"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"
ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงาน
แต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก..
"ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก"
"ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย
"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ"
"หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง"
"ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"
..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้
"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"
..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ
..เป็นเช่นนี้เอง
"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"
ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ
"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"
ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าตามไป ราวกับศิษย์ที่ตั้งใจฟังอาจารย์สอนสั่ง
"สตรีน่ะชอบผู้ชายที่ปกป้องนางได้ ข้อนี้เจ้าผ่าน แต่เวลาอยู่กับนางก็ต้องอ่อนโยน นุ่มนวลที่สุด เข้าใจหรือไม่"
"เข้าใจแล้วขอรับ"
"โดยเฉพาะยามค่ำคืน เจ้าต้องดูแลนาง ชื่นชมรักใคร่ ถนอมน้ำใจให้มาก"
รักใคร่ ถนอมใจอย่างนั้นหรือ..
ข้อนี้ซีจงจวินคงยังทำไม่ได้เพราะมี่ฮวาไม่ให้เขาเข้าใกล้ ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง หรือแม้แต่กลิ่นตัวเขานางก็ยังรังเกียจ
..เช่นนี้แล้ว เรื่องนอนด้วยกันคงต้องรอไปก่อน
"ขอบคุณพี่ตงหลิงที่ชี้แนะ ข้ารบกวนแล้ว"
"ไม่เลย มีอะไรเจ้าปรึกษาข้าได้ เรื่องรักๆใคร่ๆข้าถนัดนัก" คนพูดว่าสีหน้าภาคภูมิใจ
ซีจงจวินค้อมศีรษะให้ตงหลิงจวินอย่างสุภาพ เขาทำเช่นนี้กับทุกคนที่ดีกับเขา ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร
หากมี่ฮวาเห็นข้อดีตรงนี้บ้างก็คงจะดี...
...
ฟ้ามืด ซีจงจวินกลับมาถึงก็รีบถอดชุดเกราะออกตรงเข้าครัวทันที
เขาจัดแจงเตรียมวัตถุดิบทำอาหาร ลงมือปรุงอย่างชำนาญ เร่งมือให้เร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงมี่ฮวาบ่นว่าหิว
ไม่นานเกินรอ กับข้าวหกอย่างถูกจัดวางใส่ถาดสำรับดูน่ารับประทาน ซีจงจวินยกมันมาวางในห้องทานอาหาร รินน้ำชากลิ่นหอมอ่อนให้นาง เสร็จแล้วก็ยกถ้วยข้าวของตัวเองออกมานั่งมุมห้องห่างไปสิบฉื่อเหมือนเดิม
ขณะที่มี่ฮวาละเลียดกินช้าๆ ซีจงจวินกลับกินอย่างรีบร้อน เสร็จแล้วก็ไปเตรียมน้ำร้อนใส่อ่างไว้ให้อีก เมื่อกลับออกมาจากห้องน้ำพบว่ามี่ฮวากินเสร็จแล้ว ก็ตามเก็บสำรับที่เหลือตอนนางลุกไปอาบน้ำ
ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ซีจงจวินไม่กล้าเปิดปากพูดแม้แต่ครึ่งคำ
เขากะว่าจะเก็บอีกสิบคำที่เหลือจากเมื่อเช้าเอาไว้บอกราตรีสวัสดิ์...
และก็จะมองหน้านางอีกครั้งก่อนเข้าห้องนอนด้วย...
"โอ๊ย!"
เสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องน้ำ แม้มันจะเบามากแต่ซีจงจวินได้ยินชัดเจน
ด้วยความตกใจคิดว่าภรรยาลื่นล้ม ร่างของเทพอสูรพุ่งไปรวดเดียวถึงหน้าประตูทันที
ฟึ่บ!!
บานประตูถูกเลื่อนเปิดกว้าง ซีจงจวินยืนกางขาดวงตาเบิกโพลง
และภาพที่เห็นก็ทำให้ตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะมี่ฮวาไม่ได้เป็นอะไรเลย นางยืนเฉยๆอยู่ข้างอ่างไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นทั้งนั้น
แต่.. กายนางเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม ทำให้ซีจงจวินเห็นเรือนร่างสะโอดสะองเต็มสองตาทุกสัดส่วน
ผิวนางขาวนวลผ่อง เนียนราวน้ำนมคั้นจากแม่โคพันธุ์ดี
ลำคอเล็กยาวระหง หัวไหล่มนเป็นสีชมพูอ่อนระเรื่อ
อกนางอวบใหญ่เกินตัว ที่ยอดถันประดับตุ่มเม็ดเล็กสีหวานสวยราวผลอิงเถา รอบเอวบางคอดกิ่ว
ไล่ลงมาที่จุดซ่อนเร้นไร้เส้นขนปกปิด ต้นขาขาวเรียว ทั้งที่สะโพกผายก้นกลมกลึง
ซีจงจวินเห็นความเย้ายวนตระการตาตรงหน้าเพียงแวบเดียว ใจก็เต้นระส่ำราวจะระเบิดเป็นจุณ..
เสี้ยวลมหายใจที่เขาพรวดพราดเข้ามา มี่ฮวาหันไปทางต้นเสียง เห็นว่าคนที่มายืนจ้องนางเป็นใครก็ตกใจสุดขีด
"กรี๊ดดดดดด!!!!!"
หญิงสาวหวีดร้องลั่น คว้าขันไม้และอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มือมาขว้างปาใส่ไม่ยั้ง
"ทุเรศ! ไอ้ปีศาจวิปริต!!"
