คืนนั้นมี่ฮวากลับเข้ามานอนในห้องของซีจงจวิน ความเหนื่อยล้าทำให้นางผล็อยหลับไปไม่รู้ตัวเช่นกัน
และเดินทางเข้าสู่ห้วงฝัน..
ใต้ท้องฟ้าสีหม่นมัวที่ฝนปรอยลงมา รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีดูไม่คุ้นเคย ตัวนางยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้
ข้างกาย..เป็นชายผู้หนึ่ง
ไม่รู้เหตุใดนางถึงเห็นใบหน้าเขาไม่ชัด..
และเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางฟังไม่ถนัดเลย..
"ท่านเป็นใคร"
คำถามนั้นได้รับการตอบกลับ แต่นางฟังไม่ออก ยามชายผู้นั้นยื่นมือมาลูบหัว น่าแปลกที่มี่ฮวาไม่ขยับหนี
แม้ในความฝันจะไม่ได้สัมผัสกันจริงๆ แต่นางกลับได้รับไออุ่นท่ามกลางสายฝนมาเต็มหัวใจ
"ข้าคิดถึงท่าน"
ไม่รู้ว่าพูดออกไปทำไม แต่ความรู้สึกด้านในมันบอกมาเช่นนั้น
ชายผู้นั้นโอบกอดนาง เนิ่นนานเหลือเกิน..
และนางเองก็รู้สึกเหมือนอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป..
...
เสียงวิหคขับขาน บอกเวลาที่มันตื่นและโผบินออกจากรัง
เปลือกตาหนักอึ้งเปิดขึ้นช้าๆ กายของซีจงจวินล้าจนขยับแทบไม่ไหว แต่จำต้องฝืนลุกเพราะห่วงเตรียมสำรับให้ภรรยา
เมื่อลุกขึ้นนั่งก็พบว่าบนตัวมีผ้าห่มหนาคลุมอยู่ ทั้งที่เมื่อคืนจำได้ว่าทำแผลเสร็จก็นอนไปบนพื้นเย็นๆทั้งอย่างนั้น
...พลันรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าดุดันสีแดงอ่อน...
ผ้าห่มผืนนี้ คิดว่าภรรยาคงเป็นคนเอามากางห่มให้ตอนเขาหลับไปแน่
หัวใจซีจงจวินสั่นไหว รู้สึกร่างกายเบาหวิว กำลังวังชาที่หายไปกลับคืนมาถึงแปดส่วนเพียงเพราะผ้าผืนเดียว
ซีจงจวินรีบลุกเตรียมอาหาร เติมน้ำใส่อ่างอาบ วิ่งวุ่นทำความสะอาดบ้านที่สภาพเละเทะจากการต่อสู้เมื่อคืน สุดท้ายจึงไปซ่อมแซมห้องของมี่ฮวา
ตะวันกำลังจะขึ้น เทพอสูรทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้วรีบไปทำงาน ตามที่ภรรยาสั่งไว้เมื่อวาน
ฝ่าเท้าใหญ่หยุดชะงักตอนเดินผ่านหน้าห้องนอนตัวเอง
ก่อนไป อยากเห็นหน้านางเหลือเกิน...
ซีจงจวินไม่อาจยั้งมือตัวเองได้ ค่อยๆเลื่อนแง้มบานประตูเบาที่สุด หวังเพียงได้เห็นหน้าภรรยาสักเสี้ยวก็ยังดี
ช่างน่าผิดหวัง นอกจากนางยังไม่ตื่นแล้วยังปลดม่านคลุมเตียงปิดสนิทไม่ให้เห็นแม้แต่เงา
แม้จะเสียดายเล็กน้อย แต่เห็นมี่ฮวานอนหลับสบายเขาก็พอใจแล้ว
ซีจงจวินออกไปทำงานแต่เช้าดังเช่นที่ควรจะเป็น...
คล้อยหลังไปมี่ฮวาสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นนั่งบนเตียงหลังกว้างในห้องที่ไม่ใช่ของนาง
บนใบหน้ามีร่องรอยความโศกเศร้าเกิดขึ้น คราบน้ำตาที่สองข้างแก้มยังไม่เหือดแห้งไป
ร้องไห้...ทำไม?
มี่ฮวาไม่เข้าใจตัวเอง นางจำความฝันนั้นได้เลือนราง แต่รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งในใจขาดหายไป
บางครั้ง.. หลังสายฝนพรำยามค่ำคืน มี่ฮวาจะฝันประหลาดถึงคนผู้หนึ่ง
ในความฝันนางมีความสุขเสียมากมาย แต่เมื่อฟ้าสาง.. นางเจ็บหัวใจราวจะฉีกเสียให้ได้
เขาเป็นใคร นางไม่รู้...
ให้นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก...
แต่การฝันถึงเขานานๆครั้ง ทำให้รู้สึกเหมือนในชีวิตมีบางอย่างขาดหาย เหมือนนางต้องการอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
เหมือนกับที่ซีจงจวินคิดถึง..แต่ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร...
มี่ฮวาก็คิดถึงเช่นกัน...
...
หน้าบันไดเขาสวรรค์ เมื่อไปถึงตงหลิงจวินก็ถึงกับอ้าปากค้างคล้ายเห็นคนตายต่อหน้า
"แขนเจ้า!!?"
