เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่
ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูล
ตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนาง
บ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ
...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือ
สุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย
"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"
ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า
"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"
บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คงไม่คิดหวนคืนมาหวานชื่นดังเดิม
"เช่นนั้นเราคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของวาสนาเสียแล้ว"
"ท่านพ่อจะให้ข้าสุ่มเลือกสามีหรือเจ้าคะ"
มี่ฮวาไม่พอใจ เพราะนางไม่อยากปล่อยให้อนาคตแสนสำคัญนี้เป็นเรื่องของโชคชะตา
"ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น"
"แต่เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะเจ้าคะ ชีวิตข้าทั้งชีวิตจะให้ไปผูกกับสามีที่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้เช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ"
"ใจเย็นก่อนมี่เอ๋อร์ พ่อไม่ได้จะใช้วิธีส่งเดช"
ชุนหรงเซินยกจอกชาขึ้นจิบ แล้วมองตาบุตรีแสนเอาแต่ใจ
"การสุ่มเลือกนี้พ่อจะจัดเป็นการประลองกันของเทพ ส่วนจะประลองอะไร กติกาแบบไหน พ่อให้เจ้ากำหนดเองใครชนะก็ได้เจ้าไปครอง ดีหรือไม่"
บิดาบอก มี่ฮวาก็ยอมนั่งฟังดีๆ แม้จะมีอาการหายใจฟึดฟัดไม่พอใจบ้างก็ตาม
"ท่านพ่อพูดแล้วห้ามคืนคำนะเจ้าคะ"
"พ่อสัญญา จะจัดการอย่างไรแล้วแต่ใจเจ้าทั้งหมด"
ชุนหรงเซินยกจอกชาขึ้นจิบอีกครั้ง เห็นบุตรสาวที่ทำตาวาว นางคงมีแผนอะไรในใจ
แม้จะกลัดกลุ้มไม่น้อย แต่นี่คงเป็นทางที่ดีที่สุด อย่างน้อยมี่ฮวาก็ได้คนที่เหมาะเป็นสามี
ว่ากันตามตรง ชุนหรงเซินมองว่าสมควรแล้วที่ลูกจะไม่เลือกใครเลย เพราะนางงามพร้อม แม้กิริยากระด้างกระเดื่องไปบ้าง ทว่าก็ยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายอะไร
หากคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไม่มีศีลเสมอกัน คงได้หย่าขาดภายในไม่ถึงสองเดือน
บิดาเดินออกจากตำหนักลูกสาว พลันนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากระบายความเครียดเสียหน่อย จึงนึกถึงสุราสวรรค์ที่ได้มาสองไหเมื่อคราวก่อน ซึ่งมันหมดภายในสองวันเพราะลูกๆแอบขโมยไปกินกันไม่เหลือให้เขาได้ลิ้มรส
มองออกไปด้านนอกตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว หากจะไปก็คงต้องรีบหน่อย
เขาเดินเข้าไปที่ตำหนักกลาง เห็นฮูหยินนั่งปักผ้าอยู่ข้างหน้าต่าง
"ฮูหยิน ข้าจะไปเยี่ยมสหายแล้วอยู่ร่ำสุรากันสักหน่อย กลับอีกทีคงเป็นตอนรุ่งสาง"
ฮูหยินหันมันเลิกคิ้วมองเล็กน้อย แล้วพยักหน้า
"เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ"
ชุนหรงเซินรับคำ ก่อนวาดมือกลางอากาศ หายตัวไปทันที
...