นางคว้าเอาอาภรณ์ตัวเก่าขึ้นมาบังไว้ ฉุนเฉียวบุรุษหน้าไม่อายผู้นี้เหลือทน
ซีจงจวินพึ่งรู้สึกตัวว่าเผลอทำสิ่งที่ไม่ควรไปเสียแล้ว เขาลนลานรีบก้มหน้าขอโทษ
"ขออภัย ข้าได้ยินเสียงท่านร้อง คิดว่าท่านลื่นล้มก็เลยวิ่งมาดู"
"ไม่ต้องมาแก้ตัว! เจ้ามันปีศาจจิตทรามหยาบช้า!!! สมองเจ้าหนีไม่พ้นเรื่องโสมมเช่นนี้จริงๆด้วย!!"
ข้าวของที่ถูกขว้างปาใส่กระแทกโดนหัวบ้าง อกบ้าง แขนบ้าง มันตกแตกเสียหายเต็มพื้น ส่วนซีจงจวินก็ยืนทื่อเป็นตอไม้อยู่เช่นนั้น มี่ฮวากำหมัดแน่นขบฟันจ้องเขม็ง
เสียงร้องนั่นเป็นเพราะนางกำลังจะลงไปแช่ในอ่างแต่น้ำมันร้อนเกินไปจึงสะดุ้งนิดหน่อยเท่านั้น
"จากนี้ไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก ได้โปรดให้อภัยข้าเถิดมี่ฮวา"
ซีจงจวินลืมเรื่องพูดสิบคำไปจนสิ้น เขาคุกเข่าอ้อนวอนที่หน้าประตู ไม่กล้าเงยหน้ามองเซียนสตรีผู้เป็นภรรยา
"คิดว่าแค่ขอโทษแล้วข้าจะให้อภัยเจ้าได้หรือ! คำขอโทษของเจ้ามันไร้ค่าสิ้นดี!!"
"เช่นนั้นให้ข้าทำอะไรก็ได้เพื่อเป็นการไถ่โทษ แต่ข้าขอร้องท่านอย่าโกรธข้าอีกเลยได้หรือไม่"
"ยังจะมีหน้ามาขอร้องข้าอีกหรือ เจ้าปีศาจชั่วช้าหน้าไม่อาย!!!"
ซีจงจวินได้แต่ก้มหน้ายอมรับถ้อยคำบาดหูสารพัด แม้ในใจรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
หากนางโมโหมากไปกว่านี้อาจจะปวดหัวเอาได้ และหากยังตะโกนเสียงดังอยู่เช่นนี้คงต้องเจ็บคอแน่
และ...ที่สำคัญคือ หากไม่ทำอะไรสักอย่าง นางจะต้องหย่าแล้วกลับบ้านเลยแน่
ซีจงจวินไม่อยากให้เป็นแบบนั้น พึ่งแต่งกันได้วันเดียวแท้ๆ จะให้จบตรงนี้ได้อย่างไร
"ข้าสาบานว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว ต่อจากนี้นอกจากตอนเตรียมน้ำให้ท่านอาบกับทำความสะอาด ข้าจะไม่เข้าใกล้ห้องอาบน้ำอีก ถ้าท่านไม่พอใจสิ่งใดข้าจะไม่ทำ เท่านี้ได้หรือไม่ ได้โปรดอย่าพึ่งหย่าข้ากลับแดนอุดรเลยมี่ฮวา"
"จะให้ข้าเชื่อคนหน้าหนา กล้าสาบานพล่อยๆอย่างนั้นหรือ!!"
แม้อีกฝ่ายวิงวอนแต่นางไม่คิดฟัง มือเรียวคว้าเอาขวดกระเบื้องใส่น้ำมันหอมขวดสุดท้ายเขวี้ยงออกไปเต็มแรง
เพล้ง!!
ขวดกระเบื้องกระทบตาข้างหนึ่งของซีจงจวินจนแตก เศษแก้วปักเปลือกตาเลือดไหลจากปากแผลอาบแก้มก่อนหยดลงพื้น
คนเจ็บนั่งคุกเข่านิ่งไม่ขยับเขยื้อน เพียงหลับตาข้างนั้นไว้เฉยๆ
มี่ฮวาหอบหายใจแรง สติกลับคืนมามากขึ้นเมื่อเห็นของเหลวสีแดงสดสายนั้น...
จากที่โกรธ ตอนนี้กลับกลายเป็นเริ่มระแวง เพราะคิดว่าโดนขนาดนี้ซีจงจวินต้องเจ็บและแค้นไม่น้อยเช่นกัน
เกรงว่าหากควบคุมไม่อยู่ เกิดบันดาลโทสะขึ้นมา นางจะตายได้ง่ายๆในอุ้งมือเขา
เช่นนั้น.. นางจะยอมลงให้ก่อนก็ได้
"ในเมื่อเจ้ากล้าสาบานข้าจะลองเชื่อดูสักครั้ง แต่ถ้าเจ้าทำไม่ได้ตามที่พูด ข้าหย่าจริงแน่"
ได้ยินนางว่า แทนที่จะเคือง ซีจงจวินกลับเผยยิ้มบาง โล่งใจเหลือเกินที่นางไม่คิดเอาความมากกว่านี้
"ข้าจะระวังให้มาก ท่านอย่ากังวลเลย"
เทพอสูรรีบเก็บกวาดเสกซากของบนพื้น ถอยออกมาโดยเร็ว ปิดประตูและไม่หันไปมองอีก
มี่ฮวาข่มตานั่งลงแช่น้ำในอ่าง ใจยังคงหลงเหลือความโกรธและความอับอายที่ถูกเทพอสูรเห็นร่างเปลือยของนาง
คอยดูเถิด หากมีโอกาสจะเล่นงานให้หนักเลย!