ได้ยินคำทัก ซีจงจงจวินยิ้มตอบบางๆ "เมื่อคืนมีวิญญาณบุกเข้าบ้านข้าขอรับ"
"มันบุกบ้านเจ้าได้อย่างไร หินอาคมเสื่อมรึ? แล้วเหตุใดเจ้าถึงให้มันเอาแขนไปได้?" ตงหลิงจวินออกอาการตื่นตระหนก ถามเสียจนเลือกตอบไม่ถูก
"ข้าประมาทเกินไปขอรับ แขนขาดเท่านี้ถือว่ายังเบา"
สายตาคนพูดเรียบนิ่ง แขนแค่ข้างเดียวซีจงจวินไม่สนใจหรอก เพราะหากภรรยาเขาเป็นอะไรไปคงรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
"ปกติวิญญาณกลัวเจ้าจะตาย เห็นแล้วพากันเผ่นหนีป่าราบ กลัวจะตายซ้ำอีกหลายรอบ"
"วิญญาณตนนั้นกินสัตว์อสูรมาขอรับ ถึงมีฤทธิ์มากเช่นนั้น เป็นความผิดข้าที่ปล่อยมันเร่ร่อนอยู่บนแผ่นดินใหญ่ตั้งนานไม่รีบจัดการ"
"ใช่ที่ไหนกัน เจ้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่พวกมันจะหลุดออกมา ข้ายังคิดอยู่ว่าเจ้าหาพวกมันเจอเร็วทุกครั้งเช่นนี้ นับว่าเชี่ยวชาญการจับวิญญาณกว่านายนิรยบาลอีก"
"พี่ตงหลิงกล่าวหนักไปแล้ว"
เทพอสูรเช่นพวกเขาจะทำงานได้ดีกว่าก็ไม่แปลก เพราะร่างกายมีประสาทสัมผัสเหนือชั้นกว่าเทพและมาร รวมกับการฝึกวิทยายุทธมานาน ทำงานมาทั้งชีวิต กำจัดวิญญาณเท่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
แต่ก็น่าแปลกที่เมื่อวานอยู่ๆซีจงจวินเกิดหมดแรงไปดื้อๆไม่มีสาเหตุ..
ซีจงจวินไม่เข้าใจตัวเอง น้ำฝนไม่กี่หยดทำให้เขาอ่อนล้าได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ทั้งที่เมื่อก่อนลงไปสู้กับปีศาจใต้ทะเลกลางคลื่นพายุยังไม่เห็นเป็นอะไร
"แล้วเมียเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
"นางปลอดภัยดีขอรับ ข้าช่วยไว้ทันและกำจัดวิญญาณร้ายในห้องนางเลย"
คำนั้นทำให้ตงหลิงจวินคิ้วขมวด หันมองด้วยสายตาแปลกใจกว่าเดิม
"เจ้าจัดการต่อหน้านางรึ!?"
"ขอรับ"
"แล้วนางว่าอย่างไร"
"นางเงียบไป ไม่พูดกับข้าขอรับ"
ว่าจบ คนฟังก็เอามือลูบหน้ากุมขมับ นึกภาพออกทันที
เขารู้ว่าซีจงจวินเป็นคนเช่นไร แม้ปกติเห็นท่าทางนิ่งเฉยตลอดเวลา แต่เมื่อยามต้องสู้เขาจะกลายเป็นฆาตกรอำมหิตในร่างเทพทันที
นั่นเพราะซีจงจวินทำอะไรไปตามสัญชาตญาณ ชีวิตครั้งก่อนเจอแต่เรื่องโหดร้ายเสียจนชินชา นอกจากต้องพยายามเอาชีวิตรอดให้ได้ ไม่มีสิ่งใดที่ต้องทำอีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เทพอสูรตนนี้.. ติดนิสัยทารุณเหยื่อให้ตายอย่างทรมานที่สุด
แล้วยิ่งเขารักหลงภรรยาถึงเพียงนั้น ไม่อยากคิดสภาพวิญญาณตนนั้นเลยจริงๆ ...
"กลับบ้านเย็นนี้เจ้าต้องเอาใจภรรยาให้มากนะ"
"ข้าทำแบบนั้นทุกวันขอรับ"
"ข้าหมายถึงทำให้มากขึ้นกว่าทุกวันน่ะ นางจะได้ไม่กลัวเจ้า เห็นเจ้าเป็นสามีที่ประเสริฐอะไรทำนองนั้น"
"เข้าใจแล้วขอรับ" ซีจงจวินตอบไปแบบทื่อๆ เขาไม่มั่นใจว่ามี่ฮวาจะมองเช่นไร
สามีสุดประเสริฐเป็นเช่นไรเขาไม่รู้หรอก..
แต่หากให้เป็นสามีที่รักมั่นซื่อสัตย์ต่อภรรยาผู้เดียวไม่เปลี่ยนแปลงนั้นเขาเป็นได้แน่
พลบค่ำ..ซีจงจวินรีบกลับบ้าน วิ่งเข้าครัวทำกับข้าวเหมือนเดิมเสร็จแล้วก็หลบมานั่งกินที่มุมห้อง
ด้วยเกรงว่าหากภรรยาเห็นแผลแล้วจะกินข้าวไม่ลงจึงนั่งหันเอาฝั่งที่แขนขาดเข้ากำแพง เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ซีจงจวินนั่งหันหลังให้มี่ฮวา
นางลอบมองเขาเป็นระยะๆ แม้จะดูกินข้าวได้คล่องปาก แต่คงยังเจ็บอยู่ไม่น้อยเลย
เมื่อเช้าตอนตื่นมาบ้านก็กลับมาสะอาด ห้องนอนนางมีเครื่องเรือนชิ้นใหม่วางตั้งอยู่ ข้าวของถูกย้ายมาใส่เรียบร้อย สำรับเช้าส่งกลิ่นหอม อ่างอาบน้ำมีควันพวยพุ่งอ่อนๆ
แต่กลับไม่เห็นตัวคนทำ...