รัตติกาลมาเยือน ซีจงจวินเลิกงานแล้วก็ตรงกลับเรือนเหมือนเช่นทุกวัน
ทว่าต้องแปลกใจเมื่อพบรถลากไร้ม้าเทียมจอดอยู่หน้าทางเข้าในบริเวณข่ายอาคมที่เขากางไว้กั้นวิญญาณ
ซีจงจวินนึกไม่ออกว่าเป็นของผู้ใด จนกระทั่งเห็นคนที่นั่งด้านในเดินลงมา หน้าตาเรียกได้ว่าไม่ดูแช่มชื่นสดใสนัก
"คารวะท่านชุนหรงเซิน"
ซีจงจวินเดินเข้ามาประสานมือทั้งหกทำความเคารพ นั่นทำให้เทพแห่งพฤกษาเผยยิ้มพอใจ
"ไม่ต้องมากพิธีไป ข้ามาที่นี่ด้วยวันนี้เกิดเรื่องมากมาย อยากร่ำสุรารสเลิศคลายเครียด ท่านพอจะสงเคราะห์ได้หรือไม่"
"เช่นนั้น เชิญท่านเข้าด้านในก่อนขอรับ"
แล้วซีจงจวินก็เดินนำไปข้างในซึ่งสภาพราวกับเรือนร้างไม่เปลี่ยน หาใช่เพราะเก่าโทรมสกปรก กลับกันคือมันดูเหมือนไม่มีผู้อยู่อาศัย
ซีจงจวินพามายังห้องรับรองที่มีโต๊ะเตี้ยอยู่ตรงกลางห้อง มีประตูสองด้าน ซึ่งสามารถเปิดออกไปมองสวนที่ไม่มีอะไรเลยได้
เขาบอกให้รออยู่ในนี้แล้วรีบร้อนออกไป เกือบหนึ่งก้านธูป ซีจงจวินก็กลับเข้ามาพร้อมกับสุราสามไห อาหารและกับแกล้มหลายจาน
"มีหกมือเช่นท่านนี่ช่างสะดวกดีแท้"
ชุนหรงเซินเห็นเจ้าของเรือนถือของเข้ามาเต็มมือ หากเป็นคนปกติคงต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายรอบ
"เชิญขอรับ"
ซีจงจวินจัดแจงวางจานบนโต๊ะ วางไหข้างตัว รินสุราใส่จอกส่งให้ชุนหรงเซิน
"ขอบคุณ"
"มิได้ขอรับ ข้าเพียงทำสิ่งที่เจ้าเรือนควรทำ"
ชุนหรงเซินไม่ได้ว่าอะไรกับคำพูดถ่อมตนของซีจงจวิน
คราวก่อนตอนที่เห็นซีจงจวินกับเป่ยหานจวินคุยกัน เขาก็นึกอยู่ว่าเทพอสูรองค์นี้คงถ่อมตนเสียจนเคย ขนาดพูดกับเทพอสูรด้วยกันก็ยังสุภาพมาก
เมื่อสุราเข้าปาก อารมณ์ตึงเครียดก็ผ่อนลง ชุนหรงเซินกระดกเข้าไปสองจอกแล้ว แต่ไม่เห็นซีจงจวินดื่มจึงรินสุราส่งให้เขาบ้าง
"ดื่มตั้งแต่หัวค่ำเช่นนี้ คงไม่เป็นอะไรหรอก ท่านมีเวลาพักให้สร่างเมาอีกหลายชั่วยาม"
ชุนหรงเซินว่าเช่นนั้น ซีจงจวินจำต้องรับจอกสุรามากระดกลงคอไปรวดเดียว ถ้วยกระเบื้องใบเล็กยิ่งดูเล็กมากๆเมื่ออยู่ในมือเทพอสูร
"อ่าาา..."
เมรัยฤทธิ์ร้อนเพียงจอกเดียว ซีจงจวินถึงกับเสียจริต เผลอปล่อยเสียงคำรามต่ำออกมา
"สุรานี้รสดีจริงเชียว" ชุนหรงเซินเอ่ยขณะเงยหน้ามองซีจงจวินหยิบไหขึ้นรินให้แขก
เปลือกตาคู่นั้นกะพริบเปิดปิดถี่ คงเริ่มกะระยะไม่ถูก จนน้ำสุราสีอ่อนล้นจอกเล็กน้อย
...ซีจงจวินคออ่อนขนาดนี้เชียวหรือนี่
"ซีจงจวิน ท่านเคยดื่มสุราเพียงครั้งเดียวใช่หรือไม่"
"ขอรับ ครานั้นดื่มหนึ่งจอก.. ไม่คิดดื่มอีกหมื่นปีขอรับ"
"เช่นนั้นวันนี้ดื่มสักห้าจอกเป็นอย่างไร"
"..."