...
ซีจงจวินทำแผลให้ตัวเองเสร็จก็ไปอาบน้ำตรงธารน้ำตกในป่า โชคดีที่แผลไม่ได้ลึกจนถึงขั้นตาบอด แค่ลืมตาไม่ได้ไปอีกหลายวันเท่านั้น
ความมืดทำให้น้ำที่ปกติเย็นอยู่แล้ว ยิ่งหนาวราวจะแช่แข็งกระดูกได้
เขารีบอาบรีบกลับบ้าน ไม่ใช่เพราะทนหนาวไม่ได้ แต่เพราะไม่กล้าทิ้งมี่ฮวาเอาไว้คนเดียวนานๆ เพราะกลางคืนอันตรายกว่ากลางวันมากนัก
เมื่อกลับมาถึงซีจงจวินเห็นไฟในห้องนางดับสนิท คิดว่าภรรยาน่าจะหลับแล้วจึงกลับเข้าห้องตัวเองไปเงียบๆ
เทพอสูรล้มตัวนอนบนเตียงที่เมื่อคืนเป็นที่นอนของมี่ฮวา
กลิ่นหอมจากกายนางยังติดอยู่บนเตียงไม่จางหาย...
ซีจงจวินเอาหน้าซุกกับหมอน สูดเอาไอกลิ่นนั้นเข้าปอดลึก ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนทำสีหน้าแบบไหนอยู่
ความหื่นกระหายเกิดขึ้นในมโนจิต กำหนัดพลันแล่นพล่านทั่วสรรพางค์กาย ผิวสีแดงอ่อนนั้นเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึม
หอม... หอมเหลือเกิน...
ยิ่งคิดถึงใบหน้าหวานแฉล้ม รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งกว้างขึ้น..
ซีจงจวินเอามือขยำหมอน คิดว่าเป็นร่างของนางยามถูกมือทั้งหกสัมผัสต้อง
นุ่มเหลือเกิน...
เขาขยี้หมอนแรงขึ้น พลางนึกถึงภาพที่ได้เห็นเมื่อตอนค่ำ
ภาพเปลือยของแม่นางผู้มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ทรวดทรงงามล้ำ ดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์ ทำให้ความกระหายใคร่พุ่งสูงเกินจะต้าน
ยอดถัน บั้นท้าย หรือหมอนใบนี้ สิ่งใดจะนิ่มกว่ากัน...
เรียวแขนนางยามโอบกอดจะให้ความรู้สึกดีเพียงไหน...
และหากนางเอาขากระหวัดเกี่ยวรั้งไว้ด้วยเล่า.. จะสุขเท่าใด...
จินตนาการไปแสนไกล มือเลื่อนปลดกางเกงนอนโยนไปบนพื้นแล้วเริ่มประกอบกิจกามด้วยตนเอง
แท่งหินใหญ่ที่รอบโคนคลุมด้วยเส้นขนดำขลับเริ่มแข็งขืน ปลายกระดกขึ้นรับสัมผัสที่มือของตนมอบให้
เขากำเหนี่ยวรูดรั้งมัน จากเบาเป็นแรง จากช้าเป็นเร็ว เกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้อง ขณะเดียวกันก็หยิบเอาหมอนขึ้นมาสูดกลิ่นบุปผาหอมหื่น
"มี่..ฮวา..."
เสียงครางกระเส่าเรียกชื่อนาง นึกไปว่าสิ่งที่อยู่ใต้ร่างเป็นภรรยาคนงาม กำลังนอนยิ้มส่งสายตายั่วยวนมาให้
ซีจงจวินขย่มเตียงชำเราตนอยู่เป็นนานกว่าของเหลวขุ่นข้นจะพวยพุ่งทะลักจากปลายลำแข็งตั้งชูชัน
ลมหายใจหอบถี่ส่งผลให้อกแกร่งกระเพื่อมเร็ว มองลงไปเห็นของเหลวนั้นเลอะอยู่เกือบทั่วเตียงแล้วก็ยิ้มเผล่
หากข้างใต้นี้เป็นนางที่เปรอะเปื้อนน้ำของเขาเล่า...