มี่ฮวาจึงนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเป็นนางเองที่บอกเขาให้ออกไปทำงานได้เลยหลังเตรียมทุกอย่างไว้ให้
อุตส่าห์ช่วยชีวิต แล้วยังไม่บ่นสักคำเช่นนี้ นางจะกล้าใจร้ายกับเขาเท่าเดิมได้อย่างไร
"เมื่อคืน.. ขอบคุณที่ช่วยข้า"
เสียงหวานเอ่ยคำแรกของวัน นั่นทำให้ใบหูยาวคล้ายหูวัวของซีจงจวินกระดิกนิดๆ
เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นนี้
เทพอสูรหันกลับมามองช้าๆ สตรีที่นั่งอยู่ตรงนั้นจ้องกลับเช่นกัน ไม่นานซีจงจวินก็ต้องหลุบตาต่ำ ด้วยเกรงนางจะเคืองเขาอีก
"สามี..มีหน้าที่ปกป้องภรรยา"
ยามเอ่ยคำนั้น ซีจงจวินใจเต้นโลหิตสูบฉีดแรง ใบหูสีแดงอ่อนจู่ๆก็เริ่มเป็นสีแดงเข้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ชอบ..คำว่าเขาเป็นสามี นางเป็นภรรยา
กลับกลัน มี่ฮวามองซีจงจวินสีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม ตอนแรกคิดว่าจะเริ่มพูดดีด้วย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกไม่พอใจตงิดๆ
สามีภรรยาหรือ.. นางเกลียดคำนี้เสียจริง
เพราะไม่อยากยอมรับว่าตนตกเป็นของเทพอสูรอัปลักษณ์ จิตใจหยาบช้า
"เจ้าอ้างเรื่องความสัมพันธ์เช่นนี้ หวังสิ่งใดจากข้า"
ในเมื่อเขาอ้างความเป็นสามี นางก็ควรทำตัวเป็นภรรยาแสนดีด้วยอย่างนั้นหรือ!?
ขณะที่มี่ฮวาเข้าใจว่าเขาอ้างสิทธิ์ ซีจงจวินฟังทันแค่ประโยคหลังกลับเข้าใจไปคนละทาง
เขาคิดว่านางยินยอมให้เรียกร้องความต้องการได้หนึ่งอย่าง
นางยอมใจดีขึ้นมาบ้างแล้วหรือ...
นางใจอ่อนแล้วใช่หรือไม่...
"เช่นนั้น.. ขอข้าพูดมากกว่าวันละยี่สิบคำได้หรือไม่"
ริมฝีปากอิ่มยิ้มเหยียดหลังฟังจบ "แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ"
มี่ฮวาจะลองดูว่าซีจงจวินจะทำอย่างไรต่อหากนางไม่ยอมตามใจ และเดาว่าเขาคงจะไม่พอใจอยู่ลึกๆแน่
แต่การยั่วให้เกิดโทสะนั้นเปล่าประโยชน์ เพราะซีจงจวินไม่โกรธ ไม่ว่าอะไรเลยด้วย
ถ้านางไม่ให้ ก็พูดต่อไม่ได้เพราะวันนี้เขาพูดเกินยี่สิบคำไปแล้ว...
ชายหนุ่มทำได้แค่ตักข้าวเข้าปากเคี้ยว หมดแล้วก็ลุกเดินไปเตรียมน้ำให้อาบเท่านั้นเอง
มี่ฮวาอาบน้ำเสร็จกำลังจะเดินเข้าห้องแต่ฝ่าเท้าหยุดชะงักเมื่อนางเปิดประตูและภาพวิญญาณเมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัวมันน่ากลัว จนไม่กล้านอนคนเดียวอีก..."นี่"มี่ฮวาหันไปเรียกเทพอสูรที่ยืนรอส่งนางเข้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม"คืนนี้ข้าจะนอนในห้องเจ้า เจ้านอนที่พื้นเหมือนคืนนั้น"แล้วนางก็เดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ถัดไป ซีจงจวินได้แต่มองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง..คิดว่ามี่ฮวาเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น..เช่นนั้น.. หากแขนเขาขาดไปอีกสักข้าง นางจะยอมพูดด้วยหรือเปล่า..ซีจงจวินทำได้เพียงครุ่นคิด แต่ไม่กล้าเฉือนแขนทิ้งหรอก เท่านี้ก็เจ็บเกือบตายแล้วเขาหอบเสื้อผ้าออกไปอาบน้ำในป่าเหมือนเดิม แล้วจึงกลับเข้ามานอนที่มุมหนึ่งในห้องหลังจากเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน คืนนี้ซีจงจวินหลับสนิทแม้จะนอนบนพื้นแข็งเย็นเยียบ...เท่านี้ก็ดีเกินพอเพราะนางอยู่ใกล้ เลยหายห่วงไปได้มาก...เวลาเดียวกัน มี่ฮวาไม่ได้หลับไปอย่างที่ซีจงจวินคิดนางแอบมองเทพอสูรที่นอนขดตัวอยู่ไกลๆ คิดว่าให้นอนบนพื้นไม้เย็นๆแบบนั้น เขาคงหนาวเหมือนกันแต่จะให้ขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียงก็น่ากลัวเกินไปมี่ฮวาไม่ชอบเวลาที่รู้สึกเ
สุริยันสาดแสง ซีจงจวินในชุดเกราะเหล็กพร้อมทำงานกำลังยกสำรับขึ้นโต๊ะ โดยมีสัตว์อสูรเดินตามหลังเพื่อเรียนรู้การทำงาน"ทำไมนายท่านถึงทำกับข้าวเยอะขนาดนี้หรือขอรับ"อสรพิษธาราเอ่ยถามขณะมองจานสองใบในมือตัวเอง และอีกห้าใบในมือของผู้เป็นนาย ก็ในบ้านมีกันอยู่แค่สองคน แต่นายท่านทำเผื่อเหมือนอยู่กันหกเจ็ดคน"ข้าอยากให้มี่ฮวาได้กินของดีมากๆไว้"เขาตอบขณะเรียงจานบนโต๊ะอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ก่อนหันมาตั้งเตาอุ่นน้ำชาเล็กๆข้างโต๊ะ"ของว่างตอนกลางวันอยู่ในครัว หากชากานี้หมดตอนเช้าก็ชงกาใหม่ให้มี่ฮวาด้วย""ชงอย่างไรหรือขอรับ"วิหควายุถาม ซีจงจวินจึงค่อยๆสอนพวกมันไปทีละขั้นตอนจนกว่าจะเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดตอนรับใช้ภรรยาเขา"ถ้านางตื่นสายแล้วสำรับพวกนี้เย็นชืด เจ้าก็เอาไปตั้งเตาอุ่นใหม่เสีย น้ำแกงเอาลงหม้อต้มอย่างละใบ อุ่นข้าวใช้หม้ออันนี้ จะผัดของก็อย่าใส่น้ำมันมากเกิน"ซีจงจวินพาบ่าวทั้งสองมาดูอุปกรณ์ในครัวอีกครั้งพร้อมอธิบายไปด้วย ก่อนจะเปิดเข่งหมั่นโถวนุ่มฟูให้เด็กน้อยดูเขาหยิบขึ้นมาสองลูก ส่งให้มันคนละลูก เด็กน้อยรับของร้อนในมือมาเป่าแล้วมองผู้เป็นนายตาแป๋ว"ถ้าหิวก็เอาสิ่งนี้ไปกิน แต่