ซีจงจวินไม่ตอบ แต่ผงกหัวขึ้นลงอยู่หลายครั้ง
บุรุษตัวเท่าขุนเขามโหฬาร แพ้ฤทธิ์น้ำเมาจิบเดียวเช่นนี้ก็มีด้วย
ไม่แปลกที่ชุนหรงเซินจะมองซีจงจวินด้วยสายตาประหลาด เพราะไม่ว่าจะเทพหรือมารต่างก็มีธรรมเนียมดื่มสุรา ดื่มกันทุกโอกาส แทบจะดื่มแทนน้ำเปล่า
จะหาคนคออ่อนมากๆได้ คงมีแต่พวกเด็กเล็กๆเท่านั้น
จอกที่สองผ่านไป ใบหน้าสีแดงอ่อนเริ่มกลายเป็นสีแดงเข้ม
ผู้มาเยือนรู้แล้วว่าเจ้าเรือนคงเริ่มสติเลือนลาง ส่วนตัวเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย คล้ายกินน้ำผลไม้เข้าไป
"ซีจงจวิน ท่านไหวหรือไม่"
คนถูกถามไม่ตอบ เพียงหลับตาแล้วพยักหน้าช้าๆ
"เช่นนั้นอีกสักจอกดีหรือไม่"
เขาริน ซีจงจวินรับมาดื่มอีก เพียงครู่ที่น้ำเมาออกฤทธิ์ก็แทบจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
"ท่านนี่ ทั้งที่ตัวใหญ่โตน่าตาดุออกปานนี้ เหตุใดถึงคออ่อนนัก"
"..."
"เห้อ.. ข้าพึ่งเคยเจอบุรุษคออ่อนเช่นนี้ หากเราไม่ตกลงเป็นมิตรต่อกัน คงอันตรายมากทีเดียว"
".......ไม่ทราบ...ขอรับ"
?
ซีจงจวินพูดเบาๆคล้ายคนละเมอ แล้วยังตอบรับไปคนละทิศละทางอีก เล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วย่นหน้าผาก
"ไม่ทราบอะไรของท่าน"
คราวนี้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้สบตาชุนหรงเซิน เขามองเลยไป คล้ายจะพูดกับกำแพงด้านหลัง
"ไม่ทราบ....คออ่อน....ทำไม"
คนฟังถึงกับพรูลมหายใจ เขาเมาแล้วแน่ เพราะนอกจากสีหน้าท่าทางแล้ว ยังคุยไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก
"ประโยคนั้นข้าไม่ได้ถามท่านหรอกซีจงจวิน และข้าก็พูดจบไปนานแล้วด้วย"
ไม่มีการตอบรับใดๆ เทพอสูรเอาแต่นั่งโยกศีรษะไปมา
หากให้เทียบกัน ลูกสาวทั้งแปดของเขายังคอแข็งกว่าเทพอสูรองค์นี้เสียอีก
พูดถึงลูกสาวแล้ว เขาก็นึกถึงเรื่องที่มี่ฮวาพูดคราวก่อนขึ้นมา...
ชุนหรงเซินแม้ปากจะบอกว่าไว้ใจซีจงจวิน แต่ไม่ใช่เสียทุกส่วน
"ที่ท่านช่วยข้าเมื่อคราวก่อนนั่น ต้องการให้ข้าตอบแทนอย่างไรหรือ"
ซีจงจวินได้ยินคำถาม เขาเงยหน้าขึ้นมาปรือตามองอีกฝ่าย ศีรษะยังโงนเงนต้องทิ้งช่วงไว้ถึงครึ่งก้านธูปกว่าจะยอมเปิดปากอีกรอบ เพราะสมองมึนจนทำงานช้าลงไปทุกส่วน
"....อะไร...."