เพียงนึกภาพ ท่อนเอ็นใหญ่ก็ไม่อาจล้มได้เสียแล้ว ซีจงจวินหยิบหมอนขึ้นมาใช้มันทำความคุ้นเคยกับอามณ์รักอีกหลายรอบ
ผ่านไปค่อนคืน มือที่เลอะน้ำเหนียวต้องหยุดลง
หมอนใบนุ่มที่เขาทำเพียงแค่ขยำขยี้ไปมา บัดนี้ขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีเพราะกรงเล็บทั้งสามสิบนิ้วนั้นใหญ่และแหลมคมมาก
มิน่า.. นางถึงได้หวาดกลัวรังเกียจถึงเพียงนั้น
ซีจงจวินเริ่มรู้สึกตัวว่าลักษณะของตนอาจจะดูน่ากลัวเกินไป จึงเดินไปเปิดลิ้นชักเอากรรไกรออกมาตัดเล็บ
ถึงจะเป็นอาวุธชั้นดีขนาดไหน แต่หากมีมันแล้วทำให้ภรรยาไม่กล้าเข้าใกล้เช่นนี้ ไม่เก็บไว้เสียจะดีกว่า
ทั้งตัดทั้งตะไบเอาเหลี่ยมคมออกให้หมดทุกนิ้ว เสร็จแล้วก็เพ่งมองอย่างภาคภูมิใจ คิดไปว่าหากวันหน้ามีโอกาสจริงๆเขาจะไม่ทำให้ร่างอันบอบบางมีรอยข่วนหรือรอยช้ำแม้แต่รอยเดียว
ต่อไปนี้เขาจะตัดเล็บทุกสามวัน เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้สัมผัสกายนาง
*********
อิงเถา คือผลเชอร์รี่
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
"คารวะท่านเทพแห่งอรุณรุ่งทิวากาล ฮูหยิน และโอรสทั้งสาม"น้ำเสียงดุดันจากผู้เฝ้าบันไดขึ้นเขาสวรรค์ทั้งสี่ดังก้องทั่วแผ่นดินเทพเซียนหาได้สนใจเสียงเหล่านั้น เหาะเลียบบันไดนับพันขั้นไปยังวังมหาเทพที่ยอดเขาผู้เฝ้าบันไดทั้งสี่กลับมายืดตัวตรง ลดมือที่ประสานกันลง รอแขกกลุ่มต่อไปที่กำลังจะมาถึงเสียงดนตรีอึกทึกดังมาจากด้านบนเขา งานสังสรรค์ยิ่งใหญ่ที่ห้าพันปีจะจัดสักครั้ง เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างเผ่าเทพและมาร ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วยุทธภพแห่งนี้ปกครองโดยองค์มหาเทพ แบ่งแผ่นดินเป็นห้าส่วนเรียกตามทิศาดร สรวงสวรรค์ของพระองค์ตั้งอยู่บนขุนเขาสูงเหนือยอดเมฆาบนแผ่นดินใหญ่รอบแผ่นดินใหญ่ล้อมด้วยผืนโลกสี่แผ่น ได้แก่อุดร บูรพา ทักษิณ และประจิมแดนอุดรคือที่อยู่ของเผ่าเทพ แดนทักษิณคือที่อยู่ของเผ่ามาร แดนบูรพาคือพิภพมนุษย์ แดนประจิมคือนรกโลกวิญญาณ"มีขบวนเผ่ามารขึ้นมาจากทางใต้"หูทิพย์กระดิกเล็กน้อย เทพอสูรองค์แรกนามเป่ยหานจวิน เอ่ยบอกสหายทั้งสาม"เป็นท่านจอมมารราตรีกับหลานสาว"เป็นเสียงของเทพอสูรองค์ที่สองนามหนันอี้จวิน ผู้มีตาทิพย์มองเห็นไกลถึงเจ็ดร้อยลี้สามก้านธูปต่อมา ร่างจอมมารชุดดำปักเลื่อมลายแสงดา
ใครๆในใต้หล้าต่างก็รู้ว่าเทพเซียนเป็นผู้ถือตัวยิ่ง เพราะต่างก็มีรูปโฉมงดงามหลากหลายสำหรับเผ่ามาร แม้มีบ้างที่รูปโฉมงาม ทว่าส่วนใหญ่ก็จะหาได้ไม่มากนักส่วนเทพอสูรนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขามีรูปกายอัปลักษณ์ ดังนั้นจึงต้องหาภรรยาที่ไม่รังเกียจกัน นั่นคือสัตว์อสูรเป่ยหานจวินมีชายาเป็นอสูรนางแมวแสนซน หนันอี้จวินมีชายาเป็นอสรพิษธารา ตงหลิงจวินมีชายาเป็นอดีตมนุษย์ ทว่าตายแล้วได้เกิดใหม่เป็นอสูรกระต่ายป่าน่าทะนุถนอมส่วนซีจงจวิน...ไม่เคยรู้จักเทพ หรือมารตนใด เพราะเขตเรือนของเขาติดชายแดนปรโลก ไม่มีสิ่งสวยงามเฉียดมาใกล้แถวนั้นมากนักดังเช่นเขตเรือนของสหายทั้งสามจะมีก็แต่วิญญาณผีร้ายที่หลุดออกมาจากนรกให้ต้องช่วยกำจัดและส่งคืนไปเท่านั้นงานเลี้ยงยังคงดำเนินไป คนบนตำหนักสวรรค์ร่วมพบปะกินดื่มกันอย่างสำราญ"คารวะมหาเทพ ขอพระองค์ทรงปกครองผืนฟ้า ปกปักษ์พสุธาแสนปี แสนๆปี"ชุนหรงเซิน เทพผู้ดูแลมวลพฤกษาพนาไพรประสานมือถวายบังคม ขณะเดินเข้าตำหนักรับรองด้านหลังชุนหรงเซินคือธิดาทั้งแปด ถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย"เจ้าแห่งพฤกษามาเยือนเขาสวรรค์ครานี้ ดอกไม้คงบานทั่วเขาไปอีกพันๆปี"มหาเทพเอ่ย มองเลยไปยังธิดาผู้งดง