ความเย็นชาของภรรยาไม่ได้ทำให้สามีจดจำสักนิด..วันนี้ดูเทพอสูรจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำกับข้าวไปก็ยังยิ้มไม่หุบจนซวนเฟยกับชิงเหลียงสงสัย"ทำไมวันนี้นายท่านถึงอารมณ์ดีนักหรือขอรับ" เจ้าครึ่งนกถาม"เดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้" ซีจงจวินไม่ยอมบอก เพียงหันไปตักผัดผักใส่จานส่งให้เจ้าครึ่งงูเขากะเก็บไว้เป็นความลับ รอกระทั่งถึงตอนเย็นค่อยบอก..เมื่อคืนก่อน ในห้องห้องหนึ่งซึ่งเมื่อก่อนว่างโล่ง ตอนนี้มีเครื่องเรือนไม้วางตั้งทั้งตู้หนังสือ โต๊ะกว้างตรงกลางห้อง และตั่งยาวตรงข้างหน้าต่างจากนั้นก็ขนเอาของของมี่ฮวามาจัดใหม่ วางหนังสือเรียงเป็นระเบียบ ผืนผ้าหลากเนื้อหลายสีถูกพับเก็บเรียบร้อยในลิ้นชักเดียวกับอุปกรณ์เย็บปัก เครื่องเขียนถูกจัดวางบนโต๊ะครบครันจากการสังเกตมาสักพักรวมกับที่ถามจากเจ้าอสูรเด็กทำให้รู้ว่าตอนกลางวันมี่ฮวามักจะนั่งเย็บนู่นปักนี่ในห้องชมสวนหรือไม่ก็วาดรูปเขียนกลอน ส่วนตอนกลางคืนก็จะอ่านหนังสือในห้องนอนด้วยความอยากเอาใจ ซีจงจวินจึงแอบทยอยขนของของนางมาไว้ให้ และก็กะจะซื้อเพิ่มด้วยเขาชอบเวลาเห็นภรรยาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง แม้จะเป็นงานเล็กๆน้อยๆฆ่าเวลาแต่คนมองก็ยังชุ่มชื่นหัวใจนอกจากนี้นางยั
ซีจงจวินมาทำงานตอนเช้าและกลับตอนค่ำเหมือนเคย แต่วันนี้ก่อนปลีกตัวจากเหล่าสหาย ตงหลิงจวินก็กวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ"เอ้า เอานี่ไป" ตงหลิงจวินยัดหนังสือเล่มหนึ่งใส่มือซีจงจวิน"นี่คือหนังสืออะไรหรือขอรับ"หลังจากยื่นให้ ตงหลิงจวินก็มีสีหน้ากระดี๊กระด๊าราวกับเป็นคนได้รับเสียเอง พยักพเยิดให้คนทำหน้าไม่เข้าใจรีบเปิดดู!!!!ดวงตาเทพอสูรแมงป่องเบิกกว้างทันทีเมื่อภาพด้านในฉายออกมาให้เห็นมันคือ..ภาพการร่วมรัก!เมื่อเปิดไล่ไปทีละหน้าก็พบว่าในนี้มีแต่ฉากร่วมรักเต็มไปหมด ทั้งภาพทั้งคำอธิบายชัดเจนแจ่มแจ้ง!!หลายท่าหลายทางดูพิสดารทว่าอัศจรรย์นัก ช่างดึดดูดสายตาน่าลองทำตามยิ่ง"เขาเรียกว่าตำราวังวสันต์"ตงหลิงจวินกลั้นหัวเราะกับท่าทางของซีจงจวินที่ไม่เคยเห็นของแบบนี้มาก่อนในชีวิต"..ตำรา..วังวสันต์?" ซีจงจวินทวนคำโดยที่ดวงตายังคงจดจ้องภาพการร่วมรักน่าอภิรมย์ค้างอยู่เช่นนั้น"ใช่ เป็นของที่มีขายในโลกมนุษย์"คราวนี้ซีจงจวินหันมาขมวดคิ้วมองตงหลิงจวินที่ยังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่เลิก "พี่ตงหลิงมีได้อย่างไรขอรับ""จะยากอะไร เมียข้าไปหาซื้อมาไว้เต็มบ้าน""ภรรยา..ของท่าน!?" พอได้ยินดังนั้น คนฟังถึงกับอึ้งไปช
คืนวันผันเปลี่ยน มี่ฮวากับซีจงจวินอาศัยอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาแต่แก่นแท้ในความสัมพันธ์กลับไม่พัฒนาไปไหนเลย..มีเพียงเทพอสูรที่จงรักชนิดยอมตายถวายหัว ไม่รู้เพราะเหตุนั้นหรือเปล่ามี่ฮวาที่ถูกตามใจตลอดถึงเคยตัวเช่นนี้หญิงสาวนั่งเล่นอยู่ในห้องชมสวนเหมือนอย่างเคย กำลังปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นสีแดงสดใสปลายยามอู่ ผ้าเช็ดหน้าแสนสวยก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย"นายหญิงขอรับ มีคนมาขอพบขอรับ"เสียงของซวนเฟยเรียกสายตาจากผู้เป็นนายให้หันไปมองอย่างสงสัย"ใครหรือ""เขาบอกว่าชื่ออวี้เวินฉิงขอรับ"ได้ยินชื่อนั้น ดวงตากลมเบิกกว้างทันทีท่านอวี้เวินฉิงมาได้อย่างไรกัน?"ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้" มี่ฮวารีบลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้า เดินออกไปรับแขกยังหน้าเรือนที่หน้าประตูมีร่างชายผู้หนึ่งยืนตัวตรงสง่า สายตาจ้องมองมาที่นางสื่อความคิดถึงเสียมากมายจนไม่อาจปิดกั้น"มี่ฮวา"บุรุษรูปงามที่แสนคุ้นเคยเรียกชื่อนางอย่างยินดี รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าดูราวกับเขามีความสุขเหลือเกิน"คารวะท่านอวี้เวินฉิง" มี่ฮวาเอ่ย ทำความเคารพพร้อมส่งยิ้มให้เช่นกันอวี้เวินฉิงน้ำตารื้นเมื่อมองสาวงามตรงหน้า ก่อนเดินเข้ามาจับมือนุ่มกุมไว้"มี่ฮวา..