"ก็ที่ท่านช่วยข้าไว้อย่างไรเล่า หวังให้ข้าทำอะไรให้ท่านหรือเปล่า"
คราวนี้ซีจงจวินแหงนหน้าขึ้นจนสุด ก่อนจะสะบัดหัวไปมาแรงๆ
"ไม่..."
เสียงนั้นดังขึ้นเล็กน้อย แล้วมือข้างหนึ่งก็หยิบไหข้างตัวมาเทสุราจนล้นจอก
".....ไม่....มี..."
เขาว่า กระดกถ้วยกระเบื้องอีกหน ดูท่าชายผู้นี้เมาจริงๆ เริ่มอาการหนักแล้วด้วย
"เช่นนั้นท่านช่วยข้าเพราะเหตุใด แล้วยังให้สุราสวรรค์กับข้าอีก ไม่ใจดีเกินไปหน่อยหรือ"
"คนเจ็บ......ข้า..ช่วย..."
เพราะเห็นว่าเจ็บเลยช่วยเอาไว้เฉยหรือ? เป็นเขาที่ระแวงมากไปเองหรอกหรือนี่
ซีจงจวินเริ่มรินสุรากระดกอีกจอก ชุนหรงเซินเข้าใจแล้วว่าเขาเป็นคนเช่นนี้จริงๆ จึงไม่ติดใจอะไรอีก ยกจอกของตนขึ้นดื่มบ้าง
ต่างคนต่างดื่มไม่มีใครว่าอะไร ชุนหรงเซินเองก็อยากรู้ว่าซีจงจวินจะดื่มได้มากที่สุดเท่าไหร่
..ถึงจะเมาตั้งแต่จอกแรกก็เถิด
"ข้าละทุกข์ใจนัก ลูกสาวตกเป็นขี้ปากคน ทั้งเผ่าเทพเผ่ามาร พอจะหาสามีให้ก็ดันเจอแต่คนไม่จริงใจ ข้าละจนปัญญา"
สุราหมดไปหนึ่งไห ในจำนวนนั้นมีส่วนที่ซีจงจวินดื่มไปเพียงหกจอกเท่านั้น
ชุนหรงเซินยังมีสติดีอยู่ แต่เมื่อดื่มมากๆก็รู้สึกอยากระบายปัญหาออกไปให้ใครสักคนฟัง
"ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะเจอคนที่รักลูกสาวข้าจริงๆได้ คนที่จะไม่ทิ้งนางไปแม้ยามลำบาก"
ซีจงจวินนั่งเอาหน้าฟุบโต๊ะแต่ดวงตาทั้งสองข้างยังไม่ปิดสนิท
"......ยาก...หา..น้อย..."
คงหมายถึง หายากและมีน้อยกระมัง
"ใช่ไหมเล่า ท่านก็รู้ว่าคนแบบนั้นหายากขนาดไหน นี่ข้าหาทั่วแดนอุดรแล้วยังไม่พบเลย"
"....มาก"
คำตอบที่เว้นระยะไว้เสียนาน กับการขยับใบหน้าขึ้นลงถูไถกับโต๊ะช้าๆ ทำให้คนมองหลุดขำเสียยกใหญ่
"ท่านนี่ เวลาข้าเครียดก็ยังทำให้หายเครียดได้ดีจริงเชียว"
"...ดี....ดี..."
ยิ่งตอบเสียงยานเขาก็ยิ่งขำ ชุนหรงเซินชอบใจในความซื่อของบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก
สักพักซีจงจวินก็เงยหน้าขึ้นมาพยายามนั่งตัวตรงอีกครั้ง ก่อนปลดอาภรณ์ให้หลวมสบายมากขึ้น
"ท่านร้อนหรือ"
".....มากๆๆๆ ...."