งานเลี้ยงวันนั้นได้ผ่านมาแล้วอีกหลายปีเป็นหลายปีที่น่ารำคาญใจยิ่ง ด้วยมีข่าวลือแพร่สะพัดไปว่ามี่ฮวาแย่งชิงอวี้เวินฉิงมาจากจื่อสุ่ยจิงแรกๆมี่ฮวาไม่รู้อะไรจึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตามปกติ กระทั่งเห็นสายตาคนรอบข้างที่เปลี่ยนนั่นแหละ ความรู้สึกนางถึงเปลี่ยนตามประกอบกับเหล่าคนใช้ที่ไปตลาดเช้าชอบเอาข่าวแปลกๆมาเล่าให้ฟัง ทำให้ยิ่งระคายหูจากนั้นนางก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในวัง แทบไม่กล้าย่างกรายออกจากตำหนักด้วยซ้ำ บิดานางก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียทีเขารู้ว่าลูกทุกข์ใจขนาดไหน นางไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยในชีวิต กลับต้องมาติดในวังวนที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้สร้างเช่นนี้วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม มี่ฮวานั่งเหม่อลอยมองแจกันดอกไม้ในห้องโดยมีสายตาของพ่อและแม่แอบสอดส่องมาจากนอกหน้าต่างเห็นดวงตาไม่สดใสของลูกสาวแล้ว ฮูหยินต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่"เหตุใดผู้คนถึงขยันเล่าขานเรื่องไม่จริงกันนักนะ"นางบ่นน้ำเสียงหม่นลง กังวลกับคำร่ำลือไร้แก่นสารที่ฝังหัวคนนานเกินไป"เราจะช่วยลูกอย่างไรดีเจ้าคะ" นางหันมาถามตาละห้อยชุนหรงเซินเองก็ไม่รู้ เป็นที่ลือกันเช่นนี้ ไม่ว่าจะสูงส่งมาจากไหนก็ถูกรังเกียจได
ที่นี่...ที่ไหน?ชุนหรงเซินเปิดเปลือกตาหนักอึ้งช้าๆ สิ่งที่เห็นอย่างแรกเป็นเพดานไม้สูง คล้ายอยู่ในเรือนใครสักคนเทพเซียนไล่มองไปรอบๆ สายตาไปสะดุดเข้ากับร่างใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆเทพอสูร!!!เป็นเทพอสูรตัวแดงผู้มีสี่เขาหกมือ ด้านหลังมีหางปล้องสีดำเงาเยี่ยงแมงป่องพิษร้ายคนเจ็บทำท่าจะขยับตัวหนี ทว่าร่างกายกลับไม่ทำตามสมองสั่ง นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นรอให้เทพอสูรเคลื่อนกายเข้ามาหาช้าๆกรงเล็บยาวยื่นมาใกล้ใบหน้า ชุนหรงเซินหลับตาปี๋ ใจเต้นดังดั่งเสียงประทัดด้วยความลุ้นระทึกข้ากำลังจะถูกฆ่า!!..แปะ..มือข้างหนึ่งที่ใหญ่เท่าศีรษะของเทพเซียนวางลงกลางหน้าผาก ครู่หนึ่งจึงยกออก"ไข้ลดแล้ว พักอีกสักหน่อยท่านก็จะหายดีขอรับ"น้ำเสียงเข้มดุของเทพอสูรทำให้ชุนหรงเซินค่อยๆลืมตาอีกครั้ง กะพริบปริบๆมองบุรุษที่นั่งชะโงกหน้ามองเขาเช่นกัน"รับโจ๊กเลยไหมขอรับ ข้าพึ่งต้มเสร็จคาดว่าท่านน่าจะตื่นมายามนี้พอดี"ฟังแล้วชวนให้ขมวดคิ้วงุนงง คราแรกไม่กล้ารับอาหารจากเทพอสูร แต่หลังจากได้กลิ่นโจ๊กหอม กระเพาะเจ้าปัญหาก็ส่งเสียงประท้วงขึ้นมาอย่างถูกจังหวะเสียอย่างนั้น"ค่อยๆลุกนะขอรับ"ฝ่ามือใหญ่ช้อนประคองร่างเทพเซียนขึ้นม
"เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอเทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ.."ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ""ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลยแต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง.."เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันทีนึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ""ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ""ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไ
เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูลตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนางบ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือสุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คง
ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ
ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ซีจงจวินทำตัวเหมือนเรือนนี้ไม่ใช่เรือนของเขาข้าวไม่เคยกินร่วมโต๊ะ ไม่เคยนอนร่วมเตียงเคียงหมอน จะอาบน้ำต้องไปที่ธารน้ำตก เช้าตื่นมารับใช้นาง กลับบ้านมืดค่ำก็ยังรับใช้นางราวกับภรรยาเป็นนาย ส่วนเขาเป็นทาส..แต่ซีจงจวินก็ยังทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่าการเป็นสามีภรรายากันต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะดีขอเพียงไม่หนีกันไปไหน จะเป็นตัวอะไรในสายตานางก็ช่างเถิด...ตะวันใกล้ลาลับ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสว่างอ่อนเป็นครามคล้ำ ซีจงจวินและตงหลิงจวินยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นเขาสวรรค์ รอเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินมาผลัดเวรเช่นเดิม"นั่นไง มานู่นแล้ว"ตงหลิงจวินโบกไม้โบกมือให้เป่ยหานจวินและหนันอี้จวิน ส่วนซีจงจวินเมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏอยู่ไกลๆก็หันมาเอ่ยลา"ข้าขอตัวกลับเลยนะขอรับ""อ้าว ไม่อยู่คุยกับพี่เป่ยหานพี่หนันอี้ก่อนหรือ" ตงหลิงจวินแปลกใจ เพราะปกติซีจงจวินจะรอให้ทั้งสองมาถึงก่อน คุยกันเล็กน้อยแล้วจึงลากลับ"ข้าจะรีบกลับไปทำอาหารเย็นให้มี่ฮวาขอรับ"คราวนี้ตงหลิงจวินหันมาขมวดคิ้วมอง เช่นเดียวกับเป่ยหานจวินและหนันอี้จวินที่พึ่งมาถึง"เมียเจ้าไม่ทำอาหา
"วันแรกก็มาทำงานสายเสียแล้วสหายข้า"ตงหลิงจวินเอ่ยทักเสียงสดใส คิดว่าหลังเสร็จพิธีเมื่อวานซีจงจวินคงนอนกกภรรยาจนไม่อยากลุกมาทำงานแต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก.."ขออภัยด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่ตงหลิงลำบาก""ลำบากอะไรกันเล่า ข้าดีใจต่างหาก ในที่สุดเจ้าก็ได้มีความรักกับเขาสักที" ตงหลิงจวินเดินเข้ามาตบบ่าแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม ขณะที่ซีจงจวินมีสีหน้าเรียบเฉย"ข้าคิดว่าข้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักขอรับ""หืม? ก็เจ้ารักนางถึงแต่งกับนางไม่ใช่หรือซีจง""ข้าคิดว่าข้าอยากแต่งกับนางเพราะอยากอยู่ด้วยกันเท่านั้นขอรับ"..ซีจงจวินจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้"ก็เพราะพิศวาสนางไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าถึงได้อยากอยู่กับนาง อยากได้นางมาครอบครองเช่นนี้"..เพราะรักถึงอยากอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ..เป็นเช่นนี้เอง"เข้าใจแล้วขอรับ ข้ารักมี่ฮวา"ตงหลิงจวินถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย รู้ว่าซีจงจวินซื่อบื้อ แต่มันก็ควรจะมีขอบเขตบ้างไม่ใช่หรือ"เจ้าต้องคิดให้เร็วกว่านี้นะซีจง ผู้หญิงน่ะเอาใจยาก เข้าใจก็ยิ่งยาก เรื่องมากที่สุด จะครองทุกพื้นที่ในใจนางได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้ไหม"ซีจงจวินฟังแล้วก็พยักหน้าต
"เช่นนั้น ข้าก็ขอยื่นเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน"ซีจงจวินฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไรแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงแต่โดยดี"เงื่อนไขข้อแรก ห้ามเจ้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม และห้ามเข้าใกล้ข้าเกินระยะสิบฉื่อ""..."เจอข้อแรกเข้าไป ซีจงจวินก็ถึงกับสะอึกหากไม่แตะต้องกันแล้วจะเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไรแล้วภาพฝันที่เขาวาดไว้ การเสพสังวาสที่เหล่าสหายเทพอสูรเคยบรรยายให้ฟังว่ามันมอบความสุขให้มากมายเพียงใดเล่า...ซีจงจวินต้องยอมเก็บคำโต้แย้งเอาไว้ เกรงว่าพูดออกไปแล้วมี่ฮวาจะโมโหอีก"ข้อที่สอง ข้าจะยอมอยู่ห้องเดียวกับเจ้าแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าต้องจัดห้องนอนห้องอื่นให้ข้า"...นี่แม้แต่นอนห้องเดียวกันยังไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ..."ข้อที่สาม ห้ามเจ้าพูดกับข้าเกินวันละยี่สิบคำ ห้ามมองหน้าข้าเกินวันละสองครั้ง""...""ข้อสี่ เจ้าต้องดูแลข้าอย่างดี ข้าวปลาอาหาร น้ำท่าให้อาบ เจ้าต้องเตรียมทั้งหมดรวมถึงทำความสะอาดบ้านด้วย""...""ข้อสุดท้าย ข้าสามารถเพิ่มและเปลี่ยนกฏอีกได้ไม่จำกัด หากเจ้าไม่ทำตามนี้ข้าจะหย่าแล้วกลับวังที่แดนอุดรทันที"ฟังไปซีจงจวินได้แต่กะพริบตาปริบๆมองภรรยาแสนเอาแต่ใจ ข้อก
สุดท้ายชุนหรงเซินพามี่ฮวากลับเข้ามานั่ง หญิงสาวไม่พูดอะไร บิดาจึงเป็นคนคุยธุระกับทางฝ่ายเจ้าบ่าวแทนแน่นอนว่าซีจงจวินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรียกสินสอดราคามหาศาลเท่าใดก็ไม่เกี่ยง แล้วยังทำท่าดีใจเนื้อเต้นเขาก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่หลงรูปกายสตรีเหมือนคนอื่นๆยิ่งคิดความรังเกียจที่มีต่อว่าที่สามีก็ยิ่งทับถมกันเป็นชั้นหนาในใจ...รุ่งเช้าตอนกลับบ้านที่แดนเหนือ ซีจงจวินยังคงมองตามแผ่นหลังของเทพธิดาบนรถลากค่อยๆห่างออกไป มี่ฮวาเองก็รู้และยิ่งไม่พอใจด้วยคิดว่าสายตานั้นจาบจ้วงหยาบคายเสียเหลือเกินมองกันจนจะทะลุไปถึงไหนต่อไหน ไม่ให้เกียรติกันสักนิด!...เดือนต่อมา พิธีมงคลสมรสถูกจัดขึ้นที่วังของชุนหรงเซิน เป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแม้แขกเหรื่อมีไม่มาก ฝ่ายเจ้าสาวมีคนในครอบครัวและญาติสนิท ส่วนทางเจ้าบ่าวมีแขกเป็นเทพอสูรเพียงสามองค์เท่านั้นเจ้าสาวอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดปักดิ้นทองประณีตลายบงกช ชายยาวถึงหนึ่งจั้ง สวมมงกุฎทองประดับทับทิมสีแดงสดเม็ดเกือบเท่าฝ่ามือนับสิบเม็ดได้เจ้าบ่าวที่ปกติสวมแต่ชุดเกราะ บัดนี้อยู่ในอาภรณ์สีแดงเข้ากับเจ้าสาว ช่างดูเหมาะสมกันยิ่ง...อย่างน้อยซีจงจวินและเพื่อนเจ้า
คืนนั้น หลังจากได้เห็นว่าดอกไม้ที่มี่ฮวาสร้างขึ้นไปอยู่บนเตียงของซีจงจวิน ชุนหรงเซินก็รีบกลับทันทีไม่อยู่ต่อหรือนำสุราติดมือไปด้วยสักไหเขารีบไปตระเตรียมจัดการกิจธุระที่จำเป็นทั้งหมด สะสางทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานแต่งโดยเร็วอย่างไรเสียก็ต้องเอาซีจงจวินมาเป็นลูกเขยให้ได้!เย็นวันต่อมาชุนหรงเซินเรียกตัวมี่ฮวาให้ออกจากห้อง ออกอุบายว่าจะพาไปเที่ยวสูดอากาศในที่ดีๆ แล้วจึงพานางขึ้นรถลากเหาะข้ามแดนมาแม้จะเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่เรื่องนี้ทั้งฮูหยินและลูกสาวทั้งแปดไม่มีใครรู้เลยสักคนมี่ฮวาเองก็ยังแปลกใจที่จู่ๆบิดาพานางออกมาที่ไกลๆ ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ให้ออกจากตำหนักด้วยซ้ำ"เรากำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ"เสียงหวานเอ่ยถาม ชุนหรงเซินหันมาแย้มยิ้มให้ ตอบคำถามแบบตั้งใจเลี่ยง "ไปในที่ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข""แล้วมันที่ไหนกันเล่าท่านพ่อ""เดี๋ยวถึงแล้วพ่อจะบอก"เหตุใดบิดาถึงไม่ยอมตอบตามตรงกันนะ..ผ่านไปเกือบสองชั่วยาม รถลากไร้ม้าเทียมร่อนลงจอดที่หน้าเรือนหลังหนึ่งมี่ฮวาและชุนหรงเซินลงจากรถ ตอนนั้นดวงตะวันได้หายลับไปแล้ว ท้องฟ้าครึ้มมีดวงดาวส่องให้แสงไม่สว่างเอาเสียเลยคนทั้งสองยืนนิ่งในความมืดไร
มี่ฮวาตื่นรับอรุณอันแจ่มใส ลุกมาทานสำรับเช้าพร้อมบิดามารดาและพี่ๆอย่างอารมณ์ดี"เจ้าคงหาสามียากขึ้นอีกแน่" สองฝาแฝดไป๋หลันและหวงหลันเอ่ย มี่ฮวาเพียงยู่ปากเล็กน้อยก่อนคีบกับข้าวกินแบบไม่ใส่ใจนัก"หากได้ไม่ดี ไม่มีเลยดีเสียกว่า" นางว่า ชุนหรงเซินก็ทำท่าหนักใจแม้จะโล่งที่อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ต้องแต่งให้คนที่ไม่เหมาะสม แต่ต่อไปคงมีข่าวลือเกี่ยวกับมี่ฮวากระจายไปทั่วอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเหล่าสาวใช้กลับจากตลาดก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมบอกข่าวที่เก็บได้จากการออกไปข้างนอกว่า'ลูกสาวคนเล็กของเทพแห่งพฤกษาปฏิเสธการเลือกคู่เพื่อรอเทพแห่งแสงผู้เคยเป็นคนรักของหลานจอมมาราตรี'ตะเกียบในมือหล่นทันทีหลังฟังจบ สาวใช้ยังบอกอีกว่า บางคนก็เล่าลือกันไปว่า'ว่ากันว่าแม่นางมี่ฮวาต้องการให้อวี้เวินฉิงกลับมาหานาง แต่อวี้เวินฉิงไม่มานางจึงไม่เลือกชายใด''แม่นางมี่ฮวาไม่รู้สูงต่ำ กลั่นแกล้งเทพเซียนปั่นหัวบุรุษแล้วตัดเยื่อใยไม่ไว้ไมตรี''ลูกสาวเทพแห่งวสันต์ต้องการเพิ่มระดับความนิยมของตน จึงจัดงานดูตัวปลอมๆขึ้นมา''ตอนนี้เหล่าเทพรู้ซึ้งแล้ว ต่อให้งามเพียงใด แต่คิดร้ายหมายล่มเมือง พวกเขาไม่มีใครอยากแต่งน
ชุนหรงเซินหันมองที่ซีจงจวินทันที หัวคิ้วขมวดปมแน่นซีจงจวินไปทำอะไรที่แม่น้ำลืมเลือน ซึ่งอยู่ถึงสุดเขตดินแดนบูรพากันนะ..แต่ไม่ทันจะได้ถามต่อ ร่างของเทพอสูรก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นเสียแล้วเปลือกตาของซีจงจวินปิดสนิท บ่งบอกว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยชุนหรงเซินได้แต่ถอนหายใจกับปริศนาที่ชายผู้นี้ทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจัดแจงให้เขานอนในท่าที่ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วตนก็นั่งดื่มสุราต่อผู้เดียวทั้งคืน...ดวงตะวันเริ่มเลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าสัตว์อสูรตื่นจากการหลับใหลซีจงจวินเองก็ตื่นตามเวลาปกติเช่นกัน แต่เช้านี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย"โอยยย..."เขาครางเสียงต่ำ ฤทธิ์สุราสวรรค์ช่างร้อนแรง เล่นเอาปวดหัวตาลายจนไม่อาจทรงตัวได้ดีนัก"ตื่นแล้วหรือ"ชุนหรงเซินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคืน มองซีจงจวินที่ตอนนี้อยู่ในท่าประหลาดเทพอสูรคุกเข่าก้มตัวต่ำศีรษะแทบติดพื้น มือสองข้างกุมขมับ อีกสี่ข้างยันพื้นเอาไว้ หางปล้องยาวชูขึ้นสูงดูๆไปแล้วก็เหมือนแมงป่องจริงๆ เป็นแมงป่องยักษ์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี เกรงว่าหากเข้าไปกวนใจจะโดนฆ่าตายได้ง่ายๆ"ดื่มน้ำยาสร่างเมานี่เสีย"ชุนหรงเซินยื่นถ้วยยาส่งให้ซีจงจวิน เขารับ
เทพเซียนทั่วทั้งแผ่นดินอุดรเดินทางมายังวังของเทพแห่งพฤกษาเพื่อเข้าร่วมงานดูตัวที่จัดอย่างสมฐานะเซียนตระกูลใหญ่ในตำหนักรับรองมีบุรุษนั่งปั้นยิ้มหน้าสลอนกันเต็มไปหมด ต่างสวมใส่อาภรณ์ชั้นดีเพื่อบ่งบอกความร่ำรวยและอำนาจตระกูลตั้งแต่นั่งคุยเช้าจรดค่ำ ไม่มีใครเลยที่ทำให้มี่ฮวาพึงใจ ทุกคนล้วนแต่เข้ามาเพื่ออวดอ้างว่าตนทำสิ่งนั้นได้สิ่งนี้ได้ ไม่ก็พยายามหาของมาเพื่อหลอกล่อซื้อใจนางบ้างป้อนคำหวาน ป้อยอกันจนระคายหู หาได้มีความจริงใจสักนิด เพราะได้เห็นรูปโฉมงดงามจึงอยากได้มี่ฮวาไปประดับเรือน ราวกับนางเป็นสิ่งของ...ไม่ดูถูกกันมากเกินไปหน่อยหรือสุดท้ายก็จบลงด้วยการให้เทพเซียนเหล่านั้นกลับวังของตัวเองไป โดยมี่ฮวาอ้างว่านางต้องใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย"ไม่มีใครถูกใจเจ้าบ้างหรือ"ชุนหรงเซินเอ่ยถาม มี่ฮวาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ส่ายหน้า"จะให้ข้าชอบได้อย่างไรเจ้าคะ พวกเขาถูกใจที่รูปโฉม หากแต่งให้แล้ววันหนึ่งความสวยข้าโรยราดั่งดอกไม้เหี่ยวเฉาไปตามกาล จะไม่โยนทิ้งไปเสียง่ายๆหรือเจ้าคะ"บิดาฟังเข้าใจ นิสัยบุรุษเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อแรกยังไม่ได้ก็จะทำทุกทางเพื่อให้ได้มา แต่หากลองได้เบื่อแล้วก็คง
"เหงาเป็นอย่างไรหรือขอรับ"คำถามนั้นทำให้คนตอบถึงกับสะอึก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่คอเทพอสูรผู้นี้ตายด้านไปแล้วอย่างนั้นหรือ.."ความเหงาก็คือห้วงอารมณ์หนึ่ง เป็นความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย จนเจ็บหน่วงในใจ"ชุนหรงเซินขยายความขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยได้มากพอ ซีจงจวินจึงถามต่อ"แล้วเมื่อใดถึงจะรู้สึกเหงาหรือขอรับ""ก็.. อย่างตอนที่อยากคุยกับใครสักคนแล้วไม่มีคนให้พูดด้วย หรือไม่มีคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่ด้วย ทำให้คิดถึงจนรู้สึกโหวงเหวงในใจอะไรเทือกนั้น"หลังจากอธิบายไปแล้ว ซีจงจวินเพียงมองชุนหรงเซินนิ่งๆเช่นเดิม สีหน้าเขาไม่บ่งบอกสิ่งใดเลยแต่มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากุมอกซ้ายเอาไว้ ราวกับจะถามหัวใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง.."เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเหงาแล้วขอรับ"ท่าทางของซีจงจวินทำให้เทพเซียนแห่งผืนป่าเข้าใจขึ้นมาทันทีนึกถอนคำพูดในใจที่ว่าเขาตายด้าน เพราะซีจงจวินยังมีหัวใจรับรู้ความรู้สึก เพียงแต่ไม่รู้จักมันเท่านั้น"ท่านเองก็เหงาเป็น คิดถึงเป็นเหมือนกันสินะ""ขอรับ ข้าคิดถึงขอรับ""ท่านคิดถึงผู้ใดหรือ"คำถามของชุนหรงเซินทำให้ซีจงจวินชะงักไป เขาทวนคิดคำพูดของตนก่อนหน้านี้แล้วก็ไ