คืนนั้นหลังจากมี่ฮวาเข้านอน ซีจงจวินย่องเดินไปรอบบ้านเขาได้กลิ่นแขกของภรรยาชัดเจนที่สุดก็คือที่ห้องชมสวน เดาว่าคงพามานั่งตากลมชมทิวทัศน์"นายท่านขอรับ"ชิงเหลียงกับซวนเฟยเอ่ยเรียกซีจงจวินซึ่งนั่งทับตรงตำแหน่งที่แขกของมี่ฮวานั่งเมื่อกลางวันราวกับจะกลบกลิ่นของเขาคนนั้น..."แขกของมี่ฮวา.. เป็นใครหรือ"น้ำเสียงคนถามสั่นเล็กน้อย สัตว์อสูรทั้งสองรับรู้ได้ถึงอารมณ์อ่อนไหวของเขาเพราะเจ้าตัวรู้แต่แรกว่ากลิ่นนี้.. ไม่ใช่ของสตรีจมูกเขาทำงานดีเกินไป สมองรับรู้และจำได้ว่ามันมาจากเครื่องหอมที่นิยมใช้ในหมู่เซียนบุรุษ"เป็นเซียนหนุ่มนามว่าอวี้เวินฉิงขอรับ"ได้ยินชื่อนั้นหัวใจเกิดแตกร้าวลึก ดั่งรอยแยกหุบเหวอเวจี"อวี้เวินฉิง..อย่างนั้นหรือ" น้ำเสียงที่รอดไรฟันออกมาฟังดูขุ่นมัวตามอารมณ์คนพูดอวี้เวินฉิงผู้นี้ ซีจงจวินจำได้ดีว่าเขาเป็นใครเทพอสูรทั้งสี่จำเป็นต้องรู้รายชื่อเทพและมารที่มาเยือนเขาสวรรค์ทุกห้าพันปี และต้องจำให้ได้เพื่อเวลาทำความเคารพจะได้เรียกถูกคนเขาคือหนึ่งในเซียนผู้ให้แสงแก่แดนอุดร รูปร่างหน้าตานั้นซีจงจวินไม่ได้ใส่ใจมองนัก แต่เท่าที่รู้คือมีรูปกายงาม เป็นที่ต้องตาในหมู่สตรี"เขามาท
ค่ำคืนหวนกลับมาอีกครา..อสูรรับใช้ทั้งสองรับหน้าที่ทำอาหารและงานบ้านทั้งหมด ส่วนซีจงจวินเก็บตัวหลังจากกลับถึงบ้าน ไม่ยอมออกจากห้องที่ความหดหู่ฝังอยู่ทั่วทุกอณูอากาศ "นายท่านขอรับ" เสียงชิงเหลียงเอ่ยเบาๆตรงหน้าห้อง พร้อมกับเลื่อนประตูเปิดเข้ามา ในมือมีถาดสำรับง่ายๆซึ่งเหลือไม่มากแล้ว"นายท่านกินอะไ..""ข้าไม่หิว เอาออกไป" ซีจงจวินพูดตัดบท ชิงเหลียงได้แต่ยืนนิ่งมองถาดในมือสลับกับคนบนเตียง"แต่นายท่านไม่กินอะไรมาหลายวันแล้ว ข้าน้อยคิดว่าสมควรกินสักนิดนะขอรับ""ข้าไม่อยากกิน" ซีจงจวินพูดเสียงเข้มขึ้น ต่อให้ถูกเอามายัดเยียดถึงปากก็ไม่ยอมกินหรอกสุดท้ายชิงเหลียงจึงต้องเอาออกไป พอดีกับที่มี่ฮวาเดินออกมาจากห้องน้ำ"เจ้าเอาถาดข้าวมาทำอะไรตรงนี้"เสียงหวานเอ่ยถามไม่ไกลจากหน้าห้องของซีจงจวิน ทำให้หูของคนประสาทรับเสียงดีกระดิกเล็กน้อย"ข้าน้อยเห็นว่านายท่านยังไม่กินอะไรเลยจัดมาให้ขอรับ และช่วงนี้นายท่านก็กินน้อย เกรงจะทำให้ป่วยได้ขอรับ"เจ้าครึ่งงูดูเป็นห่วงเอามากๆ ไม่เสียแรงที่ซีจงจวินช่วยเหลือมันเอาไว้เมื่อสามร้อยปีก่อน"นายหญิงขอรับ นายท่านอาจจะกำลังไม่สบายอยู่ก็ได้ ข้าน้อยว่านายหญิงลองเข้าไป
เช้าวันรุ่งขึ้นชิงเหลียงกับซวนเฟยเข้ามาช่วยซีจงจวินใส่เสื้อผ้า และบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร เพราะพวกมันเรียนรู้การทำจากเจ้านายแล้วเมื่อเห็นว่านายท่านไปทำงานเรียบร้อย อสูรรับใช้ทั้งสองวิ่งเข้าครัวทำอาหารนิดหน่อย ยกสำรับมาให้มี่ฮวา"นายหญิงขอรับ นี่พวกข้าน้อยเองขอรับ" ซวนเฟยเรียกคนในห้อง แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ"นายท่านไปทำงานแล้วขอรับ เปิดประตูให้พวกข้าน้อยเถิดขอรับ" ชิงเหลียงเอ่ยบ้าง หลังจากนั้นต้องรอเกือบหนึ่งก้านธูปกว่าบานประตูถึงจะถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อยใบหน้านางไม่สดใสเอาเสียเลย ดูก็รู้ว่ามัวแต่หวาดระแวงจนไม่ได้นอน"สำรับนี้พวกข้าน้อยทำกันเอง นายหญิงกินเข้าไปหน่อยเถิดขอรับ"ถาดอาหารที่มีข้าวและกับสามอย่างถูกยื่นมาตรงหน้า ทั้งสองกะว่าหลังจากกินเสร็จก็จะค่อยๆพูดตะล่อมให้นายหญิงใจอ่อนลง ยอมปรับความเข้าใจกับนายท่านแต่มี่ฮวาไม่รับ เพียงมองไปยังเจ้าครึ่งนกสายตาครุ่นคิด"ซวนเฟย เจ้าบินได้หรือไม่""ได้ขอรับ" ซวนเฟยตอบด้วยสีหน้างงงวย เหตุใดนายหญิงถึงถามเช่นนั้น"เอานี่ไปส่งที่วังของข้าที่แผ่นดินอุดร"มี่ฮวายื่นกระบอกใส่จดหมายทำจากไม้เนื้อดีลงรักฝังทองเป็นลวดลายสวยงามมาให้ "บอกคน