คนพูดหลับตาส่ายศีรษะโคลงเคลง เสื้อตัวใหญ่ที่ไม่มีแขนเปิดออก เผยให้เห็นแผงอกกว้างและหน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่บัดนี้เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเกาะกลิ้งไปมา
ชุนหรงเซินเลิกคิ้วสูงขึ้น มองร่างกายท่อนบนของอีกฝ่ายซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากสงคราม
รอยแผลจากหอกดาบทั้งเล็กและใหญ่มีอยู่ทั่วตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ที่น่าสงสัยคือรอยแผลเหวอะเป็นทางดูแล้วคล้ายรอยไหม้
แผลนั้นคลุมพื้นที่ตั้งแต่บริเวณกลางหลัง ไล่ไปจนถึงสีข้างด้านขวา รูปร่างประหลาดคล้ายรอยบากแต่กลับขาดช่วงตรงปลาย
รอยแผลเป็นสีดำ เอกลักษณ์เช่นนี้ต้องมาจากอาวุธของเผ่ามารราตรีแน่
"ท่านเคยทำสงครามกับเผ่ามารราตรีด้วยหรือ"
พักหนึ่ง ซีจงจวินหันมาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้ารัวปฏิเสธ
"แผลนี้เกิดจากวิชาของเผ่ามารราตรีแน่ หากไม่ได้ทำศึกกับพวกเขา แล้วท่านมีมันได้อย่างไร"
"ข้า.....จำ..ไม่รู้..."
คงหมายถึงจำไม่ได้กระมัง
"เหตุใดถึงจำไม่ได้"
"แม่น้ำ...แม่น้ำ......ลืมเลือน.."
****
หนึ่งก้านธูป เป็นเวลาเท่ากับสิบห้านาที
ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ
มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน
คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไหเขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็วอย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมาแม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคนมี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข""แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ""เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่งมี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลยคนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร
สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า
"เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก
"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
เกือบสองเดือนแล้วที่ซีจงจวินออกไปทำงานสายทุกวัน เพราะมัวแต่นั่งรอจะกินข้าวพร้อมภรรยาอันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะมี่ฮวาไม่ได้อยากเห็นหน้าเขาอยู่แล้วในใจมี่ฮวาชิงชังซีจงจวินเพราะเขาคืออสูรอัปลักษณ์ ร่างกายอันแปลกพิลึกนั่นไม่มีส่วนไหนน่าดูสักนิดที่สำคัญคืออสูรอัปลักษณ์ตนนั้นไม่เคยเจียมตัว คิดไขว่คว้าบุปผาสวรรค์มาเชยชม เพราะหลงเพียงเปลือกที่หุ้มตัวนางไว้ยิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยบิดาจากวิญญาณร้ายแล้วยังให้สุราสวรรค์มาวันนั้นเป็นซีจงจวิน มี่ฮวาก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นในอกคงกะให้ท่านพ่อติดหนี้บุญคุณสักหลายอย่าง แล้วค่อยเอ่ยขอลูกสาวมาเป็นเมียสินะ ไอ้ปีศาจเจ้าเล่ห์!นางทำสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่าก่นด่าเขาวันละพันหน กับไม่ให้เขาเข้ามาใกล้นางมากนักอยากจะรู้เหลือเกิน ว่าหากผ่านไปนานกว่านี้อีกสักเดือนแล้วนางยังมีท่าทีรังเกียจอยู่ เขาจะทำอย่างไรแต่อสูรชั่วช้าเช่นนั้นจะทำอะไรได้เล่า.. นอกจากบังคับขืนใจนาง ให้ร่วมรักอย่างวิปริตผิดแปลกมองปราดเดียวก็รู้ สายตาที่เขาส่งมามักจะเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ใคร่อยากจะแนบกายเกยชิดคนอยู่ว่างๆเอาแต่นั่งมองสวนดินอันว่างเปล่าที่ชวนให้รำคาญตา ระหว่างนั้นก็มีเสียงหน
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส