้ใด

บ้านเกิดเป่ยหานจวินเป็นภูเขา หนันอี้จวินเป็นป่าชื้น ตงหลิงจวินเป็นทุ่งหญ้าขจี ทั้งสามล้วนเคยเห็นวัฏจักร เห็นความรัก และได้สัมผัสกลิ่นอายอารมณ์หลากหลายทั้งสิ้น

แต่ไม่ใช่สำหรับซีจงจวินที่บ้านเกิดอยู่กลางทะเลทรายแห้งแล้ง นอกจากความเดียวดายแล้วยังมีแต่อันตรายรอบด้าน ใช้ชีวิตอย่างทรหดมาตลอด

หากซีจงจวินต้องการเรียนรู้ถึงจิตใจ คงต้องมีใครสักคนอยู่เคียงข้างก่อนกระมัง..

จังหวะการสนทนาถูกขัดขึ้นด้วยกลุ่มคนชุดสีกรมท่าปักลวดลายระลอกสายธาร

"คารวะท่านจอมมารนที ฮูหยิน และท่านหญิงทั้งห้า"

เทพอสูรเอ่ยพร้อมกัน ประสานมือทำความเคารพ คนเผ่ามารชำเลืองมองแล้วเหาะขึ้นบันไดไป

มีพวกเขาเป็นปราการด่านหน้าเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มบารมีให้แก่ภูผาสวรรค์แล้ว ยังเป็นการข่มขวัญผู้คนอีกด้วย

มหาเทพก็ช่างคิด ให้อสุรกายนักรบร้อยสงครามมาเป็นฐานอันทรงพลัง ผู้ใดจะกล้าคิดทำศึกได้ต้องกินดีหมีหัวใจเสือทั้งยุทธภพกระมัง

แม้จงรักภักดี แต่ทั้งเทพและมารต่างก็เล่าลือถึงเทพอสูรว่าเหี้ยมโหดดุร้าย ฆ่าล้างพันธุ์ผู้เป็นปรปักษ์ได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

แต่ไม่ว่าสายตาที่มองมาจะเป็นเช่นไร พวกเขาก็เพียงรับรู้และปล่อยผ่าน เพราะใส่ใจไปก็เสียเวลา ป่วยการเปล่าๆ

..เดิมทีมันก็ควรเป็นเช่นนั้น

กระทั่งเหล่าเซียนบุปผชาติเดินทางมาถึง..

"คารวะท่านเทพแห่งผืนป่ามวลผกามาลี ฮูหยินและธิดาทั้งแปด"

สี่เทพอสูรประสานมือเอ่ยด้วยหน้าตาถมึงทึงขึงขังเช่นเดิม ส่วนผู้มาเยือนไม่ได้สนใจอะไรนัก เหาะขึ้นบันไดเขาสวรรค์ไปเหมือนเคย

...ทว่า...

กลิ่นหอมจรุงใจสายหนึ่งโชยมาบางเบา ทำให้ซีจงจวินเผลอเงยหน้ามอง

เขาเห็นเทพธิดางามพิลาสอยู่ที่ท้ายขบวน ดวงหน้านางต้องตาต้องใจ กลิ่นกายรัญจวนชวนให้ลุ่มหลง แม้เดินผ่านไปไกลแล้ว สายตาของเทพอสูรกลับหยุดจ้องแผ่นหลังเล็กไม่ได้

แม่นางผู้นั้นงามปานจะล่มฟ้าทลายดิน ใบหน้าอ่อนเยาว์ผุดผาดดูจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตสีเขียวใสดั่งหยกเนื้อดี จมูกเชิดปากอิ่มแดงเรื่อเป็นกระจับ แก้มนวลนุ่มแต่งแต้มสีสันสดใส

เรือนผมสีชมพูอ่อนดั่งดอกเหมยดูนุ่มสลวย ปักปิ่นมวยเกล้าทรงสวยวิจิตร ผิวกายขาวผ่องปกปิดด้วยอาภรณ์เซียนสีขาวไล่ลงมาเป็นสีชมพูเข้มที่ปลายชุดรอบเอวบางดูอรชรอ้อนแอ้นมีส่วนเว้าโค้งสะโอดสะอง

งามหมดจดอะไรเช่นนี้...

อยู่มาแสนปี ซีจงจวินไม่เคยนึกชมชอบสิ่งสวยงามใด...

เทพอสูรนึกชื่นชมธิดาเซียนบุปผานางนั้นในใจ แม้นางขึ้นไปถึงยอดเขาสวรรค์แล้วเขาก็ยังตั้งสมาธิให้กลับมาจดจ่องานตรงหน้าไม่ได้

"มองสิ่งใดอยู่หรือ ซีจง"

เห็นสหายยืนจ้องบันไดด้านบนอยู่เป็นนาน ตงหลิงจวินจึงเอ่ยถาม

"ธิดาเทพพฤกษาขอรับ"

คำตอบของเขาทำให้สหายอีกสามคนหันมามองหน้ากันเหลอหลา หนันอี้จวินต้องกระแอมไอแล้วเอ่ยเตือน

"ซีจงเอ๋ย อย่าให้เสียงานไปมากกว่านี้เลย ตั้งใจรอต้อนรับท่านจอมมารศิลาและฮูหยินที่กำลังจะมาดีกว่า"

"ขอรับ" ซีจงจวินตอบเสียงเรียบ

เป่ยหานจวิน หนันอี้จวิน และตงหลิงจวินต่างลอบมองส่งสายตาให้กัน พวกเขาแปลกใจเพราะตลอดมาซีจงจวินไม่เคยมีอาการเช่นนี้

แม้จะเป็นเพียงการมองจนเหลียวหลัง แต่สำหรับคนทื่อๆไม่รู้ประสา นั่นก็ถือว่าเสียอาการไปมากแล้ว

อีกอย่าง คนที่ซีจงจวินทอดสายตาประหลาดให้ดันเป็นธิดาคนสุดท้องของเทพแห่งพงไพร ความงามนั้นเลื่องชื่อมาเป็นหมื่นปี ไหนเลยจะหันมาสนใจเทพอสูรอัปลักษณ์ได้

หากแค่ชมเฉยๆก็ดีไป แต่หากเกิดถูกใจอยากได้มาครอบครอง งานนี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว..

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

Comments

No Comments
72 Chapters
บทที่ 1 一
"คารวะท่านเทพแห่งอรุณรุ่งทิวากาล ฮูหยิน และโอรสทั้งสาม"น้ำเสียงดุดันจากผู้เฝ้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ทั้งสี่ดังก้องทั่วแผ่นดินเทพเซียนหาได้สนใจเสียงเหล่านั้น เหาะเลียบบันไดนับพันขั้นไปยังวังมหาเทพที่ยอดเขาผู้เฝ้าบันไดทั้งสี่กลับมายืดตัวตรง ลดมือที่ประสานกันลง รอแขกกลุ่มต่อไปที่กำลังจะมาถึงเสียงดนตรีอึกทึกดังมาจากด้านบนเขา งานสังสรรค์ยิ่งใหญ่ที่ห้าพันปีจะจัดสักครั้ง เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพและมาร ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วยุทธภพแห่งนี้ปกครองโดยองค์มหาเทพ แบ่งแผ่นดินเป็นห้าส่วนเรียกตามทิศาดร สรวงสวรรค์ของพระองค์ตั้งอยู่บนขุนเขาสูงเหนือยอดเมฆาบนแผ่นดินใหญ่รอบแผ่นดินใหญ่ล้อมด้วยผืนโลกสี่แผ่น ได้แก่อุดร บูรพา ทักษิณ และประจิมแดนอุดรคือที่อยู่ของเผ่าเทพ แดนทักษิณคือที่อยู่ของเผ่ามาร แดนบูรพาคือพิภพมนุษย์ แดนประจิมคือนรกโลกวิญญาณ"มีขบวนเผ่ามารขึ้นมาจากทางใต้"หูทิพย์กระดิกเล็กน้อย เทพอสูรองค์แรกนามเป่ยหานจวิน เอ่ยบอกสหายทั้งสาม"เป็นท่านจอมมารราตรีกับหลานสาว"เป็นเสียงของเทพอสูรองค์ที่สองนามหนันอี้จวิน ผู้มีตาทิพย์มองเห็นไกลถึงเจ็ดร้อยลี้สามก้านธูปต่อมา ร่างจอมมารชุดดำปักเลื่อมลายแสงดา
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 2 二
ใครๆในใต้หล้าต่างก็รู้ว่าเทพเซียนเป็นผู้ถือตัวยิ่ง เพราะต่างก็มีรูปโฉมงดงามหลากหลายสำหรับเผ่ามาร แม้มีบ้างที่รูปโฉมงาม ทว่าส่วนใหญ่ก็จะหาได้ไม่มากนักส่วนเทพอสูรนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขามีรูปกายอัปลักษณ์ ดังนั้นจึงต้องหาภรรยาที่ไม่รังเกียจกัน นั่นคือสัตว์อสูรเป่ยหานจวินมีชายาเป็นอสูรนางแมวแสนซน หนันอี้จวินมีชายาเป็นอสรพิษธารา ตงหลิงจวินมีชายาเป็นอดีตมนุษย์ ทว่าตายแล้วได้เกิดใหม่เป็นอสูรกระต่ายป่าน่าทะนุถนอมส่วนซีจงจวิน...ไม่เคยรู้จักเทพ หรือมารตนใด เพราะเขตเรือนของเขาติดชายแดนปรโลก ไม่มีสิ่งสวยงามเฉียดมาใกล้แถวนั้นมากนักดังเช่นเขตเรือนของสหายทั้งสามจะมีก็แต่วิญญาณผีร้ายที่หลุดออกมาจากนรกให้ต้องช่วยกำจัดและส่งคืนไปเท่านั้นงานเลี้ยงยังคงดำเนินไป คนบนตำหนักสวรรค์ร่วมพบปะกินดื่มกันอย่างสำราญ"คารวะมหาเทพ ขอพระองค์ทรงปกครองผืนฟ้า ปกปักษ์พสุธาแสนปี แสนๆปี"ชุนหรงเซิน เทพผู้ดูแลมวลพฤกษาพนาไพรประสานมือถวายบังคม ขณะเดินเข้าตำหนักรับรองด้านหลังชุนหรงเซินคือธิดาทั้งแปด ถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย"เจ้าแห่งพฤกษามาเยือนเขาสวรรค์ครานี้ ดอกไม้คงบานทั่วเขาไปอีกพันๆปี"มหาเทพเอ่ย มองเลยไปยังธิดาผู้งดง
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 3 三
งานเลี้ยงวันนั้นได้ผ่านมาแล้วอีกหลายปีเป็นหลายปีที่น่ารำคาญใจยิ่ง ด้วยมีข่าวลือแพร่สะพัดไปว่ามี่ฮวาแย่งชิงอวี้เวินฉิงมาจากจื่อสุ่ยจิงแรกๆมี่ฮวาไม่รู้อะไรจึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตามปกติ กระทั่งเห็นสายตาคนรอบข้างที่เปลี่ยนนั่นแหละ ความรู้สึกนางถึงเปลี่ยนตามประกอบกับเหล่าคนใช้ที่ไปตลาดเช้าชอบเอาข่าวแปลกๆมาเล่าให้ฟัง ทำให้ยิ่งระคายหูจากนั้นนางก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในวัง แทบไม่กล้าย่างกรายออกจากตำหนักด้วยซ้ำ บิดานางก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียทีเขารู้ว่าลูกทุกข์ใจขนาดไหน นางไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยในชีวิต กลับต้องมาติดในวังวนที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้สร้างเช่นนี้วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม มี่ฮวานั่งเหม่อลอยมองแจกันดอกไม้ในห้องโดยมีสายตาของพ่อและแม่แอบสอดส่องมาจากนอกหน้าต่างเห็นดวงตาไม่สดใสของลูกสาวแล้ว ฮูหยินต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่"เหตุใดผู้คนถึงขยันเล่าขานเรื่องไม่จริงกันนักนะ"นางบ่นน้ำเสียงหม่นลง กังวลกับคำร่ำลือไร้แก่นสารที่ฝังหัวคนนานเกินไป"เราจะช่วยลูกอย่างไรดีเจ้าคะ" นางหันมาถามตาละห้อยชุนหรงเซินเองก็ไม่รู้ เป็นที่ลือกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะสูงส่งมาจากไหนก็ถูกรังเกียจได
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 4 四
ที่นี่...ที่ไหน?ชุนหรงเซินเปิดเปลือกตาหนักอึ้งช้าๆ สิ่งที่เห็นอย่างแรกเป็นเพดานไม้สูง คล้ายอยู่ในเรือนใครสักคนเทพเซียนไล่มองไปรอบๆ สายตาไปสะดุดเข้ากับร่างใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆเทพอสูร!!!เป็นเทพอสูรตัวแดงผู้มีสี่เขาหกมือ ด้านหลังมีหางปล้องสีดำเงาเยี่ยงแมงป่องพิษร้ายคนเจ็บทำท่าจะขยับตัวหนี ทว่าร่างกายกลับไม่ทำตามสมองสั่ง นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นรอให้เทพอสูรเคลื่อนกายเข้ามาหาช้าๆกรงเล็บยาวยื่นมาใกล้ใบหน้า ชุนหรงเซินหลับตาปี๋ ใจเต้นดังดั่งเสียงประทัดด้วยความลุ้นระทึกข้ากำลังจะถูกฆ่า!!..แปะ..มือข้างหนึ่งที่ใหญ่เท่าศีรษะของเทพเซียนวางลงกลางหน้าผาก ครู่หนึ่งจึงยกออก"ไข้ลดแล้ว พักอีกสักหน่อยท่านก็จะหายดีขอรับ"น้ำเสียงเข้มดุของเทพอสูรทำให้ชุนหรงเซินค่อยๆลืมตาอีกครั้ง กะพริบปริบๆมองบุรุษที่นั่งชะโงกหน้ามองเขาเช่นกัน"รับโจ๊กเลยไหมขอรับ ข้าพึ่งต้มเสร็จคาดว่าท่านน่าจะตื่นมายามนี้พอดี"ฟังแล้วชวนให้ขมวดคิ้วงุนงง คราแรกไม่กล้ารับอาหารจากเทพอสูร แต่หลังจากได้กลิ่นโจ๊กหอม กระเพาะเจ้าปัญหาก็ส่งเสียงประท้วงขึ้นมาอย่างถูกจังหวะเสียอย่างนั้น"ค่อยๆลุกนะขอรับ"ฝ่ามือใหญ่ช้อนประคองร่างเทพเซียนขึ้นม
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 5 五
"เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอเทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ.."ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ""ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลยแต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง.."เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันทีนึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ""ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ""ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไ
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 6 六
เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูลตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนางบ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือสุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คง
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 7 七
ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 8 八
มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 9 九
คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไหเขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็วอย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมาแม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคนมี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข""แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ""เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่งมี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลยคนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
บทที่ 10 十
สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า
last updateLast Updated : 2024-12-03
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status