สามวันผ่านไปจากนั้น อวี้เวินฉิงต้องข้อหาหลายคดี ทั้งละทิ้งหน้าที่ บุกรุกจวนแม่ทัพยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย และขโมยของคดีสุดท้ายนั้นแม่ทัพจงตั้งใจป้ายสีเอง ด้วยอยากให้อวี้เวินฉิงถูกจับโยนเข้าตาราง ขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันในห้องขังมืดสนิทมีเพียงช่องลมติดลูกกรงหนาเท่านั้นเป็นที่ให้แสง อวี้เวินฉิงอยู่ในชุดนักโทษมอซอหมดสง่าราศี ข้อมือและข้อเท้าติดโซ่ตรวนเหล็กห้อยยาวในสถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียงใดนอกจากเสียงความทุกข์ทรมานกับเสียงสายโซ่กระทบพื้นลากไปมานานๆทีหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของคนภายนอกสักครั้ง และครั้งนี้อวี้เวินฉิงรู้ว่าใครมาทั้งที่ไม่ต้องเงยหน้ามอง"อยู่นิ่งๆก็เป็นรึ มือปราบอวี้"คนที่จะเอ่ยวาจาเช่นนี้กับเขาได้มีเพียงคนที่จับเขาโยนเข้ามาในคุกเท่านั้นอวี้เวินฉิงไม่ตอบ เพียงเลื่อนสายตามามองแม่ทัพยืนเหยียดยิ้มอยู่นอกประตูลูกกรง"ข้าเคยเตือนแล้ว เป็นเจ้าที่รนหาที่ เลือกมาจบชีวิตตรงนี้เอง""..."ไร้การตอบสนองจากคนในคุก อวี้เวินฉิงยังนั่งมองกำแพงว่างเปล่าด้วยตาไร้แววอยู่เช่นเดิมถูกโยนเข้าคุกไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจที่ยังเป็นแผลก่อนหน้านี้นี่สิ..."ข้าจำได้ว่าก่อนจับเจ้าเข้าคุกไม่ได
หลังจากคืนนั้นจงซีจ้านไม่เรียกมี่ฮวาเข้าห้องนอนอีก จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วค่ำคืนอันเดียวดายทำร้ายหัวใจเสียยิ่งกว่าตอนถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย มี่ฮวานอนกอดตัวขดกลมอยู่บนเตียง หวนนึกถึงสัมผัสอบอุ่นของซีจงจวินคืนแล้วคืนเล่าเทศกาลหยวนเซียวผ่านมาอีกครั้ง ด้านนอกไกลๆมีเสียงความคึกครื้นลอยมาเรื่อยๆคิดถึงปีนั้นที่ซีจงจวินพามาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์ครั้งแรก.. คิดถึงยามเขาพูดคุยสบตา ยามได้เดินจับมือ..คิดถึง...หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าซุกหน้าร้องไห้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งแต่มาอยู่โลกมนุษย์นี้นางเสียน้ำตาไปแล้วกี่ครั้งก๊อก.. ก๊อก..เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าต่างไม้ หยุดน้ำตาไว้"ใคร"นางถามด้วยความประหลาดใจ คิดว่าไม่ใช่คนใช้ในเรือนแน่"ข้าเองมี่ฮวา"เสียงคุ้นหูนั้นอีกแล้ว เจ้าของชื่อจำได้แม่นยำ คนมาเรียกคืออวี้เวินฉิงไม่ผิดแน่บานหน้าต่างเปิดออก เทพแห่งแสงในคราบมือปราบหนุ่มใส่ชุดคลุมสีดำมิดชิด ปกปิดใบหน้าจนเหลือแค่ลูกตาเท่านั้น"ท่านมีธุระอะไรเจ้าคะ""ข้ามาพาเจ้าไป"ไป.. ไปไหนกัน?"ไม่ไปเจ้าค่ะ" ไม่รอให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจก็ปฏิเสธเสียแล้วมี่ฮวาไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก บทเรียนจากคราว
บนเตียงหลังใหญ่ในห้องที่แสงไฟสลัว ร่างหนึ่งกำลังละเลงลิ้นอย่างเมามันบนผิวเนื้อนุ่มของคนข้างใต้จนนางต้องครางดังเพราะแรงเสียวหนักหน่วงที่เขามอบให้"ท่าน.. ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ!"หญิงสาวพยายามปรามไม่ให้คนด้านบนใช้ฟันคมกัดดึงตุ่มเนื้อยอดถันราวกับหมาป่าจะฉีกกระชากเหยื่อ จนตอนนี้ผิวส่วนนั้นกลายเป็นสีอมม่วงไปแล้วแต่จงซีจ้านที่กำหนัดพลุ่งพล่านอยู่มีหรือจะยอมฟัง ยิ่งเขากำลังฉุนเฉียวไม่หายจากเรื่องเมื่อกลางวันด้วยแล้ว ยิ่งพาลให้อยากลงไม้ลงมือกับมี่ฮวาหนักขึ้น"อ๊ะ!!!"เสียงร้องดังลั่นเพราะโดนกัดเข้าที่หัวไหล่อย่างแรง เขายังทิ้งรอยฟันกับรอยเลือดไว้ให้ปรากฏเด่นชัดร่างบางสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นางไม่รู้ว่าต่อไปจงซีจ้านจะทำอะไรกับเรือนกายนี้เพราะดวงตาคู่งามถูกคาดปิดไว้ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังผูกข้อมือเล็กไว้กับเสาเตียง จับขาให้อ้าออกกว้างจนแทบฉีก กดกายโถมทับอย่างไม่กลัวว่านางจะหายใจไม่ออก"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ..เบามือสักนิด..""เจ้าเป็นใครถึงมีสิทธิ์สั่งข้า!!"ว่าจะเอ่ยขอร้อง แต่ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกตวาดกลับเสียลั่นห้องมี่ฮวาต้องเก็บทุกคำพูดต่อจากนั้นลงคอไป น้ำตาไหลหยดหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นและถึงเห็นก
ฤดูกาลหมุนเวียน แมกไม้ผลิดอกออกผลจนร่วงหล่นปลิวไป จากร้อนอบอ้าวเป็นเหน็บหนาวด้วยหิมะขาวโพลนคลุมแผ่นดินหลายเดือนเข้าไปแล้วที่มี่ฮวามาเป็นคนใช้ในจวน...แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ส่วนกลางคืนนางจะกลายร่างเป็นนางคณิกาชั้นดี เป็นของเล่นให้เขาได้คลายเหงายาขมถูกส่งเข้าปากถ้วยแล้วถ้วยเล่า จนหญิงสาวไม่รู้เลยว่าตอนนี้มดลูกตัวเองจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ความเห็นใจเป็นเหมือนความหวังลมๆแล้งๆ ซึ่งไม่มีทางได้รับจากผู้เป็นสามีเพราะเขาไม่มีความรักหลงเหลือให้นางหัวใจที่ทุกข์ระทมจำต้องทนรับความขมขื่นจากการกระทำอันโหดร้ายมี่ฮวาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองขณะนั่งส่องกระจกในห้องนอน ..ว่านางจะทนได้อีกนานเท่าไหร่กันภาพสะท้อนจากกระจกคือเรือนร่างซึ่งเมื่อก่อนเคยดูสมบูรณ์งดงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมแทบไม่มีส่วนใดน่ามองนางนึกถึงครั้งที่ซีจงจวินเคยอยู่ในสภาพเช่นนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นนางเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันท่านเอาคืนข้าได้สาสมจริงๆ...มี่ฮวาใส่เสื้อผ้าคนใช้เดินออกจากห้องเหมือนเช่นทุกเช้า"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" นางทักทายยามเดินผ่านพวกลุงคนใช้ ทุกคนโบกมือกลับอย่างใจดี แววตาโอบอ้อมอารีนั้นฉายความสงสารจับใจมี่ฮว
"นางเป็นหมันเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"แม่บ่านไห่นำคำของสาวใช้คนใหม่มารายงานท่านแม่ทัพตามหน้าที่ปัง!!เพียงได้ยินเท่านั้นมือใหญ่ที่ถือตำราอยู่ต้องกระแทกปิดมันกับโต๊ะอย่างแรง ระบายอารมณ์ขุ่นมัวทางสายตาใส่แม่บ้านชรา"คำลวงของสตรีมากเล่ห์ ข้าจำเป็นต้องเชื่อรึ!!"เขาขึ้นเสียง แม่บ้านไห่ก็ถึงกับยืนขาสั่นงันงก หลังที่งองุ้มนั้นต้องก้มลงหมอบกับพื้น"มะ.. ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ""ไปพาตัวนางมา แล้วก็ไปต้มยานั่นมาใหม่ด้วย!!"คนหลังโต๊ะหนังสือชี้หน้าสั่งแม่บ้านชรา นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่แรงคนแก่จะทำได้ ไม่นานยาขมหม้อใหญ่ก็ถูกยกมาตั้งมี่ฮวาถูกพาตัวมาตรงกลางสวนร้างที่ตรงนั้นมีคนรับใช้ชายทั้งหมดรวมถึงแม่บ้านไห่อยู่ด้วย ทุกคนได้แต่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาคนนายใหญ่ของบ้านรู้เพียงว่าชะตาสาวใช้คนใหม่กำลังจะขาดเท่านั้นพอ..หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองหม้อที่ส่งกลิ่นฉุนบนโต๊ะหิน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเกาะเต็มหน้าผาก"กิน"คำสั่งเด็ดขาดของแม่ทัพดังพอจะทำให้นางสะดุ้งโหยง มี่ฮวาต้องรีบเข้าไปหมอบตรงพื้นแทบเท้าเขา"ท่านแม่ทัพได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าท้องไม่ได้แล้วจริงๆเจ้าค่ะ""ข้าไม่เชื่อ"น้ำแกงสีคล้ำ
เช้าวันต่อมา มี่ฮวาตื่นแต่เช้าทั้งที่ร่างกายยังไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่นางมีงานต้องทำไม่อาจละเลยได้ในยามที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น หญิงสาวลุกจากเตียงหันมองคนหลับ ใบหน้าของเขายามนี้เรียกได้ว่าดูหล่อเหลาคมคร้ามดั่งเทพสงครามบนสวรรค์แต่หากลืมตาขึ้นมาเมื่อใด.. คงดูไม่ต่างจากยักษ์อำมหิตตนหนึ่ง ไร้ซึ่งเมตตาการุณย์"ข้าคิดถึงท่านนัก"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลอยหายไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเรือนนอนของตัวเองไป...ตลาดเช้าที่นี่ดูคึกคักไม่ต่างจากที่แดนเทพ เป็นแหล่งรวมแม่บ้านซึ่งออกมาจ่ายตลาดและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระมี่ฮวาเดินตามแม่บ้านไห่ซื้อวัตถุดิบ โดยตลอดทางจะมีสายตาแปลกๆของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าแถวนั้นจ้องมาตลอดนางทำเป็นไม่รับรู้ ยื่นเงินจ่ายให้แม่ค้าผลไม้ ส่วนแม่บ้านไห่ก็ยืนเลือกปลาอยู่ร้านข้างๆ"แม่นางมาจากจวนท่านแม่ทัพใช่หรือไม่" พ่อค้าร้านผักที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถาม"ใช่เจ้าค่ะ"พอหญิงสาวตอบออกไปเช่นนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็ยืนอึ้ง บ้างเอามือป้องปากกระซิบกระซาบ"เหตุใดแม่ทัพปีศาจผู้นั้นถึงรับสาวใช้อย่างเจ้าเข้ามากัน""เจ้างามเ
ในกระโจมมืดที่มีแสงไฟสลัวจากตะเกียงอันเดียวสะท้อนเงาของชายหญิงคู่หนึ่งขย่มร่างบนเตียงไม้จนมันเลื่อนดังเอี๊ยดอ๊าด"อะ.. ทะ ท่านแม่ทัพ..."เสียงครางกระเส่าแว่วหวานจากริมฝีปากอิ่มแดง เคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบกันรัวเร็วดูเร่าร้อน สะโพกสอบของคนด้านบนขยับบดเบียดเข้าออกถี่ๆเร่งให้คนข้างใต้ขยับรับตามแทบไม่ทันทุกการกระทำเป็นไปอย่างหยาบโลน มือใหญ่เที่ยวเคล้นคลึง ขยำขยี้เนินอกนุ่มเต็มไม้เต็มมือไม่มีถนอมไม่มีผ่อนแรงปากเขาประทับตราตีความเป็นเจ้าของทั่วตัวนาง เน้นหนักตรงยอดถันประดับตุ่มไตชูชัน กัดกระชากไปมาเบาๆอย่างเมามัน ก่อนดูดดุนแรงๆราวจะคั้นเอาเลือดนางออกมาแท่งหินใหญ่ยักษ์ร้อนดั่งถูกเอาไปอังไฟก่อนเสียบเข้ามานั้นสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะแทงโดนจุดที่ทำให้ข้างในเสียวจุกจนเกินจะระงับเสียง"อ๊าา!!"หญิงสาวถึงฝั่งรอบที่สามแล้ว แต่คนด้านบนยังขยับต่ออย่างเอาแต่ใจ ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเสียงครางต่ำของเขากับเสียงหวานใสของนางช่างเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับร่างกายที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวทว่าหัวใจ..กลับไม่เป็นเช่นนั้น"อาา..."ในที่สุด น้ำคาวขาวขุ่นก็ถูกฉีดอัดเข้าไปในช่องสวาทเต็มเหนี่ยว ล้นทะลักออกมาเป
ราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นแค่ห้วงฝันเพียงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ในกระโจมวุ่นวายไปหมด มี่ฮวาวิ่งรักษาทหารอย่างไม่หยุดพัก พยายามทำแผลให้เร็วที่สุด เมื่อเสร็จจากคนในนี้แล้วจึงจะรีบไปหาเขาหวังว่าคราวนี้ จงซีจ้านจะยอมให้นางรักษาจริงๆสักที..''ท่านหมอ คือว่า..''เมื่อมาถึงกระโจมก็พบเข้ากับฮวนเกอซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาดูลำบากใจนิดหน่อยที่จะเอ่ยบอกนาง''ท่านแม่ทัพไม่ให้ข้าเข้าไปอีกแล้วหรือ'' นางถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง''หากไม่ใช่หมอชาย ท่านแม่ทัพไม่มีทางให้จับเนื้อต้องตัวเด็ดขาดเลย ท่านหมอทิ้งยากับผ้าพันแผลไว้ตรงนี้แล้ว.. อะ อ้าว! ท่านหมอ!!''ท้ายประโยคฮวนเกอเสียงหลงทันทีเพราะหมอสาวนางนี้ไม่สนใจคำเขา แหวกผ้าคลุมกระโจมเดินฉับๆเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจใด''ใครให้เจ้าเข้ามา!!"ตามคาด เมื่อเห็นหน้านางโผล่มาเขาจะต้องตะคอกใส่เสียงกร้าวทันที''ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าต้องทำหน้าที่หมอ รักษาท่านให้ดีที่สุด''''ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสตรี! หน้าที่เดียวของเจ้าคือไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!!''''ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ ขออภัยที่ต้องล่วงเกิน''ว่าแล้วมี่ฮวาก็เข้าไปทรุดกายนั่งลงข้า
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส